ในที่สุดฉันและเฉินตงหลีก็หาร้านริมถนนทานราเมนกัน เวลานี้เป็นเวลาหลังเที่ยงคืนแล้ว ภายในร้านมีลูกค้าอยู่เพียงไม่กี่คน มองดูโหลงเหลงอย่างเห็นได้ชัด
“อันที่จริงมื้อนี้ผมควรจะเลี้ยงดีๆ ซักหน่อยถึงจะถูก แต่วันนี้ดึกมากแล้ว เลยได้แต่ทานแบบง่ายๆ ไปก่อน ไว้วันหลังผมจะเลี้ยงชดเชยอีกมื้อหนึ่งให้ดีๆ ไปเลยนะครับ” เฉินตงหลีส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจมาให้ เขาช่วยฉันทำความสะอาดชุดถ้วยชามสำหรับรับประทานอาหารอย่างเป็นสุภาพบุรุษมาก แต่กลับทำให้ฉันนึกถึงฉากที่ทานอาหารด้วยกันกับเฉิงอี้เฉินเป็นครั้งแรกโดยไม่รู้ตัว
ใจฉันเจ็บแต่ก็พยายามรักษารอยยิ้มเอาไว้ “มีอะไรให้ต้องชดเชยกันคะ คืนนี้ฉันได้ทานข้าวฟรีกับคุณมื้อหนึ่งก็ไม่เลวแล้วค่ะ”
“ถ้าไม่เป็นเพราะผม คุณก็คงไม่บาดเจ็บนี่ครับ ถือว่าบอกกล่าวกันแล้วนะครับ ถ้าผมนัดคุณเมื่อไหร่คุณห้ามบอกว่ามาไม่ได้นะครับ”
ฉันยิ้มแต่ไม่ตอบรับกลับไป ในใจเหมือนถูกมีดแทงเบาๆ
บะหมี่ถูกยกมาแล้ว ควันร้อนลอยคลุ้งมาถูกเบ้าตาฉัน ฉันแสบตาจนน้ำตาไหลออกมาจึงรีบก้มศีรษะทานบะหมี่เพื่อไม่ให้เสียมารยาท และจะได้ไม่ต้องกลับไปคิดอีก แต่พอทานบะหมี่เข้าไปก็ลวกถูกปากอีก
“ซี๊ด……”
“ถูกลวกเข้าแล้วหรือครับ งั้นรีบดื่มน้ำเย็นซักหน่อยนะครับ” เฉินตงหลีมองฉันแล้วรีบบิดขวดน้ำแร่ส่งให้ฉัน ฉันแลบลิ้นพ่นน้ำออกมาอย่างอเนจอนาถ รู้สึกเผ็ดร้อนในปากจนน้ำตาไหลไม่ยอมหยุด
“หิวขนาดนั้นเลยหรือครับ……” เฉินตงหลีขำทั้งน้ำตา ราวกับเป็นเรื่องตลกอย่างไรอย่างนั้น แต่พอฉันร้องไห้ออกมาเขาก็ชะงักไป หยิบทิชชู่ให้ฉันเช็ดน้ำตาโดยไม่พูดอะไรซักคำ
ฉันหลบการเคลื่อนไหวของเขาแล้วหยิบทิชชู่อย่างลวกๆ มาเช็ดหน้า แต่ความรู้สึกน้อยใจไม่ต่างกับการเปิดประตูระบายน้ำให้น้ำหลากไหลซัดสาดเข้ามาอย่างรุนแรงนั่นเอง
ฉันกลืนน้ำลงคอไป จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะปิดหน้าร้องไห้โฮออกมา
ใจฉันเจ็บมากจนแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว ฉันไม่คิดเลยว่าจะอาลัยอาวรณ์ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันกับเฉิงอี้เฉินมากขนาดนั้น ตอนหย่ากับฉินจวิ้นเฟยฉันไม่ร้องไห้เลย มีเพียงความแค้นที่มีต่อเขา รู้สึกว่าตัวเองหลุดพ้นแล้วเท่านั้น แต่ตอนนี้พอไปจากกับเฉิงอี้เฉินแล้ว ฉันกลับรู้สึกเหมือนมีคนมาควักหัวใจออกไป
ฉันไม่กล้าติดต่อคนในเมืองไห่ ไม่กล้าดูข่าวใดใดที่เกี่ยวกับเฉิงอี้เฉินแม้แต่น้อย แต่ฉันก็อดคาดเดาไม่ได้ว่าเฉิงอี้เฉินจะคิดถึงฉันบ้างมั้ย หลังจากที่รู้ว่าฉันหายไปเขามีออกตามหาฉันบ้างหรือเปล่า?
ไม่มีใครให้คำตอบฉันได้เลย ฉันเองก็ไม่กล้าไปค้นหาคำตอบนี้ด้วย เพราะกลัวตัวเองจะผิดหวัง
ผ่านไปเป็นเวลานานในที่สุดอารมณ์ฉันก็ค่อยๆ คงที่ เสียงร้องไห้ก็หยุดแล้ว
เฉินตงหลีขมวดคิ้วมองฉันจากนั้นก็ส่งทิชชู่มาให้สองสามแผ่น “คุณเป็นอย่างไรบ้างครับ?”
ฉันรับทิชชู่มาสั่นน้ำมูก แล้วกัดริมฝีปากแน่นไม่ยอมเอ่ยปาก
“ตอนที่ผมไปหาคุณที่โรงพยาบาล คนที่นั่นบอกกับผมว่า……คุณหย่าร้างแล้ว……” เฉินตงหลีเอ่ยปากพูดอย่างระมัดระวัง “ที่คุณมาอำเภอเล่อเป็นเพราะเรื่องนี้ใช่มั้ยครับ?”
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่อยากพูดถึงเรื่องเหล่านี้เลยค่ะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
เฉินตงหลีจะต้องคิดว่าฉินจวิ้นเฟยทำให้ฉันเสียใจแน่ๆ แต่เขาไม่รู้ว่ามีอีกคนมาอยู่ในใจฉันนานแล้ว ฉันไม่อยากจะอธิบายให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องได้รับรู้ ยิ่งมีคนรู้เรื่องระหว่างฉันกับเฉิงอี้เฉินน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี
“ได้ ถ้าไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูดครับ” เฉินตงหลีพยักหน้า มองฉันด้วยสีหน้าจริงจังแล้วพูดว่า “คุณหมอลั่ว ผมพอทราบเรื่องของสามีคุณมาบ้าง คนอย่างนั้นไม่คู่ควรกับคุณเลย คุณควรได้เจอคนที่ดีกว่านี้ครับ”
ฉันยิ้มอย่างขมขื่น คนที่ดีกว่านะหรือ? ยังจะมีใครที่ดีไปกว่าเฉิงอี้เฉิน ชั่วชีวิตนี้ฉันคงไม่อาจเจอใครที่ดีไปกว่าเขาอีกแล้ว
บางทีอาจจะเป็นเพราะต้องการระบายอารมณ์ ฉันก็เลยกิน “ตอบโต้” กลับไปเป็นจำนวนมาก เฉินตงหลีส่งฉันกลับบ้าน พอรถมาจอดตรงหน้าประตูทางเข้าชุมชน เขาก็มองฉันด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ผมส่งคุณเข้าไปนะครับ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ชุมชนแห่งนี้มีระบบรักษาความปลอดภัยดีมาก แค่ไม่กี่ก้าวฉันเดินไปเองได้ค่ะ” ฉันปลดเซฟตี้เบลออก ในใจรู้สึกกระดากอายอยู่บ้าง
“คืนนี้ขอโทษด้วยนะคะที่ปล่อยให้คุณดูเรื่องตลกไปซะแล้ว……”
“คุณพูดถึงเรื่องอะไรหรือครับ คุณหมอลั่ว ถ้าคุณไม่สบายใจหรืออยากให้มีคนมาอยู่เป็นเพื่อน สามารถโทรหาผมได้ตลอดนะครับ” เฉินตงหลีพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
หัวใจของฉันอบอุ่นขึ้น ฉันจึงพยักหน้าให้เขา “ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ คุณเองก็เดินทางปลอดภัยนะคะ”
“โอเคครับ” เฉินตงหลีถอนหายใจ “กลางค่ำกลางคืนแบบนี้ผมจะไปบ้านคุณก็คงไม่ค่อยสะดวก ผมมองดูคุณเดินเข้าไปก่อนดีกว่า พอคุณเดินขึ้นไปถึงข้างบนแล้วก็โทรหาผมนะครับ จากนั้นผมถึงจะกลับครับ”
ฉันผงกศีรษะลงจากรถ จากนั้นก็โบกมือให้เขาแล้วเดินไปทางบ้านของตัวเอง
การรักษาความปลอดภัยของชุมชนแห่งนี้ดีมากจริงๆ สิ่งแวดล้อมในที่อยู่อาศัยก็ไม่เลว แน่นอนว่าราคาย่อมไม่ถูก ทีแรกฉันไม่เต็มใจจะเช่าสักเท่าไหร่ แต่เห็นแก่สุขภาพของคุณแม่ที่ไม่ค่อยดี ถ้าออกจากโรงพยาบาลได้แล้วก็อยากให้ท่านอยู่สุขสบายหน่อย
อีกอย่างวันเวลาหลังจากนี้ฉันกับคุณแม่ยังต้องพึ่งพาอาศัยกัน ฉันยิ่งต้องเรียนรู้ที่จะปฏิบัติต่อตัวเองให้ดีซักหน่อยแล้ว
ฉันเข้าลิฟต์ไปแล้วก็โทรหาเฉินตงหลีบอกว่าฉันถึงบ้านแล้ว ให้เขาไม่ต้องกังวลในตัวฉันแล้วรีบกลับบ้าน เฉินตงหลีกำชับฉันอีกหลายคำจึงจะยอมวางสายได้
ลิฟต์มาจอดที่ชั้น 22 พอประตูเปิดออกฉันก็ได้กลิ่นบุหรี่ที่จัดมาก
ฉันขมวดคิ้วอย่างอดไม่อยู่ ใครมาสูบบุหรี่ตรงบริเวณทางเดินนี่?
หนึ่งเดือนกว่าแล้วที่ไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น หรือว่าจะมีครอบครัวใหม่ย้ายเข้ามา
แต่พอเดินออกมาจากลิฟต์ฉันก็ต้องตัวแข็งค้าง เพราะบริเวณทางเดินได้มีผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งกำลังยืนพิงกำแพงอยู่ สายตาเขากำลังมองมาที่ลิฟต์ นิ้วมือของเขาถือบุหรี่ มีควันบุหรี่กำลังลอยอ้อยอิ่งขึ้นไป
ฉันกระวนกระวายใจขึ้นมา จากนั้นก็หันหลังกลับเข้าไปในลิฟต์แล้วกดปุ่มปิด แต่ได้มีเสียงคนกำลังก้าวเท้าเดินเข้ามา เขาจับแขนฉันแล้วดึงออกจากลิฟต์ไป
“ลั่วอีอี เธอคิดจะหลบซ่อนตัวไปถึงเมื่อไหร่!” เฉิงอี้เฉินกัดฟันกรอดและพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบต่ำมาก
ฉันจ้องมองคนตรงหน้าด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ในใจคิดว่าตอนนี้ตัวเองกำลังฝันไป
ไม่ผิด ภาพเงาของเฉิงอี้เฉินมาปรากฏอยู่ในความฝันของฉันนับครั้งไม่ถ้วน ทุกครั้งที่ฉันตื่นขึ้นมาก็อยากจะจับเขาไว้ อยากจะกอดเขาให้แน่นๆ แต่เมื่อตื่นขึ้นมาจากความฝันกลับเหลือไว้แค่เพียงความเจ็บปวด
เวลานี้กลิ่นหอมของใบยาสูบที่กำลังอบอวลอยู่ทำให้ฉันรู้สึกวิงเวียนศีรษะ เขาแข็งแกร่งมากจริงๆ มากซะจนแทบจะบีบร่างฉันให้แตกเป็นเสี่ยงๆ แต่ก็ทำให้หัวใจอันไร้ชีวิตชีวาของฉันกลับเต้นขึ้นมาอย่างไม่หยุดนิ่ง
“ลั่วอีอี ใครใช้ให้เธอไป?” แล้วเฉิงอี้เฉินก็ดึงฉันเข้ามาในอก สวมกอดอย่างแนบแน่น
ฉันผงะไปชั่วขณะ ฟังน้ำเสียงทุ้มต่ำนี้ราวกับจะแฝงไปด้วยความเจ็บปวดและสั่นสะเทือนอยู่หลายส่วน
ฉันคิดว่าตัวเองต้องฟังผิดไปแน่ๆ แต่แล้วเฉิงอี้เฉินก็เอามือมาโอบบริเวณท้ายทอยฉัน แล้วบริเวณริมฝีปากฉันก็เจ็บขึ้นมา ฉันส่งเสียงอู้อี้คิดจะหลบ เฉิงอี้เฉินกลับเพิ่มแรงกัดแทะริมฝีปากฉันอย่างบ้าคลั่งราวกับจะกลืนกินฉันลงไปในท้อง
ร่างกายสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุม แต่ภายในใจของฉันกลับรู้สึกเหมือนได้รับการเติมเต็มอะไรบางอย่าง ทำให้ฉันตื่นเต้นจนแทบอยากจะส่งเสียงร้องออกมา
การเคลื่อนไหวของเฉิงอี้เฉินช่างเผด็จการ แล้วนำมาซึ่งการลงโทษอย่างโหดร้ายอยู่หลายส่วน
เขาจูบฉัน กอดฉัน ราวกับจะบ่งบอกความคิดถึงทั้งหมดที่มีมานานถึงหนึ่งเดือนกว่านี้ออกมา ฉันคิดว่าตัวเองก็กำลังคลั่งอยู่เช่นกัน ฉันกระหายในรสชาติของเขาและกอดเขาไว้แน่นราวกับคนที่ตกลงไปในน้ำแล้วคว้าได้ท่อนไม้ที่ลอยอยู่เพียงหนึ่งเดียว โดยให้เขาเป็นผู้นำพาการลอยขึ้นและจมลงของฉัน
เราสองคนได้ทำสิ่งที่ใกล้ชิดที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย เฉิงอี้เฉินไม่ยอมให้ฉันกลับลงมา เขาคลำหากุญแจเปิดห้องจากตัวฉันจากนั้นก็อุ้มฉันเข้าไปในห้อง แล้วทุกสิ่งที่เหลือก็เป็นไปตามจังหวะและขั้นตอน
MANGA DISCUSSION