เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 210
< < 137 > >
อีกด้านหนึ่งภายในงานประชุมโลกที่ถูกบิดเบือน
ราชาแห่งแซร์อิซ เรลันต้า ผู้เดินนำขบวนทุกคนอยู่นั้นจู่ๆก็หยุดเดินอย่างกระทันหัน ทำให้ผู้ที่เดินตามมาติดๆอย่างรัฐมนตรีของเนลยอน ฮิโรชิ และราชาแห่งฟัฟนิร์ อัลเบโด้ต้องหยุดเดินตามไปด้วย
จูเลียสราชาแห่งเกรลมองไปมาระหว่างเรลันต้ากับสองผู้นำของอาณาจักรมหาอำนาจ ลีออนหลับตาลง คนในชุดคลุมปริศนาจับชายเสื้อของลีออนเอาไว้ เวฟผู้ใช้วิญญาณระดับเทพและดาบโลหิตนำมือไปจับไว้ที่ด้ามจับดาบทั้งสองเล่ม ส่วนเอเธอร์นั้นยิ้มให้กับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้
“บอกตามตรงนะ นี่คือสถานการณ์วิกฤต”
เรลันต้าโพล่งขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“แน่น่อนอยู่แล้วสิ”
“เพราะอย่างนั้นนั่นแหละครับ พวกเราจึงต้องรีบรวมตัวกันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
อัลเบโด้และฮิโรชิช่วยเสริม จูเลียสเห็นก็อยากพูดด้วยเลยพูดออกไปแบบกล้าๆกลัวๆ
“ชะ ใช่แล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือการร่วมมือกันนั่นแหละ”
เรลันต้าหันมามองทุกคนยกเว้นจูเลียส พอเป็นแบบนั้นจูเลียสก็รู้สึกหน้าเสียขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“แต่ว่านะ ในหมู่พวกเราตอนนี้น่ะมีคนทรยศอยู่แน่นอน” เรลันต้าถอนหายใจแรง “จะให้ฉันร่วมมือกับคนที่ยังไงก็ต้องหักหลังกันอยู่แล้ว ทำไม่ได้หรอกนะ
พอเปิดประเด็นเช่นนั้น อัลเบโด้ก็ออกตัวมาคุยด้วย
“หมายความว่ายังไงกัน ก็จริงที่ในอาณาจักรสี่มหาอำนาจ ต้องมีสักคนที่มีตำแหน่งสูงปล่อยข้อมูล แต่ว่านะ ราชาแห่งแซร์อิซ นายเอาอะไรมามั่นใจกันว่าที่แห่งนี้ตอนนี้มีคนทรยศอยู่”
“สายลมมันบอกมาน่ะสิ”
“สายลม? นั้นรึ แบบนี้นี่เอง”
อัลเบโด้ชำเลืองมองแก่นแท้แห่งสายลม [มณีวายุ] ที่ติดอยู่ในดาบของเรลันต้า
“มณีนั่นช่วยบอกสินะ”
“ใช่แล้ว มันมีคุณสมบัติในการเสริมการคาดเดา ข้าสามารถรับรู้บางอย่างได้จากสายลมที่พัดเข้ามา ..แม้จะยืนยันเป็นบุคคลไม่ได้ แต่ในวงจำนวนคนไม่กี่คน ต้องมีคนทรยศอยู่อย่างแน่นอน”
“ถ้าอย่างนั้นแล้วจะทำอะไรต่อล่ะ?”
“การแก้ปัญหาแบบอ้อมไปมา มีแต่จะทำให้คนทรยศมันได้ข้อมูลโดยไม่ใช่เรื่อง แล้วก็อาจถูกตลบหลังได้เอาง่ายๆในช่วงอ่อนแอ ..ในกรณีที่คนทรยศมันคือเอเธอร์ หรือไม่ก็ยัยหนูในชุดผ้าคลุมนั่น” เรลันต้าแสยะยิ้มออกมา “ถ้าพวกเจ้าคนใดคนหนึ่งเป็นคนทรยศ การจะตลบหลังฆ่าทุกคนทีเผลอ มันคงเป็นเรื่องง่ายเหมือนปลอกกล้วย จริงมั้ยล่ะ”
ถึงตรงนี้ลีออนก็ออกตัว
“เอเธอร์น่ะใช่อยู่หรอก เพราะคนๆนี้เป็นสัตว์ประหลาด ต่อให้ไม่ต้องทีเผลอ พวกเราก็คงไม่รอด ไม่มีเหตุผลที่เจ้าตัวจะต้องอ้อมค้อมเก็บพวกเราไว้ให้รู้ความลับของอีกฝ่ายทีละนิดเลยครับ แค่ฆ่าให้จบๆไปก็จบแล้ว”
“อย่าเที่ยวตัดสินว่าข้าจะแพ้ทั้งๆที่ไม่ได้สู้สิ ไอ้หนู”
“ขออภัยที่เสียมารยาทครับ แต่ว่าที่น่าตะหงิดใจที่สุดคือคนของผมไปเกี่ยวอะไรด้วยกันครับ ท่านเรลันต้า”
“คิดว่าข้าไม่รู้เลยหรือไงลีออน ..รสนิยมผิดเพี้ยนไปแล้วรึไง ถึงได้พกพายัยหนูนั่นมาด้วยน่ะ ..ทีแรกก็คิดจะปล่อยไปอยู่หรอก แต่ชักอารมณ์เสียแล้วสิ ..เล่นเอาตัวภัยพิบัติมาเดินเล่นในงานประชุมโลกอันศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ หากคิดตามตรรกะแล้วมันไม่ได้ไม่ใช่รึไง ไอ้หนูลีออน”
เรลันต้าดึงดาบออกจากฝัก และยกมันขึ้นฟ้า—อากาศเกิดการสั่นไหว มานาจำนวนมากพวยพุ่งออกมารอบตัวของเรลันต้า มณีวายุเกิดการเลืองแสงขึ้น ก้อนพายุที่รุนแรงที่สุดบนโลกได้สิงสถิตอยู่ในดาบออกศึกของเรลันต้า
“…ท่านเรลันต้า ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่”
ลีออนขมวดคิ้วเข้าหากัน ในมือเกิดแสงสีทองและค่าตัวเลขหลักล้านขึ้น—มันคือรูปทรงของการใช้พลัง ‘เล่นแร่แปรธาตุ’ พลังแห่งการดัดแปลงธรรมชาติ เมื่อเรลันต้าแห่งเช่นนั้นก็ระเบิดหัวเราะออกมา
“เอาสิ ดีเลย อยากเห็นเหมือนกันว่าพัฒนาไปได้ขนาดไหนแล้ว ไอ้หนูนักเล่นแร่แปรธาตุอัจฉริยะ— ‘เจ้านักเล่นแร่แปรธาตุนอกรีต’”
ฮิโรชิร่ายเวทมนตร์ป้องกันออกมาพร้อมกับอัลเบโด้–เรลันต้าเหวี่ยงดาบที่ถูกคลุมด้วยสายลมใส่เวทย์ป้องกัน—-ปรี๊ด!!!!!!!!!!!!!! การป้องกันถูกทำลายเอาง่ายๆ ดาบที่เคลือบด้วยสายลมสังหารพุ่งเข้าใส่ลีออน ในจังหวะนั้นตัวตนในชุดผ้าคลุมก็พุ่งมารับดาบตรงๆ
ตู้ม!!!!!!
แรงปะทะที่มหาศาล ทำให้แขนของคนในชุดผ้าคลุมปลิวกระเด็นไปทั้งสองข้าง แต่นั่นก็ช่วยหยุดยั้งการโจมตีอันรุนแรงของเรลันต้าไว้ได้
และน่าแปลกที่—ในพริบตาเดียวแขนที่ถูกตัดขาดก็งอกขึ้นมาใหม่
“ถอยออกมาซะ!”
ลีออนเอ่ยคำสั่ง คนในชุดผ้าคลุมกระโดดถอยหลังหนี ลีออนใช้หมัดต่อยไปที่พื้นดิน การเล่นแร่แปรธาตุก็เกิดขึ้นตามกันมา
พื้นดินพุ่งขึ้นมาขวางข้างหน้าเอาไว้—แต่พริบตาเดียว เรลันต้าก็ทำลายมันทิ้งโดยการเตะด้วยขาเปล่าๆ
เรลันต้าวางดาบไว้บนบ่าของตัวเอง และใช้สายตามองต่ำมาที่ทุกชีวิตในที่แห่งนี้
“พอกันทีเรื่องปวดหัว จัดการรีดข้อมูลให้หมดทุกคนก็พอ”
“..ละ ละ ลีออน!!! ทำยังไงดี!?”
จูเลียสผู้เป็นพ่อสติแตก แน่นอนว่าทุกคนในที่แห่งนี้(ยกเว้นเอเธอร์)ต่างตกใจ บ้างก็ตาค้าง บ้างก็เหงื่อตก แต่คนที่ดูสติจะกระเจิงมากที่สุดน่าจะเป็นจูเลียส
“ท่านพ่อมาหลบอยู่หลังผม”
“ขะ เข้าใจแล้ว!”
จูเลียสทำตามที่สั่ง เรลันต้าเห็นท่าทางของจูเลียสก็หัวเราะออกมา
“ขี้ขลาดจริงๆเลยนะ รีบๆตายแล้วให้ไอ้หนูขึ้นเป็นราชาได้แล้ว”
“วะ ว่าไงนะ!?”
“เห้ย เวฟ!! เล่นไอ้ขี้เก็ทนั่นที!”
เวฟถอนหายใจออกมา ก่อนจะดึงดาบโลหิตทั้งสองเล่มออกจากฝัก
“หยาบคายจริงๆนะครับ เรลันต้าเนี่ย”
เอเธอร์พึมพำทั้งรอยยิ้ม เวฟหรี่ตามองแบบเซ็งๆ
“หมายถึงเอเธอร์ใช่มั้ย”
“เออสิ!!”
“ก็แค่นั้น ไอ้ราชาเฮงซวย”
กล่าวจบเวฟก็พุ่งโจมตีเอเธอร์—เอเธอร์ที่ถูกเวฟชนก็ปลิวไปตามแรง จนแยกออกจากกลุ่มไป
เรลันต้ามองส่งเวฟก่อนจะหันมามองทุกคนที่เหลือในที่แห่งนี้ ได้แก่ อัลเบโด้ ฮิโรชิ ลีออน จูเลียส แล้วก็คนในชุดคลุมที่แสนน่ารังเกียจ
“กัดฟันให้แน่นๆละ”
สายลมจำนวนมากมารวมอยู่ที่รอบตัวของเรลันต้า ตามคำสั่งของมณีวายุ สายลมที่ล้อมรอบนั้นเปรียบได้เสมือนโล่ป้องกันความเสียหาย เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกนักดาบรึนักเวทย์ขั้นสูงจะเจาะโล่ป้องกันนี่ไปได้ และไม่ใช่แค่นั้น สายลมทั้งหมดยังช่วยเสริมทั้งพลังทำลายและพลังเวทย์ของเรลันต้าอย่างมหาศาล แล้วก็สายลมทั้งหมดมีเวลาคงอยู่แทบจะตลอดเวลา
เพราะว่า—ผู้ถือครองแก่นแท้แห่งธาตุ จะใช้มานาน้อยลงสิบเท่าต่อธาตุที่ตัวเองถือครอง เพียงแค่นั้นไม่พอ ผู้ถือครองจะไม่ได้รับความเสียหายทั้งหมดเกี่ยวกับเวทย์ลมของศัตรู กลับกัน หากถูกลมโจมตีด้วยธาตุลม เรลันต้าจะได้รับการฟื้นฟูมานาแทน หรือถ้ามีลมพัดผ่านมาเฉยๆ มานาก็จะได้รับการฟื้นฟูเช่นกัน
นี่คือความสามารถที่บ่งบอกว่า—เรลันต้าคือราชาที่แข็งแกร่งที่สุด
“สายลมเอ๋ย จงบดขยี้ศัตรูของข้าเสีย!”
การลงดาบเพียงครั้งเดียวของเรลันต้า มากพอจะทำลายกองทัพขนาดย่อมให้กระเจิงได้—ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
****
“รุนแรงจังเลยนะครับ”
“ช่วยไม่ได้นี่ คนระดับคุณถ้าไม่ใส่สุดก็คงไม่มีประโยชน์อะไร”
“ขอบคุณสำหรับคำชมครับ”
เอเธอร์และเวฟยืนประจันหน้ากันในห้องที่ไร้ผู้คน จะมีก็แค่รากไม้ที่ขยับไปมาอย่างน่าสยอง
…
…
ไม่มีใครขยับก่อนเลย เวฟไม่กล้าขยับก่อน คิดว่าควรดูเชิงเอเธอร์ก่อนจะดีกว่า แต่ทางด้านเอเธอร์นั้นที่ไม่ขยับเป็นเพราะกำลังจ้องดาบคู่ในมือของเวฟจนเพลินตา
เมื่อมองจนหนำใจแล้ว เอเธอร์ก็เริ่มเปิดปากพูด
“ดาบโลหิตนั่น สวยดีนะครับ สมกับคำรำรือที่ว่าเป็นดาบที่สวยที่สุดบนโลกเลย ถือว่าเป็นบุญตามากจริงๆที่ได้เห็นมันกับตัวเช่นนี้”
“อ๊ะ ..ไม่ขนาดนั้นหรอก”
“ครับ จะว่าไปคุณคือผู้ใช้วิญญาณระดับเทพด้วยสินะ ขอทราบชื่อได้หรือไม่”
เอเธอร์พูดคุยอย่างเป็นกันเองจนน่าแปลกใจ เวฟที่ยังงงๆอยู่ก็ตอบเขาไปทุกคำถาม
“เวฟ ..เป็นทหารรับจ้าง”
“เรลันต้าเขาจ้างมาสินะครับ”
“ก็ใช่—-ไม่สิ ไม่ชิลไปหน่อยหรือไงน่ะ” เวฟตั้งท่าวิชาสองดาบอย่างจริงจัง “ฉันเป็นศัตรูนะ ได้รับคำสั่งให้ฆ่าคุณเชียวนะ ต่อให้จะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ไม่ประมาทจะดีกว่านะ”
เอเธอร์ได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มให้อีกครั้ง จนเวฟแอบแก้มแดงนิดหนึ่ง
“อะ อะไร!?”
“เปล่าครับ แค่คิดว่าใจดีจังเลยนะ ที่เตือนผมก่อนจะเริ่มสู้เนี่ย”
“…ช่างฉันเถอะน่า อย่ารู้เรื่องของฉันมากเลย
เอเธอร์ไม่ฟังคำเตือนของเวฟ เขาใช้ดวงตามหาปราชญ์มองเข้าไปในตัวเวฟ ก่อนจะหัวเราะพึมพำขึ้นในลำคอ
“มีอะไรน่าตลกกัน”
“ชื่อเวฟสินะครับ”
“อ่า บอกไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้ไม่ใช่รึไง”
“–เวฟเนี่ยเพี้ยนพอตัวเลยนะครับ”
หา??
เอเธอร์ค่อยๆเดินเข้ามาหาเวฟ ทางด้านเวฟนั้นก็เขยิบตัวหนีไปทีละก้าวตามเอเธอร์
“คุณลุง พี่สาว แล้วก็น้องสาวสินะครับ เป็นความสัมพันธ์ที่พิเศษเหลือเกินนะครับ เวฟกับทั้งสามเป็นครอบครัวที่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ ผมขอยอมรับจากใจจริงเลยครับ”
“..นี่แก อย่าบอกนะว่ามองเห็นน่ะ”
เอเธอร์ชี้ไปที่ดวงตามหาปราชญ์ที่ส่องแสงสวยงามของตัวเอง
“ใช่ครับ เห็นทุกอย่างเลย—รวมถึงเรื่องความจริงที่คุณกำลังตามหาอยู่ ผมก็รู้แล้วนะ อยากทราบรึเปล่าครับ?”
“จริงเหรอ!?”
เวฟเผยยิ้มราวกับเด็กน้อยออกมา
“แต่น่าเสียดาย คิดว่าไม่บอกน่าจะดีกว่า”
…เวฟกำดาบในมือแน่น จิตสังหารพวยพุ่งออกมาเป็นจำนวนมหาศาล จิตคุกคามปกคลุมตัวของเอเธอร์เอาไว้ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าเอเธอร์จะสวนกลับเลย เขากำลังวิเคราะห์อยู่ กำลังทำความเข้าใจตัวตนของเวฟด้วยความบันเทิง
“อยากแนะนำคุณให้เรเซอร์รู้จักเลยนะครับ”
“แก!!!!!!!”
เวฟฟิลด์ขาดพุ่งเข้าใส่เอเธอร์อย่างไม่คิดชีวิต เอเธอร์ปิดใช้งานดวงตามหาปราชญ์–
ดาบสองเล่มถูกเหวี่ยงเข้าใส่อย่างรวดเร็ว เอเธอร์ใช้มือรับดาบเล่มนั้นไว้ตรงๆ—หืม? และต้องแปลกใจนิดหน่อยที่ดาบสามารถทะลุผิวหนังของเอเธอร์ได้ง่ายๆ ดีที่เอเธอร์ดึงมือออกมาทัน ทำให้ไม่ถึงกับมือขาด แค่มีรอยบาดนิดหน่อยเพียงเท่านั้น
เวฟไม่รอช้ากระหน่ำโจมตีใส่เอเธอร์ราวกับหมาคลั่ง
“ระดับสูงใช้ได้เลยนะครับ ในฐานะนักดาบนับว่ายอดเยี่ยมมาก ตัวดาบโลหิตเองก็มีพลังทำลายพื้นฐานที่ไม่เลว ทักษะ โครงสร้างร่างกายก็เข้ากับตัวดาบ”
เอเธอร์ใช้มือรับการโจมตีราวสิบกว่าครั้งได้ ทำให้เกิดรอยแผลเยอะขึ้นเรื่อยๆ และเลือดก็หยดตามพื้น—เวฟประสานดาบทั้งสองเล่มเข้าด้วยกัน ทันใดนั้นเลือดที่หยดตามพื้นก็ไหลเข้าสู่ดาบของเวฟ และบาดแผลของเอเธอร์ก็ขยายใหญ่ขึ้น เนื่องจากว่าเลือดในร่างกายถูกดาบโลหิตดูดไปเป็นจำนวนมหาศาล
ดาบโลหิตทั้งสองค่อยๆแปรรูปเป็นดาบที่คมยิ่งกว่าเดิม และมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นแต่เหมือนว่าน้ำหนักจะเท่าเดิม
เวฟใช้ดาบสองเล่มฟันใส่เอเธอร์จากระยะไกล—มันคมมากจนสามารถสร้างความเสียหายได้ทั้งๆที่ฟาดอากาศ เอเธอร์เอียงคอหลบทุกการโจมตี
“มีความสามารถในการดูดเลือดไปเสริมพลังให้ตัวดาบได้เรื่อยๆ ในระยะยาว เป็นตัวดาบที่อันตรายไม่น้อยเลย เพราะเพียงแค่ดูดเลือดของผมไปนิดเดียว พลังทำลายก็มหาศาลเกือบเท่าพวกวิชาดาบขั้นบรรลุดีๆแล้ว ทั้งๆที่ทำแค่ตีเปล่าๆ ..สมกับเป็นดาบของแวมไพร์ในตำนานดีนะครับ”
“ไม่ต้องมาวิเคราะห์กันเลย”
เวฟพุ่งโจมตีเอเธอร์ แต่ครั้งนี้ผสานด้วย [ดาบประกายแสง]
เอเธอร์เร่งฝีเท้าเล็กน้อย—พุ่งผ่านดาบทั้งสองเล่มของเวฟ และกระซวกไส้เวฟภายในพริบตาเดียว
“อั้ก!”
เวฟกระอั้กเลือดออกมา เลือดจำนวนมากพุ่งออกจากร่างกาย—ในสภาพแบบนี้ ไม่ต่างกับคนตายแล้ว
ทว่า
“แบบนี้นี่เอง”
ร่างกายที่กำลังจะตายของเวฟ จู่ๆก็ฟื้นฟูกลับมาเหมือนไม่เคยได้รับบาดเจ็บ ..จะมีก็แค่เลือดจำนวนมากที่ติดตามพื้นและร่างกายของเวฟ ที่เป็นเครื่องบ่งบอกว่าเวฟเคยผ่านความตายมาแล้ว
“วิญญาณระดับเทพผู้มีความ [อมตะ] สินะ รู้สึกจะชื่อว่า ‘วาราลี่’ หญิงสาวผู้ใช้วิญญาณระดับเทพ มนุษย์ที่เข้าใกล้ความเป็นอมตะได้มากที่สุดบนโลกใบนี้ คู่ปรับตลอดกาลของราชาไสยศาสตร์แรกซ์ อีกทั้งยังเป็นเจ้าลัทธิที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีต ..หืม?”
และน่าแปลกยิ่งกว่าเก่า—ที่อยู่ดีๆบริเวณแผลเดียวที่เกิดกับเวฟ ดันมาเกิดกับเอเธอร์ซะเอง
แรงกระซากไส้ของเอเธอร์ถูกส่งกลับมาที่ตัวเองแทนเสียอย่างนั้น ดีที่ร่างกายเอเธอร์นั้นเข้าขั้นสัตว์ประหลาด ทำให้ไม่เกิดความเสียหายที่มากไปกว่ามีรอยแผลจางๆพร้อมกับเลือดที่ฉิบออกมาไม่มาก
“ไม่ใช่แค่อมตะ แต่ยังสามารถส่งความเสียหายที่ได้รับคืนมาให้ผู้กระทำได้อีกด้วยสินะครับ”
“..ดาบโลหิต กลืนกินซะ”
เลือดที่ท่วมอยู่รอบตัวของเวฟถูกดูดเข้าดาบโลหิต และทำให้ดาบคู่โลหิตนั้นคมยิ่งขึ้น อีกทั้งยังดูดเลือดจากแผลเล็กน้อยของเอเธอร์ไปด้วย
“ความสามารถทั้งหมดเข้ากันดีจนแอบน่ากลัวเลยนะครับ”
ร่างกายที่เป็นอมตะ และสะท้อนความเสียหายได้ เลือดที่ได้จากการต่อสู้จะคูณสองตลอด ทั้งหมดจะถูกส่งไปให้ดาบโลหิตเรื่อยๆจนทำให้ดาบคู่ทรงพลังขึ้นเรื่อยๆเรื่อยๆอย่างไม่รู้จบตลอดการต่อสู้ ยิ่งสู้นานเวฟก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น เพราะเป็นอมตะ แถมยังเป็นอมตะที่คู่ต่อสู้ไม่สามารถทำร้ายตัวเองได้ ไม่นั้นจะถูกความเสียหายที่กระทำไว้ส่งคืนกลับมาอีก และทั้งหมดก็มาเป็นเชื้อเพลิงให้เวฟไล่ต้อนได้ดียิ่งขึ้น ยังไม่รวมความสามารถที่ดึงเลือดออกจากบาดแผลได้อีกที่หากคนที่โดนดูดเป็นเพียงทหารทั่วๆไป ก็คงตายเอาง่ายๆแล้ว
ทุกความสามารถที่มีต่างส่งกันไปมาอย่างสมบูรณ์แบบ ..เวฟคือผู้ถือครองที่เข้ากับวิญญาณระดับเทพมากที่สุด อีกทั้งยังเข้ากับดาบโลหิตมากที่สุดอีกด้วย
“ว่าตามตรง ความแข็งแกร่งของคุณไม่มีทางถึงท็อปโลก แต่ถ้าผมยังดึงดันจะต่อสู้กับคุณต่อไปก็คงทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด จนสุดท้ายก็จะไปถึงท็อปโลกได้ชั่วขณะหนึ่งอย่างแน่นอน”
ถ้านี่เป็นการต่อสู้ในสนามรบที่มีคนตายเกลื่อนมากมาย ความสามารถของดาบโลหิตจะแสดงพลังออกมามากกว่านี้อีกมาก คาดว่าเพียงไม่กี่นาที ด้วยพลังของดาบโลหิตและวิญญาณระดับเทพของตัวเอง เวฟก็จะยกระดับตัวเองขึ้นมาทัดเทียมกับตัวตนชั้นสูงบนโลกได้ไม่ยาก
เป็นตัวตนที่เกือบจะสมบูรณ์แบบ
“พูดถึงข้อเสีย คงมีแค่ตัวผู้ใช้ที่ระดับไม่ได้สูงมากกระมังครับ”
ถ้าหากคนที่ถือครองความสามารถทั้งหมดเป็น ไรเดน อาคาสะ ละก็เอเธอร์อาจจะพ่ายแพ้ให้แก่ไรเดนไปแล้วก็เป็นได้–ว่าไปนั่น
“อยากพูดอะไรก็พูดไปเถอะ ฉันไม่ได้อยากจะแข็งแกร่งอะไรอยู่แล้ว ที่ต้องการก็แค่อยากจะกลับไปเจอครอบครัวอีกครั้งก็แค่นั้น—ต่อให้เป็นเอเธอร์คนนั้น แต่ถ้ามาขวางทางฉันก็จะฆ่าทิ้งซะ!”
เพราะอย่างนั้นถึงได้โกรธเอเธอร์ที่รู้เบาะแสแล้วแต่ก็ไม่ยอมบอกตัวเอง—เวฟวิ่งเข้าใส่เอเธอร์อีกครั้ง
ดวงตามหาปราชญ์เลืองแสงขึ้น เอเธอร์ก้าวเท้าหนึ่งจังหวะ เพราะคำนวณความเร็วของเวฟไว้แล้วว่าจะมาถึงตัวเองได้พอดี และจังหวะก้าวเท้านี้ก็ทำให้เอเธอร์อยู่ในจุดโจมตีที่ได้เปรียบกว่า
เวฟที่ติดกับพึ่งจะรู้สึกตัวก็รีบใช้ดาบฟันสวนทันที เอเธอร์หลบดาบโลหิตและใช้มือแทงเข้าไปที่กลางหน้าอกของเวฟ
เลือดจำนวนมหาศาลพุ่งออกจากกลางอก—เอเธอร์ใช้มือที่ค้างอยู่ในร่างลากมือลงต่ำ
เสียงฉีกขาดของกล้ามเนื้อดังขึ้นอย่างน่าสยอง ร่างกายของเวฟเกิดเป็นรอยขนาดยักษ์ตั้งแต่หน้าอกลงมาถึงหน้าท้อง
เอเธอร์ดึงแขนออกจากร่าง โดยที่ตัวแขนนั้นไม่มีเลือดติดอยู่เลยแม้แต่หยดเดียว
ร่างกายของเวฟค่อยๆเซลงกับพื้น ..
“จบกันแค่นี้แหละ เอเธอร์”
เวฟกล่าวเช่นนั้น จากนั้นไม่นาน ร่างกายของเอเธอร์ก็จะได้รับความเสียหายย้อนกลับ เวฟจะได้รับการฟื้นฟูและได้รับเลือดจำนวนมหาศาลมาเสริมให้ตัวเองอีกต่อ
เป็นการเดินเกมที่โง่เขลา เอเธอร์สมควรถูกด่าเช่นนี้ ..ถ้าหากว่าทั้งหมดเกิดขึ้นตามที่เวฟคาดไว้จริงๆละก็—
“–เอ๊ะ ..ทำไม”
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ร่างกายไม่ได้รับการรักษา เอเธอร์ไม่ถูกความเสียหายย้อนกลับ จะมีก็แค่เวฟที่อยู่ในสภาพปางตายเท่านั้น
“เป็นไปไม่ได้ ..ทำไมนายถึงได้ ..หักล้างเหรอ? ไม่ใช่ ไม่มีทางเป็นอย่างนั้นได้ บนโลกนี้ไม่มีใครที่จะหักล้างพลังของฉันได้!!”
“บนโลกนี้ที่ว่ามันกว้างประมาณไหนหรือครับ”
“..หา?”
“อย่างน้อยก็ไม่ใช่โลกที่ผมอยู่นะครับ เวฟ”
สติกำลังจะเลืองหาย ร่างของเวฟค่อยๆล้มลงกับพื้นอย่างหมดรูป หัวของเวฟติดอยู่กับพื้น ..เอเธอร์มองภาพที่เกิดขึ้นอย่างไร้ความรู้สึก
“สุดท้ายมนุษย์ผู้ใกล้เคียงความอมตะที่สุด ‘วาราลี่’ ก็ไปถึงได้แค่ใกล้เคียง ..พลังอมตะที่สะท้อนความเสียหายได้ แท้จริงแล้วไม่ใช่อมตะ เรียกว่ากึ่งอมตจะไม่ได้เสียด้วยซ้ำครับ” เอเธอร์พูดต่อ “วิชาไสยศาสตร์ [อมตะ] ที่ถือครองนั้นเป็นเพียงการสร้างกฏขึ้นมาบนโลก อีกทั้งยังเป็นกฏครึ่งๆกลางๆที่เทียบไม่ได้กับกฏของโลกจริงๆ เพราะอย่างนั้นวิธีชนะจึงมีอยู่ ..เหมือนกับเมื่ออดีตที่วาราลี่ได้พ่ายแพ้ให้แก่ราชาไสยศาสตร์ ผมเองก็น่าจะใช้วิธีเดียวกับแรกซ์ครับ”
“..วิธี..เดียว?”
“ใช่ครับ นั่นคือการแทรกแซงกฏครึ่งๆกลางๆที่สร้างขึ้นให้ใช้งานไม่ได้ชั่วขณะหนึ่ง”
เวฟหายใจทางปาก และยิ่งหายใจเลือดก็ยิ่งออกจากปากและจมูกมากขึ้น ทุกการหายใจทำให้เวฟรู้สึกทรมานระดับที่ตายไปเลยยังจะดีกว่า ..
“การทำแบบนั้นได้ ..คนที่ทำอย่างนั้นได้ บนหน้าประวัติศาสตร์ควรมีแค่ราชาไสยศาสตร์คนเดียวไม่ใช่หรือไง ..เอเธอร์ไม่ใช่ผู้ใช้วิชาไสยศาสตร์สักหน่อยนี่”
“ผม ‘แข็งแกร่งที่สุด’ ครับ คิดว่านั่นคือกฏของตัวผม เพราะอย่างนั้นการจะทำอย่างแรกซ์ได้ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรนี่ครับ หากคิดตามนี้แล้ว”
“เข้าใจไม่ได้ ..เข้าใจไม่ได้ก็จริง แต่ว่า..รู้เลยละว่านาย..แข็งแกร่งเกินไป ..เกินไปจริงๆ” เวฟเงยหน้ามองเอเธอร์ “ถึงอย่างนั้นฉันก็จะตายไม่ได้!”
ดาบโลหิตทั้งสองเล่มไขว่หากัน จากนั้นก็เกิดบอลโลหิตขึ้น—บอลโลหิตดูดกลืนเอาเลือดทั้งหมดทั่วทั้งที่แห่งนี้ไปจนหมด จากนั้นบอลโลหิตก็แปรรูปกลายเป็น–หอกโลหิตทรงอัศวินขึ้น
เวฟคว้าหอกโลหิตเอาไว้ และแทงเข้าใส่เอเธอร์สุดแรงเกิด—ตัวหอกส่องแสงสีแดงที่สวยงามออกมา
“[บลัดเรย์]!!!!!!!!!!!!”
เอเธอร์ใช้มือรับปลายหอกเอาไว้—ปรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! แรงปะทะที่มหาศาลจนเกินไปทำให้พื้นที่รอบๆสั่นสะเทือนคล้ายจะระเบิดอย่างไรอย่างนั้น
เอเธอร์ยิ้มให้เวฟอีกครั้งเมื่อได้เห็นการโจมตีนี้
“นี่คือก้นหีบของดาบโลหิตสินะครับ ยอดเยี่ยมเลย [บลัดเรย์] ที่ว่าคือการละลายเลือดทั้งหมดเพื่อก่อให้เกิดการโจมตีต้องห้ามสินะครับ เป็นความสามารถที่ประมาทไม่ได้เลยนะครับ”
มือของเอเธอร์เกิดแผลที่ไม่น่ามองขึ้นระหว่างการชนกันตรงๆ
“ฉันจะตายไม่ได้! จะตายไม่ได้จนกว่าจะหาทั้งสามคนจนพบ!! จะตายไม่ได้เด็ดขาด!! จะต้องกลับไปหาทุกคนให้ได้!!!!!!”
เวฟปลุกใจตัวเองสุดชีวิต เขาใช้แรงทั้งหมดที่เหลืออยู่ใส่พลังทั้งหมดไปไว้ที่หอกโลหิต–
“น่าเสียดายนะครับ”
เอเธอร์ใช้มืออีกข้างจับบริเวณข้างๆของหอก จากนั้นก็ทำการบีบ—เพียงแค่นั้นหอกโลหิตก็แตกกระเจิง และค่อยๆกลับร่างดาบคู่ตามเดิม
การโจมตีต้องห้าม [บลัดเรย์] ถูกทำลายทิ้งอย่างไม่น่าเชื่อ ..
“..หา?”
เวฟนั่งเหวอในสภาพปางตาย
“บีบให้แตกในทีเดียวเนี่ยนะ ….ตัวประหลาดอะไรกัน”
“เป็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมมากครับ ผมจะจดจำชื่อของคุณเอาไว้เพื่อเป็นเกียรติแก่คุณนะ”
เอเธอร์พูดอย่างสุภาพ
“ดะ เดี่ยวสิ ขอร้องละ ขอให้ฉันได้เจอกับทุกคนก่—-”
แพละ …พูดไม่ทันจะจบ เอเธอร์ก็ใช้ขาถีบหัวของเวฟจนเละ ร่างที่ไร้ศรีษะทำท่าจะกระแทกกับพื้นแต่เอเธอร์ได้ใช้มือรับเอาไว้ และค่อยๆวางร่างนั้นลงอย่างอ่อนโยน
“ขอเก็บดาบโลหิตไปนะครับ”
เอเธอร์คว้าดาบโลหิตคู่ไว้กับตัว จากนั้นก็เริ่มออกเดิน ..ทว่ากลับถูกแขนของร่างไร้วิญญาณดึงเอาไว้ก่อน
“..”
ร่างที่มีแผลขนาดใหญ่กลางท้อง และไร้ซึ่งหัว ค่อยๆงอกเนื้อขึ้นมาใหม่
น่าขยะแขยง แต่เพียงไม่นานทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิม ..จากคนตาย กลายเป็นคนมีชีวิต
“..พลังของวาราลี่นั้นเหรอ?”
เหมือนจะไม่ใช่
เอเธอร์สลัดแขนของเวฟออก และยืนจ้องสิ่งที่กำลังจะเกิดต่อจากนี้—ตัวประหลาดในรูปทรงของวิญญาณปรากฏตัวขึ้น
ตัวประหลาดที่ไม่มีขา มีแต่ตัวที่ต่อกับร่างของเวฟค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนตัวใหญ่เกือบเท่าทั้งห้องที่ว่างเปล่านี้
เอเธอร์เปิดใช้งานดวงตามหาปราชญ์ จ้องตัวประหลาดตรงหน้า ..
“วิญญาณร้าย? ..แหม่..เจอของใหญ่เข้าให้แล้วสิครับ”
วิญญาณร้ายเหวี่ยงแขนใส่เอเธอร์—เอเธอร์ตอบรับการโจมตีนี้อย่างซื่อสัตย์โดยการแลกหมัดตรงๆ
“หืม?”
รู้ตัวอีกที ร่างของเอเธอร์ก็ติดอยู่กับกำแพงในห้อง อยู่ห่างกับวิญญาณร้ายราวๆสี่เมตร
หมายความว่าแพ้ในการชนหมัดตรงๆ
เอเธอร์ยิ้มออกมาเหมือนทุกที ค่อยๆกระโดดลงจากกำแพงและมองดูวิญญาณร้ายจากระยะไกล—วิญญาณร้ายโอบร่างของเวฟเอาไว้ จากนั้นมันก็ร้องไห้ออกมา มันร้องไห้เป็นสีเลือด ร้องไห้คล้ายว่าโลกกำลังจะแตก ร้องไห้ราวกับว่าเวฟคือทุกสิ่งของมัน จากนั้นก็มองหาผู้ที่ทำให้เวฟเป็นแบบนี้ซึ่งคนๆนั้นคือเอเธอร์
วิญญาณร้ายจับหัวที่กำลังจะระเบิดของตัวเอง หมุนมันไปมาและกรี๊ดร้อง
‘ฆ่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!’
ฆ่า? ฆ่าใครกัน ไม่ต้องเดาก็รู้
คนเดียวที่ทำให้เวฟสุดที่รักของวิญญาณร้ายต้องเจ็บหนักก็คือเอเธอร์นั่นแหละ
“หมายหัวผมเหรอครับ วิญญาณร้ายของเวฟ น่าสนใจจริงๆ ไม่ใช่แค่ถือครองวิญญาณระดับเทพกับดาบโลหิต นี่ยังครอบครองวิญญาณร้ายขนาดยักษ์ไว้กับตัวอีก” เอเธอร์เดินเข้าใส่วิญญาณร้ายโดยไร้ซึ่งความหวาดกลัว “ขอทดสอบหน่อยเถอะครับ ว่าวิญญาณร้ายในตัวคุณมันแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่”
‘อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!’
วิญญารร้ายเหวี่ยงแขนใส่สุดแรง เอเธอร์ออกหมัดสวนเหมือนเดิม และผลลัพธ์ก็เหมือนกับก่อนหน้านี้—ร่างของเอเธอร์ปลิวไปกระแทกกับบนเพดานก่อนจะหล่นลงพื้น ..เอเธอร์ลุกขึ้นยืนมาใหม่อีกครั้งในสภาพที่..มีเลือดไหลท่วมทั้งตัว
เอเธอร์มองบาดแผลตามร่างกายด้วยสีหน้าที่แปลกใจนิดหน่อย
“..เกินคาดไปไกลเลยนะครั–”
วิญญาณร้ายพุ่งมาซัดเอเธอร์จนปลิวอีกครั้ง เอเธอร์ที่กระเด็นไปตามพื้นตั้งหลักได้ภายในพริบตาเดียว จากนั้นก็เริ่มใช้เวทมนตร์เข้าต่อสู้กับวิญญาณร้าย
เอเธอร์ยิ่งเวทย์เข้าใส่วิญญาณร้อย—และทั้งหมดก็ถูกปัดทิ้งเอาง่ายๆ วิญญาณร้ายเร็วยิ่งกว่าเดิมและมีพลังยิ่งกว่าเดิม มันตามความเร็วของเอเธอร์ได้ทันและซัดเอเธอร์เข้าที่กลางหน้าท้องจนปลิวไปชนกำแพงอีกรอบ เอเธอร์ลุกขึ้นมาตามเดิม บาดแผลมากขึ้นกว่าเก่ามาก เพราะการโจมตีของวิญญาณร้ายมันแรงขึ้นทุกครั้ง
“รู้แล้ว ..เข้าใจแล้วครับ แบบนี้นี่เอง ทุกอย่างประติดประต่อกันหมด” เอเธอร์เดินเข้าใส่อีกครั้ง “จุดรวมจิตวิญญาณของโลกใบนี้ หลุมศพวาราลี่ สนามรบสุดท้ายของราชาแวมไพร์ ทุกอย่างเกิดขึ้นในที่เดียวกัน อาศัยอยู่่ด้วยกัน และเชื่อมถึงกันหมด ..น่าสนใจ ที่น่าสนใจที่สุดก็คงเป็นคุณกระมังครับ”
เอเธอร์มองไปที่วิญญาณร้ายที่กำลังคลั่งได้ที่
“จิตวิญญาณอันสูงส่งที่แปรเปลี่ยนเป็นความชั่วร้าย ..วิญญาณร้ายที่เกิดจากความชั่วร้ายทั้งหมดบนโลก อำนาจแห่งทวยเทพที่ปนเปื้อน ‘อานิม่า(เทพแห่งจิตวิญญาณ)’ ช่างเป็นจิตวิญญาณที่น่าขยะแขยง ไม่คิดเลยนะครับว่าทวยเทพเองก็ตกต่ำได้ขนาดนี้”
‘..ฆ่า’
“เข้าใจแล้วครับ ผมจะเป็นคู่มือให้จนกว่าจะพอใจเอง อานิม่าเอ๋ย”
‘จะฆ่า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!’