เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 18: สุนสันต์วันเกิดเจ้าตัวร้าย
- Home
- เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
- ตอนที่ 18: สุนสันต์วันเกิดเจ้าตัวร้าย
< < 16 > >
“–เป็นไงบ้าง?”
ผมเดินออกจากห้อง เผยให้เห็นชุดสูทสีแดงโทนดำซึ่งคลับคล้ายกับดวงตาอันเป็นเอกลักษณ์ของตระกูลดราแคล์ ผมสีเหลืองเข้มถูกปัดขึ้นจนเปิดเหม่งโล่งๆไว้
“-ด ดูดีมากเลยค่ะ ท่านเรเซอร์”
“สง่างามมากเลยละค่ะ”
ทั้งเรเซลและอันนาเมื่อเห็นก็กล่าวชมผม คงเป็นการชมตามมารยาทกระมัง
“พวกเธอก็สวยมากเลยละ”
เรเซลและอันนาสวมชุดเมดเหมือนทุกที แต่ดันชมไปอย่างนั้น
“..ฮึย..” อันนารู้สึกจี้อกหน่อยๆ
“ก็ใส่ชุดเหมือนดั่งทุกทีนะคะ—–อือ” เรเซลหลบหน้าหนี
หวา ตัวผม ไม่ธรรมดาจริง ชั่งชั่วร้ายและร้ายกาจ(ซ้ำเฟ้ย!) ไม่มีอะไรบรรยายดีไปกว่านี้แล้ว พึ่งจะ 12 ขวบก็วันนี้เองแท้ๆ ไม่สิ–ในโลกนี้ 12 ก็เริ่มเป็นวัยรุ่นช่วงสุดท้ายแล้วหรือเปล่านะ? ….แหม่ๆ
ให้ตายเถอะ ชั่งชั่วร้ายและร้ายกาจ(ซ้ำวุ้ย!) อะไรขนาดนี้นะ พอพูดถึงการโตเต็มวัยก็ดันคิดเรื่องสกปรกขึ้นในจิตใจซะได้
ชินซึ่งมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ให้
“ดูมีสง่าราศีมากขอรับท่านเรเซอร์”
ชินโค้งตัวเล็กน้อยกล่าว ในตอนนี้เขาสวมชุดสูทสีขาวสง่างาม ไทค์แดง แม้จะเป็นพ่อบ้านชั่วคราวแต่เขาเป็นถึงอัศวินเพราะฉะนั้นตอนงานวันเกิดผมจึงต้องแต่งสวยแต่งหล่อด้วย เนื่องจากเขามีหน้ามีตาระดับหนึ่งละนะ
“นายเองก็หล่อขึ้นเยอะเลยละ ชิน”
ถึงปกติจะหล่ออยู่แล้วน่ะนะ ทั้งกายและใจเลยคนๆนี้
“ไม่หรอกครับ เช่นนั้นจะนำทางนะขอรับ”
ชินผายมือนำทางผม
“อือ”
พวกผมจึงเดินตามทางพรมสีแดง จนไปบรรจบที่หน้าประตูขนาดยักษ์
“เรเซล อันนา พวกเธอระวังตัวด้วยล่ะนางเลี้ยงนี้คงมีพวกขุนนางนิสัยเสียเยอะพอตัว อาจจะไม่เท่าฉันแต่ก็ใกล้เคียง”
” “เข้าใจแล้วค่ะ” ”
ผมโบกมือให้ หลังจากนี้หน้าที่ของอันนาและเรเซลคือบริการแขกท่านอื่นๆในฐานะเมด
เมื่ออันนา และเรเซลพากันไปแล้ว ชินจึงเปิดประตูบานยักษ์ให้ผม———-แสงโคมไฟราคาแพงอัดเข้าหน้า
ณ ส่วนกลางคฤหาสน์ยักษ์ ผู้คนมากมายต่างกำลังยืนคุยอย่างสุภาพ ตามรูปแบบงานเลี้ยงของเหล่าขุนนางชั้นสูง แม้จะมีอาหารกองอยู่มากมายบนโต๊ะแต่ก็น้อยคนนักที่จะตักกิน และถึงตักกินก็ตักชิ้นน้อยๆกันทั้งนั้น
ประตูคฤหาสน์เองก็เปิดออก งานเลี้ยงฉลองวันเกิดผมจัดใหญ่ถึงหน้าทางเข้าบ้าน สนามหญ้าทั้งหมดถูกทำให้กลายเป็นที่สังสรรค์ชั่วคราวด้วยเช่นกัน
…ปกติงานวันเกิดของผมไม่ได้ใหญ่ขนาดนี้หรอก ในโลกเก่าแค่กำเงินไปกินอาหารญี่ปุ่นราคาแตะสามร้อยก็บุญหัวละ โชคดีหน่อยพี่เลี้ยงก็ซื้อเค้กตามตลาดนัดมาฝาก ..โคตรจะประหม่าเลย พวกคนรวยทนใช้ชีวิตแบบนี้ได้ไงกันนะ ผมเข้าไม่ถึงเลย
“มาแล้วละ” “ก็หล่อดีนี่” “ข่าวลือบอกเป็นไอ้คางคกจอมหื่นไม่ใช่หรือไง”
เมื่อเจ้าภาพอย่างผมโผล่มาแล้วทุกคนจึงจับจ้อง และพากันซุบซิบเรื่องเสียมารยาท ..
แต่ละคน จากความทรงจำของเรเซอร์กว่าครึ่งเป็นพวกนิสัยเสียที่กะจะมาเกาะผมกิน เพราะเห็นว่าผมมันโง่และเอาแต่ใจ—–ไร้ซึ่งใจจริงทั้งหมด ไม่มีใครมาเพราะใจจริงเลยละบ่องตง ให้แทง100 ขอแทง100เต็มเลย
ไม่นานเสียงปรบมือก็ดังขึ้นระรัวทั่วคฤหาสน์ เป็นตบมือธุรกิจที่อบอุ่นดีแฮะ
แองเจลิน่าเจ้าภาพจัดงานเดินขึ้นมาข้างผม และส่งยิ้มให้ทุกคน เพียงรอยยิ้มของเธอก็ทำให้ชายทุกคนตกอยู่ในพะวงแล้ว ยิ่งกว่านั้นในตอนนี้เธอสวมชุดเดรสสีแดงโทนดำยาว เปิดเนินอกยักษ์นั้น และแผ่นหลัง ทั้งหมดชวนให้รู้สึกสวยสง่ากว่าเก่า ยากจะแตะต้องเพราะฉะนั้นจึงต้องจำใจยอมแพ้ไป ชายหลายคนคงคิดเช่นนั้น ..แองเจลิน่าน่าสงสารชะมัด
“ต้องขอสวัสดีท่านผู้มีเกียรติทุกท่านด้วยนะคะ ขอขอบคุณทุกท่านมากจริงๆ ที่มาเยี่ยมงานวันเกิดของน้องชายดิฉัน”
แองเจลิน่าคลี่ยิ้มให้ทุกคน กว่าครึ่งถูกรอยยิ้มของแองเจลิน่าดึงดูดความสนใจ
“ในที่สุดน้องชายของฉัน เรเซอร์ก็อายุสิบสามปีแล้วละคะ! ยังไงก็ขอให้ทุกคนสนุกกับงานเลี้ยงนะคะ”
พูดจบเสียงตบมือก็ดังกระหน่ำ——ไม่ใช่เสียงตบมือของผมหรอก พวกเขาตบมือให้พี่สาวผมต่างหาก พับผ่าสิ ไม่ใช่งานวันเกิดแองเจลิน่าเสียหน่อย
เจ้าภาพอย่างผมก้าวเท้าไปข้างหน้า พลันใดนั้นเสียงตบมือก็เงียบลง ..ขอทีเถอะ
“…ขอบคุณทุกคนที่มางานกันมากๆ ครับ”
” ” “————-!!” ” ”
ทุกคนดูตกใจเล็กน้อย——–ไม่อะ เกินคำว่าเล็กน้อยแล้ว บางคนสำลักน้ำเลย
“แหม่ๆ ปกติเรเซอร์มักพูดว่า ‘ถ้าอยากเลียเท้ากันก็ตามสบาย แต่ถ้าเลียแล้วไม่สะอาด—ฉันจะฆ่าแก’ แบบนี้ตลอดเลยนี่นะ”
“…นั่นสินาครับ”
งานฉลองวันเกิดผมได้เริ่มขึ้นอย่างจริงจังแล้วละ
เมื่องานเริ่มแล้วผมจึงลงมายืนๆ กินๆ ตามพะสาตัวโดนแย่งซีน ความรู้สึกของเหล่าตัวประกอบผมเข้าซึมซับมันมาหมดแล้วละ
ทุกคนไปล้อมรอบพี่สาวหมดเลย นั่นสินะ โอกาสจะคุยกับแองเจลิน่าทั้งการสานสัมพันธ์เอยหรือธุรกิจเอย ใช่ว่าจะมีให้บ่อยๆ เจ้าพวกบ้านั่นตั้งใจเลียมือเลียเท้าให้พอใจเลยละกัน หึ! เจ้าของวันเกิดยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้แท้ๆ ไม่ยักจะโผล่มาสักคน
ถึงจะมีพวกกะใช้ประโยชน์กับผมมาบ้าง แต่ผมก็พยายามสุดตัว ไล่ไปหมดแล้วละ เพราะอย่างนั้นเลยยืนอย่างโดดเดี่ยวเช่นนี้
ผมยิ้มเล็กน้อย ทำให้คนรอบข้างไม่กล้าเข้าใกล้กว่าเดิม
เฮ้อ—-ชินเองก็โดนชวนคุยเพียบเลย แม้ไม่ห่างมากแต่ฝูงชนที่มาคุยก็ล้อมเยอะจนผมไม่เห็นหัวชินละ ทั้งหมดมีแต่สาวๆ ทั้งนั้น ก็นะ ชินทั้งนิสัยดีและหล่อเท่ เป็นอัศวินดาวรุ่งด้วย—เทียบกับผมซึ่งเป็นไอเด็กเปรตปากเสียแล้ว คุณค่ามันต่างกันสุดยอด หน้าตาผมก็ดีอยู่หรอก แต่ก็แค่เด็กน้อย ไม่มีใครเขามาจีบแบบจริงๆจังๆหรอก แล้วตัวผมก็สูงเกินเอื้อมด้วย ไม่น่าภูมิใจหรอกนั่น
“พับผ่าสิ”
“ท่านเรเซอร์สนุกกับงานหรือเปล่าคะ?”
——คุณเมดสุดน่ารักของผมเอ่ยทักทาย เรเซลนั่นเอง
“อืม สบายจ้าๆ ยืนโล่งๆ หายใจสะดวก ไม่มีใครแย่งกินขนมด้วย” ผมหยิบขนมเข้าปากแบบไม่สนมารยาท “ยังไงก็วันเกิดท่านพี่ ให้เขาสนุกหน่อยจะเป็นไรไป”
“แต่วันนี้วันเกิดท่านเรเซอร์นะคะ ขออภัยค่ะ…เอ่อ ถ้าไม่รังเกียจให้ฉันอยู่ด้วยได้มั้ยคะ?”
“…เรเซล…นี่เธอกะจะโดดงานหรือเนี่ย? เปลี่ยนไปเยอะเลยแฮะ อันนาขายคอร์สโดดงานแบบแยบยลให้หรือไง?”
ยัยแมวเจ้าเล่ห์นั่น มาทำเรเซลเสียคนซะได้
“-ม ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่! ไม่สิ! ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ จะกลับไปทำงานเดี๋ยวนี้แหละค่ะ!”
ทุกคนเมื่อได้ยินเสียงดังจึงเริ่มมองมาทางผม—–ข่าวลือว่าผมรังแกเมดยิ่งดังอยู่ด้วยสิ ตายละเรา
“น่านะ ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ถือสาหรอก เอาเป็นว่าช่วยอยู่แก้เหงาด้วยกันทีนะ”
“…-ข เข้าใจแล้วค่ะ!”
เรเซลตอบกลับอย่างหงอยๆ และยืนอยู่ข้างผม
“…คือ—ท่านเรเซอร์”
ว่าแล้วเรเซลก็หันหน้ามาทางผมด้วยท่าทางตื่นเต้นชอบกล
“สุขสันต์วันเกิดนะคะ!”
“โอ้ ขอบใจนา”
“-ค ค่ะ แล้วก็….นี่”
เรเซลใช้มือสองข้างยื่นซองของขวัญซึ่งห่ออย่างสวยงามให้ผม
“…ขอบใจนะ”
ผมยิ้มให้เธอ———-
“—งื้อ!! ไม่หรอกค่ะ ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ ไม่เลยค่ะ ไม่เลย—–เชิญค่ะ!”
ผมหยิบกล่องของขวัญนั้นและเอ่ยถาม
“ในนี้มีอะไรรึ?”
เรเซลรวบรวมความกล้าสุดตัว—– “ความลับค่ะ” หล่อนพูดพลางขยิบตาให้ด้วย ท่าทางดูเกร็งๆก็จริง ..
ให้ตายสิ อันนาต้องสอนอะไรแปลกๆให้แน่เลย
“เดี่ยวคืนนี้จะตั้งใจเปิดสุดตัวเลยละ—ขอบใจนะ”
“-ม -ม -ม—————–ไม่หรอกค่า!!!!!!”
ว่าแล้วเรเซลก็วิ่งหายเข้าฝูงชน…ยังไงก็ต้องขอบใจจริงๆ แหละนะ
————-หญิงสาวอายุราว 15 ปีเดินโผล่มาตรงหน้าผม
หญิงผู้มีเส้นผมสีน้ำตาล และดวงตาสีเขียวอ่อนๆ สวมชุดเดรสสีส้มสวยสง่า เป็นชุดเดรสที่ดูคุ้มครองผู้สวมใส่มากเพราะไม่เปิดเนินอกหรือแผ่นหลัง ต้นคอยังไม่เห็นเลย แต่ก็ดูสวยและน่ารัก
“ยินดีที่ได้รู้จักคะ ท่านเรเซอร์ ดิฉัน ‘มาเลีย’ จากตระกูลซิลเวอร์”
เธอกล่าวออกมาพลางยกชายกระโปรง—ตระกูลซิลเวอร์ ขุนนางขั้นต่ำกว่าดราช่างมันปะไรราวสองขั้น
“…ยินดีที่ได้รู้จักครับท่าน ‘มาเลีย’ การพบกันครั้งนี้เป็นครั้งแรกสินะครับ?”
“จริงๆ แล้วราวสามปีก่อนดิฉันก็มางานเช่นกันค่ะ”
หวายตายละ สามปีก่อนผมทำเรื่องหยามหน้าไว้เยอะกับแขกสุดๆเลยนี่นา
“ต้องขออภัยสำหรับงานวันนั้นด้วยนะครับ การที่สุภาพบุรุษอย่างผมพูดเช่นนั้นไป อาจจะทำให้คุณรู้สึกหวาดระแวงก็เป็นได้”
ผมโค้งตัวขอโทษมาเลียตามมารยาท เธอดูตกใจหน่อยนึง
“เปลี่ยนไปเยอะเลยนะคะ”
“นั่นสินะครับ พอสมควรเลย”
ว่าก็ว่าเถอะ
“ท่านมาเลียเองก็ดูสง่าขึ้นเยอะเลยนะครับ”
“..เคยเห็นดิฉันด้วยหรือคะ?”
“แน่นอนครับ”
แน่นอนว่าโกหกครับ แค่กล่าวตามมารยาทเท่านั้น
“แหม่ ปากหวานจังเลยค่ะ”
“แค่พูดตามความจริงครับ ว่าแต่ว่าคุณมาเลียมีกิจอะไรหรือเปล่าครับ?”
มาเลียยิ้มให้ผมพลางส่ายหัวให้เบาๆ
“ไม่มีธุระอะไรหรอกค่ะ ดิฉันแค่ต้องการคุยกับท่านเรเซอร์เล็กน้อยเท่านั้น ..ไม่ว่าอะไรหลังจากนี้สามารถพบกันอีกได้หรือเปล่าคะ?”
หมายถึงนัดเจอกันสินะ—–เอาไงดีนะ ผมดูไม่ออกเลยว่าหล่อนเป็นพวกยังไง …จะมาเกาะกิน? ไม่สิ พ่อเป็นถึงขุนนางชั้นสูง ไม่น่าเกาะกินแต่อาจมีผลประโยชน์ที่ต้องการเล็กน้อย
…เอาเป็นว่าตอบตกลงไปก่อนละกัน ในอนาคตอาจจะได้พึ่งพาเธอ
“ยินดีครับผม แต่ถ้าเป็นไปได้ช่วยนัดวันด้วยนะครับ พอดีผมเป็นพวกไม่อยู่ติดบ้านน่ะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ ในอนาคตต้องขอรบกวนด้วยนะคะ”
“ครับ”
พูดจบมาเลียจึงเดินจากไป—–หลังจากนี้คงมีโอกาสได้เจอกันไม่น้อย
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเปลี่ยนอารมณ์ โดยการเดินออกจากคฤหาสน์ไปอยู่นอกคฤหาสน์ และบังเอิญเจออันนาทำงานบริการหนักๆ พอดี จึงเฝ้าสังเกตการณ์อย่างแนบเนียน ตามฉบับตัวโดนแย่งซีนแสนไร้ตัวตน
งานวันเกิดผมแท้ๆ แต่ดันว่างกว่าพี่สาว น่าเศร้าเหลือเกินเจ้าตัวร้ายเรเซอร์…
อันนายิ้มแย้ม (ปลอม) ให้กับเหล่าแขกทั้งหลาย พลางหยิบยื่นของบริการแขก เธอดูเป็นมืออาชีพมากต่างกับเรเซลก่อนหน้านี้
ปกติไม่ยักจะเห็นทำงานบ้านแท้ๆ มีฝีมือเอาการแฮะยัยนี่ ใช่ที่เขาเรียกว่า ‘เสือซ่อนเล็บ’ รึเปล่าเนี่ย
“เชิญคะท่านเคานต์”
“เคานต์? โอ้ ขอบใจนา”
แน่นอนว่าอันนาเลือกบริการขุนนางยศสูงไว้ก่อนลำดับแรก และต่ำลงมาเรื่อยๆ —-เป็นคนที่ฉลาดเอาเรื่องถึงขนาดแยกยศคนอื่นได้ ส่วนเหตุผลที่เลือกทำดังนี้คงเป็นการสร้างความพึงพอใจให้ขุนนางยักษ์ใหญ่ไม่ให้รู้สึกแย่หากตัวเองโดนทำอะไรข้ามหัวไป
และน่าเศร้าการทำอย่างนี้มันก็อาจจะทำให้พวกไม่รู้หัวนอนปลายเท้าหงุดหงิดได้
เหล่าขุนนางชายสองคน วัยประมาณ 15-16 ดูไม่พอใจที่อันนาข้ามหัวพวกเขาไป
“คุณเมดมาดูแลทางนี้หน่อยสิครับ”
“ขอชาหน่อยครับ”
อันนายิ้มแย้มตอบรับก่อนจะเร่งเดินไปหาทั้งสอง
“เชิญเลยค—–เอ๊ะ”
เจ้าขุนนางไม่รู้หัวนอนปลายเท้าแสยะยิ้มหลังจากที่ขยับถ้วยหลบการเทน้ำชาของอันนา
‘โดนเล่นซะแล้ว’ อันนาคิดอย่างนี้ขึ้นมาแหง
..เอาเถอะ
“นี่คุณเมด ทำอะไรของคุณเนี่ย?”
“..ต้องขออภัยด้วยนะคะ นายท่าน”
“ให้ตายสิ!”
อันนารู้เหลี่ยมดีจึงพยายามพูดยอมแต่แรก——โชคดีนะที่ผมมาเห็นพอดี
ผมเดินเข้าไปหาขุนนางวัยรุ่นนิสัยเสีย——และจับไหล่พวกเขา
“มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
ผมจ้องเขม็งชายสองคนนั้นไม่วางตา พวกเขาคุ้นหูคุ้นตากับผมดี
“อ่า ท่านเรเซอร์ครับ คือว่านะ เมดคนนี้ทำงานไม่ได้เรื่องเลยละครับ”
“นั้นหรือครับ ไม่ทราบว่าเธอทำมารยาทแย่ๆอะไรไปบ้างครับ?”
“ไม่พอใจพวกผมที่ขอให้เติมชาให้น่ะสิ เลยทำเป็นมือหลุดใส่ถ้วยชาเนี่ย…กางเกงเปียกเลย ดูสิครับ”
อันนาได้แต่หลบตาพวกขุนนางวัยรุ่น ผมถอนหายใจ
“ต้องการอะไรมั้ยครับ?”
“ฮะๆ ไม่หรอกครับท่านเรเซอร์ พวกผมไม่ได้จะอะไรมากหรอกครับ”
“ถ้านั้นก็เมินๆ ไปนะครับสำหรับความผิดพลาดนี้”
“…..?”
“…ฮึ”
ผมแสยะยิ้ม
“เมดคนนี้คือคนโปรดของผมน่ะครับ ถ้าเป็นไปได้อย่ามารังแกธอจะได้มั้ย?”
“…-ป เปล่านะครับท่านเรเซอร์”
“พวกผมไม่ได้คิดจะทำอะไรเธอเลยนะ”
“ถ้านั้นก็ดีแล้ว ..ตามมาสิอันนา”
“อ๊ะ ..ค่ะ”
ผมใช้โอกาสนั้นพาอันนาออกจากขุนนางวัยรุ่น พาไปอีกฝั่งของสนามหญ้างานเลี้ยงแทน
อันนากล่าวขอบคุณผม
“ขอบพระคุณมากจริงๆ ค่ะ ท่านเรเซอร์” อันนาซ้อนตามองผม
“ไม่ได้มากมายอะไรหรอก ว่าแล้วก็ขอที่ผ้ากันเปื้อนหน่อยสิ”
“พูดอะไรกันค่ะนั่น?”
ผมหยักไหล่ให้ ซึ่งแปลได้ว่า ‘อย่าใส่ใจเลย’
“เด็กอย่างฉันก็กร่างได้แค่กับพวกขุนนางชั้นผู้น้อยนั่นแหละ”
ถ้าที่หาเรื่องอันนาคือพวกคนยักษ์ใหญ่ผมคงได้แต่ทำใจปล่อยกระมัง ตามทฤษฎีละนะ
“ขอบพระคุณมากค่ะ ที่ช่วยกันไว้ ดิฉันซาบซึ้งใจเอามากๆ” อันนาก้มหัวขอบคุณ
เวลาไม่สติแตก จะเป็นกันเองกว่านี้ก็ไม่ว่าอะไรหรอกนา ..
“จะว่าไปอันนา”
“คะ?”
“ของขวัญฉันละ?”
ผมแบมือขอโต้งๆเลย
“ไม่เอามุกแบบจู่ๆก็กอดฉัน แล้วบอกว่าเป็นของขวัญหรอกนะ?”
“…รับทราบค่ะ”
อันนายื่นกล่องของขวัญอันเล็กให้
เกิดคาด ผมไม่คิดว่าเธอจะเตรียมของขวัญให้ผมได้ในข้ามคืนเลย
ผมหยิบของขวัญอันนาและเปิดกล่องดู——กระเป๋าคาดเอวเอว ทำจากหนัง ดูแล้วน่าจะเป็นของทำมือด้วย
“สวยเอาเรื่องเลย มีฝีมือด้านนี้สูงเลยนะอันนา”
“ไม่หรอกค่ะ ออกจะเสียมารยาทกับท่านเรเซอร์ด้วยซ้ำ”
อันนายิ้มให้ผมอย่างสดใส มันคือใจจริงใช่หรือไม่ ไม่รู้หรอก แต่ช่างมันปะไร เรื่องหยุมหยิมน่ะ
“ขอบคุณสำหรับหลายปีที่ผ่านมานะคะ” อันนาแหงนหน้ามองพระจันทร์ “โดยเฉพาะกับช่วงสองเดือนมานี้
…ทางฉันก็เหมือนกันแหละ ขอบคุณที่ยอมเข้าใจฉัน และเป็นเพื่อนกับเรเซล
“อืม ขอบใจมากเลยนะ ก่อนหน้านี้เรเซลเองก็ให้ผ้าเช็ดหน้ามาน่ะนะ”
ว่าแล้วก็โชว์ของทำมือคุณภาพต่ำเมื่อเทียบกับอันนา แต่คุณค่าทางจิตใจไม่แพ้กันเลยละ
“นั้นหรือคะ— (ไม่ใช่ว่าปกติเขาห้ามพูดถึงผู้หญิงคนอื่น ตอนให้ของขวัญรึไง? ตาบ้า)”
อันนายังคงยิ้มให้เหมือนทุกที แต่ดูแข็งกระด้างนิดหน่อย นี่สินะยิ้มธุรกิจ คิดถึงชะมัด
“ยิ้มสวยๆ หน่อยสิ”
“รับทราบค่ะ—–” เสียงแข็งตามด้วยละนั่น
“ฉันเองก็ต้องขอบคุณเธอหลายอย่างเลยละนะ—–อืม หลังจากนี้ก็ฝากด้วยละอันนา อยู่ด้วยกันไปนานๆ นา”
———–พลันใดนั้นใบหน้าของอันนาก็แดงขึ้น
“-ค ค่ะ จะอยู่ด้วยตลอดเลยค่ะ”
“ฮะๆ ขอแต่งงานรึไงนั่น?”
“-ม ไม่ใช่! เปล่าค่ะ ไม่ใช่ค่ะ!”
“ครับๆ”
ผมยิ้มร่าหลังหยอกล้ออันนาให้เสียเชิงเล็กน้อย
“ไปก่อนละ รอวันพรุ่งนี้ที่ได้อยู่กับเธอไม่ไหวแล้วละ”
“——ค่า!!!!”
****
หลังหยอกล้อเล็กน้อยเสร็จผมก็เดินไปตรงสวนข้างน้ำพุซึ่งไร้ผู้คน ทั้งหมดก็เพื่อไม่ให้อันนาเสียงานเสียการ และไม่รบกวนแขกคนอื่นที่คุยธุระกับพี่สาวผมด้วย————-
อุตส่าห์เสียสละขนาดนั้น แต่พี่สาวของผม ‘แองเจลิน่า’ กลับเดินมาหาผมในที่ๆไร้ผู้คนอย่างน้ำพุหน้าคฤหาสน์
“เป็นไงบ้างจ๊ะเรเซอร์ งานวันเกิดสนุกมั้ย?”
ผมแสยะยิ้มให้พลางยื่นของขวัญบนมือสองอันให้ดู
“สนุกเอาเรื่องเลยครับ”
“แหม่ๆ เด็กสาวนี่ดีจังนา”
“พี่เองก็ยังสาวอยู่เลยนะครับ”
แองเจลิน่าเขินเล็กน้อย
“-ย ยังสาวสินะ นั่นสินา อายุปูนนี้ใช่ว่าจะได้ขึ้นคานสักหน่อย”
“อย่างพี่น่ะแค่กระดิกนิ้วผู้ชายก็มากันเป็นร้อยแล้วครับ”
เธอดูหวั่นไหวเมื่อถูกชม—
“จริงรึ? …..เดี่ยวสิๆ เรเซอร์อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้นะว่าเธอตั้งใจแกล้งกันน่ะ”
หล่อนจับได้เสียแล้ว
ว่าแล้วแองเจลิน่าก็ลงมานั่งข้างตัวผม ด้วยท่าทางอารมณ์บ่จ๊อย
“ขอโทษละกันครับ”
“เรื่องอะไรละ? พี่ไม่มีทางโกรธเรเซอร์หรอกนะ”
ให้ท้ายผมเอาเรื่องเลยละเธอคนนี้
“หรือว่างานนี้จะหาผู้ชายดีๆ ไม่ได้อีกแล้วหรือครับ?”
“….ใช่สิ ทุกคนโยงไปเรื่องงานตลอดเลย” แองเจลิน่าถอนหายใจเฮือกใหญ่ “พวกผู้ชายขุนนางมันทิ้งสัญชาตญาณสัตว์ป่าไปหมดแล้วหรือไงกัน”
“ลำบากแย่เลยเนอะ”
อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พวกผมสนิทกันเกินพี่น้องทั่วไปก็เป็นเพราะพวกเรามีอะไรก็พูดให้ฟังหมดเลย ยกเว้นผมไว้หนึ่ง แต่พี่มีอะไรระบายให้ผมตลอดเลย โดยเฉพาะเรื่องที่จับผู้ชายไม่ได้สักที …สำหรับโลกนี้อายุ 22 แล้วยังไม่มีคู่หมั้นเป็นตัวเป็นตนนับว่าใกล้ขึ้นคานละ
ออกจะสวยตั้งขนาดนี้ แต่ไม่มีชายใดมามอบดวงใจให้เธอเลย
“อย่าเลือกเยอะสิท่านพี่”
“ไม่ได้เลือกเลยย่ะ ขอแค่สักคนที่ดูสุภาพหน่อยมาชวนก็จะเดินตามเป็นลูกเป็ดพึ่งเกินละจ๊ะ!”
..เลือกแบบนั้นเดี่ยวก็โดนพวกเลวระยำหลอกเอาหรอก
แองเจลิน่าถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางปัดผมบนอกเนินใหญ่ออก
“ชาตินี้คงสิ้นหวังแล้วละมั้ง ได้ทำงานในฐานะดัสเซสหงกๆ ตลอดชีพแหง แล้วไปแต่งงานการเมืองกับลุงอายุ 50 ตอนอายุ 30 เพื่อสืบต่อทายาท….อยากมีผัวที่ต่างฝ่ายต่างรักกันเหลือเกิน”
“…สู้ๆ นะ”
“อือออออออ——-” แองเจลิน่าปล่อยโฮ
“โลกนี้ใจร้ายนะครับ คนสวยๆ แบบพี่ควรมีพวกระดับเจ้าชายมาหมายปองด้วยซ้ำ เผลอๆ ต้องถวายทั้งกายทั้งวิญญาณให้ด้วยซ้ำ ก็พี่น่ะงานก็ได้ นิสัยก็ดี เรียกได้ว่าได้แต่งเข้าบ้านไปทีสบายไปสามชั่วโคตรเลย”
“นั่นสิเนอะๆ เรเซอร์ตาแหลมดีจริง”
“อยู่แล้วท่านพี่ อย่างพี่น่ะหาได้อยู่แล้ว”
ผมยกนิ้วโป้งให้
“และถึงจะขึ้นคานผมก็จะอยู่กับพี่เองครับ! ไม่ต้องห่วงเลย ชีวิตหลังเกษียณท่านพี่ไม่ได้เหงาแน่นอน เชิญอยู่บ้านเรียนหลานให้สนุกเลยครับ”
“….!”
แองเจลิน่าน้ำตาไหลเป็นน้ำตก
“เรเซอร์!!!!!!!!!!!!!”
เธอพุ่งมากอดผมอย่างแน่นจนหลังแทบจะหัก—-เจ็บ เจ็บ เจ็บโว้ย!
แองเจลิน่าซุกหน้าเข้าอกของผม พลางส่ายหัวไปมาเหมือนเช็ดน้ำตาบนอกผม ..ให้ตายสิ
ผมลูบหัวเธอเบาๆ จังหวะนี้ไม่รู้ใครพี่ใครน้องแล้วละ
“ถึงหาผัวไม่ได้ก็ไม่เป็นไรเนอะ ใช่มั้ยเรเซอร์?”
“ใช่แล้วครับ ถ้าพวกผู้ชายมันตาไม่ถึงก็เรื่องของมันไป”
“ถ้าในอนาคตยังไม่มีสามี ตอนนี้รักเรเซอร์ที่สุดเลยละ รู้เปล่า?”
“เหมือนกัน ท่านพี่”
ความรักของพี่น้องชั่งเจิดจ้าละนะ——-ไม่นานพี่สาวก็เช็ดน้ำตาตัวเอง และสงบสติอารมณ์ตัวเองลง
“แหม่ เรเซอร์เนี่ยใจดีขึ้นเยอะเลยนะ ต่างกับเมื่อสามปีก่อนลิบลับเลย?”
“นั่นสินะ มันเกิดอะไรขึ้นหลายอย่างน่ะ”
ผมยิ้มพลางนึกถึงเรื่องราวเดือนเกือบสองเดือน—–สนุกจริงๆ แหละ ถึงจะแค่สั้นๆ
รู้ตัวอีกทีแองเจลิน่าก็เอาหัวหนุนไหล่ผมแล้ว เธออยากจะอ้อนผมผู้เป็นน้องชาย เพราะนานๆทีพวกเราจะเจอกันที
“…จะว่าไปอะไรทำให้เรเซอร์เปลี่ยนไปขนาดนี้รึจ๊ะ?”
“ก็หลายๆ อย่างน่ะครับ แต่ถ้าให้สรุปคือผมต้องการเป็น ‘เรเซอร์ที่ดีกว่าเดิม’ ”
เพื่อที่จะช่วยเบลลามีได้อย่างสมภาคภูมิ
“…แบบนี้นี่เอง”
แองเจลิน่ายิ้มให้ผมก่อนจะผละตัวออกจากไหล่
“รู้มั้ยเรเซอร์ ถ้าเกิดผู้ชายทำอะไรไปแล้วต้องรับผิดชอบเสมอๆ …เธอใจดีกับเรเซลและอันนาเกินกว่าคนรับใช้ทั่วไปแล้ว คงรู้ดีสินะว่าตัวเองควรทำยังไงกับพวกเธอต่อน่ะ”
“…ตอนนี้พวกเธอเป็นคนในครอบครัวผมแล้ว”
“——กรี๊ด!!!!!! ไอน้องชายบ้านี่เกินหน้าเกินตาพี่สาวคนนี้ไปแล้ว!!! เรเซลกับอันนาก็น่าอิจฉาเกินไปแล้ว!! โชคดีชะมัดได้มาเจอผู้ชายดีๆ แบบเรเซอร์เนี่ย”
แองเจลิน่ากรีดร้องด้วยพลังสาวขึ้นคาน ก็นะ ผมมันผู้ชายยอดเยี่ยมเอง เนื้อหอมเกินต้านทาน เล่นเอาพี่สาวแพ้อย่างย่อยยับเลย ความหล่อเท่นี่ชั่งบาปหนา
“เอาเป็นว่าขอโทษครับ เหอะๆ”
“เยาะเย้ย?”
ดูดุร้ายขึ้นมาทันตา ว่าแล้วผมก็ส่งยิ้มชวนผ่อนคลายให้ ถ้าเป็นพี่สาวแองเจลิน่าถึงแม้ผมจะยิ้มได้กวนบาทาแค่ไหนก็ต้องเข้าใจความหมายของยิ้มนี้แน่นอน ก็เป็นถึงพี่น้องที่รักกันสุดในโลกนี้—-
“เยาะเย้ย?”
“เปล่า …ให้ตายสิ”
ผมหยักไหล่ให้
“พี่เองก็เป็นคนในครอบครัวผมนะครับ ไม่จำเป็นต้องอิจฉาหรอก”
“…อา มันก็ใช่ละนะ แต่อารมณ์มันต่างกันไม่ชวนใจเต้นในทางนั้นเลย จริงๆก็ไม่ได้หวังอารมณ์เชิงนั้นกับน้องชายท้องเดียวกันหรอกนะ..แต่เหมือนแพ้ละโดนซ้ำชอบกล….ยังไงก็ขอบใจนะเรเซอร์”
ไม่เต็มใจสักนิดคนคนนี้!
“นี่เรเซอร์”
แองเจลิน่าลุกขึ้นตรงหน้าและส่งยิ้มให้ผม—-เธอยื่นกล่องของขวัญใบเล็กเท่าฝ่ามือให้ผม
“—-สุขสันต์วันเกิดนะ หลังจากนี้เองก็อยู่กับพี่สาวคนนี้ไปนานๆ แล้วก็อย่าโตมานิสัยไม่เอาไหนซะละ”
รอยยิ้มของเธอแสนงดงาม——-เส้นผมสีทองเข้มพลิ้วไหวตามสายลม และแสงประกายงดงามจากงานเลี้ยง เหนือสิ่งอื่นใดคือดวงตาสีแดง ในตานั้นเต็มไปด้วยความเอ็นดูต่อตัวผมซึ่งเป็นน้องชาย …ไม่ได้ดุดันเลยสักกะนิด ที่อยู่ตรงหน้ามีเพียงพี่สาวที่ดีที่สุดเท่าที่ผมจะนึกออกก็เท่านั้น
“รักนะเจ้าน้องชายตัวแสบ”
เธอกล่าวทั้งรอยยิ้ม นั่นทำให้ใจผมแทบจะสลายเพราะรู้ถึงเรื่องราวในอนาคตไม่ไกลนัก
ผมขบฟันกรามแน่น ..แทบอยากจะระเบิดทุกอย่างให้กระจุย ณ บัดนี้เลย ..เรเซอร์ต้นฉบับเองก็คงจะรู้สึกแบบนี้สินะ หลังจากการตายของแองเจลิน่า…ไม่ยอมหรอกเว้ย
“แน่นอน หลังจากนี้และตลอดไปครับ” ผมกล่าวอย่างจริงจัง “จะไม่ยอมให้ใครมาทำลายหรอก”
ผมรับของขวัญกล่องนั้นมา———คืนนี้จะเป็นวันตายของแองเจลิน่า ตัวผมในต้นฉบับไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะรับของขวัญนี้เลย เพราะฉะนั้น….ขอสาบานเลยว่าจะไม่ยอมให้แองเจลิน่าจากไปเด็ดขาด พี่สาวคนสำคัญของผม ผมจะปกป้องเอง
ไอสารเลวที่จะลอบสังหารเธอ ผมจะบดขยี้มันให้เละคามือเอง จะไม่มีวันยกโทษให้เด็ดขาด——