[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ - ตอนที่ 97 สติปัญญาที่น่าเป็นกังวล
“คนพวกนั้นคือ?” เฮลัวส์ถามขึ้นอย่างสงสัย
“คนจากภายนอก”
“คนจากภายนอกงั้นเหรอ?”
“คนภายนอกนิวซีแลนด์ เมื่อดูจากการปรากฏตัวของคนเหล่านี้ ทำให้เห็นว่าอย่างน้อยสถานการณ์ภายนอกก็ไม่เลวร้ายเท่านิวซีแลนด์ และบางทีอาจกำลังถูกควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม เซลล์ดัดแปลงไม่ใช่ไวรัสซอมบี้แต่อย่างใดและไม่สามารถติดเชื้อจากซากศพได้ ถ้าหากเป็นคนที่ถูกผสานรวมกับเซลล์ดัดแปลงตั้งแต่ต้น แม้พวกเขาจะไม่สูญเสียสติสัมปชัญญะแต่ก็สามารถแยกแยะได้ง่าย” ไป๋อี้กล่าว
“สิ่งที่ฉันอยากรู้มากคือตอนนี้คนเหล่านี้มาทำอะไรในนิวซีแลนด์?” เมย์ริสกล่าว
“ไม่มีใครสามารถคาดเดาเรื่องนี้ได้” ไป๋อี้ส่ายหัว
“พวกเราย้ายที่กันเถอะ!” ไป๋อี้พูดต่อ
“ทำไมล่ะ ไหนว่าเราตัดสินใจที่จะอยู่ที่นี่เป็นการชั่วคราวและเรียนรู้มวยไทเก็กไม่ใช่เหรอ?”
“เนื่องจากเพื่อนศัตรูของเราไม่เป็นที่รู้จักมาก่อน แม้ว่าตอนนี้เราจะคิดว่าตัวเองเป็นมนุษย์ แต่อีกด้านหนึ่งก็ไม่จำเป็นต้องคิดเช่นนั้น อย่าลืมข้อมูลที่เราได้รับจากอินเทอร์เน็ตที่เปิดกว้างสิ ทุกประเทศห้ามสิ่งมีชีวิตใด ๆ จากนิวซีแลนด์เข้าไป และไนท์ยังกล่าวอีกว่ามีโอกาสมากที่ทุกประเทศจะมีแผนที่จะใช้นิวซีแลนด์เป็นสนามทดสอบทางธรรมชาติ แม้แต่ด็อกเตอร์หวังก็ออกจากสถาบันวิจัยไปตั้งแต่แรก อีกอย่างฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมเป็นเวลากว่าสองเดือนหลังจากการปะทุของเซลล์ดัดแปลงไม่มีใครมาที่สถาบันวิจัยเพื่อรวบรวมข้อมูลบ้างเลย”
“สรุปคือ เราต้องเข้าใจโลกภายนอก ฉันไม่เห็นด้วยกับการติดต่อกับคนจากภายนอก” ไป๋อี้กล่าว
“อย่าหยุดอยู่ที่นี่เลย พวกเรารีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ”
“โอเค” ทุกคนเริ่มทำการเคลื่อนย้ายทันที
……
ในเวลานี้ คนเหล่านั้นบนเฮลิคอปเตอร์ต่างก็ประหลาดใจมากเช่นกัน แม้ว่าไป๋อี้และกลุ่มของเขาจะเปลี่ยนไปมาก แต่อย่างน้อยที่สุดก็ยังสามารถมองเห็นเค้าโครงในฐานะมนุษย์มาก่อนได้ สิ่งนี้สร้างความประหลาดใจให้กับกลุ่มคนที่มานิวซีแลนด์เป็นครั้งแรก ก่อนที่จะมาที่นี่ นิวซีแลนด์ต่างถูกอธิบายไว้ว่าไม่ใช่สถานที่ที่ดีนักในตอนนี้ ซึ่งนั่นอาจขนานนามว่าเป็นเกาะปีศาจได้เลยทีเดียว
“ฉันคิดว่าฉันสามารถสื่อสารกับพวกเขาได้” ทหารคนหนึ่งพูดพร้อมกับถือปืนในอ้อมแขนของเขา
“อย่าทำสิ่งที่ไม่จำเป็นเรายังมีงานของตัวเอง” กัปตันหัวโล้นพูดอย่างไม่แยแส
“แต่ตอนนี้นิวซีแลนด์เปลี่ยนไปอย่างมาก มันน่ากลัวจริง ๆ ที่ได้เห็นสัตว์ประหลาดเหล่านั้นกระจายอยู่เป็นระยะ ๆ” ทหารอีกคนใช้ปืนเล็งดูอยู่ที่ประตูเฮลิคอปเตอร์เพื่อล็อคเป้าหมาย ทันใดนั้นเขาก็ผงะไปชั่วขณะ เมื่อพบสิ่งที่ซ่อนอยู่บนอาคารที่ปกคลุมด้วยป่า นั่นมันอะไรกัน?
นั่นอะไร?
ทันใดนั้นสิ่งมีชีวิตที่นอนอยู่บนยอดตึกก็ลุกขึ้นยืน จากนั้นก็สะบัดปีกอย่างรวดเร็วและจู่ ๆ ก็ไล่ตามเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าว
“กัปตัน!” ทหารอุทานด้วยความตกใจ
ในเวลานี้ทุกคนเห็นสิ่งมีชีวิตนั้นไล่ตามขึ้นมาจากด้านหลัง ซึ่งปีกของมันแผ่ขยายออกไปมากกว่า 20 เมตร ดูแล้วท่าทางดุร้ายรุนแรงผิดปกติ กล่าวได้ว่ามันคล้ายคลึงกับเทอโรซอร์ แต่มันก็แตกต่างจากเทอโรซอร์อยู่มาก ทันใดนั้นเจ้าเทอโรซอร์ก็เร่งความเร็วให้เร็วขึ้นกว่าเฮลิคอปเตอร์
“โจมตี ตายซะเถอะ” กัปตันก่นด่าออกมา
ระหว่างทางพวกเขาไม่เคยได้ยินถึงเรื่องสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการที่สามารถบินได้มาก่อน แต่โดยทั่วไปแล้วสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นไม่น่าก่อให้เกิดอุปสรรคต่อพวกเขามากนัก ท้ายที่สุดแล้วการเปลี่ยนแปลงทางชีววิทยาในนิวซีแลนด์ใช้เวลาเพียงสองเดือนกว่าและยังไม่แข็งแกร่งมาก แต่ตอนนี้เทอโรซอร์ทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป เจ้าตัวนี้มันต้องเป็นสัตว์ทดลองที่หลบหนีมาจากสถาบันวิจัยแน่ ๆ ไม่เช่นนั้นมันคงไม่กลายพันธุ์เป็นแบบนี้
ทันใดนั้นเสียงของปืนกลก็ดังขึ้น แต่สิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการคล้ายเทอโรซอร์ที่ตามมาอยู่เบื้องหลังทำเพียงแค่ปิดเปลือกตาลงจากนั้นร่างของมันก็หมุนตัวหลบในทันที การกระทำนี้ทำให้มันหลบเลี่ยงกระสุนส่วนใหญ่ได้ แม้ว่ากระสุนที่เหลือจะโดนเทอโรซอร์เข้า แต่ก็ไม่ได้สร้างความเสียหายใด ๆ ให้กับมัน
ทหารบนเฮลิคอปเตอร์รีบนำเครื่องยิงบาซูก้าออกมาจากนั้นก็เล็งไปที่เทอโรซอร์จากประตูเฮลิคอปเตอร์
แต่ทว่าในขณะนี้ปีกขวาของเทอโรซอร์ถูกกระแทกเข้าอย่างแรงและขนนกหลายเส้นที่บริเวณขอบปีกของมันก็บินพุ่งออกไปในทันใด ทหารสองคนบนเฮลิคอปเตอร์ถูกขนเหล่านี้แทงเข้าโดยตรง โดยเฉพาะผู้ชายที่ถือบาซูก้านั้นถูกแทงเข้าที่หัวอย่างรุนแรง และไม่เพียงแค่นั้นขนยังถูกสอดเข้าไปในเฮลิคอปเตอร์โดยที่พวกเขาก็ไม่รู้ว่ามันทำแบบนี้ได้อย่างไร
มันฉวยประโยชน์จากโอกาสชุลมุนนี้ในการจับเฮลิคอปเตอร์ได้อย่างรวดเร็วจากด้านหลัง จากนั้นก็พุ่งกรงเล็บใส่ใบพัดของเฮลิคอปเตอร์
เคร้งคร้าง เสียงใบพัดขัดข้องดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เศษเหล็กและฝุ่นละอองกระเด็นไปที่อุ้งเท้าขนาดใหญ่ของมัน แต่ใบพัดหมุนด้วยความเร็วสูงของเฮลิคอปเตอร์ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับอุ้งเท้าของมันมากนัก ในทางตรงกันข้ามหลังจากถูกก่อกวนอย่างมาก ใบพัดก็ระเบิดโดยเกิดเป็นลูกบอลประกายไฟจากนั้นก็หยุดเคลื่อนที่
“กระโดด!” กัปตันตะโกนกู่ก้อง
เห็นได้ชัดว่าทหารเหล่านี้เป็นหน่วยรบพิเศษ ดังนั้นพวกเขาจึงใส่ร่มชูชีพที่ด้านหลังอย่างชำนาญและกระโดดออกมาทันที ขณะที่กระโดดออกมา กัปตันคว้าเครื่องยิงบาซูก้าไปด้วยและเมื่อมันล้มลงบนหลังของเขา ก็เกิดแรงกระแทกกับเฮลิคอปเตอร์อย่างรุนแรงจากด้านล่าง บาซูก้ายังไม่ถูกยิงออกมาในตอนนี้และคงไม่สามารถตำหนิเขาสำหรับความมุ่งมั่นของเขาได้
ตู้ม เสียงดังสนั่น เฮลิคอปเตอร์ระเบิดอย่างกะทันหันและประกายไฟที่รุนแรงทำให้เจ้าเทอโรซอร์กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด การระเบิดนั้นระเบิดไปรอบด้านแม้ว่ากรงเล็บของเทอโรซอร์จะแข็งแรง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าส่วนอื่นของมันจะแข็งแรงเช่นกัน
ไป๋อี้และเพื่อน ๆ ที่กำลังจะจากไป พวกเขาเห็นเปลวไฟระเบิดในท้องฟ้าที่ห่างไกลออกไป ตอนนี้เป็นเวลาจวนจะค่ำแล้ว จึงมองเห็นลูกไฟระเบิดค่อนข้างชัดเจน ไป๋อี้มองหน้ากัน พวกเขาไม่รู้จะร้องไห้หรือยิ้มดี 80% ของเฮลิคอปเตอร์ระเบิดจากการประสบอุบัติเหตุ ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้นิวซีแลนด์เป็นอย่างไรและนั่นแสดงให้เห็นว่าการบินเฮลิคอปเตอร์ในอากาศไม่ปลอดภัยอย่างแน่นอน
“พวกเราไปดูกันดีกว่าว่ามีผู้รอดชีวิตหรือไม่” ไป๋อี้กล่าว
“อื้ม” ทุกคนไม่คัดค้าน
ไป๋อี้และทุกคนออกเดินทางอีกครั้ง พวกเขาเตรียมที่จะผ่านเมือง เมื่อมองไปที่ถนนสลัวข้างหน้าไป๋อี้และเพื่อนก็รู้สึกสะเทือนใจขึ้นมา พวกเขาอยู่บนถนนสายนี้หลายครั้งในวันนี้ แต่คราวนี้ยังคงมีสัตว์ประหลาดหนูจำนวนมากซ่อนตัวอยู่ในความมืด คราวนี้หนูเหล่านี้เรียนรู้ที่จะฉลาดขึ้น พวกมันแค่เฝ้าดูพวกไป๋อี้ออกจากเมืองและไม่ได้คิดที่จะเริ่มโจมตีแต่อย่างใด
แม้แต่สัตว์ก็ยังเรียนรู้ได้ดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าภูมิปัญญาของสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการจะมีการเรียนรู้ปรับตัวที่ดีแค่ไหน
ก่อนที่จะผ่านจัตุรัสในเมือง การหายใจของไป๋อี้และเพื่อนร่วมทางของเขาช้าลงเพราะไป๋อี้และเพื่อน ๆ รู้สึกได้ว่ามีหนูอยู่หลายตัวที่จัตุรัสแห่งนี้ หลังจากที่หันหลังให้มุมถนนก็เห็นกลุ่มสัตว์ประหลาดหนูหลายร้อยตัวยืนอยู่ตรงนั้นและมีสัตว์ประหลาดหนูสูงประมาณสามเมตรซึ่งดูทรงพลังมากยืนอยู่ที่ด้านหน้า
วูล์ฟบีบอาวุธในมือของเขาอย่างกะทันหัน แต่ไป๋อี้ก็ไม่ได้รีบร้อนแต่อย่างใด
ในพริบตาต่อมาสัตว์ประหลาดหนูสองตัวกำลังแบกศพของเหยื่อมา สัตว์ประหลาดหนูอีกตัวก็มาพร้อมกับบางสิ่งและวางไว้ตรงหน้าไป๋อี้ นี่มันโอเคไหม? ไป๋อี้เหลือบมองไปที่สัตว์ประหลาดหนูหัวโตทันใดนั้นความคิดมากมายก็แวบเข้ามาในหัวของเขาจนวุ่นวายไปหมด
“พวกเรากำลังจะผ่านเมืองนี้ไป ถ้าแกไม่โจมตีเรา เราจะไม่ทำร้ายแกตามความประสงค์ ด้วยวิธีนี้ สิ่งเหล่านี้เราจะรับไป แต่อย่างอื่นไม่ต้องแล้วล่ะ” ไป๋อี้ชี้ไปทางอื่นของเมืองและเจรจากับราชาหนู.
“จี๊ด ๆ!” ราชาหนูดูเหมือนจะไม่อยากขัดแย้งกับไป๋อี้และเพื่อน ๆ หลังจากที่บ่ายวันนี้ไป๋อี้และพวกฆ่าหนูไปหลายตัว
“วูล์ฟ เอานั่นไปด้วย” ไป๋อี้พูดกับวูล์ฟ จากนั้นวูล์ฟก็คว้าศพของเหยื่อและถุงหนังสัตว์ที่มีอะไรบางอย่างอยู่ในนั้น จากนั้นกลุ่มคนก็เดินผ่านถนนที่ถูกแบ่งโดยสัตว์ประหลาดหนู สัตว์ประหลาดหนูกลุ่มนี้มองไปที่กลุ่มของไป๋อี้ด้วยแสงหลากสีในดวงตาของพวกเขา พวกมันมีการกระโดดและวิ่งในระยะไกลหลายครั้งตามไป๋อี้และพวก แต่ไม่มีหนูตัวใดที่คิดจะโจมตีพวกไป๋อี้เลย
เมื่อพวกเขามาถึงชายขอบเมืองหนูเหล่านี้ก็ค่อย ๆ กลับเข้าไปในเมืองและหายไปในความมืด
“เป็นปัญหาจริง ๆ เลย!” ไป๋อี้พูดเมื่อมองไปตามทิศทางที่สัตว์ประหลาดหนูหายไป
“ยังไงเหรอ?” วูล์ฟถาม
“ความฉลาด!” เมย์ริสกล่าว
ความฉลาดของสัตว์ประหลาดหนูเหล่านี้อยู่ในระดับเด็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด แล้วถ้าพวกมันพัฒนาต่อไปพวกมันจะกลายเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีอารยะอีกหรือไม่? อย่าคิดว่านี่เป็นเพียงแค่ความกังวลของไป๋อี้เท่านั้น แต่สิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้จริง ๆ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เมื่อนานมาแล้วมนุษย์เองก็มีวิวัฒนาการมาจากยุคขนดกและการดื่มเลือด
“ไปกันเถอะ” ไป๋อี้ไม่ได้หมกมุ่นเกี่ยวกับปัญหานี้มากนักและตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะคิดถึงประเด็นเหล่านี้
กลุ่มไป๋อี้เดินไปตามทิศทางที่เกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ ไม่ไกลนักพวกเขาก็เห็นเทอโรซอร์ที่มีเลือดไหลบริเวณช่องท้องบินตรงไปยังเขตเมืองอีกครั้ง
เทอโรซอร์ดูเหมือนจะไม่สบอารมณ์นัก แม้ว่ามันจะได้รับบาดเจ็บที่ท้อง แต่มันก็ไม่ถึงแก่ชีวิต จุดสำคัญที่สุดคือมันคิดว่ามันจับเหยื่อได้แล้ว แต่สุดท้ายแล้วเหยื่อก็ระเบิดตัวเอง มันสงสัยว่าพวกโครงกระดูกส่วนหนึ่งที่เหลืออยู่ก็กินไม่ได้ แหงล่ะ นั่นเป็นโครงโลหะของเฮลิคอปเตอร์ถ้ากินได้ก็แปลกแล้ว แน่นอนว่าต่อไปในภายภาคหน้ามันไม่ควรล่าสิ่งที่ดูเหมือนมีชีวิตแปลก ๆ มาเป็นเหยื่ออีก
อย่างไรก็ตามหลังจากเห็นไป๋อี้และคนอื่น ๆ เจ้านั่นก็ตัดสินทันทีว่าสิ่งมีชีวิตที่เดินบนพื้นดินเป็นสิ่งมีชีวิตปกติทั่วไป
เมื่อมองไปที่สิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างคล้ายเทอโรซอร์ที่บินอยู่บนท้องฟ้าไป๋อี้ก็อดไม่ได้ที่จะเคาะหัวของตัวเอง มันมาอีกแล้ว เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้เขาไม่ต้องการต่อสู้กับมัน
วูล์ฟจับง้าวของเขาขึ้นมาทันที เขาพร้อมที่จะลงมือทันที เขาเป็นคนเดียวที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ในเวลานี้ไป๋อี้ได้ลากวูล์ฟมาและเขาก็กำลังเผชิญหน้ากับเทอโรซอร์
ร่างกายของไป๋อี้ที่บาดเจ็บไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเคลื่อนไหวต่อสู้อย่างรุนแรง แต่ถึงอย่างไรไป๋อี้ก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะต่อสู้ แต่เขายืนอยู่อย่างเงียบๆในจุดหนึ่ง เมื่อเทอโรซอร์บินเข้ามาใกล้ ไป๋อี้ก็ลืมตาขึ้น ในขณะนี้ไป๋อี้รู้สึกได้ทันทีว่าพลังงานพิเศษในร่างกายของเขาได้ไหลเวียนเข้าสู่ดวงตาของเขาแล้ว