ฟีนิกซ์นิพพาน-ตำนานหยวนชิงหลิง - ตอนที่ 34 เจ้าได้คิดถึงผลที่ตามมาหรือไม่
"หันมา!" เขากล่าวด้วยเสียงเบาๆ
หยวนชิงหลิงวางคางลงบนเตียง ยิ้มแต่มีน้ำตา "ยินดีต้อนรับสู่การรอดจากความตาย"
"เจ้าปรารถนาให้ข้าตายใช่หรือไม่?" อวี่เหวินฮ่าวมองเห็นความยินดีบนใบหน้านาง มีรอยฟกช้ำที่หน้าผาก ตาบวมเหมือนลูกพีช น้ำตาชะล้างใบหน้าที่สกปรกอยู่แล้วเล็กน้อย จนปัดเอารอยครายน้ำตายาวๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
ไม่คาดคิดจริงๆ ว่าสองสามวันก่อน พวกเขายังคงเข้ากันไม่ได้ดั่งน้ำกับไฟ
"ใช่ ข้าอยากให้เจ้าตายจริงๆ" หยวนชิงหลิงปาดน้ำตา แสดงความไร้เดียงสาออกมาเล็กน้อย "แต่ว่า ไม่ใช่ตายต่อหน้าข้า ข้าเป็นหมอ หากว่ามีคนเสียชีวิตต่อหน้าข้า เป็นเช่นนั้นเป็นความประมาทในอาชีพของข้า"
อวี่เหวินฮ่าวมองดูนางแล้วอมยิ้ม
กู้ซือมองดูอยู่ข้างๆ แล้วยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ เจากนั้นก็มองหยวนชิงหลินด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน
อันที่จริงแล้วพระชายาท่านนี้ก็มิได้น่ารำคาญขนาดนั้น
อวี่เหวินฮ่าวปรับลมหายใจ ยาเม็ดจื่อจินกำลังออกฤทธิ์ เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาค่อยๆ กลับมามีพลังขึ้นเรื่อยๆ
เขามองไปที่กู้ซือ "ไท่ซั่งหวงต้องพิษกระไรหรือ?"
กู้ซือก้าวเข้าไปและพูดว่า "อันที่จริงแล้วข้าไม่ทราบเช่นกัน รู้เพียงว่าเมื่อคืนนี้จู่ๆ ไท่ซั่งหวงก็อาเจียนเป็นเลือดและหมดสติไป หมอหลวงวินิจฉัยว่าถูกวางยาพิษ"
อวี่เหวินฮ่าวมองไปที่หยวนชิงหลิง "ยาที่เจ้าให้ไท่ซั่งหวงกิน อาจทำให้อาเจียนเป็นเลือดและหมอสติหรือไม่?"
หยวนชิงหลิงกล่าวว่า "เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน"
"เช่นนั้นก็รอให้เสด็จพ่อสอบสวน มันต้องได้ผลสรุปออกมาอย่างแน่นอน" อวี่เหวินฮ่าวกล่าว
"ข้าอยากวิงวอนฝ่าบาท ให้พระองค์ทรงอนุญาตให้ข้าเข้าพบไท่ซั่งหวง" หยวนชิงหลิงกล่าว
กู้ซือส่ายหัว "พระชายาใช้เย็นก่อนขอรับ ฝ่าบาททรงมีแผนการอยู่แล้วขอรับ คาดว่ารุ่ยชิงอ๋องก็คงจะช่วยท่านเช่นกันขอรับ"
จิ้งโหวที่ยืนรออยู่ด้านนอกได้ด่าว่าหยวนชิงหลิงลูกสาวของเขาเป็นร้อยครั้งในใจแล้ว เขาพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อทำให้นางได้แต่งเข้าจวนท่านอ๋อง แต่ไม่คาดคิดว่าเรื่องดีๆ ไม่เกิดขึ้นกับเขาเลย และเขาพบเจอแต่เรื่องแย่ๆ
เขาเดาว่าหยวนชิงหลิงต้องทำเรื่องกระไรผิดอย่างแน่นอน จึงทำให้ฝ่าบาททรงพิโรธอย่างมาก มิเช่นนั้นพระองค์ก็คงไม่สั่งให้ตนเข้าเฝ้าแต่เช้าหรอก อีกทั้งยังปล่อยให้เขารออยู่หนึ่งชั่วโมงเต็ม
ในที่สุดมู่หยูกงกงก็ออกมาและพูดว่า "จิ้งโหว ฝ่าบาทสั่งให้เข้าเฝ้า"
จิ้งโหวขาอ่อนแรงทันที และเกือบจะคุกเข่าลงกับที่
เขาเดินเข้าไปอย่างสั่นสะท้าน คุกเข่าลง จิ้งโหวแทบจะแนบหน้าผากและหน้าติดกับพื้นอยู่แล้ว "กระหม่อมหยวนปาหลงถวายบังคมต่อฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!"
"เจ้าหยวนชิงมิต้องมากพิธีรีตองหรอก!" จักรพรรดิหมิงหยวนตี้กล่าว
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่อ่อนโยนของฝ่าบาท จิ้งโหวก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก เขาค่อยๆ ยืนขึ้น ยืนอยู่ข้างๆ เพื่อรอคำสั่งของฝ่าบาท
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้ยิ้มและกล่าวว่า "เจิ้นตามเจ้าเข้าวังมิได้มีเรื่องกระไรหรอก เพียงแค่ถามไถ่เล็กน้อยก็เท่านั้นเอง ทุกอย่างให้จวนสบายดีใช่หรือไม่?"
ใจของหยวนปาหลงตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนี้ไท่ซั่งหวงทรงประชวรอย่างหนัก งานราชกิจก็ยุ่งอย่างมาก แต่พระองค์กลับมีเวลาว่าตามเข้าวังเพียงเพื่อถามว่าทุกคนสบายดีหรือไม่อย่างนั้นหรือ?
เกรงว่าจะมีเจตนาอื่น
ต้องเป็นเพราะลูกสาวที่ดื้อรั้นนั้นแน่ๆ ไม่รู้ว่านางสร้างปัญหากระไรขึ้นมาอีก
เขาเม้มริมฝีปาก " เรียนฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ครอบครัวกระหม่อมสบายดีพ่ะย่ะค่ะ"
"เช่นนั้นย่อมดี กลับไปเถอะ"
จิ้งโหวมึนงงอย่างมาก
เมื่อเขาออกจากห้องทรงพระอักษรก็ได้สืบหา เขาจ่ายเงินไปหนึ่งตำลึงจึงได้ทราบว่าวันนี้หยวนชิงหลิงถูกเรียกเข้าพบแต่เช้า และไม่มีข่าวใดๆ เลย
เขาโกรธเคืองอย่างมาก นางสร้างปัญหาเอาไว้จริงด้วย!
เมื่อกลับไปถึงจวน เขากล่าวด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองฮูหยินของตนว่า " ดูลูกสาวที่เจ้าสอนมา เราใช้พลังทั้งหมอของตระกูลเพื่อทำให้นางได้ตำแหน่งพระชายา แต่ดูนางตอบแทนกระไรให้กับตระกูลเราบ้าง? วันนี้ฝ่าบาททรงอารมณ์ดี จึงมิได้ถือความผิดข้า มิเช่นนั้นตำแหน่งของข้าก็คงต้องเสียไปแล้ว"
หยวนฮูหยินเป็นคนที่ไม่มีความคิดของตนเอง เมื่อได้ยินสามีด่าว่าลูกสาว นางก็รู้สึกโกรธแค้นเล็กน้อย "ต่อไปก็ปล่อยให้นางเอาชีวิตรอดด้วยตนเองเถิด เรามิต้องสนใจนางหรอก"
"ยังจะสนใจอีกหรือ? ต่อไปหากนางกลับมาขอเงินที่จวน ห้ามให้นางเด็ดขาด" เมื่อนึกถึงเงินที่ให้นางเอาไปใช้จ่ายกับกรมทหาร แต่เงินเหล่านั้นกลับหายไปและมิได้ผลประโยชน์กระไรกลับมาเขาก็รู้สึกเจ็บใจอย่างมาก
หยวนฮูหยินตอบซ้ำๆ ว่า "ข้าทราบแล้ว"
จิ้งโหวจาไปหนึ่งแก้ว และครุ่นคิดในใจ หยวนชิงหลิงมิได้รับความโปรดปรานของฉู่อ๋อง ฉะนั้นแม้จะครองตำแหน่งพระชายาก็ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ หรอก ดูเหมือนว่าเขาจะต้องหาผู้สนับสนุนอื่นๆ แล้วล่ะ
เขารับตำแหน่งรองเจ้ากรมของกรมทหารมานาน เขาเห็นเจ้ากรมทหารเปลี่ยนไปสามคนแล้ว แต่ก็ยังไม่มีโอกาสที่ตนจะได้เลื่อนขึ้นสักที เขารอต่อไปมิได้แล้ว
ฝั่งตระกูลฉู่มีการเคลื่อนไหวเล็กน้อยแล้ว ขุนนางไม่น้อยก็เข้าประจบตระกูลฉู่มากขึ้น โอกาสที่ฉีอ๋องจะได้รับแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาทนั้นสูงมาก หากว่าจะเข้าทางตระกูลฉู่ ใช้เงินเล็กน้อยอาจจะทำได้
"ตอนนี้เรามีเงินทั้งหมดเท่าไหร่" เมื่อคิดได้เขาก็ถามฮูหยิน
"ประมาณสองหมื่นตำลึง" หยวนฮูหยินกล่าว
"เจ้าเอาเงินสามพันตำลึงมาให้ข้า ข้าจะไปที่ตระกูลฉู่"
หยวนฮูหยินตกตะลึง "ตระกูลฉู่? ข้าเกรงว่าไม่เหมาะสมกระมั้ง ไม่ว่าอย่างไรแล้วบุตรสาวคนโตของตระกูลฉู่ ฉู่หมิงฉุ่ยเดิมจะอภิเษกสมรสกับฉู่อ๋อง แต่หลิงเอ๋อร์ถูกทำลายโอกาสนั้นไป ตระกูลฉู่คงจะเกลียดเรามาก แล้วจะสนใจเราได้อย่างไร?"
หยวนฮูหยินยังไม่ลืมแววตาที่ดูถูกของฉู่ฮูหยินที่มองนาง
เจ้าเป็นหญิงจะไปรู้กระไร? ข้าบอกให้เตรียมก็ไปเตรียมเสีย" รู้จิ้งโหวกล่าวด้วยความโกรธเคือง
หยวนฮูหยินมิไม่กล้าออกเสียงกล่าวกระไรอีก นางไปที่ห้องการเงินด้วยตนเองและถอนเงินออกมาให้จิ้งโหว
นายท่านคนปัจจุบันของตระกูลฉู่ เป็นโสวฝู่ของพระราชวัง อีกทั้งยังเป็นพ่อตาของจักรพรรดิหมิงหยวนตี้
เจ้ากรมทหารในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนของเขา
จิ้งโหวเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว หากว่าเขาอยากดำรงตำแหน่งเจ้ากรมกรมทหาร อย่างแรกเขาต้องเป็นเพื่อนกับตระกูลฉู่ก่อน
เขาถือตั๋วเงินสามพันตำลึงไว้พร้อมของขวัญ จากนั้นก็ขี่ม้าตรงไปที่หน้าประตูตระกูลฉู่
วันนี้จวนฉู่มีชีวิตชีวาอย่างมาก มีรถม้าจอดอยู่ด้านนอกหลายคัน เขาสืบถามไปครู่หนึ่งจึงทราบว่า วันนี้เป็นวันที่พระชายาฉีอ๋องกลับบ้านไปเยี่ยมมารดาและบิดา
เขาดีใจอย่างมาก พระชายาฉีอ๋องอยู่ที่นี่ดี เช่นนั้นตนก็ขออภัยเรื่องที่เกิดขึ้นก่อน ได้ข่าวว่าคุณหญิงท่านนี้เป็นคนที่จิตใจดีและใจกว้าง หากว่าตนขอโทษไปแล้ว นางก็คงไม่โกรธเคืองตระกูลจิ้งโหวกระมั้ง
เขาส่งจดหมายของเข้าพบไป แต่ไม่คาดคิดว่าเมื่อคนเฝ้าประตูเข้าไปแจ้ง และออกมากล่าวต่อจิ้งโหวว่า วันนี้เป็นงานเลี้ยงของครอบครัว มิรับแขก จิ้งโหวรู้สึกอับอายและโกรธเคืองอย่างมาก เขาจึงต้องกลับไปอย่างน่าอับอาย
ในห้องหนังสือของจวนฉู่
ฉู่โสวฝู่ประทับบนก้าอี้หลัก ฉู่หมิงฉุ่ยจุดบุหรี่ให้เขา จากนั้นก็สั่งให้คนใช้ออกไป เหลือเพียงเขาสองคนพูดคุยอยู่ในหนังสือ
"ท่านปู่ จิ้งโหวมาขอเข้าพบยามนี้ ท่านคิดว่ามาเพื่อการใดหรือ?" ฉู่หมิงฉุ่ยนั่งลงและถาม
"จะมีเรื่องกระไรได้อีกล่ะ?" ฉู่โสวฝู่พ่นควันบุหรี่ออกมาและเหลือบมองฉู่หมิงฉุ่ย "มาเพราะเรื่องของพระชายาฉู่อ๋องกระมั้ง"
"หยวนชิงหลิง?" ฉู่หมิงฉุ่ยหัวเราะ "เกรงว่าไม่ว่าจะขอความช่วยเหลือจากใครก็คงไร้ประโยชน์ นางถูกสงสัยว่าวางยาพิษไท่ซั่งหวง แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานที่หนักแน่น แต่ฝ่าบาทก็คงไม่ปล่อยนางไปแน่"
ฉู่โสวฝู่เหลือบมองนางอย่างไม่พอใจ "เจ้านี่นะ ไม่ยอมฝังคำสั่งสอน ตอนนี้ไม่ว่าเจ้าจะทำใครขุ่นเคืองก็ไม่มีผลดีหรอก พระชายาฉู่อ๋องไม่เป็นภัยต่อเรา ฉู่อ๋องก็ไม่เป็นภัยต่อเราเช่นกัน แล้วเจ้าจะสร้างปัญหากับพวกเขาทำไม? หากว่าเกิดเรื่องกระไรขึ้นจนส่งผลเสียต่อฉีอ๋อง เช่นนั้นเสียมากกว่าได้"
ฉู่หมิงฉุ่ยกล่าวด้วยความสงบนิ่งว่า "ท่านปู่สามารถวางใจ เรื่องนี้ท่านป้าเป็นคนทูลต่อฝ่าบาทเอง ได้ยินมาว่าหยวนชิงหลิงก็รับสารภาพแล้วว่านางรักษาไท่ซั่งหวงเป็นการส่วนตัว นางหนีข้อกล่าวหานี้ไปมิได้แน่นอน"
ฉู่โสวฝู่เคาะบุหรี่บนโต๊ะและไอออกมา และยิ่งไม่พอใจมากขึ้นไปอีก "สิ่งที่ผิดที่สุดคือเจ้าทำคือปล่อยให้ท่านป้าเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าหากหยวนชิงหลิงรอดจากครั้งนี้ไปได้ หากว่าเรื่องที่ไท่ซั่งหวงถูกวางยาพิษไม่เกี่ยวกับนาง เช่นนั้นนางก็จะกลายเป็นวีรบุรุษที่ช่วยชีวิตไท่ซั่งหวงเอาไว้ แต่ฝ่าบาทก็จะสงสัยในตัวท่านป้าของจากเพราะเหตุการณ์นี้อีกด้วย"