ฟีนิกซ์นิพพาน-ตำนานหยวนชิงหลิง - ตอนที่ 8 ก่อนป่วยหนัก
หยวนชิงหลิงเงยหน้าขึ้นและสบกับดวงตาที่อ่อนโยนและห่วงใยของฉู่หมิงฉุ่ย
"เจ้าอยากนั่งพักสักหน่อยไหม?" ฉู่หมิงฉุ่ยถาม
หยวนชิงหลิงส่ายหัวและถอนมือออกโดยไม่รู้ตัว "ไม่ ขอบใจ"
ฉีอ๋องอวี่เหวินชิงดึงฉู่หมิงฉุ่ยกลับไป เขามองไปที่ใบหน้าของหยวนชิงหลิงอย่างไม่สบอารมณ์และพูดกับฉู่หมิงฉุ่ยว่า "คนเช่นนี้เจ้าจะไปยุ่งทำไม?"
ฉู่หมิงฉุ่ยถอยกลับไปยืนที่ด้านข้างของฉีอ๋องและเหลือบมองหยวนชิงหลิงอย่างแผ่วเบา ดูเหมือนประหลาดใจเล็กน้อย นางกระซิบ "ทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น"
"เจ้าเป็นคนจิตใจดี" ฉีอ๋องจับมือของฉู่หมิงฉุ่ย ยามทั้งสองยืนคู่กันแล้วดูราวกับเทพและเทพธิดาคู่หนึ่ง
จู่ๆหยวนชิงหลิงก็รู้สึกถึงความหนาวเย็นรอบตัวเธอ ความหนาวเย็นนี้ถูกส่งมาจากอวี่เหวินฮ่าวนั่นเอง
คนรักของเขายืนอยู่ข้างกายของชายอื่น จะไม่ทำให้เขาโกรธและเสียใจได้อย่างไร? หยวนชิงหลิงคิดเช่นนั้น
ภายในตำหนักมีเสียงร้องไห้ดังแว่วมา
ทุกคนตกใจและมองไปที่ประตูโดยพร้อมเพรียงกัน
ม่านม้วนขึ้น ขันทีผู้มีผมสีขาวราวหิมะเดินออกมา ดวงตาของเขาบวมแดง ใบหน้าของเขาก็อ้างว้าง เขากล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง "ฮ่องเต้มีคำสั่งให้พระสนมทุกท่าน องค์ชายและพระชายาเข้าเฝ้า"
คนผู้นี้คือหลี่กงกงที่คอยรับใช้อดีตจักรพรรดิมาสี่สิบห้าปี
สีหน้าของทุกคนเงียบงันและเจ็บปวด พวกเขาเดินตามหลี่กงกงเข้าไปในตำหนัก ฝีเท้าเบามาก ลมหายใจของพวกเขาต่างก็แทบจะหยุดนิ่ง
หยวนชิงหลิงเดินตามหลังอวี่เหวินฮ่าวพลางพยายามควบคุมอาการวิงเวียนศีรษะของนาง
ในตำหนักมีคนอยู่แล้วหลายคน
ไทเฮาและจักรพรรดิกำลังนั่งอยู่ข้างเตียง ฮองเฮาก็ยืนเฝ้าอยู่ด้านข้าง เหล่าพี่น้องของอดีตจักรพรรดิที่มีศักดิ์เป็นอ๋องต่างก็กลับมาที่ราชสำนักนานแล้ว เมื่อวานก็ได้เข้าวังมาเฝ้าอยู่ทั้งคืน
หมอหลวงเกือบทั้งหมดต่างก็ยืนเรียงแถวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
หยวนชิงหลิงแอบดูและเห็นเพียงม่านสีทองถูกม้วนขึ้น มีชายชราร่างท้วมนอนอยู่บนเตียงไม้จันทน์หลังใหญ่พร้อมหนุนหมอนสูง เขาอ้าปากเพื่อสูดหายใจ ปากของเขาราวกับหลุมดำและดวงตาก็ลึกโหล
เสียงร้องไห้ดังมาจากไทเฮา นางนั่งอยู่ข้างเตียงสวมชุดสีม่วงทำให้ยิ่งดูผอมบางมาก
นางเช็ดน้ำตาด้วยผ้าเช็ดหน้า แม้ว่านางจะพยายามกลั้นน้ำตาอย่างที่สุด แต่ก็ยังมีเสียงร้องไห้เล็ดลอดออกมา
เมื่อเห็นว่าทุกคนเข้ามาแล้ว นางก็เงยหน้าขึ้น น้ำตาเอ่อล้นออกมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้และสะอื้นไห้ "คุกเข่าลงส่งเสด็จปู่ของพวกเจ้า"
ทุกคนคุกเข่าลง หยวนชิงหลิงก็คุกเข่าลงเช่นกัน
สุนัขตัวน้อยแอบเข้ามาจากนอกตำหนัก ส่งเสียงเห่าโฮ่งๆ ปีนขึ้นไปบนเตียงของอดีตจักรพรรดิและไม่มีใครหยุดมัน
อดีตจักรพรรดิทรงเลี้ยงสุนัขตัวนี้ เห็นมันเป็นดังแก้วตาดวงใจและเขาจะมีความสุขเมื่อได้เห็นมัน หากสุนัขตัวน้อยหายไปสองสามวัน เขาก็จะกินข้าวไม่ลงไปสองสามวันเช่นกัน
เมื่ออดีตจักรพรรดิเห็นสุนัขตัวน้อย เดิมทีเขาที่กำลังหายใจอย่างยากลำบากก็กลอกตา เผยสีหน้ายินดีออกมา ยกมือขึ้นลูบสุนัขที่นอนอยู่ข้างเขา
สุนัขตัวน้อยส่งเสียงครางหงิงๆใส่เขา
ในตำหนักมีเพียงเสียงของสุนัขตัวน้อย
หยวนชิงหลิงราวกับถูกฟ้าฟาด นางตกตะลึงไปทั้งร่าง
นางเข้าใจความหมายของเสียงเห่าของสุนัขว่าลูกตัวน้อยนั้นกำลังคร่ำครวญถึงเจ้าของที่กำลังจะจากไป
นางมีความสามารถพิเศษเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด? นางเข้าใจภาษาสุนัข?
อดีตจักรพรรดิลูบลูกสุนัขตัวนั้นอย่างสั่นๆ จากนั้นก็ค่อยๆหันหน้าไปมองฮ่องเต้ แม้ว่าเขาจะพูดออกมาไม่ได้ แต่ดวงตาของเขาก็บ่งบอกถึงความรู้สึกผิด
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้เข้าใจความหมายของอดีตจักรพรรดิดีจึงรีบพูดว่า "เสด็จพ่อโปรดวางใจ ข้าจะปฏิบัติต่อฝูเป่าอย่างดี"
อดีตจักรพรรดิยิ้มอย่างพอใจมองไปที่สุนัขตัวน้อยฝูเป่าด้วยสายตาอ่อนโยน เขาหายใจสะดวกกว่าเมื่อครู่เล็กน้อย
ไทเฮาสะอื้นและพูดว่า "ท่านพี่ เหล่าหลานๆต่างก็อยู่ที่นี่ จะไม่ดูเสียหน่อยหรือ?"
อดีตจักรพรรดิกลอกตาของเขาและมองไปที่ศีรษะของเหล่าชายที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ปากของเขาสั่นและไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ เขาเพียงถอนหายใจเบาๆและดูเสียดายมาก
หยวนชิงหลิงรู้ว่าพวกเขาคุกเข่าอยู่ที่นี่เพื่อรอให้อดีตจักรพรรดิสิ้นลม ตอนที่พวกเขาเข้ามาในนี้อดีตจักรพรรดิดูราวกับจะเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความตายแล้ว เช่นนั้นเขาคงจะจากไปในไม่ช้า
แต่เมื่อมองไปที่เขาตอนนี้กลับดูไม่เหมือนตะเกียงน้ำมันที่กำลังจะหมด ยิ่งไปกว่านั้นการหายใจของเขายังแข็งแรงขึ้นมาก
อย่างไรก็ตามบางทีอาจเป็นเพราะยาที่เหล่าหมอหลวงใช้เพิ่งจะออกฤทธิ์
อดีตจักรพรรดิดูเหมือนจะเป็นโรคหัวใจและเคยต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคลมด้วย
ตอนนี้เมื่อเป็นแบบนี้ก็เกรงว่าคงจะเป็นอาการหัวใจล้มเหลว?
หัวใจล้มเหลว หายใจติดขัด… ในกล่องยาของนางมีโดปามีนอยู่
หยวนชิงหลิงคิดเรื่องไร้สาระในใจของนาง ความตกใจที่เกิดขึ้นจากการเข้าใจภาษาสุนัขยังไม่หมดไป นางก็กำลังเผชิญหน้ากับการทดสอบของชีวิตมนุษย์อีกครั้ง แต่แม้ว่านางจะเลอะเลือนเท่าใดก็รู้ว่าจะไม่มีใครเชื่อนางและยอมให้นางรักษาอดีตจักรพรรดิแน่
ดังนั้นความเป็นไปได้สุดท้ายก็คือนางต้องเฝ้าดูอดีตจักรพรรดิสูงสุดสิ้นพระชนม์ต่อหน้านาง
สำหรับคนเป็นแพทย์แล้ว นี่เป็นความลำบากใจอย่างยิ่ง
หลังจากคุกเข่าอยู่ประมาณสิบห้านาที ร่างกายของนางก็เริ่มโอนเอน ท่าคุกเข่าของนางนั้นอึดอัดและแปลกประหลาดเพราะร่างกายของนางชา นอกจากนี้ยังเป็นเพราะนางไม่ต้องการให้แผลโดนเสียดสีซึ่งจะทำให้การบาดเจ็บของนางแย่ลง
นางแอบมองอวี่เหวินฮ่าวที่อยู่ด้านข้าง เขาคุกเข่าตรง ใบหน้าด้านข้างของเขาโค้งเว้าได้รูป ทั้งคนถูกห่อหุ้มไปด้วยความเศร้าโศกซึ่งดูเหมือนจะไม่ได้เสแสร้ง หากกล่าวว่าไม่มีความรักในเหล่าราชนิกูลคงไม่ใช่ความจริง
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้และที่ปรึกษาแห่งสำนักหมอหลวงเดินออกไปพูดคุยกันด้านนอกม่าน
หยวนชิงหลิงสามารถได้ยินคำพูดสองสามคำอย่างคลุมเครือ จักรพรรดิหมิงหยวนตี้เห็นว่าสถานการณ์ของอดีตจักรพรรดิดีขึ้นแล้วและถามที่ปรึกษาว่าควรให้เขากินยาต่อไปอีกดีหรือไม่ แต่หมอหลวงที่ปรึกษาบอกว่านี่เป็นเพียงแสงเทียนสุดท้ายเท่านั้น คงอยู่ได้เพียงอีกหนึ่งชั่วยามเท่านั้น
เมื่อจักรพรรดิหมิงหยวนตี้เข้ามาอีกครั้งเขาสั่งให้คนทิ้งผ้าม่านสีทองและผ้าคลุมสีฟ้าด้านนอกและพูดด้วยเสียงทุ้มว่า "พวกเจ้าจงไปทำความเคารพอดีตองค์จักรพรรดิเถอะ"
ไทเฮาร้องไห้ออกมาอีกครั้ง นางดูโศรกเศร้าและหมดหนทาง ฮองเฮานั่งข้างนางจับมือของนางแน่น แต่ไทเฮามองไปที่คนบนเตียงซึ่งอยู่เคียงข้างนางมาเกือบตลอดชีวิต
ไทเฮาถูกเกลี้ยกล่อมให้ออกจากม่าน ฮ่องเต้ช่วยประคองให้นางนั่งลงและเมื่อนางนั่งลงนางก็แทบทรุด
คนแรกที่เข้าไปคือคู่สามีภรรยารุ่ยชินอ๋อง
รุ่ยชินอ๋องเป็นบุตรชายคนโตของอดีตจักรพรรดิและเป็นพี่น้องท้องเดียวกันกับจักรพรรดิหมิงหยวนตี้ซึ่งไทเฮาเป็นผู้ให้กำเนิด
ทั้งสองเข้าไปข้างใน โขกศีรษะเคารพและพูดสองสามคำกับอดีตจักรพรรดิและจากนั้นก็ถอยออกมา ยามออกมาดวงตาของพวกเขาเป็นสีแดง แต่พวกเขาก็พยายามอดทนไม่ร้องไห้
หลังจากนั้นเป่าลี่อ๋องและพระชายาก็พูดไม่กี่คำและออกมา ไม่มีอะไรมากไปกว่าการสร้างความมั่นใจให้กับอดีตจักรพรรดิ
หยวนชิงหลิงคิดคำนวณอย่างรวดเร็วในสมองว่าเวลาที่แต่ละคนจะเข้าไปคือประมาณสามนาที หากต้องการให้โดปามีนแก่เขา
ซึ่งมีภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรังโดยเพิ่มขนาดยาจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยห้านาที
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือตราบเท่าที่นางสามารถถ่วงเวลาได้ห้านาทีนางก็จะสามารถให้ยาเขาได้สำเร็จ
ช่วยหรือไม่ช่วย? ถ้านางช่วย นางจะต้องรับความเสี่ยงครั้งใหญ่หรือแม้กระทั่งต้องเอาชีวิตไปทิ้ง
แต่หากไม่ช่วย นั่นก็เป็นชีวิตหนึ่งเลยนะ
ปัญหานี้นางไม่ได้ต่อสู้กับมันนานนัก สำหรับหมอแล้ว นี่ไม่ใช่คำถามแบบมีตัวเลือก
ตอนนี้มีปัญหาหนักข้อหนึ่ง หากนางเข้าไปพร้อมอวี่เหวินฮ่าว เขาจะต้องเห็นนางให้ยาเขาแน่ หากเขาส่งเสียงดังหรือขัดขวางนาง ความพยายามทั้งหมดของนางก็จะสูญเปล่า
สะกดจิต? ยาชา?
การสะกดจิตคงเป็นไปไม่ได้ นางไม่เชี่ยวชาญในการสะกดจิตมากนักเพียงแต่รู้จักมันบ้างเท่านั้นเอง
ยาชา… มีอยู่ในกล่องยาหรือไม่?
นางก้มศีรษะลงหยิบกล่องยาออกมาจากแขนเสื้อและใช้แขนเสื้อที่กว้างนั้นบดบังสายตาคนอื่นและหามัน ล่างสุดมีเคตามีนขวดเล็กๆนอนอยู่อย่างเงียบเชียบ
ยาชา
หัวใจของนางสงบลงทันที