พระสนมหลู่บีบมือนางกลับเช่นกัน นางกำแน่น ดวงตาเบิกกว้าง "เจ้าหมายความว่า?"
หยวนชิงหลิงถอนหายใจ "พระสนมหลู่ มีองค์ชายมากมาย แต่ตำแหน่งรัชทายาทมีเพียงตำแหน่งเดียว"
"แต่ว่าหวายเอ๋อร์ พูดตามตรงแล้ว เขาไม่มีกำลังไปแย่งชิง"
"เขาไม่มีโอกาสได้เป็นรัชทายาท แต่เขาสามารถสนับสนุนคนที่อยากจะสนับสนุน ฝ่าบาทสงสารที่เขาป่วยมาหลายปีและใส่ใจเขามาก หากเขาพูดสนับสนุนใคร… พระสนมคิดให้รอบคอบเถอะเพคะ" หยวนชิงหลิงเตือน
พระสนมหลู่ราวกับตื่นจากฝัน นางตื่นตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงน้ำตาไหลลงมา "ข้าเพียงต้องการให้เขามีชีวิตอย่างดีเท่านั้น สิ่งเหล่านั้นล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเขาเลย"
"พระชายาจี้อ๋องมาด้วยความปรารถนาดีจริงๆ หรือ? ใช่แล้ว หากหวายอ๋องเป็นอะไรไป นางก็จะได้ชื่อว่าเป็นพี่สะใภ้ที่มีคุณธรรม แต่หากหวายอ๋องรอดมาได้โดยปราศจากเหตุการณ์ในวันนี้ พระสนมหลู่และหวายอ๋องจะรู้สึกขอบคุณนางหรือไม่? จะเต็มใจสนับสนุนสรรเสริญพวกเขาต่อหน้าฝ่าบาทหรือไม่?"
พระสนมหลู่ยังคงฟังหยวนชิงหลิงพูดต่อไป หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนไป นางมองหยวนชิงหลิงทันที "แล้วเจ้า…"
ใช่แล้ว ในเมื่อพระชายาจี้อ๋องมีความคิดเช่นนี้ แล้วพระชายาฉีอ๋องและพระชายาฉู่อ๋องเล่า?
หยวนชิงหลิงยิ้ม "หม่อมฉันจะไม่แก้ตัว แต่อย่างน้อยตอนนี้หม่อมฉันเป็นเพียงหมอคนหนึ่ง หมอที่ต้องถูกลงโทษหากไม่สามารถรักษาหวายอ๋องให้หายได้ หม่อมฉันไม่ได้ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้นที่จะใช้ชีวิตของตนแลกเพื่อสนับสนุนภารกิจใหญ่ของใคร"
"ใครๆ ก็พูดได้มิใช่หรือ? อาจจะไม่ได้พูดออกมาจากใจก็ได้" พระสนมหลู่ยังคงไม่วางพระทัย
หยวนชิงหลิงกล่าวว่า "ใช่แล้ว บางทีข้าก็อาจจะคิดเหมือนพระชายาจี้อ๋อง แต่พระสนมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อข้า"
คำอธิบาย บางครั้งก็ไร้ประโยชน์ พระสนมหลู่จะไม่เชื่อ หากนางมีอะไรแอบแฝงกลับจะยิ่งทำให้ผู้อื่นวางใจ
พระสนมหลู่ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวว่า "ตกลง เจ้าพยายามรักษาเถอะ เมื่อรักษาหายแล้ว เราสองแม่ลูกก็เป็นหนี้ชีวิตของพวกเจ้าจวนฉู่อ๋อง"
หยวนชิงหลิงกล่าวว่า "ข้ารักษาได้ แต่ความคิดในการตั้งครรภ์ยังคงต้องการ สนมลู่ไปเถอะ เปลี่ยน"
พระสนมหลู่ยกมือขึ้นเรียกสาวใช้เข้ามาช่วยประคอง
องค์หญิงลั่วผิงและอวี่เหวินหลิงเดินเข้ามาและมองไปที่หยวนชิงหลิง
หยวนชิงหลิงยักไหล่ "ข้าไม่มีทางเลือกจึงได้เถียงกับพระชายาจี้อ๋อง"
อวี่เหวินหลิงกล่าวว่า "เถียงได้ดี" นางเองก็ไม่ชอบพระชายาจี้อ๋องนัก
องค์หญิงลั่วผิงส่ายหัวและถอนหายใจ "เจ้าวู่วามเกินไปแล้ว พระชายาจี้อ๋องผู้นี้ไม่ใช่คนที่จะรับมือได้โดยง่าย เมื่อวันนี้ทำให้นางขุ่นเคือง ไม่รู้ว่านางจะจัดการกับเจ้าและน้องห้าอย่างไร"
หยวนชิงหลิงแอบพูดในใจว่า ถึงแม้จะไม่มีเรื่องนี้ พวกเขาก็ไม่มีทางปล่อยอวี่เหวินฮ่าวไปหรอก ก่อนหน้านี้ที่อวี่เหวินฮ่าวถูกลอบสังหารก็เป็นฝีมือของจี้อ๋อง แต่เรื่องนี้คงไม่สะดวกที่จะพูดออกไป นางพูดกับองค์หญิงลั่วผิงว่า "ตอนนี้ข้าก็ทำให้นางขุ่นเคืองไปแล้ว อาการป่วยของหวายอ๋องต่างหากที่สำคัญที่สุด รักษาเขาก่อนค่อยว่ากันก็แล้วกัน"
องค์หญิงลั่วผิงพยักหน้าเล็กน้อย "มีเหตุผล เช่นนั้นก็เอาอย่างนี้ก่อนก็แล้วกัน แต่หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริงๆ ข้าก็คงช่วยเจ้าไม่ได้"
"ข้าจะช่วยเอง!" อวี่เหวินหลิงไม่อาจทนเห็นความอยุติธรรม
องค์หญิงลั่วผิงจิ้มหน้าผากนางอย่างแรง "เจ้าน่ะหรือ สงบปากสงบคำเสียหน่อยเถิด จะได้ไม่สร้างปัญหาโดยไม่รู้ตัว"
หยวนชิงหลิงคิดว่าองค์หญิงลั่วผิงช่างมีวิสัยทัศน์ดีนัก นางเป็นคนที่รู้จักกาลเทศะและรู้ขอบเขต นางไม่มีวันออกหน้าอย่างเปิดเผย นางเข้าใจชะตากรรมขององค์หญิงอย่างถ่องแท้ หากสุดท้ายจี้อ๋องได้ขึ้นครองบัลลังก์และนางเคยทำให้เขาขุ่นเคือง ต่อไปในอนาคตจะต้องลำบากแน่
อวี่เหวินหลิงยังไม่เข้าใจ นางยังเด็กเกินไป แต่ก็มีบางคนที่เกิดมามีนิสัยเช่นนี้ เป็นผู้ที่แบ่งแยกผิดชอบชั่วดีอย่างชัดเจน นางเชื่อว่าอวี่เหวินหลิงเป็นอย่างหลัง
ไม่รู้ว่าพระสนมหลู่คุยอะไรกับหวายอ๋อง สรุปก็คือเมื่อหยวนชิงหลิงเข้าไปอีกครั้ง ทัศนคติของเขาก็เปลี่ยนไป เพียงแต่นางดูออกว่าเขาเพียงต้องการทำให้พระสนมหลู่สบายใจเท่านั้น หัวใจของเขายังคงท้อแท้ นางไม่อาจรีบร้อนภายในเวลาอันสั้นได้ หยวนชิงหลิงปลอบโยนตัวเองเช่นนี้
โรคมีหลายชนิด ผู้ป่วยก็เช่นกัน นางเป็นหมอ ไม่มีสิทธิ์เลือกผู้ป่วย เพื่อจะคอยจับตามองหวายอ๋องกินยา หยวนชิงหลิงรอจนถึงยามซวี*จึงค่อยกลับไป (*เวลาหนึ่งทุ่มถึงสามทุ่ม)
นางมองไปที่ประตู อวี่เหวินฮ่าวไม่ได้มารับนาง รู้ว่าเหตุใดในใจของนางจึงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
เมื่อกู้ซือไปส่งนาง ระหว่างทางรถม้ากระแทกกระทั้นกับพื้นถนน หยวนชิงหลิงจิตใจไม่สงบ นางนั่งไม่ได้อีกต่อไปจึงแหวกม่านออกและพูดว่า "หยุดรถ!"
รถม้าหยุดลง กู้ซือที่ขี่ม้าอยู่หันกลับมาถามนางว่า "พระชายา มีอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?"
หยวนชิงหลิงกระโดดลงจากรถม้าแล้วพูดว่า "ข้าอยากเดินเล่น ในใจไม่สงบน่ะ"
กู้ซือลงมาและจูงม้าแล้วพูดว่า "พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะเดินไปกับพระชายา"
หยวนชิงหลิงอารมณ์ขุ่นมัว เรื่องในวันนี้ทำให้นางรู้ว่าไม่ว่านางจะเต็มใจหรือไม่ นางก็ต้องถูกลากเข้าไปในวังวนนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ ทำไมนางจะไม่รู้ว่าไม่ควรทำให้พระชายาจี้อ๋องขุ่นเคืองใจ?
วันนี้เมื่อมีเรื่องกับนาง ต่อไปจะต้องระมัดระวังทุกย่างก้าวดังคำกล่าวที่ว่าทวนเปิดเผยหลบหลีกง่าย เกาทัณฑ์ลับยากระวัง ถึงแม้นางจะมีไท่ซั่งหวงเป็นที่พึ่งก็คงไม่อาจหลบพ้นอุบายร้ายของคนชั่ว
"กู้ซือ อำนาจคืออะไร?" นางถามพร้อมกับถอนหายใจยาว
กู้ซือเงียบไปชั่วอึดใจก่อนจะตอบเบาๆ "อำนาจคือทุกสิ่งพ่ะย่ะค่ะ!"
"ทุกสิ่งงั้นหรือ?" หยวนชิงหลิงยิ้มอย่างประชดประชัน "ข้าเกรงว่าจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น ข้ารู้จักผู้มีอำนาจหลายคน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ได้มาซึ่งทุกสิ่งทุกอย่าง"
"อำนาจนั้นไม่เคยมีจุดสิ้นสุด"
ใช่แล้ว เมื่อได้เป็นจักรพรรดิก็ต้องการประชันกับสวรรค์ จุดจบอยู่ที่ไหนกัน? ไม่รู้ว่าอวี่เหวินฮ่าวจะเป็นเช่นนี้หรือไม่?
นางถามกู้ซือ "ข้าเห็นว่าเจ้ามีความสัมพันธ์อันดีกับฉู่อ๋อง พวกเจ้ารู้จักกันมานานแล้วหรือ?"
กู้ซือยิ้มเล็กน้อย "นับว่าโตมาด้วยกันพ่ะย่ะค่ะ"
"ความรักตามประสาเด็กนั้นล้ำค่า เช่นนี้เจ้ารู้เรื่องระหว่างเขากับฉู่หมิงฉุ่ยหรือไม่?"
"รู้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมรู้เรื่องทั้งหมด" เขาเหลือบมองหยวนชิงหลิงอย่างเรียบๆ "พระชายาต้องการถามอะไรหรือ?"
"ไม่มีอะไรหรอก เรื่องของพวกเขาข้าไม่อยากรู้" หยวนชิงหลิงกล่าว
กู้ซือรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
"กระหม่อมนึกว่าพระชายาจะอยากรู้ว่าท่านอ๋องคิดอะไรในใจเสียอีก"
หยวนชิงหลิงหันกลับมาฉีกยิ้มให้เขา "ไม่หาเรื่องปวดหัวใส่ตัวเป็นกฎหลักของข้า"
กู้ซือมองดูนางอย่างครุ่นคิด ไม่หาเรื่องปวดหัวใส่ตัวงั้นหรือ? การรู้เรื่องของท่านอ๋องและฉู่หมิงฉุ่ยเป็นการหาเรื่องปวดหัวให้ตัวเองหรือ? เว้นเสียแต่ว่านางจะปวดหัวเพราะเรื่องของทั้งสองคน ไม่เช่นนั้นนางคงจะไม่เอ่ยคำว่าปวดหัวออกมาแน่
หยวนชิงหลิงกล่าวว่า "ไม่เดินแล้ว เหนื่อย ข้าขึ้นรถดีกว่า"
กู้ซือแหวกม่านให้นาง "ระวังนะพ่ะย่ะค่ะพระชายา"
"ขอบใจ!" หยวนชิงหลิงเข้าไปในรถม้า นางจับม่านและมองดูกู้ซือ "ขอบใจใต้เท้ากู้ที่คอยมารับส่งข้าทุกเช้าเย็น"
"เป็นพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!" กู้ซือกล่าวเรียบๆ
หยวนชิงหลิงปิดม่านลง นางปิดตาและพักสมอง พยายามกำจัดสิ่งที่หงุดหงิดออกจากจิตใจของนาง
เย็นนี้อวี่เหวินฮ่าวกลับมาเร็วกว่าหยวนชิงหลิงเล็กน้อย เดิมทีเขาต้องการไปรับหยวนชิงหลิง แต่เมื่อคิดถึงการปฏิเสธของนางแล้วก็นึกถึงความร้อนรนในใจของเขาเมื่อคืน เขารู้สึกว่าสิ่งต่างๆ เบี่ยงเบนไปจากที่เขาคิด เขาต้องพิจารณาความรู้สึกของเขาให้ดีว่าเขาคิดอะไรอยู่ ดังนั้นเมื่อเขารู้ว่าหยวนชิงหลิงยังไม่กลับมาก็ไม่ได้ไปที่จวนหวายอ๋อง
"ท่านอ๋องกลับมาแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ!" ซวีอียืนยิ้มต้อนรับเขาอยู่ที่ประตู รอยยิ้มเป็นประกายจนสะดุดตา
วันนี้ซวีอีไปที่กรมการพระนครกับเขา เมื่อถึงยามพลบค่ำก็บอกว่ามีธุระขอตัวก่อน
อวี่เหวินฮ่าวมองไปที่รอยจ้ำสีดำทั้งสองของเขาก็เกิดไม่สบอารมณ์ เขาเดินเอามือไพล่หลังเดินเข้าไปข้างใน
ซวีอีกลืนน้ำลายและรีบหุบยิ้มอย่างขมขื่น รับใช้เจ้านายนั้นไม่ง่ายเลย! รอยยิ้มภาคภูมิใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา ในไม่ช้าท่านอ๋องจะต้องให้รางวัลเขาแน่
เมื่ออวี่เหวินฮ่าวกลับมาถึงหอเซียวเยว่ ฉีโหลวยืนอยู่ที่ประตูด้วยท่าทางลำบากใจ "ท่านอ๋อง กลับมาแล้วหรือ กินข้าวหรือยังเพคะ?"
"ยัง!" อวี่เหวินฮ่าวเดินขึ้นบันไดหินและตอบเรียบๆ
"งั้น… พอดีเลย ข้างในจัดเตรียมอาหารไว้เรียบร้อยแล้วเพคะ" ฉีโหลวเหลือบมองซวีอีที่ตามมาด้วยสายตากังวล ทำเช่นนี้เหมาะสมแล้วหรือ? ท่านอ๋องจะไม่โกรธหรือ? นางไม่สบายใจเป็นอย่างมาก แต่ซวีอีกล่าวว่าใต้เท้าทังเห็นด้วยแล้ว
เรื่องที่ใต้เท้าทังทำไม่เคยผิดพลาด นางสงสัยซวีอีแต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไปสงสัยทังหยาง แต่เขาหายตัวไปตั้งแต่พลบค่ำ ไม่รู้ว่าหายไปไหน? ช่างน่ากังวลนัก
MANGA DISCUSSION