[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ - ตอนที่ 114 คำสารภาพ......
ผีเป็นโขยง!
นี่คือฉากเบื้องหลังของไป๋อี้และเพื่อน ๆ คำนี้ไม่ใช่แค่คำคุณศัพท์ แต่มีผีจำนวนนับไม่ถ้วนตามไป๋อี้และพวกมาอย่างคราคร่ำ เนื่องจากเหตุการณ์หลอนในเวลลิงตันที่เลื่องลือมีเพียงไม่กี่คนที่จะย่างกรายเข้ามาที่นี่และนั่นทำให้ผีพวกนี้เบื่อหน่ายมากทีเดียว ทว่าในตอนนี้มีเรื่องความขัดแย้งและการแก้แค้นที่เรียกได้ว่าต้องมีการนองเลือดเป็นแน่ ในสายตาของวิญญาณผีเหล่านี้มันเป็นเหมือนละครที่น่าชม อย่างไรก็ตามแม้ว่าผีเหล่านี้จะอยากรู้อยากเห็น แต่พวกมันก็ไม่ได้เข้าไปใกล้ไป๋อี้
“อีกไม่นานต่อจากนี้หลายคนในกลุ่มของพวกนายจะต้องตาย!” ผีแอนนาเดินตามไป๋อี้และพวก พลางพูดทายทักเป็นครั้งคราว
อย่างไรก็ตามไป๋อี้และคนอื่น ๆ ไม่ได้สนใจกับการคุกคามที่เหมือนคำสาปแช่งของแอนนา ทุกคนต่างเร่งฝีเท้าฝ่าตะบึงการคุกคามของผี บรรยากาศแห่งการฆ่าฟันคุกรุ่นขึ้นท่ามกลางผู้คนกลุ่มนี้ ในไม่ช้าวิญญาณผีโดยรอบแม้แต่แอนนาก็ยังต้องหุบปาก คนกลุ่มนี้มาที่นี่ด้วยความเกลียดชัง ความมุ่งมั่นแบบไหนกันที่นำพาพวกเขามาที่นี่
……
“ฉันรู้สึกเศร้ามากกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับโดส!” ในตอนนี้กลุ่มของหยูหานได้รวบรวมดอกไม้มรณะไว้ได้แล้วและได้จัดกลุ่มใหม่ หลังจากหยุดพักชั่วคราว หยูหานกล่าวออกมาด้วยดวงตาแดงก่ำเล็กน้อย ความรู้สึกของหยูหานไม่ได้เสแสร้ง แม้บางทีเขาอาจจะไม่เต็มใจที่จะยอมจำนนต่อคนอื่น แต่เขาก็ยังมีความรู้สึกที่แท้จริงต่อเพื่อนร่วมทีมของเขา
“หัวหน้า นี่ไม่เกี่ยวกับคุณ ตอนนี้นิวซีแลนด์ตกอยู่ในอันตราย อันที่จริงเราได้เตรียมตัวมาแล้วก่อนจะมาที่นี่ “เพื่อนร่วมทีมกล่าว
“ไม่ ฉันมีความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ นายรู้แค่ว่าเรามาที่นี่เพื่อเอาดอกไม้มรณะ แต่จริง ๆ แล้วฉันมีแรงจูงใจที่เห็นแก่ตัวอื่น ๆ ด้วย!” หยูหานกำหมัดแน่น
“ความเห็นแก่ตัว?” ทุกคนประหลาดใจ
“ใช่ ความเห็นแก่ตัว!” หยูหานพยักหน้า คนอื่น ๆ ในทีมของหยูหานต่างเงียบเมื่อได้ยินคำนั้นออกมาจากปากของเขา จากนั้นก็มองไปที่หยูหานอย่างจริงจังเป็นสัญญาณว่าพวกเขากำลังรอคำอธิบาย มีเพียงหนิงเสวี่ยเท่านั้นที่มองไปที่หยูหานอย่างครุ่นคิดเขาคิดที่จะบอกคนอื่นจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?
“ที่จริงฉันมีศัตรูตลอดกาลอยู่คนหนึ่ง”
“ศัตรู?”
“ใช่ ศัตรูในช่วงเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในนิวซีแลนด์ พวกเราปะทะและสู้กันระหว่างการเอาชีวิตรอด จากนั้นพวกเราก็กลายเป็นศัตรูแห่งชีวิตและความตาย” หยูหานพยักหน้า
“ศัตรูคนนี้ต้องเลวมากแน่ ๆ เพราะมันช่างขัดแย้งกับคนดี ๆ อย่างหัวหน้า” โกเธ่กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ ชีวิตของเขาได้รับการช่วยชีวิตไว้โดยหยูหาน ดังนั้นเขาจึงเชื่อใจหยูหานมาก และตลอดหกเดือนที่ผ่านมาเขาก็ติดตามหยูหานโดยคิดว่าหยูหานเป็นผู้นำที่มีคุณสมบัติเหมาะสมและเป็นคนดีที่คิดถึงมนุษย์กลายพันธุ์ในนิวซีแลนด์
“ไม่ คนเลว …… คือฉันเอง!” หยูหานพูดเบา ๆ นั่นทำให้ทุกคนต่างก็ประหลาดใจ
“พวกนายไม่อยากรู้เหรอว่าใครไล่ล่าฉัน ฉันคิดว่านายคงคุ้นชื่อนี้แน่ ๆ”
“ใครกัน?”
“ไป๋อี้!”
“ไป๋อี้ เป็นเขาเหรอ?”
“ใช่ เป็นเขา ฉันเคยเป็นคนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะและขี้อิจฉาทำให้เกิดเรื่องมากมายระหว่างฉันกับเขา ตอนที่ทุกคนเข้าร่วมทีมฉันก็บอกไปแล้วว่าฉันไม่รังเกียจอดีตของทุกคนเพราะทุกคนอาจมีข้อผิดพลาดได้ ตราบใดที่ทุกคนช่วยเหลือกันและอยู่ด้วยกันหลังจากรวมเป็นทีม อันที่จริงนี่เป็นเพราะฉันทำผิดเองและไม่มีทางชดเชยสิ่งเหล่านี้ได้” หยูหานค่อย ๆ อธิบายอดีตระหว่างเขาและไป๋อี้
ไม่รู้ว่าคำพูดเหล่านี้อยู่ในใจของหยูหานมานานแค่ไหนแล้ว เขาเรียบเรียงมันออกมาอย่างยอดเยี่ยม หยูหานไม่ได้ปัดความรับผิดชอบจากสิ่งที่เขาทำ ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนทำร้าย หรือแม้แต่การฆ่าหงฉี่ฮว๋า อย่างไรก็ตามสิ่งที่หยูหานพูดนั้นแตกต่างออกไปเล็กน้อย จากความอิจฉาริษยาและความขุ่นเคืองมันกลายเป็นจุดสนใจที่ทั้งสองฝ่ายแข่งขันกันและจากนั้นก็เกิดความขัดแย้งต่อกันขึ้น
เป็นเพราะการปฏิเสธตนเองของหยูหาน กลับทำให้คำพูดเหล่านี้เป็นจริงมากขึ้น!
“ฉันยอมรับว่าฉันผิดก่อนหน้านี้” หยูหานเงยหน้าขึ้นมองเพดานมืดและพูดอย่างเงียบ ๆ
“ดังนั้น ฉันจึงช่วยคนอื่นโดยไม่เคยสอบถามเกี่ยวกับอดีตของพวกเขา ฉันไม่คิดว่ามันสำคัญเรื่องที่ว่านายเคยเป็นอย่างไร ในโลกที่โหดร้ายนี้หากต้องการมีชีวิตรอดการที่จะสามารถมั่นใจได้ว่าสิ่งที่ทำจะไม่ละเมิดความรู้สึกและศีลธรรม นั่นมันเป็นเรื่องยากมาก แต่ เอ่อ ฉัน …… แน่นอนว่ายังไม่สามารถต่อต้านสิ่งที่ฉันได้ทำลงไปได้อย่างสมบูรณ์” หยูหานพูดเบา ๆ และสร้างความไว้วางใจให้กับเพื่อนร่วมทีมของเขา
ในเวลานี้เพื่อนร่วมทีมของหยูหานก็ฟังคำพูดของเขาอย่างเงียบ ๆ และด่ำดิ่งสู่ความเงียบลงไปเรื่อย ๆ
หัวหน้าของพวกเขา เคยเป็นคนแบบนั้นมาก่อน!
“ฉันไม่เคยรวบรวมความกล้าพอที่จะพูดแบบนี้กับทุกคนได้เลย ใช่ฉันเป็นเช่นนั้น หลังจากนั้นฉันก็เป็นคนที่น่ารังเกียจ ถ้าฉันพูดแบบนี้กับทุกคน ทุกคนคงจะจากไปอย่างแน่นอน” หยูหานพูดอย่างเย้ยหยันในตนเอง
“หยูหาน สิ่งที่คุณพูดเป็นความจริงเหรอ” อาเธน่าถามด้วยใบหน้าเย็นชา
“เป็นความจริง”
“ฉันคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้” อาเธน่าพูด ในขณะที่เธอกำลังจะลุกขึ้นและจากไป
“เดี๋ยวก่อน อาเธน่าคุณนั่งลงก่อน” อดัมส์หยุดเอเธน่าไว้ก่อนที่เธอจะจากไป หลังจากที่อาเธน่านั่งลงอดัมส์ก็มองไปที่หยูหานอีกครั้ง “หัวหน้า นายพูดถึงความเห็นแก่ตัวอะไรเกี่ยวกับการมาที่นี่นายช่วยบอกให้ชัดเจนได้ไหม” อดัมส์ถาม
“อืม อันที่จริงไป๋อี้กับฉันเป็นคนที่ค่อนข้างรู้จักกันดี ดังนั้นเบาะแสของกันและกันจึงไม่ใช่ความลับที่ยากจะรู้ได้ ในขณะที่ไป๋อี้รู้ว่าฉันอยู่แถวนี้ แน่นอนว่าฉันรู้ว่าไป๋อี้ก็อยู่ใกล้ ๆ แถวนี้เช่นกัน ฉันวางแผนที่จะทำความเข้าใจกับไป๋อี้ในเวลลิงตัน เพราะนี่เป็นเรื่องระหว่างฉันกับไป๋อี้ ฉันไม่อยากลากทุกคนเข้ามาเกี่ยวข้อง ฉันถึงได้เลือกเมืองเวลลิงตัน”
“ทำไมต้องเวลลิงตัน?”
“เพราะเวลลิงตันเป็นเมืองผีสิง!” น้ำยาขวดใหม่ปรากฏขึ้นในมือของหยูหาน ขวดน้ำยานี้เหมือนกับน้ำยาก่อนหน้านี้ที่ใช้ในการเก็บดอกไม้มรณะซึ่งสามารถปัดเป่าวิญญาณผีได้
“พวกเราได้เรียนรู้มาว่าเมืองเวลลิงตันผีสิงมีผีที่น่ากลัวจริง ๆ และยังได้รับสารสกัดจากต้นวิญญาณบริสุทธิ์แต่ไป๋อี้และคนของเขาไม่ควรรู้เรื่องนี้ ด้วยการยืมมือความช่วยเหลือจากผีในเวลลิงตันบางทีฉันอาจไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับไป๋อี้โดยตรงเพื่อจัดการเขา ด้วยวิธีนี้ยังเป็นการหลีกเลี่ยงการต่อสู้กับไป๋อี้และคนในทีมของเขา จะได้ไม่มีการบาดเจ็บล้มตาย” หยูหานอธิบาย
“หยูหาน ตอนนี้นายยังมีแผนจะทำร้ายไป๋อี้อีกเหรอ” อาเธน่าพูดอย่างโกรธเคือง
“อ่า ใช่ ฉันไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้นักหรอก แต่มันจำเป็น” หยูหานพยักหน้าอย่างใจเย็น เขากำลังเดิมพันในเวลานี้ว่าเพื่อนร่วมทีมของเขาจะไม่ทอดทิ้งเขาเพราะเหตุนี้ ถ้าจะถามว่าทำไม ก็คงเป็นเพราะกว่าหกเดือนของการอยู่ร่วมกันในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายอย่างนิวซีแลนด์นอกจากผู้โชคดีเพียงไม่กี่คนแล้ว ไม่มีใครสะอาดบริสุทธิ์อย่างแท้จริงหรอก
“หยูหาน ฉันสิ้นหวังกับนายจริง ๆ ……”
“พอแล้ว อาเธน่า หุบปาก” เอเวอลินที่ไม่ได้พูดอะไรมาตลอด จู่ ๆ ก็ปรามเอเธน่า
“เอเวอลิน นี่!” อาเธน่ามองไปที่เอเวอลินด้วยความไม่เชื่อหูตัวเอง ทำไมกัน ทำไมเธอถึงถูกปรามให้เงียบ เมื่อพิจารณาจากท่าทีของคนอื่นก็ดูเหมือนจะไม่คิดว่าหยูหานทำผิดอะไร
“ให้ฉันได้ลองพูดถึงอดีตของฉันบ้าง ก่อนที่ฉันจะกลายเป็นสัตว์ประหลาด เพราะความหน้าตาดีจึงถูกเลี้ยงดูโดยผู้ชายกลุ่มหนึ่งในฐานะของเล่นของพวกเขา ฉันฆ่าพวกเขาโดยบังเอิญ จากนั้นฉันก็หนีระหว่างทางเพื่อความอยู่รอดฉันแย่งอาหารจากคนอื่นและฆ่าคนอื่นฉัน ……. มือของฉันก็เปื้อนเลือดเหมือนกัน” เอเวลินมองไปที่มือของตัวเองช้า ๆ พลางกล่าวออกมา
“ฉันก็เช่นกัน …… ฉันเคยติดตามไปกับกลุ่มเล็ก ๆ และออกล่ามนุษย์คนอื่น ๆ เพื่อเอาชีวิตรอดแม้ว่าจะแค่ครั้งเดียว แต่ ……. ” อดัมส์กล่าวตาม
“ฉันด้วย ……” คนอื่น ๆ ก็ค่อย ๆ สารภาพออกมาตาม ๆ กัน
“ฉันยื้อแย่งเนื้อและกระดูกจากสุนัข เรื่องนี้นับด้วยไหม จากนั้นฉันก็ถูกสุนัขตัวนั้นไล่และกัดตลอดทั้งถนนสายนั้น” อาเธอร์กล่าว ท่ามกลางอารมณ์ที่ซึมเศร้าของคนในทีม พวกเขากลับอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขบขันให้กับเรื่องของอาเธอร์ แต่ไม่นานรอยยิ้มเหล่านั้นก็จางหายไป
“อาเธน่า ฉันเชื่อว่าเธอไม่เคยทำอะไรที่รู้สึกผิดต่อคุณธรรมของเธอ แต่เธอต้องรู้ว่านิวซีแลนด์โหดร้ายแค่ไหนจากการเปลี่ยนแปลงจนถึงปัจจุบัน ท้ายที่สุดแล้วคนอย่างเธอที่ไม่เคยพบกับความรู้สึกผิดทางคุณธรรมก็มีอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้นแหละ ฉันคิดว่าหลายคนเลือกที่ต้องฝืนความรู้สึกนึกคิดเพียงเพื่อความอยู่รอด”
“ฉัน ฉันไม่คิดว่าสิ่งที่หัวหน้าทำก่อนหน้านี้มันถูกต้อง จริง ๆ แล้วหัวหน้าเองก็ไม่คิดว่าตัวเองทำถูกต้อง อย่างไรก็ตามในนิวซีแลนด์ตอนนี้มีกี่คนที่ที่กล้าพูดทุกสิ่งที่เขาทำ ทุกคนล้วนรู้สึกผิดต่อศีลธรรมในใจของตนเอง เรื่องคุณธรรม ใครจะกล้าพูดเรื่องที่รู้สึกละอายใจในการกระทำตนเอง!”
“ฉัน …… คงไม่กล้า” เอเวลินพูดช้า ๆ
“ฉันเห็นด้วยกับเอเวลิน อย่างน้อยก็ตั้งแต่ครั้งที่ฉันได้พบกับหัวหน้า สิ่งที่เขาทำไม่ใช่คนเลว ฉันเชื่อในสายตาของฉันเอง” อดัมส์กล่าวเสริม
“แต่ตอนนี้เขายังวางแผนทำร้ายไป๋อี้อยู่”
“นั่นไม่ใช่เรื่องผิดพลาด ฉันไม่คิดว่าจะมีอะไรผิด อย่างน้อยฉันก็ไม่ได้ลงมือฆ่าใคร สำหรับความเห็นแก่ตัวที่หัวหน้าพูดนั้นฉันไม่คิดว่ามันคือความเห็นแก่ตัวทั้งหมด เรามาที่เวลลิงตันเพื่อหาดอกไม้แห่งมรณะ ไป๋อี้ไม่ใช่แค่ชื่อที่เลื่องลือ ถ้ามีการต่อสู้กับทีมของไป๋อี้ในสถานที่อื่นพวกเราบางคนคงต้องตายแน่นอน หัวหน้าถือว่าที่นี่เป็นสนามรบแม้ว่าจะเป็นการวางแผนเอาไว้ แต่ทำไมเราไม่ปกป้องจิตใจของเรา” อดัมส์พูดแล้วมองไปที่หยูหาน
“หัวหน้า ฉันมีคำถาม คุณวางแผนจะเผชิญหน้ากับไป๋อี้อย่างไร!”
“ขอโทษนะ ฉันตั้งใจจะเผชิญหน้ากับไป๋อี้และขอคืนดีกับเขา ถ้าไป๋อี้ไม่เห็นด้วยฉันจะสู้กับเขาจนกว่าหนึ่งในเราสองคนจะล้มลง” หยูหานพูดอย่างจริงจัง
“ในโลกนี้ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความเมตตาและความยุติธรรมอย่างแท้จริง บางทีวิธีการของหัวหน้า…… ช่างมันเถอะ ฉันจะตามคุณไปหัวหน้า” อดัมส์พูดกับหยูหาน เขายืนอยู่ข้างหยูหาน
“ฉันก็ด้วย”
“ฉันก็เหมือนกัน ฉันไม่รู้ว่าไป๋อี้เป็นคนอย่างไรอย่างน้อยหยูหานที่ฉันรู้จักก็ไม่ใช่คนเลว” เอเวอลินพูด
สำเร็จแล้ว!
เป็นคำที่ผุดขึ้นมาในใจของหยูหาน นับจากนี้เป็นต้นไปเขาได้กุมใจหัวใจของคนเหล่านี้อย่างแท้จริง