ผลลัพธ์จากการฝึกโหดในดันเจี้ยนสุดเลวร้าย100000ปี จนกลายเป็น~ ผู้ที่ไร้ความสามารถที่สุดในโลก ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก~ - ตอนที่ 22 จงเหยียบย่ำ
คำสั่งแรกที่ได้รับจากนายเหนือหัวผู้ยิ่งใหญ่ ทำให้พวกมันสั่นสะท้านไปด้วยความสุข พวกมันพุ่งผ่านป่าในยามค่ำคืนซึ่งเป็นสนามรบด้วยความเร็วสูง พวกมันได้รับคำสั่งให้ปั่นป่วน แต่มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่พวกมันจะทำกับพวกคนเขลาที่บังอาจมายืนขวางทางนายเหนือหัวผู้ยิ่งใหญ่ของพวกมัน ต่อให้อีกฝ่ายจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม จะต้องส่งพวกมันไปยมโลกให้ได้ นี่ถือเป็นการแสดงความจงรักภัคดีต่อพระเจ้าของพวกมัน
ด้วยความยินดีและความมุ่งมั่นอันแรงกล้า พวกมนุษย์แมลงปล่อยเสียงคำรามออกมา ขณะกระโดดด้วยความเร็วสูงเหนือผืนดินและต้นไม้ เพื่อทำลายล้างสัตรูของพวกมัน
——มหาพงไพรซิลเก้ ณ หน่วยเสือดำปิดล้อมฝั่งตะวันตก
“ว่างจังน้า อย่างแรกเลย อีแค่จับผู้หญิงมือสมัครเล่นคนเดียวทำไมต้องใช้หน่วยอัญเชิญที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวรรดิอย่างพวกเรา ออกมาทำงานนอกสถาณที่แบบนี้ด้วยนะ”
“ช่วยไม่ได้นิ ถึงจะเป็นแค่มือสมัครเล่น แต่เธอก็เป็นถึงผู้หญิงเพียงคนเดียวในโลกที่สามารถอัญเชิญผู้กล้าพวกนั้นได้เลยนะ”
“ผู้กล้าเนอะ ไม่คิดว่ามันเกินไปหน่อยเหรอ? ท่านเอนส์เป็นฝ่ายที่แข็งแกร่งกว่าแท้ๆ”
“เรื่องนั้นฉันก็เห็นด้วย น่าจะต้องการหลักประกันไว้ต่อกรกับทัพจอมมารล่ะมั้ง ? นั่นไง ในอนาคตผู้กล้าคือผู้ที่มีศักยภาพสูงสุดในการทำศึกกับทัพจอมมารไง”
“แล้ว ? ในฐานะปัจเจกบุคคล พวกเราจะได้ประโยชน์อะไร?”
“ไม่รู้สิ แต่ว่า จากที่ฟังเค้าโครงมา ถ้าใช้ศาสตร์อัญเชิญผู้กล้าแล้ว หลังจากนั้น จะวิจัยหรือทำอะไร พวกเราก็ทำได้ตามใจชอบ”
“จริงรึ!ทำอะไรก็ได้เนี้ยหมายถึงเรื่องอย่างว่าด้วยเหรอ !?”
“อืม บางทีนะ เอาเถอะ ส่วนฉันอยากจะใช้ในการวิจัยมากกว่าน่ะนะ แต่ก็ ได้ชื่อว่าผู้หญิงเพียงคนเดียวในโลกที่สามารถอัญเชิญผู้กล้าสำเร็จ ก็อยากจะตรวจสอบอะไรหลายๆอย่างด้วยแหละ”
“ดี !ดีเลย ! ค่อยคุ้มค่ากับการที่ถ่อมาถึงอาณาจักรแบบนี้หน่อย ตอนกลางวันให้เป็นตัวทดลองของพวกนาย ส่วนตกดึกก็ต้องขอให้พยายามในฐานะเมียน้อยของพวกฉันหน่อยล่ะนะ”
“นั่นสินะ”
ชายผมทองพยักหน้าเป็นช่วงๆให้กับชายหัวล้านที่ใบหน้าเบี้ยวไปด้วยความชั่วร้าย
“แค่ครั้งเดียวก็ได้ อยากลองกอดเจ้าหญิงดูซักครั้ง!”
ชายผมดำเน้นย่ำคำพูดนั้นด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยตัณหา ทันใดนั้นจู่ๆก็มีเงาประหลาดสีเขียวพุ่งผ่านทั้งสองคน
“เอ๊ะ หน้านายดูแปลกไปนะ”
ชายผมทองชี้ไปยังใบหน้าที่เปลี่ยนไปของชายผมดำ
“ไม่ นายต่างหาก——“
นั่นคือคำพูดสุดท้ายของทั้งสองคนพร้อมกับบาดแผลที่กระจายไปทั่วร่างจากนั้นร่างของทั้งสองคนก็ถูกหั่นเป็นชิ้นอย่างสวยงามและหล่นกระแทกพื้น
——มหาพงไพรซิลเก้ ณ ศูนย์กลางกองบัญชาการหน่วยอัญเชิญปิดล้อม
“อะไร!? เกิดอะไรขึ้น!?”
ผู้บัญชาการหน่วยอัญเชิญขึ้นเสียงด้วยความตื่นตระหนกกับเหตุการณ์อันแปลกประหลาดที่กำลังเกิดขึ้นต่อหน้า
ทุกครั้งที่เงาสีเขียวเคลื่อนไหว เหล่าเสือดำก็ถูกหั่นเป็นชิ้นเครื่องในตกสู่พื้น แม้กระทั่ง โอเกอร์ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในศึกครั้งนี้ก็เช่นกัน หัวของพวกมันถูกเป่าเป็นชิ้นๆกระจายเต็มพื้น
“อัญเชิญซาลาแมนเดอร์! เข้าสนับสนุน!”
ผู้บัญชาการตะโกน แต่ลูกน้องที่อยู่ข้างๆกับไม่ตอบสนอง เมื่อละสายตาไปมองก็พบกับสภาพของลูกน้องที่ใบหน้าครึ่งบนได้หายไปแล้ว
“อ้า——-!!?”
ตายไปแล้ว เขาตะโกนสุดเสียงและพยายามออกห่างจากสถาณที่ราวกับฝันร้ายแห่งนี้อย่างรอบคอบ แต่ว่า จู่ๆวิสัยทัศน์ของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป
“เอ๊ะ?”
พร้อมกับเสียงโง่เง่าที่หลุดออกจากปาก ผู้บัญชาการก็ถูกหันเป็นชิ้นๆกลายเป็นเศษเนื้อไปซะแล้ว
——มหาพงไพรซิลเก้ ณ หน่วยอัญเชิญโอเกอร์ฝั่งตะวันออก
“การติดต่อกับสำนักงานใหญ่หายไปกลางคันครับ”
“เจ้าพวกราชอาณาจักรบังอาจทำกันได้นะ!โถ่เว้ย!เจ้าหมอนั่น ทำเสียเรื่องซะได้!ก็ถึงได้บอกว่าให้ฉันคนนี้เป็นผู้บัญชาการก็ดีแล้วแท้ๆ”
หัวหน้าหน่วยหัวล้านหนวดเครารุงรัง ซิม เส้นเลือดผุดขึ้นที่ขมับพร้อมกับเตะพื้น
ซิม ในหมู่นักอัญเชิญด้วยกันแล้ว ความแข็งแกร่งในการอัญเชิญอสูรของเขาเป็นรองแค่เอนส์เท่านั้น ตามความเป็นจริงแล้ว ชายที่ควรจะได้เป็นผู้บัญชาการก็คือซิมคนนี้ แต่เพราะพฤติกรรมแย่ๆไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่ง นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่ได้เป็นผู้บัญชาการ
“ชั่งมันแล้วกัน ด้วยความผิดพลาดในครั้งนี้ หมอนั่นต้องสูญเสียตำแหน่งแน่ คราวนี้แหละ ตำแหน่งผู้บัญชาการคนต่อไปจะต้องตกเป็นของฉันคนนี้แน่”
และตอนกำลังยกมุมปากขึ้น…
“ทำยังไงดีครับ?ขืนปล่อยไว้แบบนี้…”
ชายผมทองซึ่งเป็นรองหัวหน้า ถามด้วยใบหน้าที่แข็งทื่อ
“ฮะ? ใครจะปล่อยให้พวกมันหยามแบบนี้ต่อไปล่ะ โอ่ย โทรลล์!”
เมื่อมองข้ามไหล่ จู่ๆ ยักษ์หัวล้านตัวใหญ่ก็ปรากฏตัว ตัวสีแดงเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อราวกับทั้งร่างถูสร้างจากกล้ามเนื้อพร้อมกับมือขวาถือแท่งเหล็กขนาดใหญ่
『ม-ม-มีงานเหรอ?』
เสียงลิ้นพันทุ้มกระจายไปโดยรอบ ทำให้เหล่าทหารที่อยู่โดยรอบทำสีหน้าตึงเครียด
“อา จะกินพวกแถวนี้ที่คิดว่ามานาเข้ากันสามคนก็ไม่เป็นไร เพราะงั้น ไปฆ่าพวกที่กำลังปั่นป่วนพวกเราอยู่ตอนนี้ซะ!”
ที่ออกจากปากซิมนั้นคือ สิ่งที่เรียกว่าสัญญา สำหรับนักอัญเชิญแล้วเวทย์ที่ใช้ในการอัญเชิญจะแบ่งออกเป็นสองประเภท อย่างแรกคือ เวทย์มนต์ที่ใช้เวทย์เดียวกันกับการอัญเชิญปกติ สามารถอัญเชิญและใช้งานได้ทันที แต่ก็มีขีดจำกัดเพราะไม่สามารถอัญเชิญตัวตนที่แข็งแกร่งกว่าตนเองได้
ส่วนอีกอย่างหนึ่งคือ 【สัญญาวิญญาณ】เป็นการอัญเชิญและทำสัญญากับสิ่งมีชีวิตที่มีตัวตนอยู่บนโลกนี้แต่ก็ต้องแลกด้วยสิ่งตอบแทน เพื่อใช้ทำสัญญา แต่ก็สามารถอัญเชิญตัวตนที่แข็งแกร่งกว่าออกมาได้
แน่นอนว่าซิมเป็นอย่างหลัง และสิ่งที่เขาสั่งให้โทรลล์ทำนั่นแหละคือการจ่ายค่าตอบแทนในข้อปฏิบัติตามสัญญา
“ก-กรุณารอเดี๋ยวครับ หัวหน้า!นั่นมัน—”
รองหัวหน้าสีหน้าเปลี่ยนไปและพยายามคัดค้าน
“ถ้างั้น ต่อไปเป็นแกแล้วกัน”
ซิมยิ้มพร้อมกับชี้นิ้ว ชั่วพริบตาร่างของรองหัวหน้าก็อ่อนลงราวกับหุ่นเชิดถูกตัดสาย
『อร่อย』
โทรลล์เคี้ยวเนื้อในปากอย่างพึงพอใจด้วยสีหน้าที่ย้อมไปด้วยความสุขพร้อมกับเดินเข้าใกล้รองหัวหน้าหนุ่ม และคว้าร่างนั้นอย่างง่ายดาย
『เนื้อนี่ก็อร่อย』
พร้อมกับเริ่มเคี้ยวร่างนั้นเสียงดังกรุบๆ
“อุ……”
“ฮี้……”
เหล่าทหารเดินถอยหลังโดยสัญชาตญาณ
“แกแล้วก็แก”
ซิมชี้นิ้วซ้ายและขวา เหล่าทหารเบิกตากว้างพร้อมกับตัวสั่นอย่างอ่อนแรง
และหันไปออกคำสั่งกับเหล่านักอัญเชิญ
“พวกแกก็ด้วย รีบเอาโอเกอร์ออกมาได้แล้ว!”
หลังจากตะโกน เหล่านักอัญเชิญก็รีบทำการอัญเชิญโอเกอร์
“โอ่ย จะกินไปถึงเมื่อไหร่!อาหารน่ะจบงานแล้วค่อยกินก็ได้!”
ซิมตะโกน
『เข้าใจแล้ว งั้นจะไปทำงาน』
พร้อมกับโยนเศษเนื้อของรองหัวหน้าทิ้ง และพยายามเดินจากไป ขณะนั้นเอง—
“ห-หัวหน้า!”
สมาชิกคนหนึ่งของหน่วยชี้นิ้วไปยังส่วนลึกของป่าและกรีดร้องด้วยริมฝีปากสั่นเทา
“หืม? อะไรน่ะ?”
ซิมอดไม่ได้ที่จะเปล่งเสียงมึนงงออกมา แสงจันทร์สาดส่องผ่านช่องว่างของเหล่าต้นไม้ และปรากฎให้เห็นหัวของอะไรซักอย่างที่คล้ายกับตั๊กแตน
“ล-ล้อมมันไว้!”
อาจจะเพราะความกลัว ทำให้สมาชิกนายหนึ่งชี้นิ้วไปยังเหล่านักอัญเชิญให้พวกโอเกอร์เคลื่อนไหวปิดล้อมมนุษย์ตั๊กแตน
“นี่รึ ไพ่ตายของนักอัญเชิญจากราชอาณาจักร ดูไม่เห็นแข็งแกร่งเท่าไหร่เลยนิ ให้ตายสิ ทางนี้ถึงกับยอมจ่ายค่าตอบแทนเพื่ออัญเชิญโทรลล์ออกมาเสียเวลาจริงๆ รู้อย่างนี้ใช้แค่กำแพงเนื้อก็พอแล้ว”
ซิม หมดความสนใจและนั่งลงบนตอไม้
“รีบฆ่ามันได้แล้ว”
พร้อมกับชี้นิ้วสั่งอย่างไม่สนใจ
และ มนุษย์ตั๊กแตนลดจุดศูนย์ถ่วงพร้อมกับลดศอกลงและเอาแขนซ้ายไขว้หลัง การกระทำนั้นราวกับศิลปะการต่อสู้ที่มนุษย์ใช้
“คุฮะ!ดูสิ ตรงหน้ามีตั๊กแตนทำท่าทางเหมือนจะใช้ศิลปะการต่อสู้ของมนุษย์อยู่ด้วย!”
ซิมกุมท้องพร้อมกับหัวเราะออกมา เมื่อเห็นท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาวนั้นทำให้พวกสมาชิกในหน่วยยิ้มแห้งพลอยทำให้ความตึงเครียดของพวกเขาคลายลงไปด้วย
“จัดการมันซะ โอเกอร์!”
สมาชิกคนหนึ่งชี้นิ้วสั่ง โอเกอร์ใช้แขนขวาที่ราวกับท่อนซุงเหวี่ยงไปยังมนุษย์ตั๊กแตน
มนุษย์ตั๊กแตนใช้มือขวาปัดแขนขวาของโอเกอร์จนทำให้เกิดแรงระเปิดและค่อยๆเดินเข้าไปประชิดอย่างง่ายดายพร้อมกับใช้มือขวาทะลวงท้องของโอเกอร์ทำให้เกิดเสียงเนื้อถูกฉีกและกระดูกหัก ร่างกายท่อนบนของโอเกอร์ปลิวกระจายราวกับเรื่องโกหก
“ฮะ?”
“เอ๊ะ?”
เหล่าสมาชิกในหน่วยเปล่งเสียงที่เต็มไปด้วยความมึนงงและเป็นครั้งแรกที่ร่างกายของมนุษย์ตั๊กแตนเริ่มพร่ามัว ชั่วพริบตา—มีเส้นวิ่งผ่านเหล่าโอเกอร์ที่ล้อมมนุษย์ตั๊กแตนรวมไปถึงนักอัญเชิญที่อัญเชิญพวกมันด้วย ร่างกายเหล่านั้นแหลกเป็นชิ้นๆและล่วงลงสู่พื้น
“หา!?”
ซิม กระโดดลงจากตอไม้
“โทรลล์!ฆ่ามันซะ!”
โทรลล์ เดินเข้าหามนุษย์ตั๊กแตนที่ยืนอยู่ท่ามกลางกองเลือดและยกกระบองอันใหญ่โตขึ้นและเหวี่ยงมันลง
『อะเด๊ะ?』
แขนขวาที่ควรจะเหวี่ยงลงไปแล้วของโทรลล์ ถูกหมัดขวาของมนุษย์ตั๊กแตนหยุดเอาไว้และร่างของมนุษย์ตั๊กแตนก็หายไปอีกครั้ง จากนั้นจู่ๆร่างกายของโทรลล์ก็ระเบิดออกกลายเป็นเศษเนื้อกระจายไปทั่วทุกทิศทาง
“โกหกน่า…… ?”
สิ่งที่ยากจะเชื่อเกิดขึ้นต่อหน้า ทำให้ซิมพยายามถอยหลังแต่กลับชนเข้ากับอะไรซักอย่างที่ราวกับกำแพงทำให้ล้มลงกับพื้น
“อะไร—-ฮี้!?”
พอเงยหน้าขึ้นก็เจอกับ—มนุษย์ตั๊กแตนนับร้อยยืนล้อมเขาอยู่
“อา……”
เสียงที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังหลุดออกจากปาก พวกมันเข้ามาใกล้เรื่อยๆ และแล้วความรู้สึกก็ได้ละลายเข้ากับอากาศยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยความเย็นยะเยียบ
จงเหยียบย่ำ—เพื่อเติมเต็มความปรารถนาของนายเหนือหัวแห่งผองเรา!
จบเหยียบย่ำ—แด่ความภัคดีที่มีต่อนายเหนือหัวแห่งผ่องเรา!
จงเหยียบย่ำ—กำจัดเหล่าผู้โง่เขลาที่บังอาจขวางทางนายเหนือหัวผู้ยิ่งใหญ่แห่งผองเราให้สิ้นซาก!
เหล่ามนุษย์ตั๊กแตนเริ่มเคลื่อนไหวในป่ายามค่ำคืนอีกครั้งเพื่อกำจัดสัตรูทั้งหมดเพื่อนายเหนือหัวของพวกมัน