ผลลัพธ์จากการฝึกโหดในดันเจี้ยนสุดเลวร้าย100000ปี จนกลายเป็น~ ผู้ที่ไร้ความสามารถที่สุดในโลก ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก~ - ตอนที่ 17 เนเมียร์ สัตว์ร้ายที่เรียกตัวเองว่าราชาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์
- Home
- ผลลัพธ์จากการฝึกโหดในดันเจี้ยนสุดเลวร้าย100000ปี จนกลายเป็น~ ผู้ที่ไร้ความสามารถที่สุดในโลก ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก~
- ตอนที่ 17 เนเมียร์ สัตว์ร้ายที่เรียกตัวเองว่าราชาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์
—ผ่านไป56000ปีหลังจากเริ่มเกม
เดือนปีแสนยาวนานผ่านพ้นไป
ฉันขึ้นมาเริ่มใหม่อีกครั้งตั้งแต่ชั้นแรก ไล่ล่าพวกอสูรเพื่อเติมเต็มหนังสือภาพพร้อมกับตะลุยดันเจี้ยนต่อ ระหว่างทางจู่ๆพวกอสูรก็อ่อนแอลงจนน่าแปลก ทำให้ฉันต้องใช้【ถุงมือผนึกเทพ】เพื่อจำกัดความสามารถของตัวเองขณะต่อสู้ เหตุผลที่ใช้ถุงมือที่แสนยุ่งยากนี่ก็เพราะ พวกอสูรนั้นอ่อนแอเกินไป จนฝึกไม่ได้ยังไงล่ะ ในรูปธรรม เมื่อค่าความสามารถทั้งหมดก้าวข้ามหลักหมื่น จู่ๆก็หยุดเพิ่มอย่างกะทันหัน ทำให้คิดว่า นี่เหรอขีดจำกัดของฉัน?นั่นน่ะเป็นไปไม่ได้หรอก ฉันต้องแข็งแกร่งขึ้นให้มากกว่านี้ ก็เพราะว่า ไม่มีขีดจำกัด นั่นคือข้อดีเพียงหนึ่งเดียวของกิฟท์【ผู้ที่ไร้ความสามารถที่สุดในโลก】ของฉัน หรือไม่ก็ แนวทางมุ่งสู่ความแข็งแกร่งของฉันมันผิด ตอนที่ฉันกลุ้มใจกับเรื่องพวกนี้อยู่ ก็ได้ของที่แสนสะดวกอย่าง【ถุงมือผนึกเทพ】มาครอง
【ถุงมือผนึกเทพ】ก็คือถุงมือที่สามารถจำกัดพลังเวทย์และพลังกายของผู้สวมใส่ได้อย่างอิสระ ทำให้ฉันจำกัดการใช้พลังของตัวเอง ณ จุดนี้ ฉันรู้สึกตัวมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่าสเตตัสจะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดก็ต่อเมื่อต่อสู้บดขยี้สัตรูโดยเอาชีวิตเป็นเดิมพันราวกับไต่บนเชือกที่กำลังจะขาด
ด้วยผลจากการลองผิดลองถูก ทำให้ค้นพบความจริงที่ว่าสเตตัสจะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดก็ต่อเมื่อเอาชนะผู้ที่แข็งแกร่งแบบไม่เหลือหน้าโดยใช้ความสามารถจำกัดพลังของ【ถุงมือผนึกเทพ】คู่นี้
ตอนที่ค้นพบก็ข้อที่ทำให้ฉันมีความสุขเป็นอย่างมาก เดือนปีไหลผ่านจนถึงตอนนี้ก็ยังจำมันได้แม่น
ของมันแน่อยู่แล้ว นี่คือการค้นพบความจริงที่ว่าฉันสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้มากว่านี้อีกไงล่ะ หลังจากนั้นฉันก็ใช้ความสามารถของเจ้า【ถุงมือผนึกเทพ】จำกัดพลังให้ต่ำที่สุดและตะลุยดันเจี้ยน
ณ ปัจจุบัน
ในที่สุดฉันกับฟาฟพวกเราสองคนก็มาถึง เขตทุ่งราบชั้น600
ชั้น600เป็นพื้นที่ทุ่งราบครึ่งวงกลมถูกล้อมด้วยน้ำตกพร้อมกับมีอสูรรูปร่างเหมือนมนุษสัตว์มีหัวเป็นสิงโตสวมชุดเกราะสีทองทั้งตัวยืนมือเปล่าอยู่ตรงใจกลางทุ่งราบ
『เทพหน้าใหม่งั้นรึ! ฟุฮ่าฮ่าฮ่า! มาถึงชั้น600แห่งนี้ได้ด้วยกันแค่สองคนงั้นรึ! น่าสนใจดีนิ พวกแก!』
เจ้าหัวสิงโตคำรามด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวอย่างเปี่ยมสุข จากนั้นมันก็ดึงศอกขวาลงและลดศูนย์ถ่วง
ไม่มีช่องว่าง ไม่ผิดแน่ เจ้านี่ เป็นเป็นบรรลุวิถีแห่งนักรบแถมยังบรรลุถึงขั้นสูงสุด
ดี ดีมาก!พึ่งเคยเจออสูรที่เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้เป็นครั้งแรก จนถึงตอนนี้ ถึงจะเจอพวกอสูรที่มีความสามารถพิเศษที่ยุ่งยากมามากมายแต่พวกมันก็รู้จักแค่ใช้พลังแบบตรงไปตรงมาเท่านั้น เพราะอย่างนั้น การจะได้สู้กับผู้บรรลุวิถีแห่งนักรบแบบนี้ ทำให้ฉันรู้สึกสนใจเป็นพิเศษ และ ด้วยความสามารถจำกัดความสามารถของ【ถุงมือผนึกเทพ】ในตอนนี้ล่ะก็ การต่อสู้ครังนี้ต้องเป็นการต่อสู้ที่ทำให้จิตวิญญาณสั่นสะท้านได้เป็นแน่
ฟาฟ คำรามใส่เจ้าหัวสิงโตพร้อมกับเตรียมตัวเข้าปะทะ
“ฟาฟ โทษทีนะ ยกหมอนี่ให้ฉันได้ไหม ดูเหมือนมันจะทำให้ฉันสนุกได้นิดหน่อยน่ะ”
พอพูดเสร็จ ฉันก็ดึงเอา【แท่งไม้คงกระพัน】ออกจากไอเทมบ็อก และชี้ไปข้างหน้า
“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ!”
ฟาฟ เงยหน้าขึ้นมองฉันพร้อมกับชูกำปั้นขวาขึ้นฟ้าและถอยไปอยู่ข้างหลัง
『ตัวต่อตัวงั้นรึ ลำพองตัว…ไม่ใช่สินะ เจ้าเองก็เป็นเทพสงครามโดยแท้เหมือนกับข้าสินะ ย่อมได้!ตัวข้าราชาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ เนเมียร์ ขอรับคำท้า!!』
หมอนั่น สูดหายใจเข้าและจู่ๆร่างกายก็เริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาลแดงพร้อมกับออร่าเวทย์สีแดงเข้มรั่วไหลออกมา
“ฉัน ไค ไฮเนมัน เป็นนักดาบ”
วินาทีต่อมาพวกเราก็เข้าปะทะกัน
การปะทะของดาบและหมัดทำให้เกิดคลื่นกระแทกพัดผ่านตรงใจกลางทุ่งราบ ดาบและหมัดเข้าปะทะกันครั้งแล้วครั้งเล่า เราทั้งคู่ต่างได้รับบาดแผลที่ไม่อาจละเลยได้ ร่างกายของเนเมียร์เต็มไปด้วยรอยเลือดและรอดพกช้ำสีน้ำเงินทั้งตัวและแน่นอนตัวฉันก็ไม่ต่างกัน
การต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งโดยการเอาชีวิตเข้าแลกที่ไม่ได้เจอมานานทำให้หัวใจเต้นระรัว เพียงแต่ งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา
หมอนั่นพุ่งตัวเข้ามาราวกับระเปิดพร้อมกับหมัดขวาที่เฉียดปลายจมูกของฉันแต่จู่ๆการเคลื่อนไหวของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน การโจมตีพุ่งเข้ายังขมับของฉัน ทำให้ต้องเบี่ยงตัวป้องกันการโจมตีนั่นอย่างเลี่ยงไม่ได้จนทำให้แขนซ้ายของฉันหัก
『นุ!?』
ฉันลดจุดศูนย์ถ่วงและใช้【แท่งไม้คงกระพัน】ฟาดไปยังบริเวณหน้าท้องของหมอนั่น
เนเมียร์ใช้แขนขวาที่เหมือนกับท่อนซุงเข้ามาสกัด ทำให้ตัวกลิ้งหมุนไปกับพื้นแต่ก็ลุกขึ้นมาได้ในทันทีพร้อมกับหายใจจนไหล่สั่น
『แข็งแกร่ง…แข็งแกร่งเกินไปแล้ว กำลังกายของข้าน่าจะเหนือกว่าแท้ๆ ไม่เพียงเท่านั้น ทำไมทักษะการต่อสู้ที่เปรียบเสมือนจุดเด่นของข้าถึงใช้ไม่ได้ผล ไม่สิ นั่นก็ไม่ใช่ เจ้า-ยังไม่ได้เอาจริงสินะ?』
“ไม่หรอก ฉันเอาจริงแล้ว”
ทักษะของเนเมียร์เป็นของจริง ถึงขั้นไม่รู้ว่าจะเอาชนะยังไงดีเลยล่ะ ความจริงจากการรับลูกเตะของเนเมียร์เข้าไปเต็มๆทำให้แขนซ้ายของฉันหักเป็นที่เรียบร้อยแล้วล่ะ
『ศิลปะการต่อสู้มีเพียงความจริงเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องถ่อมตน!แล้วก็ ตัวข้าคือเทพสงคราม มีเพียงการพ่ายแพ้ในสถาณะการณ์แบบนี้เท่านั้นที่มิอาจรับได้! ตัวข้ารู้ดีว่าทำให้เจ้าเอาจริงไม่ได้ เพียงแต่ ได้โปรดเอาจริงให้ข้าได้เห็นทีเถอะ』
เนเมียย์ยืนหลังตรงและก้มหัว หมอนี่ไม่น่าใช่คนที่จะทำอะไรแบบนี้แน่ๆ
“ก็ไม่ได้จะล้อเลียนอะไรนายหรอกนะ แต่ว่า นั่นสินะ ก็จริงในฐานะนักสู้เหมือนกันแล้วคงจะเป็นการเสียมารยาทไปหน่อยสินะ โทษที”
เป็นครั้งแรกในรอบหลายหมื่นปีที่ฉันหยุดการทำงานของ【ถุงมือผนึกเทพ】
『อ-อะไรกัน นี่มัน!? คุฮ่าฮ่าฮ่า—-!ไม่ใช่ชนะได้หรือไม่ได้! แต่เดิมก็อยู่กันคนละมิติอยู่แล้ว!』
เนเมียร์ กางแขนกว้างและหัวเราะออกมา ใบหน้านั้นถูกย้อมไปด้วยความบ้าคลั่งที่เปี่ยมไปด้วยความสุข
ฉันดึง【ผ่าอัสนี】ออกจาฝัก และหันใบดาบขึ้นข้างบน
“แทนคำขอโทษที่ทำให้ความภาคภูมิใจของนายต้องแปดเปื้อน ฉันจะใช้การโจมตีสุดยอดที่สุดของฉันในตอนนี้โค่นนายเอง”
ฉันถอนหายใจพร้อมกับทำจิตใจให้ปลอดโปร่ง และ…
【วิชาดาบไคริวที่แท้จริงรูปแบบดาบเดียว กระบวนท่าที่เจ็ด—-โลกาวินาศ】
ฉันสะปัด【ผ่าอัสนี】ที่มีอาร่าสีดำพันรอบใส่เนเมียร์ เสื้อคลุมที่คลุมร่างของเนเมียร์เริ่มฉีกขาดปลิวกระจายและบาดแผลก่อนหน้านี้ก็ถูกย้อมเป็นสีดำ ราวกับถูกความมืดกลืนกิน เนเมียร์หัวเราะออกมาด้วยความสุขอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับร่างกายสลายเป็นผุยผงในชั่วพริบตา
【วิชาดาบไคริวที่แท้จริงรูปแบบดาบเดียว กระบวนท่าทีเจ็ด—-โลกาวินาศ】ถึงจะได้รับบาดแผลจากมันแค่นิดเดียว ความพินาศก็จะเริ่มกัดกินจากตรงนั้น ทันใดนั้นมันก็จะค่อยๆแพร่กระจายและขยายไปยังพื้นที่โดยรอบและพังพินาศลงในที่สุด เป็นท่าที่เลวร้ายถึงขั้นนั้นเลยล่ะ ท่านี้แหละที่ทำให้การดัดนิสัย กิริเมขระ จบลง
พร้อมกับ อาณาเขตในหนังสือภาพเสร็จสมบูรณ์อย่างเหมาะเจาะ ดูจากจังหวะเวลาแล้วไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจ้าหนังสือภาพเล่มนี้มีส่วนเกี่ยวข้อง
ได้รับการยืนยันมาแล้วว่าโลกาวินาศไม่ส่งผลกระทบต่อวิญญาณ ที่เหลือก็ถึงตาของหนังสือภาพเล่มนี้ออกโรงแล้ว
ว่าแล้วเชียว หน้าต่างโปร่งใสปรากฏขึ้นละอธิบายว่า【มีวิญญาณของเนเมียร์ ต้องการกักเก็บลงในหนังสือภาพหรือไม่?】ตามคาด ได้วิญญาณของหมอนั่นมาแล้ว ฉันก็ไม่ได้เกลียดความซื่อตรงของหมอนั่นหรอกนะ แต่ก็ต้องขอให้มาเป็นลูกน้องหน่อยล่ะนะ
ฉันเก็บวิญญาณของเนเมียร์ลงในหนังสือภาพพร้อมกับอัดพลังเวทย์ลงไปเพื่อสร้างร่างเนื้อให้
พอขึ้นมาถึงชั้นบนฉันก็เปิดหนังสือภาพพร้อมกับ【ปลดปล่อย】เนเมียร์
มนุษย์สัตว์หัวสิงโตสวมชุดเกราะสีทองอร่ามปรากฏขึ้นต่อหน้า จนถึงตอนนี้เป็นไปตามที่คำนวณไว้ เหลือก็แค่ให้มาเป็นลูกน้องของฉันอย่างซื่อตรง เอาเถอะ คงทำได้แหละ
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นายคือลูกน้องของฉัน ไม่รับคำคัดค้านใดๆ ต้องทำตามเท่านั้น”
เมื่อได้ยินคำพูดที่ไม่ปล่อยให้โต้ตอบของฉัน สีหน้าของเนเมียร์ก็ว่างเปล่าไปครู่หนึ่งพร้อมกับจ้องมาที่ฉัน และ…
『ฟุฮ่าฮ่าฮ่า!คุฮ่าฮ่าฮ่า!!』
จู่ๆก็ระเบิดหัวเราะออกมา
อะไรกัน คำพูดของฉันมีอะไรให้น่าขำกัน ไม่เข้าใจว่าหมอนี่จะหัวเราะทำไม?
หลังจากกุมท้องหัวเราะอย่างหนัก เนเมียร์ก็เปลี่ยนท่าทางผิดกับเมื่อกี้ลิบลับพร้อมกับคุกเข่าลงพื้นด้วยสีหน้าเคร่งขึม เอาแขนซ้ายไว้ด้านหลังและแขนขวาทาบอกจากนั้นก็ก้มหัวลง
『ตัวข้าผู้นี้ขอสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อท่านจากใจจริง』
ใช่นี่แหละ คือคำที่ฉันอยากได้ยินมากที่สุดในตอนนี้