< < 63 Sec1 > >
เกิดเสียงระเบิดขึ้นภายในตัวเมือง ผู้คนรับรู้ถึงภัยอันตรายที่กำลังเผชิญตอนนี้ได้ดีเลยวิ่งหนีกันอลหม่าน
ผมวิ่งตามเสียงระเบิดไป เพียงพริบตาเดียวก็ได้พบเข้ากับอาร์คเดม่อนที่กำลังร่ายเวทมนตร์
อาร์คเดม่อนมีรูปร่างที่เหมือนกับมนุษย์จะต่างกันก็แค่ผิวที่ออกไปทางสีม่วงกับดวงตาที่เลือนแสงตลอดเวลา อีกทั้งพวกอาร์คเดม่อนยังมีปีกที่เหมือนค้างคาวอีก
อาจผิดจากตำนานหรือนิทานไปบ้างที่อาร์คเดม่อนมีรูปโฉมที่น่ารังเกียจ แต่นอกจากใบหน้าแล้วอย่างอื่นก็ตรงตามเรื่องราวปรณัมเป๊ะๆ
พลังเวทย์ที่มหาศาล พละกำลังเหนือมนุษย์ ปีกที่บินเหนือก้อนเมฆและเคลื่อนที่ด้วยความเร็วประหนึ่งสายลม–ทั้งหมดที่มาว่าทำให้อาร์คเดม่อนคือหนึ่งในตัวตนระดับสูงเอาเรื่องของโลกเลย
เป็นศัตรูที่ค่อนข้างแกร่งสำหรับมนุษย์
ผมกระโดดขึ้นกลางอากาศและยื่นมือรวบรวมมานาเข้ากลางฝ่ามือ อาร์คเดม่อนนั้นมีสายตาที่เฉียบแหลมมันรับรู้ถึงกระแสมานาได้หน่อยนึงทำให้จับสัมผัสผมได้
“– [ไฟเยอร์บอล]”
ผมเอ่ยขึ้นพร้อมกับบอลเพลิงที่พุ่งออกไป อาร์คเดม่อนร่ายเวทย์สวนกลับผมด้วยความเร็วสูง
“[วอเธอร์โวเธ็ต]”
เวทมนตร์กระแสน้ำวน มีคุณสมบัติในการดูดกลืนและสวนกลับ จัดว่าเป็นเวทมนตร์ขั้นสูงชั้นยอดชนิดหนึ่งเลย
ตามทฤษฎีแล้วบอลเพลิงของผมจะถูกกระแสน้ำวนของอาร์คเดม่อนดูดกลืนและสวนกลับมา ทว่า—ทฤษฎีนั้นถูกหักล้างด้วยการติดมิติ
“[สะบั้น].. [ระยะทาง]”
บอลเพลิงวาร์ปหายไป และอัดเข้าที่ปีกของอาร์คเดม่อน—ปีกที่ทำให้อาร์คเดม่อนบินเหนือสิ่งมีชีวิตทั่วไปได้ถูกเผาไหม้จนเหี้ยม
“บะ บ้าน่า ทำไมกัน” อาร์มเดม่อนร้องลั่น
ผมไม่รีรอใช้งานเวทย์ลมอ่อนๆมาเป็นที่รองการอากาศให้ตัวเอง และกระโดดอีกต่อพุ่งไปหาอาร์คเดม่อน
อาร์คเดม่อนไม่ยอมให้ผมเข้าใกล้ จึงได้เริ่มร่ายเวทย์บทต่อไป
“[แอลโลว์เฟรม(ศรเพลิง)]”
กระสุนเพลิงพุ่งออกจากปลายนิ้วของอาร์คเดม่อนนับสิบๆลูก เป็นหนึ่งในเวทย์ขั้นสูงที่มีพลังทำลายน้อยแต่รวดเร็ว
“[วอเธอร์โวเธ็ต(กระแสน้ำวน)]”
ทั้งหมดถูกโอบไว้ด้วยกระแสน้ำวน ผมทุ่มพลังของอาร์คเดม่อนกลับคืนโดยง่าย
ร่างของอาร์คเดม่อนถูกกระแสน้ำและเพลิงอัดเข้าใส่จนลงไปดิ้นกับพื้น ทั้งปีกและร่างกายได้รับความเสียหายหนักเอาเรื่อง
ผมพุ่งลงพื้นและยืนอยู่ตรงหน้าอาร์คเดม่อนผู้ถูกโค่น
“เอาล่ะ คุณอาร์คเดม่อนช่วยบอกความเป็นมา–อ๊ะ”
ไม่ทันที่จะพูดจบอาร์คเดม่อนก็จ้วงหัวใจตัวเอง
“เพื่อท่านจอมมาร..ทั้งหมดเพื่อท่านจอมมาร!…..”
และตายไปทั้งอย่างนั้น ..สมกับเป็นอาร์คเดม่อน สมุนผู้จงรักภัคดีต่อจอมมาร สำหรับพวกเขาการตายไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอะไรเลย
เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมในฐานะลูกน้อง
“โทษทีนะ”
กล่าวขอโทษจบผมก็ใช้มือสัมผัสเรื่องของอาร์คเดม่อน และเปิดใช้งานเวทมนตร์ตามติดเลือด
บนฝ่ามือของผมเกิดนกพิราบสีกระจกขึ้นมาราว 9 ตัว
“ตามหาคนที่มีกลิ่นเลือดแบบเดียวกันซะ”
นกพิราบรับคำสั่งเสร็จก็บินออกจากฝ่ามือ โดยมีเป้าหมายเป็นอาร์คเดม่อนอีก 9 ตัว
เท่านี้ก็สามารถระบุตำแหน่งอาร์คเดม่อนทั้งหมดได้
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ และกะจะวิ่งตรงไปวิทยาลัยเวทมนตร์ก่อน แต่จังหวะนั้นแองเจลิน่าและเซบาสเตียนก็วิ่งมาหาผมพอดี
“เรเซอร์ ศพมนุษย์ผู้นั้นคือ..”
“ศัตรูครับ”
แองเจลิน่ามองที่ศพและวินิจฉัยทั้งหมดเพียงเชี่ยววิเดียว
“แบบนี้นี่เอง อาร์คเดม่อนสินะ”
แองเจลิน่ารู้จักด้วยสินะ ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะเธอน่าจะได้ภูมิความรู้ลับจากท่านพ่อมาเยอะในฐาะนะว่าที่ผู้นำตระกูลคน่ตอไป
แม้จะเกิดกึ่งสงครามขึ้นกลางเมือง แต่แองเจลิน่าไม่ได้มีท่าทีตกใจแต่อย่างไรเลย เธอเรียบเฉยและครุ่นคิดทุกเหตุการณ์อย่างชาญฉลาด ยังไงเสียเธอก็เป็นคนที่ผลักผมจากตำแหน่งผู้นำตระกูลได้ด้วยสติปัญญา
“ผมร่ายเวทมนตร์ตามติดใส่พวกอาร์คเดม่อนที่เหลือแล้วครับ คาดว่าอีกไม่นานน่าจะได้ข้อมูลมาครบ แต่ถึงผมได้ไปก็ไม่น่าได้ใช้”
เพราะผมต้องรีบไปดูสถานการณ์และอาการของคนในโรงเรียนโดยเร็ว
“เข้าใจแล้ว จะให้เซบาสเตียนแทนสินะ”
“ประมาณนั้นครับ”
แองเจลิน่ายกมือขึ้นและออกคำสั่งเซบาสเตียน
“หน้าที่ของคุณคือปราบอาร์คเดม่อนทั้งหมดให้เร็วที่สุด ทำไหวรึเปล่าคะ?”
ทำไหว? สู้ถามไปว่าช่วยทำให้ไม่ไหวได้มั้ยดูจะตอบยากกว่าเลยมั้ง
เซบาสเตียนคือหนึ่งในนักดาบขั้นบรรลุเชียวนะ ต่อให้มีอาร์คเดม่อนรุมเขาทีเดียวเป็นสิบยังชนะได้ยากเลย แม้แต่ในหมู่นักดาบขั้นบรรลุเขาก็เป็นนักดาบที่เก่งมากคนหนึ่ง
“แน่นอนครับ กระผมจะทำให้บรรลุโดยเร็ว”
“ดีมากค่ะ ถ้านั้นก็”
ผมส่งมาร์คติดตามให้เซบาสเตียนแทน เซบาสเตียนรับไว้และโค้งศรีษะให้พวกผมทั้งสอง-และเขาก็หายไปอย่างรวดเร็ว
“เรเซอร์ก็ตามพี่มา เดี่ยวพี่จะเริ่มประสาสัมพันธ์รวมคนไว้”
“โทษทีนะพี่ ผมขอตัวไปวิทยาลัยเวทมนตร์ก่อน”
“..น้องจะไม่เป็นอะไรแน่นะ?”
เธอไม่มีทีท่าจะห้ามซะทีเดียว ในใจเธอคงไว้ใจในพลังของผมพอตัวเลย
“แน่นอนครับ”
ผมกล่าวอย่างมั่นใจ—แองเจลิน่ายิ้มให้
“เข้าใจแล้ว อย่าฝืนทำอะไรเกินตัวล่ะน้องรัก”
ผมโบกมือให้แองเจลิน่า และรีบมุ่งหน้าไปวิทยาลัยเวทมนตร์ทันที
****
ตัดมาที่เด็กหนุ่มผู้ไว้ผมมุดจุกไว้อาลัยพี่ตัวเอง .. ‘เรย์’ ได้เข้าปะทะกับอาร์คเดม่อนโดยบังเอิญ
“เวรเอ้ย! ทางนี้แค่จะแวะซื้อของไปทำวิจัยดาบเองนะเว้ย ทำไมจู่ๆถึงมีพวกสัตว์ประหลาดโผล่มาได้เนี่ย!—ฮึย”
เรย์ประดาบกับอาร์คเดม่อนโดยที่เสียเปรียบเล็กน้อย เขาเกือบจะถูกดาบเฉือนคอไปนัดต่อนัดแล้ว
“สำหรับมนุษย์แล้วถือว่าไม่เลว!”
“ขะ ขอบคุณที่ชมละกัน!!”
ดาบเชี่ยวคอเรย์ไปอีกแล้ว ทุกจังหวะการต่อสู้นี้ทำให้เรย์ใจคอไม่ดีแทบตลอดเลย ..เพราะยังไงเสียอาร์คเดม่อนก็เป็นตัวตนขั้นสูงตนหนึ่งของโลก
เรย์กัดฟันกรามแน่น—
“[ดาบประกายแสง]”
“[เค้าเตอร์]”
—ซวยแล้ว!!
ท่าเค้าเตอร์คือหนึ่งในวิชาดาบขั้นสูง มีคุณสมบัติในการรับการโจมตีและสวนกลับไปเท่าตัว เป็นทักษะที่ใช้ได้ยากเพราะเงื่อนไขและสถานการณ์เยอะ แต่ถ้าทำได้มันเป็นหนึ่งในท่าที่ใช้พลิกเกมเลยล่ะ-ดังเช่นที่เรย์จะโดนตอนนี้
ดาบประกายแสงของเรย์ถูกสะท้อนกลับมา อีกไม่นานมันจะเฉือนร่างเรย์จนเกิดเป็นแผลฉกรรจ์ถึงตายได้—-ทว่าก่อนจะถึงเวลานั้นร่างของอาร์คเดม่อนก็ถูกเพลิงอัดเข้าใส่จนเป็นผุยเสียก่อน
ผู้ที่ช่วยเรย์ไว้คือแองเจลิน่าที่ข้างหลังมีเมดสาวสองคนตามมาด้วย ..เรย์อึ้งหน่อยๆแต่ก็ตั้งสติได้เพราะเขาจำได้ว่าแองเจลิน่าเป็นพี่สาวของเรเซอร์
แองเจลิน่าเดินขึ้นไปยืนบนแท่นประชาสัมพันธ์ และเริ่มการกระจายเสียง
“ประชาชนที่เคราพรักแห่งอาณาจักรฟัฟนิร์เอ๋ย โปรดฟัง ตอนนี้อาณาจักรฟัฟนิร์ได้ถูกศัตรูไร้นามจู่โจมเข้า โปรดเกาะกลุ่มกันและรีบเดินทางมายังจุดทำงานของทหารและอัศวินผู้ทรงเกียรติโดยเร็ว เพื่อความปลอดภัยโปรดระวังมนุษย์ตัวสีม่วงที่มีปีกเหมือนค้างคาว ย้ำ ตอนนี้อาณาจักรฟัฟนิร์ได้ถูกศัตรูไร้นามจู่โจมเข้า โปรดเกาะกลุ่มกันและรีบเดินทางมายังจุดทำงานของทหารและอัศวินผู้ทรงเกียรติโดยเร็ว เพื่อความปลอดภัยโปรดระวังมนุษย์ตัวสีม่วงที่มีปีกเหมือนค้างคาว”
กล่าวจบแองเจลิน่าก็ปิดไมค์ และยกมือออกคำสั่ง
“ฉันแองเจลิน่า บุตรสาวคนโตของดยุคดราแคล์ ขอให้ทุกคนที่อยู่ที่แห่งนี้ตามฉันมาและอย่าแตกแถวโดยเด็ดขาด”
ผู้คนที่เมื่อสักครู่วิ่งหนีตายกันพากันหยุดเดินเมื่อได้ฟังเสียงของแองเจลิน่า ทุกคนทำตามที่แองเจลิน่าสั่งทุกอย่างโดยง่าย ..เรย์ยืนจ้องแองเจลิน่าโดยความทึ่ง
“สุดยอดทั้งพี่ทั้งน้องเลยแฮะ”
เรย์บ่นพึมพำคนเดียว ระหว่างนั้นแองเจลิน่าก็เดินมาหาเรย์ตรงๆ
“ขอยืมแรงเธอหน่อยนะ”
เมื่อครู่นี้แองเจลิน่าได้เห็นฝีดาบของเรย์แล้วเลยรู้ดีว่าเรย์เป็นประโยชน์
“..ขอโทษนะครับ ผมต้องรีบไปหาเพื่อนน่ะ”
เรย์ตอบปฎิเสธทันที แองเจลิน่าพยักหน้ารับ
“เข้าใจแล้ว ไม่ได้บังคับอะไรหรอก”
“ขอโทษด้วยนะคุณพี่สาวเรเซอร์ ขอตัวก่อน”
เรย์โค้งศรีษะให้ด้วยความเคราพโดยไม่รู้ตัว และรีบวิ่งตรงไปวิทยาลัยเวทมนตร์
แองเจลิน่าแหงนหน้ามองฟ้าและบ่นอุบอิบ
“เด็กวัยนี้เนี่ยติดเพื่อนจังเลยนะ”
****
ยูจิลงไปคลุกกับพื้นอย่างหมดรูป ..ทั้งหมดเกิดเพียงการสวนหมัดกันครั้งเดียวเท่านั้น
เบลลามีตะลึงเธอจ้องการ์ปไม่วางตา
“..เมื่อกี้นี้..คืออะไร”
“–เห็นด้วยเหรอ?”
เบลามีพยักหน้าตอบโดยที่มีสีหน้าไม่สู้ดีนักในสถานการณ์วิกฤต
“คนธรรมดาไม่มีทางเห็นวิญญาณระดับเทพได้ ..แกเป็นใครกันแน่ ผู้แข็งแกร่ง? ผู้ถูกเลือด? หรือข้อยกเว้น? ไหนพล่ามอธิบายมาซะ”
“..ไม่ใช่ทั้งสาม”
“ถ้าแกไม่ใช่ทั้งสามสิ่งก็ไม่มีทางเห็นมันได้ ถ้าอย่างนั้นก็–ข้อผิดพลาด? รึเปล่านะ ยังไงก็ช่าง ฉันไม่คิดจะหาไขปริศนาจากคนตายอย่างพวกแกหรอก”
ว่าอีกอย่างคือ คนที่จะต้องตายในอนาคตดั่งเบลลามีน่ะ รู้ความลับไปก็เท่านั้น
“ระวังตัวด้วยครับคุณเบลลามี”
ยูจิเร่งพยุงร่างตัวเองขึ้นมาช้าๆ
“ก่อนจะบอกให้คนอื่นระวังตัว เอาตัวเองให้รอดก่อนดีมั้ยหะ?”
“ย๊ากกกกก!!!”
ยูจิไม่สนทนากับการ์ป เขาพุ่งตัวและเหวี่ยงหมัดสุดแรงเกิด การ์ปปัดหมัดยูจิออกง่ายๆ–ยูจิไม่รอช้าม้วนตัวและปล่อยเวทมนตร์ที่รวบรวมมานาไว้เมื่อสักครู่
“[ไฟเยอร์บอล]”
บอลเพลิงที่ทั้งรุนแรงและใหญ่กว่าปกติพุ่งเข้าใส่การ์ป เป็นการยากที่จะรับมันไว้..ควรเป็นอย่างนั้นน่ะนะ
การ์ปใช้นิ้วชี้แตะบอลเพลิงและยกมันขึ้นเหนือหัว
“มีแค่นี้?”
“..ไม่จริงน่า—-คะ คุณเบลลามีรีบหนีไป!!”
ยูจิรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าอันตราย ต่อให้สู้ยังไงก็ไม่มีทางชนะการ์ปได้ เขาจึงรีบบอกให้เบลลามี และกะจะถ่วงเวลาไม่ให้การ์ปตามได้ทัน แต่ทั้งหมดก็ผิดแผนไปหมดเพราะอำนาจของการ์ปในตอนนี้
“..เราขยับตัวไม่ได้”
เบลลามีไม่สามารถขยับร่างตัวเองได้ ตอนนี้สิทธิ์ในการควบคุมร่างกายได้ถูกชิงไปเรียบร้อย
“…การ์ป..คุณทำอะไร..น่ะ”
ยูจิมองทางการ์ปด้วยแววตาที่สิ้นหวัง—-พร้อมกันนั้นการ์ปก็ปล่อยเสียงระเบิดหัวเราะออกมา เขาหัวเราะไม่หยุด แลดูจะมีความสุขมากกว่าครั้งไหนๆในชีวิต
“การ์ป!!!!”
“หุบปาก”
ร่างของยูจิลงไปทรุดกับพื้นเช่นเดียวกับเบลลามี แขนขาไร้แรงเสมือนถูกช่วงชิง การควบคุมของยูจิถูกชิงไปแล้วเช่นเดียวกัน ..ในหัวของทั้งสองผุดเครื่องหมายคำถามมาเป็นสิบๆ
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าคราวก่อนฉันจะแพ้แก แพ้ให้ไอ้กากอย่างแกเนี่ยนะ ขอทีเถอะ …ยังไงซะ อดีตก็เป็นได้แค่อดีต”
การ์ปนำเท้ามาวางไว้บนหัวของยูจิ เขาขยี้หัวของยูจิด้วยฝ่าเท้าอย่างมีความสุข
“คนแบบแกน่าจะตายๆไปซะให้จบ เพราะแกเลยทำให้ชีวิตของฉันมันพังไม่เป็นท่า ..ไม่ใช่แค่แกคนเดียวด้วย พวกเพื่อนของแกทุกคน ไอ้สารเลวทุกคนฉันจะฆ่าทิ้งให้หมดเลยคอยดู! รู้มั้ยว่าเพราะแกครอบครัวของฉันเลยโดนกวาดล้าง ทั้งหมดมันเริ่มมาจากการเสแสร้งเป็นคนดีของแกที่ทำให้ฉันหมันไส้ มันเป็นเพราะแก เป็นความผิดของแกทุกคน!!!”
การ์ประบายเรื่องในหัวออกมาโดยการด่าถอด้อยค่า และใช้ความรุนแรง
“รู้มั้ยไอ้ไร้ค่า ฉันน่ะคือผู้ใช้วิญญาณระดับเทพล่ะ รูปแบบพลังที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลก พลังที่อย่างมากก็มีแค่ 18 คนได้ครอบครองในแต่ล่ะยุคสมัย พลังของผู้ถูกเลือกไงเล่า!…ด้วยพลังนี้ฉันจะอยู่บนจุดสูงสุด จะสามารถมีชีวิตที่ดีได้เหมือนแต่ก่อน-ไม่สิ ยิ่งกว่าแต่ก่อนอีก ฉันสามารถมีความสุขได้มากกว่าสมัยก่อน จะกดหัวใครก็ได้ อยากได้อะไรก็จะได้ ทุกอย่างหมุนรอบตัวฉันคนนี้ ..โลกใบนี้หมุนรอบผู้แข็งแกร่งอย่างฉัน”
..วิญญาณระดับเทพ..คำพูดของเรเซอร์ลอยเข้ามาในหัวยูจิอีกแล้ว
เกี่ยวกับวิญญาณระดับเทพ บางที อาจมีความเกี่ยวข้องกับยูจิก็เป็นได้
“พวกแกเป็นแค่เศษสวะสามัญชนก็อยู่แบบสามัญชน อย่าริอาจยกตัวมาเทียบกับขุนนาง และฉันที่เป็นผู้แข็งแกร่ง..สถานะของแกน่ะไม่ต่างจากสัตว์เลี้ยงหรอก คุณค่าของแกไม่แค่นี้ไม่มีทางขึ้นมาสูงได้ จำใส่สมองไว้แล้วตายซะ ..ตายไปซะ!”
การ์ปเวลานี้ไม่ต่างอะไรกับคนเสียสติโดยไร้เหตุผล ..มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ?
“..ไม่…หยุดนะ”
เบลลามีร้องห้าม ยูจิข่มตาหลับลง
“หยุด? สั่งกัน? ..แกเองก็เป็นสามัญชนนี่นา เบลลามี แกก็ด้วย ชีวิตฉันมันพีงเพราะแกด้วยเหมือนกัน”
เบลลามีไม่เข้าใจว่าการ์ปพล่ามอะไร เธอได้แต่ส่ายหัวไปมา
“เริ่มจากแกคนแรกละกันเบลลามี ถ้าแกตายไอ้บ้านั่นคนโกรธน่าดู ..อยากจะเห็นรีแอ็คชั่นแล้วสิ แค่คิดก็ตัวสั่นแล้วสิ”
การ์ปเปลี่ยนเหยื่อรายแรกจากยูจิมาเป็นเบลลามีแทน
“เอาล่ะ 3 2 1 ตายซ—-”
การ์ปถูกเชยคางจนเสียสติวูบไปกระแทกพื้น
“ประมาทไปแล้ว”
ลูซี่คือผู้ที่เชยคางการ์ปจนสลบ เขาโผล่มาโดยไร้เสียง และส่งการ์ปลงไปคลุกพื้นโดยง่าย
“ปลอดภัยดีนะครับ ตอนนี้การควบคุมน่าจะถูกคลายแล้ว”
“ครับ..เอ่อ คุณรู้หรือครับว่าเมื่อตะกี้มัน”
ยูจินึกสงสัยในคำว่า ‘วิญญาณระดับเทพ’ เขาจึงเอ่ยถาม ลูซี่ลูบคางพลางแหงนหน้ามองฟ้า เหมือนจะคิดว่าอธิบายยังไงดีอยู่
“เรื่องมันยาวครับ เอาเป็นว่ามันคือพลังที่มากพอจะฆ่าจอมมารหรือมหามังกรละกันครับท่าน”
มากพอจะโค่นจอมมารหรือมหามังกร?
“แน่นอน ตัวผู้ใช้ส่วนใหญ่สเป็คจะต่ำเกินกว่าพลังนั้นเพราะความยะโสในพลัง ดั่งเช่นท่านผู้นั้นที่นอนสลบ”
ยูจิลุกขึ้นพร้อมกันกับเบลลามี พวกเขาส่งสายตาระแวงมาทางการ์ปที่นอนสลบในท่าโก่งตูด
“เอาล่ะ ท่านทั้งสองโปรดวิ่งออกไปทางซ้ายซะ ข้าเห็นว่ามีสหายของพวกท่านเรียกรวมพลอยู่ รู้สึกจะชื่อไอริส รีบไปเถอะครับ ไม่นานคู่ต่อสู้ของทางผมน่าจะตื่นมาเริ่มยกสองกันแล้ว”
ไอริสหรือหัวหน้าคณะกรรมการนักเรียนคนปัจจุบัน
“เข้าใจแล้ว ..นายล่ะลูซี่”
“ผมต้องเคลียร์กับชายที่นอนสลบก่อนครับ ..ไม่ต้องห่วงไปครับท่าน เห็นแบบนี้แต่ครั้งหนึ่งผมเคยเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่แกร่งที่สุดเชียวนะครับ”
แกร่งที่สุด? ลูซี่น่ะหรือ? แกร่งที่สุดที่ว่าหมายถึงทัดเทียมจอมมารเหรอ?
“รับทราบความจริงแล้วก็ไปเถิด ที่เหลือข้าจัดการเอง”
“อือ ..ฝากด้วยนะ”
‘ฝากด้วยนะ’ รึ
ลูซี่ถูคางพลางหวนนึกถึงนายเหนือหัวของตนเอง ..ฝากด้วยนะ เป็นหนึ่งในประโยคที่ท่านนายเหนือหัวพูดมาทุกครั้งเวลามอบงานให้ใคร แน่นอนมันเป็นเพียงคำพูดธรรมดา แต่–ใบหน้าของเบลลามีที่พูดคำๆนี้ออกมามันทำให้เขาหวนนึกถึงนายเหนือหัวอย่างเลี่ยงไม่ได้
คล้ายกันจนน่าขนลุกเลย
“รับทราบ”
ยูจิและเบลลามีออกวิ่ง ส่วนลูซี่ก็หันหลังกลับมาเผชิญหน้าการ์ปที่ลุกขึ้นมาต่อ
“..ทำได้แสบจริงนะแก ..ทำฉันผู้ถือครองวิญญาณระดับเทพได้แบบนี้เนี่ย ต้องขอชม”
“ว่าตามเนื้อผ้า ข้าแค่เดินไปเชยคางท่านเองนะ เล่นเปิดส่องโหว่ซะขนาดนั้น ข้าไม่กระโดดถีบคอก็บุญแล้วนะท่าน”
“หนวกหู!! แกเก่งพอตัวนี่ สักเชี่ยวหนึ่งของฉันละกัน ต้องเอาจริฝซะแล้ว หึๆ พอเอาจริงแล้วแกก็จะแพ้ ไม่มีทางแม้แต่จะจับตัวฉันได้!!!!”
“ขี้คุยจริงนะท่านน่ะ ทางนี้ขอยอมรับเหมือนกันที่ทำถึงขนาดให้วิญญาณระดับเทพยอมรับได้ เพียงแต่–ภายใต้ความสำเร็จนี้คงมีอุบายน่าละอายใจอยู่แน่นอน เพราะคนเช่นท่านมันไร้คุณสมบัติที่เหล่าวิญญาณสุดแกร่งจะยอมรับ หาใช่พลังหรืออำนาจ หากแต่เป็นจิตใจที่มิได้สอดคล้องไปกับวิญญาณคู่หู”
“อย่ามาพล่ามไร้สาระให้มันมาก ไม่ว่าจะด้วยวิธีอะไรฉันก็ได้พลังมาครอง ..พวกคนแก่ที่ยืดแต่ขนบธรรมเนียมหรือจิตวิญญาณไร้สาระน่ะโคตรจะโลกสวย”
“จิตใจที่กล่าวไม่ใช่คุณงามความดีนะท่าน ข้าหมายถึงจิตวิญญาณแรงปารถนาเช่นเดียวกับวิญญาณระดับเทพ ..บางท่านในอดีตต้องการจะไปให้ไกลยิ่งกว่าใคร บางท่านในอดีตต้องการความรักยิ่งกว่าใคร บางท่านในอดีตต้องการทำลายยิ่งกว่าใคร กลับกัน ทางท่านน่ะว่างเปล่า ความปารถนาในอกเวลานี้เป็นเพียงสิ่งจอมปลอมที่ใช้ปลอบใจตัวเอง ..อย่างท่านน่ะมากสุดก็เป็นได้แค่ตัวหมากในเกมกระดานของใครสักคน”
“หนวกหู”
การ์ปไม่คิดฟังอะไรต่อแล้ว เขาถ่ายมานาไปให้วิญญาณระดับเทพของตัวเอง และระเบิดพลังออกมา รอบๆตัวมีออร่าคลื่นพลังที่มหาศาลคล้ายแรงกดอากาศ
“เอาล่ะ!!!! พร้อมแล้ว! ทางนี้ขอจัดเต็ม! ในเมื่อพร้อมแล้วก็ตา—”
ลูซี่พุ่งมาขยี้หน้าการ์ปหนึ่งที ตามด้วยแทงเข่าใส่จนต้องลงไปจูบพื้นอีกรอบ
“..บ้าน่า..ไม่จริง..ทำไมแกถึงฝ่าเขตุแดนของฉันคนนี้มาได้กัน..เมื่อตะกี้มันพลังของวิญญาณระดับเทพเชียวนะ”
“บอกรายละเอียดพลังมาสิครับ ข้าจะได้ช่วยอธิบายให้ฟัง”
“อย่ามาพูดบ้าๆนะ ใครจะเผยความลับให้ศัตรูรู้กัน”
ลูซี่หยักไหล่ให้ การ์ปใช้จังหวะนั้นลุกขึ้นมาอีกครั้ง
“..ฉันคนนี้คือผู้ใช้วิญญาณระดับเทพ เป็นหนึ่งในคนที่อยู่จุดสูงสุดของโลก ..ไม่มีทางแพ้ให้กับแกหรอก”
“จุดสูงสุดของโลก? น่าขัน”
“ไม่จริง ฉันคือผู้ถูกเลือก ..ฉันถูกวิญญาณระดับเทพเลือก!”
การ์ปพยายามพูดปลอบใจตัวเอง พยายามสุดความสามารถเพื่อเพิ่มความมั่นใจในตัวเองให้มากพอจะเข้าไปซัดกับลูซี่อีกครั้ง
“ฮึ ฮึ ทั้งวิญญาณระดับเทพเอย ทั้งจุดสูงสุดของโลกสิเอย ..น่าขันอยู่ดี”
“หมายความว่ายังไง”
“..ผู้ที่อยู่จุดสูงสุดของโลกคือจอมมารต่างหากล่ะ ท่านอย่าบังอาจเอาตัวเองมาทัดเทียมกับจอมมารเด็ดขาด ถ้าหากว่าไม่ล่ะก็ ข้าคนนี้ ‘ลูซิเฟอร์’ ความเย่อหยิ่งแห่งจอมมารจะเป็นส่งท่านกลับคืนสู่วัฐจักรธรรมชาติเอง”
จิตสังหารพวยพุ่งออกมาจากลูซิเฟอร์ เวลานี้การ์ปรับรู้ได้ถึงความตายดีกว่าใครๆ
“ลูซิเฟอร์? ..จอมมาร? ..ละ แล้วมันจะทำไมวะ! ทั้งจอมมารและปีศาจแห่งความเย่อหยิ่งก็เถอะ แล้วมันจะทำไม!!? ฉันคือผู้ครอบครองพลังที่แข็งแกร่งที่สุด พลังที่ครั้งหนึ่งอยู่บนจุดสูงสุดของโลกเชียวนะเฟ้ย!!”
“ไม่ว่าจะยุคสมัยใด จอมมารคือจุดสูงสุดของความชั่วร้าย ท่านคือจุดสูงสุดที่แท้จริง การวิวัฒนาการณ์ขั้นสูงสุดของสิ่งมีชีวิตทั้งปวง ตัวตนที่เป็นข้อผิดพลาดประการแรกของโลก ตัวตนที่เกิดมาเพื่อสะบั้นกฎของโลก—ท่านคือผู้ที่จะทำลายโลกใบนี้ และสร้างโลกใบใหม่ อย่าบังอาจยกตัวเองเหนือกว่าท่านผู้นั้นเด็ดขาด—ไอ้หนู”
ลูซิเฟอร์เปลี่ยนคำแทนการ์ป เขาสบถออกมาด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิดและแววตาที่อยากจะฆ่าคนเต็มแก่ สำหรับเขาแล้วเรื่องที่ทำให้โกรธที่สุดไม่ใช่เรื่องโดนดูถูกแต่อย่างไร แต่เป็นเรื่องที่มีเด็กเปรตคนหนึ่งคิดยกตัวเองมาทาบกับจอมมารผู้เป็นนาย
“จะฆ่าแก—-ฉันจะฆ่าแก!!!” การ์ปตะโกนแหกปากอย่างเสียสติ
การ์ปและลูซิเฟอร์วิ่งเข้าใส่กันและออกหมัดออกพร้อมๆกัน ตามปกติการ์ปไม่ควรจะแลกหมัดกับลูซิเฟอร์ไหว ทว่าการ์ปสามารถหักล้างได้ด้วยพลังวิญญาณระดับเทพของเขา ..พลังที่มีชื่อว่า ‘—–’ น่ะ
หมัดทั้งสองปะทะกันและทำให้ตึกถึงกับถล่มลงมา—ทั้งสองแลกหมัดกันไม่หยุด ทุกจังหวะหมัดทำให้เกิดคลื่นสะท้อนทำลายพื้นที่โดยรอบ
การ์ปเวลานี้เองก็ใช่ว่าจะอ่อนแอถึงขนาดที่เป็นคู่มือให้ปีศาจแห่งความเย่อหยิ่งที่มีพลังเหลือเพียง 1/10 ไม่ไหว—-ว่าง่ายๆคือ การต่อสู้นี้สูสีได้ด้วยพลังของวิญญาณระดับเทพ
….
MANGA DISCUSSION