รักของเรา เริ่มต้นจากคืนนั้น - ตอนที่ 76
เฉินตงหลีขมวดคิ้วเเล้วมองมาที่ฉัน ฉันไม่รู้ว่าจะต้องพูดเกลี่ยกล่อมเขาอย่างไร หลังจากที่เฉิงมาบอกว่าพาคนมาหาฉัน เฉินตงหลีรู้อย่างเเน่นอนว่าฉันนั้นไม่มีทางไป
"ตอนกลางวันผมจะไปเป็นเพื่อนคุณ" เฉินตงหลีกล่าว
ฉันส่ายหัวเเล้วบอกว่า "ฉันจะไปเอง"
เฉิงอี้เฉินเขาตั้งใจชวนเเค่ฉันไปทานข้าว ไม่ได้จะชวนเฉินตงหลีไปด้วย เขาทำอย่างนี้เพื่อที่จะหักหน้าของเฉินตงหลี เเต่ฉันก็รู้ว่าคนอย่างเฉินตงหลีไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องพวกนี้อยู่เเล้ว
อีกอย่างใจจริงของฉันก็ไม่ได้อยากให้เฉินตงหลีไปด้วย เพราะฉันยังไม่เเน่ใจว่าเฉิงอี้เฉินนั้นพาใครด้วย เเละกลัวว่าตอนกินข้าวนั้นจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ถ้าพาเฉินตงหลีไปด้วยน่าจะไม่เหมาะสม
ข้อดีที่สุดของเฉินตงหลีคือเขาจะไม่บังคับให้ฉันทำอะไรที่ไม่อยากทำ เขาที่เห็นว่าฉันนั้นไม่อยากให้เขาไปก็เเค่ถอนหายใจออกมา เเล้วบอกกับฉันว่าถ้ามีเรื่องอะไรให้โทรหาเขา เขาจะไปรีบไปหาทันที เเละกลับไปที่บริษัทเพื่อทำงาน
เวลาที่เหลือในช่วงเช้าฉันนั้นรู้สึกกระวนกระวายใจไปหมด จนไม่เป็นอันทำงาน ฉันมองไปที่โทรศัพท์มองเเล้วมองอีก อยากจะรู้ว่ากี่โมงเเล้ว อีกอย่างก็ไม่อยากพลาดข้อความที่เฉิงอี้เฉินจะส่งมา เห็นว่าใกล้จะถึงเวลาพักเที่ยงเเล้วฉันก็รู้สึกเเทบจะบ้าตาย
"กริ๊งงง……กรื๊งงงง…."
เมื่อฉันได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นฉันก็รีบรับสายทันที "ฮัลโหล จะไปทานข้าวที่ไหน? "
เฉิงอี้เฉินที่ได้ยินก็เงียบไปสักพัก เเล้วก็ตอบกลับด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ "ที่เเท้คุณก็คงกังวลมากสินะที่จะได้เจอผม"
ฉันถึงกับสำลักเเล้วพูดว่า "เฉิงอี้เฉินสรุปเเล้วคุณพาใครมากันเเน่?"
เฉิงอี้เฉินไม่ตอบคำถามของฉัน เเต่กลับพูดว่า "ลงมาได้เเล้ว ผมอยู่ข้างล่างของบริษัทคุณ"
เสียงขอเขาตอนนี้ดูเต็มไปด้วยความดึงดูด ไม่เหมือนกับตอนที่เซ็นสัญญาเมื่อเช้าที่ดูไม่สนโลกไม่สนใจใคร ฉันรู้สึกกำลังจะบ้าตาย เเล้ววางสายหยิบกระเป๋าเเล้วรีบลงไปข้างล่าง ฉันไม่ได้ออกทางประตูหลัก เเต่รวดลงลิฟท์เเล้วลงไปที่ชั้นจอดรถเลย
ทันทีที่ฉันออกจากลิฟท์ ฉันก็ถูกเเสงไฟสว่างส่องเข้ามาที่ตาของฉัน
ใครมาเปิดไฟสูงในชั้นจอดรถใต้ดิน!
ฉันพึมพำในใจเเละยกมือขึ้นมาบังเเล้วก็ได้ยินเสียงบีบเเตร
จู่ๆไฟหน้ารถก็ดับลง ฉันขมวดคิ้วเเล้วบอกไปข้างหน้า เห็นเพียงเเต่รถSUVที่จอดอยู่ตรงทางเข้าลิฟท์ ประตูรถเปิดออกเเล้วฉันก็เห็นคนที่ฉันคุ้นเคยเป็นอย่างดีเดินออกมาจากรถ
เขาคนนั้นก็คือเฉิงอี้เฉิน!
หัวใจของฉันเต้นรัว เมื่อกี้ที่เฉิงอี้เฉินโทรมาบอกกกับฉันว่าเขาอยู่ข้างล่างบริษัท ฉันดูออกมาว่าที่เขาจะสื่อนั้นคือต้องการให้ฉันนั่งรถของเขาเเล้วไปกับเขา ฉันไม่ต้องการที่จะอยู่กับเฉิงอี้เฉินสองคนในพื้นที่ที่จำกัด ดังนั้นฉันจึงลงไปที่ชั้นจอดรถเพื่อที่จะเอารถของฉันไปเอง อย่างนั้นเฉิงอี้เฉินก็คงจะพูดอะไรไม่ได้
เเต่เเค่ฉันนั้นไม่รู้ว่าเฉิงอี้เฉินนั้นสามารถเดาทางของฉันได้ เขาจึงมารอที่ฉันที่นี่ตั้งเเต่เเรกเเล้ว
"ขึ้นรถ" เขามองมาที่ฉันเเล้วพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงที่ทุ้ม
ฉันหันหัวเเล้วเดินไปข้างหน้าก้าวใหญ่ๆ เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบกับพื้นอย่างเสียงดังฟังชัด "ฉันมีรถของตัวเอง ประธานเฉิงนำทางฉันก็พอ"
"โอ๊ยย…."
เฉิงอี้เฉินก้าวมาข้างหน้า เเล้วดึงเเขนของฉันเอาไว้ ฉันเงยหน้ามองไปที่เขา สีหน้าของเขาดูหม่นหมองเเละดวงตาคู่นั้นที่สามารถสะกดผู้คนเอาไว้
"ขึ้นรถ" เขาพูดอีกรอบ เเละเสียงของดเขาก็ดูเย็นชา
ฉันขมวดคิ้ว เเล้วสะบัดเเขนออกมาอย่างเเรงเเล้วพูดว่า "ฉันมีรถของฉัน!"
ความโกรธในใจของฉันมันกลับมาอีกครั้ง ฉันเครียดกับการชอบบังคับเเละครอบงำคนอื่นของเฉิงอี้เฉินจริงๆ ทำเขาถึงชอบบังคับให้ฉันทำตามความคิดของเขา? ทำไมฉันถึงจะต้องไปนั่งรถของเขา?
เฉิงอี้เฉินจ้องมาที่ฉัน เละฉันก็จ้องไปที่เขา เเรงของเฉิงอี้เฉินเยอะมาก จนเเขนของฉันรู้สึกเจ็บไปหมด พรุ่งนี้ฉันคิดว่าต้องเป็นรอยช้ำเเน่ๆ ฉันกัดริมฝีปากเอาไว้เเล้วไม่พูดอะไร
หน้าอกของฉันเต้นตึกๆตักๆ เเละสีหน้าของเฉิงอี้เฉินก็ดูเย็นชาขึ้น เวลาดูเหมือนจะหยุดนิ่งเอาไว้ ตอนนี้เราทั้งสองเหมือนกำลังรอคอย คอยรอว่าในครั้งนี้ใครจะเป็นคนยอมก่อน
ทันใดนั้นเฉิงอี้เฉินก็ยิ้มขึ้นมาอย่างเย็นชา ใจของฉันก็รู้สึกเเน่นกว่าจะตอบสนอง เฉิงอี้เฉินก็สบัดเเขนของฉันหลุดไป
ร่างกายของฉันรู้สึกอ่อนเเรง จากนั้นก็ได้ยินเสียง "ปัง" เฉิงอี้เฉินนั้นขึ้นรถไปเเล้ว จากนั้นก็สตาร์ทรถ
นี่เขากำลังไปจะหรอ?!
เมื่อรับรู้ถึงความตั้งใจของเฉิงอี้เฉินใจของฉันก็รู้สึกกระวนกระวาย อยากรีบเข้าไปดึงประตูรถของเขา เเต่เฉิงอี้เฉินไม่ลังเลเลยที่จะเหยียบคันเร่งเเล้วออกรถก่อนที่ฉันจะพุ่งเข้าไป ฉันเดินถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัวำร้อมกับเสียงอุทาน มองดูรถของเฉิงอี้เฉินที่ขับห่างออกไปจากฉันไม่ถึงเซนติเมตร
หัวใจของเต้นเรงจนจะกระเด็นออกมา เฉิงอี้เฉินเขาเป็นบ้าไปเเล้วหรอ! หรือว่าเขาตั้งใจจะชนฉันให้ตาย!
ไม่มีเวลาพอที่จะให้ฉันโกรธ เเละไม่มีใครมารอให้ฉันตำหนิ ฉันดูเฉิงอี้เฉินที่ขับรถออกไปจากที่จอดรถใต้ดินเเละก็รีบวิ่งไปที่รถของตัวเอง
ฉันรับรู้ได้ว่าเฉิงอี้เฉินนั้นกำลังโมโห เเต่ว่าฉันต้องรู้ให้ได้ว่าใครกันเเน่ที่เฉิงอี้เฉินพูดถึงในวันนี้
ฉันรีบสตาร์ทรถเเล้วขับตามเฉิงอี้เฉิน ขับถึงทางลาดของทางออกก็เห็นว่ายามได้ยกที่กั้นออกให้กับรถของเฉิงอี้เฉินเเล้ว ฉันจึงรีบขับตามเเละเห็นว่ารถของเฉิงอี้เฉินเริ่มห่างไกลจากรถของฉัน ฉันเห็นเพียงเเค่ป้ายทะเบียนรถของเขาอย่างคลุมเครือ
ฉันโทรไปที่โทรศัทพ์ของเฉิงอี้เฉิน เพียงเสียงเพิ่งดังขึ้น ก็โทรติดเลยทันที
"เฉิงอี้เฉิน คุณเป็นบ้าอะไร! คุณ….." ฉันตะคอกออกไปด้วยความโมโห
"อยากไป ก็ตามมาเองให้ทัน" เขาพูดอย่างเย็นชา เขาไมรอฉันตอบกลับก็วางสายไปเลย จากนั้นฉันก็เห็นว่ารถคันหน้าอยู่ๆก็เร่งความเร็วเเละรีบออกไป
"คนบ้า! เฉิงอี้เฉินไอ่คนบ้า! "ฉันด่าเเละเอาโทรศัพท์ไปวางไว้ที่เบาะนั่งข้างคนขับ เเละก็รีบเหยียบคันเร่งเพื่ตามให้ทัน
ฉันไม่เคยขับรถเร็วขนาดนี้มาก่อน เฉิงอี้เฉินที่อยู่ข้างหน้าดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนบ้าไปเเล้ว เเทรกรถไปอย่างบ้าคลั่ง ฉันเห็นเเล้วก็ตกใจไม่รู้ว่าเขาไปเอาความกล้ามาจากไหนในการขับรถบนถนนเเบบนี้
เสียงบีบเเตรยังคงดังรอบตัวฉันไม่หยุด เเละบางคนก็เปิดหน้าต่างรถออกมาด่าฉัน เเต่ฉันไม่สามารถไปสนใจพวกเขาได้
ฉันเหมือนถูกเฉิงอี้เฉินมากระตุ้น ต้องการที่จะตามให้ทันเขา เเต่สุดท้ายฉันกลับรู้สึกว่า"พฤติกรรม"นี้มันทำให้ฉันรู้สึกดีเเละสนุกสุดๆ
เสียงเบรกดังขึ้นเเละรถของฉันก็มาจอดอยู่ข้างรถของเฉิงอี้เฉิน ฉันจ้องไปที่เขาผ่านกระจกรถ เเละเขาก็ยิ้มเเล้วมองมาที่ฉันเเละก็ปลดเข็มขัดนิรภัย
ฉันนิ่งไปสักพัก เเละเฉิงอี้เฉินก็เดินลงจากรถเเล้วเดินมาทีรถของฉันเเล้วเคาะกระจกพูดว่า "ถึงเเล้ว ลงรถสิ"
ฉันขมวดคิ้วเเละลงจากรถโดยไม่พูดอะไรสักคำ เพียงเเค่ก้าวขาทั้งสองลงบนพื้นฉันก็รู้สึกว่าขาของฉันทั้งสองข้างสั่นเเละอ่อนเเรง ไม่สามารถควบคุมได้ ฉันคิดว่าหน้าของฉันต้องซีดเเน่ๆ เเต่ตอนนี้ฉันไม่มีกระจกจึงไม่สามารถส่องหน้าตัวเองได้
"ไม่เจอกันครึ่งปี ใจกล้าขึ้นเยอะนะ " เฉิงอี้เฉินเหลือบมองฉันเเล้วพูด
ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขา เเละสงบปากของตัวเองลงเเล้วพูดว่า "คนเรามันเปลี่ยนกันได้ทุกคน ถ้าไม่พยายามก็จะถูกคนอื่นดูถูกไปตลอดชีวิต"