“ไงๆก็กินเข้าไปเถอะน่า อร่อยจะตาย” ท็อปสปีดพูด
ริปเปิลกัดเข้าไปที่พายเนื้อทอดเล็กน้อย ที่ด้านล่างมันชุ่มไปด้วยน้ำสตูผัก การทำอาหารของท็อปสปีดจะทิ้งอะไรบางอย่างที่ไม่น่าดูเอาไว้ให้เห็นอยู่เสมอ แต่รสชาติมันก็อร่อยดี
“อร่อยใช่ไหมล่ะ?”
“…คงงั้น”
ท็อปสปีดเอามือจับท้ายทอยด้วยความเขินอายพร้อมกับพูดว่า “อ๋า ก็นะ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ฉันอยากจะพูดหรอก คือจริงๆแล้วฉันมีเรื่องที่อยากจะขอ”
ริปเปิลเคี้ยวพายเนื้อแล้วก็กลืนลงไป เมื่อภายในปากไม่มีอะไรเหลืออยู่แล้ว เธอก็เดาะลิ้น
“ไม่เอาน่า แหม จะเดาะลิ้นทำไมล่ะ?”
“…รำคาญ”
“หืม? เรื่องอะไรกันล่ะ?”
“เรื่องของเธอนี่คงไม่ใช่เรื่องอะไรดีๆแน่…”
“มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก”
“อย่าง ‘ขอยืมเงิน’ หรืออะไรแบบนั้น…”
“มันก็เกี่ยวกับเงินล่ะนะ”
“ว่าแล้วเชียว”
“ฉันไม่ได้พูดว่าจะยืมเงินซักหน่อยนี่!”
ริปเปิลกัดเข้าไปตรงพายเนื้อที่เหลืออยู่ มันกรอบเพราะไม่ได้ชุ่มไปด้วยน้ำผัก มันจึงทำให้รู้สึกค่อนข้างดีที่จะกัดลงไป “งั้นก็แบบว่า ‘เอาเงินมาให้ฉัน’ สินะ? ” เธอถามท็อปสปีด
“ตรงเกินไปนะ แล้วก็ไม่ใช่แบบนั้นด้วย”
มันไม่เคยมีใครขอความช่วยเหลือจากริปเปิลมาก่อน และมันก็รวมถึงตอนที่เธอเป็นคาโนะ ซาซานามิ ร่างก่อนการแปลงร่างด้วย ริปเปิลรู้ตัวดีว่าไม่ใช่คนที่จะให้คำปรึกษากับใครได้ และเธอก็รู้อีกว่าการให้คำปรึกษาเป็นอะไรที่ยุ่งยาก เพราะแบบนั้นเธอจึงไม่อยากรับคำขอร้องมาตั้งแต่แรก แต่ในตอนนี้เธอคิดว่าอยากจะฟังเรื่องนี้ เพราะหากริปเปิลตกลงที่จะช่วย มันก็จะทำให้ท็อปสปีดติดหนี้เธอได้ เธอไม่ได้มีความคิดที่อยากจะช่วยท็อปสปีดเลยแม้แต่นิดเดียว แต่บางทีมันอาจทำให้ลบอะไรหยิ่งๆอย่าง “ฉันเป็นรุ่นพี่นะ” ออกไปจากหน้าของท็อปสปีดได้ และนั่นก็คือแรงจูงใจสำคัญ
“…แล้ว?” ริปเปิลพูด
“หือ? แล้วอะไรเหรอ?”
“เธออยากให้ชั้นทำอะไร…?”
“โอ๊ะ เธอจะรับฟังงั้นสิ? ขอบคุณนะ” ท็อปสปีดกอดอกพร้อมใบหน้าที่ดูกังวล เธอโน้มตัวไปด้านหลังเพื่อเอาปลายของหมวกแม่มดไปวางไว้บนรั้ว “เรื่องเมจิคัลรอยด์น่ะ เคยเห็นเธอในแชทมาก่อนใช่ไหม ริปเปิล?”
เมจิคัลรอยด์44 หุ่นยนต์รูปแบบเมจิคัลเกิร์ล หรือบางทีอาจจะเป็นเมจิคัลเกิร์ลรูปแบบหุ่นยนต์ ความคิดอย่างเดียวที่ริปเปิลมีต่อเธอก็คือ พิลึกชะมัด และก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องไปเกี่ยวข้องอะไรด้วย ดังนั้นริปเปิลจึงไม่ได้รู้จักเธอมากนัก
แต่ถ้าริปเปิลยอมรับเรื่องนั้น ท็อปสปีดก็จะตอบสนองออกมาแบบว่า “อะไรล่ะนั่น? แย่ชะมัด ก็ได้ งั้นฉันจะไปถามคนอื่นก็แล้วกัน” ซึ่งมันจะทำให้ริปเปิลโกรธ ดังนั้นเธอจึงแสร้งทำเป็นรู้จักเมจิคัลรอยด์44 “แล้ว…อีกฝ่ายพูดว่าอะไร…?” ริปเปิลถามท็อปสปีดเพื่อพยายามดึงข้อมูลออกมา
“เธอบอกว่าอยากให้ฉันซื้อไอเท็มจากเธอที่มีแค่ฉันที่ใช้ได้คนเดียวน่ะ”
“อ่า…”
“แล้วฉันก็ใช้มันได้แค่วันเดียวด้วย เพราะแบบนั้นเลยต้องรีบซื้อ”
“หืมม… แล้วเธอต้องการอะไรจากชั้นกันล่ะ?”
“ไม่ใช่ว่าฉันไม่สนใจไอเท็มของเมจิคัลรอยด์หรอก แต่ปัญหามันก็คือราคาน่ะ ฉันไม่ใช่คนรวยอะไรด้วย”
“ก็เห็นๆกันอยู่…”
“ใจร้ายจัง ฉันไม่ได้รวยก็จริง แต่ฉันก็เป็นคนที่คล้อยตามอะไรได้ง่ายๆน่ะ —หมายถึงทนลูกตื๊อไม่ค่อยได้เลย ถ้ามีคนมาพูดว่า ‘ดูสิ ไอ้นี่มันสุดยอดเลยนะ!’ ฉันก็จะเป็นแบบว่า ‘จริงเหรอ?!’ จากนั้นก็ซื้อมาทันทีโดยไม่คิด เพราะแบบนี้แหละคนอื่นถึงได้โกรธฉันอยู่บ่อยๆ”
ริปเปิลเลือกที่จะไม่ตอบว่า “ก็เพราะสมองเธอมันทึบไงล่ะ” กลับไป
เธอเงียบเพราะว่าไม่ได้คิดเรื่องของท็อปสปีด แต่มันเป็นเพราะว่าต่อให้พูดออกไปก็แก้ปัญหาของเธอไม่ได้
“คราวนี้ฉันก็กังวลเหมือนกัน” ท็อปสปีดพูดต่อ “แล้วริปเปิลก็เข้ามาพอดี”
“…อะไรนะ?”
“เหมือนกับว่าพอฉันจะซื้ออะไรแพงๆ เธอก็จะเข้ามาพอดีเลย ไหวพริบดีใช่เล่นนะเนี่ย?”
“ไม่หรอก…”
“ไม่เอาน่า เมื่อกี๊เธอก็—”
จากนั้นก็มีเสียงดังขัดจังหวะขึ้นมา “คุยอะไรกันอยู่เหรอ?”
เด็กสาวทั้งสองคนหันไปมองรอบๆในเวลาเดียวกัน จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นไปสี่สิบองศา ที่ด้านบนมันมีมนุษย์ที่รูปร่างเหมือนหุ่นยนต์ลอยอยู่ในอากาศ มีไอพ่นออกมาจากกระเป๋าบูสเตอร์ทรงจรวด นี่คือเมจิคัลรอยด์44 เธอค่อยๆลงมาด้านล่าง องศาที่ริปเปิลและท็อปสปีดมองเธอก็ค่อยๆลดลงตามไป ในจังหวะที่เธอลงมาถึงพื้น สายตาของพวกเธอก็มองลงต่ำ เมจิคัลรอยด์นั้นเตี้ยกว่า —หรือบางทีการเรียกเธอว่าตัวเล็กอาจจะเหมาะกว่า เพราะท็อปสปีดนั้นตัวเตี้ยกว่าริปเปิลซะอีก เมจิคัลรอยด์นั้นตัวเล็กมากพอที่จะเป็นนักเรียนในโรงเรียนอนุบาลหรือโรงเรียนประถมได้เลย
“อ๊ะ ไง” ท็อปสปีดพูด “พวกเรากำลังคุยกันอยู่เลย”
“ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็คุยไปเถอะ” ไอพ่นที่ออกมาจากบูสเตอร์ของเธอดับลง และเมจิคัลรอยด์ก็เงยหน้าขึ้น เธอสบตากับริปเปิล ตัวตนที่ดูไม่เป็นธรรมชาติแบบนี้ มันทำให้รู้เหมือนว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีตัวตนอยู่จริง แต่ริปเปิลก็เกลียดการหันหน้าไปมองที่อื่น เธอจึงมองกลับไป
“พวกเราเคยเจอกันในแชทใช่ไหม ฉันเมจิคัลรอยด์44นะ”
“…ไง”
ริปเปิลรู้ดีในฐานะเมจิคัลเกิร์ลว่าธีมนินจาของเธอไม่ใช่อะไรที่ปกติ เธอรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้รอบคอบมากพอตอนสร้างตัวอวาตาร์ แต่เมื่อเร็วๆนี้เธอก็คิดว่าธีมนินจาไม่ได้เป็นปัญหาอะไร ความไม่พอใจเรื่องธีมนินจาที่มีมาตั้งแต่ต้นก็ลดลง แต่การได้เห็นเมจิคัลรอยด์ในตอนนี้ มันก็ทำให้เธอคิดว่าตัวเองเป็นเมจิคัลเกิร์ลตามรูปแบบที่ถูกต้อง ความจริงแล้วเมจิคัลรอยด์นั้นไม่ได้มีอะไรแม้แต่อย่างเดียวที่ดูเหมือนเมจิคัลเกิร์ลเลย แถมยังดูไม่เหมือนมนุษย์ด้วยซ้ำ
เมื่อริปเปิลเห็นอวาตาร์ของเธอในแชท ริปเปิลก็แค่คิดว่าเธอเป็นแบบนั้นเพราะว่ามันเป็นตัวการ์ตูน บางทีอาจจะคอสเพลย์เป็นหุ่นยนต์ก็ได้ แต่เมื่อได้เห็นตัวจริงก็ทำให้รู้ว่าเมจิคัลรอยด์ไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าหุ่นยนต์ ตัวของเธอดูเหมือนกับเป็นพลาสติก ดวงตาเองก็เรืองแสงสีแดงออกมารางๆด้วย
เมจิคัลรอยด์เดินเข้ามาหาและก้มตัวลงมองดูเท้าของริปเปิลอย่างตั้งใจ “น่าประทับใจจังที่เดินด้วยเจ้านี่ได้”
ริปเปิลใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงรู้ว่าเมจิคัลรอยด์พูดถึงเกี๊ยะไม้ ท็อปสปีดพูดแทรกเข้ามาว่า “ถ้าจะพูดถึงอะไรที่ไวกว่าตาเห็น เธอเองก็น่าประทับใจเหมือนกันนะ เมจิคัลรอยด์”
“ก็จริง สำหรับพวกเราทั้งคู่น่ะ”
ทั้งสองคนหัวเราะออกมา ท่าทางของเมจิคัลรอยด์ดูเหมือนว่าจะเปลี่ยนไปเช่นกัน แต่ริปเปิลอ่านอารมณ์อีกฝ่ายไม่ออก จากนั้นจู่ๆเมจิคัลรอยด์ก็หยุดหัวเราะ เธอยื่นมือเข้าไปในกระเป๋าที่อยู่ข้างตัวแล้วพูดว่า “ทา—ด๊าาาาาาาาาา” ราวกับเป็นเสียงจากวีดีโอเกม สิ่งที่อยู่บนมือของเธอคืออุปกรณ์ที่ริปเปิลไม่เคยเห็นมาก่อน มันคืออุปกรณ์ทรงลูกบาศก์ที่มีขนาดและรูปร่างเหมือนกับเต้าหู้ มีสายเคเบิล สายไฟ และท่อเล็กๆยื่นออกมาด้วย
“นี่คืออุปกรณ์เพิ่มประสิทธิภาพที่เอาไว้ใช้สำหรับไม้กวาดเวทมนตร์” เมจิคัลรอยด์พูด
“เป็นไอเท็มเฉพาะทางสุดๆเลยนี่?” ท็อปสปีดพูด
“เพราะว่ามันเฉพาะทาง ฉันเลยเอามาให้เธอไง”
“ก็จริงอย่างที่พูดนะ” ท็อปสปีดกอดอกและพยักหน้า “แต่ว่านั่นน่ะไม่ใช่ปัญหา”
“หืม? แล้วปัญหาที่ว่ามันคือ?”
“ฉันได้ยินจากซิสเตอร์นานะมาว่า ไอเท็มของเธอแต่ละชิ้นราคาหมื่นเยน และมันก็ใช้ได้แค่วันเดียวใช่ไหมล่ะ? ตอนนี้เองก็ห้าทุ่มแล้ว อีกแค่หนึ่งชั่วโมงก็จะหมดเวลา แถมฉันยังมีเคอร์ฟิวอีก แบบนั้นชั่วโมงนึงยังไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ มากที่สุดคงซักสี่สิบนาที จะให้จ่ายเงินหมื่นเยนกับของที่ใช้ได้แค่สี่สิบนาทีเนี่ย ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ”
เมจิคัลรอยด์ยกมือของเธอขึ้นมาที่ริมฝีปากและลดเสียงลง “แต่ถ้าเธอคิดจากอีกมุมนึงล่ะ?”
“คิดจากอีกมุม หมายความว่าไงเหรอ?”
“แม้มันจะเป็นไอเท็มที่ใช้ได้ครั้งเดียว มีผลสี่สิบนาที และราคาหนึ่งหมื่นเยน ในอีกแง่หนึ่งคือ… ” เมจิคัลรอยด์ลดเสียงของเธอลงไปอีก “มันทรงพลังสุดๆเลย ฉันว่าเธอคงเข้าใจนะ ท็อปสปีด ต่อให้เป็นมอเตอร์ไซค์หรือรถยนต์ การที่จะย่นเวลาได้แค่เพียงเสี้ยววิมันก็แพงหูฉี่”
“งั้นเหรอ” ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง ท็อปสปีดเองก็ลดเสียงลงไปด้วยอีกคน
“นักซิ่งไม่ควรขี้เหนียวเรื่องเงินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องยนต์ของตัวเองสิ แม้จะเป็นแค่สี่สิบนาที แต่นี่ก็เฉพาะท็อปสปีด ผู้รวดเร็วที่สุดในเมือง N คนเดียวเลยนะ”
“จี้ตรงจุดเลย…”
“อ๊ะ แล้วก็ตอนนี้ เวลาจากสี่สิบนาทีเหลือสามสิบห้านาทีแล้ว”
“หืมม”
เมื่อเห็นท็อปสปีดเริ่มโน้มตัวมาด้านหน้า ริปเปิลก็เดาะลิ้นอย่างแรงแล้วก็จ้องไปที่เมจิคัลรอยด์ ปากของเมจิคัลรอยด์ราวกับว่าตกใจ จากนั้นเธอก็กระแอม นี่คือท่าทีของมนุษย์ จากรูปร่างของเธอแล้วมันดูแปลกมาก
ท็อปสปีดมองไปที่ริปเปิล แล้วก็ยกนิ้วโป้งขึ้นมาจากมุมที่มองไม่เห็น “อื้อ มันแพงนะ แพงสุดๆเลย ฉันซื้อไม่ไหวหรอก”
“ก็จริง” เมจิคัลรอยด์ตอบพร้อมพยักหน้า “เธอพูดมีเหตุผลนะ ดังนั้นวันนี้ฉันเลยมีข้อเสนอพิเศษ ลดครึ่งราคาเหลือห้าพันเยน”
“จริงเหรอ?! ครึ่งราคา แบบนั้น…”
ริปเปิลเดาะลิ้น
“หืมม? อ๊ะ ไม่สิ ไม่! มันก็ยังแพงอยู่ดี”
“งั้นลดอีกครึ่งนึงแล้วกัน เหลือสองพันห้าร้อยเยน…”
“โอ้…!”
ริปเปิลเดาะลิ้นอีกครั้ง
“อ๋า มันก็ยัง…”
“…เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับน้องใหม่ผู้หน้าเครียด ลดราคาให้อีกแปดสิบเปอร์เซนต์เหลือแค่ห้าร้อยเยนเท่านั้น”
เพราะการเดาะลิ้นสามครั้ง ริปเปิลจึงซื้อมันมาได้ในราคาที่ถูกกว่าเดิมเก้าสิบห้าเปอร์เซนต์
เมจิคัลรอยด์อาจจะคิดว่าเพราะไอเท็มชิ้นนี้อยู่ได้แค่วันเดียว การขายในราคาถูกๆจึงดีกว่าโยนทิ้งไปแบบเสียเปล่า นี่คือรูปแบบการขายที่สามารถต่อรองได้เท่าที่ต้องการ
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ท็อปสปีดก็ปรบมือดีใจออกมาอย่างน่าสงสาร
“จริงเหรอ? ลดราคาเก้าสิบห้าเปอร์เซนต์ แบบนี้มันก็เหมือนกับไม่ได้อะไรเลยนะ”
เป็นไปได้ว่าเมจิคัลรอยด์จะหั่นราคาลงไปอีก แต่ราคาเท่านี้มันก็ดีพอแล้ว ริปเปิลทำให้ราคาลดลงมาจนเหลือแค่ห้าร้อยเยนได้ ดังนั้นจึงพูดได้ว่าเธอทำหน้าที่ของตัวเองเรียบร้อยแล้ว
ริปเปิลปรับเสียงภายในปากของตัวเอง เธอเดาะลิ้นให้มีเสียงสูงขึ้น เมื่อท็อปสปีดได้ยินเสียงเดาะลิ้นที่สูงกว่าเดิมแล้วเธอก็พยักหน้า จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “ถ้าห้าร้อยเยนล่ะก็ ฉันจะซื้อนะ”
“นี่พวกเธอสองคนคุยกันด้วยการเดาะลิ้นรึไงเนี่ย?”
“คิดไปเองน่า แต่เจ้านี่คงทำงานได้ตามปกติใช่ไหม?”
“ไอเท็มของเมจิคัลรอยด์น่ะ ไม่มีซักชิ้นที่ทำให้รู้สึกไม่พอใจหรอกนะ”
“ก็นะ มันอาจจะจริงก็ได้ แต่ว่า…”
“ฉันขอยืนยันเลยว่ามันใช้ได้แน่”
“อื้อ ฉันเชื่อนะ แต่ถ้าโกหกล่ะก็ต้องกลืนเข็มพันเล่มนะ เอาล่ะ งั้นก็ตกลงตามนี้”
“โอ้ว ตัดสินใจได้ดีนะ งั้นฉันจะติดตั้งให้เลยแล้วกัน เอาราพิด สวอลโลว์มาตรงนี้สิ”
เมจิคัลรอยด์เลื่อนตัวลงไปด้านล่างราพิด สวอลโลว์ เธอแยกปลายไม้กวาดที่ลอยอยู่ออกเป็นสองข้าง จากนั้นมันก็มีเสียงอะไรบางอย่างดังนั้น และราวๆสามสิบวินาทีต่อมา เธอก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับส่งเสียง “ฮึบ” แล้วเอาไม้กวาดคืนให้กับท็อปสปีด “เสร็จแล้วล่ะ”
“เธอนี่เร็วสุดๆเลย”
“ก็มันเป็นงานของฉันนี่นะ”
แบบนี้ก็หมายความว่าเธอหาเงินเพื่อเลี้ยงดูตัวเองด้วยวิธีการนี้งั้นเหรอ? ริปเปิลเองก็คิดมาหลายครั้งว่ามันคงจะดีหากเธอใช้ทักษะเมจิคัลเกิร์ลของตัวเองเพื่อหาเงิน ด้วยเหตุนั้นเธอจึงอยากถามเรื่องนี้กับเมจิคัลรอยด์ แต่เจ้าหุ่นยนต์ที่เอามือปิดปากเพื่อซ่อนรอยยิ้มอยู่นั้นมันทำให้ดูน่าสงสัย ดังนั้นริปเปิลจึงจ้องมองเธออย่างเงียบๆแทน
“หวา!” ท็อปสปีดอุทาน “มันเพิ่มประสิทธิภาพจริงๆด้วย!”
“แน่นอนอยู่แล้ว ก็มันเป็นไอเท็มของเมจิคัลรอยด์นี่”
“พลังนี่มัน…เจ๋งสุดๆ”
ท็อปสปีดเร่งเครื่องยนต์ จากนั้นก็หมุนตัวหนึ่งครั้ง สองครั้งในอากาศ แล้วก็พลิกตัวมาด้านหน้า 360 องศา “การตอบสนองมันคนละเรื่องเลย!” ท็อปสปีดพูดอย่างตื่นเต้น แต่สายตาของริปเปิลบอกความแตกต่างของราพิด สวอลโลว์ในตอนนี้กับก่อนหน้านี้ไม่ได้
“เอาล่ะ” ท็อปสปีดพูด “ตอนนี้ออกไปซิ่งกันดีกว่า อยู่แถวนี้น่าเบื่อจะตาย”
“งั้นก่อนที่จะออกไป” เมจิคัลรอยด์ยื่นมือขวาออกมา “ราคามันก็ห้าร้อยเยน”
“แหม เป็นอะไรที่คุ้มราคาดีจัง” ท็อปสปีดเอาเหรียญห้าร้อยเยนออกมาจากกระเป๋าเงินแล้วก็ยื่นให้กับเมจิคัลรอยด์ จากนั้นเมจิคัลรอยด์ก็เอาเหรียญห้าร้อยเยนใส่ลงไปในกระเป๋าที่ห้อยอยู่ข้างๆกระเป๋าสะพาย
“ขอบคุณที่อุดหนุนนะ นี่เองก็เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องเศรษฐกิจขนาดใหญ่ การหมุนเวียนของเงินตราคือรูปแบบหนึ่งของการช่วยเหลือสังคม ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามกฎหมายสำหรับเมจิคัลเกิร์ล คนที่ปกติแล้วจะคอยช่วยเหลือ ดังนั้น—”
“เอ้า ริปเปิล ขึ้นมานั่งสิ”
ริปเปิลสงสัยอุปกรณ์ชิ้นนี้ แต่ถ้าเธอปฎิเสธ มันก็คงเป็นการเสียเวลาถกเถียงเรื่องที่จะขึ้นหรือไม่ขึ้นไม้กวาดไปโดยเปล่าประโยชน์ ริปเปิลเตรียมใจว่าตัวเองต้องอยู่กับเรื่องนี้จนหมดวันเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเธอจึงแค่เดาะลิ้นก่อนที่จะเอาขาข้างหนึ่งพาดขึ้นไปบนที่นั่งด้านหลัง
“ฉันเองก็จะไปด้วย” เมจิคัลรอยด์พูด
“หือ?”
“หากมันเกิดทำงานผิดพลาดตอนบินอยู่ล่ะก็ ฉันจะซ่อมมันได้ เงินห้าร้อยเยนน่ะมันคือค่าประกันและค่าบริการ”
“อ่าหะ…แล้วเหตุผลจริงๆล่ะ?”
“อยากลองขี่ไม่กวาดดูซักครั้ง”
“แต่เมจิคัลรอยด์ก็บินได้ด้วยตัวเองนี่?”
“การบินด้วยตัวเองกับการใช้อุปกรณ์มันต่างกันคนละเรื่องเลยนะ และที่สำคัญที่สุด ไม้กวาดเวทมนตร์มันคือไอเท็มผจญภัยระดับคลาสสิคที่เด็กผู้หญิงต่างก็อยากขี่มันซักครั้งในชีวิต ฉันน่ะเป็นแฟนของ เมจิคัล สมักเกอร์ บลัด ราเว็น นะ รู้ไหม”
หุ่นยนต์นี่นับเป็นเด็กผู้หญิงด้วยงั้นเหรอ?
“งั้นก็คงไม่มีทางเลือกล่ะนะ” ท็อปสปีดพึมพำ แต่มันก็ดูไม่เหมือนว่าจะมีปัญหาอะไรต่างกับที่เธอส่งเสียงออกมา ถ้าจะมีอะไรอย่างอื่นล่ะก็ เธอดูมีความสุขด้วยซ้ำ —บางทีอาจจะเป็นเพราะว่ามีบางคนชื่นชมไม้กวาดของเธอก็ได้ เธอยกตัวเมจิคัลรอยด์ขึ้นมาโดยการจับปกคอเสื้อและวางลงที่ด้านหน้าของริปเปิล พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือเธอเข้ามานั่งเบียด
ริปเปิลเดาะลิ้น
“อะไรเหรอ ริปเปิล?” ท็อปสปีดพูด
“อึดอัด…”
“อดทนซักนิดนะ”
“ไม่เห็นต้องเกลียดกันเลย” เมจิคัลรอยด์พูด “ช่วยคิดว่าฉันเป็นเครื่องรางนำโชคก็แล้วกันนะ”
“หน้าไม่อาย…”
“ฉันก็พูดมาตั้งเยอะแล้วนี่”
“พวกเธอพร้อมรึยัง? จับแน่นๆนะ”
“พร้อมเสมอ”
“ฮึ”
“เอาล่ะ งั้นพวกเราจะไปตามเส้นทางปกติ!”
ราพิด สวอลโลว์ลอยขึ้นไปด้านบนแบบไร้แรงต้าน ราวกับว่าถูกดึงด้วยเส้นด้ายที่มองไม่เห็น
“โหย! ยอดสุดๆ!” เสียงของท็อปสปีด ทิศทางของไม้กวาดที่เคลื่อนไหว และขาของเธอที่ยืดตรง มันบ่งบอกว่าเธอนั้นกำลังอารมณ์ดี
แต่อารมณ์ของริปเปิลนั้นกลับตรงกันข้าม หวังว่ามันจะจบลงเร็วๆ เธอคิดแบบนี้พร้อมกับเดาะลิ้น
ไม่ว่าท็อปสปีดจะได้ยินหรือไม่ได้ยินเสียงเดาะลิ้นของริปเปิล เธอก็ยังคงขี่ไม้กวาดตีลังกาอยู่ในอากาศ จากนั้นเธอก็หมุนตัวเหมือนกับสว่าน เธอสนุกสนานไปกับการผาดโผนมากกว่าปกติ ริปเปิลมองดูโลกเบื้องล่างพร้อมกับถอนหายใจออกมา
ท้องทะเลถูกแต่งแต้มไปด้วยแสงไฟจากเรือประมง จุดที่สว่างที่สุดในเมืองคือเขตโจนันที่ไม่เคยมีความมืดมาเยือนของคาลามิตี้ แมรี่ ที่นาคาจูกุเองก็มีแสงส่องสว่างเช่นกัน ส่วนที่ภูเขามันดูมืด มีเพียงแค่แสงไฟจากรถและไฟถนนเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าแสงไฟที่ด้านล่างค่อยๆหายไป ริปเปิลก็เดาะลิ้น แม้กระทั่งในตอนนี้ พวกเธอก็ยังคงขึ้นสูงไปเรื่อยๆ แบบนี้หมายความว่าท็อปสปีดไม่ได้มีแผนที่จะลงจอด นี่ริปเปิลต้องถูกลากเข้ามาขลุกอยู่กับเรื่องไร้สาระไปอีกนานแค่ไหนนะ?
เมื่อริปเปิลเดาะลิ้น ท็อปสปีดก็ไม่ได้รู้ตัว
ริปเปิลเดาะลิ้นแรงขึ้น แต่ท็อปสปีดก็ยังคงไม่รู้ตัว
“กลับกันเถอะ…” ริปเปิลพูด
ท็อปสปีดเมินริปเปิล เธอไม่ได้หันกลับมามองเลย ซึ่งแน่นอนว่ามันทำให้ริปเปิลหงุดหงิด เพราะแบบนั้นริปเปิลจึงยื่นมือไปที่ไหล่ท็อปสปีด แต่ก่อนที่จะทันได้แตะ ท็อปสปีดก็ตะโกนออกมา “สุดยอด!”
ราพิด สวอลโลว์บินแบบซิกแซกผ่านท้องฟ้า ไปซ้ายทีขวาที “สุดยอด! ทั้งความเร็ว! ทั้งพลัง! แถมยังความคล่องตัวอีก! แบบนี้มันทำให้รู้สึกเหมือนตอนที่เคยอยู่ในแก๊งค์ซิ่งเลย!”
เธอเร่งความเร็ว ไม้กวาดนั้นทะลวงผ่านก้อนเมฆและฉีกมันออก แรงดันอากาศเพิ่มขึ้น และเพียงไม่นานพวกเธอก็ทำลายกำแพงเสียงได้ ริปเปิลเดาะลิ้น เธอจับไหล่ของท็อปสปีดเอาไว้แต่ว่าเอามือออกในทันที
“ฉันทำได้! ฉันไปได้ไกลกว่านี้! ยิ่งกว่านี้อีก!”
“หยุดเถอะ…ท็อปสปีด…”
แม้ท็อปสปีดจะไม่ได้ใส่ใจ แต่ว่าราพิด สวอลโลว์มันสั่นอย่างรุนแรง ริปเปิลรู้สึกงุนงง เพราะว่าเมื่อเธอพยายามยื่นมือเข้าไปที่ไหล่ของท็อปสปีด มันก็จะถูกตีกลับมาตลอด ท็อปสปีดนั้นหลุดเข้าไปในโลกของตัวเองอย่างสมบูรณ์แล้ว
ริปเปิลได้ยินเสียงครางออกมาจากหน้าอกของเมจิคัลรอยด์ “มันสั่นแบบสุดๆเลย มันเป็นแบบนี้ตลอดรึเปล่า?”
“ไม่…” ริปเปิลตอบ
เห็นได้ชัดว่ามันเร็วและแรงกว่าปกติ และจู่ๆราพิด สวอลโลว์ก็พุ่งลงด้านล่างอย่างกระทันหันจนริปเปิลต้องจับด้ามไม้กวาดเอาไว้ด้วยความตกใจ ที่ด้านล่างของพวกเธอคือแม่น้ำ พวกเธอกำลังบินอยู่เหนือผิวน้ำจนทำให้น้ำกระเซ็นขึ้นสูงไปตามทางที่ผ่าน
ท็อปสปีดตะโกนออกมา และราพิด สวอลโลว์ก็หมุนควงผ่านใต้สะพาน ริปเปิลมีความรู้สึกเหมือนกับว่าอวัยวะภายในมันขยับไปมา มันทำให้เธอรู้สึกไม่ดีและตัวสั่น “ฉันเป็นอิสระ!” ท็อปสปีดตะโกนออกมาราวกับเป็นทาสนักรบผู้เศร้าโศกที่ต่อสู้อยู่ในโคลอสเซียม
“โอออออเคคคคค!” ท็อปสปีดตะโกนออกมาอีกครั้ง จากนั้นก็เร่งความเร็วของไม้กวาดเร็วขึ้นกว่าเดิม ไม่เห็นมันจะมีอะไรซักอย่างที่โอเคเลย ไม้กวาดมันสั่นไปทุกทิศทุกทาง ริปเปิลกัดฟันและจับด้ามไม้กวาดเอาไว้ด้วยสองมือ มันเป็นสิ่งเดียวที่เธอทำได้เพื่อให้ถูกสลัดตกลงไป
“เอ่อ เธอแน่ใจเหรอว่าทุกครั้งไม่ได้เป็นแบบนี้น่ะ? แน่ใจนะ?” เมจิคัลรอยด์ถาม
“ปกติแล้วมันเหมือนกับ…”
ไม้กวาดทะยานไปตามแม่น้ำ จนกระทั่งมองเห็นท่อระบายน้ำ ริปเปิลยั้งเสียงกรีดร้องของตัวเองไว้และก้มตัว แต่เมจิคัลรอยด์ยั้งเสียงของตัวเองเอาไว้ไม่ได้ “อ๊าาาาา! อันตรายยยยยย!”
“มันก็อันตรายมาพักนึงแล้วนะ…”
ตอนที่พวกเธอออกมาจากท่อระบายน้ำ ภาพที่เห็นก็ไม่ได้เป็นท้องฟ้าใต้แสงจันทร์ แต่มันเป็นกำแพงเสริมซีเมนต์ของแม่น้ำที่อยู่ตรงหน้า ราพิด สวอลโลว์ยกตัวขึ้น เฉี่ยวกำแพงและบินขึ้นไป
ปกติแล้วท็อปสปีดจะไม่ใช่เมจิคัลเกิร์ลที่ทำอะไรไม่ยั้งคิด และตามโดยปกติหากริปเปิลสั่งให้เธอหยุด เธอก็จะหยุด ไม่ได้มีอะไรที่มากหรือน้อยไปกว่านั้น หลังจากที่หยุดแล้ว เธอก็จะบ่นออกมาว่า “ทำไมฉันต้องหยุดด้วยเนี่ย?” ไม่ก็ “ไม่เห็นมีเหตุผลให้ต้องหยุดเลย” หรือ “นี่เธอไม่เชื่อใจทักษะของฉันงั้นเหรอ?” หรือจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ แต่เธอไม่เคยเพิกเฉยสิ่งที่ริปเปิลพูดแบบซึ่งหน้าและทำตัวไม่ยั้งคิดแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าในตอนนี้ตัวของท็อปสปีดไม่อยู่กับร่องกับรอยแล้ว
“เฮ้ ระวั— ให้ตายสิ ระวั—!”
“อะ อั่ก อะ อึก—” แค่พยายามจะพูดอะไรบางอย่างออกมา มันก็เกือบทำให้ริปเปิลกัดลิ้นตัวเอง และก็เพราะว่าไม้กวาดมันสั่นอย่างรุนแรง เธอจึงพูดอะไรออกมาไม่เป็นคำ
“นี่ —เฮ้ —เดี๋ —” เมจิคัลรอยด์พยายามจะพูด
“มะ—มะ—เมจิคัล—รอยด์—”
“ทะ—ทำม๊ายยยยยย?!”
การเร่งอย่างฉับพลันมันทำให้ริปเปิลรู้สึกเหมือนกับว่าหัวจะหลุดออกจากตัว ริปเปิลเอนตัวไปด้านหน้ามากจนคางของเธอไปสัมผัสกับท้ายทอยของเมจิคัลรอยด์ แล้วก็เหมือนกับว่าจะประคองตัวเอาไว้ได้ ไม้กวาดเร่งความเร็วขึ้นและพุ่งทะยานแหวกอากาศ พอความเร็วมันคงที่จนพวกเธอพอที่จะพูดกันได้แล้ว ริปเปิลจึงพูดกับเมจิคัลรอยด์ว่า “อะ—ออกไปจากที่นี่กันเถอะ…”
“โทษนะ?”
“ปล่อยยัยบ้านี่ไว้แล้วบินหนีดีกว่า… ชั้นจะจับตัวเธอเอง”
“แบบนั้นไม่ได้หรอก”
ราพิด สวอลโลว์พุ่งลงมาที่พื้นจนทำให้ฝุ่นและทรายจำนวนมากฟุ้งกระจาย
“อีกอย่าง” เมจิคัลรอยด์พูดต่อ “ไม้กวาดน่ะมันสร้างคลื่นกระแทกไปทั่ว แถมบ้างจังหวะพวกเราก็ทำลายกำแพงเสียงอีก ฉันคิดว่าจะออกไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว แต่มันก็อันตรายเกินไป”
“ก็นะ…”
“ฉันถึงได้บอกอยู่นี่ไงว่าต่อให้อยากแต่มันก็ออกไม่ได้ ฉันเองก็นั่งอยู่ตรงกลางใช่ไหมล่ะ? ถ้าพวกเราร่วงไปที่ไหนซักที่ บางทีพวกเธอสองคนจะเป็นหมอนรองให้ฉันเจ็บตัวน้อยลงก็ได้นะ ฮ่าฮ่าฮ่า!” สุดท้ายแล้วเสียงหัวเราะของเธอก็หายไป จนมันกลายเป็นเสียงถอนหายใจในตอนท้าย
“ได้แล้ว!” ท็อปสปีดตะโกน
เมจิคัลรอยด์ตอบกลับไปด้วยเสียงสั่น “ที่ว่าได้แล้วนี่ได้อะไรเรอะ?”
ท็อปสปีดพูดต่อว่า “ฉันกำลังทำสถิติอยู่!”
เธอไม่ได้รอเมจิคัลรอยด์ตอบกลับ ราพิด สวอลโลว์พุ่งไปด้านหน้าแล้วหมุนตัวลอดผ่านระหว่างต้นไม้สองต้น จากนั้นต้นไม้ระเบิดจนกลายเป็นชิ้นๆและกระเด็นขึ้นไปบนฟ้าด้านหลังพวกเธอ เมจิคัลรอยด์เสียสมดุล ตัวของเธอเซไปทางด้านขวามือ เมื่อแรงเฉื่อยเข้ามาปะทะ ตัวของเธอก็เซไปทางซ้ายมือ มือขวาของเธอที่จับด้ามไม้กวาดเอาไว้ก็ลื่นหลุดออก เมื่อเธอพยายามจับอีกครั้งแต่ก็พลาด มือซ้ายเองก็เช่นกัน จากนั้นร่างกายเธอก็ลอยขึ้นไปในอากาศ—
“ว๊ากกกกกกก!” เมจิคัลรอยด์ตะโกนออกมาโดยทิ้งสำเนียงการพูดแบบหุ่นยนต์ของตัวเองไป
เธอจุดไอพ่นที่บูสเตอร์ทรงจรวดของตัวเองทันทีตอนที่ตกลงไปเพื่อเปลี่ยนทิศทาง ริปเปิลยื่นมือออกไปจับมือของเมจิคัลรอยด์เอาไว้แน่นๆ มันรู้สึกเหมือนกับเป็นพลาสติก แต่สัมผัสจากแรงกำมือของเธอคือมนุษย์ ริปเปิลกระชากแขนของเมจิคัลรอยด์ขึ้น และเมจิคัลรอยด์ก็จับลูกบอลสีขาวที่ห้อยอยู่ตรงเอวของริปเปิลเอวไว้เพื่อดึงตัวเองขึ้นมา ตัวของเมจิคัลรอยด์ถูกบีบอยู่ตรงเอวของริปเปิล มันดูเจ็บปวดเหมือนกับอวัยวะภายในของเธอกำลังถูกบีบรัด แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่เธอจะปล่อยมือได้
“กะกะกะกะกะเกือบไปละแล้วนะเนี่ยนี่ฉันนคิดว่าตะตัวเองต้องตะตายจริงๆละแล้วนะะ”
“เธอพูดอะไรแปลกๆนะ…” ริปเปิลพูด
“อ๊ะ โทษที แค่เสียการควบคุมไปนิดนึงน่ะ”
“ไป ไป ไปปป!” ท็อปสปีดตะโกน
“คนขับนี่ยังไปต่อได้อีกเรอะ?”
“อื้อ…”
“ระะเบิดดดดดด!”
“ระเบิด…อะไร…?”
“ริปเปิล นี่พวกเธอเป็นคู่หูกันไม่ใช่เรอะ! ช่วยหยุดยัยนี่ที!”
“ระวัง…!”
“วู้ว—หู้วววว!” ท็อปสปีดตะโกนออกมาด้วยเสียงที่ราวกับร้องเพลง และราพิด สวอลโลว์ก็เริ่มการเคลื่อนไหวแบบใหม่ เธอบินเรียบไปตามพื้นผิวของภูเขา วิถีการเคลื่อนไหวมันใกล้กับต้นไม้และก้อนหินมากจนริปเปิลคิดว่าจะเข้าไปชนกับเชิงเขาได้ตลอดทุกวินาที แม้พวกเธอจะไม่ได้สัมผัสโดยตรง แต่เพียงแค่เข้าไปใกล้ พื้นดินก็เกิดระเบิด ก้อนหินเองก็สั่นสะเทือน เมจิคัลรอยด์เกาะตัวของริปเปิล ริปเปิลเองก็จับมือของเมจิคัลรอยด์ที่อยู่ตรงบริเวณเอวของตัวเองเอาไว้อย่างแน่นๆ เมื่อจับได้จับมือของหุ่นยนต์แบบนี้ จู่ๆมันก็ทำให้ริปเปิลคิดว่า อ๊ะ แล้วก็เข้าใจในทันที ท็อปสปีดชอบอะไรแบบนี้มาก ริปเปิลรู้สึกตัวช้าเกินไป แต่นี่ก็เป็นเพราะท็อปสปีดชอบขี่ไม้กวาดบินไปมาตามอารมณ์อยู่บ่อยๆ เธอเข้าไปในท่อระบายน้ำที่เป็นทางลัด และใช้พื้นที่ภูเขาเพื่อทำอะไรผาดโผน แต่เธอก็ไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง
แต่เรื่องในคราวนี้มันไม่ใช่แค่ราพิด สวอลโลว์ทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจาย เพราะเมื่อโคลนเข้าปากของริปเปิล เธอก็ไอออกมา และการไอนั้นก็ทำให้ตัวเธอสั่น ซึ่งมันก็ทำให้เมจิคัลรอยด์ตะโกนตามมา แล้วท็อปสปีดก็โห่ร้องสอดคล้องกับการตะโกนของเมจิคัลรอยด์ จากนั้นราพิด สวอลโลว์ก็เร่งความเร็วขึ้นอีก
“ริปเปิล ขอร้องล่ะ อะไรซักอย่าง ช่วยทำอะไรซักอย่างที ขอร้องล่ะนะ” เมจิคัลรอยด์ส่งเสียงคราง
“อะ—อะ—อะไร—อะไร—อะไรซักอย่าง?”
“คะ—แค่ ทะ—ทำ บางอย่าง อะไรก็ได้ อะไรก็ได้ทั้งนั้น! อ๊าาาาา!”
อะไรที่ริปเปิลสามารถทำได้ในตอนที่เธอทำได้แค่จับด้ามไม้กวาดกันนะ? เธอพยายามคิดแผนขึ้นมาหลายเรื่อง แต่จิตใจของเธอไม่มีพื้นที่เหลือพอให้ทำแบบนั้น เธอรู้ว่าตัวเองต้องทำอะไรซักอย่าง แต่สิ่งที่เธอทำได้ก็มีแต่ส่งเสียงออกมาเท่านั้น
“ท็อปสปีด! หยุดได้แล้ว! หยุดนะ ท็อปสปีด!”
“หยุดเซ่ ท็อปสปีด!” เมจิคัลรอยด์ก็พูดออกมาด้วย
“บินปายยยยยยย!” ท็อปสปีดส่งเสียง
ท็อปสปีดบินเป็นวงกลมวนไปตามถนนหลวงที่อยู่เหนือภูเขาราวกับว่าเป็นการเอาลวดมาพันกับแท่งไม้ ริปเปิลนั้นพูดอะไรไม่ออก ส่วนเมจิคัลรอยด์ก็กดหน้าของตัวเองเข้ามาที่หลังของริปเปิลพร้อมกับตัวสั่น เมื่อพวกเธอเอนตัวตามแรงอย่างถูกต้องจนออกจากถนนหลวงมาได้ ในที่สุดริปเปิลก็สามารถหายใจได้ตามปกติ
วิธีการบินแบบนี้ของพวกเธอ มันไม่น่าแปลกใจเลยหากจะเจออุบัติเหตุเข้าซักวัน
“ฟังนะ! หยุดได้แล้ว! หยุดเดี๋ยวนี้!เลย” ริปเปิลตะโกน
“จะหยุดรึจะตาย!” เมจิคัลรอยด์ร้องออกมา
“แย่มาก! แย่ที่สุด!”
“ตาย! ตายยยยยแน่!”
“ยะะะหู้วววววว”
ราพิด สวอลโลว์หมุนตัวครึ่งรอบ และเมื่อพวกเธอหมุนย้อนจุดศูนย์กลางของแรงโน้มถ่วง มันก็ทำให้เมจิคัลรอยด์ห้อยตัวอยู่กลางอากาศ น้ำหนักตัวทั้งหมดของเธออยู่ที่ลำตัวของริปเปิล พื้นที่ด้านล่างมันคือป่าที่แผ่ออกไปสุดลูกหูลูกตาเหมือนกับทะเล ตรงยอดของต้นไม้มันก็ดูราวกับเป็นแนวหอก
“นะ—นี่!”
“อะบะบะบะบะบะ—”
“เยี่ยยยม! ไปต่อออ! หน้าเดินนนนน! ราพิด สวออออออลโลว์!”
ราพิด สวอลโลว์สั่นอย่างรุนแรงแล้วก็หมุน 180 องศาเพื่อกลับมาสู่จุดเดิม เมจิคัลรอยด์ร้องเสียงหลง ริปเปิลเองก็ส่งเสียงร้อง แต่กระนั้นการส่งเสียงออกมาก็ไม่ได้แก้ไขสถานการณ์แต่อย่างใด วิถีการเคลื่อนไหวของราพิด สวอลโลว์ส่ายไปมา จนทำให้ยอดไม้ที่ดูเหมือนปลายหอกปลิวและหายไปที่ด้านหลังพวกเธอ หัวของท็อปสปีดโยกไปมาราวกับถูกเหวี่ยงไปด้านหลัง
“เยสสสสสสสสสส!”
“หวาาาาาาาาาาาา!”
“จ๊ากกกกกกกกกก!”
ด้านหน้าของราพิด วอลโลว์ค่อยๆลดระดับลง ริปเปิลกรีดร้อง เมจิคัลรอยด์ส่งเสียงโอดครวญ ส่วนท็อปสปีดนั้นหัวเราะ เมื่อมองเห็นภาพของท้องทะเล ราพิด สวอลโลว์ก็เชิดหัวขึ้น และก่อนที่พวกเธอจะสัมผัสกับผิวน้ำ ท็อปสปีดก็กระชากไม้กวาดขึ้นไปด้านบน ละอองน้ำกระเซ็นอาบตัวของพวกเธอ แถมมันยังเข้าไปในจมูกและปากของริปเปิลอีกด้วย เกลือระดับเข้มข้นมันทำให้เธอเกิดสำลัก ในตอนที่สำลักนั้นตรงส่วนลำตัวก็ถูกบีบรัด เธอหายใจไม่ออกและตัวของเมจิคัลรอยด์ก็ยังคงเฉียดที่จะร่วงลงไป ราพิด สวอลโลว์พุ่งขึ้นสูงไปบนท้องฟ้าพร้อมกับริปเปิลที่จับด้ามเพื่อประคองตัวเอาไว้อย่างสิ้นหวัง เมจิคัลรอยด์เกาะริปเปิลเอาไว้ และจากนั้นริปเปิลก็เงยหน้าขึ้น
จู่ๆความเร็วของราพิด สวอลโลว์ก็ลดลง
สำหรับคนขี่ไม้กวาดแล้ว การที่ความเร็วลดลงก็เหมือนกับการเหยียบเบรค ท็อปสปีดรีบโยนไม้กวาดขึ้นไปบนฟ้าก่อน จากนั้นมือของริปเปิลหลุดออกจากด้ามไม้กวาด ร่างกายและอวัยวะภายในของเธอถูกเหวี่ยงไปมา ส่วนเมจิคัลรอยด์คนที่ไม่เคยปล่อยมือจากลำตัวของริปเปิลก็พยายามเปิดบูสเตอร์ของตัวเอง แต่ก่อนที่จะทำได้ พวกเธอก็ตกลงไปในทะเล
ใบหน้าของริปเปิลโผล่ขึ้นมาจากทะเลจากนั้นก็พ่นน้ำที่อยู่ในปากออกมา สิ่งสุดท้ายที่เธอจำได้ก็คือเสาน้ำขนาดยักษ์ที่ท็อปสปีดสร้างขึ้น เธอลอยตัวอยู่บนน้ำครู่หนึ่ง จ้องมองท้องฟ้า ก่อนที่จะรู้ว่าตัวเองรอดชีวิต เธอก็เดาะลิ้นออกมาเพราะความโล่งอก เมื่อมองตรงไปยังจุดที่มีเสียงน้ำกระเซ็น เธอก็เห็นเมจิคัลรอยด์เกาะราพิด สวอลโลว์เอาไว้ ส่วนท็อปสปีดก็ลอยอยู่ไม่ไกลจากจุดนั้น
ในที่สุดพวกเธอสามคนก็ถูกคลื่นพัดเข้ามาที่ฝั่ง และยืนขึ้นอย่างโอนเอน
ทันใดนั้นท็อปสปีดก็ดึงเอาเมจิคัลโฟนออกมา และดูที่หน้าจอ เธอกัดฟันและส่งเสียงครางออกมา เธอเอามือข้างหนึ่งบังใบหน้าที่ดูเจ็บปวดแล้วก็มองขึ้นไปบนฟ้าตั้ง
“โธ่เอ๊ย! นึกว่าทำสถิติได้แล้วซะอีก! แต่ไม่เห็นมันจะได้ตรงไหนเลย! เดี๋ยวสิ เลยเวลาเคอร์ฟิวแล้วนี่นา! หวา ตายล่ะ พอถึงบ้านคงโดนแหงๆ!”
ริปเปิลดึงเอาเมจิคัลโฟนของตัวเองออกมาแล้วตรวจสอบเวลาที่หน้าจอ มันบอกว่าตอนนี้เวลาเที่ยงคืนสิบนาทีแล้ว
เมจิคัลรอยด์พึมพำออกมาเบาๆว่า “ไอเท็มของฉันมันจำกัดเวลาใช้ได้แค่ถึงเที่ยงคืน…” และร่างกายของริปเปิลเองก็หมดเรี่ยวแรง
เมื่อดูเหมือนว่าตัวของริปเปิลจะล้มลง เมจิคัลรอยด์ก็ให้ยืมไหล่พิงในทันที นินจาและหุ่นยนต์มองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็สวมกอดกันโดยไม่ได้พูดอะไร ไหล่ของเมจิคัลรอยด์สั่น และริปเปิลก็ลูบหลังของเธอที่เป็นเมจิคัลเลี่ยมอัลลอยด์อย่างแผ่วเบา
“นี่…ตอนนั้นฉันทำเวลาไว้เท่าไหร่นะ? จำไม่ได้เลย แต่ฉันคิดว่าตัวเองทำลายได้นะ” ท็อปสปีดมองมาที่เมจิคัลรอยด์และริปเปิลด้วยท่าทางที่ผสมกันระหว่างความเหน็ดเหนื่อยและสับสน หมวกของเธอเสียทรงเพราะโดนน้ำทะเลจนชุ่ม จุดเด่นของเธอหายไปแล้ว
จากนั้นริปเปิลเดาะลิ้นออกมาเบาๆ
MANGA DISCUSSION