เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 143: แหงนหน้ามองฟ้า (7)
- Home
- เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
- ตอนที่ 143: แหงนหน้ามองฟ้า (7)
< < 109 Sec7 > >
‘จงฆ่า เรเซอร์ ดราแคล์ ซะ’
ทวยเทพกล่าวเช่นนั้นกับโซล่า เลนนอน ผู้ได้รับฉายา ‘เทพธิดาผู้สร้าง’
“..ทำไมต้องคุณเรเซอร์ล่ะคะ?”
โซล่าถามกลับด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด
กระดาษสีขาวคือร่างจำแลงเจตจำนงของเทพ ซึ่งเขียนไว้ว่า ‘จงฆ่า เรเซอร์ ดราแคล์ ซะ’ มันพลันเปลี่ยนอักษรเป็น ‘เพราะเขาคือข้อผิดพลาดของโลก ตัวตนของคนๆนั้นจะทำให้โลกใบนี้มุ่งสู่จุดจบ’
เรเซอร์จะเป็นคนที่นำจุดจบมาสู่โลก ..เมื่อได้ยินอย่างนั้นโซล่าก็ใจสลาย เรื่องราวในฝันของเธอถูกทำลายจนป่นปี้ เธอเชื่อที่เทพกล่าวมาทั้งหมดเพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่เชื่อเทพ—สัญชาตญาณของเธอบอกอย่างนั้น
บางทีอาจเป็นเพราะเทพมีออร่าพิเศษก็เป็นได้
“..คุณเรเซอร์ทำอะไรผิดหรือคะ ..”
เนื้อความกระดาษเปลี่ยนรูปตอบโต้คำถามของโซล่าอีกครั้ง
‘ไม่มีใครผิดหรอก ..ถ้าจะโทษก็คงต้องโทษโชคชะตา’
โชคชะตา เหมือนดั่งความรักที่เธอมีให้เรเซอร์ มันคือโชคชะตา ..เป็นสิ่งที่ปฎิเสธไม่ได้ โซล่าหรี่ตาลงคล้ายจะยอมรับในโชคชะตาที่เทพกล่าวมา ทว่า—-ข้อเสนอที่แสนหอมหวานก็ถูกยื่นให้
‘ถึงอย่างนั้นก็ยังมีวิธีช่วย เรเซอร์ ดราแคล์ อยู่’
ทันทีที่ได้ยินใบหน้าของโซล่าก็สดใสขึ้นมาทันที เธอตั้งใจจะคว้าข้อเสนอนั่นไว้ ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องช่วยเรเซอร์ให้ได้ ไม่ว่ายังไงก็ตาม—-ทว่า
ข้อเสนอที่แสนจะหอมหวานแปรเปลี่ยนกลายเป็นข้อเสนอที่แสนเจ็บปวดแทน
‘โดยการฆ่ายูจิแทน’
เพื่อช่วยเรเซอร์ ยูจิจะต้องตาย …แน่นอนโซล่าให้ความสำคัญกับเรเซอร์เป็นที่หนึ่งอยู่แล้ว เรเซอร์สำคัญที่สุดสำหรับเธอ เธอมีแค่เรเซอร์ ..ก่อนหน้านั้นเธอคิดเช่นนั้นแต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่แล้ว
แต่–แต่ว่า ..ยังไงเรเซอร์ก็สำคัญกว่ายูจิอยู่ดี
‘..เจ้าคงจะไม่เชื่อที่ข้าจะเล่าต่อจากนี้ แต่ยังไงก็ช่วยฟังด้วย’
เทพกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูเศร้าสร้อย โซล่าที่ตัดสินใจได้ตั้งแต่แรกแล้วก็พยักหน้ายอมฟังเรื่องของเทพ
‘นามของข้าคือ ออโรโบรอส เทพแห่งวัฐจักร ..เรียกข้าว่า–ออร่าก็ได้’
หนึ่งในเทพทั้งสิบในตำนาน ออร่าได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้โซล่าฟัง
เรื่องราวของโลกใบนี้ที่ไม่ใช่เรเซอร์คนนี้ โลกแตกต่างกับปัจจุบันนี้ ปราศจากการต่อสู้ที่อาณาจักรฟัฟนิร์ ประสาทเทล่าเทลไม่ได้ถูกทำลาย ราชาอัศวินยังคงดำรงตำแหน่งต่อไป โลกควรจะดำเนินไปอย่างสงบสุขในช่วงสิบกว่าปีมานี้ แต่ทันทีที่เรเซอร์คนใหม่ปรากฏตัวขึ้น โลกก็เข้าสู่หายนะและในไม่ช้าก็คงจะเกิดมหาสงครามเฉกเช่นเดียวกับเมื่อสมัยอดีต เพียงแต่ทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะคนๆเดียว ไม่ใช่เพราะคนหลายคน และมันเกิดได้โดยผิดธรรมชาติ
ถ้าหากโลกไม่มี เรเซอร์ ดราแคล์ เรื่องราวทั้งหมดไม่มีทางหายนะดั่งทุกวันนี้แน่ๆ ก็จริงที่สงครามในอีกไม่ช้ามันคงเกิดขึ้นเพราะชายที่ชื่อว่า ‘เรน’ เพียงแต่มันไม่ควรเป็นตอนนี้ และทุกอย่างมันเร็วเกินไปอย่างผิดเพี้ยน แม้แต่เทพก็ไม่สามารถควบคุมสถานะการณ์ในตอนนี้ได้
ออร่าเล่าว่าเหตุการณ์แบบนี้มันเหมือนกับคราวของจอมมาร ..จอมมารเองก็เหมือนเรเซอร์ เธอคือ ‘ข้อผิดพลาดของโลก’ ที่เกือบจะนำพาโลกไปสู่จุดจบ เธอเปรียบได้ดั่งทรชน เธอฆ่าเทพไปถึงเก้าตน ฆ่าสาวกของทวยเทพไปจนเกือบหมด แค่นั้นไม่พอยังสาปแช่งโลกใบนี้และเตรียมการณ์กลับมาเกิดใหม่เพื่อทำลายโลก
โชคยังดีที่ทวยเทพเวลานั้นยังแก้ไขเรื่องราวได้ เทพทั้งเก้าที่ตายก็แปรเปลี่ยนตัวเองกลายเป็นก้อนพลังเพื่อค้ำจุนโลกใบนี้
ทวยเทพทั้งเก้าสร้างเรื่องราว กลายเป็นสัตว์ประหลาดและบททดสอบให้กับมนุษย์ บ้างก็หลอมรวมกับผืนโลก บ้างก็กลายเป็นอาวุธ และในที่สุดความพยายามของเทพก็สำริดผล ทวยเทพใช้เวลากว่าพันปีเพื่อให้กำเนิด ‘ผู้กล้า’ ขึ้นมา—สายเลือดที่ทรงพลังที่สุดบนโลก เชื้อสายเดียวที่สามารถใช้งานพลังของทวยเทพได้อย่างทรงประสิทธิภาพที่สุดอย่าง ‘ดาบแห่งผู้กล้า—จัสติสเทีย’
ผู้กล้าคือตัวแทนของทวยเทพและในตอนสุดท้ายผู้กล้ารุ่นที่หนึ่งก็ได้ทำให้จอมมารกลับสู่กฎแห่งโลก หรือก็คือจอมมารถูกถอนตำแหน่งข้อผิดพลาดของโลก และไม่มีทางพาโลกไปสู่จุดจบได้อีกต่อไปแล้ว ต่อให้เธอจะยังวงเวียนอยู่บนโลกใบนี้ แต่ก็ไม่ใช่ภัยของโลกอีกต่อไปแล้ว เพราะชะตาของจอมมารถูกผูกไว้กับสายเลือดของผู้กล้า มีโชคชะตาที่จะต้องถูกดาบแห่งผู้กล้าฟาดฟันจนสูญสิ้นชีวิต
แต่หากโลกไม่มีผู้กล้า ถ้าหากว่าเทพทั้งเก้าไม่ได้เคลื่อนไหวเพื่อสร้างผู้กล้าขึ้น โลกคงจะถูกจอมมารทำลายไปตามที่ต้องการแล้ว ..นั่นล่ะความน่ากลัวของข้อผิดพลาดของโลก
ทุกชีวิตบนโลกไม่สามารถทำลายโลกได้ ยกเว้นแค่ข้อผิดพลาดของโลก—กล่าวอีกอย่างก็คือเรเซอร์ได้กลายขึ้นเป็น ‘จอมมาร’ ตั้งแต่ที่ลืมตาตื่นแล้ว เขาคือจอมมารคนใหม่ และเป็นผู้มีสิทธิ์เพียงหนึ่งเดียวในการสังหารทวยเทพและทำลายโลกใบนี้
เรื่องราวของเรเซอร์จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขโดยการนำเรเซอร์เข้าสู่กฎแห่งโลกเหมือนจอมมาร ทว่าบนโลกนี้ไม่มีตำแหน่งให้เรเซอร์ เพราะตัวตนของเขามันยิ่งใหญ่เกินไป จอมมารคือตัวตนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกแน่นอน
ถ้าหากอยากนำเรเซอร์กลับคืนสู่โลก ..ก็ต้องเตรียมตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่พอกันไว้ให้เขา นั่นก็คือ— ‘ศูนย์กลางของโลก’
ยูจิคือผู้กล้าที่ถูกชะตาไว้กับจอมมาร เขามีสายเลือดของผู้กล้าไหลเวียนอยู่ในตัว ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเทพที่กลับมาเกิดใหม่ ในหมู่ผู้กล้าเขาคือคนที่มีสายเลือดทรงพลังที่สุดแล้ว แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่ได้ถือครองดาบ แต่ในอนาคต ชะตาจะนำพาเขาให้จับดาบแห่งผู้กล้า ยูจิคือผู้ที่จะทำให้จอมมารหายไปจากโลกใบนี้อย่างสมบูรณ์แบบ เขาคือผู้ปิดฉากโชคชะตาระหว่างจอมมารกับผู้กล้า ไม่ผิดแน่ เขาคือตัวเอกของโลก เป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
จอมมารยิ่งใหญ่พอๆกับผู้กล้าอยู่แล้ว แน่นอนว่า—สามารถสังเวยผู้กล้าอย่างยูจิเพื่อให้เรเซอร์เป็นผู้กล้าในโชคชะตาแทนได้ ..เพราะอย่างนั้น การฆ่ายูจิและให้เรเซอร์รับตำแหน่งแทน จึงเป็นการมอบบทบาทบนโลกใบนี้ให้เรเซอร์ อีกทั้งยังช่วยหลีกเลี่ยงการตายของเรเซอร์ตามที่โซล่าต้องการได้ไม่พอ ยังถือว่าเป็นการช่วยโลกไปในตัวด้วย
..โซล่าฟังทั้งหมด เธอเข้าใจเรื่องราวแล้ว ในเวลานี้เธอคือผู้ที่กุมความลับของโลกใบนี้เอาไว้
‘ไม่มีใครผิดที่ผิดน่ะคือโชคชะตา ..เธอในฐานะมนุษย์ที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้ จงเลือกซะว่าจะทำยังไงกับโลกใบนี้’
“…”
โซล่าตัดสินใจได้ตั้งแต่ต้นแล้ว—-
“จะฆ่า ‘ยูจิ’ ให้ค่ะ ..เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ..อย่าให้คุณเรเซอร์ตายเลยนะคะ”
โซล่ากล่าวออกมาทั้งน้ำตา
****
โซล่าจ้องไปทางใบหน้าของยูจิ แต่เธอไม่ได้มองดวงตาของยูจิหรือว่าใบหน้าของยูจิเลย พูดให้ถูกเธอจงใจจะไม่มอง ..เพื่อตัวเธอเอง
“..ทำไมล่ะครับ ..ทำไมต้องฆ่าผมด้วยล่ะ”
ยูจิเอ่ยถามโซล่าด้วยสีหน้าที่เศร้าใจ แต่ไม่เป็นผล โซล่าไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย เพราะเธอไม่ได้มองยูจิที่อีกไม่นานก็ต้องตาย และต่อให้ตายแล้วเธอก็คงไม่แม้แต่จะหันหน้ามองศพตรงๆ
“คุณยูจิไม่ได้ผิดหรอกนะ”
“ถ้านั้นทำไมผมถึงต้อง ..ตายล่ะครับ?”
“เพราะบทบาทของคุณมันยิ่งใหญ่—เพราะฉันต้องการชิงบทบาทของคุณมาให้คนที่ฉันรัก!”
โซล่าขึ้นเสียงพร้อมกับยก ‘คทาการาวิเทีย’ ขึ้นฟ้าอีกครั้ง เป็นการออกคำสั่ง ร่างของยูจิลอยขึ้นฟ้าและถูกพื้นดินอัดเข้าร่างจังๆ
ร่างของยูจิเละแบบไม่น่าดู แต่ก็กลับมาหายดีได้ในพริบตาเดียว
“อย่างที่ท่านออร่าบอกเอาไว้ ..วิญญาณระดับเทพ ‘อลัน’” โซล่าขมวดคิ้วเข้าหากันและพูดต่อ “ไม่คิดเลยนะคะว่าคุณยูจิจะเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ตัวเองไม่สำคัญต่อโลกอะไรกัน ..สำคัญสุดๆไปเลยไม่ใช่เหรอคะ?”
“พูดเรื่องอะไรกันครับ”
โซล่าตะโกนแผดเสียงสุดแรงเกิด
“คุณคือ—ศูนย์กลางของโลกใบนี้ไม่ใช่เหรอคะ!?”
ศูนย์กลางของโลก ..ยูจิคิดว่าตัวเองไม่ใช่ แต่ก็ไม่กล้าปฎิเสธซะทีเดียว ทำไมกันนะ?
“–คุยกันก่อนเถอะครับ!”
“ไม่จำเป็นค่ะ!”
โซล่ากวักการาวิเทียไปมา ทำให้ยูจิเคลื่อนไหวได้ลำบาก
(เหมือนกับตอนที่สู้กับคุณการ์ป ..ควบคุมแรงโน้มถ่วง)
เพราะเคยเผชิญหน้ากับคนที่มีความสามารถประมาณนี้มาแล้ว ทำให้ยูจิรับมือได้ง่ายๆโดยการใช้ ‘หักล้าง’ ปกคลุมร่างตัวเองไว้ไม่ให้ได้รับผลของแรงโน้มถ่วง และอย่างที่ยูจิคาดไว้ว่าโซล่าไม่ชินกับการต่อสู้ ทันทีที่เห็นว่าการาวิเทียใช้ไม่ได้ผล โซล่าก็หน้าซีดเผือกและก้าวถอยหลังหนีแบบไม่คิดชีวิต
“[จังหวะแตะสายลม]”
โซล่าไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าได้—ยูจิพุ่งเข้ามาจนสามารถคว้าแขนโซล่าไว้ได้ง่ายๆ
“—-การาวิเทีย!!!”
“ไม่ยอมหรอกครับ”
ยูจิใช้เวทย์ลมใส่แขนขวาที่ถือการาวิเทียเอาไว้ ทำให้การาวิเทียกระเด็นออกจากแขน—-โซล่าทิ้งตัวลงกับพื้น เธอรีบคว้าอะไรสักอย่างในกระเป๋าออกมา มันคือก้อนวงกลมเหล็กที่มีอักษรเวทมนตร์อยู่ โซล่าปาก้อนวงกลมทิ้งลงพื้น และทำให้พื้นดินสั่นคล้ายกับแผ่นดิวไหว
พื้นดินบนเท้าของโซล่าถูกเจาะเป็นรูขนาดยักษ์ ทำให้ทั้งสองเสียสูญ แต่โซล่าตั้งใจไว้แล้ว เธอเรียกการาวิเทียกลับเข้ามือ และชี้ใส่หน้ายูจิ—-ยูจิตอบสนองไม่ทันและถูกโซล่าซัดร่างปลิวออกระยะไปในที่สุด
ตู้ม!!!!!!!!!!!!!! เสียงระเบิดจากแรงเจาะรูและแรงของการาวิเทียดังสนั่นไปทั่วทั้งเกาะวาเรอร์
โซล่าลอยขึ้นไปอยู่บนฟ้าด้วยผลของการาวิเทีย และมองดูยูจิจากข้างบน
“ขอโทษนะคุณยูจิ ..การที่คุณจะต้องตายมันคือความผิดของฉันเอง มันไม่ใช่เพราะโชคชะตาหรอกนะ”
“..ผมไม่รู้ว่าคุณโซล่ากำลังพูดถึงอะไร แต่ว่า ..อย่างน้อยๆถ้าได้คุยกันก็อาจจะแก้ไขบางอย่างได้” ยูจิพูดอย่างอ้อนวอน “คุยกันก่อนเถอะครับ”
โซล่าหรี่ตาลงและส่ายหัวให้ยูจิอย่างเสียดาย
“ต่อให้คุยกันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปหรอก เพราะทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว”
“ใครเป็นคำกำหนดกันครับ”
“..พระเจ้าค่ะ”
โซล่าหยิบมีดสั้นออกมาจากกระเป๋า และโยนมันลงพื้น—มีดสั้นหายวับไปทันใดและพุ่งผ่านร่างของยูจิไปด้วยความเร็วสูง มันเร็วเกินกว่าที่ยูจิจะตอบโต้ได้ทันหรือก็คือมันเร็วระดับ ‘นักดาบขั้นบรรลุ’ ชั้นนำ
“นั่นคืออุปกรณ์สังหารที่มีแค่สามชิ้น ..เพราะฉันพึ่งสร้างเมื่อวันก่อนค่ะ เป็นอุปกรณ์ที่วิเศษสุดๆไปเลยใช่รึเปล่าคะ? ถ้าหากฉันขายอุปกรณ์ชิ้นนี้ให้สักอาณาจักร อาณาจักรนั้นคงยกกำลังพลของตัวเองได้มากชนิดผิดหูผิดตา เพราะขอแค่มีมัน พวกนักเวทย์หรือนักดาบชั้นสูงก็ตายได้ในทีเดียว ..ราคาเองก็ไม่ได้แพงด้วย”
โซล่าพูดโอ้อวดคล้ายจะประชดประชันตัวเอง เธอยิ้มเหมือนคนหมดอะไรตายยาก ใบหน้าของเธอเหมือนคนตายยิ่งกว่ายูจิอีก ..
มีดเคลื่อนไหวได้ไม่มีโดยไม่ส่งเสียง มันทะลุผ่านร่างของยูจิไปง่ายๆ แต่โชคยังดีที่แค่เสียดหัวใจไป ทำให้ยูจิยังสามารถใช้หักล้างรักษาตัวเองได้—ทว่ามือที่มองไม่เห็นของยูจิกลับเคลื่อนไหวไม่ตรงกับที่ยูจิสั่ง มันเป็นเพราะวงจรเวทย์ของยูจิถูกตัด ผลคือไม่สามารถใช้งานเทคนิคเกี่ยวกับมานาได้เหมือนตอนปกติ
ผลคือต่อให้ยังใช้หักล้างได้ แต่ยูจิก็รักษาตัวเองได้ยาก หากใช้เวลาวิเคราะห์แก้ไขอีกสักนาทีก็คงทัน แต่ว่า—โซล่าไม่รอให้ทำอย่างนั้นแน่นอน
โซล่าชี้การาวิเทียเข้าใส่ยูจิ ทำการควบคุมพื้นที่รอบๆเข้าใส่ยูจิ ยูจิถูกรากต้นไม้และพื้นดินถมไว้ทั้งร่าง แค่นั้นไม่พอยังถูกปิดจมูกทำให้หายใจไม่ได้อีก
“..ก่อนที่จะตาย จำไม่ผิดคุณสนใจการาวิเทียเอามากๆเลยนะคะ”
โซล่าโชว์คทาเวทย์ที่ดูเก่าบนมือของตัวเองด้วยรอยยิ้ม
“ฉันพบเจอมันตั้งนานแล้ว แต่มันถูกเก็บไว้เป็นความลับโดยฉัน ในตอนแรกฉันคิดจะวิจัยมันต่อไปเรื่อยๆก่อน ไม่คิดจะนำของสำคัญแบบนี้มาใช้เลย ..แต่ช่วยไม่ได้ ฉันไม่มีทางเลือก” โซล่าหรี่ตาลง “..หลังจบเรื่องนี้ฉันจะกลับจักรวรรดิ เพราะหลังฆ่าคุณ ฉันคงไม่มีหน้าไปพบหนิงหรือคุณเรเซอร์อีกแล้วล่ะ”
ยูจิอยากถามไปว่าแล้วทำไมต้องฆ่าตัวเอง แต่ก็ทำไม่ได้เพราะโดนอุดปากเอาไว้ ยิ่งไปกว่านั้น ..ยูจิก็กำลังจะตายแล้วด้วย
อย่างที่โซล่าว่า อุปกรณ์เวทมนตร์ที่โซล่าใช้เมื่อกี้ มันฆ่ายูจิที่ตอบสนองความเร็วไม่ทันได้ง่ายๆ เพียงแค่ทีเดียว ยูจิที่ถูกปิดผนึกพลังหักล้างก็หมดท่า และกำลังจะตายในอีกไม่นาน ..ความจริงข้อนี้ทำให้ยูจินับถือในโซล่าขึ้นไปอีก เพราะแค่ไม่กี่วัน โซล่าก็สร้างของที่ใช้พลิกโฉมโลกทั้งใบได้อีกแล้ว
สมกับฉายา ‘เทพธิดาผู้สร้าง’ โซล่า ..ช่างน่ากลัวจริงๆ
ดวงตาของยูจิค่อยๆปิดทีละนิดทีละนิด จนในที่สุดมันก็หลับสนิท ..ยูจิตายแล้ว
“..ขอโทษนะคะ”
โซล่าหันหลังให้ยูจิ เธอออกเดิน เป้าหมายต่อไปของเธอไม่ใช่กลับไปนอนพักที่หอ แต่เป็นการหนีออกจากเกาะวาเรอร์ …
“…”
เธออยู่ที่นี่ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว—-ในขณะที่คิดอย่างนั้นก็เกิดระเบิดขึ้นข้างหลัง
ดินที่ถมร่างของยูจิถูกแยกออกจากกัน ยูจิยืนขึ้นอีกครั้งในสภาพที่ไร้บาดแผล—โซล่าหันกลับมาด้วยใบหน้าที่ตกใจสุดขีด เธอรีบใช้การาวิเทียควบคุมก้อนหินรอบๆโหมใส่ยูจิ
“—ฮึบ!”
ยูจิเอียงตัวหลบบางส่วนและหักล้างก้อนหินทั้งหมดแบบง่ายดาย โซล่าหยิบอุปกรณ์เวทย์ใหม่ในกระเป๋าออกมา และส่งมันไปพร้อมกับกองหินด้วยพลังของการาวิเทีย
ทว่าอุปกรณ์เวทย์นั้นกลับถูกส่งไปบนฟ้าแทนด้วยผลของการหักล้าง โซล่าใช้จังหวะเดียวกันหยิบมีดแบบเดียวกับที่ใช้ฆ่ายูจิตอนนั้นเขวี้ยงใส่อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ยูจิสามารถหลบได้ต่างกับก่อนหน้า
—-ได้ยังไง?
ขณะที่โซล่าตั้งคำถาม คำตอบก็อยู่ที่ดวงตาของยูจิที่มีแสงแปลกๆอยู่
—เวทย์เสริมพลังกาย—ยูจิเร่งประสาทสัมผัสตัวเองเพื่อรับมือกับมีดสังหารของเธอ
โซล่าเขวี้ยงชิ้นสุดท้ายใส่แบบไม่คิดหน้าคิดหลัง และนั่นก็ทำให้โซล่าหมดไพ่ในการสู้กับยูจิ เพราะทั้งหมดถูกปัดได้หมด
“—การาวิเที—-”
พูดไม่ทันจะจบ ร่างของโซล่าก็ปลิวไปกับแรงกระแทกที่ไม่ทราบที่มา ร่างของโซล่ากลิ้งไปตามพื้นก่อนจะหยุดที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง เธอกระอักเลือดออกมาและก็พบว่าหลังตัวเองมีรอยไหม้อยู่
เวทย์เพลิงผสมกับเวทย์ลม [กระสุนเพลิง] เป็นเวทย์ชั้นสูงที่กลบข้อเสียของเพลิงโดยแลกมากับพลังทำลายล้างที่มหาศาล แต่มันก็มากพอที่จะจัดการโซล่าที่ร่างกายไม่ได้แข็งแรงได้
แผ่นหลังของโซล่ามีรอยแผลไหม้ มันเจ็บแสบมากถึงกับทำให้โซล่ากรีดร้องออกมาแบบไม่น่าดู โซล่าจงใจจะไม่มองแผลของตัวเองเพราะถ้าเห็นเข้า เธออาจจะช็อตจนสลบเลยก็ได้ ..แต่แค่ความเจ็บปวดมันก็ทำให้เธอทรมานมากจนน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด
โซล่ากดความเจ็บปวดไว้โดยการกัดริมฝีปากของตัวเอง แม้ว่าผลลัพธ์จะทำให้ตัวเองมีแต่แผลเปล่าๆแต่มันก็ช่วยสงบจิตใจโซล่าได้มาก ..
ยูจิมองโซล่าด้วยแววตานึกขอโทษ แต่โซล่าที่ถูกความเจ็บปวดกดดันไม่สน เธอลุกขึ้นแบบลุกลี้ลุกลน และชี้การาวิเทียใส่หน้ายูจิอีกครั้ง ..ยูจิรู้ได้ในทันทีว่าต่อให้เธอจะปางตาย เธอก็จะไม่หยุดตั้งตัวเป็นศัตรูกับตัวเอง
“ทำไมต้องทำขนาดนี้ด้วยเหรอครับ ..การฆ่าผมมันสำคัญขนาดที่ตัวเองจะตายก็ไม่เป็นไรเลยเหรอครับ!?”
ยูจิถาม แต่โซล่าเวลานี้ไม่คิดจะพูดอะไรด้วยแล้ว เธออาศัยจังหวะที่ยูจิลดกาด ใช้การาวิเทียใส่ ..แต่ยูจิก็รู้ทันและใช้หักล้าง ส่งการาวิเทียเข้ามือตัวเองแทน เมื่อเห็นว่าถูกชิงการาวิเทียไป โซล่าก็รีบค้นของในกระเป๋าสะพายของตัวเอง แต่กระเป๋าสะพายของโซล่าได้หายไปแล้ว มันถูกยูจิใช้หักล้างชิงมาใส่แขนตัวเองอีกหนึ่งอย่าง
ในระยะนี้ หากตั้งใจจะทำจริงๆ ยูจิสามารถฆ่าโซล่าทิ้งได้ง่ายๆเลย
จนมุมแล้ว ..เมื่อรู้อย่างนั้นโซล่าก็ทรุดลงกับพื้น
“…ทำไมถึงยัไม่ตายล่ะ ..ไม่เห็นบอกกันเลยว่าคืนชีพได้ เรื่องบ้าอะไรกันคะ?…”
“..คุณโซล่า”
“ช่วยตาย..ช่วยตายเพื่อฉันได้รึเปล่า..ขอร้องล่ะ …ขอร้องล่ะนะ คุณยูจิ ”
โซล่าร้องไห้ออกมา เธออวดควรญขอให้ยูจิตาย———-ยูจิรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ โซล่าคือคนที่เขาตกหลุมรัก แต่ว่าเธอกลับต้องการจะฆ่าเขา มันเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดยิ่งกว่าสิ่งใด
“ผมยังไม่อยากตายครับ”
“ฉันรู้—แต่ว่านายต้องตาย!!”
ยูจิกัดฟันกรามแน่น–โซล่าพุ่งเข้าใส่ยูจิอีกครั้ง ครั้งนี้เธอตั้งใจจะโยนชีวิตตัวเองทิ้งจริงๆ
ทว่า
เพรี้ยะ!
เสียงตบหน้าดังขึ้น ใบหน้าของโซล่าแทบจะหมุนด้วยแรงตบที่มหาศาล ..มันเจ็บ ไม่ได้เยอะเท่าแผลไหม้ แต่ก็เจ็บอยู่ดี
โซล่าน้ำตาซึมหันไปมอง—หนิงผู้ที่ตบเธอ
หนิงโผล่มาในชุดนักเรียน เหมือนว่าเธอก็ยังจะไม่นอนเช่นกัน ..
“เพี้ยนไปแล้วรึไง?”
“..ถอยไป”
“พูดอะไรไม่เห็นได้ยินเลย พูดให้ชัดๆหน่อยสิ”
“ก็บอกให้ถอยไปไงเล่า!!”
โซล่าเหวี่ยงแขนใส่หนิง ทางหนิงทำแค่เอียงคอหลบ และตบหน้าโซล่าอีกที ครั้งนี้เล่นเอาหน้าชาเลย ..โซล่าเป็นคนฉลาดเธอรู้ว่าตัวเองไม่มีทางชนะหนิงได้ ยิ่งในสภาพแบบนี้มีแต่จะเจ็บตัวเปล่าๆแต่ว่าโซล่าก็ยังรั้งฝืนสู้แรงกับหนิงต่อ
แต่ไม่ทันที่จะได้ออกร่างเข้าปะทะ โซล่าก็โดนหนิงตบอีกที และโดนตบซ้ำอีกที จนสุดท้ายโซล่าต้องเอาหลังพิงโค้นไม้เอาไว้ไม่ให้ตัวเองล้ม
“มัน..เจ็บนะ”
“ไม่อยากเจ็บก็เลิกบ้าได้แล้ว ยัยบ๊อง คิดว่าฉันอยากตบหน้าหล่อนมากนักรึไง?”
…น้ำตาไหลจากดวงตาโซล่าอีกรอบ ครั้งนี้ไหลเพราะความเจ็บปวดในจิตใจ
“ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ละคะ? ..ฉัน..ตั้งใจจะหายไป..เร็วๆนี้แท้ๆ”
“ถามว่าทำไมเหรอ? ก็พักนี้หล่อนแปลกไปนี่—เป็นเรื่องปกติที่จะเป็นต้องเป็นห่วงเพื่อนไม่ใช่รึไง? ถึงตัวจริงของเพื่อนฉันมันจะเป็นอีตัวที่คิดจะฆ่าคนรักเพื่อนก็เถอะนะ”
หนิงหัวเราะพึมพำ
“นังงูพิษแบบหล่อนนี่มันน่าตบอีกสักสิบช็อต ล่อคนรักคนอื่นมาทำอะไรในที่ลับตาหะ?”
“..ขอโทษ ..แต่จำไม่เห็นเลยนะว่ายูจิเป็นคนรักหล่อนตอนไหน”
โซล่ายิ้มเหยาะใส่หนิง ทำให้หนิงมีน้ำโหทุบหัวโซล่าเบาๆหนึ่งที
“–เงียบไปเลย”
“…ค่ะ”
…โซล่าหรี่ตาลง ทำหน้าหงอยเหมือนกับเด็กที่กำลังจะถูกแม่ทำโทษ ..ยูจิเห็นก็หลุดขำทั้งๆที่ก่อนหน้านี้กำลังจะฆ่ากันอยู่
“แล้วพูดได้ยัง?”
“..คุณยูจิกับคุณเรเซอร์ ..คนใดคนหนึ่งต้องตาย” โซล่าเบือนหน้าหนี “การที่คนหนึ่งจะต้องตายมันเป็นการทำเพื่อโลกค่ะ ..ถ้าไม่ทำโลกใบนี้จะเข้าสู่ช่วงหายนะ และฉันก็ ..ตัดสินใจเลือกคุณเรเซอร์”
ใบหน้าของยูจิเต็มไปด้วยความสงสัย กลับกัน ใบหน้าของหนิงนั้นสุดจะหน่ายใจ
“อืมๆ โลกพรรค์นั้น—พังๆไปซะก็ดี”
หนิงพูดกลับอย่างเรียบง่าย—สำหรับเธอ มีคนที่สำคัญกว่าโลกทั้งใบตั้งหลายคน ถ้าให้เลือกคนใดคนหนึ่ง เธอจะไม่เลือกอะไรเลย ต่อให้มีโลกเป็นเดิมพันเธอก็ไม่สน
“ไม่ใช่ความผิดเรเซอร์รึยูจิสักหน่อย ไปโทษคนออกแบบโลกนู้น ลากหัวมันมารับผิดชอบเลยสิ”
ที่พูดมันคือความเห็นแก่ตัว ..รึเปล่านะ?
“ปล่อยให้โลกพังไปเลยดีกว่ามั้ย?”
“..ไม่ได้สิค่ะ”
“ก่อนอื่นมีอะไรมาบอกว่าโลกจะหายนะล่ะ”
“..ไม่มีบอกตรงๆก็จริงว่าคุณเรเซอร์จะทำลายโลก แต่ว่า—-”
“เหอะๆ อย่างเรเซอร์มันทำลายโลกไม่ไหวหรอก ไอ้คนที่แค่โดนเบลลามีอ้อนนิดหน่อยก็กลายเป็นลูกหมานี่มันทำลายโลกได้ที่ไหน ไม่มีทางๆ”
หนิงปัดมือไปมาพลางหัวเราะเยาะเย้ยใส่เรเซอร์
“ลากตัวคนที่บอกเธอมาสิ ฉันจะตบหน้าเข้าให้สักสิบที แล้วจส่งให้ยูจิต่อยอีกด้วยห้าหมัด”
“มะ ไม่เอาสิครับคุณหนิง ความรุนแรงมันไม่ดีนะครับ”
หนิงหันไปยิ้มให้ยูจิด้วยท่าทางน่ารัก โซเฟีย ..เธอมองภาพตรงหน้า ..และคิดขึ้นมาได้ ..ว่าทำไมเธอถึงได้เชื่อเทพแห่งวัฐจักร—แต่เดิม อะไรที่ยืนยันว่าข้อความนั้นเป็นของเทพกัน ทำไมเธอถึงเชื่อทุกอย่างได้ง่ายๆกัน
..บางที เธออาจจะแค่โดนหลอกก็เป็นได้ …เธอไม่จำเป็นต้องหลบหน้าหนิง ไม่จำเป็นต้องแยกกับเรเซอร์ก็ได้
ถ้าโลกจะแตกมันก็ไม่ใช่ความผิดของเธอสักหน่อย ปัญหาทั้งหมด ..มันไม่ใช่ของเธอหรือของเพื่อนเธอคนรักเธอเลยสักนิด
ข้อสงสัยในใจถูกไขจนหมดแล้ว ..แต่ว่า ข้อความในกระดาษนั่นมันอะไรกัน โซล่าอดสงสัยไม่ได้และคิดจะวนกลับไปทดสอบอีกรอบ
ทว่า
พอหันไปทางชั้นใต้ดินก็พบว่า ..ตัวอ่อนกำลังนอนอยู่บนดิน
มันคือ ‘เทียนหลง’ ในหลอดแก้วไม่ผิดแน่
“—คุณยูจิ หนิง!!!!”
โซล่ารีบหันไปเรียกทั้งสอง แต่ก็ไม่ทัน ตัวอ่อนลอยขึ้นฟ้าไปแล้วตัวของมันก็ค่อยๆขยายใหญ่ขึ้น———-มันพุ่งไปบนฟ้า และวับหายไป ..ท้องฟ้าที่มืดมิดพลันเปลี่ยนเป็นสีขาว ปรากฏก้อนเมฆสีทองขึ้นรอบๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังเกิดแรงลมอัดจำนวนมหาศาลบริเวณรอบๆด้วย
หนิงพุ่งตัวมาบังทั้งสองคนไว้ โดยการใช้เพลิงของตัวเองคลุมร่างทั้งสองคน
ยูจิพยายามมองขึ้นไปบนฟ้า—-และเขาก็ได้สบตากับเทียนหลงเข้าให้
หากให้นิยามเทียนหลง มันคือมังกรไร้ปีกที่มีเกร็ดสีทองปกคลุมตามร่าง กล่าวได้ว่ามันคือมังกรที่งดงามที่สุดบนโลก สมชื่อ— ‘มังกรสวรรค์ เทียนหลง’
****
ท้องฟ้าแปรเปลี่นนเป็นสีขาว ก้อนเมฆสีดำกลายเป็นสีทอง
ผมมองภาพบนฟ้าด้วยแววตาที่ตื่นตระหนก
“..เบลลามี”
ผมรีบพุ่งออกจากในห้อง ทันที่เปิดประตูออก …ผมก็เจอกับชายท่าทางดูดุร้ายในเสื้อโค้ทสีดำ …ใบหน้านั้นแสนคุ้นเคย ไม่ใช่แค่ผมที่รู้จักเขาอยู่ฝ่ายเดียว แต่เขาก็รู้จักผม และต่างฝ่ายคงไม่มีทางลืมกันแน่ๆ
“..ลูซิเฟอร์”
ผมเอ่ยชื่อของเขาออกมา