ฟีนิกซ์นิพพาน-ตำนานหยวนชิงหลิง - ตอนที่ 70 มาเยี่ยมเยียน
หลังจากที่หมอหลวงดูอาการให้ฮูหยินผู้เฒ่าจนเสร็จแล้ว. จิ้งโหวจึงได้เชิญหมอหลวงและซวีอีไปดื่มชาที่ห้องรับรองก่อน แล้วจึงแอบเรียบๆเคียงๆถามซวีอีว่า "อาการท่านอ๋องเป็นเป็นเช่นไรบ้างหรือ ?"
"ท่านโหววางใจได้. อาการของท่านอ๋องดีขึ้นมาแล้ว "ซวีอียังคงความจริงจังไว้ เมื่ออกมาอยู่นอกจวน
"ถ้า" จิ้งโหวพลันหัวเราะออกมา "พระชายาได้ดูแลท่านอ๋องเป็นการส่วนตัวบ้างหรือไม่เล่า ? บุตรสาวของข้านั้น เมื่อยู่ภายในจวน มิได้ทำตัวนิสัยดีมากนัก เกรงว่า นางจะไปทำให้ท่านอ๋องไปพอใจเอาได้ ?"
"ท่านอ๋องมิเคยโกรธเคืองพระชายาเลยพะยะค่ะ " ซวีอีพลันลืมตาพูดเรื่องไร้สาระขึ้นมา แน่นอน ว่าอย่างไรเรื่องนี้ก็เป็นทังหยางที่กำชับมาอีกทีหนึ่ง ให้กล่าวกับจิ้งโหวว่าความสัมพันธ์ของพระชายาและท่านอ๋องล้วนแต่แน่นแฟ้น พระชายามิได้ลำบากอันใด
"จริงหรือ ? " จิ้งโหวมิค่อยเชื่อใจมากนัก หากแต่เมื่อได้ยินข้ารับใช้กล่าวว่า หยวนชิงหลิงพยุงท่านอ๋องเดินเข้าไปในตำหนัก ด้วยตาของตนเองนั้น อาจจะเป็นไปได้หรือไม่ว่า. หยวนชิงหลิงชนะใจท่านอ๋องได้แล้วจริงๆ?
ท่านหมอหลวงก็ยังเข้ามาช่วยสมทบอีกทีหนึ่ง เขาพลันกล่าวถอนหายใจออกมา "ความสัมพันธ์ของท่านอ๋องและพระชายานั้น สนิทสนมกันเป็นอย่างมาก ไม่กี่วันมานี้อาการบาดเจ็บของท่านอ๋อง. ก็มีพระชายาคอยดูแลอยู่ตลอดเวลา"
แน่นอน. ว่าท่านหมอหลวงไม่รู้ว่า หยวนชิงหลิงพยายามแอบเรียนทักษะการแพทย์ของเขาอยู่ เรื่องแพทย์แผนจีนนั้น หยวนชิงหลิงมิได้มีความรู้มากนัก แต่นางเชื่อมั่นในแพทย์แผนจีนเป็นอย่างมาก. เนื่องจากเป็นเพราะนางเคยคิดค้นและพัฒนายาที่มาจากสมุนไพรมานานมากแล้ว. นางยังได้ทดลองสกัดสารจากสมุนไพร เพื่อนำมารักษาโรคไข้มาลาเลียหรือโรคลูปัส. ชิงเฮาเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณรักษาโรคมาเลเรีย และยังมีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์คือชิงเฮาซู่ ซึ่ ไม่กี่วันที่ผ่านมานั้น นางจึงได้หาทางร่ำเรียนแพทย์แผนจีนมาจากหมอหลวง
จิ้งโหว เมื่อได้ยินหมอหลวงเฉาพูดออกมาเช่นนรี้ จึงเชื่อใจในทันที
ไม่ว่าทัศนคติของฉู่อ๋องที่เปลี่ยนไปต่อหยวนชิงหลิงจะเป็นเช่นไร ท้ายที่สุดล้วนแต่เป็นเรื่องที่ดีทั้งนั้น อีกทั้ง ในยามนี้ตระกูลฉู่ก็ยังโกรธเคืองตระกูลโหวแล้ว. ไม่มีทางที่จะฟื้นคืนความสัมพันธ์ไปได้อีก เหตุใดจักไม่ความหวังฉู่อ๋องกัน แม้ว่า ในยามนี้ฉู่อ๋องจะไม่เป็นที่โปรดปรานต่อองค์จักรพรรดิมานัก แต่ว่าผู้ที่สามารถช่วยที่ติดต่อให้ได้ ก็ยังอยู่. หากฉู่อ๋องยินดีช่วยละก็ เขาก็ยังคงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมไว้ได้ จิ้งโหวเดินไปส่งั้งหมอหลวงเฉาและซวีอี ด้วยสีหน้าที่เบอกบาน
ซวีอีเมื่อกลับไปถึงจวน ก็ได้เข้าไปรายงานให้กับอวี่เหวินฮ่าว กล่าวว่าจิ้งโหวดีใจยิ่งนัก ช่วงนี้คงไม่นำเรื่องอันใดมาให้พระชายาปวดหัวเป็นแน่ อวี่เหวินฮ่าวมองไปที่หยวนชิงหลิงด้วยสายตาวางมาดว่า "มิต้องขอบใจเปิ่นหวางหรอก"
หยวนชิงหลิงพลันขบริมฝีปากไปมา. พร้อมกับลุกขึ้น หันกายเดินออกไป
เมื่ออวี่เหวินฮ่าวได้รับชัยชนะเล็กๆน้อยๆนั้น พลันยิ้มออกในทันใด เขารับรู้ได้ในยามนี้ว่า จิ้งโหวเป็นเพียงบุรุษที่หน้าด้านผู้หนึ่งเท่านั้น
เมื่อไม่กี่วัน จิ้งโหวยังต้องการกรนด่าหยวนชิงหลิงเสียมากมาย. ในวันนี้ พลันสั่งให้ฮูหยินรองส่งของขวัญมาเยี่ยมเยียนถึงหน้าประตูเชียว. เพียงกล่าวว่ามาเยี่ยมเยียนท่านอ๋อง ตระกูลโหวไม่กี่วันก่อนยังไม่กล้ามาเยี่ยมเยียนฉู่อ๋องอยู่เลย. เมื่อรับรู้ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้นจากหมอหลวงเฉาและซวีอี จึงรีบมาทันที อีกด้านหนึ่ง คงมาเพื่อพิสูจน์ให้เห็นกับตาว่าคำพูดของท่านหมอหลวงเฉาและซวีอีเป็นความจริงหรือไม่. ด้านที่สองคือ ถือโอกาส เข้ามาประจบประแจงเอาความดีงาม
จิ้งโหวมิได้มาด้วยตนเอง. แม้แต่ฮูหยินจวนจิ้งโหว เช่นหวางซื่อก็มิได้มา พวกเขายังมีความหวังเล็กๆว่า อาจจะกลับไปหาตระกูลฉู่ได้ หาก จิ้งโหวมาเยี่ยมเยียนท่านอ๋องถึงหน้าประตูจวนแล้วไซร้ นั้นหมายความว่าเขาได้ละทิ้งจวนตระกูลฉู่ไปแล้ว
ฮูหยินรองพาสะใภ้คนโตของนางหลวนซื่อและหยวนชิงผิงติดตามมาด้วย พร้อมกับนำของขวัญที่เป็นหยูกยามากมาย. มิได้มีความล้ำค่าอันใดมามอบให้ สิ่งของที่พวกนางเตรียมมานั้น. ล้วนแต่เป็นยารักษาที่หาได้ตามร้านขายยาทั่วไป
เมื่อหยวนชิงหลิงพบกับพวกเขาที่หอเฟิ่งอี๋. เมื่อหลวนซื่อเดินเข้ามาในจวน. ก็กวาดตามองไปรอบๆ. แม้ว่าหอเฟิ่งอี๋จะมีความใหญ่โต ทว่า กลับตกแต่งด้วยข้าวของที่เรียบง่าย นางแบะปากเพียงเล็กน้อย. ดูอย่างไรก็รู้ว่า หยวนชิงผิงมิได้รับความโปรดปรานมากนัก
ฮูหยินรองพยายามพูดคุยกับหยวนชิงผิงด้วยความสนิทชิดเชื้อ "อาการบาดเจ็บของท่านอ๋องเป็นอย่างไรบ้างหรือเพคะ ? หม่อมฉันควรที่จะมาเยี่ยมเยียนให้เร็วกว่านี้ หากแต่ภายในจวนก็มีเพียงหม่อมฉันที่คอยดูแลทุกอย่าง. วันนี้จึงมีโอกาสได้เข้ามาเยี่ยมเยียนเสียที หวังว่าท่านอ๋องจะไม่ถือสา"
หยวนชิงหลิงนั้นมิได้สนใจท่าทีการประจบประแจงของฮูหยินรองมากนัก นางกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมยว่า "เขาอยากพบท่านหรือไม่อยากพบท่าน ข้าไม่สามารถรู้ได้ เหตุใดฮูหยินรองไม่ไปถามฉู่อ๋องเองเล่า ?"
ทางที่ดีควรเดินไปหาอวี่เหวินฮ่าวเสีย มิต้องมาหานางที่นี่
ฮูหยินรองรับรู้ได้ว่าหยวนชิงหลิงกำลังวางท่าอยู่ ทว่า นางก็มิได้กังวลอันใด หากนางกล้าวางท่าได้ นั้นหมายความว่า นางมีอำนาจมากพอแล้ว ผู้คนล้วนแต่เป็นเช่นนี้ เมื่อมีอำนาจย่อมเหลิงในอำนาจ
ฮูหยินรองพลันแสดงท่าทีที่อ่อนหวาน "จะเป็นการรบกวนท่านอ๋องไปหรือไม่ ? หากมิเป็นการรบกวนอันใด. พระชายาช่วยพาหม่อมฉันไปหน่อยได้หรือไม่เพคะ"
หยวนชิงหลิงพลันกล่าวออกมาว่า "ไม่จำเป็น เจ้าเดินไปหาท่านอ๋องที่หอเซียวเยว่เลยก็ได้ เขามักจะอยู่ที่นั้น "
หยวนซื่อได้ยินเช่นนั้น. พลันกล่าวออกมาด้วยท่าทีประหลาดใจว่า "ท่านอ๋องและพระชายามิได้นอนที่ห้องเดียวกันหรือเพคะ ? ทั้งที่เป็นสามีภรรยากันแล้ว อีกทั้งยังมิได้ตบแต่งพระชายารองอีก เหตุใดถึงแยกห้องกันไวถึงเพียงนี้?"
ด้วยคำพูดที่พยายามยั่วยุเช่นนี้. หยวนชิงหลิงทำทีเป็นไม่ได้ยินไปเท่านั้น หากแต่เป็นซีมามาที่อยู่ข้างกายพลันพูดขึ้นมาว่า "อาการบาดเจ็บของท่านอ๋องยังมิหายขาด กลัวว่า ยามที่พระชายานอนอยู่จะพลาดไปโดนแผลได้เพคะ ดังนั้น ท่านอ๋องจึงได้ย้ายไปพักรักษาตัวที่หอเซียวเยว่"
หลวนซื่อพลันมองไปที่ซีมามาด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง "เจ้าเป็นใครกัน ? เหตุใดข้าไม่คยเห็นเจ้ามาก่อน?"
"ซีมามา. เป็นข้ารับใช้ที่คอยอยู่ข้างกายไท่ซั่งหวง ไท่ซั่งหวงกลัวว่าข้าจะไม่มีข้ารับใช้ที่สนิทสนมไว้ข้างกาย จึงได้ให้นางมาคอยอยู่ข้างกายข้า" หยวนชิงหลิงกล่าวออกมาด้วยท่าทีเฉยเมย
เมื่อฮูหยินรองได้ยินเช่นนั้น จึงรีบร้อนลุกขึ้นยืนทำความเคารพซีมามาในทันใด "ที่แท้เป็นคนข้างกายของไท่ซั่งหวงนี้เอง. หม่อมฉันมีตาหามีแววไม่เพคะ จึงได้ทำการเสียมารายต่อหน้าท่านแล้ว"
"ฮูหยินรองอย่าได้มากพิธี. ข้าเป็ยนเพียงนู๋ปี๋ ที่คอยรับใช้เจ้านายเท่านั้น"
เจ้านายของนางคือพรtชายา หากพวกนางไม่เคารพต่อพระชายาแล้ว พวกนางจะมาปฏิบัติกับตนเองที่เป็นทาสทำไมกัน ?
คำอุปมานี้ ฮูหยินรองเข้าใจแต่โดยดี นางทำทีเป็นมิได้สนใจอันใด พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "มามาเป็นคนข้างกายของไท่ซั่งหวง เป็นนางกำนัลในพระราชวัง หม่อมฉันย่อมต้องให้ความเคารพท่าน"
ซีมามามิได้เอ่ยอันใดออกมา หากแต่รู้สึกไม่สบอารมณ์เล็กน้อย ท่าทางที่ใจร้อนเช่นนี้ มีความหมายว่าอย่างไรกัน ? หากเห็นว่าควรเคารพก็เคารพ มิได้มีประเด็นสำคัญอันใดงั้นหรือ?
หยวนชิงผิงจ้องมองมาที่หยวนชิงหลิงพร้อมถามว่า "พวกเขาพูดกันว่า ท่านอ๋องดีต่อเจ้าเปป็นอย่างมาก. เรื่องจริงหรือไม่ ?"
หยวนชิงผิงเป็นสตรีที่ตรงไปตรงมา อยากจะถามสิ่งใดก็แค่เอ่ยปากถาม ไม่รู้จักเล่ห์กลเลยแม้แต่น้อย
หยวนชิงหลิงเพียงยกถ้วยชาขึ้นมา "มิถือว่าดีมากนัก"
"เพราะเหตุใดกัน " หยวนชิงผิงพลันขมวดคิ้วลง "เหตุใดเขาถึงไม่ดีต่อเจ้า?"
หยวนชิงหลิงมิรู้ว่าน้องสาวผู้นี้ต้องการจะเอ่ยถามถามสารทุกข์สุขดิบหรือว่าเยาะเย่อยนางกัน หากแต่ในความทรงจำของนางแล้ว นางมิได้มีความรู้สึกอันใดต่อน้องสาวผู้นี้
หลวนซื่อดึงมือหยวนชิงผิงเล็กน้อย พร้อมเอ่ยวาจาเยาะเย้ยว่า "เด็กดี เจ้าไม่ควรถามเช่นนี้ มันจะทำให้พี่สาวเจ้าอับอายเอาได้เพราะ ไม่รู้จะตอบเจ้าว่าอันใด"
หยวนชิงผิง พลันสะบัดมือออกมา พร้อมพูดด้วยท่าทีที่โกรธเคืองว่า "บุรุษในโลกทุกคน ล้วนแต่เป็นสุนัข. ฉู่อ๋องผู้นี้ ต้องมิใช่คนดีอย่างแน่นอน"
หยวนชิงหลิงเริ่มที่จะชอบน้องสาวของนางขึ้นมาบ้างแล้ว ด้วยความคิดเห็นที่ตรงกัน. โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายนั่น
"ข้าอยากอยู่ที่นี่สักสองสามวัน ท่านจะจัดการให้ข้าได้หรือไม่ ?" หยวนชิงผิงพลันเอ่ยถามนางขึ้นมา
หยวนชิงหลิงพยักหน้าเล็กน้อย "เจ้าอยู่ในตำหนักของข้า ข้าดุแลย่อมได้ มิจำเป็นต้องไปถามผู้ใด"
ฮูหยินรองพลันพูดขึ้นมาอีกครั้งว่า "มิรู้ว่าจะสามารถเข้าเยี่ยมท่านอ๋องได้หรือไม่ ?"
"ไปสิ " หยวนชิงหลิงพลันกล่าวขึ้นมา
ฮูหยินรองจึงรู้สึกอับอายเล็กน้อย "เช่นนั้น พระชายาจะไม่ไปด้วยกันหรือเพคะ ?"
"ข้าไม่ไปหรอก!" หยวนชิงหลิงพลันกวาดสายตาไปรอบๆห้อง "ข้ามีเรื่องที่ต้องจัดการอีกมา"
"พระชายามีเรื่องอันใดให้จัดการกัน ? หม่อมฉันได้ยินมาว่า เรื่องราวภายในจวนฉู่อ๋องล้วนแต่เป็นองครักษ์ทังวหยางเป็นผู้จัดการ มีจำเป็นต้องให้พระชายามาลงแรงเสียหน่อย เกรงว่า ท่านอ๋องคงจะมิอยากเห็นหน้าพระชายากระมัง เช่นนั้น. พระชายาจึงมิกล้าไปหาท่านอ๋อง" เป็นหลวนซื่อที่กล่าวออกมา
หยวนชิงหลิงมิได้ตอบกลับอันใด พลันเห็นด้านนอกมีเงาของคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา
"ท่านอ๋องเสด็จ!"
เสียงของซวีอีพลันดังเข้ามาในห้องทันที
ผู้คนที่อยู่ภายในห้อง พลันชะงักไปครู่หนึ่ง. เป็นฮูหยินรองที่ได้สติกว่าใคร จึงรีบลุกขึ้นยืน พร้อมกับจ้องมองไปที่ประตูเรือนด้วยรอยยิ้ม