รักของเรา เริ่มต้นจากคืนนั้น - ตอนที่ 83 ผมมากินข้าวฟรี
เฉิงอี้เฉินพูดจบก็ได้เดินออกไป ตัวฉันเหมือนถูกดูดเอาแรงออกไปหมดได้แต่ล้มตัวลงบนโซฟาอ่อนแรง
หลินปิงชิงได้รีบเข้ามาข้างฉันจับแขนฉันไว้ ฉันได้แต่หายใจเข้าลึกๆ ด้ายหลังก็ได้มีเหงื่อไหลออกมา
เมื่อกี้เฉิงอี้เฉินพูดไม่แคร์ แต่ว่าฉันดูออกเขาแอบซ่อนความโกรธจนถึงหลังคาโลกแล้ว เหมือนไม่นานก็พร้อมจะระเบิด รอบตัวเขามีแรงกดดันสะท้อนออกมาอย่างแรง ฉันแน่ชัดแล้วว่าวันนี้ฉันทำให้เขาโกรธจริงๆ
หลินปิงชิงขมวดคิ้วจ้องมองฉัน “อีอี นี้เธอต้องรำคาญอะไรอีก?”
อารมณ์ของฉันค่อยๆเย็นลง แต่ไม่รู้จะตอยหลินปิงชิงยังไง
ใช่ นี้ฉันรำคาญอะไรอีก?
ฉันไม่รู้ว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่ แต่ว่าเมื้อกี้เหตุการณ์นั้น ฉันไม่อยากเห็นเฉิงอี้เฉินกับลูกๆเข้ากันได้อย่างกลมกลืน
“เธอว่า..ฉันเป็นภาวะซึมเศร้าหลังคลอดไหม?”ฉันได้ถามหลินปิงชิงหนึ่งประโยคอย่างอธิบายไม่ได้
ฆลินปิงชิงอึ้ง ยกมือขึ้นมาเคาะที่หัวฉัน ฉัน “อ๊ะ”ร้องออกมาคลุมศรีษะและมองเธอ
“เธอไม่ได้ซึมเศร้า แต่ฉันจะทำให้พวกเธอเป็นซึมเศร้าแล้ว!”หลินปิงชิงพูดด้วยความโกรธ ยกมือขึ้นดูนาฬิกาข้อมือ “ค่ำมากแล้ว คืนนี้ฉันมีนัด ฉันไปก่อนนะ”
“เธอไม่กินข้าวที่นี้หรอ?นัดกี่โมง?กินแล้วค่อยไปเถอะ”
“ไม่กินแล้ว ไม่ต้องกลัว ฉันคาดว่าอีกแปบจะมากินข้าวเป็นเพื่อนเธอ”หลินปิงชิงได้พูดต่อท้ายไว้ หยิบเอากระเป๋าตัวเองแล้วออกไป แม้ออกไปส่งฉันยังไม่ได้ไปส่ง
ฉันอยู่ในบ้านจัดการกับอารมณ์ของตัวเองเงียบๆ ได้คิดเรื่องวันนี้ ในที่สุดฉันก็เข้าใจเหตุผลที่ฉันเกลียดเฉิงอี้เฉิน
ฉันคิดฉันรู้สึกกลัวเล็กน้อย ฉันกลัวว่าตัวเองจะใจอ่อนที่เฉิงอี้เฉินดีกับลูกๆ หลังจากนั้นทำให้ตัวเองผิดคำพูดได้คืนดีกับเขา ดังนั้นฉันถึงได้ตั้งใจพูดว่าลูกนามสกุลลั่ว ตั้งใจไม่ให้เขาได้อยู่กับลูกๆ ตั้งใจคุยกับเขาปัญหาเรื่องการเลี้ยงดูลูก
เพียงแต่ทำให้เฉิงอี้เฉินโกรธ ความสัมพันธ์ฉันกับเขาจะทำให้แย่ลงเรื่อยๆ ตามนิสัยของเฉิงอี้เฉินคงไม่ได้ยินเสียงที่เขาต้องมากระซิบหลอกฉันหรือลูกอีก อย่างนี้ฉันก็ไม่ต้องเป็นห่วงว่าความอ่อนโยนของเขาจะทำตัวเองสั่นคลอนความไม่พอใจลงได้
ฉันก็ได้แต่ถอนหายใจ ในใจไม่มีแรง จริงๆแล้วอยู่ต่อหน้าเฉิงอี้เฉินแล้วไม่สามารถรับมือเขาได้ เฉิงอี้เฉินถึงจะเพอร์เฟคแค่ไหน เป็นเพียงผู้หญิงก็ยากที่จะคัดค้าน
ฟ้าก็ค่อยๆมืดลง ใจฉันรู้สึกสับสนวุ่นวายไม่มีกระจิตกระใจไปทำงานที่บริษัท แม้แต่อาหารเย็นก็ไม่ถูกปาก เพียงแค่เฉินตงหลีโทรหาตอนเที่ยงจะไปทานข้าวเป็นเพื่อนฉัน ฉันรู้เขาเป็นห่วงเรื่องที่ฉันกับเฉินอี้เฉินเจอกัน ดังนั้นฉันไม่ได้ขัดเขา ก็ตกลงว่าจะทำอาหารไม่กี่อย่างรอเขามาทาน
“ป๊อกๆๆ….”เสียงเคาะประตูดังขึ้น ฉันนึกว่าเฉินตงหลีมาแล้ว ก็ได้ให้พี่หลิวไปเปิดประดู ตัวเองก็ไม่แต่ยุ่งอยู่ในครัว
เฉินตงหลีชอบทานไก่หั่นลูกเต๋าผัดซอสและหมูเส้นผัดกระเทียมฝีมือฉัน ฉันก็ทำเรื่องให้เขาวุ่นวาย ฉันแค่ได้ทำอาหารตอบแทนเขา ฉันหันกลับไปพูด เพียงเห็นคนที่เดินเข้ามา ก็ตกใจอึ้ง
คนที่เดินเข้ามาคือเฉิงอี้เฉิน ไม่ใช่เฉินตงหลี สายตาเขามองมาที่ฉัน ขมวดคิ้ว ในมือได้กล่องอาหาร
คำพูดหลินปิงชิงได้วิ่งเขามาที่หู คืนนี้จะมีคนมากินข้าวเป็นเพื่อน คือเดาได้แต่แรกหรอว่าเฉิงอี้เฉินจะมา?
“คุณกำลังรอคนอยู่”เขาพูดขึ้น แต่ไม่ใช่ประโยคคำถาม
ใจรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก คือคิดไม่ถึงว่าวันนี้ตอนบ่ายเฉิงอี้เฉินโกรธอย่างนั้น ตอนนี้ยังจะมานี้ได้ ยังไม่ได้เอ่ยปาก เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกรอบ ตอนนั้นฉันเหมือนหัวป่วน เฉิงอี้เฉินได้มองมาที่ฉัน ได้เดินไปเปิดประตู
ใบหน้าที่เต็มไปด้วนรอยยิ้มของเฉินตงหลีเมื่เห็นเฉิงอี้เฉินก้ได้นิ่งทันที เฉินอี้เฉินได้แบ้ปาก มือขาวๆก็ได้หิ้วกล่องข้าว เหมือกำลังหมดความอดทนอย่างมาก
เฉินตงหลีขมวดคิ้วเบาๆ เขาหันมามองที่ฉัน ทั้งมองไปที่เฉิงอี้เฉิน บนหน้าแสดงออกรอยยิ้มที่อบอุ่น “เฉิงอี้เฉินก็อยู่”
“อีอี ผมเห็นดอกลิลลี้ที่ร้านดอกไม้สวยดี เลยซื้อมาฝาก “เฉินตงหลีได้หัวเราะเดินเข้ามา แล้วได้หยิบเอารองเท้าที่ชั้นเปลี่ยนใส่เอง เอาช่อดอกลิลลี่ยื่นส่งไปให้พี่หลิว เหมือนมองไม่เห็นแม่แต่เงาของเฉินอี้เฉิน
ฉันรู้กสึกอึดอัด แล้วได่ไหมองเฉิงอี้เฉิน เพียงแค่เห็นใบหน้าที่ดูหดหู่ เฉิงอี้เฉินมาทำให้ฉันตั้งตัวไม่ทัน ฉันลังเลจะให้เอาออกไปดีไหม เห็นหน้าที่หดหู่ก็ไม่กล้าที่จะบอก แต่เฉินตงหลีกับเฉิงอี้เฉินก็อยู่นี้แล้ว ฉันรู้สึกไม่สบายใจมากจริงๆ
“ประธานเฉิงทำคุยเรื่องสัญญาหรอ?ตอนนี้ไม่ใช่เวลาทำงานแล้ว ถึงอีอีจะเป็นพนักงานของบริษัทผม แต่ผมก็ไม่ใช่นายที่จะบีบบังคับพนักงานหรอ”เฉินตงหลีได้มองเฉิงอี้เฉินแล้วหัวเราะ
ฉันอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเฉินตงหลีได้อยู่กับวงการธุรกิจมานานเท่าไหร่แล้ว คำพูดพวกนี่ถึงได้แยกระยะห่างระหว่างฉันกับเฉิงอี้เฉินได้กว้างห่างขนาดนี้ ได้เปลี่ยนเราสองคนให้เป็นหุ้นส่วนกันได้
“ท่านประธานเฉิง เรื่องการร่วมมือของเราพรุ่งนี้ไปบริษัทค่อยคุยกันเถอะ”ฉันรู้สึกผิดไม่กล้าที่จะมองเขา ยังดีที่เฉินตงหลีพูดต่อ หันหลังกลับจะไปหลบที่ห้องครัว แต่ก็เป็นห่วงว่าเฉิงอี้เฉินจะโกรธอีกรอบ
ที่หางตาได้มองเห็นมือใหญ่ๆของเฉิงอี้เฉินที่หลอดเลือดกำลังบวมขึ้น เขาจับกล่องข้าวไว้แน่น ฉันกลัวว่าเขาจะจับกล่องข้าวนั้นเฟี่ยงลงบนพื้น
แต่ แปลกใจคือ เฉิงอี้เฉินได้หัวเราะเบาๆออกมา
“ผมไม่ได้มาคุยเรื่องงาน ผมมาขอกินข้าวฟรี”เขาเดินก้าวขึ้นมา ได้เดินเข้ามาถึงข้างฉัน ฉันอึ้งไปสักพักคิดไม่ถึงว่าเฉิงอี้เฉินจะพูดแบบหน้าด้านๆออกมา เขาได้เดินมาตรงหน้าฉันแล้วไม่เขาก็ไม่ได้
เขายื่นกล่องข้าวให้ฉันมา “นี้เป็นของขึ้นชื่อในประเทศ ป้าหวังได้ฝากให้ผมเอามาให้คุณลองกิน”
ได้ยินเฉิงอี้เฉินพูดถึงป้าหวังก็แน่นอยู่ในใจ แล้วได้ยื่นมือไปรับ
ช่วงเวลาที่ฉันอยู่กับเฉิงอี้เฉินป้าหวังก็ได้ช่วยดูแลฉันอย่างดี ไม่สนว่าเพราะอะไร ยังไงฉันก็กตัญญูที่เธอดีกับฉัน นี้ถ้าเป็นความหวังดีของป้าหวัง ฉันไม่กล้าที่จะปฏิเสธ
เฉิงอี้เฉินเห็นฉันยื่นรับกล่องข้าก็ยิ้มออกมา สายตาที่เย็นชาก็ได้ไปมองที่เฉินตงหลี “ท่านประธานเฉินก็มาขอทานข้าวเหมือนกันหรอ?หรือว่ามาส่งแค่ดอกไม้?ก็คงไม่ได้มาคุยเรื่องงานกับอีอีใช่ไหม?
ฉันยิ่งปวดหัวเขาไปอีก เฉิงอี้เฉินใช้คำพูดมาหยุดเฉินตงหลี ก็ได้หยุดฉันปากด้วย
ถ้าเฉินตงหลีม่แค่ส่งดอกไม้ ส่งให้แล้วก็กลับได้ ถ้าเขามาพูดเรื่องงานนั้น คำพูดที่เฉินตงหลีพูดให้เฉิงอี้เฉินก็กลับย้อนไปว่าเขาเอง
แต่ถ้าเฉินตงหลีว่าตัวเองมาขอกินข้าวฟรีก็…..
งั้นเฉินอี้เฉินกับเขาก็ไม่แตกต่างกัน เขาสองคนก็ได้อยู่ที่นี้ด้วยกัน