ฟีนิกซ์นิพพาน-ตำนานหยวนชิงหลิง - ตอนที่ 184 ไท่ซั่งหวงเสด็จแล้ว
อวี่เหวินฮ่าวก็ไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไร เขาไม่อาจแบกรับความเจ็บปวดแทนนางได้ คำพูดเอาอกเอาใจต่างๆนานานั้นล้วนไม่มีประโยชน์
ฉีมามารีบเดินเข้ามา สีหน้าของนางดูแปลกๆ "ท่านอ๋อง ไท่ซั่งหวงเสด็จมาเพคะ!"
อวี่เหวินฮ่าวตกใจ เขารีบเงยหน้าในทันที "ว่าอย่างไรนะ?"
"จริงๆนะเพคะ พระองค์ทรงประทับอยู่ด้านนอกแล้ว ซีมามากำลังรับเสด็จอยู่ด้านนอกเพคะ" ริมฝีปากของฉีมามาสั่นระรัวในขณะที่กล่าวรายงาน
โอ้ สวรรค์ ไท่ซั่งหวงไม่เสด็จออกนอกวังมานานเท่าไรแล้ว? แต่นี่ไท่ซั่งหวงถึงกับเสด็จมาเยี่ยมพระชายาเลยหรือนี่?
หยวนชิงหลิงหยุดร้องไห้ และหันไปมองหน้าอวี่เหวินฮ่าว
นี่มัน……เป็นไปได้อย่างไร? อีกอย่าง ช่างเป็นอะไรที่…..น่าตกใจยิ่งนัก! ไทเฮาเสด็จ ฮองเฮา หรือจะเป็นพระสนมเซียนเสด็จ ไม่มีทางเป็นไปได้ว่าไท่ซั่งหวงจะเสด็จ
"พระองค์แต่งกายเยี่ยงสามัญชนมาหรือ?" อวี่เหวินฮ่าวเอ่ยถาม
"เปล่าเพคะ พระองค์เสด็จมาพร้อมด้วยขบวนเสด็จอันสมพระเกียรติ"
อวี่เหวินฮ่าวพูดกับหยวนชิงหลิงว่า "ข้าจะออกไปดู" แล้วเขาก็เดินออกไปอย่างเร่งรีบ
เมื่อออกมาด้านนอกแล้ว ก็เห็นไท่ซั่งหวงกำลังเดินมาพร้อมกับฉางกงกง มีขบวนเสด็จอยู่เบื้องหลัง ขันทีและนางกำนัลจำนวนมากได้ตามเสด็จมาด้วย เสียงด้านนอกช่างอึกทึกครึกโครมยิ่งนัก
อวี่เหวินฮ่าวเดินเข้าไปคารวะ "ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ เสด็จปู่"
ไท่ซั่งหวงทรงสวมใส่ฉลองพระองค์สีดำลายมังกร สวมมงกุฎ โกนหนวดเคราเรียบร้อย พระพักตร์ดูสดชื่นแจ่มใส และยังทรงเดินเหินได้คล่องมากยิ่งขึ้น ดูไม่เหมือนคนที่ป่วยมาเป็นเวลานาน
"วันนี้ข้าว่าง ก็เลยออกมาเดินนอกวังเสียหน่อย เมื่อครู่ข้าก็ไปที่จวนน้องหกของเจ้ามา แล้วจึงถือโอกาสแวะมาที่จวนฉู่อ๋องของเจ้าด้วยเสียเลย" ไท่ซั่งหวงทอดพระเนตรไปรอบๆ "อืม จวนของเจ้าไม่เลวเลยนะ"
อวี่เหวินฮ่าวรู้สึกนับถือ แม้แต่ข้ออ้างในการเสด็จออกนอกวัง ชายชราก็คิดเตรียมเอาไว้เป็นอย่างดี ทำให้ผู้คนไม่รู้สึกว่าพระองค์ตั้งพระทัยมาเยี่ยมน้องหยวนโดยเฉพาะ อวี่เหวินฮ่าวรู้สึกอบอุ่นหัวใจยิ่งนัก
เขาประคองไท่ซั่งหวงเดินเข้าไปในโถงรับแขกอย่างช้าๆ ไท่ซั่งหวงได้เอ่ยขึ้นมาว่า "จริงสิ ข้าได้ยินมาว่าพระชายาฉู่อ๋องตั้งท้องแล้ว จริงหรือเปล่า?"
อวี่เหวินฮ่าวตอบ "กราบทูลเสด็จปู่ เป็นความจริงพ่ะย่ะค่ะ"
"สุขภาพเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?" ไท่ซั่งหวงนั่งลงแล้วมองหน้าอวี่เหวินฮ่าว
อวี่เหวินฮ่าวตอบด้วยสีหน้าเป็นกังวล "ไม่ค่อยสู้ดีพ่ะย่ะค่ะ อาเจียน เวียนศีรษะ ทานอะไรไม่ลง"
ไท่ซั่งหวงจึงเอ่ยขึ้นว่า "หนุ่มสาวสมัยนี้อดทนกันไม่ค่อยจะได้ ก็แค่ท้องเด็กคนเดียวเองนี่? เป็นนู่นเป็นนี่มากมายจริงเชียว ช่างอ่อนแอจริงๆ!"
อวี่เหวินฮ่าวเบ้ปาก "เสด็จปู่ยังไม่เคยทรงครรภ์ ทรงทราบได้อย่างไรว่านางอ่อนแอ? นางทุกข์ทรมานจริงๆนะพ่ะย่ะค่ะ"
ไท่ซั่งหวงยกมือขึ้นมาเป็นเชิงสัญลักษณ์ให้เขาหยุดพูด "คนไม่เคยกินเนื้อหมูจะไม่เคยเห็นหมูวิ่งบ้างเลยหรืออย่างไร? คนท้องน่ะ ในตอนนั้นข้าเคยเห็นมาตั้งมากมาย"
ชายชราในตอนนั้นนับว่าเก่งกาจไม่เบาเลย มีอยู่ปีหนึ่ง องค์ชาย 2 องค์ องค์หญิง 3 องค์ของเขาก็ได้ออกมาดูโลกภายในปีเดียวกัน แต่ว่า ตอนนั้นก็คือตอนนั้น หลังจากนั้นแล้ว ก็ไม่มีท่าทีใดเกิดขึ้นอีกเลย คงเป็นเพราะว่าภายใน 1 ปีนั้น เขาได้นำองค์ชายและองค์หญิงที่จะถือกำเนิดขึ้นมาภายในปีต่อๆมาไปคลอดภายในปีนั้นจนหมดแล้ว
แต่ว่า ไท่ซั่งหวงก็มีลูกชายตั้งมากมาย แต่มีเพียงจักรพรรดิหมิงหยวนตี้ที่มีองค์ชายน้อยถึง 9 องค์ ส่วนอ๋ององค์อื่นๆ จะให้กำเนิดทายาทสักกี่ครั้งก็ล้วนแต่เป็นองค์หญิงน้อย ไท่ซั่งหวงก็มิได้ว่ากระไร เพราะถึงอย่างไรก็มีจักรพรรดิหมิงหยวนตี้ที่มีองค์ชายน้อยถึง 9 องค์อยู่แล้วนี่นา? อวี่เหวินฮ่าวจะมีทายาทสืบทอดต่อไปได้หรือไม่ สองปีมานี้ ก็เริ่มจะร้อนใจขึ้นมาแล้ว
อ๋องเจ็ดป่วยกระเสาะกระแสะ อ๋องแปดตาบอด อ๋องเก้ายังไม่บรรลุนิติภาวะ ส่วนอ๋ององค์อื่นๆที่ได้อภิเษกไปแล้วล้วนยังไม่มีผู้ใดให้กำเนิดลูกชายได้เลย แม้ไท่ซั่งหวงจะไม่ปริปากบ่น แต่ในพระทัยของเขาก็กระวนกระวายยิ่งนัก ต่อหน้าพระพักตร์ของจักรพรรดิหมิงหยวนตี้ เขาจึงจะบ่นให้ฟังบ้างสัก 2-3 คำ
ชายชราร้อนใจ จักรพรรดิหมิงหยวนตี้ผู้ซึ่งเป็นลูกกตัญญูก็ย่อมร้อนใจไปด้วย นี่จึงเป็นที่มาของคำกล่าวที่ว่าหากอ๋องพระองค์ใดให้กำเนิดลูกชายได้ก่อนก็จะได้เป็นองค์รัชทายาทในทันที
อวี่เหวินฮ่าวไม่ได้พูดแทรก ด้วยเกรงว่าจะเสียมารยาท
"เอามานี่!" ชายชราหันไปสั่งฉางกงกง
ฉางกงกงหันไปหยิบกล่องเครื่องเสวยมาจากนางกำนัลที่ยืนอยู่ด้านหลัง เขาส่งมอบกล่องเครื่องเสวยให้กับซีมามา "นี่เป็นของที่ไท่ซั่งหวงพระราชทานให้กับพระชายา มามาโปรดนำไปถวายให้พระชายาเสวยด้วย"
ซีมามารับกล่องมาและเอ่ยเบาๆว่า "เกรงว่าจะเป็นการทำลายน้ำพระทัยของไท่ซั่งหวง ช่วงนี้ไม่ว่าพระชายาจะเสวยสิ่งใดก็อาเจียนออกมาน่ะสิเพคะ"
ฉางกงกงจึงพูดว่า "ท่านเพียงเอาไปถวายให้นางก็พอ ให้นางเสวยสักคำก็ถือว่าเป็นการน้อมรับน้ำพระทัยของไท่ซั่งหวงแล้ว"
ซีมามาจึงรับกล่องเครื่องเสวยมาและทำการคารวะ ก่อนจะเดินออกไป
ซีมามาถือกล่องเครื่องเสวยมาที่ห้องบรรทม หยวนชิงหลิงจึงเอ่ยถามว่า "ไท่ซั่งหวงเสด็จกลับไปหรือยัง?"
"ยังเลยเพคะ ยังประทับอยู่ด้านนอก พระองค์พระราชทานกล่องเครื่องเสวยมาให้พระชายา ไม่ต้องเสวยมากก็ได้เพคะ ขอแค่น้อมรับน้ำพระทัยของพระองค์เพียงเล็กน้อยก็พอแล้ว" ซีมามากล่าว
หยวนชิงหลิงทำหน้ากระอักกระอ่วน "แต่ข้าไม่อยากกินเลย"
ซีมามาเปิดกล่องเครื่องเสวย ข้างในกล่องคือของหวานสีขาว มีกลิ่นหอมหวน ดูเหมือนจะเป็นรสมะพร้าว
นางยกขึ้นมาและกล่าวว่า "ท่านแค่ลองชิมสักนิดก็พอแล้วเพคะ"
"เป็นของหวานหรือ? โอ้ สวรรค์ ข้ายิ่งรู้สึกไม่อยากกิน" หยวนชิงหลิงขมวดคิ้วจนหน้าผากย่นเหมือนผักดอง
ซีมามาหยิบช้อนขึ้นมา นางเอาช้อนจุ่มลงไปในของหวานแล้วจึงยกขึ้นมา "ท่านใช้ลิ้นแตะๆช้อนดูก็ได้เพคะ ถือว่าเสวยแล้วเหมือนกัน"
หยวนชิงหลิงหัวเราะ "นี่เป็นการตบตากันนี่นา?"
"ก็ถือว่าเสวยแล้วนะเพคะ ถือว่าไม่ทรงหักหาญน้ำใจของผู้เฒ่าผู้แก่" ซีมามายิ้ม
หยวนชิงหลิงลองใช้ลิ้นแตะๆช้อนดู นางอึ้งไปสักพัก แล้วเงยหน้ามามองซีมามา "นี่ไม่ใช่ของหวาน"
นางดันตัวเองให้ลุกขึ้นมานั่ง นางรับถ้วยมาและไม่ใช้ช้อน นางทานเข้าไป 1 คำ เพียงครู่เดียว ก็ทานไปถึงครึ่งถ้วย
ซีมามาเป็นห่วงยิ่งนัก กลัวว่าอีกหน่อยนางจะอาเจียน นางจึงรีบไปหยิบภาชนะรองรับมาเตรียมไว้
หยวนชิงหลิงสัมผัสหน้าอกของตัวเองและเรอเบาๆด้วยความอิ่ม จริงๆนางอยากจะทานอีก แต่จะทานจนอิ่มเกินไปไม่ได้ ความรู้สึกที่สุดแสนจะทรมานเวลาอาเจียนนั้น นางยังคงลืมไม่ลง
"ไม่อาเจียนหรือเพคะ?" ซีมามาวางภาชนะรองรับลง นางล้างมือ และลูบหลังให้หยวนชิงหลิง
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นมาว่า "อร่อยดีนะ ไม่รู้ว่าคืออะไร มีกลิ่นหอมของมะพร้าว ข้างในยังมีรังนก มีความหวานเล็กน้อย แต่ที่สำคัญคือความชุ่มคอและความหอมหวน อาการวิงเวียนของข้าได้ถูกกำจัดออกไปบ้างแล้ว"
ซีมามาน้ำตาแทบไหล 7-8 วันมานี้ นางทานอะไรก็อาเจียนออกมาจนหมด หยวนชิงหลิงดูซูบลงไปมาก
"ข้าจะออกไปพบไท่ซั่งหวงเสียหน่อย!" หยวนชิงหลิงกล่าว
"เสด็จไปไม่ได้นะเพคะ ท่านต้องนอนพัก" ซีมามากดไหล่ของนางเพื่อให้นางนอนลง
หยวนชิงหลิงจึงเอ่ยว่า "เจ้าไปเรียกเสลี่ยงมายกข้าออกไปที"
ซีมามาลังเลอยู่สักพัก หยวนชิงหลิงจึงจับแขนนางและออดอ้อน "ข้าอยากจะพูดคุยกับไท่ซั่งหวง"
นางรู้สึกอุดอู้มานานแล้ว เอาแต่นอนอยู่บนเตียงมาได้ตั้งหลายวัน ชีวิตนางช่างหดหู่ยิ่งนัก ได้ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ด้านนอกเสียบ้างก็คงจะไม่เลว
ซีมามาเห็นนางมาอ้อนวอน จึงจำใจพูดออกไปว่า "ก็ได้เพคะ"
นางออกไปสั่งคนให้เตรียมเสลี่ยงมา แล้วประคองหยวนชิงหลิงขึ้นเสลี่ยงอย่างระมัดระวัง นางกำชับกับบ่าวไพร่ "เดินระมัดระวังให้ดีล่ะ อย่าให้เร็วจนเกินไป ค่อยๆเดินไปกันนะ"
"ขอรับ!" บ่าวไพร่ 2 นายขานรับ
ไท่ซั่งหวงและอวี่เหวินฮ่าวกำลังพูดคุยกันอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ โดยที่ไท่ซั่งหวงกำลังถามไถ่อาการของหยวนชิงหลิง อวี่เหวินฮ่าวพูดอย่างระทมทุกข์ บอกว่าช่วงนี้น้องหยวนทรมานเกินกว่าจะบรรยายได้ ฉางกงกงที่ได้ฟังอยู่ด้วยก็ยังรู้สึกสงสารจับใจ
หยวนชิงหลิงถูกเสลี่ยงหามเข้ามาข้างใน ไท่ซั่งหวงประทับอยู่กลางห้องจึงมองเห็นมาตั้งแต่ไกลแล้ว เขาขมวดคิ้วและพูดว่า "นางออกมาทำไมกันล่ะน่ะ?"
หยวนชิงหลิงก็มองเห็นไท่ซั่งหวงนั่งวางท่ามาตั้งแต่ไกล ชายชราผู้นี้มาเยี่ยมนางถึงในจวน แต่ก็มิวายวางมาดอีกตามเคย?
อวี่เหวินฮ่าวรีบเดินเข้ามาหาแล้วอุ้มหยวนชิงหลิงขึ้นมา เพราะหมอหลวงเคยกำชับเอาไว้ว่าจะให้นางสัมผัสพื้นดินไม่ได ้ดังนั้น ไม่ว่าจะไปปลดทุกข์หรือไปอาบน้ำ ก็จะมีเขาคอยอุ้มนางไปเสมอ
หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าตนเองนั้นเป็นภาระ นางจึงทุบแขนของเขาเบาๆและพูดออกมาอย่างอารมณ์ไม่ค่อยดีว่า "ปล่อยหม่อมฉันให้เดินเองสัก 2 ก้าวจะเป็นไรไปล่ะเพคะ?"
"ไม่ได้ หมอหลวงบอกว่าเจ้ายังลงจากเตียงมาเดินเหินไม่ได้" อวี่เหวินฮ่าวกล่าว แล้วอุ้มนางมานั่งบนเก้าอี้ "เจ้านี่มันดื้อนัก อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ ตอนที่ข้าไม่ได้อยู่ในจวน เจ้าก็แอบลงมาเหยียบพื้น"
หยวนชิงหลิงจึงเอ่ยว่า "หากหม่อมฉันไม่ลงมาเดินเสียบ้าง เอวของหม่อมฉันก็จะใช้งานไม่ได้นะเพคะ"
นางตัดพ้อพลางมองไปที่ไท่ซั่งหวง "เสด็จปู่ ท่านว่าจริงหรือไม่เพคะ?"
ไท่ซั่งหวงทอดพระเนตรนาง แล้วจึงหันไปทางอวี่เหวินฮ่าวพร้อมกับขมวดคิ้วและตรัสว่า "ตอนที่เจ้าไม่อยู่จวนทำไมไม่รู้จักมัดนางเอาไว้กับเตียงล่ะ? หากมัดไว้แล้วยังไม่ได้การ ก็ทำไมไม่ลงโทษด้วยการตีนางเล่า?"
อวี่เหวินฮ่าวพยักหน้า แล้วหันไปขยิบตาให้หยวนชิงหลิง "พ่ะย่ะค่ะ หลานชายจะจำเอาไว้"
หยวนชิงหลิงมองไท่ซั่งหวงอย่างเหลืออด "คนตั้งท้องก็ไม่จำเป็นต้องเอาแต่นั่งสักหน่อย จะลงมาเดินบ้างในบางครั้งก็สามารถทำได้ หม่อมฉันรู้จักความพอดี หม่อมฉันเป็นหมอนะเพคะ"
ไท่ซั่งหวงจึงตรัสว่า "เป็นหมอที่รักษาคนอื่น แต่ไม่รู้จักรักษาตัวเอง เป็นอย่างไรล่ะ? กินของกินนั่นลงไปได้หรือเปล่า?"