เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 68: คุณพี่สาวตัวร้ายมาเยือน!
- Home
- เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
- ตอนที่ 68: คุณพี่สาวตัวร้ายมาเยือน!
< < 57 > >
งานเทศกาลโลหิตมังกรเริ่มตอน 10 โมงตรง ทันทีที่มีเสียงพลุนั่นคือการเริ่มงานพร้อมๆกันทั่วทั้งเมือง ตอนนี้พวกเราก็เตรียมการณ์เสร็จเรียบร้อยแล้วด้วย เหลือก็แค่รอให้พลุดังขึ้น—-ปั้ง!
เสียงพลุดังขึ้นแล้ว เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างก็จะพบกับแสงไฟที่กระจายออกกันประหนึ่งดาวกระจาย
“เริ่มได้!”
“โอ้!!/อืม!!”
งานเทศกาลเริ่มขึ้นแล้ว
****
สาวสวยผมสีทองลงมาจากรถม้า ทันทีที่เธอก้าวเท้าลงผู้คนพากันจับจ้องมาทางเธอโดยไม่ได้นัดหมาย
เธอคือ ‘แองเจลิน่า’ ที่ปัจจุบันนี้อายุปาไป 26 แล้วแต่ก็ยังหาสามีหรือแฟนไม่ได้เลยสักคนเดียว ถึงกระนั้นก็น่าแปลกใจเพราะโฉมของเธอนั้นสวยระดับที่สามารถหาคนแต่งงานได้ตั้งแต่วิแรกที่เจอกันเลยล่ะ
ตอนนี้เธอสวมชุดสูทกระโปรงสีเทาอ่อนๆ
“อาณาจักรฟัฟนิร์เจริญขึ้นเยอะเลยนะ”
“นั่นสินะค่ะ”
ตามมาด้วยเมดสาวสองคน
คนหนึ่งชื่อ ‘เรเซล’ เป็นสาวสวยผู้มีเลือนผมสีน้ำตาลยาวถึงบ่าซึ่งอยู่กึ่งกลางระหว่างผมสั้นและยาว ดวงตาสีเขียวสดใสเป็นประกาย สวมชุดเมดที่มิดชิดเป็นพิเศษ แล้วก็เหนือสิ่งอื่นใดคือหน้าอกคัพEของเธอที่แทบจะทะลุชุดเมดสุดมิดชิดไปแล้ว ไม่น่าเชื่อที่ปัจจุบันเธออายุเพียง 16 ปี
และข้างๆเธอที่ส่งสายตาชิงชังต่อก้อนเนื้อไร้ประโยชน์-หมายถึงหน้าอกเธอชื่อ ‘อันนา’ เป็นสาวสวยเช่นกัน
หากให้เปรียบกับเรเซล อันนาในปัจจุบันนี้มีสเน่ห์ที่ต่างกัน เรเซลอาจดูเป็นมิตรและมีความเป็นแม่สูง แต่อันนานั้นดูอันตรายประหนึ่งกุหลาบและให้ความรู้สึกว่าถ้าเป็นพันธมิตรด้วยจะน่าอุ่นใจ
อันนาซึ่งตอนนี้อายุ 16 ปี เธอไว้ผมทรงไซด์ทวินเทล มีดวงตาสีน้ำตาลที่ดูเรียบเฉยต่อทุกๆสิ่งเหมือนเคย สวมชุดเมดที่เปิดไหล่และเนินอก ค่อนข้างเปิดเผยแต่ดูไม่ได้อะไรมากเพราะสรีระร่างกายที่ไม่ได้เกินธรรมชาติเด็กอายุ 16 เหมือนเพื่อนเมดข้างๆ
ทั้งสองตามหลังแองเจลิน่ามาด้วยการก้าวเท้าและสีหน้าที่สมบูรณ์แบบ ถ้าหากเรเซอร์ได้เห็นภาพนี้เขาคงเอะใจกับการเปลี่ยนไปของทั้งสองคนแน่นอน
พวกเธอเติบโตขึ้นแล้ว และคู่ควรต่อการรับใช้แองเจลิน่าหรือเรเซอร์
“พวกเธอไปหาเซบาสเตียนก่อนนะ เดี่ยวทางฉันขอตัวไปเยี่ยมน้องรักก่อน ฮิฮิ”
เรเซลกับอันนาโค้งศรีษะพร้อมเพรียงกัน
“รับทราบแล้วค่ะ ..แล้วทางเรา”
“ไม่ต้องห่วง เดี่ยวเวลาพักค่อยไปเที่ยวเล่นกับเรเซอร์ก็ได้ ไม่สิ ขอบังคับเลยละกัน”
“ขอบพระคุณมากค่ะ แต่โปรดให้อันนาได้ไปก่อนฉันนะคะ ..ครั้งก่อนฉันเล่นโกงจนเลยเคยเจอนายท่านก่อนแล้วด้วย”
“เรื่องนั้นไม่เห็นต้องคิดมากเลยเรเซล ผู้ชายคนนั้นน่ะ..ไม่มีทางลืมฉันลงหรอก” อันนาเชิดหน้าอวดดี
ได้ยินอย่างนั้นเรเซลก็ยิ้มกริ่ม เธอก็คิดอย่างนั้น
“นั่นสินะค่ะ ท่านเรเซอร์ไม่มีทางลืมพวกเราหรอก”
“ต่อให้ลืม ดิฉันก็จะช่วยสอนรสชาติของผู้ใหญ่ให้ติดใจเลย ..”
อันนาพูดแบบฝืนๆจนแอบอายเอง แต่เรเซลกลับไม่คิดว่ามันฝืน เธอคิดว่าน่าชื่นชมสุดๆ
แองเจลิน่ามองภาพที่สองสาวคุยเล่นกับเรื่องน้องชายตัวเองแล้วก็อดภูมิใจไม่ได้
“เนื้อหอมจังเลยนา มีแต่คนดีๆมาหลง กลับมาดูทางพี่สาวคนนี้สิ ..น่าน้อยใจจังนะ” แองเจลิน่าหัวเราะเบาหวิว “ฝากทีนะทั้งสอง”
“ “รับทราบแล้วค่ะ” ”
****
“สปาเก็ตตี้กับออมไรท์สองที่ค่า!”
“รับทราบครับ”
ผมขานรับเสียงของเหล่าเมดแล้วลงมือทำอาหารตามที่ว่า
อนึ่งตัวผมรับบทเป็นเซฟล่ะ ส่วนคนรอบตัวก็มีกอรี่ที่เป็นคนรักษาความปลอดภัย และโซเฟียที่เป็นเมดตามที่คาด
เธอสวมชุดเมดแฟชั่นที่กระโปรงค่อนข้างจะสั้นเลยเดินอย่างยากลำบาก แต่นั่นนับว่าเป็นแต้ม เพราะพวกผู้ชายพากันสั่งอาหารไม่หยุดเพื่อเรียกเธอมาบ่อยๆ แน่นอนผู้หญิงคนอื่นก็สุดจะสวยเหมือนกันหมด แต่สำคัญสุดคือพวกเธอรู้สึกสนุกตามที่วางแผนไว้น่ะนะ
ผมทำสปาเก็ตตี้อย่างรวดเร็ว และวางไว้บนจากถัดไป
“บะ บอสเรเซอร์ทำอาหารเก่งสุดๆเลยนะครับนั่น”
“โลกนี้มันมีสิ่งที่เรียกว่าผงรสดีอยู่น่ะนะ ..ไม่สิ โลกนี้มันมีที่ไหนล่ะ เหอะๆ” ผมผัดอาหารไปคุยไปชิลๆ “พวกนายเองก็ใช่ย่อย เป็นนักเลงแท้ๆแต่ทำอาหารเก่งน่าดู”
คนที่ถามผมเป็นกลุ่มคนโดดเรียนขาประจำ ว่าอีกอย่างเป็นเด็กเกเรที่เที่ยวมีเรื่องไปทั่ว
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ แค่ธรรมเนียมของนักเลงคือถ้าแพ้ต้องไปทำอาหารให้ฝั่งที่ชนะกิน”
นั่นมันหมายความว่าแพ้บ่อยเลยมิใช่? เอาเถอะ อย่าถามให้อีกฝ่ายอับอายเล่นเลยจะดีกว่า
“พยายามเข้าละกันนะพวกแก อีกไม่กี่นาทีก็หมดกะพวกเราแล้ว”
“รับทราบครับบอส!”
ทำไมต้องเรียกผมว่าบอสด้วยนา-เอาเถอะ
ในจังหวะที่ผมผัดอะไรไปอยู่นั้นเอง โซเฟียก็พุ่งเข้ามาในห้องคนครัว
“มีอะไรรึ”
โซเฟียชี้ไปข้างนอกด้วยท่าทางร้อนรน
“ขะ ข้างนอก มีคนหน้าตาสวยสุดๆอยู่ด้วยล่ะ”
“จะกลัวอะไรโซเฟีย เธอสวยไม่แพ้ใครอยู่แล้วนี่”
โซเฟียหน้าแดงอย่างฉับพลันก่อนจะสะบัดมันออก
“ฟังก่อนสิ! คนสวยข้างนอกเรียกหานายด้วยนะเรเซอร์ ..เพราะเห็นว่าเรียกหาแก กอรี่เลยไปคุยให้แล้วน่ะ”
หมอนั่นไม่ต่อยแขกหรอกนะ?
“เธอเป็นพี่สาวผมทองอกโตน่ะ หน้าคล้ายๆนาย”
“พี่ตูนี่หว่า ไอเบื้อกกอรี่มันไม่ต่อยพี่ฉันแน่นะนั่น”
“พี่เหรอ ..จะว่าไปก็คล้ายอยู่นะ นายเองก็หน้าตาดีด้วยสิไม่เคยรู้เลย”
โซเฟียเอียงคอฉงน ผมทำเป็นไม่สนแล้วเดินออกไปดู และพบกับ..พี่สาวที่ดูสวยมีความเป็นผู้ใหญ่กว่าเดิม
เธอสังเกตุเห็นหน้าผมหน่อยๆก็โบกมือให้ด้วยรอยยิ้ม ทำให้แขกรอบๆพากันยิ้มกรุ่มกริ่มกับโฉมของเธอที่งดงาม
“พี่สาวฉันจริงด้วยแฮะ”
“พี่สาว? แปลว่าเธอคือท่านแองเจลิน่าว่าที่ผู้นำตระกูลคนต่อไปเหรอ?”
“ประมารนั้น”
ได้ยินโซเฟียก็ทำหน้าอดสู่หน่อยๆ เธอจับแขนตัวเองพลางมองมาทางผมอย่างเศร้าๆ
“ไม่ถูกกันเหรอ?”
“อะ อะไรทำให้คิดนั้นเล่า”
“ก็นายเป็นลูกชายนะ แต่เดิมควรได้ตำแหน่งผู้นำตระกูลด้วย แต่ดันโดนพี่สาวชิงตำแหน่งไป”
“พูดบ้าๆ สำหรับฉันแล้ว-นั่นคือการปลดปล่อยฉันด้วยซ้ำ”
ผมนึกไปถึงสมัยเด็ก ตอนที่ตัวเองต้องทำเป็นเข้มเมื่อรู้ว่าสักวันต้องเองต้องเป็นผู้นำตระกูล ..เวลานั้นแองเจลิน่าได้เดินมาลูบหัวผมและบอกว่าหายห่วง
เป็นตอนเด็กที่น่าคิดถึงหน่อยๆ เพราะสำหรับผมแล้วเธอคือ..
“แต่เดิมอำนาจผู้นำก็ไม่ยักจะเคยอยากได้อยู่แล้ว เพราะอย่างนั้นสำหรับฉันแล้วเธอคือพี่สาวที่แสนใจดีและน่านับถือ เป็นพี่สาวผู้ช่วยเหลือไงล่ะ-แล้วก็เป็นพี่สาวที่ฉันสุดจะภูมิใจด้วย ไม่มีทางเกลียดหรอก”
ความรู้สึกนี้แม้แต่เรเซอร์ต้นฉบับก็คิดเหมือนๆกัน
“ฝากครัวทีนะพวกแก ฉันขอตัวไปบริการพี่สาวสักครู่”
โซเฟียมองส่งผมอย่างสงสัย ก่อนเดินตามมาเพราะเธอต้องทำงานเมดต่อด้วย
..อ๊ะ พี่แองเจลิน่าตัวจริงเสียงจริงล่ะ สวยกว่าเดิมเป็นกองเลย
“ไม่เจอกันนานนะ พี่แองเจลิน่า”
“อือ ทางน้องเองก็โตขึ้นมาได้สมชายมากเลยล่ะ” แองเจลิน่ายิ้มให้ “แล้วคนไหนแฟนเหรอในห้องนี้”
“ไม่มีครับ ผมไม่ใช่พวกที่หายหน้าไปแปปเดียวก็มีแฟนแล้วนะครับ”
“ออกจะคารมณ์ดีแท้ๆน้องรักพี่ ทำให้เมดสองคนหลงหัวปักหัวปำได้เนี่ย”
หมายถึงเรเซลกับอันนาสินะ-อือ นั่นสินะ ดูจากมูลแล้วการคิดว่าผมเนื้อหอมก็อาจไม่แปลกเสียเท่าไหร่
ผมนั่งลงกับเก้าอี้ข้างๆแองเจลิน่า
“เอาเป็นว่าผมไม่ได้เนื้อหอมอย่างที่พี่คิดนะครับ รู้แล้วอย่าเอาไปบอกท่านพ่อหรือท่านแม่ล่ะ ..”
“พี่ไม่ได้สนิทถึงขนาดเอาเรื่องทั่วไปไปปรึกษากับทั้งสองได้หรอก ว่ามาสิ”
พวกเราสองคนไม่ได้สนิทกับพ่อแม่ เรียกว่าคนแปลกหน้ายังได้เลยด้วยซ้ำ
“คือผม..ในโรงเรียนนี้ลือกันว่าเป็นโจรขโมยกางเกงในครับ เลยชื่อเสียงค่อนข้างแย่จนไม่เนื้อหอม”
แองเจลิน่าจิบน้ำเข้าปาก ก่อนจะพยักหน้ารับความ
“แล้วใครทำให้น้องรักพี่เป็นงั้นล่ะ?”
–มาแล้ว สายตาอาฆาตที่คิดจะฆ่าใครสักคนของแองเจลิน่า ว่ากันตั้งแต่สมัยก่อนแล้วว่าถ้ามีใครทำให้เธอโมโหหรือทำร้ายผม คนผู้นั้นจะโดนจับถ่วงน้ำเป็นเวลา24ชั่วโมงก่อนจะปล่อยลงทะเล ..
“ล้อเล่นน่าล้อเล่น”
“แหม่ อีกฝ่ายเป็นชนชั้นสูงเหมือนกันเหรอ ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ถ้าเป็นพวกยศพอกันพี่ก็พอเล่นงานได้อยู่ อาทิเช่นทำให้โดนไล่ออกจากตระกูลจนอยากตายแต่ตายไม่ได้”
“หยุดเลย นั่นเลวร้ายกว่าตายอีก พอๆ บอกว่าล้อเล่นไง”
ไม่น่าไปคุยเล่นด้วยเลย อย่างที่เห็นแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆเธอก็เดือดถึงขนาดนี้แล้ว ขืนผมบอกว่าบักเรย์กับเคียวยะสองคนนั้นเป็นตัวการหลัก หัวได้หลุดจากบ่าแหงๆ
“ถือโอกาสวันเจอกันของสองพี่น้องแห่งตระกูลดราแคล์นะพี่ ..” ผมยื่นโปรอาหารราคาแพงสุดของร้านเมดไปให้ “สั่งสักจานทีสิ”
“แหมๆ น้องพี่ดูท่าจะอนาคตไกล ขอหนึ่งจานจ๊ะ”
“รับคราบครับ ท่านพี่”
แองเจลิน่าค่อยๆแก้มแดงขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำเรียกที่ต่างออกไป ‘ท่านพี่’ ที่แสดงถึงพี่ผู้เหนือกว่า ..นานๆทีผมจะเรียกเธอเช่นนั้น นั่นน่าจะช่วยกระตุ้นต่อมความ ‘บราค่อน’ ของเธอได้บ้าง
“ขอชุดแพงสุดอีกยี่สิบชุดจ๊ะ”
“ขอบพระคุณมากนะครับ พี่สาว”
“จ้า”
แองเจลิน่าอารมณ์ดีสุดขีด เธอนั่งบิดตัวไปมาด้วยความฟิน ส่วนผมนั้นหัวเราะในใจเยี่ยงผู้ชนะ
ง่ายชะมัดพวกบราค่อน!
ในห้วงเวลาหว่านสเน่ห์พี่สาวนั้น นางอวยของผมก็เดินเข้ามาภายในห้อง
“เรเซอร์อยู่..ไหม”
ทันทีที่เข้ามาเธอก็สะดุดตาเข้ากับนางอวยหรือเบลลามี
“แบบนี้นี่เอง ในห้องนี้ไม่มีแต่ต่างห้องนั้นมีสินะน้องรัก”
“เข้าใจผิดแล้ว”
เบลลามียืนงงมองสลับไปมาทางผมและแองเจลิน่าก่อนจะเอะใจได้
“..พี่สาวเหรอ?”
“ชื่อแองเจลิน่าน่ะ”
ผมชี้นิ้วโป้งแนะนำแองเจลิน่าให้เบลลามี
“สวยจังเลยนะ”
“ขอบใจจ๊ะ”
แองเจลิน่ายิ้มให้ เบลลามีโค้งศรีษะให้หน่อยๆเธอดูเกร็งๆ และไม่รู้ทำไมแองเจลิน่าที่เห็นท่าทางนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างออกรสชาติ
“เรเซอร์เขามีอะไรดีบ้างหรือจ๊ะ?”
“..หมายถึงอะไร..ระ หรือ”
เบลลามีเหงื่อตก-เดี่ยวสิๆ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ผมตามไม่ทันนะบอกก่อน
“ในฐานะผู้ชายเรเซอร์มีอะไรดีเหรอจ๊ะ เพราะว่าเมดในสังกัดพี่สาวก็มีตั้งสองคนที่หลงเด็กคนนี้”
“เดี่ยวสิพี่”
“ตั้งสองคนเลยเหรอ..สุดยอดเลย”
“ใช่จ๊ะ แล้วหนูคิดว่าไงบ้าง”
เบลลามีหันมามองหน้าผมก่อนสลับมาทางแองเจลิน่า
“เขาคล้ายกับคนในฝัน..ไม่สิ ขอโทษจริงๆคะ ที่พูดเรื่องไร้สาระ”
เบลลามีหลบหน้าแองเจลิน่า เธอรู้สึกกลัวขึ้นมา
“นั่นสินะ คนในฝันมันก็กว้างไปจริงๆนั่นแหละจ๊ะ ในชีวิตจริงก็ต้องชอบเพราะอยู่ในชีวิตจริงด้วยราวๆนี้ เวลาชอบต้องมองความจริงด้วยน่ะนะ..ยิ่งอยู่ในสังคมชนชั้นสูงยิ่งแล้วใหญ่-เรเซอร์น่ะอยู่ค่อนข้างสูงเลยนะ”
“.ขอโทษที่มารบกวนนะค่ะ”
กล่าวจบเบลลามีก็เดินออกจากห้องไป ผมได้แต่นั่งเหวอหมดเรี่ยวหมดแรง
“..พูดอะไรของพี่น่ะครับ”
“เด็กคนนั้นดูจะสนใจเรเซอร์นี่ พี่เลยอยากจะทดสอบหน่อย อย่างน้อยก็เรื่องใจว่าสนใจเพราะอะไร แต่ดูเธอตอบสิ คนในฝันเนี่ยนะ”
“สนใจสินะครับ..”
จะว่าไปก็จริงแฮะ พักนี้ก็เริ่มคิดแล้วเหมือนกันว่าตัวผมอาจเนื้อหอมไม่น้อย ตั้งแต่โซเฟียและเบลลามีแล้ว ..
“พี่ไม่ได้จะห้ามเรเซอร์ให้มีความรักหรอกนะ แต่ต้องดูด้วยว่าเธอคนนั้นเหมาะสมแก่การเป็นภรรยารึเปล่า มันต่างกับเรเซลและอันนานะที่สามารถเป็นภรรยาน้อยได้นะเพราะพวกเธอเป็นสาวใช้ ถ้าเกิดเธอมีเหตุผลที่ดีพอพี่อาจจะช่วยดันให้เป็นน้อยได้เหมือนกัน แต่ถ้าเป็นชนชั้นสูงระดับเท่าๆกันก็อาจเป็นการยากน่ะ เพราะส่วนใหญ่พวกเขาจะมีคู่หมั้นกันอยู่แล้ว”
“เข้าใจผิดแล้วครับ แล้วถ้าจะพูดถึงเรื่องนั้นเบลลามีก็เป็นแค่สามัญชนครับ เธอเป็นเด็กทุน”
“แปลว่าพี่เสียมารยาทไปเองสินะ แต่น้องเองก็เข้าใจเลือกรักคนดีนะ ถึงพวกเราจะค่อนข้างมีอิสระในการเลือกคนรัก แต่ยังไงก็ต้องเป็นคนที่คู่ควรกับภรรยาหรือสามีหลวง”
“พูดแบบนั้นหมายความว่าอะไรล่ะครับนั่น จะบอกว่าผมชอบเธอแค่เพราะเธอเป็นสามัญชนเหรอ? อีกอย่างผมก็ไม่ได้เป็นอะไรกับเบลลามีด้วย แล้วก็..ชักเข้าใจแล้วสิว่าทำไมพี่ถึงหาสามีไม่ได้สักที”
บอกตามตรงว่าที่แองเจลิน่าพูดเชิงๆข่มเบลลามีอย่างนั้นมันทำให้ผมโกรธหน่อยๆ แล้วไอ้การเลือกคนที่คู่ควรของเธออีก ต่อให้มีคนมาชอบเธอและเธอรู้สึกชอบหน่อยๆจริงเธอก็คงจะตัดเขาออกเพราะเหตุผลไม่กี่ข้อแหง
“..ยะ อย่า—อย่าโกรธพี่เลยนะเรเซอร์!”
แองเจลิน่าพุ่งมากอดผมด้วยน้ำตา
“จะ จู่ๆก็อย่าตะโกนแบบนั้นเซ้ อายเค้าแย่”
“ช่างเถอะน่า! พี่ขอโทษจริงๆนะจ๊ะที่ทำเป็นวางกรอบให้น้อง น้องคงไม่ชอบสินะแล้วยังไปข่มใส่คนที่น้องชอบอีก”
“ไม่ได้ชอบสักหน่อย–แล้วก็ไม่ได้เป็นอะไรกับเบลลามีด้วย”
เรื่องไม่ชอบน่ะแอบโกหกนิดหน่อย แต่เรื่องไม่ได้เป็นอะไรคือเรื่องจริง ความสัมพันธ์ก็ราวๆนั้น มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน
“แล้วทำไมดูแคร์ความรู้สึกเขาจังล่ะ”
…ผมนึกถึงเรื่องราวมากมายในไลทโนเวลขึ้นมา อย่างที่เคยว่าไว้ตั้งแต่แรก เบลลามีคือแสงสว่างในชีวิตของผม
“เธอเป็นผู้มีพระคุณครับ”
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ พอพูดแบบนี้แล้วมันก็ชวนเขินเล็กน้อย
“งี้นี่เอง เดี่ยวมีเวลาพี่จะไปขอโทษเธอนะ”
“ครับ เลิกข่มเธอด้วยนะเข้าใจมั้ย”
“จ๊ะ พี่ก็ขอโทษน้องด้วยนะ อุตส่าห์เจอกันทั้งทีดันทำเสียเรื่อง ทะเลาะกันซะได้”
แบบนั้นไม่เรียกว่าทะเลาะหรอกนะ แต่ก็เอาเถอะ
“ถะ ถ้าเข้าใจแล้วก็ช่วยสั่งชุดแพงุสดอีกสิบชุดด้วยละ พี่บ้า”
ผมกอดอกทำทีเป็นซึนเดเระนั่นทำให้แองเจลิน่าปรี๊ดแตกยกมือสั่งอาหารอีกรัวๆ แล้วก็ตกลงกันด้วยว่าหลังหมดเวรทำอาหารของผมจบสักสองชั่วโมง ผมจะออกไปเที่ยวเล่นภายในงานเทศกาลโลหิตมังกรกับแองเจลิน่าและเมดๆของผมเสียหน่อย
อนึ่ง สองชั่วโมงที่ว่าคือผมมีนัดกับโซเฟียในร่างอลันแมนล่ะ แล้วก็ว่าจะไปขอโทษเบลลามีแทนแองเจลิน่าด้วย
****
(มุมมองของ เบลลามี)
เมื่อสักครู่นี้เราได้เจอกับพี่สาวของเรเซอร์ แล้วก็-หนีออกมา
“..เราจะหนีทำไมนะ” เรานั่งลงกับเก้าอี้ม้าบนสนามหญ้า และเอาหน้าซบกับหัวเข่าตัวเอง “แค่จะชวนคุยเรื่องงานเทศกาลเอง..เราไม่ได้คิดอะไรไม่ดีสักหน่อย..ไม่ได้คิดเชิงชู้สาวเลยนะ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ”
เรานั่งนิ่งแบบนั้นสักพัก พอเงยหน้ามาอีกทีก็พบว่ามีคนนั่งอยู่ข้างๆแล้ว
“ยะ โย่ว สหายเบลลามี”
โซเฟียในชุดเมดทักทายเราด้วยรอยยิ้มและประโยคพูดที่ดูฝืน
“อือ ชุดเมดสวยมากเลยนะ”
“ขอบใจสหาย สั้นหน่อยก็จริงแต่ไม่เลวเลย”
วิธีพูดแปลกตาไปนะ ..
“ไม่สบายอะไรรึเปล่า?”
“ไม่หรอก ..ฉันพูดแปลกๆไปสินะ ขอโทษนะ” โซเฟียหัวเราะพึมพำ “คือเรื่องเมื่อกี้น่ะ”
เกี่ยวกับพี่สาวเรเซอร์แน่ๆ
“เราผิดเองแหละ เราคงจะตีสนิทกับเรเซอร์เยอะเกินควรสินะ”
“อย่าคิดอย่างนั้นสิ”
“อือ แล้วโซเฟียอยากมีเรื่องกับเราเหรอ”
โซเฟียสะดุ้งเฮือกเพราะคำพูดของฉัน แต่ก็ตั้งสติได้ ซึ่งน่าแปลกว่าทำไมเธอถึงมีท่าทางอย่างนั้น
“เปล่าหรอก แค่จะมาปลอบ..น่ะ”
“ขอบใจนะ โซเฟียใจดีกับเราตลอดเลย”
“ดูฝืนๆชอบกลอะ โทษทีนะที่ฉันปลอบคนไม่ค่อยเป็น”
เราส่ายหัวให้ ถึงที่โซเฟียพูดจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยก็จริงแต่ก็รู้สึกขอบใจอยู่ดี
“อย่าไปคิดมากที่พี่สาวของเรเซอร์พูดเลยด้วยนะ จากที่ฟังดูแล้ว พี่เขาแค่คิดว่าเธอกับเรเซอร์คบกันอยู่”
“..หมายความว่าหลังจากนี้เราไม่สามารถคบได้สินะ”
-เอ๊ะ
เราพูดอะไรออกมาน่ะ
โซเฟียเองก็อึ้งเหมือนกัน
“หรือว่า”
เราไม่พูดอะไรทำเพียงก้มหน้าเก็บงำความอายเอาไว้-เราชอบเรเซอร์ก็จริง แต่ว่าในอนาคตหรือตอนนี้ห้ามมีความสัมพันธ์ที่ลึกไปกว่านี้กันเด็ดขาด
“ดีจะตายนี่!”
ทั้งๆที่เราคิดอย่างนั้น แต่โซเฟียกลับยิ้มร่าให้กับเรา
“ฉันเองก็มีคนที่ชอบเหมือนกัน ตอนเที่ยงนี้ก็นัดเดทกันไว้แล้วด้วย”
คุณอลันแมนที่เล่าให้ฟังบ่อยๆนี่เอง
“ถ้าคิดจะชอบก็ลุยเลยสิเบลลามี อย่างเรเซอร์น่ะสำหรับเธอมันง่ายๆอยู่แล้วนี่”
“ง่ายเหรอ ..เราไม่ได้เก่งเรื่องนี้นะ แล้วพี่สาวเขาดูจะไม่อยากให้มีด้วย”
“อันนั้นก็เรื่องของคุณพี่สิ เธอก็มีความรู้สึกของเธอนะ คนที่ตัดสินใจก็ไม่ใช่คุณพี่สาวแต่เป็นเรเซอร์ด้วย ให้ฉันที่เป็นสาวจิกโก๊มากประสบการณ์ความรักสอนดีมั้ย? ฉันพอจะมีเวลาอยู่ก่อนจะไปเดทกับคุณอลันแมนน่ะ”
ผู้มากประสบการณ์ความรัก สมกับเป็นโซเฟียเลย ได้พูดคุยกับคนที่สุดยอดขนาดนั้นอาจจะช่วยเราได้จริงๆก็ได้
“อือ เข้าใจแล้ว”
“ฟังไว้นะ”
ฉันพยักหน้ารับและรับฟังคำแนะนำของโซเฟียอย่างจริงจัง ..ถึงแม้ว่าจริงๆแล้วฉันก็ไม่คิดจะคบกับเรเซอร์หรอก เหตุผลน่ะมันมีอยู่ ..แล้วก็สำคัญมากด้วย ยิ่งกว่าความต่างทางฐานะหรือเรื่องใดๆ
ความรักของเราไม่สมควรได้รับการตอบรับ