เอลฟ์แห่งหน่วยสืบสวน
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นก่อนที่เมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจค limited จะเริ่มต้น
ในวันนั้น หน่วยสืบสวนเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้า เพราะพวกเธอถูกกำหนดให้จัดงานสำหรับผู้ที่จะมาเยี่ยมชม —โดยเฉพาะการสัมมนาเรื่องเทคนิคการจับกุม เจ้าหน้าที่ทั้งหน่วยระดมกำลังกันเพื่อลอกเสื่อทุกผืนออกจากโรงฝึก ทำความสะอาดสถานที่ เตรียมอาหารและเครื่องดื่ม ตรวจสอบกำหนดการณ์ จัดวางที่นั่งให้กับแขก และงานอื่นๆอีกมากมาย พวกเธอทำงานกันหนักจนไม่มีเวลาแม้แต่จะนั่งพัก
งานนี้ถูกจัดขึ้นเพราะความต้องการของคนใหญ่คนโต แต่มันกลับสร้างผลกระทบกับผู้ที่อยู่ในระดับปฎิบัติการอย่างมากที่สุด ภายในหน่วยสืบสวน ตั้งแต่หัวหน้าหน่วยไปจนถึงผู้ตรวจการณ์ระดับล่างสุดล้วนไม่มีใครบ่น ตัดพ้อหรือพูดอะไรไม่พอใจออกมา พวกเธอเก็บความคิดแบบว่า ไอ้พวกเวรนี่เอาแต่สร้างปัญหายุ่งยากซะจริง เอาไว้ในใจ และเตรียมการทุกอย่างให้พร้อมแบบจริงจัง
จากนั้นพวกเธอก็ได้รับข่าวที่ไม่คาดคิด
มีการลักพาตัวเกิดขึ้น คนร้ายคือเมจิคัลเกิร์ล สถานที่คือเมืองท้องถิ่นของประเทศหนึ่งในทวีปอเมริกาใต้
พวกเธอยุ่งมากอยู่แล้ว และในตอนนี้มันยังมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นอีก หน่วยสืบสวนนั้นมีขอบเขตอำนาจการสอบสวนอาชญากรรมใดๆที่เกี่ยวข้องกับเมจิคัลเกิร์ลในโลกมนุษย์ —และเป็นอิสระจากอำนาจของดินแดนเวทมนตร์— รวมถึงสิทธิ์ในการจับกุมด้วย เมื่อมีอาชญากรรมเกิดขึ้น พวกเธอก็รับหน้าที่เหมือนกับตำรวจ ทั้งหน่วยรู้สึกโกรธเกรี้ยวตั้งแต่ระดับบนจนถึงระดับล่าง และจากนั้นพวกเธอก็ยังได้รับข่าวที่ใหญ่มากขึ้นอีก
คราวนี้คือการปล้นธนาคาร และคนร้ายทุกคนก็คือเมจิคัลเกิร์ล สถานที่คือนิวยอร์ก
ในตอนนี้มันไม่มีเวลามาจัดงานสัมมนาเกี่ยวกับเทคนิคการจับกุมแล้ว แม้ว่าหน่วยสืบสวนจะถูกเรียกว่าตำรวจแห่งสังคมเมจิคัลเกิร์ล แต่อัตราการก่ออาชญากรรมของเมจิคัลเกิร์ลนั้นก็ไม่ได้มาก ดังนั้นมันจึงไม่ได้มีการจับกุมที่ดูน่าทึ่งอะไรมากมาย
ซึ่งนี่มันก็หมายความว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนกำลังตื่นตระหนก
“แบ่งกำลังออกเป็นสองหน่วย!”
“ฮานะ เธอไปจัดการโจรปล้นธนาคาร! เห็นชัดเลยว่าพวกนั้นมันมีเมจิคัลเกิร์ลที่พูดชื่อท่าของตัวเองออกมาตอนยิงลำแสงด้วย! เป็นไปได้ว่ามันคือพวกที่ทำตัวเป็นนักเรียนจากโรงเรียนกวดวิชามาโอ!”
“เอาอุปกรณ์เดินทางมาหน่อย! เอาพรมเวทมนตร์ออกมาจากคลังด้วย!”
“หัวหน้า รายการยาเวทมนตร์อยู่ในที่เก็บของนะ!”
ในความโกลาหลครั้งใหญ่ราวกับเป็นพายุนอกฤดูกาลนี้ เมจิคัลเกิร์ลและจอมเวทที่มีหน้าที่รับผิดชอบในที่เกิดเหตุออกไปคนแล้วคนเล่า มีเพียงเมจิคัลเกิร์ลระดับสูง คนที่โดยปกติแล้วไม่เคยทำหน้าที่ต้อนรับมาก่อน อย่างหัวหน้าหน่วยและรองหัวหน้าหน่วยเหลืออยู่ หลังจากนั้น คนที่มาเข้าสัมมนา คนที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับหน่วยสืบสวนก็ปรากฏตัวขึ้นทีละคนสองคน
ในตอนนี้หัวหน้าถูกบังคับให้ทำหน้าที่เป็นพนักงานต้อนรับซึ่งมันเป็นอะไรที่ไม่เคยชิน ผู้มาเยือนเลือดร้อนอย่างนักเรียนจากโรงเรียนกวดวิชามาโอ แล้วก็ตัวแทนจากกรมการต่างประเทศก็เข้ามาพร้อมกับพูดอะไรแบบว่า “ถ้าพวกเธอมีปัญหามากล่ะก็ ทำไมไม่ให้ชั้นช่วยเรื่องที่เกิดขึ้นล่ะ?” มันก็ยิ่งทำให้เกิดเรื่องวุ่นมากขึ้นไปอีก
พวกเธอพยายามคุยกับทุกคนและส่งกลับบ้าน เมื่อเวลาผ่านไปจนในที่สุดพวกนั้นหายไปหมดแล้ว ดวงอาทิตย์มันก็อยู่เหนือหัวพอดี แต่เนื่องจากว่าพวกเธอยังไม่ได้แก้ไขเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น งานของจริงมันก็เลยจะเริ่มตั้งแต่จากนี้เป็นต้นไป การมีคำสั่งที่เหมาะสมมันก็จะทำให้เหล่าทหารสู้ด้วยกำลังทั้งหมดที่มี เมื่องานฝ่ายต้อนรับของผู้ไม่มีประสบการณ์เสร็จสิ้นแล้ว หัวหน้าก็วิ่งไปยังสำนักงานเพื่อจัดการงานหลายๆอย่าง เช่นการช่วยเหลือผู้ปฎิบัติการและจัดตั้งกองบัญชาการ หน่วยสืบสวนนั้นสามารถแบ่งหน้าที่ได้อย่างยืนหยุ่นเมื่ออยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ฟิรูรุ คนที่ทำงานอยู่ที่สถานจองจำเมจิคัลเกิร์ลนั้นมีเหตุผลสองประการในการเข้าร่วมการสัมมนาเทคนิคการจับกุม หนึ่งคือมันเป็นมากกว่าข้ออ้าง สองคือมันใกล้เคียงกับความตั้งใจจริงของเธอ
เหตุผลประการแรกคือเธออยากเรียนรู้เทคนิคการจับกุมเพื่อขัดเกลาทักษะการต่อสู้ของเธอและกลายเป็นผู้คุมที่เก่งขึ้นกว่าเดิม ส่วนเหตุผลประการหลังคือเธอเข้าร่วมการสัมมนาแล้วได้ใบรับรองล่ะก็ เธอจะได้เงินรางวัลค่าทักษะพิเศษจำนวนห้าพันเยนเพิ่มเข้าไปในเงินค่าใช้จ่ายประจำวันของเธอ
มันเห็นได้ชัดว่าหน่วยงานของเมจิคัลเกิร์ลนั้นอยากจะเน้นการทำงานอยู่ที่จุดๆเดียว ซึ่งนั่นอาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีหน่วยต่างๆตั้งอยู่ในโตเกียวมาก และพวกนั้นบอกอีกว่าจะสามารถหาทางเข้าเจอได้ก็ต่อเมื่อต้องผ่านกลไกปริศนาและแปลกประหลาด เช่นการเดินไปมาระหว่างสิ่งก่อสร้างสี่สิบห้ารอบ หรือการยืนด้วยมือนานสิบเอ็ดนาทีครึ่งที่ตรอกด้านหลังมาก่อนเท่านั้น
หน่วยสืบสวนเองก็เป็นหนึ่งในหน่วยงานเหล่านั้น แต่มันไม่เห็นจะต้องมีพิธีการที่ยุ่งยากอะไรเลย แค่ใช้ประตูเดินทางแบบระยะไกลมันก็จะทำให้การเดินทางไปมาระหว่างแผนกเป็นเรื่องง่าย
แม้ว่าฟิรูรุจะทำงานอยู่ในสถานจองจำของอเมริกา แต่เธอก็มาจากญี่ปุ่นและยังคงอาศัยอยู่ที่นั่นด้วย เธอใช้ประตูเดินทางไปมาระหว่างสองประเทศบ่อยๆ ดังนั้นมันจึงดูไม่ค่อยเหมือนการเดินทางแต่เหมือนการกลับไปเยี่ยมพ่อแม่มากกว่า —สำหรับเธอแล้วมันไม่ได้รู้สึกเหมือนกับไปเที่ยวเลยซักนิดเหมือนกัน เรื่องของฝากนั้นเธอคิดว่าอาจจะซื้อให้เพื่อนร่วมงานที่สถานจองจำก่อนที่จะกลับไปด้วย เธอจะคิดเรื่องนี้ทุกครั้งเมื่ออยู่ที่ญี่ปุ่น
ก่อนอื่นเธอต้องวางฝ่ามือลงไปที่เครื่องมือตรวจสอบทางชีวภาพ แล้วก็ใส่รหัสผ่านและหมายเลขของหน่วยสืบสวนที่เธอจดเอาไว้ลงไป จากนั้นเธอก็เดินผ่านประตูเวทมนตร์ในสถานจองจำ เมื่อมองดูแล้วประตูนี้มันพัฒนามาจากความตั้งใจเรื่องเทคโนโลยีเวทมนตร์สมัยใหม่ที่ดีที่สุด แต่รูปร่างของมันไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าซุ้มประตูที่ทำมาจากคอนกรีตหยาบๆที่ดูน่าเกลียด แต่มันก็สามารถทำการเคลื่อนย้ายไปและกลับจากฐานสำคัญของแต่ละภูมิภาคได้ในทันที
เมื่อเดินผ่านประตูแล้ว ตัวของเธอจะถูกห่อหุ้มด้วยแสง และในทันทีเมื่อแสงจางลง เธอก็อยู่คนละสถานที่จากที่เธอยืนอยู่ในสถานจองจำอย่างสิ้นเชิง แต่มันก็มีบางอย่างแปลกๆ เมื่อเธอก้าวออกมาจากประตูและพูดกับฝ่ายต้อนรับที่อยู่ด้านหน้า เมจิคัลเกิร์ลสองคนที่เป็นพนักงานต้อนรับมองมาที่เธอด้วยท่าทางไม่พอใจและยืนยันว่า “พวกเราไม่เคยได้ยินว่ามีงานอะไรนะ” และพวกเธอก็บอกว่าจะสอบถามเรื่องนี้ให้ จากนั้นก็ให้เธอนั่งรออยู่ที่โซฟา หลังจากที่รอมาหนึ่งชั่วโมงครึ่งในที่สุดพวกเธอก็บอกว่า “นี่ไม่ใช่หน่วยสืบสวน ที่นี่คือกรมการต่างประเทศ”
ฟิรูรุไม่พอใจ เธอสงสัยว่าทำไมถึงต้องรอนานตั้งชั่วโมงครึ่งเพื่อมาบอกเรื่องพื้นๆแบบนี้ด้วย แต่การระบายความไม่พอใจกับฝ่ายต้อนรับของกรมการต่างประเทศไปมันก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นได้ อีกอย่าง ฝ่ายต้อนรับเองก็ดูน่ากลัวมากด้วย —เธอกลัวเกินไปที่จะตะโกนใส่ แต่ยังไงก็ตาม คนที่ตั้งค่าประตูผิดพลาดและมาผิดสถานที่ก็คือฟิรูรุเอง มันไม่มีใครที่จะสามารถมาแก้ปัญหาของเธอได้เลย
ด้วยการต่อรองเล็กน้อย เธอจึงสามารถใช้ประตูเวทมนตร์ของกรมการต่างประเทศได้ ในที่สุดเธอสามารถจัดการเรื่องการตั้งค่าประตูได้เพราะตรวจดูคู่มือใช้งานหลังจากที่สับสนกับหน้าจอใช้งานที่แตกต่างกันอยู่ครู่หนึ่ง เธอเดินผ่านประตูเข้าไปและโผล่ออกมาในสถานที่ที่ไม่เหมือนกับกรมการต่างประเทศ ผู้คนที่เดินผ่านไปมานั้นเหมือนกับนางแบบหรือคนดัง ฟิรูรุรู้สึกประทับใจ “ว้าว ที่นี่มันต่างกับที่กรมการต่างประเทศแล้วก็สถานจองจำจังเลย” เมื่อเธอพยายามอธิบายสถานการณ์ของเธอให้กับฝ่ายต้อนรับ เธอก็ถูกบอกว่า “ที่นี่ไม่ใช่หน่วยสืบสวน ที่นี่คือแผนกประชาสัมพันธ์” เธอก็กระทืบเท้าตัวเอง แต่นั่นก็เป็นการอธิบายว่าทำไมผู้คนที่อยู่รอบๆถึงได้ดูมีเสน่ห์
เธอจับมาสค็อทที่เดินอยู่รอบๆที่มีหน้าตาเหมือนกับตัวเฟอร์เร็ทมา จากนั้นก็อ้อนวอนขอร้องเพื่อให้ช่วยเธอตั้งค่า และหลังจากที่ตรวจสอบปลายทางจนแน่ใจแล้ว เธอก็ใช้ประตูเวทมนตร์อีกครั้ง
เมื่อเธอออกมาจากประตู เธอก็พบว่าตัวเองอยู่ในสิ่งก่อสร้างที่สร้างจากไม้เหมือนกับโรงเรียนในสมัยก่อนที่เธอเคยดูในภาพยนตร์ เมื่อเทียบกับคอนกรีตโล่งๆที่ทาสีดำที่ด้านในกรมการต่างประเทศ และกำแพงของแผนกประชาสัมพันธ์ที่ฉาบด้วยสีขาวไข่มุกจนสามารถมองเห็นภาพของตัวเองที่สะท้อนอยู่ได้ เมื่อเทียบกับสถานที่แห่งนี้แล้วมันก็ดูค่อนข้างใหม่
ฟิรูรุรู้สึกได้ถึงแก่นของมัน —มันคืออะไรที่เรียบง่ายและทนทาน แถมยังใช้งานได้จริง เธอเองก็คิดว่า “จะใช้เงินมากมายเพื่อภาพลักษณ์ไปทำไมกันนะ?” อีกด้วย ฟิรูรุสงบใจตัวเองแล้วเดินผ่านทางเข้าเพื่อมุ่งหน้าไปยังฝ่ายต้อนรับ แต่มันก็ไม่มีใครอยู่ที่นี่เลย กระดิ่งเรียกเองก็ไม่มีอีกด้วย
“ขอออออโทษษษษษนะ มีใครรรรรอยู่ไหมมมมม?”
ไม่มีเสียงตอบรับเลย แถมเธอเองก็รู้สึกว่ามันจะไม่มีใครมาอีกด้วย ที่นี่ไม่มีกระดิ่งหรือออดเพื่อเรียกด้วยเช่นกัน เธอพูดออกไปอีกครั้งพร้อมกับเสียงที่ดังขึ้นเล็กน้อย แต่หลังจากที่เธอรออยู่สามนาที มันก็ยังคงไม่มีอะไรเหมือนเดิม แม้เธอจะพูดออกมาแบบสุดเสียงแล้วรออีกห้านาที —มันก็ยังคงไม่มีใครเช่นเดิม เธอกังวลเล็กน้อยเพราะคิดว่างานสัมมนามันคงเริ่มไปแล้ว หน่วยสืบสวนทั้งหมดคงอยู่จะที่งานสัมมนา เพราะแบบนี้ที่นี่มันถึงไม่มีใครตอบสนองกับการที่เธอเรียกเลย
เมื่อคิดถึงเรื่องสถานการณ์แล้ว การยอมแพ้คงเป็นอะไรที่ดีที่สุด แต่เธอก็ไม่อยากยอมแพ้ มันคงน่าโมโหที่การใช้เวลาทั้งหมดของเธอได้ผลลัพธ์กลับมาเป็นความความว่างเปล่า แม้ว่าในตอนแรกมันจะเป็นความผิดของฟิรูรุ แต่มันก็เป็นความผิดของกรมการต่างประเทศด้วยที่กักตัวของเธอให้รออยู่ที่นั่นตั้งนาน หากเธออธิบายเรื่องนี้ไปอย่างถูกต้อง เธอจะถูกห้ามไม่ให้เข้าร่วมการสัมมนารึเปล่านะ? มันคงเป็นอะไรที่น่าอึดอัดมากถ้าเข้าไปร่วมหลังจากที่งานเริ่มไปแล้ว แต่กระนั้นมันก็น่าอึดอัดเหมือนกันที่ต้องเขียนรายงานว่ากลับมาโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลยเพราะเธอไปสาย
“ขอโทษษษษษนะ! มีใครรรรรอยู่ไหมมมมม?” เธอพูดออกมาพร้อมกับเดินไปตามทางเดินเก่าๆที่ทำให้นึกถึงทางเดินของโรงเรียนมัธยมปลาย
หลังจากที่เดินไปได้ไม่นาน เธอก็เจออะไรบางอย่างที่ดูเหมือนกับเป็นป้ายแจ้งข่าวสารที่ทำขึ้นด้วยมือติดอยู่ มันมีภาพของมือที่ชี้นิ้วชี้ไปทางขวาของทางเดิน ที่ด้านล่างนั้นเขียนว่า สัมมนาเทคนิคการจับกุม แถมยังมีตัวอักษรอะไรบางอย่างเขียนเอาไว้แบบหยาบมากๆอยู่ด้วย แม้ว่าวันนี้เธอจะมาได้ไกลขนาดนี้ ทุกอย่างมันก็เลวร้ายไปหมด เธอแทบจะบอกไม่ได้ว่ามันคือภาษาญี่ปุ่นด้วยซ้ำ นี่ไม่ใช่ระดับที่มีบางคนเขียนอะไรลวกๆแล้ว —แต่มันคือลายมือไก่เขี่ยชัดๆ
หากเธอไปยังสถานที่ที่ตัวเองควรจะไปได้มันก็เพียงพอแล้ว ฟิรูรุหันไปทางขวาตามป้าย และเมื่อ “ทางเดินในโรงเรียน” มาถึงทางตัน มันก็มีประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่สูงสองเมตรครึ่งส่วนความกว้างก็มีขนาดเป็นสองเท่าเปิดเอาไว้อยู่ เธอพูดออกไปอย่างเบาๆว่า “ขอโทษค่ะ” แล้วเข้าไปด้านใน และในที่สุดเธอก็มาถึงโรงยิมของโรงเรียน
พื้นของที่นี่เป็นพื้นไม้ มีเสื่อขนาดเท่าภูเขากองอยู่ตรงมุมห้อง ส่วนชั้นสองนั้นต้องขึ้นไปผ่านบันไดที่วนอยู่รอบพื้นที่ และจากจุดที่หน้าต่างเปิดอยู่ มันก็มีแสงอาทิตย์ส่องเข้ามาด้านใน
ที่นี่เองก็ไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว ฟิรูรุมองไปรอบๆบริเวณ จากนั้นก็มองไปรอบๆอีกครั้ง มันไม่มีใครอยู่จริงๆ
เมื่อมองอีกแง่หนึ่ง ที่แห่งนี้มันมีขนาดใหญ่กว่าโรงยิมของโรงเรียนมัธยมต้นหรือมัธยมปลายหนึ่งหรือสองเท่า มันเก่าก็จริงแต่ก็ถูกสร้างขึ้นมาอย่างดีและดูทนทานอีกด้วย โดยปกติแล้ว เวทมนตร์เสริมความแข็งแกร่งจะถูกร่ายลงบนสถานที่เช่นนี้ ดังนั้นมันจึงไม่พังทลาย แม้ว่าพวกเธอจะแข่งขันอะไรกันแบบอิสระก็ตาม
ฟิรูรุเดินเข้าไปหากองเสื่อที่กองกันอยู่จนเกือบจะถึงเพดานแล้วปรบมือออกมา ไม่ผิดแน่ เสื่อทาทามิทุกผืนนั้นถูกเสริมความแข็งแกร่งเอาไว้ด้วย มันเป็นเรื่องสำคัญมากที่ต้องทำให้ทนทานกับการที่เมจิคัลเกิร์ลจะวิ่ง ล้มลง คลานอยู่บนนั้น ดังนั้นมันจึงมีราคาที่แพงพอสมควร
ที่หน่วยนี้ดูเหมือนว่าจะมีเงินทุนมากกว่าสถานจองจำ แม้ว่าทั้งสองหน่วยจะมีความเกี่ยวข้องกัน ในทางปฎิบัติเองก็เหมือนกับพี่น้อง ฝ่ายหนึ่งจับกุมและอีกฝ่ายนึงคุมขังคนที่จับมาได้ แต่มันก็มีแตกต่างกันในแง่ความเคารพนับถือ
ในขณะที่ฟิรูรุกำลังคิดเรื่องเงินอย่างจริงจังอยู่นั้น—
“อ๊ะ อยู่นี่เอง”
—มันก็มีใครบางคนเรียกเธอ ฟิรูรุหันกลับไป “อ๊ะ” เธอแสดงปฎิกิริยาแบบเดียวกันกับอีกฝ่ายออกมาแบบไม่ได้ตั้งใจ
เธอคือเมจิคัลเกิร์ลที่มีแรงบันดาลใจจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีไฟกระพริบอยู่ที่เอวและกุญแจมือขนาดใหญ่ห้อยลงมาจากไหล่ เธอดูเหมือนกับตำรวจเลย —แต่ในอีกแง่หนึ่ง เธอใช้ตัวเองทั้งตัวเพื่อตอกย้ำว่าเป็นสมาชิกของหน่วยสืบสวน เธอยิ้มออกมาอย่างสดใสพร้อมกับโบกมือออกมาตรงหน้า เธอพูดกับฟิรูรุอย่างร่าเริงว่า “ชั้นลำบากสุดๆเลยล่ะ” ซึ่งฟังดูแล้วไม่ได้โกหก
“งาย! ชั้นแพททริเซียนะ!” น้ำเสียงของเธอฟังดูเป็นมิตรซึ่งมันตรงข้ามกับภาพลักษณ์ตำรวจของเธอ
“อ่าา สวัสดี เราชื่อฟิรูรุ”
“แหม ฮะฮะฮะ เพราะที่นี่มันไม่มีใครเลย ชั้นก็เลยสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นน่ะ”
“ขอโทษนะ —คือเราเองก็เหมือนกัน เราสงสัยว่าทำไมที่นี่มันถึงไม่มีคนเลย”
“อื้อ มันถึงทำให้เธอรู้สึกแบบนั้นใช่ไหมล่ะ?”
“อย่างที่เราพูดนั่นแหละ เราเองก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง เรามาสาย แล้วด้วยเหตุผลอะไรซักอย่าง ที่นี่ก็ว่างเปล่า มันไม่มีใครอยู่เลย”
“จริงเหรอ? ชั้นเองก็เหมือนกัน ชั้นมาสัมมนาเรื่องเทคนิคการจับกุมสายไปหน่อย แล้วก็ด้วยอะไรซักอย่าง ที่นี่มันก็โล่ง”
ทั้งสองคนมองหน้ากัน ฟิรูรุรู้สึกว่าเรื่องที่พวกเธอพูดมันเป็นคนละเรื่องกันเลย
แพททริเซียที่เป็นเมจิคัลเกิร์ลสไตล์ตำรวจนั้นมองมาที่ฟิรูรุอย่างงุนงง
“…คุณฟิลนี่ไม่ได้อยู่หน่วยสืบสวนหรอกเหรอ?”
“ไม่ เรามาที่นี่เพื่อเข้าสัมมนา เดี๋ยวสิ…เธอก็ไม่ได้มาจากหน่วยสืบสวนเหมือนกันเหรอ?”
“เปล่า ชั้นเองก็มาสัมมนาเหมือนกัน”
ฟิรูรุเก็บเรื่องที่อยากจะพูดเอาไว้ —แต่งตัวแบบนี้แต่ไม่ได้อยู่ในหน่วยสืบสวนนี่หลอกกันรึเปล่า? แบบนี้มันก็หมายความว่าเป็นแค่คนที่หลงทางคนหนึ่งมาเจออีกคนหนึ่งเท่านั้น และเธอก็แก้ไขเรื่องอะไรไม่ได้เลย “พวกเราควรทำยังไงดีล่ะ? ไม่แน่ใจว่าควรจะเดินไปรอบๆดีรึเปล่า แต่บางทีพวกเราก็ควรไปดูว่ามีใครอยู่ที่นี่บ้าง เห็นได้ชัดเลยว่ามันแปลกที่หน่วยนี้ไม่มีใครอยู่”
แพททริเซียกอดอกของตัวเองจากนั้นก็มองลงไปครู่หนึ่ง แต่จู่ๆเธอก็เงยหน้าขึ้นมา และตะโกนข้ามไหล่ของฟิรูรุออกมาด้วยเสียงดัง
“เฮ้! คนที่อยู่ตรงนั้นน่ะ!”
ฟิรูรุหันหลับมามอง แต่เธอก็ไม่ได้เห็นอะไรนอกจากเสื่อที่กองซ้อนกันอยู่
“คนที่อยู่ตรงนั้น ที่ซ่อนอยู่ด้านหลังเสื่อน่ะ”
เมื่อเวลาผ่านไปสองวินาที มันก็มีอะไรบางอย่างออกมาจากด้านหลังของกองเสื่อ ซึ่งมันทำให้ฟิรูรุรู้สึกตกใจ ในตอนที่เธอเข้ามาในโรงฝึก เธอก็เข้าใกล้กองเสื่อนี้มากพอจนเอื้อมมือไปแตะได้ แต่เธอก็ไม่ได้สังเกตเห็นเด็กสาวเลย
คนที่โผล่ออกมาจากด้านหลังเงาของกองเสื่อก็คือเมจิคัลเกิร์ล กีตาร์ที่หลังของเธอนั้นดูดุดันชวนให้นึกถึงขวานที่เอาไว้สู้รบ ที่ตัวของเธอก็ประดับประดาไปด้วยโลหะจำนวนมากซึ่งมันจะส่งเสียงออกมาทุกครั้งในตอนที่เดิน —มันมีทั้งต่างหู โซ่ กระดุม หัวกะโหลก และปลอกคอ ในขณะที่ชุดของเธอเป็นอะไรที่เรียบง่ายอย่างเสื้อยืดแขนยาวและยีนส์ ซึ่งมันเป็นภาพที่ดูเหมาะสมกันดี
เมจิคัลเกิร์ลกีตาร์นั้นเอามือขวาของเธอไปแตะที่ด้านหลังหัวจากนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างเคอะเขินเล็กน้อย “เราไม่ได้ซ่อนตัวอยู่จริงๆนะ เพราะการทำแบบนั้นมันทำให้ดูเหมือนเป็นคนไม่ดีที่แอบเข้ามาในหน่วยสืบสวนใช่ไหมล่ะ? แต่ท็อตน่ะเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่แสนบริสุทธิ์นะ แล้วท็อตก็ไม่ได้คิดเรื่องอะไรไม่ดีเลยด้วย”
ฟิรูรุไม่เข้าใจจริงๆ แต่คนๆนี้อาจจะเป็นคนที่ปรากฏตัวออกมาช่วยชีวิตพวกเธอในตอนที่เธอและคนที่มาสายอีกคนหนึ่งมองหน้ากันพร้อมพูดว่า “อ๊ะ จะทำยังไงดี พวกเราจะทำยังไงดี?” อยู่ก็ได้ ฟิรูรุยั้งความแปลกใจของเธอเอาไว้และถามว่า “เธอมาจากหน่วยสืบสวนใช่ไหม?”
“อื้อ อื้อ จริงๆแล้วน่ะ” แพททริเซียพูด “มันเห็นได้ชัดเลยล่ะว่าเธออยู่กับหน่วยนี้”
อะไรล่ะนั่น? ถ้าแพททริเซียพูดแบบนั้นฟิรูรุก็จะคิดว่าเธอพูดถูก แต่เมจิคัลเกิร์ลที่มีกีตาร์อยู่ที่หลังและอยู่ตรงหน้าพวกเธอคนนี้แต่งตัวเหมือนกับคนที่ต่อต้านเผด็จการ ครั้งหนึ่ง ฟิรูรุเองก็เคยดูละครสืบสวนที่มีเรื่องราวอย่าง นักสืบที่จัดการกับองค์กรอาชญากรรมได้นั้นมันดูเหมือนกับยากูซ่ามากกว่ายากูซ่าของจริงซะอีก บางทีคราวนี้ก็อาจจะเป็นอะไรแบบนั้นเหมือนกัน
“ถ้าเธอมาจากหน่วยสืบสวนล่ะก็ เธอก็รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้ใช่ไหม?” ฟิรูรุถาม
“อื้อ อื้อ!” แพททริเซียเห็นด้วย “นั่นแหละที่ชั้นอยากรู้! เพราะชั้นมาสาย แถมด้วยเหตุผลอะไรซักอย่าง ที่นี่มันจึงไม่มีใครอยู่เลย”
เด็กสาวกีตาร์นั้นเอามือที่อยู่ด้านหลังขึ้นมาเคาะหน้าผากของตัวเองสองครั้ง เพื่อทำท่าทางที่ไม่ได้มีความหมายอะไรอย่าง “เอ่อ” แล้วก็ “อ่า” ออกมา เธอหมุนขาซ้ายไปรอบๆแล้วหมุนตัวไปทางขวาอย่างช้าๆ จากนั้นเธอก็หมุนตัวไปอีกทางด้วยความเร็วที่มากกว่าสิบเท่าเข้ามาหาฟิรูรุอีกครั้ง “ความลับน่ะ”
“หือ? ความลับ?”
“พวกเธอเป็นคนพวกนั้นใช่ไหม? ที่มาทำอะไรซักอย่าง?”
“อื้อ ใช่ สัมมนาเทคนิคการจับกุมน่ะ”
“ช่าย นั่นแหละ”
เด็กสาวกีตาร์ยื่นนิ้วชี้ที่เธอใช้เคาะหน้าผากตัวเองออกมา จากนั้นก็ขยับมันสองสามครั้งแล้วก็ชี้มาหาพวกเธอ “พวกเธอรู้จักการฝึกซ้อมรับมือเรื่องฉุกเฉินในโรงเรียนประถมไหม? มันจะไม่มีใครมาบอกพวกนักเรียนก่อนใช่ไหมล่ะ? จู่ๆกระดิ่งมันก็จะดีงขึ้น แล้วก็ตามด้วยมีประกาศว่ามีไฟไหม้อยู่ที่ไหนซักแห่ง จากนั้นการฝึกซ้อมก็เริ่มต้น”
“อ๋อ ชั้นเข้าใจล่ะ” แพททริเซียพูด “เธอหมายถึงในตอนนี้มันก็เหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกซ้อมรับมือเรื่องฉุกเฉิน ในตอนที่ตัวเองกำลังเรียนอยู่ตามปกติใช่ไหม?”
“อื้อ อื้อ แบบนั้นแหละ”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ควรทำตัวตามปกติ”
“อ่าหะ บิงโก แต่ไงๆก็ ท็อตมีงานต้องทำอยู่นะ”
“เฮ้ เฮ้!” แพททริเซียจับไหล่ของเด็กสาวกีตาร์เอาไว้ในตอนที่เธอพยายามจะหันตัว จากนั้นก็หมุนตัวของเด็กสาวกลับเข้ามาหา เข่าของเมจิคัลเกิร์ลกีตาร์นั้นสั่นเล็กน้อยพร้อมกับเค้นฟันแน่น แม้ว่าเธอจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อต่อต้านแล้ว แต่เธอก็ถูกรั้งตัวเอาไว้ด้วยกำลังอยู่ดี
“ท็อตค่อนข้างยุ่งนะ…”
“พวกเราสองคนจะถูกทิ้งอยู่ที่นี่อย่างโดดเดี่ยวอีกครั้งเลยนะ รู้ไหม พวกเราไม่อยากรอไปตลอดหรอกนะ ดังนั้นมาคุยกันดีกว่า แค่สั้นๆก็ไม่เป็นไรหรอก”
เด็กสาวกีตาร์นั่งลง —ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือถูกบังคับให้นั่งลง แพททริเซียเองก็นั่งลงข้างๆเธอ ไม่อยากให้ก้นสกปรกเลย… ฟิรูรุคิดในตอนที่เธอนั่งลงไปเป็นรูปสามเหลี่ยมกับเมจิคัลเกิร์ลอีกสองคน
“ชั้นชื่อแพททริเซียเป็นเมจิคัลเกิร์ลฟรีแลนซ์ ความสามารถพิเศษคือการต่อยคนอื่น”
“อ๊ะ เราชื่อฟิรูรุ ทำงานอยู่ในสถานจองจำเมจิคัลเกิร์ล”
“ท็อต คือ เอ่อ…ถูกเรียกว่าคี๊ค ทำงานอยู่ที่หน่วยสืบสวน”
“คี๊ค? ไม่ใช่ท็อตหรอกเหรอ?” แพททริเซียถาม
“เอ่ออออ เอ่อออ…เราคือท็อตคี๊คน่ะ”
พวกเธอคุยเรื่องเล็กๆน้อยๆกัน อย่างเช่น “สงสัยจังว่าเป็นการฝึกแบบไหน?” ไม่ก็ “วันนี้หนาวนะ ว่าไหม?” แต่นั่นมันก็คือก่อนที่ท็อตคี๊คและแพททริเซียจะหัวเราะกอดคอกัน
“แหม ท็อตนี่ยอดชะมัด!”
“ใครๆก็พูดกันแบบนี้ล่ะ!”
ฟิรูรุไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงตลกขนาดนั้น เธอรู้สึกว่าเหมือนตัวเองถูกทอดทิ้งอยู่เลย ในตอนที่ฟิรูรุทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มออกมาแบบปลอมๆและทำให้เห็นว่าเธอนั้นฟังอยู่นั้น ทั้งสองคนก็สนิทกันมากขึ้น สนิทกันราวกับลืมไปแล้วว่าก่อนหน้าที่จะนั่งลงนั้นยังเคร่งเครียดกันอยู่เลย
หรือทักษะเรื่องการพูดคุยมันคือสิ่งจำเป็นในหน่วยสืบสวนกันนะ? บางทีทางหน่วยก็อาจมีภารกิจที่ต้องทำให้ผู้ต้องสงสัยสารภาพออกมา หรือบางทีก็ต้องทำงานเป็นสปายเพื่อแทรกซึมเข้าไปในองค์กรอื่นก็ได้ เหมือนมีความเป็นไปได้สูงที่ใครบางคนในทีมจะมีชื่อเล่นว่า “บลาบลา ผู้สนิทชิดเชื้อ” อยู่ด้วย
“ถ้างั้นทำไมฟิลลี่ถึงตัดสินใจมางานสัมมนาล่ะ?” ท็อตคี๊คถาม
“หือ?”
ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามมันจะรู้สึกลุกลี้ลุกลนเสมอเมื่อหัวข้อการสนทนาหันเข้ามาหาตัวเองในตอนที่จิตใจนั้นหลุดลอยไปอยู่ที่อื่น และเมื่อคนเราลุกลี้ลุกลน มันก็จะพูดเรื่องที่ไม่ควรจะพูดออกมาอย่างไม่คิดอีกด้วย
“การเข้าสัมมนามันจะทำให้เราได้เงินมาใช้จ่ายด้วยนิดหน่อยน่ะ” ดันพูดอะไรแบบที่ไม่ควรพูดออกไปซะแล้วสิ เธอคิดเช่นนี้หลังจากที่คำพูดมันหลุดออกมาจากปากแล้ว ซึ่งมันก็สายเกินไป
ท็อตคี๊คปรบมือของเธอและพูดออกมาพร้อมกับหัวเราะว่า “ไม่ว่ายังไง เงินมันก็คือเรื่องสำคัญ!”
แพททริเซียหลับตาลงและพยักหน้า “เอาจริงๆไม่ตลกนะ เงินมันสำคัญจริงๆนั่นแหละ”
“ท็อตน่ะรวย ดังนั้นท็อตจึงไม่จำเป็นต้องกังวลหรอก”
“จริงเหรอ? เงินเดือนของเธอดีใช่ไหม?”
“เงินเดือน? อ่า ท็อตได้เงินมาจากเพื่อนน่ะ เพื่อนของท็อตรวยสุดๆ ดังนั้นเธอจึงแบ่งมาให้ท็อตนิดหน่อยด้วย”
“ว้าว! ยอดเลยนะ! แล้วเธอได้มาเท่าไหร่ล่ะ?”
“หนึ่งล้าน”
หนึ่งล้าน! มีคนที่อยู่ที่นี่มีเงินล้านเพียงเพราะว่ามีเพื่อนอยู่ด้วย คำพูดอย่าง “เยี่ยมเลยนะเนี่ย” หรือ “เราล่ะอิจฉาจริงๆ” ไม่ก็ “แนะนำเพื่อนคนนั้นให้หน่อยสิ” เกือบหลุดออกมาจากปาก และเธอก็รีบกลืนมันลงไป
“เธอนี่ยอดสุดๆเลย!” แพททริเซียพูดออกมาโดยขาดความยับยั้งชั่งใจต่างจากฟิรูรุ
“แล้วแพตตี้ล่ะได้เท่าไหร่?”
“งานล่าสุดชั้นน่ะได้มาสองแสน แต่หลักล้านน่ะเหรอ? ไม่มีทางหรอก”
สองแสนเหรอ —ถ้าแบบนี้ฟิรูรุก็เอาชนะได้ เธอรู้สึกว่าตัวเองรู้สึกดีขึ้นเพราะความเหนือกว่าเล็กน้อย
“สองแสนปอนด์จากงานเดียวเหรอ? ยอดเลยนะ”
“ไม่ใช่ปอนด์หรอก ชั้นไม่ได้มากขนาดนั้น ดอลลาร์น่ะ ดอลลาร์”
ฟิรูรุไอออกมาอย่างแรง เธอเอื้อมมือไปข้างหลังแล้วตบหลังของตัวเองสองสามครั้ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมามองท็อตคี๊คและแพททริเซียที่มองมาที่เธอด้วยความกังวล
“เธอโอเคไหม? ป่วยรึเปล่า? แต่เมจิคัลเกิร์ลไม่ป่วยหรอกนะ ใช่ไหม?” ท็อตคี๊คถาม
“อ๊ะ ไม่ เราไม่เป็นไร”
แต่จริงๆแล้วฟิรูรุไม่ได้โอเคเลย ตัวของเธอสั่นไหว เธอไม่รู้ว่าหากเอาเงินเยนไปเทียบกันแล้วมันจะเป็นกี่ปอนด์ แต่ตัดสินจากที่แพททริเซียพูด ค่าเงินปอนด์มันสูงกว่าค่าเงินดอลลาร์ ในอีกแง่หนึ่ง หนึ่งล้านปอนด์มันจะมากกว่าหนึ่งล้านดอลลาร์ และเมื่อแปลงเป็นเงินเยนญี่ปุ่นแล้ว —ไม่สิ แพททริเซียพูดว่าค่าตอบแทนที่ได้คือสองแสนดอลลาร์ตั้งแต่แรกแล้ว…
ฟิรูรุกัดฟัน หากหัวข้อการสนทนามาถึงเรื่องเงินที่เธอได้ เธอก็จะรู้สึกแย่เอามากๆ
ฟิรูรุใส่ความพยายามลงไปในรอยยิ้มเป็นพิเศษ จากนั้นก็หันไปหาท็อตคี๊คและแพททริเซีย “เราแค่ไอนิดหน่อยน่ะ ถ้าเรามีปัญหาสุขภาพ เราก็จะไม่มาสัมมนาเทคนิคการจับตั้งแต่แรกหรอก”
“ก็จริง”
“อาชญากรที่โหดเหี้ยมน่ะถูกพาเข้ามาในสถานจองจำอยู่ตลอด มันจำเป็นต้องเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่แข็งแกร่งและไร้ความเมตตา ไม่งั้นมันก็จะจัดการงานไม่ได้เลย” ความจริงแล้วสถานจองจำมันก็ไม่ได้กักขังอาชญากรที่โหดเหี้ยมเอาไว้อยู่ตลอด แต่ฟิรูรุก็พูดออกมาเหมือนว่ามันเป็นแบบนั้น พูดคำโกหกสีขาวออกมาเพื่อให้ง่ายกับการเปลี่ยนหัวข้อ
“คนที่ทำงานในสถานจองจำคือคนที่แข็งแกร่งจริงๆใช่ไหม?” ท็อตคี๊คพูด “ดูเหมือนว่าจะเข้าโจมตีได้ยากมากเลยนะ”
“เห็นว่าจองจำคนที่ฆ่าไปหลายหมื่นคนเอาไว้ด้วยนี่” แพททริเซียพูด
อย่างที่คิด หัวข้อการสนทนาเปลี่ยนไปอย่างง่ายๆ ฟิรูรุรู้สึกโล่งใจเป็นการส่วนตัวและพูดต่อ “มันจำเป็นต้องพยายามอยู่ตลอดเพื่อแข็งแกร่งขึ้น เพราะแบบนี้เราถึงมีความคิดที่จะมางานสัมมนาเพื่อเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆน่ะ”
เธอไม่สนใจว่าตัวเองจะพูดออกมายังไง เพราะมันคือสิ่งที่ทำให้เธอมีเงินใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ทั้งแพททริเซียและท็อตคี๊คก็ไม่ได้แตะเรื่องนั้น พวกเธอพยักหน้าและพูดว่า “โอ้” กับ “เธอนี่ทะเยอทะยานสุดๆเลย!”
ในจุดนี้ ฟิรูรุก็ตัดสินใจว่าเธอควรจะพูดแบบนี้ต่อไปโดยทิ้งเรื่องน่ารังเกียจและเงินเอาไว้เบื้องหลัง “เราได้ยินว่าทางหน่วยสืบสวนมีเทคนิคที่เก็บเป็นความลับด้วย”
“โหย ฟังดูน่าตื่นเต้นจัง” ท็อตคี๊คพูด
“หือ? แต่เธอสังกัดอยู่หน่วยสืบสวนไม่ใช่เหรอ ท็อต?” แพททริเซียพูด “เธอไม่รู้เรื่องเทคนิคลับของหน่วยเหรอ?”
“ไม่ล่ะ ไม่รู้เลย คนพวกนั้นอยู่คนละส่วนกับท็อตน่ะ มันไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนภายในหน่วยจะรู้ ท็อตเหมือนคนทำงานนั่งโต๊ะน่ะ”
“เห นี่เธอทำงานในสำนักงานเหรอเนี่ย? ดูไม่เห็นจะเหมือนคนพวกนั้นเลย”
“ไม่ต้องสนใจเรื่องของท็อตหรอก ที่สำคัญคือ เทคนิคที่พวกเราพูดถึงมันเป็นแบบไหนเหรอ?”
“ชั้นได้ยินว่าทางหน่วยสืบสวนมีท่าที่สามารถควบคุมการต่อสู้ได้อย่างสมบูรณ์แบบโดยแค่จับหูอีกฝ่ายน่ะ” แพททริเซียพูด
“หวาาาา! จับหูงั้นเหรอ! ยอดเลย!”
“ไม่เอาน่า ท็อต ไม่มีคนพูดความลับแบบนั้นในสำนักงานบ้างเหรอ?”
“ท็อตถูกสอนมาว่าถ้าจับหูอีกฝ่ายได้ก็ต้องฉีกมันให้ขาดทันทีน่ะ”
ฟิรูรุเกือบจะหยุดตัวเองไม่ให้พูดว่า ‘อะไรเนี่ย เป็นอาชญากรรึไง?’ แทบไม่ทัน เธอต้องกลั้นไม่ให้พูดอะไรออกมาอยู่ตลอดทั้งวัน
“แม้มันจะไม่ได้ทำให้บาดเจ็บหรือทำให้เลือดไหลออกมามากก็จริง แต่มันก็คือการทำให้อีกฝ่ายสูญเสียอวัยวะ จากนั้นก็เอามันไปให้อีกฝ่ายเห็นตรงหน้าเพื่อสร้างผลกระทบทางจิตใจ…อาจารย์ของท็อตบอกมาแบบนี้น่ะ”
แย่มาก ทำไมเทคนิคของคนที่ทำงานในสำนักงานมันถึงต้องโหดร้ายขนาดนี้ด้วยเนี่ย? เธอเก็บงำความตกใจเอาไว้ภายใน ฟิรูรุปล่อยมันไปพร้อมกับความคิดที่ว่า บางคนเองก็คงจะคิดแบบนั้น
“พวกนั้นมีเทคนิคที่น่าสนใจในการสืบสวนด้วยนะ” แพททริเซียพูด “พอจับหูแล้ว ยังมีเอานิ้วโป้งทิ่มเข้าไปในลูกตาด้วย”
โลกที่เต็มไปด้วยการฆ่าฟันแบบนี้มันอะไรกันน่ะ?
ฟิรูรุตั้งใจสงบชีพจรที่เต้นรัวของตัวเอง ท็อตคี๊คนั้นคือสมาชิกของหน่วยสืบสวน เธอเป็นคนที่เหมือนกับนักล่าติดอาวุธและมีสัญชาตญาณของสัตว์ป่า เมื่อเทียบกับงานของฟิรูรุที่เป็นเหมือนคนดูแลสวนสัตว์แล้ว แม้ว่ามันจะมีความเสี่ยง แต่เธอก็ไม่ได้ทุ่มเอาชีวิตตัวเองไปแขวนไว้อยู่ตลอด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแพททริเซียที่เป็นฟรีแลนซ์ ในโลกของเธอหากเกิดประมาทขึ้นมาก็หมายถึงชีวิต ถ้าหากจำเป็น เธอก็จะใช้เทคนิคการบดขยี้ลูกตาด้วยนิ้วโป้ง ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย นี่เธอจะผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ยังไงโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นความเล็กจิ๋วของเธอกันนะ —?
แม้ว่าเธอจะเข้าใจเรื่องนี้อย่างมีเหตุผล แต่จิตวิญญาณของฟิรูรุก็เหี่ยวเฉา เธอกลัวเมจิคัลเกิร์ลสองคนที่อยู่ตรงหน้าเธอ
“หืม ยังอยู่กันอีกเหรอ?”
ในตอนนั้นฟิรูรุสะดุ้งแล้วหันหน้าไปมองทางต้นเสียง แพททริเซียและท็อตคี๊คก็ตั้งการ์ดเรียบร้อยแล้ว ฟิรูรุจึงยกตัวขึ้นเพื่อตั้งท่าต่อสู้ตาม แต่เนื่องจากเจ้าของเสียงนี้คือชายวัยกลางคนที่สวมชุดสูทที่ตัดเย็บอย่างดีแถมยังเล็มหนวดอย่างเรียบร้อย —ถ้าผอมกว่านี้ซักนิดก็จะดูเหมือนกับเป็นผู้ชายที่รักสวยรักงามเป็นพิเศษเลยเลย— เธอทำตัวไม่ถูกเลยยืนคำนับไปแทน นี่เขาเป็นแขกงั้นเหรอ? หรือว่าเป็นลูกจ้างของหน่วยสืบสวนกันนะ?
ชายวัยกลางคนเอนตัวครึ่งบนมายังทางเข้าของโรงฝึก เข้าไม่ได้กลัวเลยเมื่อเผชิญหน้ากับเมจิคัลเกิร์ลที่ตั้งท่าต่อสู้ จริงๆแล้วเขาดูเหมือนกับโล่งอกตอนพูดว่า “เหลือเชื่อจริงๆ เรื่องนี่มันเกิดได้ทั้งวี่ทั้งวันเลยสินะ” อีกด้วย
“อะ เอ่อ มันเรื่องอะไรกันน่ะ?”
“เห็นว่ามีเมจิคัลเกิร์ลบางคนที่ขังตัวเองอยู่ในบ้านพักของเจ้าหน้าที่ของส่วนกลางน่ะ ทางนั้นโกรธมากแล้วบอกให้รีบจับตัวในทันที แต่เรื่องนั้นมันคงไม่เกิดหรอกเพราะตอนนี้พวกเรายุ่งกันสุดๆ”
“เอ่อ ถ้างั้น—” ฟิรูรุพูด
“ประตูหมายเลขสิบตั้งค่าไว้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ขอฝากพวกเธอด้วยล่ะ” ชายคนนั้นถอยห่างจากประตูโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เสียงของรองเท้าหนังที่ดังอยู่ตามทางเดินก็ค่อยๆเงียบและหายไปอย่างรวดเร็ว
ควรจะตามไปดีไหมนะ? ไปสิ ควรจะตามไป ฟิรูรุคิด ในตอนที่เธอได้ข้อสรุปแล้วจะวิ่งออกไปนั้น แพททริเซียก็ปรบมือของเธอ
“ชั้นเข้าใจล่ะ —แบบนี้ก็หมายถึงงานสัมมนาเริ่มแล้วใช่ไหม? ใช่รึเปล่าล่ะ?”
เมื่อคำถามพุ่งเข้ามาหาตัว ท็อตป๊อปก็หันซ้ายแล้วก็ขวา ราวกับว่าสับสน จากนั้นก็มองกลับมาที่แพททริเซีย แม้จะดูเหมือนว่าไม่ค่อยมั่นใจด้วยสาเหตุอะไรบางอย่าง แต่เธอก็พยักหน้า
จนในที่สุดฟิรูรุเองก็ถูกโน้มน้าวเช่นกัน “มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ? คือเรื่องการฝึกซ้อมรับมือเรื่องฉุกเฉิน…ไม่สิ งานสัมมนาเทคนิคการจับกุมมันเริ่มแล้วเหรอ?”
“น่าแปลกดีนะที่พวกนั้นจัดขึ้นในรูปแบบต่อสู้จริง” แพททริเซียพูด “ใครมันจะไปคิดว่าหน่วยสืบสวนจะทำอะไรโดดเด่นแบบนี้ล่ะ?”
“อื้อ ทางหน่วยน่ะชอบละครเวทีมาก แต่ว่านะ ท็อตต้องไป—”
“แบบนั้นท็อตคี๊คก็เป็นผู้ดูแลพวกเรางั้นสิ?” ฟิรูรุถาม
“หือ? อะ—? เอ่อ…ก็ บางทีนะ”
“ประตูหมายเลขสิบใช่ไหม?” แพททริเซียพูดยืนยัน “เอาล่ะ งั้นก็ไปกันดีกว่า พวกเราเองก็สายตั้งแต่แรกแล้วด้วย”
แพททริเซียจับตัวของท็อตคี๊คยืนขึ้นแล้วก็ผลักเธอไปด้านหน้า จากนั้นพวกเธอสามคนก็ออกไปจากโรงฝึก ฟิรูรุรู้สึกมีความหวังขึ้นมาเล็กน้อย แม้รายได้ของเธออาจจะต่ำกว่าและงานเองก็อันตรายน้อยกว่า แต่เธอจะไม่ปล่อยให้ใครชนะในเรื่องทักษะทางกายภาพหรือเทคนิคการต่อสู้ที่เป็นสิ่งที่เธอขัดเกลามันในยามว่างเพื่อแก้เบื่ออย่างเด็ดขาด ตอนนี้ความภาคภูมิใจของเจ้าหน้าที่สถานจองจำทุกคนอยู่บนไหล่ของฟิรูรุแล้ว
ฉากของการสัมมนาคือประเทศอังกฤษ จอมเวทที่เป็นผู้ว่าจ้างนั้นพบข้อผิดเล็กน้อยของเมจิคัลเกิร์ลที่เขาจ้างวานมาและได้ทำการลดค่าจ้างของพวกเธอ ดังนั้นพวกเธอจึงทิ้งงานแล้วเข้ายึดคฤหาสน์ของจอมเวท เมื่อเหตุการณ์ประเภทนี้เกิดขึ้น มันก็คือเวลาที่หน่วยสืบสวนจะก้าวเข้ามา
เมื่อดูจากสถานการณ์แล้ว ฟิรูรุนั้นอยากเข้าร่วมกับฝ่ายอาชญากรแทนมากกว่า โดยส่วนตัวแล้วเธอไม่เคยมีประสบการณ์ไม่ดีในเรื่องของเงินค่าจ้างมาก่อน แต่เธอก็หวังอย่างนับครั้งไม่ถ้วนว่าถ้าได้เงินมากขึ้นเล็กน้อยก็ตงจะดี และเมื่อได้ยินการพูดเรื่องเงินๆทองๆจากปากของคนที่ถูกยกย่องเป็นพิเศษนั้น มันก็ทำให้ฟิรูรุรู้สึกแย่กว่าเดิม
แต่สุดท้ายแล้วนี่ก็คือการสัมมนา เธอจะไม่รู้สึกเห็นอกเห็นใจจากฉากที่ถูกจัดขึ้นมาเพื่อการฝึกซ้อมหรอก
“คฤหาสน์ของจอมเวท” ที่เป็นฉากนั้นตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาดเจ็ดสิบตารางเมตร มีกำแพงหินสูงๆล้อมรอบ มีซุ้มประตูโค้งที่มีเถาวัลย์กุหลาบตั้งอยู่ตามทางเดินหลายที่ มันคือคฤหาสน์ที่สวยงามเหมือนกับที่พักอาศัยของอังกฤษในสมัยก่อนที่มีราคาแพง และเมื่อฟิรูรุมองเห็นภาพนี้ หัวใจของเธอก็รู้สึกฉุนเฉียว
เหยื่อ —จอมเวท— นั้นโกรธจนหน้าแดง “เจ้าพวกนั้น! แทนที่จะไปทำงานแบบธรรมดา ทำไมถึงทำตัวต่ำตมแบบนี้กัน?!” เขาตะโกนออกมาพร้อมกับเอาไม้เท้าทุบเข้าไปที่กำแพง การแสดงของเขาสมจริงมาก ฟิรูรุรู้สึกประหลาดใจที่ทางหน่วยสืบสวนมีบุคลากรที่มีความสามารถหลากหลาย แต่กับหมวกทรงแหลมและผ้าคลุมยาวนั้นมันดูค้อนค่างจะจืดชืดสำหรับชุดจอมเวท ดังนั้นเธอจึงหักคะแนนในด้านเครื่องแต่งกายออกเท่านั้น
“เอ่อออ พวกเขาบอกว่ากางบาเรียเวทมนตร์เอาไว้แล้ว ดังนั้นพวกเราจึงไม่ต้องกังวลเรื่องสายตาจากภายนอกหรอกนะ” ท็อตคี๊คพูด
“เมจิคัลเกิร์ลห้าคนที่เก่งการต่อสู้ นอกจากพวกนั้นแล้ว แค่สิบกว่าคน… งั้นเหรอ งั้นเหรอ” แพททริเซียพยักหน้า
ข้อมูลทั้งหมดที่พวกเธอได้มาก่อนหน้านี้มันชี้ให้เห็นว่าเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่การฝึกซ้อม พวกเธอจึงคิดเอาไว้อยู่แล้ว ทั้งสามคนคุยกันเล็กน้อย ฟิรูรุเอาด้ายของเธอพันเอาไว้ที่เข็มขัดของท็อตคี๊คแล้วผูกเอาไว้กับนิ้วก้อยของเธอ ในขณะที่ด้ายที่พันเข็มขัดของแพททริเซียก็ผูกเอาไว้กับนิ้วโป้ง พวกเธอทิ้งเจ้าหน้าที่ที่ยังคงแสดงเป็นจอมเวทผู้ฉุนเฉียวอย่างเกินบทบาทเอาไว้ด้านหลัง จากนั้นก็บุกเข้าไปในคฤหาสน์
แพททริเซียถีบเข้าไปที่ประตู สิ่งกีดขวาง และทุกๆอย่าง จนมันสร้างเสียงที่ดังมากพอที่จะสั่นแก้วหูของพวกนั้น และจากด้านหลัง พวกเธอได้ยินเสียงกรีดร้องที่บอกพวกเธอว่าอย่าสร้างความเสียหายให้ตัวบ้าน ซึ่งมันก็น่าสงสัยว่าตัวของแพททริเซียนั้นได้ยินรึเปล่า แต่แพททริเซียก็ไม่ได้ใส่ใจเลยว่าจะทำลายหรือทุบอะไรทิ้ง เธอกระโดดข้ามเก้าอี้หวายที่ขว้างเข้ามาหาเธอจากด้านในแล้วก็ทำลายมันทิ้งด้วยการหมุนตัวเตะ และใช้การหมุนตัวนั้นช่วยทำการสนับสนุนตั้งแต่ทางเข้าไปยังพื้นที่ด้านนอก จาหนั้นฟิรูรุก็สลับตำแหน่งกับแพททริเซียแล้วมุ่งหน้าเข้าไปด้านใน
เมื่อเธอวิ่งลงบันได ศัตรูก็วิ่งเข้ามาหาเธอ ฟิรูรุจับขอบพรมเอาไว้แล้วกระชากมันด้วยแรงทั้งหมดที่มี ศัตรูล้มลงไปกองกับพื้นและฟิรูรุก็จับตัวอีกฝ่ายเอาไว้ทันที ฟิรูรุจับแขนศัตรูเอาไว้และศัตรูเองก็จับขาของฟิรูรุเอาไว้ ในตอนที่กำลังคลุกวงในอยู่นั้น ฟิรูรุก็ค่อยๆใช้ด้ายของเธอสอดผ่านร่างกายของศัตรู
แรงบันดาลใจของฟิรูรุคือช่างเย็บผ้า และด้ายเวทมนตร์ของเธอเมื่อถูกใช้งานมันก็จะไม่สนแรงต้านของเป้าหมายที่จะถูกเย็บลงไป เมื่อเธอเย็บอะไรบางอย่างมันก็จะไม่ได้สร้างความเสียหายให้แก่เป้าหมาย การที่จะทำให้วัตถุกลับไปเป็นเช่นเดิมเธอก็เพียงแค่ดึงด้ายออกเท่านั้น มันไม่จำเป็นต้องฉีกหูหรือควักลูกตาเลย
เธอดึงด้ายที่เย็บคู่ต่อสู้เอาไว้แน่นขึ้น บิดข้อต่อและกล้ามเนื้อ กดกระดูกสันหลังเข้าไปหาหัวเข่า ล็อคตัวศัตรูเอาไว้ในรูปร่างที่เหมือนกับลูกศร จากนั้นก็มัดตัวของศัตรูแล้วโยนเข้าไปหาศัตรูอีกคนหนึ่งที่กำลังลงมาจากบันได และเมื่ออีกฝ่ายจับพวกของตัวเองได้ ฟิรูรุก็เข้าไปจับตัวทั้งคู่แล้วทำการเย็บอย่างรวดเร็ว แล้วก็เตะพวกเธอออกไป
แพททริเซียอยู่ด้านนอก ฟิรูรุอยู่แนวหน้า ส่วนท็อตคี๊คนั้นอยู่แนวหลัง
มันมีเหตุผลว่าทำไมฟิรูรุถึงรับบท “หน้าที่ในแนวหน้า” ซึ่งน่าจะเป็นจุดที่มีการต่อสู้ที่ดุเดือดที่สุดอยู่ เธอนั้นอยากแสดงให้คนที่อยู่ที่นี่เห็นว่าตัวเองแข็งแกร่ง และรักษาหน้าของทุกคนที่อยู่ในสถานจองจำได้ การที่เธอได้ค่าตอบแทนต่ำมันไม่ได้เป็นเพราะเธออ่อนแอหรือใช้การไม่ได้ เธอแค่ถูกกำหนดให้เป็นผู้ใช้แรงงานราคาถูกทั้งที่จริงๆแล้วเธอมีความสามารถพอตัว เธอจะแสดงออกมาให้เห็น เธอจะไม่แพ้หนึ่งล้านปอนด์หรือสองแสนดอลลาร์หรอก
ฟิรูรุเข้าไปตรวจดูภายในห้องอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางที่มีชีวิตชีวาแบบที่เธอไม่เคยแสดงออกมาซักครั้งในตอนที่กำลังปฎิบัติหน้าที่ เมื่อเธอก้าวเข้าไปที่ประตู สิ่งแรกที่รออยู่ก็คือโถงทางเดินขนาดใหญ่ เธอแน่ใจว่าตัวเองจำแผนผังเอาไว้อย่างดีแล้ว
ในตอนที่เธอก้าวออกไปข้างหน้า เธอก็จะเอาด้ายเย็บไว้กับพื้นทุกๆสามก้าว เธอเข้าไปที่ทางเดินแล้วตรงไปยังทางสามแยก เมื่อเธอเดินผ่านชุดเกราะที่เป็นของตกแต่ง เธอก็นั่งลงไปและดึงเส้นด้ายเส้นหนึ่งของเธอ ซึ่งมันทำให้ส่วนที่เป็นหมวกของชุดเกราะที่เธอเย็บติดเอาไว้กับปลายด้ายลอยขึ้นไปในอากาศ ไปกระแทกเข้ากับหัวของเมจิคัลเกิร์ลที่กระโจนออกมาจากทางสามแยกที่จะโจมตีฟิรูรุจากด้านหลัง
ฟิรูรุจับตัวเมจิคัลเกิร์ลที่ส่ายไปส่ายมาและเย็บแขนสองข้างของเธอเอาไว้ และเมื่ออีกฝ่ายไม่สามารถเคลื่อนไหวได้แล้ว ฟิรูรุยกตัวของเธอขึ้นมาแล้วก็เริ่มเหวี่ยงเธอลงไปข้างล่าง แต่ก่อนที่ฟิรูรุจะเอาหัวของอีกฝ่ายทุบลงไปที่พื้นแบบที่ไม่ทำให้อะไรเสียหายจากแรงกระแทกนั้น เธอก็นึกขึ้นได้ว่า อ๊ะ จริงสิ —นี่มันเป็นสัมมนาเรื่องการฝึกนี่นา และจับอีกฝ่ายนอนหงายแทน นี่มันเกือบไปแล้ว เธอเย็บเมจิคัลเกิร์ลที่นอนขดตัวและร้องโอดโอยอย่างระมัดระวัง แล้วก็กลิ้งตัวของอีกฝ่ายไปที่มุมทางเดิน
เส้นด้ายมันจะส่งแรงสั่นสะเทือนเข้ามาหาเธอ มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะโจมตีฟิรูรุจากด้านหลังภายในบ้านหลังนี้ แรงสั่นสะเทือนที่ผ่านมาตามเส้นด้ายที่เย็บเอาไว้นั้นมันมาจากท็อตคี๊ค เธอเองก็คงต่อสู้อยู่เช่นกัน
ในตอนที่เดินอยู่ตามทางเดินเพื่อที่จะไปรวมตัวกัน ฟิรูรุก็เอาเส้นด้ายพันเอาไว้รอบหีบที่อยู่ในห้องระหว่างทางแล้วก็กระชาก เส้นด้ายนั้นบีบรอบๆตัวหีบ รัดจนเธอสามารถได้ยินเสียงร้องออกมาจากด้านใน เธอคิดว่า ไม่มีทางที่จะพยายามจับเราได้จากในนั้นหรอกนะ แล้วก็โยนหีบออกไปด้านนอก
มีเสียงต่อสู้ดังขึ้นมาจากด้านหลังของประตูที่อยู่ด้านหน้า ฟิรูรุวิ่งไปข้างหน้า เธอรักษาแรงส่งเอาไว้เพื่อเตะประตูแล้วก็กระโจนเข้าไปด้านใน ที่นี่มันมีเมจิคัลเกิร์ลที่อยู่ในชุดพริ้วไหวกำลังหลบกีตาร์ของท็อตคี๊คที่เหวี่ยงอยู่ แถมยังหลบการเตะของฟิรูรุจากด้านหลังได้ด้วย ท็อตคี๊คถอยห่างออกไปและเริ่มดีดกีตาร์
พวกเธอบอกเรื่องเวทมนตร์ของตัวเองให้อีกฝ่ายรู้มาล่วงหน้าแล้ว ฟิรูรุกระโดดไปด้านข้างเพื่อหลบโน๊ตดนตรี แต่เมจิคัลเกิร์ลคนนั้นก็ลอดผ่านช่องว่างของตัวโน๊ตได้อย่างไหลลื่น โน๊ตดนตรีเองก็ตกลงมา มันแตกตัว และกระเด้งกระดอนไปทั่วทุกที่ทั้งบนพื้น เพดาน และเตียงนอน แต่อีกฝ่ายก็ยังคงหลบตัวโน๊ตที่กระเด้งกระดอนได้อีก
“เธอหลบได้หมดทุกอย่างเลย!” ท็อตคี๊คพูด
ฟิรูรุถอยออกมาอยู่ด้านหลังท็อตคี๊ค และแตะหลังของเธอเบาๆ “เธอประสานการโจมตีกับเราได้ไหม?”
“แต่อีกฝ่ายหลบได้นะ”
“ขอร้องล่ะ ขออีกครั้งนะ”
“อื้อ จะลองดู”
ท็อตคี๊คยิงโน๊ตดนตรีออกมาจากกีตาร์อีกครั้ง จากนั้นพวกเธอก็กระโดดไปรอบห้องเล็กๆ แต่ศัตรูนั้นก็ยังคงหลบการโจมตีจากพวกเธอได้ —ซึ่งในตอนนี้ฟิรูรุก็จะลงมือ เธอโยนเส้นด้ายที่ถักเป็นทรงตาข่ายเข้าไปหาคู่ต่อสู้ ด้วยการเอาเส้นด้ายมาถักทอเป็นตาข่ายนี้ เธอจึงแผ่มันออกกว้างเพื่อจับศัตรูได้ และตาข่ายล่องหนที่แผ่ออกไปกว้างมันไม่สามารถหลบได้อีกด้วย ไม่ว่าจะพยายามขนาดไหนก็ตาม
ฟิรูรุวางส้นรองเท้าของเธอบนตาข่ายแล้วกระชาก และเมื่อเมจิคัลเกิร์ลชุดพริ้วไหวเข้ามาติดแล้ว โน๊ตดนตรีก็โดนตัวของเธอ มันกระแทกจากด้านข้างแรงมากจนทำให้ตัวงอเป็นรูปตัว V และจากนั้นก็มีโน๊ตดนตรีพุ่งเข้าไปหา ศัตรูจึงล้มลงพร้อมกับตัวโน๊ตจำนวนมหาศาล
“…นี่พวกเราทำเกินไปรึเปล่า?” ฟิรูรุพูด
“ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องห่วง การฝึกซ้อมของหน่วยสืบสวนน่ะโดยทั่วไปแล้วก็มันเหมือนกับการต่อสู้จริง”
ถ้าหากท็อตคี๊คจากหน่วยสืบสวนพูดแบบนี้ มันก็คงจไม่เป็นอะไร ฟิรูรุเย็บเมจิคัลเกิร์ลคนนั้นเอาไว้ จากนั้นก็โยนออกไปนอกหน้าต่าง
เมื่อรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนของฝีเท้าจำนวนมากตามทางเดิน ฟิรูรุส่งสัญญาณมือให้ท็อตคี๊ค ในจังหวะเดียวกันที่เมจิคัลเกิร์ลกระโจนเข้ามาในห้อง ท็อตคี๊คก็ดีดกีตาร์ของเธอเพื่อจัดการพวกมันด้วยโน๊ตดนตรีอย่างรวดเร็วและกระแทกเมจิคัลเกิร์ลสามคนกลับเข้าไปในทางเดิน ฟิรูรุต่อยเข้าไปหาเมจิคัลเกิร์ลคนหนึ่งที่ลอดผ่านโน๊ตดนตรีเข้ามาได้ ในขณะเดียวกันก็เย็บด้านบนคอเสื้อของเธอเข้ากับคานตรงเพดาน จากนั้นเธอก็ทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงไปอย่างเต็มกำลังเพื่อดึงตัวของเด็กสาวขึ้นไป และกระแทกหัวของเธอเข้ากับเพดานให้หมดสติ
ฟิรูรุก้าวออกไปที่ทางเดิน เธอต่อย เตะ ขว้าง เย็บศัตรูหนึ่งคน สอง แล้วก็สามคน จากนั้นเธอวิ่งตรงไปที่ชั้นสองและเตะเข้าไปที่กรามของเมจิคัลเกิร์ลคนแรกที่มองเห็นเธอ
“ไอ้พวกหมารับใช้ทุนนิยม!” เมจิคัลเกิร์ลที่ถือดาบยาวตะโกนออกมาพร้อมกับฟันลงมาจากด้านบน ฟิรูรุหลบไปด้านข้างและพันตัวของเธอเอาไว้ด้วยเชือก จากนั้นเธอหมุนทั้งสองคนไปรอบๆเพื่อให้โน๊ตดนตรีที่พุ่งเข้ามากระแทกพวกเธอลงไปกับพื้น แม้ว่าจะเป็นแค่การแสดง แต่ฟิรูรุก็ไม่ชอบที่จะถูกเรียกว่าหมารับใช้ทุนนิยมโดยใครบางคนในหน่วยสืบสวน
ในห้องถัดไปนั้นมันเต็มไปด้วยอะไรบางอย่างสีดำที่มีเป็นรูปร่างมนุษย์ซึ่งมีจำนวนตั้งหมดสิบตัว ฟิรูรุแสร้งว่าทำเป็นตกใจกับเรื่องจำนวนที่มีมากและออกไปยังห้องอื่น จากนั้นเมื่อกลุ่มมนุษย์สีดำเข้ามาหา เธอก็ดึงด้ายที่เธอถักเอาไว้ภายในห้อง ด้ายนั้นมันเหมือนกับบาเรียเวทมนตร์ มันจับตัวของพวกกลุ่มมนุษย์สีดำมาไว้ตรงกลางห้อง และที่นั่น ท็อตคี๊คก็ปล่อยโน๊ตดนตรีเข้าไปหาศัตรูจนทำให้พวกมันปลิวออกไป จากนั้นเมื่อเมจิคัลเกิร์ลสองคนที่ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้ควบคุมก็ปรากฏตัวขึ้น พวกเธอก็โจมตีเข้าหาฟิรูรุด้วยความโกรธเกรี้ยว —แต่ฟิรูรุก็ป้องกันเอาไว้ได้ด้วยด้ายที่ถักเอาไว้เป็นแนวตั้ง เธอไถลตัวไปตามพื้นผ่านตัวศัตรู เหวี่ยงด้ายที่เป็นวงกลมเข้าไปที่รอบเท้าของศัตรูเพื่อจับและมัดเอาไว้ใกล้กับเพดาน คราวนี้ก็ห้องต่อไปสินะ เธอคิด จากนั้นก็เตะเพื่อเปิดประตู —และเธอก็เห็นหน้าต่างห้องนอนที่แตก มีเมจิคัลเกิร์ลสามคนนอนอยู่ที่พื้น และแพททริเซียที่ยืนยักไหล่รอพวกเธออยู่
“มันไม่มีอะไรทำเลยเพราะได้แต่รอพวกเธอน่ะ ดังนั้นชั้นเลยวิ่งขึ้นมาจากกำแพงด้านหลัง”
“เธอทำแบบนี้ไม่ได้นะ” ฟิรูรุตอบ “พวกเราแบ่งหน้าที่เอาไว้แล้วนี่นา”
“อย่าพยายามเอาชื่อเสียงไปคนเดียวสิ ฟิลลี่”
“เราไม่ได้จะเอาไว้เพื่อตัวเองซักหน่อย! มันเป็นความพยายามร่วมกันต่างหาก— ใช่ไหมล่ะท็อต?” ฟิรูรุพูดพร้อมหันกลับมา
แต่ท็อตคี๊คก็ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว
“หือ?”
เธอมองดูเส้นด้ายที่นิ้วก้อย มันหลุดออกไปโดยที่เธอไม่รู้ตัวเลย
“นั่นเธอออกไปสู้ที่ไหนรึเปล่านะ?” แพททริเซียถาม
“ไม่ พวกเราเพิ่งรวมตัวกันก่อนหน้านี้เอง… แปลกจัง”
“นี่มันเป็นเรื่องอื้อฉาวครั้งใหญ่แบบไม่คาดคิดเลยนะ” มานาพูดออกมาอย่างขมขื่นจนเกือบจะทุบถ้วยชาของเธอลงบนโต๊ะ จากที่มองดู มันมีน้ำชาเหลืออยู่เล็กน้อยอยู่ที่ก้นถ้วย
ฮานะที่หยิบกาน้ำชาขึ้นมาเติมนั้นก็หยุดชะงักไป
ห้องรับรองที่พวกเธอใช้งานอยู่นั้นว่างเปล่า มีเพียงมานาและฮานะที่อยู่ที่นี่ แต่ทั้งคู่ก็ยังคงลดเสียงลงต่ำ เพราะนี่มันไม่ใช่เรื่องที่จะคุยกันแบบดังๆได้
ห้องรับรองนั้นมีขนาดเล็ก สามจากสี่ด้านถูกล้อมรอบไปด้วยตู้เวทมนตร์ สิ่งที่เรียงรายกันอยู่ในตู้ก็คือเอกสารการสืบสวนในอดีต ในหมู่เอกสารมันมีเรื่องอื้อฉาวระดับนี้อยู่ด้วยรึเปล่านะ? ทั้งคู่ต่างก็ถอนหายใจออกมา
“ทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะตาแก่ที่จำไม่ได้แม้กระทั่งใบหน้าของผู้ตรวจการณ์แท้ๆ…” มานาบ่นพึมพำ
“วันนั้นมีเรื่องเกิดขึ้นเยอะแยะเลย ดังนั้นมันคงยุ่งมากนั่นแหละค่ะ”
“ให้ตายสิ… มันไม่ดีเลยใช่ไหมที่ผู้เข้าร่วมการสัมมนาออกไปกระทำการจับกุมแบบนั้นน่ะ?” มานาดื่มชาลงไปอีกถ้วย
ฮานะเติมชาให้เธออีกทันที “แล้วพวกนั้นจัดการปิดบังสถานการณ์จากคนอื่นได้ยังไงเนี่ย?”
“เห็นว่าพวกเธอทำให้การจับกุมกลายเป็นงานสัมมนาน่ะค่ะ”
ฮานะดื่มชาของตัวเองลงไปเล็กน้อยเพื่อให้ลำคอชุ่มชื้น จากนั้นก็วางถ้วยชาลงบนโต๊ะอย่างนิ่มนวล “แต่รู้ไหมคะ ว่ามันเหมือนมีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นด้วย เคยได้ยินเรื่องนี้รึเปล่าคะ มานา*?”
*ฉบับ yenpress ฮานะจะเรียกมานาว่า ‘มานา’ ส่วน plat จะเรียกว่า ‘มาจัง’
“อะไรแปลกๆงั้นเหรอ? เรื่องใหม่สำหรับชั้นเลยนะนั่น”
“เห็นว่า ในตอนที่เข้าไปทำการจับกุมพวกเธอมีกันสามคน แต่พอออกมา พวกเธอกลับเหลือแค่สองคน”
“อะไรล่ะนั่น เรื่องผีเหรอ?”
“หนึ่งคนที่หายตัวไปไม่ได้อยู่ในรายชื่อของเจ้าหน้าที่หรือคนที่เข้ามาสัมมนาด้วยนะคะ พวกเธอบอกว่ารูปร่างของเธอนั้นมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร แต่ก็ไม่มีใครที่มีรูปร่างตรงตามนั้นอยู่เลย”
“พี่ อย่าทำให้ชั้นกลัวแบบนี้สิ หน้าของพี่เนี่ยดูน่าขนลุกมากนะ ถ้าจะพูดเรื่องผีก็อย่าทำให้ชั้นกลัวอย่างอื่นสิ”
“บางคนเองก็พูดว่ามีแฟร์รี่อาศัยอยู่ในหน่วยสืบสวนด้วยนะ เธอคนนั้นทนเห็นใครมีปัญหาไม่ได้ เพราะแบบนั้นเธอจึงมาช่วยพวกเราไงล่ะคะ”
“มันไม่ใช่นิทานเรื่องเอลฟ์กับช่างทำรองเท้า*ซะหน่อย รู้ไหม”
*The Elves and The Shoemaker เนื้อหาเกี่ยวกับช่างทำรองเท้าผู้ยากจนที่ได้รับการช่วยเหลือจากเอลฟ์สามตน
https://en.wikipedia.org/wiki/The_Elves_and_the_Shoemaker
MANGA DISCUSSION