ตึกของคุณยายเฟยมีสามชั้น มันเพียงพอที่จะให้จิงเฉินและซินเหยาอยู่มากๆ
คุณยายเฟยได้เก็บกวาดห้องนอนสองห้องที่อยู่ติดกันให้พวกเขา และเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้สะอาดใหม่ทั้งหมด ถึงแม้ว่าห้องพวกนี้จะเทียบกับโรงเเรมระดับหกดาวไม่ได้ แต่มันก็รู้สึกอบอุ่นและดูแล้วสบายเอามากๆ ซินเหยาก็รู้สึกพอใจกับบ้านน้อยๆหลังนี้เป็นไหนๆ และจิงเฉินก็ไม้ได้แสดงความไม่พอใจต่างๆออกมาต่อคนแก่เลย
ตอนนี้ก็ถึงช่วงต้นของฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ฟ้าก็ค่อนข้างที่จะมืดเร็วกว่าปกติ
ร่างกายของเขาอยู่ใต้เงาของความมืดสะลัว เพิ่มความน่าค้นหาเป็นไหนๆ แสงไฟที่ใกล้จะมืดค่ำ มันก็ทำให้เขาหล่อขึ้นไปอีก
ปีศาจร้าย……เป็นปีศาจร้ายจริงๆ
คนธรรมดาที่ถึงแม้จะบำเพ็ญมาตลอดทั้งชีวิตก็ยังสู้ปีศาจร้ายที่หล่อเหลาเหมือนเขาไม่ได้ กระดูกเรียวยาวสวยงามที่แสดงออกมาให้เห็นนั้นเป็นพวกปีศาจจริงๆ ปีศาจที่หล่อมากจริงๆ นี่มันไม่ยุติธรรมเอาซะเลย ก็เพราะเป็นแค่ใบหน้าที่หล่อเหลาของจิงเฉินเพียงอย่างเดียว ไม่สนว่าเขาจะมีนิสัยแย่ขนาดไหนก็สามารถที่จะเย้ายวนพวกผู้หญิงให้คุกเข่าขอร้องในความหล่อของเขาได้ ฮีๆ โลกนี้มันไม่ยุติธรรม
อีกอย่างป๊ะป๋าไม่ได้แค่หล่อนะ เขายังรวยอีกต่างหาก ติดอยู่ที่เขาเอาแต่ใจตัวเองไปหน่อย
มันเหมือนกับหนังนิยายรักเรื่อง《ท่านประธานที่เอาแต่ใจตกหลุ่มรักฉัน》ในชีวิตจริงเอามาก การได้กินจิงเฉิน มันเป็นเรื่องที่โชคดีกว่าถูกหวยเป็นล้านเท่า
ซินเหยายืนอยู่ใต้แสงไฟ มองจิงเฉินด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยน้ำฉ่ำๆ สายตานี้ไม่อาจละจากเขาออกไปได้จริงๆ
จิงเฉินเหงยหน้าขึ้นแสดงให้เห็นถึงคิ้วที่ขมวดและมีรอยตีนกาบนหน้าผาก เห็นได้ชัดเจนว่าอารมณ์เขาไม่ได้ดีขนาดนั้น พร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นๆว่า : "คืนนี้กินอะไร? ตอนนี้2ทุ่มแล้ว"
ซินเหยายกมือเช็ดไปที่ปากของตัวเอง ยังดีที่น้ำลายยังไม่ไหลออกมาจากการดูป๊ะป๋าเมื่อกี้
เธอนำเสื้อผ้าที่ซื้อมาให้จิงเฉินใส่ไปในตู้เสื้อผ้าของเขาอย่างเป็นระเบียบ และตั้งสติของตัวเองขึ้น
ใจที่เต้นรัวของเธอไม่ใช่เป็นเพราะความหล่อของป๊ะป๋า เเต่เป็นเพราะเธอลืมเรื่องข้าวมื้อค่ำนี้ไปอย่างสนิทต่างหาก เรื่องนี้จะโทษเธอก็ไม่ได้นะ เพราะตั้งแต่ลั่วหลิงและเข่อหลานได้3ขวบ เธอก็ไม่ต้องกังวลเรื่องมื้อเย็นอีกเลย บางครั้งก็ออกไปทานข้างนอกถ้าไม่ได้จริงๆ
แต่สองวันมานี้สถานการณ์ต่างๆเปลี่ยนไปหมด สมองของเธอก็ยังปรับมาไม่ค่อยทัน เพราะงั้น……แม่เจ้า เธอลืมเรื่องข้าวมื้อเย็นไปหรอ?
ไม่รู้ว่าถ้าเธอบอกจิงเฉินว่าเธอลืมเตรียมข้าวมื้อเย็นและให้กินมาม่าอีกหนึ่งมื้อ โอกาสที่เธอจะโดนจิงเฉินตีตายคามือเขามีแค่ไหนกันเชียว?
"หึหึ……" เธอยิ้มไปแบบเจื่อนๆ และปิดตู้เสื้อผ้าลงอย่างเบาๆ หันหลังมาและเดินไปหาจิงเฉิน ดึงไปที่เสื้อของจิงเฉิน รอยยิ้มมีความเขินอายอยู่ภายใน และพูดอย่างติดๆขัดๆไม่เป็นธรรมชาติกับจิงเฉินว่า : "จิงเฉิน วันนี้ฉันยุ่งมากจริงๆ จึงลืมเรื่องมื้อเย็นนี้ไปอย่างสนิท เอางี้ไหม วันนี้เรากินมาม่าอีกหนึ่งมื้อ พรุ่งนี้ฉันจะทำของอร่อยๆให้คุณเลย ถ้าเกิดคุณไม่ชอบรสครั้งก่อน เราสามารถกินรถเผ็ดเปรี้ยวแซ่บได้ หรือจะเป็นรสต้มยำทะเล รสเห็ดหอมก็ยังได้"
จิงเฉินเพียงแค่มองเธออย่างนิ่งๆไม่ได้พูดอะไรออกมา
รอยยิ้มบนหน้าของเธอมันยิ่งเพิ่มความอายแบบไปไม่ถูกขึ้นอีก จากนั้นจึงเขย่าไปที่แขนของจิงเฉินไปมาและพูดว่า : "จิงเฉิน โอเครไหมมม"
แม่เจ้า เธอพึ่งค้นพบว่าสกิลการแสดงของเธอนี่มันสูงจริงๆ ความแอ๊บแบ๊วเขินอายเมื่อกี้มันเข้ากันมากจริงๆ เป็นสกิลการแสดงที่ไม่อาจมีใครเทียบได้ ตอนนี้เธอรู้สึกขยะแขยงอยากอ้วกกับการแสดงของตัวเองเอามากๆ ถ้าอีกหน่อยเธอไม่มีความอยากจะทำอาชีพออกแบบแล้วล่ะก็ ก็ขอให้ไปหาฉีฉีเพื่อรับบทเป็นนักแสดงเถอะ
แต่ว่าความเขินไปไม่ถูกเมื่อกี้มันมีจริงๆนะ เพราะป๊ะป๋าพึ่งอาบน้ำเสร็จ ตัวเขามีกลิ่นหอมของแชมพูมะละกอลอยมา มันเย้ายวนเอามากๆ บวกกับเสื้อยืดสีขาวท่อนบนที่เธอซื้อให้ ท่อนล่างเป็นการเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้มรัดรูปธรรมดา มันยั่วยวนน้ำลายไหลเอามากจริงๆ
ที่แท้ก็ต้องแต่งตัวดี แต่ประเด็นอยู่ที่เบ้าหน้าต้องดีตามด้วย
"ไม่" จิงเฉินแสดงสีหน้าที่เย็นชาออกมา พร้อมสบัดมือของซินเหยาที่จับอยู่ที่แขนตัวเองออก และพูดอย่างไร้ความรู้สึกว่า : "ถ้าเกิดคืนนี้ผมไม่สามารถกินของที่ผมอยากกินแล้วล่ะก็ ผมก็จะกินคุณแทน"
ป๊ะป๋า ใบหน้าหล่อเหลาของคุณพูดคำที่บ้ากามพวกนี้ออกมา มันดูไม่เหมาะกันเลยนะ
"เกลียดที่สุด ทำไมต้องมาทำให้เค้าตกใจด้วยลาาา" ซินเหยากลืนน้ำลายลงหนึ่งอึก แอ๊บทำเป็นแข็งทื่อและพูดขึ้น
จิงเฉินยิ้มขึ้นอย่างคิดไม่ซื่อและพูดว่า : "ไม่เชื่อก็ลองดู"
แม่เจ้า ดอกบัวอันบริสุทธ์ขาวใสอย่างเธอยังก็ไม่สามารถที่จะโน้มน้าวป๊ะป๋าได้งั้นหรอ? แสดงว่าป๊ะป๋าไม่ได้ชอบดอกบัวบริสุทธ์แอ๊บแบ้วขาวใสงั้นสิ!?
"แม่จ๋า ช่วยหนูด้วย" ซินเหยาไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา เพียงแค่ถอยหลังไปหลายก้าว จากนั้นจึงหันหลังและวิ่งออกไป
วิ่งจากชั้นสองถึงสวนหน้าบ้าน เฮ้ออ อยากด่าที่ตัวเองโง่จริงๆ
เธอก็น่าจะวิ่งเข้าห้องข้างๆที่เป็นห้องของตัวเองและล็อกประตูไว้ก็จบเรื่อง แต่นี่เล่นวิ่งลงมาชั้นหนึ่งเลยหรอ เฮ้อออ ไม่ไหวจริงๆ
ขาของเธอก็ไม่ได้ยาวเท่าป๊ะป๋า จะวิ่งหนีเขาทันได้ไง
สุดท้ายป๊ะป๋าก็ไล่ตามมาอย่างรวดเร็ว อีกอย่างยิ่งวิ่งยิ่งเร็ว
แม่เจ้า แรงม้าขนาดนี้ อยากจะบินไปดวงจันทร์หรือไงกัน?
"ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย จะฆ่ากันแล้ว ช่วยด้วย มีคนจะข่มขืนฉันค่ะช่วยด้วยยยยย!!!!" ซินเหยาวิ่งไปหลบไปและตะโกนไป
แขนที่สุดแสนจะยาวของจิงเฉินในที่สุดก็จับและลากซินเหยาเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของตัวเองไว้ได้สำเร็จ จิงเฉินที่กำลังใช้มือกอดไปที่เอวของซินเหยาเหมือนจะกินเธอเข้าไปอย่างไงยังงั้น มือของเขาที่กอดเอวเธออยู่ก็ทำให้เธอเจ็บจนตาแดงก่ำไปหมด
จิงเฉินบีบไปที่คางของซินเหยา ใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกได้ถามออกมาว่า : "ฆ่าคน? ข่มขืน?"
ซินเหยาใกล้จะร้องไห้ออกมาจริงๆแล้ว เมื่อกี้ทำไมต้องพูดออกไปพล่อยๆแบบนั้นด้วยนะ แววตาเธอตอนนี้ที่มีน้ำใสๆกลิ้งไปกลิ้งมาพูดขึ้นว่า : "เมื่อกี้ฉัน……"
"นังหนูน้อย เธออยู่รึปล่าว?"
เมื่อได้ยินเสียงที่ส่งมาจากข้างนอก เธอดีใจจนแทบจะร้องไห้ออกมาทีเดียว
"อยู่ค่ะ……อยู่ค่ะ" ซินเหยาไม่ได้อธิบายให้จิงเฉินฟังต่อ เพียงแค่หันหัวไปตอบเสียงที่ถามเข้ามาจากข้างนอก
"งั้นฉันเข้าไปล่ะนะ"
"ค่ะ ได้ค่ะ เข้ามาเลยค่ะ"
ซินเหยาปัดมือของจิงเฉินที่กำลังจับอยู่ที่คางเธอลง ตอนนี้คางเธอแดงและเจ็บไปหมด เธอสงสัยว่ามันถลอกแล้วหรือป่าว จากนั้นก็ปัดมือจิงเฉินออกห่าง แต่ปัดออกไม่ไหวเพราะสู้แรงเขาไม่ได้
"อย่าเล่นเป็นเด็กไปเลย มีคนมา จะให้เขามาเห็นสภาพนี้ก็คงไม่ดี เดี๋ยวฉันจะโดนเม้าท์" ซินเหยาพูดกับจิงเฉินด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
จิงเฉินไม่ได้ปล่อยมือที่กอดอยู่ที่เอวของซินเหยาออก แต่กลับกอดเธอแน่นขึ้นไปอีก และพูดว่า : "กล้ามากเลยสินะ คิดว่ามีคนเข้ามาช่วยก็จะไม่สนไม่กลัวผมแล้วหรอ?"
MANGA DISCUSSION