หลังจากนั้นก็ถูกบังคับให้ดำเนินการตามขั้นตอนลงทะเบียนฮันเตอร์ต่อ
เจ้าหน้าที่ดูแลผ้าคลุมดำบอกให้ฉันสัมผัสรอยมือตรงหินสีฟ้าทรงสี่เหลี่ยม พอวางฝ่ามือลงบนหินสีฟ้าจู่ๆก็มีเส้นสีเขียวจำนวนมากปรากฏขึ้นบนหิน
เจ้าหน้าที่ดูแลใช้มือขวาสัมผัสลูกแก้วสีแดงที่อยู่ด้านซ้ายของหินพร้อมกับใช้ฝ่ามือซ้ายวางบนกระดาษ ตัวเลขและตัวอักษรค่อยๆปรากฏขึ้นบนกระดาษ
โฮ่ นี่มันการผสมผสานระหว่างเวทย์มนต์กับการประเมิน ใช้สกิลประเมินแปลงข้อมูลให้เป็นความคิดและใช้เวทย์มนต์คัดลอกความคิดนั้นลงในกระดาษ เป็นเทคนิคที่น่าสนใจเลยทีเดียว
ทั้งสองคนมองกระดาษและตัวแข็งทื่อจากนั้นก็เหลือบมองมาที่ฉันด้วยความสนใจ
“ก-โกหกน่า ค่าความแข็งแกร่ง12……”
มีอา เค้นเสียงออกมา ชั่วพริบตาความโกลาหลก็กระจายไปทั่วโถงกิลด์ทันที
ดูเหมือนสาเหตุจะมาจากค่าเฉลี่ยความแข็งแกร่งของฉันที่ประเมินได้สินะ ก็นะ บางทีก็มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเหมือนกัน ขั้นตอนก่อนหน้านี้ก็เป็นแค่สิ่งที่ควรได้รับการประเมินเท่านั้น
ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ ทำไมทุกคนถึงทำท่าทางเหมือนแปลกใจอยู่ล่ะ?
อ๊ะ—งั้นเองสินะ ให้ตายสิ กิฟท์ของฉันคือไร้ความสามารถที่สุดในโลก แถมยังเป็นมือใหม่แกะกล่องที่อยากจะเป็นฮันเตอร์ จะแปลกใจก็ช่วยไม่ได้ ก็เพราะค่าความแข็งแกร่งของฉันเทียบเท่าระดับมือใหม่ผมพึ่งขึ้นนั้น แต่เดิมผลประเมินมันควรจะออกมาเป็น0.1ยังไงล่ะ
ถ้างั้น ทำให้กลับไปเป็น0.1 แล้วให้ประเมินใหม่อีกรอบล่ะจะเป็นยังไง?
ไม่สิ ถ้าเป็นแบบนั้น มันก็ออกจะเลวร้ายไปหน่อย อย่างแย่เลยก็คือ มีความเป็นไปได้สูงว่าจะไม่ถูกยอมรับให้เป็นฮันเตอร์เลยก็ได้
นั่นสินะ เอาเป็นว่าทำให้กลับไปเหลือ1แทน แล้วให้ประเมินใหม่อีกรอบดูดีกว่า
“นั่นน่ะผิดพลาดนิดหน่อยนะ อันที่จริง ฉันติดตั้งไอเทมเสริมพลังอยู่น่ะ”
ฉันเอาแหวนหน้าตาธรรมดาออกจากไอเทมบ็อกและให้มันไปสวมที่นิ้วชี้ข้างซ้ายแล้วก็ถอดถุงมือข้างซ้ายออก จากนั้นก็ถอดแหวนวงนั้นออกต่อหน้าทุกคนในห้อง
“ขอลองอีกที”
ฉันสวมถุงมือกลับและขอประเมินอีกครั้ง
“ส-เสริมพลัง……”
แก้มของมีอากระตุก แถมคนในห้องก็เริ่มส่งเสียงเอะอะ เป็นอะไรไปเจ้าพวกนี้?
“ฉันก็ไม่ค่อยจะมีเวลาว่างด้วยสิ รีบหน่อยได้รึเปล่า”
“ข-เข้าใจแล้ว”
ชายผ้าคลุมดำที่ดูเหมือนจะเป็นนักประเมิน รีบเร่งประเมินอีกครั้งและเมื่อค่าพลังของฉันออกมาเป็น1ในที่สุดก็ยอมรับได้ซักที
จากนั้นก็กรอกข้อมูลที่จำเป็น รับฟังคำอธิบายง่ายๆสำหรับการเป็นฮันเตอร์ เอาเข้าจริงก็เป็นสิ่งที่รู้กันโดยทั่วไปอยู่แล้วล่ะ
ข้อมูลใหม่ก็น่าจะมีแค่ระบบคลาสล่ะมั้ง
ฮันเตอร์นั้น จะถูกแบ่งออกเป็นหกระดับ ได้แก่ E(มือใหม่) ,D(กลาง) ,C(ผู้มากประสบการณ์) ,B(มืออาชีพ) ,A(ผู้เชี่ยวชาญ) และ ,S(เหนือมนุษย์) แต่ละคลาสก็จะมีเกณฑ์การประเมินคะแนนที่แตกต่างกันออกไป
เช่น จำนวนอสูรที่ปราบได้ในแต่ละวัน จำนวนการเคลียร์ภารกิจ เป็นต้น แล้วก็ถ้าคะแนนประเมินเลยค่ามาตรฐานที่กำหนดทางกิลด์ก็จะพิจารณาให้เลื่อนขั้นได้ ยิ่งไปกว่านั้น การที่จะได้เลื่อนขั้นเป็นระดับCหรือสูงกว่าจำเป็นต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขเฉพาะโดยขึ้นอยู่กับแต่ละคลาสที่ทางกิลด์กำหนดให้
เอาเถอะ ก็ลองถามเกี่ยวกับไอ้เจ้าเงื่อนไขเฉพาะนั่นดูแล้วล่ะ แต่ก็ไม่ได้คำตอบเพราะมันเป็นความลับสุดยอด การรวบรวมข้อมูลเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวดสำหรับฮันเตอร์ คิดว่านี่ก็น่าจะเป็นหนึ่งในการทดสอบเลื่อนขั้นด้วยเหมือนกัน
ก็อย่างที่เห็น การเป็นฮันเตอร์ระดับสูงเป็นเรื่องที่ยากมากแต่เมื่อได้เป็นแล้วครั้งนึง ก็จะได้รับผลประโยชน์มากมาย
ให้เห็นเป็นรูปธรรมเลยก็ ได้รับส่วนลดร้านค้าและค่าพักโรงแรมในทุกประเทศที่เป็นประเทศสมาชิกของกิลด์ฮันเตอร์ รวมทั้งได้รับอนุญาตให้เข้าถึงสาธารณูปโภคต่างๆได้โดยมีเสียค่าใช้จ่าย ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่เปิดโรงฝึกศิลปะการต่อสู้ของตัวเองก็ยังทำได้ ยังไม่หมดเท่านั้น ยังมีช่องทางต่างๆสำหรับฮันเตอร์โดยเฉพาะ เช่น ภารกิจปราบปรามอสูรระดับพิเศษ การสำรวจซากปรักหักพัง การเข้าถึงทรัพยาการธรรมชาติ และดูเหมือนจะได้รับสิทธิประโยชน์ สิทธิพิเศษ และรางวัล ตามที่กำหนดไว้แบบพิเศษอีกด้วย
เอาเถอะ ไอ้เราก็ไม่ได้อยากได้สิทธิพิเศษพวกนั้นด้วยสิ นั่นก็เพราะสิทธิพิเศษที่ยิ่งใหญ่ย่อมมาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่งยังไงล่ะ อยู่แค่คลาสEก็พอแล้ว
ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะเกินคาดเลยนะ ที่ว่าสามารถทำเงินได้จากการขายหินเวทย์ที่เป็นแก่นของอสูรกับเคลียร์ภารกิจน่ะ
ราวกับการสำรวจสิ่งที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนเลยก็ว่าได้ ค่อนข้างอิสระแล้วก็น่าสนใจเลยทีเดียว เอาเป็นว่า รีบๆหาราชองครักษ์ให้โรส แล้วออกเดินทางสำรวจรอบโลกในฐานะฮันเตอร์เลยก็ดีเหมือนกัน
พอรับการ์ด มีอาก็เดินเข้ามากระซิบข้างหูด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
(ไคคุง แหวนนั่นน่ะ ฉันว่าอย่าเอาออกมาโชว์ต่อหน้าคนอื่นเลยน่าจะดีกว่า)
เธอกระซิบเบาๆ
(ทำไมล่ะ?ฉันไม่คิดว่าคนที่จะเป็นฮันเตอร์ระดับโลกจะทำเรื่องที่เหมือนกับหัวขโมยแบบนั้นหรอกนะ?)
มีอากัดริมฝีปากเหมือนกำลังจะบอกว่าเป็นเรื่องที่พูดยาก
(ช่วงนี้มีคนมาเป็นฮันเตอร์เพราะอยากหลีกเลี่ยงความอดอยากปากแห้ง แล้วก็การทำสงครามกับเผ่าปีศาจ อยู่เยอะก็จริง แต่ก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไปหรอกนะ)
อื-ม ความจริงชั่งน่าใจอ่อนเหลือเกิน ความจริงย่อมต่างกับอุดมคติ ตลอดแสนปีที่ผ่านมาฉันรู้จักความน่ารังเกียจนั่นดี ซึ่งก็ดีเหมือนกัน
(จะจำไว้ก็แล้วกัน)
มีอากล่าวขอโทษอีกครั้ง จากนั้นฉันก็เดินออกจากกิลด์
ดูเหมือน กำลังถูกสะกดรอยตามอยู่สินะ แถมยังโจ่งแจ้งซะขนาดนั้น ไม่คิดที่จะปกปิดตัวตนตั้งแต่แรกแล้วสินะ
ถ้าอย่างนั้น ช่วยพวกมันหน่อยก็แล้วกัน ฉันเดินเลี้ยวเข้าไปในตรอกมืดถ้าเป็นตรงนี้ล่ะก็ มีโอกาสที่จะถูกจู่โจมสูง เหมาะที่จะใช้ความรุนแรง
“ต้องการอะไรจากฉันรึเปล่า?”
เหล่าชายสวมเกราะที่ดูทนทานเข้าล้อมฉันด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
การก่ออาชญากรรมระดับนี้ถ้าเป็นครั้งแรกล่ะก็ น่าจะมีประหม่าอยู่บ้างไม่มากก็น้อย แต่ ดูเหมือนว่าเจ้าพวกนี้จะไม่เป็นอย่างนั้น หรือก็คือ ทำเรื่องแบบนี้จนคุ้นมือแล้ว ถ้าอย่างนั้นให้บทเรียนหนักหน่อยก็ไม่น่าจะมีปัญหา
อะไรกัน ระดับนี้ไม่ถึงกับต้องฆ่าหรอก แค่ไม่ถึงกับ น่ะนะ แล้วก็ดูเหมือนจะถูกบุคคลที่สามจับตามองอยู่ด้วย
“ส่งแหวนเสริมพลังมาให้ทางนี้ซะ!”
“อ๊ะ—อ๋า ไอ้นี่สินะ”
ฉันล้วงเข้าไปในกระเป๋าแล้วดึงเอาแหวนออกมาจากไอเทมบ็อกจากนั้นก็โชว์ให้พวกมันดู
“ส-ส่งมันมา!”
ชายร่างกำยำผมดำ พุ่งเข่ามาหาแหวนที่มือขวาของฉันพร้อมกับดวงตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า
ฉันขยับจุดศูนย์ถ่วงเล็กน้อยและเตะสกัดขาชายผมดำ ชายคนนั้นหมุนตัวกลางอากาศหลายรอบ จากนั้นก็ล้มหน้าขมำไถลไปกับพื้น ฉันกระทึบหลังหัวซ้ำพร้อมกับเหลียบไปมองพวกพ้องของชายผมดำ
“เอาล่ะ เหล่าเด็กน้อยทั้งหลาย นี่แหวน แน่จริงก็เข้ามาแย่งไปให้ดูหน่อยสิ”
ฉันพูดออกไปพร้อมกับยิ้ม
“ระวังพวก!หมอนั่น กำลังใช้ไอเทมเสริมพลังอยู่!”
สีหน้าผ่อนคลายก่อนหน้านี้ของพวกมันกลายเป็นสีหน้าเข้มขรึมพร้อมกับชักดาบออกจากเอวและเลงปลายดาบมาทางฉัน
“ใช่ที่ไหนล่ะ พลังของฉันในตอนนี้ก็ยังอยู่ที่ประมาณ1 โดยเฉลี่ย น้อยกว่าพวกนายแน่นอน แต่ก็น้า โลกนี้ไม่ได้อ่อนหวาน จนขนาดที่จะชนะได้ด้วยการใช้แค่ทักษะกับพลังกายหรอกนะ”
ฉันค่อยๆร่นระยะเข้าไปใกล้และจับชายเสื้อของหนุ่มผมทองที่อยู่ตรงหน้าจากนั้นก็โยนมันขึ้นฟ้า
“เอ๊ะ?”
เสียงงี่เง่าหลุดออกจากปาก พร้อมกับชายผมทองที่พุ่งทยานกลางอากาศไร้การป้องกัน หล่นหลังกระแทกพื้นและหมดสติไป
“โถ่เว้ย!!”
หนึ่งคนพุ่งเข้าหาจากด้านหลังพร้อมกับเหวี่ยงดาบเป็นแนวตั้งโดยเล็งไปที่บริเวณบ่าของฉัน ฉันรับดาบนั่นด้วยมือข้างเดียวและเบี่ยงมันโดยไม่หันไปมองจากนั้นก็หมุนตัวเหมือนลูกข่างเพื่อปิดช่องว่าง
“ฮี้!?”
จากนั้นก็ใช้มือฟาดไปที่กรามของหนุ่มสกินเฮดที่ส่งเสียงร้องเล็กๆออกมา ทำให้ตาขาวลอกออกมาพร้อมกับร่างกายส่ายไปส่ายมาและในที่สุดก็ล้มลงกระแทกพื้น
“อะไร! เกิดอะไรขึ้น! ไม่ใช่ว่าแกไร้ความสามารถหรอกเหรอ!!”
หลังจากสามคนลงไปนอนกองกับพื้น ชายหนุ่มผมฟ้าที่คิดว่าน่าจะเป็นหัวหน้าที่ยังเหลือรอดอยู่ เปล่งเสียงออกมาพร้อมกับชีปลายดาบมาทางฉันด้วยมือที่สั่นเทา
“ก็ตามนั้น กิฟท์ของฉันคือ【ไร้ความสามารถที่สุดในโลก】นายไม่ได้ดูผิดไปหรอก เอาล่ะ เข้ามาสิ เจ้าหนู นิสัยเน่าๆนั่นเดี๋ยวจะช่วยดัดให้เอง”
ฉันเอาชนะชายหนุ่มผมฟ้าที่พุ่งเข้ามาพร้อมกับส่งเสียงแปลกๆได้อย่างขาดรอย
MANGA DISCUSSION