เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 324
< < 201 Sec3 > >
เรื่องราวในวันนั้นมันวนเวียนอยู่ในหัวของฉันมาโดยตลอด
มันคือวันที่ท้องทะเลปั่นป่วน
มันคือวันที่ท้องฟ้ากรี๊ดร้อง
มันคือวันที่–ฉันได้พิชิตโลกใบนี้เป็นครั้งแรก
ดาบเล่มนั้นที่เก่าแสนเก่า และถูกใช้มานับครั้งไม่ถ้วนได้ชี้ขึ้นสู่ท้องฟ้า เสียงหัวเราะ และเสียงร้องไห้ของลูกน้องปนกันไปมา ประหนึ่งบทเพลงเปิดตัวราชา ตัวข้าในเวลานั้นไม่ได้คิดถึงสิ่งอื่นใดเลย นอกเสียจากความปารถนาที่จะก้าวข้ามบางสิ่งจนตัวสั่น
สุดท้าย ดาบเล่มนั้นก็ถูกทำลายลงเสียที พร้อมกับร่างของศัตรูที่เหลือเพียแต่ซากศพ
ท้องทะเลถูกย้อมด้วยสีรุ้งแห่งการพิชิต ข้าได้ทำการเปลี่ยนชื่อท้องทะเลผืนนั้นเป็น ‘ทะเลแห่งผู้พิชิต’ และจารึกชื่อของตัวเองไว้ในประวัติศาสตร์อีกนานแสนนาน ในฐานะ ‘ผู้พิชิต’ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ทว่า ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ความรู้สึกที่มีอยู่ในอกเวลาโบกสะบัดดาบขึ้นสู่ท้องฟ้าเหมือนวันวานมันกลับเลืองหายไป เหลือเพียงแต่ภาพลวงตา
สิ่งที่ตัวเองพิชิต ผลงานของตัวเองไม่มีวันหายไปจากโลกใบนี้ แต่ทำไมกันนะ ..ดาบเล่มนั้นในวันแรกที่ข้าเลือกมันมา ตอนนี้มันหายไปไหนแล้วไม่รู้
อ่า ใช่ ข้าได้สูญเสียจิตวิญญาณแห่งการพิชิตไปเสียแล้ว
เหตุใดจึงต้องพิชิตโลกใบนี้ ข้าหลงลืมมาตลอดหลายพันปี อาจจะเป็นเพราะว่าเติบโตขึ้น มีวุุฒิภาวะเพิ่มขึ้น ทำให้หลงลืมความรู้สึกเสมือนกับเด็กเหล่านั้นไป …บางทีมันอาจจะไม่มีอยู่ในตัวของข้าอีกต่อไปแล้ว สิ่งสำคัญยิ่งกว่าชีพของข้านั่น
ทว่า เหมือนจะไม่ใช่
มันไม่ได้หายไปไหนเลย แค่โลกใบนี้ไม่มีสิ่งใดมีค่าพอให้พิชิตต่างหาก
สำหรับข้า โลกใบนี้ไร้ซึ่งมนสเน่ห์เหมือนกับแต่ก่อน รู้สึกเบื่อหน่ายจึงแอบไปตามเต๊าะมหามังกรตนหนึ่งเล่นๆฆ่าเวลา วันคืนผ่านไป ได้แต่ภาวนาว่าสักวันหนึ่งบทบาทในฐานะวิญญาณระดับเทพของตัวเองจะจบลงสักที ….และแล้ววันหนึ่ง เจ้าหมอนั่นก็โผล่มา
“เป็นพลังให้ฉันซะ”
นั่นคือสิ่งที่แรกเจ้าหมอนั่นพูดกับตัวข้า น่าตลกซะจริงๆเลยหนุ่มน้อย ต่อหน้าราชาผู้พิชิต ถ้าไม่กราบไหว้ทางนี้ขอเมินนะจะบอกให้
ข้าเลือกที่จะเมินเจ้าหมอนั่น แต่ไม่นานหลังจากนั้นมันก็ใช้วิชาแปลกๆจับร่างวิญญาณของข้า และพูดอัดหน้า
“เป็นพลังให้ฉันซะ!!!”
เจ้าเด็กนี่มันบ้าไปแล้วหรือไง—ไม่รู้ว่านึกสนุกอะไรอยู่ ข้าอยากจะเห็นจุดจบของเจ้าหมอนี่ ถ้าได้เห็นมันคงสร้างความสำราญใจไม่ใช่น้อยเลย เจ้าเด็กอวดดีที่บังอาจมาบีบคอราชาผู้พิชิต ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเจ้าของโลกใบนี้ อยากจะเห็นเหลือเกิน จุดจบที่แสนน่าอนาถ
เพราะอย่างนั้นเลยตกลงทำพันธสัญญาไป ข้ามอบทะเลสีรุ้งให้แก่ ‘มาเจล’
เด็กนั่นไม่ทำให้ผิดหวัง ไม่นานหลังจากนั้นมาเจลก็โดนลูบคม พอได้พลังมาก็ห้าวซะเต็มที่ โดนกระทืบเละเทะ กะอีแค่โจรข้างถนนก็ไม่มีปัญญาสู้ซะแล้ว ดูท่าจะมีแต่ปากจริงๆ
ตอนนั้นข้าจำไม่มีลืมเลยว่าตัวเองหัวเราะออกมามากมายขนาดไหน ไม่ได้เจอเรื่องตลกมานานหลายร้อยปีแล้ว รู้สึกปลอดโปร่งสุดๆเลย แต่น่าเสียดายที่พวกโจรดันใจอ่อนปล่อยมาเจลให้รอด ตลอดทางที่มาเจลเดินกลับอย่างทุลักทุเล มันสุดจะเฮฮา เด็กนี่ตัวแค่เปี๊ยกเดียวแต่สร้างศัตรูไปทั่ว โดนผู้ใหญ่คนอื่นๆข้างทางตบตีบ้าง โดนเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันปาหินใส่บ้าง
นั่นแหละ ใช่เลย มันต้องโดนแบบนี้ไอ้เด็กอวดดี ข้าหัวเราะอย่างเลือดเย็น ไม่สนว่ามาเจลมันจะมีความรู้สึกยังไง
พอมันกลับถึงบ้าน บ้านที่เป็นบ้านร้างไม่มีเจ้าของ ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกอะไรทั้งนั้น ไม่มีพ่อหรือแม่ ไม่มีใครเลย เหมือนว่ามาเจลจะอาศัยอยู่ที่นี่คนเดียวมาตั้งแต่จำความ ต้องใช้ชีวิตดิ้นรนคนเดียวในเขตุที่อันตรายที่สุดของทวีปเกรล
เหลือเชื่อจริงๆที่มีชีวิตรอดมาถึงทุกวันนี้ได้ สำหรับมาเจลทุกๆวันในที่นี้คงจะลำบากจนอยากร้องไห้แน่นอน แค่คิดใบหน้าของเด็กอวดดีตอนร้องไห้ฟูมฟายข้าก็ตื่นเต้นไม่ไหว จนโผล่ตัวไปแอบดูหน้าของมาเจล
และนั่นก็ทำให้ข้าแปลกใจ
ไม่มีน้ำตาเลยแม้แต่หยดเดียว มาเจลนั่งอยู่เฉยๆ หยิบขนมปังที่เก็บได้ตามพื้นขึ้นมากิน โดยไม่สนว่ามันจะมีหนอนหรือตัวอะไรแปลกๆอยู่ข้างในหรือเปล่า ….
“…..”
เรื่องตลกอะไรกัน เป็นเรื่องตลกที่ขำไม่ออกเลยสักนิดเดียว
วันถัดมา มาเจลได้วางแผน และโค่นกลุ่มโจรที่เล่นงานมันไปเมื่อวานสำเร็จ
เป็นแค่เด็กเอาแต่ใจที่เย่อหยิ่งไม่ใช่หรือไง? ทำไมถึงได้เข้มแข็งขนาดนี้กัน ข้าอดจะรู้สึกแปลกใจไม่ได้กับตัวตนของมาเจล
แต่ก็ดี ทุกครั้งที่มาเจลประสบความสำเร็จ ความรู้สึกยินดีที่เพิ่มมากขึ้น เมื่อถูกทำลายมันจะโศกเศร้าสุดๆละนะ ก็เลยยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดี
ผ่านไปไม่ถึงปี มาเจลก็ปกคลุมเมืองแห่งนี้ทั้งเมือง จากนั้นก็โดนคนจากอาณาจักรเกรลเข้าบุกรุก และทำลายความสำเร็จที่สร้างมาในเวลาไม่ถึงเดือน เพราะเป็นแค่เด็กเลยทำอะไรมากไม่ได้ สุดท้ายก็พ่ายแพ้ และพบกับความผิดหวัง
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!! สะใจโว้ย!!! เอาละๆ ใบหน้าของเจ้าในตอนนี้—-หา??
ยิ่งกว่าไม่ร้องไห้ คือดวงตายังคงเต็มไปด้วยประกายความหวัง
มันเรื่องอะไรกัน?
คำถามนั้นติดอยู่ในหัวข้านานหลายปีทีเดียว
ชีวิตของมาเจลดำเนินต่อไป เจ้าหมอนั่นถูกจับตัวไปที่อาณาจักรเกรล ไปก่อเรื่องใหญ่โตเข้าจนอีกไม่นานก็จะโดนโทษประหาร สะใจโคตรๆ! แต่มันไม่ร้องสักแอ๊ะเดียวเลยวุ้ย ข้าตั้งหน้าตั้งตารอดูวินาทีสุดท้ายของมาเจล และไม่ได้สิ่งที่คาดหวังไว้เลยแม้แต่อย่างเดียว
ไอ้เด็กนี่มันเป็นตัวบ้าอะไรกันแน่วะ!!?
ไม่สนุกเลยสักนิด แล้วก็มันอะไรกันวะ ไอ้สิ่งที่เรียกว่าโชคชะตาน่ะ
ปรากฏว่ามาเจลคือลูกลับของราชาแห่งเกรลเสียอย่างนั้น ทำให้มันรอดพ้นจากความตาย และถูกรับมาเลี้ยงในราชวงศ์
ดีเลยแบบนี้ หลังจากนี้มันจะได้รับความสุขอย่างยิ่งยวดที่ตัวเองทีแรกไม่มีทางได้สัมผัส ทั้งความรักของพ่อแม่ ทั้งความสูงส่งของสายเลือด สิ่งเหล่านี้มันจะทำให้มาเจลรู้สึกถึงคุณค่าในตัวเอง และไม่ช้าก็เร็ว ข้าเชื่อว่าคนอย่างมาเจลต้องหาเรื่องใส่ตัวจนต้องสูญเสียทั้งหมดไปแน่ๆ จะรอคอยดูใบหน้าเวลานั้น—-ตามคาด!! ไปก่อเรื่องบ้าๆบอๆเข้าจนโดนเตะออกจากราชวงศ์ และส่งไปเรียนที่ที่ห่างไกลจากอาณาจักรเกรล
แต่ข้าก็ต้องผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่มาเจลมันยังมีสีหน้าที่นิ่งเฉย ไม่สิ ดูจะตื่นเต้นกว่าเดิม
หรือว่า ..มาโซคิสต์? ไม่สิ ตอนโดนตบตีมันก็รู้สึกเจ็บเป็นปกติแท้ๆ สรุปแล้วมันเป็นตัวอะไรกันแน่นะ?
มาเจลไปสร้างชื่อที่วิทยาลัยแห่งนั้น ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ กลายเป็นนักวิจัยที่อิกดราซิล สร้างชื่อเสียงมากมายในเวลาแสนสั้น กลายเป็นตัวตนที่สำคัญของโลกใบนี้ไปเสียอย่างนั้น วันหนึ่งข้าที่อดสงสัยไม่ได้จึงถาม
“เจ้าต้องการอะไรกันแน่?”
“ถามอะไรไร้สาระ”
“เอาเถอะน่า ข้าอยากจะรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของเจ้าเหลือเกินนะ มาเจล”
พอพูดอวยเข้าหน่อยมันก็ได้ใจ และโพล่งออกมาง่ายๆ
“โลกใบนี้”
“อยากครองโลก?”
“ครองโลกมันมีแต่พวกโง่เท่านั้นแหละที่คิดจะทำกัน”
รู้สึกเหมือนข้าโดนด่าอยู่อย่างไรอย่างนั้นเลยละ
“ยิ่งกว่าการครองโลก คือการได้โลกที่ปารถนามาครอบครอง”
ข้าอาจจะไม่ฉลาดนักในด้านปรัชญา ทำให้ข้าไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร หรือบางทีมาเจลมันอาจจะโง่ไม่พอ ยังกินกาวเข้าไปเยอะอีกเลยพล่ามอะไรไม่ได้ความออกมาอย่างกับคนเมา
“ให้พูดโดยระเอียดคืออยากจะปกครองพื้นที่สักพื้นที่หนึ่ง บริหารที่นั่นให้ดีๆ ให้เฟื่องฟู ให้ยิ่งใหญ่ถึงขนาดถูกเล่าขานไปนานแสนนาน และอาณาจักรที่แสนสมบูรณ์แบบนั้นจะทำให้โลกใบนี้เป็นไปตามที่ฉันต้องการ”
“ราชาที่ดีว่างั้น?”
“ถ้าราชาน่ะใช่อยู่ แต่ฉันคนนี้ไม่คิดจะเป็นราชาที่ดีหรอก”
…..ความคิดของมาเจลนั้นเข้าใจยาก ข้ามั่นใจได้ว่าทุกๆคนคงคิดอย่างนั้น มันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนอะไรเลยก็จริง แต่ว่า—คาดเดาไม่ได้เลยว่าวันพรุ่งนี้มันจะทำอะไรลงไปบ้าง
การที่คนอย่างมาเจลจะโดนด่าว่าโง่ ข้าไม่ได้คิดว่ามันแปลกอะไรเลยบอกตามตรง
“เจ้าก็แค่ไม่เข้าใจตัวเองว่าต้องการอะไรแค่นั้นไม่ใช่รึไง?”
“ไร้สาระ ฉันรู้ตัวเองดีมาตลอดว่าต้องการอะไร
“จะใช่แบบนั้นจริงๆเรอะ?”
“ตั้งใจกวนตีนกันหรือไงหา!?”
บางครั้งก็แอบคิดว่าการคุยกับมาเจลนั้นสนุกเกินคาด พอเวลาผ่านไป วิธีพูดคุยกันของพวกเราก็แตกต่างไปจากเดิม
ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่มาเจลเดินนำข้า และมีข้าเดินตามในฐานะลูกน้อง ..น่าสนใจจริงๆ มาเจล
ข้าอยากจะเห็นเหมือนกันนะ ปลายทางของสิ่งที่เจ้าปารถนาน่ะว่ามันจะมีหน้าตาเป็นอย่างไรบ้าง ถึงขนาดที่เข้ายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมาเช่นนี้ ..สุดท้าย จิตวิญญาณในฐานะผู้พิชิตก็ไม่ฟื้นคืนกลับมา แต่การพบกับมาเจลก็ทำให้ข้าพอจะเข้าใจอะไรหลายๆอย่างมากขึ้น
เรื่องราวของข้ามันจบไปเป็นชาติแล้วก็แค่นั้น จะให้ปลุกสิ่งที่จบไปแล้วขึ้นมาใหม่ได้อย่างไรกันเล่า ต่อจากนี้คือเรื่องราวของ—คนรุ่นถัดไปต่างหาก
ข้าจะยืนมองในฐานะผู้เฝ้าดู และข้าก็ปารถนาอย่างยิ่งว่า—มาเจล เจ้าคงจะกลายเป็น ‘ราชา’ ที่ดีกว่าข้าและคนอื่นๆได้ในสักวันหนึ่ง
****
บนยอดของคัลเซเรมซึ่งถูกดัดแปลงโครงสร้างโดยการเล่นแร่แปรธาตุนอกรีต ‘เนโครแรนซ์’
มาเจล และลีออนได้เข้าต่อสู้กันด้วยทะเลสีรุ้ง และการเล่นแร่แปรธาตุนอกรีต ทั้งสองร่ายเวทมนตร์เข้าใส่กัน ใช้งานความสามารถพิเศษของตัวเองเพื่อที่จะส่งเสริมการโจมตี และหักล้างกันในทุกๆครั้งไป ไม่มีใครที่เหนือกว่าใครอย่างชัดเจน อาจกล่าวได้ว่านี่คือการต่อสู้ที่ทั้งสองจะเสมอกันในที่สุด
ทว่า ไม่มีใครยอมให้เป็นอย่างนั้น
“แกนี่มันเกะกะขวางทางได้ดีจริงๆ!!”
มาเจลวิ่งเข้าใส่ลีออน จากการต่อสู้ด้วยเวทมนตร์ หมอนี่ได้เปลี่ยนมาใช้หมัดมวยแทน ลีออนเห็นก็ตั้งรับอย่างเหมาะสม และเชิงมวยเหนือกว่าเห็นๆ เขาได้ส่งมาเจลลงไปกองกับพื้นด้วยหมัดเดียว—มาเจลฝืนร่างกายตัวเอง ลุกขึ้นยืน ย้อมตัวเองด้วยแสงสีรุ้ง เพื่อหลบหลีกเวทมนตร์ของลีออน แม้จะทำมันได้อย่างน่าหวาดเสียว แต่มาเจลก็หลีกเลี่ยงความพ่ายแพ้ได้สำเร็จ
การตัดสินใจเข้าไปสู้ระยะประชิดไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก ทั้งร่างกาย และทักษะการต่อสู้ของลีออนเหนือกว่ามาเจลหลายขุม
“บัดซบเอ้ย ..”
“ตัดใจซะเถอะ ท่านพี่ เห็นแก่ที่เป็นพี่น้องกัน อย่างน้อยๆผมจะไม่สั่งประหารกับเหตุการณ์อุกอาจเช่นนี้”
“แต่เดิมคนอย่างแกมิสิทธิ์อะไรมาสั่งประหารฉันคนนี้หะ!!?”
“ทำไมจะไม่มีสิทธิ์เล่า!? ผมคือราชาที่แท้จริงของอาณาจักรเกรล ในพื้นที่ของผม ผมมีสิทธิ์จะสั่งประหารคนที่ทำผิดได้ไม่ใช่หรือไง!? เรื่องแค่นี้ทำไมท่านถึงไม่เคยจะเข้าใจ!”
“…ชนะให้ได้ก่อนเถอะ ค่อยมาคิดเรื่องประหาร”
ลีออนดูท่าทางจะฉุนกับบางอย่างจนขึ้นหัว แต่เจ้าตัวก็อดทนอดกลั้นเอาไว้ได้ด้วยวุฒิภาวะที่สูงลิ่ว ..
“..ท่านต้องการอะไรกันแน่”
“โลกใบนี้”
“ขอเป็นรูปธรรมหน่อยได้จะได้หรือเปล่า?”
“มันยากที่จะพูดออกมา ที่สำคัญแกไม่จำเป็นต้องรู้หรอก”
เผลอนิดเดียวมาเจลก็ทำแอ็คยืนกอดอก นั่นทำให้ลีออนยัวะจนเกือบจะคุมตัวเองไม่อยู่
“สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดนะ ไอ้ความคิดที่อยากจะประกาศสงครามกับทั้งโลกของแกมันไร้สาระ ไม่สง่างามเอาซะเลย ..นึกออกแล้ว ให้พูดเป็นรูปธรรมสินะ ง่ายๆเลย ฉันคนนี้จะหยุดสงครามที่แกตั้งใจจะก่อขึ้นมาเอง”
“ไม่ใช่ว่าพึ่งคิดได้หรอนนะนั่นน่ะ?”
“คิดได้นานแล้ว แค่ลืมไปนานแล้วเหมือนกันต่างหาก”
…..
“ตอนอยู่คัลเซเรมทุกวันมันเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ไม่มีเวลามาคิดเรื่องไร้สาระหรอก”
“…รู้ตัวรึเปล่าว่าอาณาจักรเกรลตอนนี้ย่ำแย่ขนาดไหน ..ถ้าเกิดไม่ประกาศให้โลกรู้ ถ้าเกิดไม่สร้างจุดยืนที่ดีเยี่ยมคืนกลับมา ถ้าเกิดไม่ช่วงชิงสิ่งที่พวกเราขาดหาย อาณาจักรแห่งนี้จะถูกกลืนกินไปกับกาลเวลาในที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นอย่างนั้น ผมจึงต้องประกาศสงครามกับโลกใบนี้ และต้องหาอาวุธที่จะใช้สำหรับรับมือกับทั่วทั้งโลก ไม่ว่าจะการร่วมมือกับเรน หรือว่าการวางแผนใช้คุกนรกคัลเซเรมแห่งนี้เป็นเครื่องมือก็ตาม ไม่ว่าจะต้องใช้อะไร ผมมีหน้าที่ทำให้อาณาจักรเกรลกลับมายิ่งใหญ่ให้ได้เหมือนกับเก่า!!”
ลีออนกัดฟันกรามแน่น และโพล่งขึ้นอย่างเจ็บปวด
“ผู้คนที่อาณาจักรเกรล ..กำลังล้มตาย ในเร็ววันนี้ ประชาชนรากหญ้าทุกคนจะต้องตาย!! มันไม่ใช่เรื่องไร้สาระ ไม่มีอะไรที่ไร้สาระทั้งนั้น”
“พูดเรื่องง่ายๆให้เข้าใจยากเก่งจริงๆนะ”
“คนง่ายๆอะไรก็ได้อย่างท่านพี่ก็ไม่แปลกหรอกที่จะคิดอย่างนั้น”
“สงครามมีไว้เพื่อให้ได้ตนได้สิ่งที่ต้องการ”
มาเจลแคะขี้หู และเป่าทิ้ง ช่างเป็นท่าทางที่เป็นเอกลักษณ์ ท่าทางไม่สนโลกอย่างนี้
“คิดว่าชีวิตที่ต่อด้วยการสละชีวิตของคนอื่นมันน่าภาคภูมิใจรึไง? ถ้าปราศจากศักดิ์ศรี มนุษย์ก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉานที่ใช้ชีวิตตามสัญชาตญาณ ไม่มีสิทธิ์เรียกตัวเองว่าสัตว์ประเสริฐด้วยซ้ำไป ..ถ้าอยากจะทำสงครามก็บอกไปสิ ว่าอยากจะทำสงครามด้วยตัวเอง เพื่อให้อาณาจักรแห่งนี้ดีขึ้นด้วยตัวเอง จะไปอ้างชื่อประชาชนที่น่ารักทำมะเขืออะไรวะ?”
“….”
“เจ้าน้องชายหน้าโง่ ฉันละอยากได้ยินเสียงของประชาชนที่กำลังเดือดร้อนจริงๆว่าอยากจะได้สงครามรึเปล่า …แกรู้รึเปล่า ว่าชีวิตที่ถูกยืดออกไปด้วยชีวิตของคนอื่น มันช่างน่าสมเพซ” มาเจลดีดนิ้ว ทะเลสีรุ้งพัดเข้าใส่จุดบนสุดของคัลเซเรมอีกครา “ฉันใช้ชีวิตเพื่อศักดิ์ศรีของตัวเอง และศักดิ์ศรีของฉันไม่อยากจะเห็นโลกที่มีสงคราม ความคิดของแกจะเป็นยังไงก็ช่าง ที่รู้ๆ ฉันไม่อยากจะเห็น ไม่สนด้วยว่าแกทำไปเพื่ออะไร เพราะฉันไม่อยากจะเห็น เพราะไม่อยากจะเห็น เลยจะไม่ทำให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด เพราะมันโคตรจะน่าสมเพซ”
ลีออนได้ยินอย่างนั้นก็หมดหนทางจะพูดคุย ใช่ แต่แรกเดิมที มาเจลไม่ใช่พวกที่คุยกันรู้เรื่องอยู่แล้ว เขาควรจะรู้สึกตัวให้เร็วกว่านี้
“ท่านพี่ก็แค่คนเห็นแก่ตัวที่ทำอะไรตามใจตัวเอง เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางโลก ไม่ได้เข้าใจมุมมองที่กว้างขวาง เป็นแค่คนโง่ที่มุดหัวอยู่ในกระดองเต่า ความคิดเห็นของท่านพี่มันช่างไร้วิสัยทัศน์ ไม่ควรค่าแก่การรับฟัง”
“นั่นมันไม่ใช่ปัญหาของฉัน แต่เป็นปัญหาของแกที่มีต่อความคิดของฉัน แต่แรกเดิมที–ไม่ได้ขอให้ใครหน้าไหนมารับฟังอยู่แล้วด้วยโว้ย เจ้าน้องชายหน้าโง่”
มาเจลชูนิ้วกลางอัดหน้าลีออน
“….จะฆ่าให้ดู!!”
ด้วยความเดือดดาล ลีออนได้ทิ้งสไตล์การต่อสู้ของตัวเอง และวิ่งเข้ามาประชิดมาเจล—