< < Sec 2 > >
ท่ามกลางเปลวเพลิงซึ่งปกคลุมไปทั้งราชวัง ผู้คนที่ยังอยู่ในเปลวเพลินนั้นต่างกลายเป็นเท้าธุรีแล้ว เว้นแต่—-หญิงสาวสองคน
“…ยูนา…เราสนุกจริงๆ ที่ได้อยู่กับเธอ …นี่ เก็บมานาไว้ทำศึกต่อเนื่องเถอะนะ อย่าเสียเวลามารักษาคนตายแบบเราเลย”
เด็กสาวผู้หนึ่งจับไปที่แก้มของหญิงสาวผู้โอบร่างเธอไว้
“ตัดมิติไม่ช่วยอะไรหรอกนายูนา เธอนี่นะ อย่าเอาแต่ใช้แต่กำลังสิ …ไม่ได้บอกว่าให้ใช้หัวบ้างสักหน่อย บื้อจริงๆนะ”
หญิงสาวผู้โอบร่างใช้หัวโขกตัวอีกฝ่าย แต่ก็ไม่เป็นผลอะไร ซ้ำร้ายยังถูกต่อว่า แต่เธอก็ยังไม่ละลดความพยายาม จะหยุดพยายามไม่ได้ มิเช่นนั้นเธอผู้นั้นจะสลายหายไปตลอดกาล ..
“น่าๆ ยูนา ใจเย็นๆ เถอะนะ คุณมังกรพวกนั้นเขาน่าสงสารจะตาย”
เธอไร้ซึ่งความเห็นใจมังกรที่ว่า ในหัวมีแต่เรื่องคิดจะเอาคืนมังกรทั้งหมดที่ทำกับเธอผู้เป็นที่รัก
“ไม่คิดเลยว่าฟัฟนิร์จะบ้าดีเดือดถึงขนาดมาบุกกลางเมืองที่เธอประทับอยู่เลย …ฮะๆ พลาดเลยนะแบบนี้”
‘ที่ผิดไม่ใช่เธอ อย่าพูดเหมือนตัวเองทำพลาดสิ’
“นี่ยูนา ..เธอร้องไห้อยู่เหรอ …ขอโทษด้วยนะ คือตอนนี้ฉันมองอะไรไม่เห็นเลย”
‘ไม่จำเป็นต้องมองก็ได้ ตอนนี้อย่ามองมาทางนี้เลย’
“ตอนพวกเราเจอกันครั้งแรก ถ้าจำไม่ผิดเป็นคืนที่พระจันทร์กลมโตสินะ และดอกไม้เองก็เรืองแสงอย่างงดงาม …แม้จะผ่านมาเป็นสิบปี แต่เราไม่อาจลืมมันได้เลย หืม? จริงหรือ ดีใจจังที่เธอก็ยังไม่ลืม”
ผู้โอบร่างร้องโวยวายขึ้น พยายามรั้งไม่ให้พูดไปมากกว่านี้
“หยุดพูดรัวไม่หยุดได้แล้วน่ายูนา ถ้าเราหลับสนิทไม่ได้ขึ้นมาทำยังไง? ..ไม่ให้เราหลับเหรอ บู๊ นิสัยเสีย ปล่อยเราไปเถอะ เราไม่รอดละจ๊ะ ฮาๆๆ”
สุดท้ายก็ทำได้เพียงโอบร่างในวาระสุดท้ายไว้
“ขอโทษนะยูนาที่กำลังจะจากไปก่อนน่ะ …สภาพดูไม่ได้เลยนะ บอกตามตรงยูนาเราอยากเล่นกับเธออีกสักนิดจริงๆ ยังไม่อยากตาย อายุเรายังไม่ถึงเวลาสักหน่อย คนรักนอกจากเธอก็ยังไม่มี คำสัญญาที่บอกว่าพวกเราจะไปเดทริมทะเลกับคนรักกัน 4 คนน่ะ ยังไม่ได้ทำเลย เราผิดสัญญาเอาซะแล้ว ..อืม เราผิดเอง เธอไม่จำเป็นต้องแก้ต่างให้หรอก… สักครั้งก็ยังดีอยากจะวิ่งเล่นกับเธอ ท่ามกลางดอกไม้ที่ผลิบาน เมื่อถึงคราวโลกสงบสุขจังเลย และครั้งหน้าต้องไม่ใช่ตอนกลางคืนด้วย ต้องเป็นตอนเช้าที่ส่องสว่าง และดอกไม้พันธ์ใหม่ๆ ที่งดงาม ถ้าได้เห็นคงจะดีไม่น้อยเลย …แต่ดูเหมือนจะไปต่อไม่ไหวแล้ว”
คำพูดสุดท้ายที่มีให้มีเพียง —
“ยูนา ได้โปรดอย่ามัวยึดติดอยู่กับฉันเลยนะ … ‘ก้าวข้ามอดีต’ ให้ได้นะ ยูนาแข็งแกร่งจะตายไป”
…
“—-เราอยากรู้จังว่ายูนาจะทำได้รึเปล่า …ถือว่าเป็นคำขอได้มั้ยนะ?”
เพื่อนเพียงคนเดียวของยูนาได้สิ้นใจไป สิ่งที่ยูนาทำได้มีเพียงให้เธอหลับอยู่ท่ามกลางดอกไม้ พันธ์โปรดของเธอ … ณ จุดเริ่มต้นที่ทั้งสองเจอกัน เธอทำได้เพียงแค่นั้น
วีรสตรี ‘ยูนา’ ในอดีตเธอคือผู้ปราบ และผนึกกำลังของเหล่ามังกรธาตุออกไป เธอเป็นผู้กำราบสัตว์ประหลาดและทวนคืนเอกราชให้กับโลกทั้งใบ
เธอคือผู้แข็งแกร่ง เป็นหญิงสาวที่แข็งแกร่งทั้งกายและใจ——เป็นผู้อยู่จุดสูงสุดของยุคสมัย
ทว่าทั้งอย่างนั้น อดีตกลับตามรังควานเธอไม่เลิก แม้จะตายไปและกลายเป็นวิญญาณ สิ่งสิ่งนั้นก็ยังตามติดเธอไปจนถึงปัจจุบัน
…ตลอดมา เธอตามหาคำตอบของการก้าวข้ามอดีตอยู่เสมอ ใช้เวลาทั้งวันและใช้เวลาทั้งชีวิตที่เหลือในการตามหาคำตอบนั้น และไม่เคยพบมันในทุกครั้งไป …เมื่อเป็นวิญญาณเธอจึงเลือกที่จะรอผู้กล้า หรือใครก็ได้ซึ่งมีคุณสมบัติ ใครก็ได้สักคนที่ไม่ได้มีเพียงคุณสมบัติแต่รู้ถึงแก่นแท้ของการก้าวข้ามอดีต
เธอรอ รอ รอมาโดยตลอด แต่ก็ไม่เคยพบใคร ไม่มีใครนำพาเธอได้ ตลอดหลายพันปี มีผู้ที่มีคุณสมบัติจะครอบครองเธอนับร้อยคน แต่ไม่มีผู้ใดสามารถครอบครองพลังของเธอได้
…..ต้องรออีกสักแค่ไหนกันนะ ถึงจะมีใครสักคนมานำทางเธอ
เซียนผู้ยิ่งใหญ่ตนหนึ่งของโลกจึงสบประหม่าเธอไว้ว่า ‘การรอคอยไม่ทำให้เธอค้นพบคำตอบหรอก ถ้าหากเรื่องแค่นี้ยังไม่เข้าใจ ก็จนรอให้การเวลาผ่านไปโดยไร้ซึ่งจุดจบเสียเถิด’
….เธอเป็นเพียงวิญญาณผู้น่าสงสารเท่านั้น——ไม่ใช่วีรสตรีที่แข็งแกร่งอะไรเลย
…จนถึงปัจจุบันนี้ เธอยังคงเฝ้าหวัง ว่าจะมีใครสักคนมานำทางเธอไป เพื่อเติมเต็มความปรารถนาของเธอ และคำขอของเพื่อนเก่าที่จากไป
*******
‘เรเซลในวัย 6 ขวบ’ เธอกำลังร้องไห้ไม่หยุด แขนทั้งสองข้างของเธอมีเลือดไหลออกมาจากลอยทุบตี นอกจากนี้บนใบหน้านั่นก็มีรอยซ้ำเล็กน้อย
เพียงดูก็รู้ได้ ว่าเธอถูกทารุณ…และคนที่ทำเธอก็คือผม ‘เรเซอร์’
“เร..เรเซล”
เรเซลที่ได้ยินก็สะดุ้งเฮือก เธอมองมาทางผมอย่างหวาดระแวง
เมื่อนานมาแล้ว ครั้งหนึ่งผมเคยโมโหร้ายแรง และระบายกับเรเซลจนเธอมีสภาพดูไม่ได้
แม้จะรางๆ แต่ผมก็จำได้ดี และมันก็ตอกย้ำตัวผมเพิ่มเข้าไปอีกว่า—คนที่ทำให้เรเซลขอโทษในทุกๆ ครั้ง กลัวในทุกๆ สิ่ง มันคือผมเอง
เจ็บเหลือเกิน ภายในจิตใจนี้ ผมรู้สึกแย่จนอยากอาเจียน
ท้ายที่สุดแล้ว แม้ผมจะเปลี่ยนไป แต่จิตใจของเรเซลทีถูกผมบดขยี้ไปเมื่อครั้งยังเด็ก มันยังอยู่กับเธอตลอดไป
เหตุผลที่เธอเอาแต่ขอโทษ————คือผม ไม่ใช่ใครอื่นเลย
เรเซลกั้นน้ำตาตัวเองและก้มหัว—-
“ขอโทษค่ะ …ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ! —–ขอโทษค่ะ!!”
เธอจับแขนที่เจ็บปวดของตัวเองไปพลางก้มหัวงึกๆ ขอโทษผมไม่หยุด ….ทำไมต้องขอโทษผมด้วย ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ผิดอะไรเลย
ผมโมโหบ้าบอไปเอง และทำร้ายเธอ
“…เธอทำอะไรผิด”
“—-ฉันทำให้ท่านเรเซอร์โมโหค่ะ!”
“ขอร้องละ–อย่าพูดแบบนั้นนะ!”
ใบหน้าของผมบิดเบี้ยวไปด้วยความรู้สึกผิด ดวงตาล่อกแล่กไปมา ได้แต่ขบฟันกรามไว้
ความผิดในอดีตมันถูกฉายภาพซ้ำอีกคราว
“การย้อนวันวานเป็นอย่างไรบ้าง?”
เสียงที่นิ่งสงบดังขึ้นมาเบาๆ และไม่นานหญิงสาวผมสีม่วงทรงไซด์ทวินในชุดเกราะมังกรสง่า เธอปรากฏตัวออกมาอยู่ข้างหลังของเรเซล มองผมมาจากข้างหลังเรเซล
ผมกัดฟันกรามตัวเองแน่น พร้อมกับจ้องเขม็งไปทางด้านหลังของเรเซล ซึ่งตำนานผู้ท้าทายผม กำลังยืนมองมาด้วยสายตาที่ราวกับมองเดนมนุษย์
…อดีตที่ยากจะลืมพวกนี้ เธอเป็นคนเอามันมาฉายซ้ำให้ผมเห็น
“ลืมไปแล้วรึไง?”
“…ไม่มีทางอยู่แล้ว”
ผมพูดทั้งที่ยังปากสั่นไม่หยุด ได้แต่ก้มหัวสำนึกผิด
ยูนายิ้มพึงพอใจ
“แล้วจะทำยังไงละ? จะขอโทษเธอ เพื่อเปลี่ยนแปลงอดีต หรือว่าจะ—-ทำเหมือนเดิมเพื่อให้อนาคตเดินต่อไป อย่างถูกต้อง และให้ตัวนายตอนนี้มาแก้ไขทีหลัง”
“…”
การก้าวข้ามอดีต …มันต้องทำยังไงกัน? การที่ผมไม่ช่วยเธอตั้งแต่ตอนนี้ มันถูกแน่เหรอ?
“เอาเถอะ อะไรถูกอะไรผิด นายคงไม่รู้สินะ แน่นอนว่าไม่ผิดหรอกที่จะไม่รู้ ฉันไม่ได้ตั้งใจคาดหวังอะไรมากหรอก กับเด็กแบบนาย และมันก็เป็นโจทย์ที่ยากเกินไปด้วยสำหรับเด็กเมื่อวานซืน ที่สำคัญ—–แม้แต่ฉันเองก็ไม่รู้เช่นกัน นายไม่ได้โง่หรอกเรเซอร์”
เธอกล่าวอย่างเศร้าสร้อย ก่อนจะดึงดาบออกมาจากฝัก และฟาดใส่อากาศสามครั้งอย่างรวดเร็วประดุจสายฟ้า——-ภาพจึงตัดอีกครั้งพร้อมกับลอยกระจกแตก
มิติอื่น ..
ณ โถงทางเดินอันหรูหรา กลุ่มเด็กสาวสี่คนเดินมาด้วยท่าทางร่าเริง มีความสุข——-
“แหม่ นึกไม่ถึงเลยละคะว่าท่านเรเซอร์จะโหดร้ายกับเรเซลได้ขนาดนี้”
“นั่นสิคะ”
“แต่ก็แอบ…สะใจดีนะคะ ที่อีนางนั่นโดนของแรงซะบ้าง”
“ฮุฮุ ไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นเด็กคนนั้นโดนเร็วขนาดนี้ น่าสงสารเนอะ?”
อันนาและผองเพื่อนเดินผ่านผมไป ทั้งๆ ที่กำลังนินทาเรเซลกันสนุกปาก พวกเธอสมเพชเรเซลที่ไม่ผิดอะไร และมีความสุขเมื่อเธอถูกทำร้าย และชื่นชมผมที่ทำร้ายทารุณเรเซล——–เหตุการณ์แบบนี้มันไม่ถูกต้อง
“—–อ๊ะ ท่านเรเซอร์”
อันนาตกใจเมื่อสังเกตเห็นเธอเลี้ยวขวามุมกำแพง และเจอผมพอดี พวกของอันนาทุกคนต่างตื่นตระหนกกัน
….ผม———–
“ ‘ยัยนั่นตลกดี ว่างๆ พวกแกก็มาสนุกด้วยสิ’ ”
ยูนากระซิบข้างหูผม—–ด้วยถ้อยคำในอดีต
อึก!
“ไม่พูดแบบนี้หรือคะ?”
เธอเดินผ่านตัวผมไปและชักดาบออกมา ฟาดฟันมิติดั้งเดิม———————
————เสียงระเบิดหัวเราะดังขึ้น
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ!! อีหน้าโง่เอ๊ย!”
“ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ!!”
“ฮาๆๆๆๆๆๆ”
“ฮาๆๆๆๆๆๆ”
“ฮาๆๆๆๆๆ”
เรเซลถูกพวกอันนาทำร้ายร่างกายและหัวเราะเยาะเย้ยใส่ …พวกหล่อนมีความสุขกันมากๆ ทั้งๆ ที่ได้ทำเรื่องแย่แบบนี้
พวกเธอจิกหัวเรเซล เตะเรเซล ตบเรเซล ดูถูกเรเซล เหยียดหยามเธอ ทรมานเธอ ราวกับว่าเธอไม่ใช่คน ราวกับว่าเธอไม่ใช่สิ่งมีชีวิตก็ไม่ปาน
ตัวผม ณ ตอนนั้นก็ยืนมองพวกเธอกระทำเรเซลกัน โดยที่ไม่ทำอะไร—-แม้แต่เสียงที่ตั้งใจจะส่งไปก็แผ่วเบา อย่างกับไม่ตั้งใจให้ใครได้ยิน
“—-หยุด————”
“ฮะๆ”
เสียงหัวเราะเบาๆ ของหญิงสาวดังขึ้นข้างหลังผม
เพียงแค่นั้นก็ทำไมผมสั่นเทาด้วยความกลัว
ยูนาเธอกำลังเยาะเย้ยผม
“…เรเซอร์——-อดีตมันผ่านมาแล้วนะ”
——————ภาพในหัวของผมขาวโพลง ราวกับถูกระเบิด และผมก็รู้ดีว่าตอนนี้ภาพมันตัดอีกแล้ว
เธอต้องการจะให้ผมรู้สึกยังไงกันนะยูนา …เธอ——ทำไมต้องทรมานผมขนาดนี้ด้วย
——————หมัดขวาตรงพุ่งเข้าใส่กลางเบ้าหน้า
———ผมมองเห็นมันชัดเจน แต่ไม่หลบมัน พูดให้ถูกคือหลบไม่ทัน
————–ตู้ม! การออกหมัดนั่นแรงระดับที่สะเทือนทั้งเวที
รู้ตัวอีกทีร่างของผมก็ฟุบไปกับเวที ซึ่งถูกแสงสปอร์ตไลท์สาดส่องลงมา
…ที่นี่คือเวทีมวย ณ ตอนนี้ก็คือเวลาที่ผมเผชิญความพ่ายแพ้
—–ความเจ็บปวดในชีวิตของผม ยูนาเธอตั้งใจให้ผมเห็น
กรรมการวิ่งมาดูอาการของผม ก่อนจะเริ่มนับ
“9 …8 …7….6….5!”
ผมไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น แม้ทุกคนบนอรรธจันทร์จะส่งเสียงร้อง แต่ผมก็ไม่ได้ยินสิ่งใดเลย นอกเสียจากเสียงใจเต้นโครมคราม แต่ถึงอย่างนั้นผมก็พอรู้ว่าพวกเค้าคนดูพูดอะไรกัน
‘จบแล้วเรอะ’
‘ไร้น้ำยา’
‘ไม่คุ้มค่าตั๋วเลย’
‘น่าสมเพช’
…..ไม่ผิดแน่
‘รีบลุกขึ้นมาสิวะ’
‘ไอคนไม่มีความพยายาม’
‘เจอแค่นี้ก็ยอมละ เด็กสมัยนี้ไม่มีความอดทนเลยแฮะ’
‘ใครบังคับมันมาชกมวยปะเนี่ย’
..ช่วยไม่ได้นี่ ก็สัมผัสของเวทีมันชวนรู้สึกดีจะตาย ถ้าให้ไปโดนหมัดแล้วล้มอีก สู้ล้มแค่รอบเดียวไม่ดีกว่าหรือไง เพราะอย่างนั้น…ผมไม่อยากลุกขึ้น
“4…3….2….——-1”
——ผมแพ้แล้ว
“——0!!”
กรรมการวิ่งไปหาผู้ชนะและยกแขนของเขาขึ้น พร้อมกับเอ่ยนามและคำยกยออันคู่ควรแด่ผู้ชนะ ต่างกับผมที่นอนแน่นิ่งกับพื้น และรับเสียงก่นด่าทั่วทั้งฮอลไป
ไม่นานนักคุณพี่เลี้ยงของผมก็เดินมาดูอาการ ก่อนจะสบถกับตัวเองเบาๆ
“แพ้อีกแล้วแฮะ”
เพียงประโยคพูดเดียวนั้นมันอัดกระแทกเข้ามาในอกของผม ..มันเจ็บปวด
ยูนาเดินขึ้นมาบนเวที มุ่งตรงมาหาผมและย่อตัวมาในระดับที่มองเห็นหน้าได้ชัด
ตอนนี้ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอมีสีหน้ายังไง
“สรุปแล้วนายจะทำยังไงละ? ยศ”
….ยศนั้นเหรอ ไม่ใช่เรเซอร์ แต่ชื่อยศสินะตัวผม
“ฉัน..พยายามมาอย่างหนัก ไม่เคยเว้นวันหรือให้รางวัลตัวเองจนผิดวินัย ฉันตั้งใจมาโดยตลอด และฉันคู่ควรจะได้กับมัน ฉันไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองไม่คู่ควรกับชัยชนะ”
“แล้วผู้ที่ยกแขนประกาศศักดาอยู่คือนายหรือ?”
“…มันไม่ใช่ฉัน”
“แล้วจะพูดว่าตัวเองคู่ควรไปทำไมละ ในเมื่อนายไม่ได้ครอบครองมัน”
“…ฉันอยากได้จริงๆ”
ผมกัดปากตัวเองจนเลือดฉิบออกมา ความเจ็บปวดนี้มันน้อยกว่าความพ่ายแพ้ในจิตใจมาก
ยูนาเธอกล่าวออกมา
“——ความพยายามของนายมันสูญเปล่า ยศ”
ความจริงมันอัดเข้าใส่ภายในจิตใจของผม ไม่มีผู้ใดปลอบโยนผมเลย ในเวลานั้นมีเพียงตัวผมที่อยู่อย่างว่างเปล่า และแบกรับความทุกข์ใจไว้
….อา
———–ก็จริงของยูนา
“นั่นสินะ”
ผมกำลังจะหลับตาลง และยอมรับมัน …ภายในจิตใจของผมผุดให้เห็นถึงใบหน้าของเบลลามี
…. ‘พยายามได้ดีแล้ว’ สินะ…ใช่ พยายามได้ดีมากจริงๆ
ฮะๆ ——–บ้าจริง
ผมแสยะยิ้มออกมาทั้งที่ปากแตก
น่าตลกจริงๆ ตัวผมเนี่ย—————ลืมไปได้ไงกัน ว่าตอนจบของเรื่องราวมันเป็นยังไง
เครื่องพิสูจน์นั่น มันไม่ได้โกหกผม
ผมลืมไปได้ยังไงกัน ว่าแก่นแท้ของการก้าวข้ามอดีตคือสิ่งใด
..มันไม่ใช่การยอมรับอดีตสักหน่อย แต่———-มันคือการเปลี่ยนแปลงตัวเองต่างหาก
อยากจะแก้ไขอดีตมันผิดเหรอ? มันคือการไม่ยอมรับตัวเองหรือ? ไม่ใช่! มันคือเครื่องพิสูจน์ต่างหากว่าเราก้าวข้ามมันไปได้แล้ว! เพราะว่าเราต้องการจะเปลี่ยนแปลงมันยังไงละ!!
ทำไมต้องมายึดติดกับอะไรเดิมๆ ด้วย ทำไมต้องปล่อยให้มันผิดพลาดด้วยล่ะทั้งๆ นี้—–อนาคตเราสามารถเปลี่ยนมันได้ตอนนี้น่ะ
เออ ย้อนอดีตได้ฉันจะเปลี่ยนมันให้หมดนั่นแหละ จะพยายามมากกว่านี้ จะศึกษามากกว่านี้ และถ้าอยู่ในปัจจุบันแล้วก็จะมุ่งหน้าต่อไปไม่มีหยุด——–อย่ามาพล่ามมากน่ารำคาญ เหมือนเก่งเลย ไอ้แม่ย้อย
ความคิดนี้มันไม่ผิด———และผมก็จะเชื่ออย่างนั้น
“…มันยังไม่จบ”
ผมพึมพำออกมา
“…การแข่งนี้รู้ผลแล้ว และเรื่องราวก่อนหน้านี้นายก็เลือกแล้วนี่ว่าจะปล่อยมันไป ก้าวข้ามอดีตได้ดีมากจริงๆ ยศ”
ได้ดีบ้าอะไรกันละ เยาะเย้ยกันชัดๆ แล้วก็—-น่าโมโหชะมัด
“—-เรียกฉันว่าเรเซอร์ซะ”
ยูนาตะลึงไปเมื่อเห็นว่าโทนเสียงของผมมันเปลี่ยน
ผมค่อยๆ พยุงร่างขึ้น
ผมมองแรงใส่ยูนา ท่าทางการยืนและวางท่ายืนเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส ต่อผู้ที่แกร่งสุดในยุคสมัยผมทำท่าทางเช่นนั้นใช้โดยไม่กลัวอะไรแม้แต่น้อย
“ฉันคือเรเซอร์”
ไม่ใช่ยศ
“…”
ยูนาไม่พูดอะไรทั้งนั้น เธอทำเพียงตัดมิติอีกครั้ง
—-ผมยืนอยู่มิติสีขาวโพลง โดยที่ตรงหน้ายูนากำลังมองตรงมา
“…ฉันต้องการคำตอบ”
ผมถอนหายใจ และยืนเท้าสะเอวอย่างเย่อหยิ่งใส่ยูนา ด้วยรอยยิ้มของไอตัวร้าย
“จะแก้ไขมันหมดนั่นแหละ ฉันจะเปลี่ยนแปลงอนาคตให้หมดนี่แหละ”
แต่เดิมเป้าหมายของผมก็เป็นการเปลี่ยนแปลงอนาคตอยู่แล้ว มามัวยึดติดกับอดีตทำบ้าทำไมละ บ้าบอสิ้นดี
ผมนึกบ่นตัวเองในใจ
ยูนากล่าวอย่างผิดหวัง
“สุดท้ายก็ยึดติดกับอดีตสินะ”
“ยึดติด? ——โทษทีนะคุณวีรสตรีผู้ยิ่งใหญ่ ไอคนที่ยังก้าวข้ามอดีตตัวเองไม่ได้แบบหล่อนน่ะ มีสิทธิ์อะไรมาตัดสินความคิดของฉันกัน หุบปากไปเลย อย่ามาปากมาก มันน่ารำคาญเฟ้ย”
พับผ่าสิ
“…ว่าไงนะ?”
ยูนาเริ่มมีน้ำโห เธอจ้องมาที่ผมด้วยแววตาที่ดุดันราวกับตั้งใจข่มกัน ถ้าเป็นปกติผมคงกลัวเธอจนขนหัวลุกแล้ว แต่—-ตอนนี้อย่ามาข่มกันซะให้ยาก
ผมตะคอกใส่ยูนากลับ
“สำเหนียกตัวเองซะบ้าง ว่าคนที่ยืนตรงหน้าเธอคือเจ้านาย”
“เอาอะไรมามั่นใจกันละ?”
“เหอะ! อย่ารู้นักใช่มั้ย?”
ผมเดินเข้าไป …จนห่างกับยูนาเพียงหนึ่งช่วงมือ
ผมตัวเทียบเท่ากับยูนา พวกเราจ้องตากันในระยะเผาขน
“เพราะฉันจะช่วยเธอก้าวข้ามอดีตเอง”
“…ที่ต้องการคือคนที่ทำให้ฉันก้าวข้ามอดีตได้ต่างหาก”
“… เพราะมัวแต่คิดแบบนี้ไงละ ถึงยังไม่ไปไหนสักที——–ไอไดโนเสาร์พันปีเอ๊ย ไอวัตถุโบราณขึ้นคาง!”
“—นี่แก”
ผมไม่สนใจเธอที่โกรธจัด และผลักไหล่ยูนาเบาๆ เมื่อเดินผ่านเธอไป ก่อนที่จะหันหลังมาพูดว่า—
“—-อดีตของเธอไม่ใช่อดีตของฉัน ถ้าอยากจะก้าวข้ามนักก็ตามมาซะ แล้วก็ค้นหาคำตอบเองสิวะ!”
ยูนาเบิกตาโพลง——————–
“ตามหลังฉันมาซะ ไอ้วีรสตรีโหลยโท่ย”
นี่คือคำสั่งแรก จงเริ่มต้นเรื่องราวด้วยตัวเองซะยูนา————–
ยูนาเธอได้แต่ยืนอึ้ง ภายในจิตใจนั้นสับสนไปหมด …อะไรคือของจริงกันแน่ เธอไม่เข้าใจเลย
เธอจำเป็นต้องเชื่อสิ่งใด อะไรถูกต้องกันแน่เธอไม่รู้เลยสักนิด
พูดให้ถูกก่อนหน้านี้เธอยึดมั่นในการก้าวข้ามอดีตของตัวเองมาตลอด แต่เพียงเวลาไม่กี่วินาทีมันกลับทำให้ความเชื่อของเธอถูกสลาย
เธอมั่นใจในความคิดของตัวเอง จนลืมคิดไปเลยว่า—-ฉันยังก้าวข้ามอดีตไม่ได้แท้ๆ ทั้งอย่างนั้นกลับเชื่อหัวชนฝา
…..วิธีก้าวข้ามมันที่แท้จริง ก็คือเปลี่ยนแปลงตัวเอง เธอไม่รู้ว่ามันใช่ความจริงรึเปล่า แต่ว่า—เรเซอร์บอกให้เธอตามมา และหามันไปกับเขา
“——-”
ยูนาพูดไม่ออก เธอขมิบปากตัวเองไว้ ก่อนจะยอมแพ้
“เข้าใจแล้ว”
เธอกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มจากใจจริง
“เข้าใจแล้วค่ะ มาสเตอร์”
พันธสัญญาได้เริ่มขึ้นแล้ว
MANGA DISCUSSION