เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 353
< < 217 Sec3 > >
ภายในการต่อสู้ระหว่าง ปีศาจมหาบาปกับอาร์คเดม่อน และทูตสวรรค์กับเผ่าพันธ์บนสวรรค์ รวมถึงคนนอกที่เข้ามาร่วมต่อสู้ด้วย
ความโกลาหลปรากฏกลางสนามรบ ในหลางๆฟากหลายฝั่ง
การต่อสู้กันระหว่างหนิงและมิคาเอลที่สร้างความเสียหายให้กับทั้งสองฝ่ายอย่างมหาศาล และการปะทะกันของลิเวียธานและราฟาเอล ประกายแสง สี เสียง และเปลวเพลิงปะทุขึ้นนับครั้งไม่ถ้วนขณะที่การต่อสู้ดำเนินไป
เรย์ คามาเลีย ถือดาบมังกรเหล็กวิ่งฝ่ากองทัพ เข้าต่อสู้ทั้งกับอาร์คเดม่อน และกับเผ่าพันธุ์บนสวรรค์ ประกายดาบโบดสะบัดไปมาท่ามกลางความวุ่นวาย
วิชาดาบจันทร์เสี้ยว ทำให้ไม่มีใครหน้าไหนสามารถสร้างบาดแผลให้แก่เรย์ได้ ต่อให้เหล่าอาร์คเดม่อน กับเผ่าพันธ์บนสวรรค์จะเป็นปีศาจระดับสูงที่มีฝีมือทัดเทียมกับทหารยอดฝีมือในอาณาจักรมหาอำนาจก็ตามที
“[จันทร์เสี้ยวย้อนกลับ]!”
“อั้ก!!”
เรย์สะบั้นร่างของอาร์คเดม่อนตนจนเจ็บหนักลงไปนอนคาพื้น จากนั้นก็วิ่งเข้าใส่เผ่าพันธ์จากบนฟ้าและเหวี่ยงดาบสร้างบาดแผลขนาดใหญ่ให้ จากนั้นก็เตะร่างนั้นจนล้มลงไปกองกับพื้น
“แฮก ..แฮก ..เหนื่อยชะมัดเลยนะ ..สงครามโหดร้ายเป็นบ้า ร้อนก็ร้อน ศัตรูยังรอบทิศอีก–”
สเก็ดเปลวเพลิงสีชมพูพุ่งมาทางนี้ เรย์ถีบตัวหลบ
“–ฮึบ! เกือบไปแล้วไง กะอีแค่พลังลูกหลงก็เล่นคนตายได้บาน ..ยัยหนิงตอนนี้ก็สู้ไม่สนใจใครเลยด้วย ไม่สิ”
เพราะคู่ต่อสู้คือมิคาเอลต่างหาก–ขึ้นไปบนฟ้า
มิคาเอลยืนอยู่บน ‘บังลังค์แห่งราชาผู้พิชิต’ ซึ่งสร้างมาจากสกอล์ฮาติ สิ่งนี้ทยานขึ้นไปบนท้องฟ้า บินเลี้ยวซ้ายขวาไปมา เพื่อหลบหลีกเปลวเพลิงสีชมพูที่ไล่ตามมาพร้อมกับหนิง ภายใต้ ‘อาภรณ์เทพมังกร’ ‘ซุนดาระ’ อาภรณ์ของเทพีผู้งดงาม
“จงออกมา [ดาบแสงแห่งดวงดารา]-[อัสโตรเฟย์]”
เธอเรียกเอาดาบยักษ์แห่งจักรวาลและดวงดาราออกมา ทันทีที่สิ่งนี้ปรากฏ เปลวเพลิงสีชมพูก็ไม่อาจมาถึงตัวของมิคาเอลได้ เพียงแค่คลื่นที่ส่งออกมาจากดาบ เพลิงมหามังกรก็ถูกแยกออกจากกัน
“ยัยผู้หญิงกินบุญเก่าผัวตัวเอง!!”
หนิงถีบตัวเองเข้าใส่มิคาเอล ห่อหุ้มตัวเองด้วยเพลิงสีชมพูสลับกับเพลิงมหามังกรปกติ
“ชิ!”
สามารถแยกได้แค่ทีละอำนาจ การที่หนิงใช้ทีเดียวสองอำนากจ็ทำให้ความอันตรายของอัสโตรเฟย์ลดลงไปอย่างมหาศาล มิคาเอลตัดสินใจตั้ง [เช็ต] อัสโตรเฟย์ไว้บนฟ้าให้ลอยไปตามตัวเอง อย่างน้อยการมีอยู่ของมันก็จะทำให้อำนาจใดอำนาจหนึ่งของหนิงไม่อาจทำอะไรเธอได้ จากนั้นก็ดีดนิ้วเรียกเอา [พูเรียสม่า] มณีวิญญาณออกมา
“ย๊ากกก!!!”
หนิงปล่อยสองอำนาจมหามังกรเข้าใส่ ด้วยอำนาจของอัสโตรเฟย์ จึงทำให้เพลิงสีชมพูสลายไป เหลือเพียงแค่เพลิงมหามังกร มณีวิญญาณเปลี่ยนร่างไปเป็นโล่ยักษ์ที่มีรูปทรงเหมือนกับโล่ของเกรลในร่างอาภรณ์เทพมังกร
ปรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! การโจมตีของหนิงนั้นเปล่าประโยชน์ เพลิงมหามังกรไม่อาจฝ่ามณีวิญญาณมาได้
มณีวิญญาณ ‘พูเรียสม่า’ มีพลังในการเปลี่ยนร่างไปเป็นอะไรก็ได้ แม้ประสิทธิภาพจะไม่มีทางเท่ากับของจริง แต่แก่นแท้ของอำนาจก็ยังคงอยู่ ทำให้เพลิงมหามังกรที่สามารถเผาผลาญมานาได้ทำได้เพียงแค่หักล้างกับโล่เลียนแบบแก่นแท้ของมหามังกรเกรลอย่างสมบูรณ์
“อ๊ะ!!”
มิคาเอลแสยะยิ้ม และบินเข้าใส่หนิง–พร้อมกับคว้าอัสโตรเฟย์มาฟาด—ดาบทะลุผ่านอำนาจมหามังกร และอัดเข้าที่กลางร่างของหนิง หนิงเสียการควบคุม และล่วงหล่นสู่พื้น
“อึก—พลังมัน”
“ประมาทไปนะ มหามังกรปลอม”
มิคาเอลบินตามลงมาบนบังลังค์ เธอเก็บอัสโตรเฟย์เข้ากระเป๋าเวทมนตร์ ก่อนจะเปลี่ยนร่างของมณีวิญญาณเป็น ‘คันธนู’
“หลับไปสักสิบนาทีซะ”
กล่าวจบเธอก็ง้างคันธนู และยิงด้วยศรวิญญาณเข้าใส่หนิง
“โธ่เว้ยยยยย—”
วินาทีก่อนที่ศรวิญญาณจะเข้ามาทำลายหนิง โล่สีขาวก็พุ่งมาปัดป้องการโจมตีเอาไว้
“หา?” มิคาเอลหลุดโพล่งขึ้นอย่างหงุดหงิด
ร่างของหนิงกระแทกเข้ากับพื้นอย่างจัง เธอกลิ้งไปมาตามพื้นพลางร้องอวดครวญ ถึงจะมีร่างกายที่แข็งแกร่งแค่ไหน แต่การตกลงมาจากที่สูงในท่านี้มันก็เจ็บไม่ใช่น้อย
“จ๊ากกกกก เจ็บๆๆๆๆ”
“ฮิๆๆๆ เจ็บใช่มั้ยล่ะ รับรู้ไว้ซะนะสาวน้อย นี่แหละรสชาติของผู้ใหญ่”
“เจ็บ …หืม?”
ด้วยความบังเอิญ หนิงล้มลงมากองกับพื้นข้างกันกับ ‘อังเฟกอร์’ โลลิโนตม ปีศาจมหาบาปผู้เกียจคร้าน
อังเฟกอร์นอนอยู่บนใบไม้ลอยได้ และกระพริบตาให้กับหนิงผู้มาเยือน
“หวัดดี?”
“เช่นกันค่า”
หนิงลุกขึ้นด้วยอาการงงๆ อังเฟกอร์ไม่ได้มีท่าทีตั้งตัวเป็นศัตรูหรือคิดจะเข้าสู้กับเธอเลย ทั้งๆที่ตามสถานการณ์แล้ว ไม่ว่าจะฝั่งจอมมารหรือทูตสวรรค์ก็ต้องหมายหัวหนิงไว้ก่อนแท้ๆ
ระหว่างที่หนิงกำลังงงๆอยู่ มิคาเอลก็ลอยลงมาด้วยปีกของทูตสวรรค์ ทันทีที่เธอสบตากับอังเฟกอร์ วาจาหยาบคายก็ทะลุมาจากปาก
“ยังไม่ตายอีกเหรอคะ?”
“ไว้อีกสักร้อยปีเถอะน้า”
“ชิ ..รออะไรอยู่ล่ะคะ? รีบๆฆ่านังนั่นซะสิ นานๆ ที ขี้ข้าชั้นเลวอย่างเธอจะได้ทำประโยชน์บ้างเสียที เป็นเรื่องที่น่ายินดีสุดๆไปเลยไม่ใช่หรือคะ”
อังเฟกอร์ได้ยินก็หัวเราะแห้งๆ
“หนิงใช่หรือเปล่านะ คือว่านะ มาร่วมมือกันชั่วคราวเถอะนะคะ อือ อย่างที่เห็น มิคาเอลคือตัวขี้โกง จะให้หนึ่งต่อหนึ่งด้วยไม่น่าจะไหว เพราะอย่างนั้นมาร่วมมือกันเถอะ ที่เขาเรียกว่าเพื่อนหญิงพลังหญิง ถึงจะแค่ชั่วคราวก็เถอะน้า”
“หา? นังนั่นกระโดดถีบพวกพ้องของเธอตายไปตั้งกี่คนแล้ว จู่ๆมาร่วมมือกันเนี่ยนะคะ”
“ถ้าอาร์คเดม่อนไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกนะคะ พวกเขาไม่ได้ตายจริงๆหรอกเน้อ อีกสักพัก อ่า สักสองชั่วโมงเดี่ยวก็ทยอยฟื้นคืนชีพกันมาเอง อีกอย่างให้สู้กับมิคาเอลตัวคนเดียวนี่ขอเถอะนะ เนอะ?”
อังเฟกอร์ส่งซิกให้หนิง หนิงทำอะไรไม่ถูกก็ยกนิ้วโป้งตอบ
“ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ถ้าได้เปรียบก็เอาค่ะ!”
“เป็นอันดิลเนอะ ชัยโย~”
“พวกชั้นต่ำรวมกลุ่มกันจะทำอะไรได้นอกจากเห่า”
มิคาเอลสะบัดมือ ยิงประกายแสงศักดิ์สิทธิ์เข้าใส่อังเฟกอร์ เธอตอบโต้ง่ายๆโดยการขยิบตา เพียงแค่นั้นโล่ป้องกันสีขาวก็เข้ารับการโจมตีทั้งหมดเอาไว้
โล่สีขาวนั่นมัน ..โล่ปริศนาที่ช่วยหนิงเมื่อก่อนหน้านั้นนี่นา เห็นอย่างนั้นหนิงก็หัวเราะออกมา ก่อนจะเรียกเปลวเพลิงสีชมพูเข้ามาปกคลุมร่างอีกครั้ง
“[อาภรณ์เทพมังกร]-[ซุนดาระ]”
อาภรณ์เข้าปกคลุมร่างของหนิง เธอโบกสะบัดปลายผ้าไปตามจังหวะ ประหนึ่งพิธีร่ายรำ
“ถึงจะแค่ช่วยคราว แต่ขอบคุณค่ะ อังเฟกอร์ แล้วก็ขอโทษที่สร้างความวุ่นวายให้ด้วย”
“เช่นกันจ้า ~ ”
มิคาเอลเห็นแล้วก็ถอนหายใจ เธอยกมือขึ้นมาเรียกประกายแสง—
****
KY HOPE พุ่งเข้าไปแลกหมัดกับลูซิเฟอร์อย่างดุเดือด
ตุ้มๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!! เสียงกระแทกของโลหะ และเนื้อหนังดังสั่นไปทั่วทั้งป่า
ด้วยอำนาจแห่งความเย่อหยิ่ง ทำให้ลูซิเฟอร์สามารถยกระดับพลังกายตัวเองขึ้นมาชนหมัดกับเคียวยะได้โดยตรง หากเป็นตามปกติ มือทั้งสองข้างควรจะแหลกเหลวเป็นเพียงเศษเนื้อ
“พลังกายในชุดนี้มากกว่าข้าอีกนั้นรึ–เก่งทางลัด ไม่ใช่วิถีทางที่วิเศษสักเท่าไหร่นะท่าน!!”
“ฉันจะคว้าทุกอย่างเอาไว้ และไม่ปล่อยให้มันหลุดไปไหน เรื่องมันก็แค่นั้น”
ทันทีที่อำนาจมหาบาปหมดลง หมัดของเคียวยะก็ทะลุผ่านมือของลูซิเฟอร์เอาง่ายๆ แขนของลูซิเฟอร์บิดไปคนละทิศกับที่ยื่นไป
“เจ็บสุดๆไปเลยนะท่าน”
“มีให้เจ็บมากกว่านี้อีก”
“[เกลียวมรณะ]”
ลูซิเฟอร์เหวี่ยงแขนอีกข้าง พร้อมกับเกลียวสีดำที่หมุนอัดใส่–เคียวยะใช้มือเปล่ารับไว้ตรงๆ
การใช้มือเปล่ารับเวทมนตร์โจมตีระดับสูงคือเรื่องที่โง่เขลา ลูซิเฟอร์จะเป็นฝ่ายชนะในการแลกกันครั้งนี้ ทว่าผลลัพธ์กลับไม่ใช่อย่างนั้น วินาทีที่เกลียวเฉียดเข้ามา มันก็ถูกดูดกลืนไปโดย HOPE แสงสีม่วงที่ส่องสว่างเข้ากลืนกินการโจมตีของลูซิเฟอร์
“แย่แล้–”
พร้วดดด!!!!!! ลูซิเฟอร์ถูกต่อยเข้าที่เบ้าหน้า จนคอหมุนไปสามร้อยหกสิบองศา หัวแทบจะหลุดออกจากร่าง แต่รอดไปที่ลูซิเฟอร์สามารถจับหัวเอาไว้ไม่ให้ปลิวได้ทัน จากนั้นเจ้าตัวก็กระโดดถอยหลังมาร่าย [ฮิล] ให้ตัวเอง
“เกลียวมรณะคือเวทมนตร์โจมตีระดับสูงที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าเวทมนตร์ขั้นบรรลุ แต่เวทมนตร์ขั้นสูงก็ยังเป็นได้แค่ขั้นสูง สูตรของมันนั้นง่ายดายเกินไป ง่ายขนาดที่ว่า HOPE แค่อ้าปากค้างไว้ ทุกอย่างก็จะถูกดูด”
“เป็นการประยุกต์ใช้งาน HOPE ที่ชาญฉลาดจริงๆ เพราะการวิวัฒนาการณ์ที่ไร้ขีดจำกัดมืนกินมานามหาศาล เลยใช้มันให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด โดยการใช้กลืนกินมานาของอีกฝ่ายมาให้ตัวเอง ..ไม่เลว”
ง่ายเป็นพิเศษ กับเวทมนตร์ที่มีสูตรง่ายๆอย่างเกลียวมรณะ
“การต่อสู้ระยะประชิดกับท่านเคียวยะในตอนนี้คงจะเป็นเรื่องที่โง่เขลา ท่านกลบข้อเสียการต่อสู้ระยะประชิดของตัวเองด้วย KY HOPE แล้วก็ ..เพราะมีดวงตามหาปราชญ์ จึงทำให้การสู้ระยะไกลเองก็ได้เปรียบ กลายเป็นตัวประหลาดในทุกๆสถานกาณณ์ไปแล้วสินะท่าน”
ลูซิเฟอร์ยกนิ้วโป้งขึ้นมากัด เลือดไหลออกจากนิ้วโป้ง เลือดทั้งหลายรวมตัวกันเป็นวงกลมอยู่บนท้องฟ้า
“[บลัดเรย์]”
วิชาของแวมไพร์ การระเบิดเลือดเปลี่ยนเป็นการโจมตีที่อันตรายที่สุด ลูซิเฟอร์คว้าดาบเลือดบลัดเรย์ จากนั้นก็เหวี่ยงคลื่นดาบสีเลือดเข้าใส่—เคียวยะวิเคราะห์มันด้วยดวงตามหาปราชญ์ ก่อนจะออกวิ่งพร้อมกับแสงสีม่วงที่วับขึ้นมา
“[ชาร์จ]-[ONE]”
รอยขีดข้างหลังถูกลดไปอีกหนึ่ง เหลือสามจากห้าขีด
เคียวยะเร่งสปีดมาอยู่ข้างหลัง จากนั้นก็เตะตัดขา ลูซิเฟอร์กระโดดหลบก่อนสวนกลับด้วยเวทย์เพลิง เคียวยะเรียกเวทย์น้ำเข้ามาดับเพลิงโดยที่ไม่ได้ยื่นแขนเพื่อร่ายเวทย์เลยแม้แต่วิเดียว ภูต ‘โคริน’ จากบนฟ้าเป็นตัวแทนในการร่ายเวทมนตร์ออกมา ด้วยพลังของตัวเธอเอง เคียวยะวิ่งเข้าใส่ลูซิเฟอร์อย่างรวดเร็ว
หมัดพุ่งเข้ามา อำนาจมหาบาปเปิดใช้งาน ลูซิเฟอร์สวนกลับด้วยแรงที่ทัดเทียมกัน จากนั้นหนึ่งวินาทีต่อมา ลูซิเฟอร์ก็ถูกขยี้จนเละ
“โอ้–”
แขน และขา ถูกเตะและฉีกจนขาดในสองจังหวะอึดใจเดียว วินาทีที่ร่างของลูซิเฟอร์ล้มลงพื้น เคียวยะก็เข้าประชิด ใช้มือข้างขวาแทงทะลุหน้าท้อง และดึงออก
“[ชาร์จ]-[ONE]”
เคียวยะชี้ปลายมือไปทางลูซิเฟอร์ ลำแสงสีม่วงซึ่งถูกยกระดับโดยการชาร์จพุ่งเข้าทำลายลูซิเฟอร์ที่ไม่อาจสวนกลับอะไรได้อีกแล้ว
“—”
ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
แม้จะใช้อำนาจมหาบาปเลียนแบบความทนทานของ KY HOPE แต่ผลลัพธ์ก็คือความพ่ายแพ้อยู่ดี
ลูซิเฟอร์นอนคากับพื้นในสภาพที่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลขนาดใหญ่ ปีศาจมหาบาปผู้ยิ่งใหญ่นอนคากับพื้นในสภาพที่ดูไม่ได้ เลือดไหลท่วมทั้งร่าง แขนหายไปทั้งสองข้าง ขาเหลือแค่ข้างเดียว พูดถึงสิ่งที่พอดูดีอย่างเดียวก็มีแค่ใบหน้า
“..เกินคาด คิดว่าจะสูสีมากกว่านี้อีกนะท่าน”
ว่าอย่างนั้น ลูซิเฟอร์ก็หัวเระออกมา พร้อมไอเป็นเลือด
“แค้กๆ!”
“คำพูดของทางนี้ต่างหาก”
“จริงด้วยนะท่าน”
..เคียวยะเป็นผู้ชนะ
โดรนจิ๋วสีดำซึ่งถูกขี่โดยภูตสาวตัวน้อย ผู้มีใบหน้าคล้ายเคียวยะในฉบับผู้หญิงบินลงมาอยู่ในระดับเดียวกับไหล่ของเคียวยะ
‘สะ สำเร็จแล้วนะคะ เคียวยะ! ในที่สุดก็โค่นลูซิเฟอร์ลงได้แล้วนะคะ ความฝันเป็นจริงแล้วค่ะ’
“โอ๊ะ นี่ท่านเห็นการโค่นข้าคือความฝันรึนี่”
เคียวยะถอนหายใจอยู่ใต้ KY HOPE
“ตอนนี้แกเป็นได้แค่คู่ต่อสู้ไร้น้ำยาไปแล้วสินะ”
“ฮ่าๆๆ จะว่าอย่างนั้นก็ไม่แปลกเท่าไหร่นะท่าน ตัวข้าในร่างปีศาจมหาบาปไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ที่คู่ควรให้กับท่านได้อีกต่อไปแล้ว ขออภัยด้วยหากทำให้ผิดหวัง”
เคียวยะนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตอบ
“..เข้าใจก็ดี ฉันจะไปต่อ ส่วนแกก็นอนรอความช่วยเหลืออยู่ตรงนี้ ในฐานะผู้แพ้”
“ไม่ฆ่าจะดีรึ?”
“อะไรที่ไม่จำเป็นก็ไม่จำเป็น”
ไม่มีธุระอะไรกับลูซิเฟอร์แล้ว เคียวยะจึงเดินจากไป ….
“ถ้าหากจำเป็นก็แปลว่าจำเป็นสินะ–เป็นวิธีเล่นคำที่น่าสนใจดี เซ้นการพูดอะไรเท่ๆของท่านเคียวยะสุดยอดไปเลย ข้าขอเอาไปใช้กับคนอื่นด้วยคนนะอ่าน”
ลูซิเฟอร์ลุกขึ้นยืนใหม่ บาดแผลเก่าทั้งหมดถูกลบหายไปได้อย่างไรนั้นเป็นปริศนา เคียวยะใช้งานดวงตามหาปราชญ์เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุ ทว่าก็ช้าเกินไป
พริบตาเดียว เคียวยะก็ปลิวไปตามแรงขับเคลื่อน ร่างในชุดเกราะปลิวไปชนต้นไม้นับสิบๆต้นจนล้ม เคียวยะเบิกตาโพงกว้าง ใช้งานดวงตามหาปราชญ์ เร่งประสิทธิภาพด้วยโครินอีกทีหนึ่ง จึงทำให้มองเห็นลูซิเฟอร์จากบนฟ้า
ลูซิเฟอร์อ้าแขนทั้งสองข้าง จากนั้นความมืดก็เข้าปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้า ตามมาด้วยปีกสีดำที่ล่วงหล่น
“ยอดเยี่ยมมากผู้ท้าชิงเอ๋ย ความแข็งแกร่งของท่านนั้นเป็นของจริงอย่างไร้ข้อกังขา เพื่อให้รางวัลแก่ท่านผู้ทรงด้วยพลังอำนาจ ข้าจะขอรับบททดสอบให้ท่านเอง มนุษย์ผู้ท้าชิง!!” ลูซิเฟอร์โพล่งสุดเสียง “ ‘เทวดาตกสวรรค์’ ‘ลูซิเฟอร์’ ผู้นี้จะเป็นคู่มือให้เอง!!!”
ปีกสีดำทั้งหมดสิบสองปีกกางออกจากแผ่นหลัง