“นี่คือสวนนิเวศวิทยาเหรอ?” ไป๋อี้ถาม แม้ว่าไป๋อี้จะรู้มานานแล้วว่านิวซีแลนด์นั้นกว้างใหญ่และมีประชากรเบาบาง แต่เขาก็ยังแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นเนินเขาเล็ก ๆ ตรงหน้าเขาที่เป็นพื้นที่วงกลมเหมือนสวนสาธารณะขนาดเล็ก
“ใช่ นี่คือสวนนิเวศวิทยาของโรงเรียนมัธยมโอโทโรฮังกา!” เฮลัวส์พยักหน้า
“งั้นพวกเราเข้าไปกันเถอะ ระวังตัวด้วยล่ะ!” ไป๋อี้ให้สัญญาณ
พวกเขาเดินเข้าไปในสวนนิเวศวิทยาอย่างระมัดระวังเพื่อเตรียมค้นหายีนสิ่งมีชีวิตที่เหมาะสมเพื่อผสานรวมยีนกับมัน อย่างไรก็ตามอุทยานเชิงนิเวศวิทยาแห่งนี้เป็นเพียงสวนระดับโรงเรียนเท่านั้น จึงมีเพียงการเลี้ยงสัตว์เล็ก ๆ บางชนิด แต่สัตว์ขนาดใหญ่จะหาได้ยากมาก เกือบสิบวันผ่านไปนับตั้งแต่เซลล์ดัดแปลงแพร่กระจาย สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกมันจะหนีไปที่ไหนได้
ในขณะที่เดินบนทางเท้าที่ถูกสร้างไว้ ไป๋อี้ก็หยุดชะงักเล็กน้อย!
“เกิดอะไรขึ้น!”
“มันเขียวชอุ่มเกินไป นี่คือสวนนิเวศวิทยาของโรงเรียน หากมองจากเส้นทางที่ปูด้วยปูนเหล่านี้มันจะต้องเป็นทางที่นักเรียนมักจะใช้เดินแน่นอน แต่ตอนนี้ข้าง ๆ พวกเขาเกือบทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยหญ้า มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวที่เกิดแบบนี้ขึ้น ในเวลาเพียงสิบกว่าวันหญ้าเหล่านี้ก็เติบโตจนถึงขนาดนี้แล้ว” ไป๋อี้อธิบาย
“หมายความว่าอะไร?”
“หมายความว่าเซลล์ดัดแปลงเร่งการเจริญเติบโตของพืชเหล่านี้!” ไป๋อี้หัวเราะเล็กน้อย หัวของวูล์ฟนั้นเชื่องช้ามาก ถ้าไม่พูดให้ชัดเจนเขาก็จะไม่เข้าใจ
“อย่างนี้นี่เอง!” วูล์ฟนึกขึ้นได้ทันที
พวกเขาส่วนหนึ่งเดินอย่างระแวดระวังในสวนนิเวศวิทยาโดยเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดอย่างดี แต่สวนนิเวศวิทยาแห่งนี้เงียบสงบมากจนไม่พบสิ่งมีชีวิตใด ๆ สิ่งนี้สร้างความประหลาดใจให้กับไป๋อี้และทุกคนมาก เพราะพวกเขาเฝ้าระวังสิ่งมีชีวิตที่วิวัฒนาการแล้วอย่างระมัดระวัง สิ่งมีชีวิตทั่วไปล่ะ สิ่งมีชีวิตทั่วไปไปไหนหมด?
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
พวกเขาหลายคนยืนอยู่บนพื้นที่โล่งขนาดเล็กซึ่งไม่ได้ถูกปกคลุมด้วยพันธุ์ไม้เขียวชอุ่ม สวนสาธารณะเชิงนิเวศแห่งนี้กลายเป็นความว่างเปล่า ไป๋อี้และคนอื่น ๆ จะไม่เดินไปรอบ ๆ อย่างสุ่มสี่สุ่มห้าโดยไม่คิดให้รอบคอบเสียก่อน ไป๋อี้ เฮลัวส์ และเมย์ริส ทุกคนมองไปที่สวนนิเวศวิทยาพลางครุ่นคิดเล็กน้อย ส่วนวูล์ฟปล่อยเขาไปเถอะ เพราะการขบคิดไม่ใช่งานที่เขาถนัดนัก
“นี่มันอันตรายจริง ๆ!” ไป๋อี้พูดพลางจ้องมองไปรอบ ๆ อย่างช้า ๆ
“ปรสิตจากเซลล์ดัดแปลงจะทำลายห่วงโซ่ทางชีววิทยาดั้งเดิมทั้งหมดในนิวซีแลนด์อย่างแน่นอน เรายังไม่เห็นชัดเจนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสิ่งมีชีวิต แต่ช่วงเวลาแห่งความหิวตะกละตะกลามจะสร้างความเสียหายอย่างมากต่อห่วงโซ่ชีวภาพทั้งหมด นั่นคือความอยากอาหารที่น่ากลัว และความหิวโหยนั้นทำให้สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ พากันออกไล่ล่าซึ่งกันและกัน ในช่วงเวลาสั้นๆ สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ จำนวนมากจะตาย ในขณะที่ส่วนที่เหลือจะกลายเป็นเหยื่อ” ไป๋อี้ไม่รอให้วูล์ฟถาม จากนั้นเขาก็เริ่มอธิบายต่อ
“ในสวนนิเวศวิทยาแห่งนี้เงียบสงบมาก นั่นอาจเป็นเพราะสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ … ถูกกินไปแล้ว ในทำนองเดียวกันหลังจากสิ่งมีชีวิตที่ยังมีชีวิตรอดในอุทยานเชิงนิเวศแห่งนี้เกิดการกลายพันธุ์ มันก็จะกลับกลายมาเป็นสัตว์ที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร” ไป๋อี้พูดพร้อมกับถือปืนพกไว้ในมือขวาและถือดาบคะตะนะในมือซ้าย
“มันมาแล้ว!” ไป๋อี้เหลือบมองไปทางซ้าที่มีกลุ่มเงาดำตะคุ่ม ๆ เล็ก ๆ พุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว
“นั่นอะไรน่ะ?”
“วิ่ง!” ไป๋อี้เห็นเงาดำอยู่ตรงนั้น แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เขาก็ตะโกนอย่างเด็ดขาดเพราะเงาดำนั้นดูเหมือนฝูงผึ้ง ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ฝูงผึ้ง แต่ก็มีความคล้ายคลึงกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายมากสำหรับพวกเขาในตอนนี้
“ไปที่นั่น ที่ตรงนั้น!” ไป๋อี้กำลังพูดถึงบ้านหลังเล็ก ๆ ที่อยู่ใจกลางสวนนิเวศวิทยา
คนอื่น ๆ ตามเขามาทันที แม้แต่วูล์ฟที่เพิ่งเริ่มมีความมั่นใจก็ไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ หากเป็นสัตว์ประหลาดที่มีขนาดไม่กี่เมตร บางทีเขาอาจยังมีความมั่นใจที่จะต่อสู้อีกครั้ง แต่กับฝูงบางอย่างที่มีลักษณะคล้ายผึ้งเขาไม่สามารถงอกมือออกมาอีกสองสามมือเพื่อต่อสู้กับมันได้
หลาย ๆ คนกำลังวิ่งหนีอย่างลนลาน ส่วนด้านหลังพวกเขามีกลุ่มสีดำขนาดเล็กพุ่งเข้าหาอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงดังหึ่ง ๆ
ไป๋อี้รีบเข้าไปข้างในก่อนแล้วรีบวิ่งไปที่หน้าต่างบานที่ใกล้ที่สุด ถัดจากไป๋อี้คนอื่น ๆ ก็วิ่งตามเข้ามาจนในที่สุดวูล์ฟก็ตามมาถึงและปิดประตูเสียงดัง ทันทีที่ปิดประตูก็มีเสียงแกรก ๆๆ ดังขึ้นราวกับเสียงตอกตะปู ประตูทั้งบานถูกกระแทกเสียงดังปึง ๆๆ ทำให้ประตูกระเพื่อมอย่างต่อเนื่อง หัวใจของทุกคนในห้องเต้นระรัวเพราะกลัวว่าประตูจะพังทลายลงมา
มันมีพลังมากมายอะไรขนาดนี้!
“เข้าไปด้านใน หน้าต่างเอาไม่อยู่แล้ว!” เมื่อไป๋อี้เห็นแรงกระแทกที่รุนแรงมาก เขาจึงรีบตัดสินใจทันที กลุ่มของสิ่งเล็ก ๆ ที่ไล่ตามหลังพวกเขามานั้นไม่เพียงแต่ไล่กวดพวกเขาและกระแทกประตูเท่านั้น แต่พวกมันยังเปลี่ยนทิศทางมาทางหน้าต่างด้วย ซึ่งตอนนี้หน้าต่างก็จวนจะเอาไม่อยู่แล้ว
พวกเขาหลายคนวิ่งเข้าไปข้างในทันที แต่ร่างสูงใหญ่ของวูล์ฟแทบจะไม่สามารถเข้าไปได้ ไม่นานหลังจากเข้ามาในห้องด้านใน ทุกคนก็ได้ยินเสียงหน้าต่างพัง จากนั้นก็มีเสียงหึ่ง ๆ และมีเสียงกระแทกประตูด้านในอีกครั้ง แต่เวลาต่อมาเสียงภายนอกก็ค่อย ๆ เงียบหายไป
ในเวลานี้พวกเขาทั้งหมดถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นพวกเขาก็เริ่มมองไปที่เฟอร์นิเจอร์ในห้อง
“นี่เป็นห้องสังเกตการณ์ขนาดเล็ก!” เฮลัวส์เหลือบมองอีกสองสามครั้งแล้วจึงยืนยันกับทุกคน ไป๋อี้เหลือบมองไปรอบ ๆ เพื่อดูว่ามีอะไรที่พอจะเป็นประโยชน์หรือไม่ อย่างไรก็ตามที่นี่มันก็เหมือนเดิมและไม่มีสิ่งที่เป็นประโยชน์อะไร
“สิ่งที่อยู่ข้างนอกนั่นมันอะไรน่ะ?” วูล์ฟเอ่ยถาม
“ไม่รู้สิ มันดูละม้ายคล้ายกับผึ้ง”
“ฉันดูเอง คงจะมีคนตายเพียงไม่กี่คน” วูล์ฟพูดในขณะที่กำลังจะเปิดประตู
“เดี๋ยวก่อน เปิดแง้ม ๆ ดูก่อน!” ไป๋อี้พูดกับวูล์ฟ ในขณะเดียวกันก็บอกให้เฮลัวส์และเมย์ริสถอยออกไปเช่นกัน ในเวลานี้ไป๋อี้ก็มาที่ประตู โดยถือดาบคะตะนะด้วยมือขวาและยกขึ้นเตรียมพร้อมเล็กน้อย “รีบปิดทันทีหากมีอะไรเคลื่อนไหว!” ไป๋อี้พูดกับวูล์ฟอีกครั้งก่อนจะพยักหน้า
เมื่อเห็นท่าทางเคร่งขรึมของไป๋อี้ วูล์ฟก็อดไม่ได้ที่จะตั้งอกตั้งใจและเปิดประตูอย่างระแวดระวัง รอยแง้มที่ประตูค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้นและดูเหมือนว่าสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ เหล่านั้นมันจะบินจากไปก่อนแล้ว วูล์ฟอยากจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงหึ่ง ๆ ดังขึ้น เมื่อนึกถึงคำเตือนของไป๋อี้ วูล์ฟก็ผลักประตูปิดกลับไปทันที แต่ในเวลานี้ดวงตาของไป๋อี้จับจ้องตาเขม็ง เขาใช้ดาบคะตะนะฟันจากบนลงล่าง จนราวกับมีลำแสงผ่าลงมา
เสียงปังดังขึ้น วูล์ฟปิดประตูอีกครั้ง ในขณะนั้นเองไป๋อี้ก็เดินไปด้านข้างอย่างรวดเร็วและหยุดอยู่ตรงหน้าเมย์ริส
มันยังไม่ตายทั้งหมด!
ไป๋อี้ฟันดาบคะตะนะลงไป มีบางสิ่งสองตัวตกลงมาต่อหน้าต่อตาเมย์ริส เธอเป็นบุคลากรทางการแพทย์ ดังนั้นจำเป็นต้องปกป้องเธอไว้ให้ดี
เมื่อเงาดำเล็ก ๆ สองตัวพุ่งเข้ามา ไป๋อี้จึงรีบใช้ดาบของเขาฟันมันทันทีจนมันตกอยู่ตรงหน้า
หนึ่งในนั้นถูกแบ่งครึ่งด้วยคมดาบคะตะนะ ไป๋อี้หันกลับไป ในขณะนี้เลือดที่สาดกระเซ็นทิ้งร่องรอยไว้บนใบหน้าของเขา รูม่านตาที่เปลี่ยนไปสามารถมองเห็นกระบวนการโดยละเอียดที่นกถูกตัดครึ่งได้อย่างชัดเจน แต่ในขณะนั้นอีกตัวที่เหลือเพิ่งบินผ่านด้านหน้าของไป๋อี้ไป เขายกมือซ้ายขึ้นทันที แต่ทันใดนั้นเงาดำเล็ก ๆ ก็หมุนทะลวงไปบนฝ่ามือของเขา
คิกคิกคิก ไป๋อี้และเมย์ริสส่งเสียงหัวเราะออกมา
เงาดำเล็ก ๆ เจาะเข้าไปในฝ่ามือของไป๋อี้โดยตรง จากนั้นก็ตกลงบนต้นขาของเมย์ริส มันเหมือนกับหัวเจาะ เงาดำเล็ก ๆ นี้ค่อย ๆ เจาะลึกเข้าไปในต้นขาของเมย์ริส
“อย่าขยับ!” ไป๋อี้บอกกับเมย์ริส ในมือขวาของเขาถือดาบคะนะตะเอาไว้และจับมันแทงลงไปในทันที ปลายมีดเสียบเข้าไปในรูที่มีเลือดออกมาบริเวณต้นขาของเมย์ริสและจากนั้นเขาก็เอาออกอย่างรวดเร็ว หลังจากเสียบดาบของไป๋อี้แล้ว สิ่งที่ยังหมุนอยู่ที่ต้นขาของเมย์วิสก็หยุดลงในที่สุด ดูเหมือนว่ามันจะถูกไป๋อี้แทงจนตาย
ในช่วงเวลาสั้น ๆ วูล์ฟและเฮลัวส์ยังไม่ได้สติกลับมา ในเวลานี้พวกเขาถึงเพิ่งได้รู้ว่าพวกเขาอยู่ห่างจากไป๋อี้มากแค่ไหน นั่นไม่ได้แสดงถึงความแข็งแกร่ง นั่นเป็นสัญชาตญาณในการเตรียมตัวรับมือเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ยักษ์ แต่ไป๋อี้ก็รู้สึกเหนื่อยหอบอย่างรวดเร็ว เหงื่อไหลออกจนท่วมตัว เมื่อพวกเขาเห็นการอาการของไป๋อี้ พวกเขาก็รู้ว่านั่นได้ส่งผลกระทบกับอาการบาดเจ็บของไป๋อี้อีกครั้ง วูล์ฟและเฮลัวส์อยากจะพูดอะไรมากกว่านี้ แต่ไป๋อี้โบกมือเพื่อบ่งบอกว่าเขาโอเค แต่ร่างกายของเขานั้นบาดเจ็บจนยากที่จะเคลื่อนไหวต่อไป
ในขณะนั้นเอง ทุกคนเพิ่งได้มองไปยังบางสิ่งที่ไป๋อี้ฆ่าตายอยู่บนพื้น
มันมีขนาดเล็กมาก แต่มีขนาดใหญ่กว่าผึ้งไม่มากนัก และมีจะงอยปากทั้งเรียวและแหลมยาวเกือบเท่ากับลำตัว
“มันคือนกฮัมมิ่งเบิร์ด …… นกฮัมมิ่งเบิร์ดจะงอยดาบ!” เฮลัวส์จำลักษณะมันได้ แน่นอนว่านกฮัมมิ่งเบิร์ดเหล่านี้แตกต่างจากนกฮัมมิ่งเบิร์ดจะงอยดาบธรรมดาอย่างมาก ทุกคนมองไปที่พวกมันอีกครั้งและพบว่าถึงแม้พวกมันจะเป็นนกฮัมมิ่งเบิร์ดจะงอยดาบเหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน แม้ว่ายีนที่ผสานรวมจะเหมือนกัน แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างกันของแต่ละตัว
“ขอโทษนะ หมอเมย์ริส พวกเราปกป้องคุณไม่ดีพอ!” การปกป้องบุคลากรทางการแพทย์เป็นหน้าที่ของทุกคน
เมื่อเห็นว่าเลือดของเมย์ริสและเลือดของนกฮัมมิ่งเบิร์ดผสมกันแล้ว ทุกคนก็รู้ว่าเมยริสต้องผสานรวมกับยีนของนกฮัมมิ่งเบิร์ดอย่างแน่นอน โชคดีที่มีการวิเคราะห์มาก่อนและยีนของนกฮัมมิ่งเบิร์ดก็จัดว่าค่อนข้างเป็นยีนที่ดี สามารถเพิ่มความสามารถปฏิกิริยาการตอบสนองของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อได้ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันจะเพิ่มได้มากเพียงใด
“ไม่เป็นไร ยีนของนกฮัมมิ่งเบิร์ดเป็นหนึ่งในสิ่งที่เราวิเคราะห์มาแล้วไม่ใช่เหรอ” เมย์ริสโบกมือ
แม้ว่าเมย์ริสจะได้ยินเรื่องราวมามากในช่วงนี้ แต่เธอก็ไม่มีประสบการณ์การในการต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการ ดังนั้นเธอจึงยังคงตกตะลึงอยู่ แม้ว่าเมื่อครู่นี้ไป๋อี้จะไม่สามารถปกป้องเธอได้อย่างเต็มที่ แต่ขั้นตอนการช่วยเหลือของไป๋อี้รวดเร็วว่องไวจนตาลายไปหมด อาจกล่าวได้ว่าเมย์ริสคิดว่าเธอทำไม่ได้แม้แต่หนึ่งในสิบของไป๋อี้ด้วยซ้ำ เธอลืมแม้กระทั่งการหลบเลี่ยงจากมันโดยสิ้นเชิง
เมย์ริสไม่ได้ใช้ยาชาซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่ามากในตอนนี้ เธอตัวสั่นเล็กน้อย จากนั้นก็ดึงซากนกฮัมมิ่งเบิร์ดออกจากรูที่เต็มไปด้วยเลือดที่ต้นขาของเธอและพยายามสูดหายใจเข้าลึก ๆ
เฮลัวส์หยิบกล่องเล็ก ๆ จากด้านข้างของเมย์ริส เธอหยิบขวดยาออกมาเพื่อต้องการที่จะนำซากนกฮัมมิ่งเบิร์ดบนพื้นใส่ลงไป การรวบรวมยีนของสิ่งมีชีวิตที่มีประโยชน์ทุกชนิดคือจุดประสงค์ของการมาครั้งนี้
“เดี๋ยวก่อน เจ้านี่!” ไป๋อี้พูดกับเฮลัวส์พลางชี้ไปยังตัวที่โดนไป๋อี้ฟันในครั้งแรก จนขาดเป็นสองท่อน
“แม้ว่าทุกตัวล้วนเป็นนกฮัมมิ่งเบิร์ด แต่มีตัวนี้ที่พุ่งเข้ามาโจมตีพวกเราอย่างดุดัน บางทีตัวนี้อาจจะมียีนที่ดีที่สุดก็ได้” ไป๋อี้อธิบายพร้อมรอยยิ้ม
ยังจะมีความหลากหลายทางพันธุ์ที่ดีที่สุดอีก ทุกคนต่างพากันหัวเราะออกมา
————————
อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^
https://www.kawebook.com/story/6809
MANGA DISCUSSION