เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 394
< < 246 > >
[ดาบแห่งโซโลม่อน] ชี้ไปทางเทียแมธที่อยู่ไกลออกไป
ยูจิ ดิลุค หนิง มาเจล ที่ยังเคลื่อนไหวได้อยู่ก็ออกสตาร์ททันทีที่เบลลามีพูดจบ ยูจิวิ่งนำหน้า ดิลุคกับมาเจลตามมาด้วยทะเลสีรุ้ง เซียนดีดนิ้วเพิ่มศักยภาพทางกายให้ตัวเอง และออกวิ่งคู่กับยูจิ—เทียแมธเรียกดาบแห่งแสงขึ้นมาสองเล่ม และถีบตัวเองเข้าต่อสู้
การต่อสู้สี่ต่อหนึ่งที่สูสีนี้ทำให้พื้นดินและท้องฟ้าสั่นสะเทือน เพลิงสีขาว แสงศักดิ์สิทธิ์ ทะเลสีรุ้ง แล้วก็ทักษะมากมายของเซียน ทำให้การต่อสู้ดูสูสีขึ้นจนผิดสังเกตุ เทียแมธผสานมานาเข้ากับพื้นผิวทะเลทราย
“ [ดวงจันทร์จงทำตามบัญชาแห่งข้า] ”
แสงจากดวงจันทร์ทั้งหมดแล่นสู่ร่างของเทียแมธ–แสงสว่างสุดท้ายเลืองหายไป เหลือเพียงแต่ความมืดมิดที่ไร้จุดสิ้นสุด และประกายแสงของอำนาจมากมาย
ร่างของเทียแมธส่องสว่างไปทั่วทั้งบริเวณแห่งนี้ ตัวเขาออกเคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิมหลายเท่าตัว มันคือการยกระดับตัวเองชั่วขณะหนึ่งด้วยมานาของดวงจันทร์
“ [พระอาทิตย์จำลอง] ” มาเจลดีดนิ้วท่ามกลางความมืดมิด
ท้องฟ้าสปรากฏพระอาทิตย์จำลองสีขาวขนาดเล็กขึ้นมา แสงสว่างกลับมาอีกครั้ง และได้ย้อมพื้นที่ทั่วทั้งสนามรบให้เป็นโลกสีขาว
เทียแมธทะลวงการป้องกันมาอยู่ตรงหน้าของมาเจล ตั้งใจเล็งเป้าหมายที่เล่นงานได้ง่ายที่สุด ทว่า—ก่อนจะได้ลงมือทำอะไร ศรวารีศักดิ์สิทธิ์พุ่งทะลุผ่านแขนของเทียแมธ และส่งให้ร่างนั้นปลิวไปกับการโจมตีนั้น กระนั้นเทียแมธก็ตั้งหลักและสลักการโจมตีออกได้ในอึดใจเดียว
เท็งงุ เบ็นจิโร่ เข้าร่วมการต่อสู้อีกครั้ง เธอบินอยู่บนฟ้าซ้อนกับพระอาทิตย์สีขาว ในร่างชุดเกราะสีของ ‘ดวงจันทร์’ ชื่อของร่างนี้ก็คือ [เวลเดีย]-[มูนไลท์] สถานะที่เป็นหนึ่งเดียวกับมานาจากดวงจันทร์
“แอบดูดกลืนพลังของข้าไปนั้นสินะ นักรบหญิง”
เบ็นจิโร่ไม่ตอบกลับ ทำเพียงกระหน่ำยิงอย่างบ้าคลั่ง เทียแมธวิ่งหลบการโจมตี และปัดป้องการโจมตีจากรอบทิศทั้งหมดด้วยดาบแห่งแสง
ขณะเดียวกัน เบลลามีก็ออกวิ่ง เธอวิ่งหมายจะไปให้ถึงตัวของเทียแมธให้ได้ โดยมีแอสโมเดียสวิ่งขนาบข้างมาด้วย
“ท่านเบลลามี โอกาสครั้งเดียว”
“อือ รู้แล้ว มันจะไม่สูญเปล่า”
เทียแมทพุ่งถอยหลัง พร้อมกับกระหน่ำยิงแสงสีขาวกราดใส่แบบไม่เจาะจงใคร มีความเป็นไปได้ที่มันจะพลาดไปโดยเบลลามีจนตายได้ง่ายๆ-เพราะอย่างนั้น มาเจลจึงดีดนิ้ว เรียกทะเลสีรุ้งพุ่งเข้าซัดแสงสีขาวจนหายไปหมดในอึดใจเดียว
ตัวกระจอกผู้โง่เจลา ตอนนี้กำลังใช้พลังของตัวเองไล่ต้อนเทพมังกรตัวเป็นๆอยู่ ด้วยความสะใจที่มาจากการเก็บกดมาอย่างยาวนานนี้ ทำให้มาเจลหยุดวิ่ง และตะโกนปลุกใจเสียงดัง
“โอ้ว!!!!!!!! คิดว่าฉันคนนี้เป็นใครกันวะหา!!!?”
“เลิกโม้แล้วออกวิ่งซะ เจ้าบ้า!”
คำบ่นสั้นๆของหนิง ทำให้มาเจลหน้าแตกและรีบวิ่งตามมาต่อ
เทียแมธมองดูสถานกาณณ์โดยรวมแล้วก็ได้ตัดสินใจ—-กลับคืนสู่ร่างเดิมอีกครั้ง
เทพมังกรที่ตัวใหญ่ทัดฟ้าคำราม เพียงแค่นั้นก็ทำให้ทุกชีวิตต้องหยุดนิ่งลงชั่วคราวโดยช่วยไม่ได้ เทียแมธเรียกมานาทั้งหมดมารวมกันอยู่ที่ปลายปาก แสงสีขาวผสมเข้ากับมานาจำนวนมหาศาลเท่าที่จะหามาได้ และระเบิดออกเป็นบีม
ปรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ลำแสงยักษ์พุ่งตรงเข้าใส่พวกยูจิ และสามารถทะลุไปหาเบลลามีได้ หากให้หลบก็คงจะทำได้ แต่ว่า–เบลลามีจะต้องตายแทน
“ [ยูซาริเซี่ยน] !”
ประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ส่องประกายขึ้นมาอีกครั้ง แสงสีเขียวปะทะเข้ากับแสงทำลายล้างของเทพมังกร
ปรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! แต่ว่าลำพังปริมาณแค่นี้ไม่ไหว ไม่สามารถก้าวข้ามไปได้จนถึงที่สุด อีกเพียงไม่นานแสงศักดิ์สิทธิ์ของดาบเล่มนี้ก็จะถูกโค่นลง แต่ว่ายูจิไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้น
“ [ยูซาริเซี่ยน] [ยูซาริเซี่ยน] [ยูซาริเซี่ยน] [ยูซาริเซี่ยน] [ยูซาริเซี่ยน] [ยูซาริเซี่ยน] [ยูซาริเซี่ยน] [ยูซาริเซี่ยน] [ยูซาริเซี่ยน] [ยูซาริเซี่ยน] [ยูซาริเซี่ยน] [ยูซาริเซี่ยน] [ยูซาริเซี่ยน] [ยูซาริเซี่ยน] [ยูซาริเซี่ยน] !!!!!!”
ยูจิกระหน่ำยิงท่าโจมตีใหญ่อย่างบ้าคลั่ง ในทุกๆครั้งที่ใช้งานมานาก็จะถูกดึงไปแบบทวีคูณ หลายเท่าตัว หลายสิบเท่าตัว และอาจจะถึงนับร้อยเท่าาตัว และนั่นก็คือปริมาณที่มากถึงขนาดสั่นสะเทือนผู้ถือครองมานานับอนันต์ได้ไม่ยากเย็น
สุดท้าย มานาของยูจิก็หมดลงจนได้ ร่างค่อยๆทรุดลงกับพื้น วงจรเวทย์ในร่างกายมาถึงขีดสุดแล้ว แต่ทั้งหมดที่ทำก็ยังไม่มากพอ ยูจิกัดฟันกรามแน่น และฝากที่เหลือให้คนอื่น
หนิง มาเจล เบ็นจิโร่ แล้วก็เซียน อัดทุกอย่างที่มีเพื่อที่จะหักล้างกับพลังของเทพมังกรให้ได้
ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ดิลุคดีดนิ้ว—เพลิงสีขาวพวยพุ่งขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เสียงกู่ร้องดึงกึกก้องหนึ่งจังหวะ แม้ว่าหลังจากนั้นไม่นานจะถูกเสียงของบีมนั้นกลบจนมิดก็ตามที
……….
…..
****
ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น แสงของเทพมังกรส่งไปไม่ถึง แต่ที่แน่ๆ จากการต่อสู้เมื่อสักครู่นี้ได้เปลี่ยนภูมิประเทศโดยรวมทั้งหมดของที่แห่งนี้ หลายจุดบนพื้นผิวมีรอยแยกขนาดเล็กใหญ่แตกต่างกันไป แล้วก็เกิดพายุทะเลทรายขึ้นทั่วทั้งพื้นที่
สภาพร่างกายโดยรวมของเทียแมธย่ำแย่กว่าเดิม เพราะมานาถูกใช้เป็นจำนวนมาก ถึงจะแค่แปปเดียวก็จะกลับมาเป็นปกติก็ตาม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้อยู่ในสภาพอ่อนล้า
เทียแมธยกมือขึ้นฟ้า ตั้งใจจะใช้แสงของตัวเองปรับเปลี่ยนภูมิประเทศ ทว่า จังหวะนั้นเบลลามีก็วิ่งฝ่าเข้ามาโต้งๆ
“—!!!”
เทียแมธใช้มือทะลวงร่างของเบลลามีเป็นสองส่วน—แต่กลับไม่มีเลือด ร่างของเบลลามีสลายไปในพริบตาเดียว มันคือภาพลวงตาของแอสโมเดียส
“ย๊ากกก!!!”
แอสโมเดียสเหวี่ยงหอกใส่แขนของเทียแมธ เทียแมธรับรู้ได้ตั้งแต่ก่อนที่เสียงร้องจะดังขึ้น และเลือกจะไม่หลบ ตั้งรับหอกนั้นตรงๆ แน่นอนว่าลำพังแรงและทักษะของแอสโมเดียสมันน้อยไปที่จะทะลวงผ่านเข้ามาได้ ต่อให้ตอนนี้ร่างกายจะอ่อนล้าเอามากๆแล้วก็เถอะ เทียแมธเกร็งกล้ามเนื้อ เพียงแค่นั้นหอกก็หัก แล้วก็จากนั้น เขาก็ตั้งตารอการมาถึงของเบลลามี
เบลลามีวิ่งมาจากข้างหลัง พร้อมด้วยดาบแห่งโซโลม่อนบนมือ เทียแมธเห็นแล้ว เบลลามีจึงส่งเสียงร้องเรียกแรงใจ
“ย๊ากกกกกก—!”
เสียงร้องดูไร้แรง และแหบแห้ง คงจะเหนื่อยล้าจากการวิ่งมาแล้ว ทำให้การจับดาบและเหวี่ยงดาบนั้นห่วยแตกที่สุด แต่ว่าดาบแห่งโซโลม่อนสามารถตัดผ่านได้ทุกสรรพสิ่ง ต่อให้ไม่มีแรงก็ตาม เทียแมธกะจังหวะการเคลื่อนไหวโดยสมบูรณ์แบบ และตัดแขนของเบลลามีข้างที่ถือดาบแห่งโซโลม่อนด้วยกากระพริบตา
รวบรวมมานา และใช้การกระพริบตาขับเคลื่อนก้อนมานาที่ระเบิดได้
เบลลามีเสียศูนย์ดาบหลุดออกจากมือ ผู้ที่กำชัยชนะได้ในบทสรุปคือเทียแมธ
คิดไว้อย่างนั้น
ทว่า ฉากถัดมาของเรื่องราวกลับเป็นดาบแห่งโซโลม่อนที่แทนทะลุร่างของเทียแมธ
ดาบแห่งโซโลม่อนที่หลุดมือไปไม่ใช่ภาพลวงตา—เทียแมธเบิกตาโพลงกว้าง
“เรียกออกมาพร้อมกันสองเล่ม?”
“กะอีแค่กฏที่บังคับให้ถือครองได้แค่คนเดียวนั่นน่ะ ตัดทิ้งได้ไม่ยากหรอกนะ”
“-นั้นเหรอ”
ดาบแห่งโซโลม่อนทำลายมานาของเทียแมธจากข้างใน ร่างกายของเทียแมธไม่สามารถขยับต่อ
แสงสีขาวทะลุผ่านร่างของเทียแมธ พร้อมกับพายุทะเลทรายที่ถูกสลายทิ้งจนหมด เทียแมธยิ้มมุมปาก ใช้มานาที่ยังไม่ถูกทำลายจนหมดสิ้น รวบรวมขึ้นไปบนท้องฟ้า มานาจำนวนมหาศาลรวมกันและก่อให้เกิดเป็นระเบิดมานาที่มีพลังพอจะคร่าทุกชีวิตในที่แห่งนี้ได้
ยูจิ และคนอื่นๆหมดสภาพไปแล้ว เหลือแค่ไม่กี่คนที่ยังสู้ต่อได้ แต่สิ่งที่ปรากฏมานี้มัน—เกินกว่าจะรับมือได้ ดิลุคกัดฟันกรามแน่น เบลลามีวิ่งเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง
ต่อให้ชนะเทียแมธได้ แต่ทุกคนที่นี่ก็ต้องตายอยู่ดี—ชัยชนะที่ได้มาจากการเสียสละ
“อย่างน้อยก็ยังดีกว่าคว้าอะไรมไ่ด้เลย!”
เบลลามีตะโกน เบลลามีสะดุดเล็กน้อย ก่อนใช้แขนข้างที่เหลืออยู่คว้าดาบแห่งโซโลม่อนมาเหวี่ยงในแนวตั้ง—-แสงสีขาวสะบั้นผ่านร่างของเทียแมธ
พร้อมกันนั้น ระเบิดมานาก็—ถูกหยุดเอาไว้?
“เอ๊ะ” เมอันแหงนหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า
เช่นเดียวกันกับ ฟัฟนิร์
“..มาช้ากันเกินไปแล้ว–”
สายลม น้ำ หิน น้ำแข็ง แล้วก็สายฟ้าล้อมคลุมระเบิดแสงมานานั่น
ตู้ม—!!!! แม้มันจะระเบิด แต่ก็ไม่มีผลลัพธ์อื่นนอกจากทำให้อากาศสั่นสะเทือนได้ ..ไม่มีใครตายทั้งนั้น
เทียแมธแหงนหน้ามอง–เหล่ามหามังกรทั้งของจริงและของเทียมที่ปรากฏตัวขึ้น ‘มหามังกรวายุ’ ‘แซร์อิซ’ ‘มหามังกรวารี’ ‘เนลยอน’ ‘มหามังกรปฐพี’ ‘เกรล’ มหามังกรเทียมทั้งสอง ‘ปีเตอร์’ และ ‘สโนว์’ ทุกชีวิตต่างอยู่ในร่างอาภรณ์เทพมังกรเหมือนกันทั้งสิ้น
ไม่รู้อะไรดลใจ เนลยอนจ้องเทียแมธตาเป็นวาว เทียแมธพอเดาได้ว่าเนลยอนคิดอะไรอยู่ แต่ก็ไม่ใช่สถานการณ์ที่จะชวนพูดคุยอะไรด้วยตอนนี้ เนลยอนเองก็น่าจะคิดเช่นนั้นจึงบินผ่านเขาไปแบบจำใจ
“ไม่คิดเลยนะว่าเศษเสี้ยวของตัวเองจะกลายเป็นตัวปัญหาเองเสียได้” เทียแมธถอนหายใจ “จะขอคิดว่าทำได้ดีมากละกัน”
เทียแมธหลับตาลง มานาถูกทำลายจนสิ้น ทั้งจากภายในร่างกาย และมานาที่ส่งออกไปหมายจะให้ผลออกมาเป็นพ่ายแพ้ทั้งสองฝ่าย ด้วยผลลัพธ์อย่างนี้ จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับความพ่ายแพ้ของตัวเอง
…..
…….
สามวิถัดจากนั้น ทุกคนก็รับรู้ถึงความพ่ายแพ้ของเทียแมธ
เคียวยะ เมอัน อังเฟกอร์ ลิเวียธาน ฟัฟนิร์ที่ไกลออกไปมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความตกใจ ยูจิ หนิง มาเจลที่อยู่ใกล้ๆทิ้งตัวลงนอนกับพื้นแบบหมดสภาพ แอสโมเดียสยิ้มกว้างและทิ้งตัวลงไปนอนกับพื้น เซียนหรี่ตามองด้วยรอยยิ้ม
ชนะแล้ว ..ชนะเทียแมธได้แล้ว
“แฮก ..แฮก ..แฮก” เบลลามีหายใจหอบ เธอกัดริมฝีปากข่มความเจ็บปวดของแขนข้างที่ขาด “ไม่มีแรงเหวี่ยงดาบแล้ว”
เหวี่ยงดาบเพื่อรักษาตัวเองไม่ไหว
สุดท้าย ดาบแห่งโซโลม่อนทั้งจากบนมือเบลลามี และจากบนมือของดิลุคก็เลืองหายไปพร้อมกัน
“พยายามได้ดีมาก ตัวเราเบลลามี”
“เหมือนกัน ตัวเราดิลุค”
ทั้งสองยิ้มให้กัน ..เบลลามีทนความเจ็บปวดไม่ไหว ไม่นานร่างกายก็สั่งให้หลับ เซียนเดินไปรับร่างเบลลามีดักเอาไว้ ก่อนวางลงพื้น และร่าย [ฮิล] รักษา
ทำให้เหลือแค่ดิลุคกับเทียแมธที่ยืนเผชิญหน้ากันเวลานี้ ..เทียแมธแพ้ และกำลังจะหายไปในไม่ช้า
“พ่ายแพ้อย่างหมดรูปเลยนะ เหมือนกับเมื่ออดีต ไม่ว่าเมื่อไหร่ข้าก็อยู่ในกำมือเจ้าเสมอนั้นสินะ โซโลม่อน”
“ไม่ใช่หรอก กำโลกไว้ในกำมืออะไรนั่นน่ะก็แค่วาทะพูดไปเรื่อยของเรา มูลความจริงที่เชื่อถือได้มีอยู่ไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ เราไม่ใช่พระเจ้าจึงไม่อาจกำโลกไว้ในกำมือได้ ..เช่นเดียวกันกับการต่อสู้ครั้งนี้ ถ้าหากไม่มีตัวเราเบลลามี ถ้าหากไม่มียูจิ ถ้าหากไม่มีเคียวยะ และอีกหลายคนละก็ ..เราคงไม่สามารถพูดโม้โอ้อวดได้อีกต่อไป”
เพราะตัวเองจะเป็นผู้แพ้แทนนั่นเอง
“เรานับถือท่านนะ เทียแมธ สำหรับเราและท่านพี่แล้ว ท่านไม่ต่างกับพ่อแท้ๆ ..ถ้าหากตอนนั้นได้คุยกันก่อนก็คงจะดี คิดว่าความผิดพลาดนี้นี่แหละคือเหตุผลที่ใช้ชี้ว่าเราไม่ได้กำโลกไว้ในกำมือได้”
เหมือนกับกรณีของเอเธอร์ ถ้าเกิดว่าได้คุยกันก่อนคงจะดีกว่านี้ ถ้าเกิดไม่บ้าคิดว่าโลกทั้งใบเป็นศัตรู บทสรุปมันน่าจะลงเอยแตกต่างจากเดิม ..
“ปัญญาพระเจ้าอะไรกัน เราก็แค่คนเขลาคนหนึ่งเท่านั้นเอง พระเจ้าสูงสุดที่สร้างเราและมอบปัญญาให้แก่เรา คงจะร่ำไห้อยู่ที่ไหนสักแห่งแน่นอน อาจจะถามตัวเองว่าทำไมเด็กที่มีชื่อว่าบุตรของตัวเองจึงได้โง่เขลาขนาดนี้ …”
“เธอคนนั้นภูมิใจในตัวของพวกเจ้า ภูมิใจเสียเถอะ โซโลม่อน มารดาของพวกเจ้าไม่มีทางมองว่าเจ้านั้นโง่เขลา”
“เหมือนกันกับเหล่ามหามังกรด้วยรึเปล่านะ?”
“เกรงว่าไม่ ต่างกับเธอคนนั้น ข้าไม่ได้ปารถนาให้เด็กเหล่านั้นถือกำเนิด”
เป็นคำพูดที่ดูโหดร้าย แต่ก็จริง มหามังกรอาจจะเป็นลูกๆของเทียแมธก็จริง แต่กลไกการกำเนิดมันเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ได้ถือกำเนิดในวิธีเดียวกับดิลุคและเอเธอร์
“..นี่ ท่านเทียแมธ ท่านกับพระเจ้าสูงสุดเคยพบกันมาก่อน?”
“เทพทั้งสิบล้วนเคยพบกับพระเจ้าสูงสุดกันทั้งนั้นแหละ หากให้นับกันตามตรง นอกจากข้าแล้ว เทพอีกเก้าตนที่เหลือก็มีสถานะเป็นบุตรทางอ้อมของเธอกันทั้งสิ้น”
ดิลุคทำเสียง “เห๋” อย่างสนอกสนใจ
“ท่านถือกำเนิดมาด้วยตัวเองนั้นเหรอ”
“ข้าถือกำเนิดพร้อมกับโลกใบนี้ ..ให้พูดก็เหมือนกับเจตจำนงศ์ของโลกกระมัง จึงได้ชื่อว่า ‘เทพแห่งจุดเริ่มต้น’ มาครอง”
เพราะอย่างนั้นเลยเป็นคนที่แข็งแกร่งรองจากพระเจ้าในยุคโบราณนั้นเองสินะ
“..นี่ โซโลม่อน เจ้าคิดจะทำอะไรต่อนั้นรึ หลังจากที่ข้าตายไปแล้ว”
ดิลุคแหงนหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าที่แสงจันทร์ค่อยๆบินขึ้นไปประกอบร่างดั้งเดิม ราวกับหิ่งห้อยที่ส่องแสงยามราตรี ..ช่างงดงามเหลือเกิน
“อยากจะแต่งงาน”
“แต่งงาน?”
“อืม อยากแต่งงานกับใครสักคน”
ใครสักคนที่ว่านี่ ..ถูกล็อคเอาไว้แล้ว แต่ดิลุคไม่กล้าพอจะพูดออกมา เทียแมธเห็นก็พอจะเดาได้ อะไรกันละนั่น คนที่ได้ชื่อว่าเป็นจอมมารคนนั้นกลับเขินอายกับเรื่องแค่นี้ ความแตกต่างนี่ทำให้เทียแมธเผลอหัวเราะพึมพำในลำคอ
“อายุจิตก็ไม่ใช่น้อยๆแล้วแต่ฝันอะไรแบบนี้ จะคิดว่าน่าตลกดีก็ไม่แปลก เชิญขำได้เต็มที่เลย”
“ข้าขำด้วยความปลื้มปิติต่างหากละ”
“…..”
ดิลุคหน้าแดงขึ้นมาช้าๆ เธอปิดหน้าของตัวเองด้วยมือข้างเดียว
“เห็นแบบนี้แต่เราเองก็เป็นสตรีคนหนึ่งนะ ..เรื่องอยากแต่งงานมันก็ธรรมดารึเปล่า”
“ใช่ เป็นแค่เรื่องธรรมดาเท่านั้น”
“ใช่มั้ยล่ะ? ถ้านั้นก็ไม่ได้แปลกอะไรสักหน่อยนี่”
เทียแมธหัวเราะอีกครั้ง ทำให้ดิลุคแทบจะปรี๊ดแตก แต่ว่ายังไม่ทันจะได้พูดอะไร เทียแมธก็หายไปแล้ว เหลือเพียงแต่ประโยคพูดสุดท้าย—
“ขออวยพรให้ความฝันเป็นจริงนะ โซโลม่อน”
……
“..ขอบคุณ ..จะทำให้เป็นจริงให้ดู”
ดิลุคยื่นมือไปสัมผัสมือของเทียแมธที่ไม่ได้ยืนอยู่ในที่แห่งนี้อีกต่อไปแล้ว
****
เทียแมธยืนอยู่ภายในราชวังศ์สีขาว เขาเดินไปตามทางเดินที่ถูกประดับด้วยทองคำ จนมาหยุดอยู่ที่หน้าบังลังค์ของคนๆหนึ่ง เมื่อมาถึงเทียแมธก็สบตากับผู้ที่นั่งอยู่บนบังลังค์ก่อนจะยิ้มให้
“ไม่ได้พบกันนาน”
“นั่นสินะ”
คนบนบังลังค์ตอบกลับ แต่ไม่มีเสียง มีเพียงเทียแมธคนเดียวที่ได้ยินที่หูโดยตรง
“ลูกๆของเจ้าเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?”
“..หมายถึงมหามังกรนั้นรึ ตามสถานะแล้วเรียกว่าลูกได้อยู่ก็จริง แต่ต่างจากเจ้า ข้าไม่ได้ปารถนาจะให้กำเนิดเด็กพวกนั้นเสียหน่อย แล้วก็เป็นคำถามที่ซ้ำกับโซโลม่อน สมกับที่เป็นแม่ลูกกันดีจนน่าแปลกใจ” เทียแมธหรี่ตาลง “แต่ให้พูดก็เป็นกลุ่มเด็กที่ดีพอจะทำให้ข้าไม่อับอายได้อยู่กระมัง”
ได้ยินอย่างนั้นคนบนบังลังค์ก็ยิ้มโล่งอก เทียแมธไม่ค่อยชอบท่าทางอย่างนั้นเลยเร่งพูดธุระต่อไป
“อีกไม่นานจะมีแขกมาเยี่ยม ไม่รู้เหมือนกันว่ากี่คน อาจจะคนเดียว ไม่ก็สองคน จะอย่างไรก็แล้วแต่ ..อย่าลืมเตรียมน้ำชาไว้ด้วยละ” เทียแมธทำท่าจะเดินไปทางอื่น แต่ “แล้วก็ ..เด็กสองคนนั้นสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วงไป จะไม่มีใครรีบมาหาเจ้าแน่นอน”
กล่าวจบ ร่างของเทียแมธก็ค่อยๆสลายกลับคืนสู่มานา
“ข้าขอตัวก่อน ไว้จะรออยู่ที่จุดปลายทาง”
“..เข้าใจแล้ว”
ไม่ว่าผลลัพธ์จะลงเอยอย่างไร ..
“แล้วจะตามไปนะ”
“อ่า ..แล้วเจอกัน ‘มารี’ ”
พูดคุยกันจบ เทียแมธก็หายไป เหลือเพียงแต่มานาที่หวนคืนสู่วัฐจักร ผู้ที่นั่งอยู่บนบังลังค์ลุกขึ้นยืน และเดินไปที่ครัวของราชวังศ์สีขาว เพื่อจะชงชารอแขกที่จะมาถึง
และไม่ว่าผลลัพธ์จะลงเอยอย่างไร ผู้ใดที่จะมาเยือนที่แห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นใคร–บทสรุปก็จะปรากฏให้เห็นเป็นครั้งแรก ในห้วงเวลานับล้านที่ไร้จุดสิ้นสุด
บทสรุปได้มาถึงแล้ว