ฟีนิกซ์นิพพาน-ตำนานหยวนชิงหลิง - ตอนที่ 12 กลอุบายในวังหลัง
อวี่เหวินฮ่าวกลับไปที่จวน ยิ่งเขาคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติมากขึ้นเท่านั้น
เขาเห็นนางเอาเข็มแทงเสด็จปู่ ไม่รู้ว่านางฉีดอะไรเข้าไป เป็นยาพิษหรืออะไรก็ไม่รู้เลย
แม้ว่าเสด็จปู่จะมีอาการดีขึ้นเล็กน้อย แต่ว่าในเมื่อพิษนั่นสามารถทำให้เขาสูญเสียสติสัมปชัญญะไปและอาจมีผลกระทบอื่นๆ ต่อผู้คน อย่างเช่นการควบคุมจิตใจ
เดิมทีหยวนชิงหลิงไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ เป็นไปได้ไหมว่ามีใครสอนนางอยู่เบื้องหลัง?
หรือจะเป็นบิดาของนาง จิ้งโหวหยวนปาหลง?
เขาไม่มีความกล้าหาญเช่นนี้แน่ หยวนปาหลงเป็นเพียงคนชั้นต่ำที่รู้จักแต่ประจบสอพลอผู้มีอิทธิพล
อวี่เหวินฮ่าวคิดไปถึงผลที่ร้ายแรงกว่านั้น หยวนชิงหลิงเป็นชายาของเขา ทุกสิ่งที่นางทำกับอดีตจักรพรรดิ หากถูกเปิดเผยเข้า เขาจะกลายเป็นผู้ยุยงอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอนและจะไม่มีใครเชื่อว่าเขาไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
ยิ่งคิดเรื่องนี้เขาก็ยิ่งไม่อาจอยู่เฉยได้จึงสั่งให้ทังหยางเรียกลู่หยาและฉีมามามาหาเขา
พวกเขาสองคนรับใช้หยวนชิงหลิงอย่างใกล้ชิด หากนางมีพฤติกรรมอะไรที่ผิดปกติก็คงไม่อาจเล็ดลอดสายตาของฉีมามาไปได้
เดิมลู่หยาตามนางเข้าวังไปด้วย แต่ยามออกจากวังกลับได้รับแจ้งว่าหยวนชิงหลิงจะอยู่ที่วังเฉียนคุนเพื่อดูแลอาการป่วยของอดีตจักรพรรดิ พอกลับมาบอกฉีมามา ฉีมามาก็ตกใจมากเช่นกัน
เมื่อได้ยินว่าท่านอ๋องเรียกพบ ทั้งสองจึงไปอย่างรวดเร็ว
"ท่านอ๋อง!" เมื่อเข้ามาในห้องหนังสือแล้ว ทั้งสองก็ย่อกายคำนับ
อวี่เหวินฮ่าวเหลือบมองฉีมามาและนึกขึ้นได้เรื่องหลานชายของนางจึงถามนางขึ้น "หั่วเกอเป็นยังไงบ้าง?"
"ขอบพระทัยที่ท่านอ๋องทรงใส่ใจเจ้าค่ะ ตอนนี้เขาไม่เป็นอะไรมากแล้ว"
อวี่เหวินฮ่าวประหลาดใจเล็กน้อย "ดูแล้วหมอลี่ฝีมือด้านการแพทย์ไม่เลวเลย"
"ใช่… ใช่เพคะ!" ฉีมามาตอบอย่างลังเล
อวี่เหวินฮ่าวเชี่ยวชาญในด้านอ่านใจคน เขาเหลือบมองนางอย่างเฉยเมย "ฉีมามากำลังปิดบังอะไรข้าอยู่หรือเปล่า?"
ฉีมามาตกใจและรีบกล่าวอย่างรวดเร็ว "ข้าไม่บังอาจเจ้าค่ะ"
"เจ้ารับใช้ข้างกายข้ามาตั้งแต่ข้ายังเล็ก จงรักภักดีต่อข้ามาตลอด ข้าคิดว่าไม่ว่าเรื่องใดก็คงจะไม่ปิดบังข้า" เสียงและใบหน้าของเขาต่างเย็นชา
ฉีมามาในใจเย็นวาบ นางคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว "ข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะปกปิดเรื่องนี้"
มุมหางตาของอวี่เหวินฮ่าวเลิกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาของเขาเปล่งประกายเย็นเยียบ "พูดมา!"
ฉีมามาจึงต้องพูดออกไป "รายงานท่านอ๋อง หั่วเกอไม่ใช่ถูกหมอลี่รักษาหายเจ้าค่ะ แต่เป็นพระชายารักษาให้ เพียงแต่พระชายากำชับข้าไว้ไม่ให้ข้าบอกเรื่องนี้กับคนอื่น"
ทังหยางที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นด้วยความข้องใจ "พระชายา? พระชายาเข้าใจการแพทย์ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ตอนนั้นพระชายาใช้มีดกับหั่วเกอจึงถูกท่านอ๋องลงโทษโบยสามสิบครั้ง"
ฉีมามาเล่าเรื่องที่หั่วเกอพูดในคืนนั้นและเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังหั่วเกออยู่ในอาการวิกฤต จากนั้นก็พูดอย่างละอายใจว่า "เป็นข้าเองที่เข้าใจพระชายาผิดไป"
อวี่เหวินฮ่าวและทังหยางสบตากัน สายตาของพวกเขาต่างก็มีแววตกใจ
"ข้าขอถามเจ้า เคยเห็นว่านางมีกล่องกล่องหนึ่งหรือไม่? กล่องนั้น… " จู่ๆอวี่เหวินฮ่าวก็ตะลึงไป ตอนที่เข้าไปในม่าน นางไม่ได้ถือกล่องเข้าไป แต่หลังจากเข้าไปแล้ว ไม่รู้ว่ากล่องนั้นโผล่ออกมาจากไหน ต่อมาเมื่อเห็นนางที่ตำหนักด้านข้าง กล่องนั่นก็ไม่ได้อยู่กับนางอีก
"มีอยู่กล่องนึงเจ้าค่ะ!" ลู่หยารีบพูด "กล่องนั้นเต็มไปด้วยยา เพียงแต่ยาเหล่านั้นข้าเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อนและก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเห็นกล่องนั้นมาก่อน"
อวี่เหวินฮ่าวจึงถามอีกครั้ง "เมื่อเร็วๆนี้มีใครมาหานางหรือเปล่า? หรือนางออกไปหาใครหรือไม่?"
ฉีมามาส่ายหัว "ตั้งแต่พระชายาแต่งเข้ามาก็มีคนมาเยี่ยมนางน้อยมากและในไม่กี่เดือนมานี้นางก็ไม่ได้กลับไปที่บ้านนางเลยเจ้าค่ะ"
ทังหยางยังกล่าวอีกว่า "เป็นเช่นนั้นจริงๆ การเข้าออกของพระชายาต่างก็มีการบันทึกไว้ ข้าเห็นว่าครั้งสุดท้ายที่นางกลับไปที่บ้านเดิมคือเมื่อสามเดือนที่แล้ว หลังไปมาครึ่งวัน นางก็กลับมาด้วยความโกรธ"
ฉีมามารู้สึกว่าเมื่อครู่นางได้ทรยศหยวนชิงหลิง ในใจรู้สึกเสียใจและเมื่อคิดถึงสถานการณ์ของพระชายาแล้ว นางก็กังวลมากจึงกล่าวว่า "ตั้งแต่พระชายาถูกโบย นางก็ไม่ได้ออกไปไหน ท่านอ๋องสั่งให้เราไม่ต้องสนใจนาง ดังนั้นอาการบาดเจ็บของนางจึงเป็นตัวนางเองที่เป็นคนจัดการ ก่อนที่จะดื่มน้ำแกงจื่อจินนางก็มีไข้สูง ตอนนี้ฤทธิ์ของน้ำแกงจื่อจินน่าจะหมดแล้ว ไม่รู้ว่าอยู่ในวังนางจะทนไหวหรือไม่"
อวี่เหวินฮ่าวนึกถึงตอนที่นางป้องโจ๊กให้เสด็จปู่ นางกำลังกลั้นความเจ็บปวดและตัวสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ตอนนั้นฤทธิ์ยาของน้ำแกงจื่อจินคงจะหมดไปแล้ว
เขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับหยวนชิงหลิง แต่เขากลัวว่านางจะเสียมารยาทตอนอยู่ในตำหนักและก่อให้เกิดอันตรายต่อจวนอ๋องและท่านแม่ของเขา
ทังหยางเงียบไปชั่วขณะและกล่าวขึ้นว่า "ท่านอ๋อง ความจริงแล้วที่โบยไปสามสิบทีนั้นออกจะร้ายแรงไปสักหน่อย"
ชายหนุ่มธรรมดาๆ หากถูกโบยสามสิบไม้ก็ต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะลุกไหว
หากเป็นสาวใช้ที่อ่อนแอสักหน่อย เกรงว่าอาจเสียชีวิตได้
ท่านอ๋องคงเกลียดนางหยวนจริงๆ
อวี่เหวินฮ่าวกล่าวอย่างเย็นชา "สิ่งที่นางทำลงไป แม้จะเอาชีวิตนางก็คงไม่เกินไปนัก"
หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้ท่านแม่ของเขาพลอยติดร่างแหไปด้วยและจะทำให้ราชวงศ์เสียหาย เขาก็คงจะหย่ากับหยวนชิงหลิงไปเสียตั้งนานแล้ว
ฉีมามารวบรวมความกล้าขึ้นมาและพูดว่า "ท่านอ๋อง ข้ารู้สึกราวกับว่าพระชายาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน"
อวี่เหวินฮ่าวเงยหน้าขึ้นมองฉีมามา ในใจมีเสียงกระตุกวาบ "อย่างไรหรือ?"
ฉีมามากล่าวว่า "แต่ก่อนพระชายาเป็นคนโหดร้าย ชอบกดขี่ข่มเหงคนอื่นมาโดยตลอด แต่วันนั้นที่นางช่วยหั่วเกอไว้ ท่าทางของนาง วิธีพูดจาของนาง… นางแม้กระทั่งกล่าวขอโทษข้า เรื่องเช่นนี้ข้าก็ไม่เคยแม้แต่
จะกล้าคิดเลย"
คำพูดของฉีมามายืนยันการคาดเดาในใจของอวี่เหวินฮ่าว
เมื่อนึกถึงตอนก่อนเข้าวัง นางเอาหัวโขกเขาและพูดลอดไรฟันออกมา "ท่านทำอะไรอย่าให้เกินไปนัก ทำไมจึงต้องกลั่นแกล้งข้าขนาดนี้ด้วย"
นางไม่เคยพูดแบบนี้มาก่อนเพราะนางรู้ว่านางทำผิด ดังนั้นเมื่ออยู่ในจวนจึงกล้าที่จะกดขี่เพียงเหล่าข้ารับใช้เท่านั้น นางไม่เคยกล้าบังอาจต่อหน้าเขา
แต่เมื่อนางพูดเช่นนี้ในวันนี้ ดูราวกับว่านางจะเป็นผู้ได้รับความอยุติธรรมมาก
และการต่อต้านของนางที่ตำหนักข้างนั่นอีก…
ในสมองของเขามีใบหน้าที่เย็นชาแต่แน่วแน่ของนางปรากฏขึ้น สะท้อนสิ่งที่พูดในตำหนักด้านข้างอีกครั้ง
เขาต้องรู้ให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ภายในตำหนักหมิงเฟิ่งของฮองเฮา
หลังจากที่ฉีอ๋องเข้ามาถวายพระพรแล้ว ก็ไปเยี่ยมองค์ชายแปดอวี่เหวินลู่ผู้เป็นน้องชายของเขาโดยปล่อยให้ฉู่หมิงฉุ่ยอยู่คุยกับฮองเฮาในตำหนัก
ฉู่หมิงฉุ่ยเป็นหลานสาวของฮองเฮา เมื่อฉีอ๋องไปแล้ว ฉู่หมิงฉุ่ยก็สั่งให้ทุกคนที่อยู่ภายในตำหนักออกไป
เมื่อเห็นนางทำเช่นนี้ ฮองเฮาก็รู้ทันทีว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น นางยืดตัวตรงและถามว่า "มีอะไรหรือ?"
"ท่านอา หยวนชิงหลิงถูกอดีตจักรพรรดิเก็บไว้ที่วังเฉียนคุนคอยดูแลอาการป่วย เรื่องนี้ท่านรู้ใช่ไหมเพคะ?"
เมื่อครู่ฮองเฮากลับมาก่อน ดังนั้นนางจึงไม่รู้เรื่องนี้ เมื่อฉู่หมิงฉุ่ยพูดถึงเรื่องนี้ นางก็ข้องใจเล็กน้อย "ชายาของฉู่อ๋อง? อดีตจักรพรรดิให้นางดูแลอาการป่วยจริงหรือ?"
อย่างไรก็ตามนางโบกมือทันที "ดูแลอาการป่วยก็ดูแลไปสิ ข้าจะได้ไม่ต้องไปๆมาๆทั้งสองฝั่ง สองสามวันมานี้ข้าเหนื่อยจะแย่"
ฉู่หมิงฉุ่ยถอนหายใจ "ท่านอาเลอะเลือนไปแล้วหรือ เหตุใดไม่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ละเอียด?"
ฮองเฮายิ้ม "ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังกลัวอะไร แต่ไม่ต้องกังวลหรอก ไม่ว่าองค์ชายห้าจะทำอะไรก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้จักรพรรดิเกลียดเขาจะตาย"
ฉู่หมิงฉุ่ยส่ายหัวช้าๆ "ท่านอา อดีตจักรพรรดิตอนนี้ฟื้นขึ้นมาแล้ว ทุกอย่างก็จะแตกต่างออกไป"
ฮองเฮาตกใจ สีหน้าของนางค่อยๆเคร่งขรึมลง
แท้จริงแล้วในเรื่องการแต่งตั้งองค์รัชทายาทนั้น จักรพรรดิยังคงให้ความสำคัญกับความคิดขององค์อดีตจักรพรรดิมาก
และอดีตจักรพรรดิเดิมทีก็โปรดปรานองค์ชายห้า หากหยวนชิงหลิงใช้โอกาสดูแลเขาพูดอะไรบางอย่าง องค์ชายห้าก็ยังมีโอกาส
แต่ทว่า…
ฮองเฮาเลิกคิ้วขึ้น "ไม่ใช่ว่าองค์ชายห้ารังเกียจหยวนชิงหลิงมากหรือ?"
ฉู่หมิงฉุ่ยค่อยๆหัวเราะขึ้น "ใครก็ตามที่สามารถใช้ได้ แม้จะเกลียดแค่ไหนก็สามารถทนได้"
หัวใจของราชินีวูบลง นางกล่าวขึ้นทันที "ไทเฮาทำงานอย่างหนักเพื่อดูแลรักษาร่างกายขององค์อดีตจักรพรรดิ วันนี้นางก็เป็นลมไปหลายครั้ง พระชายาของฉีอ๋องควรไปดูแลรับใช้เสียหน่อยนางเพื่อแสดงถึงความกตัญญู"
ฉู่หมิงฉุ่ยยืนขึ้นย่อกายคำนับ "สะใภ้เข้าใจแล้วเพคะ"