ฟีนิกซ์นิพพาน-ตำนานหยวนชิงหลิง - ตอนที่ 208 กู้ซือทำร้ายคน
ท่านฮูหยินใหญ่และหยวนชิงผิงรับประทานอาหารเย็นแล้วจึงกลับ เดิมพวกนางจะรอจนอวี่เหวินฮ่าวกลับมาก่อน แต่ทว่าช่วงหลายวันมานี้เขายุ่งมาก รอไม่ไหว พวกเราจึงเริ่มรับประทานอาหารกันก่อน
ฟ้ามืดแล้ว ท่านฮูหยินใหญ่ไม่อยากค้างคืนที่จวนอ๋อง หยวนชิงหลิงจึงได้แต่ให้ซวีอีไปส่งพวกนางกลับ
หยวนชิงหลิงคิดว่าคืนนี้นางจะรออวี่เหวินฮ่าวกลับมา ก่อนหน้านี้หลายคืนก็สาบานว่าจะรอเขา แต่รอไปรอมาก็ผล็อยหลับไป ดังนั้นวันนี้นางพาตัวเป่าเข้าห้องเพื่อคุยเล่น เมื่อคุยไปจนถึงตอนสุดท้าย แม้แต่เรื่องที่ในเมืองหลวงมีสุนัขจรจัดกี่ตัวนางก็รู้แล้ว แต่นางก็ยังคงง่วงอยู่ดี
นางอดทนมาถึงยามจื่ออย่างยากลำบาก ซีมามามาเร่งให้นางนอนห้ารอบแล้ว “ควรนอนได้แล้วเพคะ เกรงว่าคืนนี้ท่านอ๋องก็คงไม่ได้กลับเร็วนัก”
หยวนชิงหลิงปีนขึ้นเตียงไปอย่างสะลึมสะลือ “ตกลง เช่นนั้นข้านอนรอก็แล้วกัน”
ซีมามายิ้มอย่างไม่สบอารมณ์ ที่จริงพระชายาง่วงจนแทบทนไม่ไหวแล้ว ตั้งแต่ยามไฮ่ก็เอาแต่พยักหน้าสัปหงก ตาปรือ แต่ก็ยังฝืนทนรอมาสองชั่วยาม
นางเดินเข้ามาห่มผ้าให้หยวนชิงหลิง เพิ่งหันไปดับไฟ อวี่เหวินฮ่าวก็เดินเข้ามาทำให้นางตกใจแทบแย่ “ท่านอ๋อง!”
หยวนชิงหลิงได้ยินเสียงก็ลืมตาขึ้นทันที เห็นเขากลับมาแล้วจริงๆ ด้วย แต่ว่าแขนเสื้อของเขาเปื้อนเปรอะไปด้วยคราบเลือด สีหน้าทั้งเศร้าสร้อยและหม่นหมอง
หยวนชิงหลิงหัวใจบีบแน่น นางรีบลงมาจากเตียง “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ? ท่านได้รับบาดเจ็บมาหรือ?”
อวี่เหวินฮ่าวกุมมือของนางไว้แล้วให้นางนั่งลงและตอบด้วยเสียงแหบแห้ง “ข้าไม่เป็นไร ไม่ใช่ข้า เป็นน้องแปด เกิดเรื่องขึ้นกับน้องแปด”
“น้องแปด?” หยวนชิงหลิงตกใจเล็กน้อย แล้วจึงนึกถึงองค์ชายแปดอวี่เหวินช่าง เขาเป็นโอรสที่กำเนิดจากฮองเฮา อายุน้อยกว่าฉีอ๋องหนึ่งปีจึงเป็นลำดับแปด “เขาเป็นอะไรไป?”
“กู้ซือทำร้ายเขา!” อวี่เหวินฮ่าวสีหน้าซีดขาว
“กู้ซือ?” หยวนชิงหลิงกล่าวออกมา “ไม่มีทาง!”
อวี่เหวินฮ่าวค่อยๆ นั่งลงช้า สายตาเต็มไปด้วยความสับสนและเจ็บปวด “แต่ว่าเขายอมรับแล้ว”
หยวนชิงหลิงตกใจมาก “ทำไม? ทำไมเขาต้องทำร้ายองค์ชายแปดด้วยเพคะ?”
อวี่เหวินฮ่าวส่ายศีรษะและกล่าวออกมาอย่างหนักใจ “เขาเพียงยอมรับว่าเขาทำร้ายน้องแปด แต่ไม่ได้บอกเหตุผล อย่างไรก็ไม่ยอมพูดเหตุผลออกมา”
หยวนชิงหลิงทรุดลงนั่ง กู้ซือ แม้บางครั้งกู้ซือจะทำตัวไร้เหตุผลไปบ้าง แต่เขาก็ไม่ถึงขั้นต้องทำเช่นนี้ เพียงแต่เขาได้ยอมรับออกมาแล้ว
“เรื่องเป็นมาอย่างไรกันแน่?” หยวนชิงหลิงถาม
อวี่เหวินฮ่าวมองนางแล้วนึกย้อนถึงเหตุการณ์ในวันนี้ สายตาของเขาเต็มไปหมดเมฆหมอกแห่งความทุกข์ “วันนี้ข้าเข้าวังไปเพื่อรายงานเรื่องเมืองถิงเจียง ตอนที่กลับออกมาก็พบหลี่กงกง เขาบอกว่าเสด็จแม่ของข้าร่างกายไม่ดีนัก เมื่อคืนเชิญหมอหลวงมา ข้าจึงคิดจะไปเยี่ยมนางเสียหน่อย เมื่อไปถึงตำหนักหมิงหัวก็ได้ยินเสียงร้องของน้องแปดเข้า พอข้าบุกเข้าไปก็เห็นกู้ซือถือดาบเปื้อนเลือดอยู่ในมือ น้องแปดนอนจมอยู่ในกองเลือด ขันที่คอยดูแลเขาก็เสียชีวิตหมดแล้ว ตอนที่ข้าอุ้มน้องแปดออกมา กู้ซือเห็นข้าก็ตามข้าไปโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว เมื่อเสด็จพ่อเสด็จมาถึง เขาก็กล่าวเพียงว่าเขาเป็นคนทำ”
“ตำหนักหมิงหัว? องค์ชายแปดไม่ได้อาศัยอยู่ที่ตำหนักหมิงหัวนี่เพคะ” หยวนชิงหลิงกล่าว
“ใช่ ตำหนักหมิงหัวไม่มีใครอยู่มานานแล้ว แต่เพราะน้องแปดชอบไปวาดภาพที่นั่น วันนี้ก็เกิดเรื่องตอนที่เขาไปวาดภาพเช่นกัน” อวี่เหวินฮ่าวถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ เรื่องต่างๆ ช่างประหลาดและน่าสงสัยยิ่งนัก
“ให้เขากินยาเม็ดจื่อจินเข้าไปแล้ว แต่ว่าจะอดทนผ่านไปได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้ หมอหลวงบอกว่าเขาบาดเจ็บหนักมาก ตอนที่ข้าออกมาจากวัง เขาก็อาเจียนเป็นเลือดด้วย” อวี่เหวินฮ่าวหนักใจ
“หยวนชิงหลิงจับมือเขาไว้ มือของเขาสั่นเล็กน้อย นางรู้ว่าเขาเห็นกู้ซือเปรียบดังพี่น้องมาโดยตลอด
“เรื่องนี้มีเงื่อนงำ ตอนนี้ใครเป็นผู้รับเรื่องไปสอบสวนต่อหรือเพคะ?” หยวนชิงหลิงถาม
“เสด็จพ่อมอบคดีนี้ให้ข้า ตอนนี้กู้ซือถูกคุมตัวไปขังไว้ที่กรมการพระนคร ข้ายังไม่รู้เลยว่าข้าจะไปถามเขาอย่างไร” อวี่เหวินฮ่าวสูดหายใจเข้าลึก
หยวนชิงหลิงถามต่อว่า อีกทั้งข้ายังจำได้ว่าดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่ได้แต่งงานด้วย?”
ตามหลักแล้ว องค์ชายที่อายุครบเกณฑ์จะไม่สามารถอาศัยอยู่ในวังต่อไปได้
อวี่เหวินฮ่าวตอบนางว่า “เสด็จพ่อมีพระราชโองการจะแต่งตั้งเขาขึ้นเป็นลู่อ๋องแล้ว เพียงแต่สมองของเขาไม่ค่อยดีนัก”
“สมองไม่ค่อยดี?”
“เขา…” อวี่เหวินฮ่าวไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี “เขาไม่ชอบพูดคุยกับใครมาตั้งแต่เด็ก เขาโดดเดี่ยวมาก อีกทั้งเขาก็ไม่รู้หนังสือ เพียงแต่ชอบวาดรูปเท่านั้น บางทีก็สามารถนั่งวาดรูปได้ทั้งวัน แต่เขาชอบข้ากับน้องเจ็ด ตามติดพวกข้ามาตั้งแต่ยังเด็ก วันนี้เมื่อเห็นเขาแทบไม่เหลือลมหายใจ ในใจข้าก็หวาดกลัวยิ่งนัก”
หยวนชิงหลิงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกคล้ายโรคออทิสติก โรคออทิสติกนั้นเป็นกลุ่มอาการบกพร่องทางปัญญา พวกเขามีโลกส่วนตัวของตนเอง ไอคิวของพวกเขาปกติดี บางรายอาจจะฉลาดกว่าคนทั่วไปด้วยซ้ำ เพียงแต่พวกเขามักจะขังตัวเองไว้ในโลกของตัวเอง
หยวนชิงหลิงจับมือเขาแน่นและปลอบเขาอย่างไร้เรี่ยวแรง “อย่ากังวลไปเลย เขาจะไม่เป็นอะไรไปหรอกเพคะ”
“เจ้าช่วยเขาได้หรือไม่?” อวี่เหวินฮ่าวมองนาง
หยวนชิงหลิงหยิบกล่องยาออกมา ในกล่องยานั้นมีเพียงยาบำรุงครรภ์เหล่านั้น นางส่ายหน้า “ขอโทษด้วย ข้าไม่มีวิธี”
อวี่เหวินฮ่าวเอามือลูบหน้าและถอนหายใจหนัก
เขายืนขึ้น “ข้าเพียงกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเท่านั้น ข้ายังต้องเข้าวังไปเฝ้าเขา”
“ข้าจะไปเป็นเพื่อนท่าน” หยวนชิงหลิงกล่าว
“ไม่ เจ้านอนเถอะ ไม่เป็นไรหรอก” อวี่เหวินฮ่าวกอดนางแน่น “เจ้าต้องรักษาตัวให้ดี จะเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด”
หยวนชิงหลิงขอบตาร้อนผ่าว “เข้าใจแล้ว”
อวี่เหวินฮ่าวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินเข้ามาก็เห็นหยวนชิงหลิงนั่งอยู่ใต้แสงเทียน นางยังไม่เข้านอน “เหตุใดจึงไม่นอน?”
หยวนชิงหลิงเงยหน้ามองเขา “เรื่องนี้มีเงื่อนงำ ท่านได้คิดหรือไม่ว่ากู้ซืออาจจะโดนใส่ร้าย”
“คิด ข้าได้สั่งให้คนตรวจสอบในวังอย่างละเอียด แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คือเขายอมรับออกมาเองว่าเขาเป็นคนทำร้ายน้องแปด” อวี่เหวินฮ่าวดึงนางให้ลุกขึ้นแล้วประคองนางไปที่เตียง “เจ้าวางใจเถอะ เรื่องนี้ข้าจะต้องสืบให้แจ่มแจ้ง ไม่เพียงเรื่องนี้เท่านั้นที่ต้องตรวจสอบ เรื่องเมืองถิงเจียงข้าก็จะไม่ยอมปล่อยไปเช่นกัน”
หยวนชิงหลิงมองเขา “ท่านคือว่าเรื่องนี้มีเป้าหมายมาที่ท่านงั้นหรือ?”
“ไม่แน่ว่าจะมุ่งเป้ามาที่ข้า แต่อย่างน้อยเมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้น ความสนใจของฝ่าบาทต้องถูกเบี่ยงเบนไปแน่และจะไม่ใส่ใจเรื่องเมืองถิงเจียงเท่าเดิม ในเวลาเช่นนี้อาจจะมีคนเล่นตุกติกได้”
“อืม เช่นนั้นท่านก็ไปเถอะ ระวังตัวด้วย” หยวนชิงหลิงกล่าว
อวี่เหวินฮ่าวจุมพิตลงที่หน้าผากของนางและเอ่ยอย่างนุ่มนวล “รู้แล้ว เจ้านอนเถอะ หลายวันจากนี้เจ้าอย่าได้รอข้าเลย”
“ตกลง” หยวนชิงหลิงนอนลงมองเงาร่างในชุดคลุมสีเข้มเดินออกจากประตูไป ลมพัดเข้ามาทำให้นางหนาวเล็กน้อย
หยวนชิงหลิงนอนไม่หลับ เมื่อรอเขาออกไปแล้วนางก็ลุกขึ้นมาอีกครั้ง
ซีมามาเดินเข้ามา “พระชายา ท่านจะอดนอนเช่นนี้ไม่ได้นะเพคะ ไม่ดีต่อร่างกาย อย่างไรเสียทุกเรื่องก็ต้องมีทางออก หากใต้เท้ากู้ไม่ได้ทำ ท่านอ๋องก็ต้องคืนความบริสุทธิ์ให้เขาได้แน่”
หยวนชิงหลิงถอนหายใจ “ข้ารู้สึกว่าองค์ชายแปดเป็นผู้เดียวที่รู้ความจริง หากเขาฟื้นขึ้นมาได้ เรื่องนี้ก็คงมีทางออก”
ในกล่องยาไม่มียาปรากฏขึ้นมีความเป็นไปได้เพียงสองอย่างเท่านั้น ประการแรกคือหมอลวงช่วยเขาได้ ส่วนอีกประการหนึ่งคือ… นางไม่กล้าคิดนัก คงจะเป็นเพราะไม่อาจช่วยกลับมาได้ ให้ยามาก็ไร้ประโยชน์
ซีมามากล่าวปลอบ “องค์ชายแปดต้องไม่เป็นไรแน่ ท่านอย่าได้คิดมากไปเลยเพคะ รีบเข้านอนเถอะ”
หยวนชิงหลิงจึงได้แต่นอนลงอีกครั้ง มิฉะนั้นมามาคงจะบ่นไม่หยุด นางความคิดสับสนวุ่นวาย ครุ่นคิดอยู่นานจึงค่อยๆ ผล็อยหลับไป
เพียงแต่หลับไปได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงซีมามาปลุกนาง “พระชายา ตื่นเถอะเพคะ มีคนมาจากในวังเพคะ”
หยวนชิงหลิงลืมตาอย่างสะลึมสะลือ เมื่อได้ยินว่ามีคนมาจากในวังก็ตกใจจนลุกขึ้นนั่งทันทีและจับมือมามาไว้ “หรือว่าองค์ชายแปด…”