ดวงตาของเฉิงอี้เฉินสว่างขึ้น จากนั้นก็จูบริมฝีปากฉันทันที
แก้มฉันร้อนฉ่า ฉันอายคนขับรถตรงนั้นมาก ซักพักภายในรถก็มีแผ่นกั้นเลื่อนขึ้นมา เพื่อแยกที่นั่งตอนหลังออกจากที่นั่งคนขับ
แล้วบรรยากาศอันคลุมเครือก็แพร่กระจายออกไป จูบของเฉิงอี้เฉินร้อนแรงแผดเผา การเคลื่อนไหวก็อาจหาญมากขึ้น ภายในร่างกายฉันเริ่มลุกเป็นไฟ ฉันไม่มีแรงจะต้านทานและได้แต่พ่ายแพ้ต่อการกระทำของเขาในที่สุด ทว่าหัวใจของฉันกลับเต็มอิ่มไปด้วยความสุขเกินจะหยุดยั้งได้
แม้ว่าฉันกับเฉิงอี้เฉินจะนอนกอดกันอยู่บนเตียงมาหลายวันแล้ว แต่ก็ไม่เคยได้สัมผัสเกินเลยไปมากกว่านั้น พอคาดเดาถึงวัตถุประสงค์ของเขาได้ ฉันก็รีบหลับตาปี๋ด้วยความตื่นเต้น เนื้อตัวสั่นเทาอย่างรุนแรง
น้ำเสียงทรงพลังชวนดึงดูดใจดังขึ้นที่ข้างหูฉัน “เด็กดี ผ่อนคลายหน่อยนะครับ……”
ฉันพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อให้ตัวเองผ่อนคลาย แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย เมื่อความเจ็บปวดค่อยๆ เข้ามาฉันก็ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ ร่างกายก็เกร็งขึ้นมาทันที
เฉิงอี้เฉินพรมจูบไม่หยุดราวกับต้องการปลอบประโยนฉัน การกระทำของเขาทั้งอ่อนโยนทั้งเอาแต่ใจ จากนั้นฉันก็ค่อยๆ จมดิ่งลงไป……
โรงพยาบาลส่งข่าวมาอย่างรวดเร็วแล้วก็เป็นไปตามที่เฉิงอี้เฉินคาดหวังไว้ นั่นคือสามารถรักษาลูกของจิ้นเหวินเชี่ยนเอาไว้ได้ อีกทั้งหลินปิงชิงยังส่งข่าวที่เชื่อถือได้มาให้ฉันอีก
จิ้นเหวินเชี่ยนน่าจะตั้งครรภ์ได้ไม่ถึงสองเดือน นับดูแล้วก็ใกล้เคียงกับช่วงเวลาที่ฉันตั้งครรภ์ หรืออาจกล่าวในอีกนัยหนึ่งได้ว่าเป็นช่วงที่ฉันกับฉินจวิ้นเฟยแต่งงานกันนั่นเอง
เธอดูโมโหมากในขณะที่พูด เอาแต่ด่าทอจิ้นเหวินเชี่ยนและฉินจวิ้นเฟยว่าไร้ยางอาย แต่ถ้าจะตรวจ DNA โดยไม่ให้ทำร้ายทารกในครรภ์ อย่างน้อยที่สุดก็ต้องรอให้มีอายุครรภ์สิบสัปดาห์ขึ้นไปจึงจะทำการตรวจได้ ครั้งนี้จิ้นเหวินเชี่ยนไม่แท้งลูก จึงไม่สามารถทำการตรวจได้
ฉันไม่รู้สึกผิดหวังกับผลลัพธ์นี้ ก็เหมือนกับที่เฉิงอี้เฉินพูด การรอคอยความตายเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าตายทันทีไม่มีผิด
เมื่อนึกถึงเอกสารในมือของเฉิงอี้เฉิน ฉันอดไม่ได้ที่จะคิดวางแผนเอาไว้หลายส่วน
ฉันได้ดูเอกสารของเฉิงอี้เฉินแล้ว เป็นภาพถ่ายที่จิ้นเหวินเชี่ยนอยู่ด้วยกันกับชายอื่น อีกทั้งยังมีบันทึกภาพตอนที่ไปเปิดห้องในโรงแรมอีกด้วย ช่วงเวลานั้นตรงกับช่วงเวลาที่จิ้นเหวินเชี่ยนตั้งครรภ์พอดี
ฉันแปลกใจยิ่งกว่าก็คือเฉิงอี้เฉินไปเอาสิ่งเหล่านี้มาจากไหน หลังจากที่รู้แล้วก็อดไม่ได้ที่จะขำทั้งน้ำตา
ก็โรงแรมที่จิ้นเหวินเชี่ยนไปเปิดห้องแท้จริงแล้วอยู่ภายใต้การบริหารของกลุ่มบริษัทตระกูลเฉิง อย่างนี้จะไม่เรียกว่าจิ้นเหวินเชี่ยนเอาจุดอ่อนของตัวเองส่งถึงหน้าประตูบ้านอีกหรือ?
ฉันรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่มีโอกาสได้โชว์เอกสารเหล่านี้ในวันมงคลสมรส ฉินจวิ้นเฟยคงจะเป็นบ้าแน่ๆ หากได้มาเห็นของพวกนี้เข้า! ฉันแทบรอไม่ไหวที่จะเอาของเหล่านี้โยนใส่หน้าฉินจวิ้นเฟยแล้วรอดูความอับอายของเขา แต่เฉิงอี้เฉินกลับไม่เห็นด้วยกับการกระทำนี้ของฉัน
เขาบอกให้ฉันไปทำงานที่บริษัทเขา แล้วเขาจะสอนวิธีโจมตีฉินจวิ้นเฟยอย่างสง่าผ่าเผยให้ เมื่อถึงตอนนั้นฉินจวิ้นเฟยที่ผิดหวังทั้งหน้าที่การงาน ความรัก บวกโดนสวมเขาเข้าไปอีก การต่อสู้ที่ได้ผลแบบพลิกล็อกมันสะใจกว่ากันมิใช่หรือ?
ฉันแอบแขวะเฉิงอี้เฉินในใจว่าใจดำสุดๆ แต่ก็ยอมรับข้อเสนอด้วยความยินดีปรีดา
วันแรกของการทำงานฉันรู้สึกตื่นเต้นมาก ไม่รู้ว่าตำแหน่งผู้ช่วยพิเศษของประธานใหญ่จะต้องทำอะไรบ้าง แต่เฉิงอี้เฉินกลับพาไปที่ห้องทำงานของเขาแทน
ห้องทำงานของประธานใหญ่ทั้งกว้างขวางทั้งสะอาดเรียบร้อย แม้ว่าฉันจะเคยมาครั้งหนึ่งแล้วแต่ก็ไม่ได้มีใจจะสังเกต ตอนนี้พอได้มาพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนก็อดที่จะทอดถอนใจไม่ได้ ห้องทำงานนี้ยังใหญ่กว่าห้องเช่าของฉันเสียอีก คนรวยคือ “ความเหลวแหลก” อย่างที่เขาว่ากันไว้จริงๆ
“ห้องทำงานฉันอยู่ที่ไหนหรือคะ?”
เฉิงอี้เฉินชี้ไปทางนั้น “ตรงนั้น”
ฉันมองไปตามที่เขาชี้นิ้ว ก็พบว่าข้างๆ ห้องทำงานของประธานใหญ่มีโต๊ะ เก้าอี้ 1 ชุด บนโต๊ะมีคอมพิวเตอร์และเอกสารจัดเตรียมเอาไว้อย่างเรียบร้อย
“ฉันทำงานที่นี่หรือคะ?” ฉันอดขมวดคิ้วไม่ได้ นี่ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนสถานที่ทำงาน อีกอย่างตอนมาเมื่อครั้งก่อนยังไม่มีสิ่งของเหล่านี้เลย
ฉันเม้มริมฝีปาก มองเฉิงอี้เฉินแล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง: “แม้ว่าเราจะเป็นสามีภรรยากัน แต่ในที่ทำงานฉันก็เป็นพนักงานเช่นกัน มันดูไม่ค่อยเหมาะสมหากจะทำอะไรที่มันพิเศษๆ
แบบนี้เลยนะคะ”
ก่อนหน้านี้ฉันพูดคุยกับเฉิงอี้เฉินแล้วว่า ในเมื่อตอนนี้เรายังไม่ได้แต่งงานกัน และแทบจะไม่มีใครรู้ว่าฉันเป็นภรรยาของเฉิงอี้เฉิน ดังนั้นเราไม่ควรเปิดเผยความสัมพันธ์ของเราสองคนในที่ทำงาน และไม่จำเป็นจะต้องจัดเตรียมอะไรเป็นพิเศษ
เฉิงอี้เฉินได้เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้แล้ว แต่การปฏิบัติในตอนนี้ของเขา……ฉันรู้สึกจนปัญญาเหลือเกิน
“ผู้ช่วยพิเศษของประธานใหญ่มีหน้าที่คอยช่วยประธานใหญ่ทำงานนั่นเอง เพราะฉะนั้นห้องทำงานก็ควรต้องอยู่ใกล้ผมซักหน่อย” เฉิงอี้เฉินกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “อีกอย่างตอนนี้คุณก็ยังไม่มีประสบการณ์ในการทำงานใดใด คุณมาทำงานห้องเดียวกันกับผม ก็สะดวกที่จะเรียนรู้การทำงานของผม ผมเองก็สะดวกที่จะสอนงานให้คุณด้วยเช่นกัน”
ฉันมองเขาอย่างไม่ค่อยแน่ใจ “แต่คงไม่จำเป็นจะต้องใกล้กันขนาดนี้นี่คะ……”
เฉิงอี้เฉินเผยอริมฝีปาก “แน่นอนผมก็มีเจตนาส่วนตัวเช่นกัน ผมอยากเห็นคุณทุกวัน”
ฉันแก้มแดงขึ้นมา ในใจรู้สึกหวานล้ำ
“ถ้าอย่างนั้นคุณห้ามนำเรื่องของเราสองคนไปบอกคนอื่นนะคะ ฉันอายนะค่ะ”
“อืม ไม่พูดครับ” เฉิงอี้เฉินพยักหน้า
ฉันสูดลมหายใจแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน มองโต๊ะที่สะอาดเรียบร้อย ในใจก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
“งานในวันนี้คืออะไรหรือคะ?”
เฉิงอี้เฉินเอาแฟ้มเอกสารมาให้ฉันแฟ้มหนึ่ง “ศึกษาโครงงานเหล่านี้ให้ชัดเจน หากมีปัญหาที่ไม่เข้าใจคุณถามผมได้ครับ”
“คุณอ่านหนังสือมาไม่น้อย ควรจะดูตัวอย่างที่มีอยู่จริงได้แล้ว อีกสองวันไปประชุมกับผมเพื่อฝึกภาคปฏิบัติกันนะครับ”
ฉันพยักหน้าจากนั้นก็เปลี่ยนโหมดเป็นเอาจริงเอาจังขึ้นมาทันที
ฉันใช้เวลาทั้งเช้าไปกับการดูเอกสารเหล่านี้ ในขณะที่เฉิงอี้เฉินงานยุ่งตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเอกสาร หรือตอบอีเมล์ ในบางครั้งก็จะมีพนักงานนำเอกสารมาให้เขาผ่านตาบ้าง
ฉันยิ่งรู้สึกว่าเฉิงอี้เฉินทำงานเหน็ดเหนื่อยมาก ไม่ผิดจากที่คนเขาว่า ไม่มีความสำเร็จของผู้ใดที่ฟ้าประทานลงมาให้จริงๆ
“อ่านดูแล้วเป็นอย่างไรบ้างครับ?”
ฉันได้ยินเสียงจึงเงยหน้าขึ้นมา แล้วก็พบว่าเฉิงอี้เฉินเดินมาอยู่ข้างฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้และกำลังมองมาที่สมุดโน้ตของฉัน
“มีจุดที่ไม่เข้าใจเยอะทีเดียว แต่ฉันจดไว้หมดแล้วค่ะ” ฉันทำหน้าขมขื่นหลังพบว่ามีจุดที่ไม่เข้าใจอยู่เยอะจริงๆ
เพียงแต่เห็นเฉิงอี้เฉินงานยุ่งตลอดเวลา ฉันไม่อยากรบกวนเขา จึงจดคำถามไว้รอเขามีเวลาค่อยให้เขาอธิบายให้ฉันฟังอีกที
“ขอผมดูหน่อย” เขาจับพนักพิงเก้าอี้ฉันด้วยมือข้างเดียว จากนั้นก็โค้งตัวลงมาหยิบสมุดโน้ตบนโต๊ะทำงานของฉัน
มีกลิ่นน้ำหอมจางๆ แฝงความเย็นสบายหน่อยๆ โชยมา ฉันผงะไปเล็กน้อย แล้วก็พบว่าฉันไม่ได้กลิ่นบุหรี่บนตัวของเฉิงอี้เฉินมานานมากแล้ว
“ช่วงนี้คุณไม่ได้สูบบุหรี่หรือคะ?” ฉันพูดโดยไม่ทันรู้ตัว
“อืม เลิกแล้ว”
“ทำไมหรือคะ?”
“คุณคิดว่าไงละครับ?” เขาทอดสายตาลงมามองฉัน ภายใต้ดวงตาที่มืดและเงียบสงบนั้นแฝงไปด้วยระลอกแห่งความรู้สึก
เขายอมเลิกบุหรี่เพื่อลูกในท้องของฉันหรือ? ฉันรู้สึกตื้นตันใจขึ้นมา ไม่คิดเลยว่าเฉิงอี้เฉินจะเลิกบุหรี่อย่างเงียบๆ ฉันจำได้ว่าเขาติดบุหรี่หนักมาก
“อดกลั้นหนักมากจนอยากให้เธอคลอดลูกออกมาเร็วๆ” เฉิงอี้เฉินแขวะออกมาคำหนึ่ง
ฉันเม้มริมฝีปากแอบยิ้ม แล้วโน้มไปพิงตัวเขาไว้ “เลิกบุหรี่เป็นเรื่องดีค่ะ เลิกได้แล้วก็ไม่ต้องสูบอีกแล้วนะคะ”
เฉิงอี้เฉินปิดปากเงียบแล้วเริ่มดูโน้ตที่ฉันจดบันทึกไว้ จากนั้นก็ค่อยๆ อธิบายให้ฉันฟัง เสียงของเขาน่าฟังมาก เหมือนเขาจงใจลดเสียงให้ต่ำลง เสียงแหบๆ แผ่วๆ ฟังดูราวกับเสียงกระซิบของนกนางนวล
“อ๊ะ……” ฉันเจ็บที่ศีรษะ เอามือกุมศีรษะแล้วมองเขาอย่างกล่าวหา
MANGA DISCUSSION