รักของเรา เริ่มต้นจากคืนนั้น - ตอนที่ 31 ตกหลุมรักคุณเข้าแล้วค่ะ
เมื่อได้ยินสีหน้าของจิ้นเหวินเชี่ยนก็เปลี่ยนไป ฉินจวิ้นเฟยก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาเช่นกัน
“อา ฉันพูดอะไรผิดหรือค่ะ……” ฉันเงยศีรษะมองไปที่เฉิงอี้เฉินด้วยสีหน้าเป็นกังวล ดวงตาสีดำของเขาปรากฎรอยยิ้มจางๆ ขึ้นมา
“คุณก็แค่เตือนสติด้วยความหวังดี ผมคิดว่าบ้านสกุลฉินจะต้องเข้าใจครับ แล้วถ้าเกิดพบเจออะไรขึ้นมาจริงๆ พวกเขาจะต้องขอบคุณคุณถึงจะถูกครับ”
ฉันกลั้นยิ้มแล้วผงกศีรษะ เฉิงอี้เฉินสมเป็นกองหนุนขั้นเทพเลยจริงๆ แต่จิ้นเหวินเชี่ยนไม่อาจสงบใจได้อีกแล้ว
ลั่วอีอี ทำไมเธอต้องใส่ร้ายฉันด้วย? ฉัน……” น้ำตาหยดใหญ่กลิ้งตกลงมา จิ้นเหวินเชี่ยนกัดริมฝีปากแน่น “ฉันรู้ว่าเธอกำลังโกรธฉัน โกรธที่ฉันแย่งจวิ้นเฟยไป แต่ตอนนี้เธอแต่งงานกับคุณเฉิงแล้ว เธอยังจะไม่ยอมยกโทษให้ฉันอีกหรือ?”
ฉันรู้สึกทอดถอนใจ จิ้นเหวินเชี่ยนใช้กลยุทธ์ถอยเพื่อก้าวต่อโดยเธอยอมรับว่าตัวเองเข้ามาแทรกแซงการแต่งงานของฉันกับฉินจวิ้นเฟย เพื่อเบี่ยงความสนใจของทุกคนให้ไปจากเด็กในท้องของเธอ
“อีอี ยกโทษให้ฉันได้มั้ย? ” จิ้นเหวินเชี่ยนยื่นมือมาจูงมือฉัน ฉันถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่ทันรู้ตัว ไม่คิดเลยว่าอยู่ดีๆ จิ้นเหวินเชี่ยนก็กรีดร้องออกมา แล้วร่างทั้งร่างก็เอนล้มไปทางด้านหลัง
“อา……” เสียงของจิ้นเหวินเชี่ยนดังมาก ทุกคนในนั้นต่างสูดลมหายใจ
“เหวินเชี่ยน!” ฉินจวิ้นเฟยได้สติรีบพุ่งไปข้างจิ้นเหวินเชี่ยนทันที แต่จิ้นเหวินเชี่ยนกลับมองมาทางฉันอย่างกล่าวหา
“อีอี……เธอ……เธอผลักฉันทำไม อา……ท้องฉัน……จวิ้นเฟย ฉันปวดท้อง ปวดมากเหลือเกิน……”
จิ้นเหวินเชี่ยนเอามือทั้งสองข้างกุมท้องส่วนล่างของตัวเอง น้ำตาไหลไม่หยุด
สมองของฉันเหวอเลย ตัวแข็งทื่อ ฉันไม่ได้ผลักเธอเลยสักนิด และยังไม่ได้แตะต้องตัวเธออีกด้วย เธอไม่มีทางหกล้มได้แน่
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดอะไรมาก จังเหม่ยเอ๋อได้ยินเสียงก็รีบเข้ามาจะตีฉัน เฉิงอี้เฉินที่มีใบหน้าอึมครึมดึงฉันมาเข้าไปไว้ในอกเพื่อปกป้องฉัน จังเหม่ยเอ๋อหยุดมือกะทันหันด้วยความแค้นใจ จากนั้นก็หมุนตัวไปประคองร่างจิ้นเหวินเชี่ยนให้ลุกขึ้น แล้วพบว่าที่ด้านหลังชุดแต่งงานของเธอมีสีแดงสดอยู่แถบหนึ่ง
“ตกเลือดแล้ว! พาส่งโรงพยาบาลเร็ว?” จังเหม่ยเอ๋อร้องตะโกนเสียงดัง ฉันก็ตกใจ มองจิ้นเหวินเชี่ยนอย่างเหลือเชื่อ
จิ้นเหวินเชี่ยนหกล้มจนตกเลือด เธอบ้าไปแล้วหรือ? เพื่อใส่ร้ายฉัน แม้แต่ลูกตัวเองก็ไม่สนใจแล้วหรือ?
ไม่ถูก……มีบางอย่างแวบขึ้นมาในศีรษะของฉัน แต่ยังไม่ทันไรจังเหม่ยเอ๋อก็ต่อว่าฉัน
“ลั่วอีอี หญิงสารเลว ตกลงเธอจะทำร้ายบ้านสกุลฉินอย่างไรเธอถึงจะพอใจ เธอมันช่างโสมม ไร้ยางอายเหลือเกิน เธอ……”
ฉินจงหมิงดึงแขนของจังเหม่ยเอ๋อด้วยความกังวล เธอหวาดกลัวเฉิงอี้เฉินอย่างเห็นได้ชัด เพราะใบหน้าของเขาก็ไม่น่าดูเลย
“อีอี ทำไมเธอจะต้องผลักเหวินเชี่ยนด้วย? เรื่องนี้เธอจะต้องมีคำอธิบายให้กับพวกเรา” ฉินจงหมิงพูดด้วยสีหน้าอึมครึม แต่สายตาชำเลืองไปทางเฉิงอี้เฉินโดยไม่ตั้งใจ
ฉันขมวดคิ้วแน่น “ฉันไม่ได้แตะถูกตัวเธอเลยนะคะ”
“เธอไม่ได้แตะตัวเขา แล้วเขาตกลงไปได้อย่างไร? ลั่วอีอี เธอจะพูดจาซี้ซั้วก็หัดดูกาลเทศะหน่อยนะ!” จังเหม่ยเอ๋อพยายามดันแขนให้หลุดออกจากมือของฉินจงหมิง
แล้วจิ้นเหวินเชี่ยนก็ส่งเสียงร้องโหยหวน ทุกคนหันมาดูในชั่วพริบตา “อา……ลูกของฉัน”
เธอขมวดคิ้วแน่น สีหน้าซีดขาว จากนั้นก็หมดสติไป
ตอนนี้สถานการณ์ดูวุ่นวายไปหมด จังเหม่ยเอ๋อโพเข้าไปอยู่ข้างๆ จิ้นเหวินเชี่ยน ดูออกว่าเธอห่วงใยในเด็กคนนี้จริงๆ
ฉินจวิ้นเฟยกัดฟันกรอดมองหน้าฉันด้วยความโกรธแค้น “ลั่วอีอี หากเด็กเป็นอะไรขึ้นมา ผมเอาคุณแน่!”
ฝ่ามือฉันชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ ร่างกายเย็นราวกับก้อนน้ำแข็ง ไม่ใช่เป็นเพราะคำขู่ของฉินจวิ้นเฟย แต่เพราะฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจิ้นเหวินเชี่ยนทำได้ถึงขนาดนี้ เห็นชัดๆ ว่าเป็นการฆ่าช้างเอางา ความสูญเสียของเธอมีมากกว่าฉันเสียอีก
แล้วมือที่กว้างใหญ่ของเฉิงอี้เฉินก็มาห่อหุ้มมือที่เหน็บหนาวของฉันไว้ ฉันรู้สึกตัวเงยหน้าขึ้นมามองเขา ภายในใจสับสนวุ่นวาย เฉิงอี้เฉินบีบมือฉันเบาๆ หันไปมองฉินจวิ้นเฟยด้วยสีหน้าเย็นชา
ข้อแรก อีอีไม่ได้แตะถูกตัวเธอ มองจากที่ไกลๆ ก็ยังมองเห็น หากมองไม่เห็นก็ตรวจดูจากกล้องวงจรปิดได้
ข้อสอง ถึงแม้จะตกเลือดก็สามารถตรวจ DNA ดูได้ อีกสักครู่เมื่อไปถึงโรงพยาบาลแล้วก็ติดต่อขอทำได้เลย หากไม่มีให้ตรวจ ผมช่วยพวกคุณหาคุณหมอให้ได้ครับ
แล้วหัวสมองฉันก็ “วิ้ง” เข้าใจในทันที
จริงด้วย! มันคือสิ่งนี้!
เลือดลมในกายฉันเดือดพล่าน ที่จิ้นเหวินเชี่ยนแต่งงานกับฉินจวิ้นเฟย แล้วจังเหม่ยเอ๋อยอมรับเธอเข้าบ้านจะต้องเกี่ยวข้องกับเด็กคนนี้แน่ๆ ซึ่งในเวลาแบบนี้เธอควรจะถนอมเด็กเอาไว้มากกว่าสิ่งใดๆ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำร้ายเด็กเพื่อใส่ร้ายฉัน
แต่เห็นๆ อยู่ว่าจิ้นเหวินเชี่ยนมีเจตนาที่จะหกล้ม เพราะฉะนั้นเป็นไปได้อย่างมากที่เด็กในท้องจะไม่ใช่ลูกของฉินจวิ้นเฟย ดังนั้นเธอก็เลยยืมมือฉันเพื่อกำจัดเด็กทิ้ง
ฉันจ้องหน้าจิ้นเหวินเชี่ยน พอเธอได้ฟังสิ่งที่เฉิงอี้เฉินพูด หนังตาเธอก็สั่นอย่างเห็นได้ชัด
เธอแกล้งหมดสติหรือ? ราวกับติดเชื้อมาจากเฉิงอี้เฉิน ฉันยืนยันการคาดเดาก่อนหน้านี้ในทันที แล้วจิตใจก็สงบลงในที่สุด
“ข้อสาม ในมือผมมีเอกสารน่าสนใจอยู่ชุดหนึ่งที่อยากจะแบ่งปันให้ทุกท่านในนี้ได้ร่วมชม หรือจะให้พวกคุณดูต่างหากดีนะ?” เฉิงอี้เฉินยิ้มเหมือนไม่ยิ้มมองไปที่ฉินจวิ้นเฟย
“อา……” ฉินจวิ้นเฟยยังไม่ทันได้ตอบก็มีเสียงร้องครวญครางอย่างเจ็บปวดมาขัดจังหวะการสนทนาของพวกเขา
จิ้นเหวินเชี่ยน “ค่อยๆ รู้สึกตัว” เธอกำแขนของฉินจวิ้นเฟยแน่น ตัวสั่นแล้วพูดว่า “ปวดเหลือเกิน……จวิ้นเฟย ฉันปวดมาก……”
เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์วิ่งเข้ามา แสดงว่ารถพยาบาลมาถึงแล้ว
“ผมจะเก็บเอกสารชุดนั้นเอาไว้ก่อน เมื่อไหร่พวกคุณสนใจก็มาเอากับผมได้นะครับ” เฉิงอี้เฉินมองไปที่คนบ้านสกุลฉินอย่างเย็นชา จากนั้นจึงโอบเอวฉันหมุนตัวเดินจากไป
ฉันขึ้นรถแล้วแต่เนื้อตัวก็ยังขึ้งเครียดอยู่ เฉิงอี้เฉินโทรหาหลินปิงชิงให้เธอเตรียมการล่วงหน้าเอาไว้
“เซ่อไปแล้วหรือครับ?” เฉิงอี้เฉินหยิกแก้มฉันไปที ท่าทางแบบเด็กๆ ทำให้ฉันประหลาดใจ
ฉันปัดมือเฉิงอี้เฉินออก “ในมือคุณไม่มีเอกสารชุดนั้นใช่มั้ยคะ?”
ทำไมคิดว่าผมไม่มีละ?”
“ถ้ามี คุณก็คงเปิดให้ดูตรงนั้นแล้วไม่ใช่หรือคะ?”
เฉิงอี้เฉินยิ้มอย่างจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ “คุณไม่คิดว่าการรอคอยความตายมันเจ็บปวดยิ่งกว่าตายทันทีหรือครับ?”
ฉันอึ้งไป เฉิงอี้เฉินยิ้มน้อยๆ แล้วโอบฉันเข้าไปในอ้อมแขน “จิ้นเหวินเชี่ยนวันนี้คงดิ้นไม่หลุดแล้ว เมื่อครู่ผมโทรให้หลินปิงชิงหาหมอที่ดีที่สุดมารักษาครรภ์ของจิ้นเหวินเชี่ยนให้ได้”
“คุณอยากให้เธอคลอดเด็กคนนี้ออกมาหรือคะ?” เฉิงอี้เฉินกับฉันคิดเห็นตรงกัน นั่นคือเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของฉินจวิ้นเฟย และเอกสารในมือของเฉิงอี้เฉินก็จะต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย
“จะได้คลอดหรือไม่ก็ยังไม่แน่นอนหรอกครับ แต่ถ้าครั้งนี้แท้งไม่สำเร็จละก็ คุณว่าจิ้นเหวินเชี่ยนจะคิดหาวิธีไหนขึ้นมาอีก”
“เธอจะต้องร้อนใจแน่ๆ เลยค่ะ” ฉันขำออกมาอย่างอดไม่อยู่ ถ้าหากครั้งนี้แท้งไม่สำเร็จจริงๆ อีกหน่อยจิ้นเหวินเชี่ยนจะคิดทำอะไรที่มันแปลกประหลาดอีกหรือไม่?
ฉันรู้สึกมากขึ้นว่าเฉิงอี้เฉินเป็นคนใจร้ายจริงๆ แต่ส่วนที่ “ใจร้าย” นี้กลับโดนใจฉันมาก
“จะทำอย่างไรดี……” ฉันบ่นพึมพำ ดวงตาของเฉิงอี้เฉินฉายแววสงสัย
หัวใจฉันเต้นรัว ฉันดึงความกล้าของตัวเองแล้วกอดคอเฉิงอี้เฉิน “ฉันรู้สึกเหมือนตกหลุมรักคุณเข้าแล้วค่ะ”