ทรีซิสเตอร์ไรซิ่งโปรเจค: restart
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นก่อนที่เมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจค restart จะเริ่มต้นเพียงไม่นาน
เมื่อมองไปข้างหน้า พวกเธอก็มองเห็นพื้นที่รกร้างทอดยาวออกไป มันไม่มีวัชพืชงอกขึ้นมาบนพื้นที่อันแห้งแล้งเลยแม้แต่ต้นเดียว ลมเองก็พัดจนฝุ่นกระจายไปทั่ว เมื่อพวกเธอมองไปทางขวามันก็เหมือนเดิม ทางซ้ายเองก็เช่นกัน เมื่อมองขึ้นไปเธอก็เห็นดวงอาทิตย์ที่กำลังส่องแสงอันสว่างจ้า และเมื่อเธอหันกลับไปด้านหลัง เธอก็เห็นน้องสาวสองคนของเธออยู่ที่นั่น โซรามิกำลังอ้าปากออกครึ่งหนึ่งพร้อมกับหยีตามองออกไปยังที่ห่างไกล ส่วนซาจิโกะนั้นนอนขดตัวและจับหัวของตัวเองเอาไว้
ถ้าทำได้อูรูรุเองก็อยากขดตัวและจับหัวเช่นกัน แต่ไม่ว่าเธอจะอยากจะล้มตัวลงบนพื้นมากเท่าไหร่ เธอก็รู้ตัวว่าจะทำมันไม่ได้ หากจะเกิดได้มันคงต้องเป็นความฝัน ภาพลวงตา หรืออุปทานหมู่เท่านั้น… ด้วยความรับผิดชอบในฐานะพี่สาวคนโต อูรูรุต้องเผชิญหน้ากับความจริงเหล่านี้
เพราะแบบนั้นอูรูรุถึงออกคำสั่ง
“เข้าแถว!”
ซาจิโกะเงยหน้าขึ้นมามองผ่านแขนของเธอ และโซรามิเองก็มองดูอูรูรุอย่างไม่เชื่อสายตา “พี่ ตอนนี้มันไม่ใช่เวลานะ”
“ไม่ใช่ ตอนนี้ต่างหากคือเวลาที่เหมาะสม! และมันคือเหตุผลที่พวกเราต้องใจเย็นและทำตัวตามปกติด้วย!”
โซรามิพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ และซาจิโกะก็ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ทั้งสองคนยืนเรียงกัน จากนั้นอูรูรุก็ตะโกนออกมาด้วยเสียงที่ดังไปทั่วพื้นที่รกร้าง “นับจำนวน!”
“…หนึ่ง”
“สองงง”
อูรูรุสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่แล้วก็ปล่อยออกมา “มาดูเรื่องรายละเอียดกันดีกว่า”
“โอเคคค”
“พวกเราตามท่านหญิงพัคพั๊คไปที่แผนกใหม่”
“อื้อ”
ถ้าหากมันถูกพิสูจน์ว่ามีประโยชน์ เธอก็จะเป็นสปอนเซอร์และทำการสนับสนุน มิเช่นนั้นเธอก็ต้องบอกลาและจบมันลงที่นี่ ภายใต้เงื่อนไขนั้นมันก็มีแผนกหนึ่งได้นำเอาไปใช้เพื่อต้องการการสนับสนุนจากพัคพั๊ค
มันมีผู้คนมากมายที่ต้องการการสนับสนุนจากเมจิคัลเกิร์ลผู้ยิ่งใหญ่อย่างพัคพั๊ค แต่ถ้าหากต้องตอบสนองกับความต้องการทุกคน เรื่องต่างๆก็จะไม่มีวันจบสิ้น เว้นเสียแต่ว่าโปรเจคนั้นจะมีค่ามากพอที่จะวางเงินและชื่อของเธอลงไปได้ หากเป็นเช่นนั้นมันก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“โปรเจคพัฒนาการจำลองการต่อสู้” นั้นถูกสร้างขึ้นโดยแผนก IT ที่ถูกก่อตั้งขึ้นมาใหม่ มันสามารถกุมหัวใจของพัคพั๊คเอาไว้ได้ และหลังจากที่อ่านเอกสารที่ทางนั้นส่งมาให้แล้ว เธอก็อยากเห็นด้วยตาตัวเองว่ามันเป็นยังไง
หากพัคพั๊คจะออกไปข้างนอก มันก็หมายถึงว่าเป็นงานของสามพี่น้องที่เป็นองครักษ์ชั้นยอดของเธอด้วย พัคพั๊คจะดูดีใจมากเมื่อเธออยู่ในโหมดการเดินทาง การเปลี่ยนชุดเป็นสไตล์โรโคโค่*อันงดงามนั้นมันทำให้เธอดูเหมือนกับก้าวออกมาจากภาพวาดของฟราโกนาร์ด* แม้จะเป็นการมายังสถานที่ทำงานของแผนก IT ที่ทางหัวหน้าแผนกกำลังรออยู่ เหล่าพี่น้องก็ยังทำหน้าที่ในการเป็นองครักษ์ของพัคพั๊คต่อไป
*ศิลปะแบบหลุยส์ที่ 14
https://en.wikipedia.org/wiki/Rococo
*จิตรกรสมัยบาโรกสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 18
https://en.wikipedia.org/wiki/Jean-Honoré_Fragonard
ห้องนั้นดูเป็นสำนักงานเล็กๆที่สกปรก ที่นี่มันไม่ควรค่าแก่การที่จะรับรองพัคพั๊คเลย แสงสว่างเพียงอย่างเดียวที่มีก็คือแสงสลัวๆที่อยู่ภายใน —และด้วยการที่ไม่มีหน้าต่าง มันจึงทำให้มองเห็นฝุ่นที่ฟุ้งกระจายอยู่ใต้แสงไฟอีกด้วย อูรูรุรู้สึกไม่พอใจเป็นการส่วนตัว หยาบคายที่สุด! เธอคิดแบบนี้ แต่พัคพั๊คดูเหมือนจะดีใจ
“พัคไม่เคยมาสถานที่แบบนี้มาก่อนเลย เป็นโลกที่น่าสนใจจัง”
ถึงจะดูเป็นสำนักงานที่สกปรก แต่ถ้าพัคพั๊คพูดแบบนั้น มันก็จะเป็นอะไรที่น่าสนใจอย่างแน่นอน
เมจิคัลเกิร์ลที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สำนักงานยืนขึ้นพร้อมกับแผ่มือออก “ยินดีต้อนรับ ยินดีต้อนรับสู่โลกของชั้น”
การผสมผสานระหว่างแว่นตา, เสื้อกาวน์, ชุดว่ายน้ำที่เปิดเผยเรือนร่าง, เส้นผมที่ดูแล้วหวีได้ลำบาก และลูกบาศก์ปริศนาที่ห้อมอยู่ตรงคอนั้นมันไม่เข้ากันเอาซะเลย การมองไปที่เธอก็ทำให้มีความรู้สึกน่ากังวลอยู่ด้วย พูดถึงชุดของเมจิคัลเกิร์ลไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา แต่มันก็หยาบคายที่จะต้อนรับพัคพั๊คไม่ใช่รึไง? พัคพั๊คนั้นต้องแต่งตัวออกมานะ ดังนั้นคนที่ออกมาต้อนรับอย่างน้อยก็หวีผมให้มันดีๆไม่ได้รึไง? อูรูรุคิด แต่เมื่อเธอหันหน้าไปทางพัคพั๊ค พัคพั๊คก็ยังคงดูมีความสุข
“สวัสดี คี๊คกี๊”
“ยินดีที่ได้รู้จัก พัคพั๊คผู้ยิ่งใหญ่”
เมจิคัลเกิร์ลคี๊คนั้นม้วนแขนเสื้อกาวน์สีขาวของเธอเพื่อยื่นมือขวาออกมาจับกับพัคพั๊ค พัคพั๊คนั้นยิ้มออกมาอย่างสดใส จนทำให้คี๊คยิ้มออกมาเช่นกัน
จากนั้นพัคพั๊คก็นั่งลงบนโซฟาที่มีสปริงโผล่ออกมา ที่วางแขนเองก็หัก สามพี่น้องยืนเรียงแถวอยู่ด้านหลังเธอ ซาจิโกะใช้ปลายเท้าเคาะลงไปที่พื้นสองสามครั้ง บางทีเธอคงอยากจะนั่งลงไป อูรูรุจึงเอาข้อศอกไปกระทุ้งซาจิโกะและกระแอมออกมา
“เอาล่ะ เกี่ยวกับเรื่องแผนที่พยายามจะ—”
ประตูถูกเปิดออก มันคือประตูฝั่งตรงกันข้ามกับที่พวกเธอเข้ามา ทุกคนล้วนหันไปมองในทันที
เด็กสาวที่ยืนอยู่นั้นสวมเสื้อยืดแขนยาวลายทาง มีหนาม เครื่องประดับผมที่ทำจากหนัง รองเท้าหนังที่ดูหยาบ ถุงน่องลายกระดูก และยังถือกีตาร์ที่ดูน่ากลัวเหมือนกับขวาน เธอดูเหมือนกับเป็นพังค์ร็อกเกอร์มากกว่าเมจิคัลเกิร์ลเสียอีก ไม่ว่าเธอจะเป็นใคร เธอก็ดูเหมือนกับพวกนักเลงไม่มีผิด
สำหรับคนที่ปกติแล้วจะเชื่องช้าและขี้เกียจอย่างโซรามิและซาจิโกะก็ยังเคลื่อนไหวออกมาอย่างรวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ พวกเธอเข้าไปป้องกันทั้งสองข้างของพัคพั๊คพร้อมกับตั้งท่าต่อสู้ อูรูรุที่ยืนอยู่ด้านหน้าเจ้านายของตัวเองก็ชักปืนออกมาจากข้างหลังแล้วกำลังจะยกมันขึ้นเหมือนกับกระบอง แต่พัคพั๊คก็ห้ามเธอเอาไว้ด้วยมือขวา “ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ใช่เด็กไม่ดีนะ”
“ใช่แล้วล่ะ! ไอดอลของทุกคน ท็อตป๊อปมาแล้วจ้า!”
คี๊คถอนหายใจออกมาด้วยความไม่พอใจอย่างจริงจัง “ชั้นไม่ได้ชวนเธอมาซักหน่อย”
“ไม่จริงอ่ะ ก็พวกเราสัญญากันแล้วว่าจะออกไปเที่ยวด้วยกันวันนี้นี่นา?”
“ไม่ พวกเราไปไม่ได้ ชั้นพูดว่าไปไม่ได้เพราะวันนี้ชั้นต้องคุยกับแขกคนสำคัญ”
“แต่แบบนั้นก็ไม่ได้หมายความว่า เธอมีแผนที่ต้องคุยกับแขกคนสำคัญอยู่ก็จริง แต่พอโดนท็อตชวนแล้ว มันก็ต้องจัดลำดับความสำคัญไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่ใช่อยู่แล้ว! เธอนี่มันบิดเบือนคำพูดคนอื่นให้เข้าทางตัวเองขนาดนี้ได้ยังไงเนี่ย?! ออกไปเลยไป!”
“ไม่เอาสิ ไม่เอา” พัคพั๊คตัดบทสนทนา “ท็อตใช่ไหม? เธอไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำอะไรไม่ดีใช่ไหมล่ะ? ถ้าโกรธเธอล่ะก็พั๊คเองก็คงรู้สึกแย่เหมือนกัน ทุกคนมาคุยกันดีๆจะดีกว่านะ”
“ได้เลย!” เมจิคัลเกิร์ลที่แนะนำตัวเองว่าชื่อท็อตป๊อปเข้ามาภายในห้องโดยไม่ได้รับอนุญาตจากคี๊คที่เป็นเจ้าของห้องหรือขอโทษคนที่สำคัญที่สุดของที่นี่อย่างพัคพั๊คเลย และก่อนที่จะทันรู้ตัว เธอก็ทิ้งตัวลงไปบนเก้าอี้หมุนและวางกีตาร์ที่ดูเหมือนขวานไว้ข้างตัว
“ทำยังไงดี?” ท่าทางของซาจิโกะเหมือนจะอยากจะพูดว่าแบบนั้น ส่วนท่าทางโซรามิเหมือนอยากจะถามว่า “พวกเราจะทำยังไงดีนะ?” ในขณะที่ทั้งคู่หันมาหาอูรูรุ คนที่มองไปที่พัคพั๊คอย่างพูดไม่ออก รอยยิ้มที่ส่งให้ผู้บุกรุกของเจ้านายผู้งดงามและมากเสน่ห์นั้นมันอ่อนโยนราวกับเหมือนเป็นลูกแกะไม่มีผิด “เป็นเด็กสาวที่สุดยอดเลย”
“ท็อตสุดยอดไปเลยใช่ไหมล่ะ?”
“ไม่เลย” คี๊คพูด “โทษทีนะ พอยัยนี่มาทีไรก็ก่อเรื่องวุ่นทุกที ดังนั้นไล่ออกไปจะดีกว่า”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” ท่าทางของพัคพั๊คไม่ได้มีความกังวลอยู่เลย ความจริงแล้วมันฟังดูสบายๆด้วยซ้ำ จากนั้นเธอก็ถามว่า “ทั้งสามคนช่วยออกไปซักครู่ได้ไหม?”
เมื่ออูรูรุ โซรามิ และซาจิโกะได้รับคำสั่งนี้ก็รู้สึกสับสน
“หือ…? แต่มัน…”
“ไม่มีปัญหาหรอก พวกเราแค่จะคุยกันเอง ดังนั้นไม่ต้องห่วงนะ”
“แต่ว่า…”
“คี๊คกี๊ เธอมีอะไรเหมือนห้องรับรองไหม?” พัคพั๊คถาม
“ถ้าห้องเก็บของใช้งานได้ล่ะก็ มันอยู่ทางนั้น” คี๊คดีดนิ้วของเธอ ตรงจุดที่เคยมีกำแพงมันก็มีภาพพิกเซลปรากฎขึ้นและหายไป จากนั้นที่ด้านหลังก็มีประตูไม้ปรากฎขึ้นมา
“อื้อ ไม่เป็นไรหรอก รออยู่ที่นั่น โอเคนะ?”
พวกเธอถูกผลักเข้าไปในห้องเก็บของ แถมประตูเองก็ปิดไล่หลังตามมาโดยที่ไม่ทันจะมีเวลาพูดแย้ง ที่ด้านหลังของประตูที่กำลังปิดนั้นก็มีเสียงไม่พอใจของคี๊คดังขึ้นมาว่า “ไม่ให้ยัยนี่ออกไปนี่เอาจริงเหรอ?” ตามด้วยเสียงของพัคพั๊ค “คุยกันสามคนมันต้องสนุกกว่าคุยกันสองคนแน่ๆ” และเมื่อประตูปิดสนิทพวกเธอก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรมากนัก
“แบบนี้จะเป็นอะไรไหมนะ…?” ซาจิโกะเอียงหัวด้วยความกังวล
“ก็นะ ถ้าท่านหญิงพัคพั๊คพูดแบบนั้นก็คงไม่เป็นอะไรหรอก เราแน่ใจว่าเป็นแบบนั้นนะ” การพูดยืนยันของโซรามิมันไม่มีเหตุผลเอาซะเลย
“ไม่เป็นอะไรที่ไหนกันเล่า!!” อูรูรุตะโกนออกมา เธอเหวี่ยงแขนของตัวเองขึ้น หมัดของเธอไปโดนกับหนังสือที่กองอยู่บนโต๊ะ จนทำให้กองหนังสือขนาดมหึมาล้มลง จากนั้นก็มีเสียงกรอบแกรบของกระดาษ ฝุ่นที่เกิดฟุ้งกระจาย เสียงไอ และความรู้สึกไม่ชอบใจที่แห่งนี้ เมื่อคิดว่าเป็นห้องเก็บของที่รกมากแล้ว มันก็ไม่น่าแปลกใจเลย ในทางกลับกัน ห้องที่อูรูรุตัดสินว่าสกปรกเกินไปสำหรับการต้อนรับพัคพั๊คมันยังดีซะกว่า
“ห้องนี้มันแย่สุดๆ ว่าไหม?”
“อื้อ ฝุ่นเต็มเลย”
“เพราะไม่รู้ว่าอีกฝั่งประตูจะคุยกันนานแค่ไหน ดังนั้นพวกเราจะไม่จัดที่ทางให้มันสบายขึ้นซักนิดหน่อยเหรอ?”
“เฮ้ โซรามิ ตอนนี้มันไม่ใช่เวลามาทำแบบนั้นนะ” อูรูรุพูด
“ไม่เอาน่า พี่เองก็มาช่วยด้วยสิ”
“อย่างน้อยก็จัดที่ให้พวกเรานั่งได้เถอะ”
“ให้ตายสิ! พวกเธอนี่เป็นแบบนี้ตลอดเลย…”
พวกเธอบอกไม่ได้ว่าห้องนี้มันใหญ่แค่ไหน สิ่งที่พวกเธอมองเห็นมันถูกบดบังด้วยอุปกรณ์นานาชนิดที่กองสูงกันไปจนถึงเพดาน แถมยังมีเอกสาร กองกระดาษ กล่องไม้ กระดาษแข็ง และสิ่งของอื่นๆอยู่อีก มันมากจนพวกเธอเองก็มองไม่เห็นด้วยซ้ำว่าผนังอยู่ตรงไหน การเพิ่มเมจิคัลเกิร์ลสามคนเข้าไปมันจึงทำให้ภายในห้องแน่นมากยิ่งขึ้น —พวกเธอทำได้แค่ยืน นั่งลงไปไม่ได้ ดังนั้นในการที่จะสร้างพื้นที่ให้ทั้งสามคนนั่งลงไปได้ พวกเธอก็ต้องทำงานขยับสิ่งของที่ต้องเอาของอย่างหนึ่งไปกองซ้อนกับอีกอย่างหนึ่งแบบไม่รู้จบ เด็กสาวสองคนหยิบสิ่งของขึ้นมาแล้วก็วางมันลง —โซรามินั้นขี้เกียจ ส่วนซาจิโกะมีใบหน้าที่หม่นหมอง
อูรูรุเองก็ทำอย่างเดียวกันด้วยความไม่พอใจ การขยับสิ่งของอย่างหนึ่งมันจะทำให้ฝุ่นฟุ้ง และเมื่อเริ่มรู้สึกว่าหายใจไม่ออก เธอก็เอาแขนเสื้อด้านขวามาไว้ใต้จมูก จากนั้นก็หยิบและวางสิ่งของด้วยมือซ้าย พอปืนที่อยู่ด้านหลังไปติดกับขอบโต๊ะ เธอก็ทุบลงไปที่ขอบโต๊ะด้วยความหงุดหงิดเพื่อเอาปืนของตัวเองออก แต่ด้วยแรงกระแทกนั้นมันทำให้อุปกรณ์ที่กองซ้ำกันอยู่บนโต๊ะร่วงลงมาที่พื้น ด้วยเหตุนั้นมันจึงทำให้มีฝุ่นฟุ้งมากยิ่งกว่าเดิม และมันก็มีเสียงคลิกของสวิตช์ดังขึ้นอีกด้วย
และในตอนนี้ พี่น้องสามคนก็มาอยู่ตรงใจกลางของพื้นที่รกร้าง
“ก็สรุปได้ว่า…”
“อ่า-ฮะ”
“อูรูรุไปโดนสวิตช์อะไรซักอย่างเข้า แล้วพวกเราก็มาโพล่ที่นี่?”
“อย่าพูดเหมือนว่ามันเป็นความผิดของอูรูรุสิ!” อูรูรุพูดแย้ง
“เราหมายถึง ก็มันเป็นความผิดของอูรูรุไม่ใช่เหรอ”
“มันเป็นความผิดของคนที่วางอะไรแบบนั้นเอาไว้โดยไม่ระวังต่างหากเล่า!”
“เอ่อ…ถ้าอย่างนั้น…” ซาจิโกะมองดูรอบๆบริเวณอย่างกังวล “…พวกเราอยู่ที่ไหนเหรอ…?”
“เราเองก็สงสัยเหมือนกัน มันดูไม่เหมือนกับที่ญี่ปุ่นเลย”
“มันไม่สำคัญว่าพวกเราจะอยู่ที่ไหน” อูรูรุพูดอย่างหนักแน่น “พวกเราก็แค่ต้องก้าวไปข้างหน้า ก้าวไปหาใครซักคน จากนั้นพวกเราก็จะกลับ หากเจอพวกโจร ผู้ร้าย หรืออะไรก็ตามที่โผล่ออกมา พวกเราก็จะจัดการมัน —เพราะพวกเราคือเมจิคัลเกิร์ล”
อูรูรุพยายามชักปืนออกมาจากด้านหลัง แต่มือของเธอจับได้แต่อากาศ “หือ?” เธอใช้มือคลำหา แต่มันก็ไม่มีอะไรอยู่เลยในจุดที่ปืนของเธอควรจะอยู่ เธอจับจุดตรงนั้นเอาไว้แล้วก็ถอดเสื้อโค้ทของตัวเองออกมาสะบัด แต่เธอก็ยังคงหาปืนไม่เจอ “ปืนของอูรูรุหายไปแล้ว”
“ช่างมันเถอะ ก็แค่ของเล่นเอง”
“อย่าเรียกว่าของเล่นสิ! มันสำคัญนะ!”
“นี่”
ทั้งอูรูรุและโซรามิต่างก็มองมาที่ซาจิโกะ ซาจิโกะนั้นไม่ได้มองมาที่พวกเธอสองคน —สายตาของเธอมองออกไปคนละทางอย่างสิ้นเชิง เธอจับจ้องสิ่งที่อยู่ไกลออกไปอย่างไม่กระพริบตา ไม่เหมือนกับแขน ขา และร่างกายของเธอที่สั่นเทา
“หือ…?”
ตรงจุดที่มือของเธอชี้ไปอย่างสั่นๆมันมีอะไรเคลื่อนไหวอยู่ มันคือบางสิ่งที่มีรูปร่างเหมือนกับมนุษย์โผล่ขึ้นมาจากพื้นดินอย่างช้าๆ อูรูรุมองเข้าไปใกล้ๆเพื่อสังเกตสิ่งที่กำลังเคลื่อนไหว มันคือกระดูกของมนุษย์ที่ไม่มีกล้ามเนื้อ ผิวหนัง อวัยวะภายใน มันไม่มีอะไรเหลืออยู่เลยนอกจากกระดูกสีขาวเพียงอย่างเดียว
นี่คือเวทมนตร์งั้นเหรอ? ซาจิโกะส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ และเมื่อโซรามิพยายามจะพุ่งตัวไปข้างหน้า อูรูรุก็ตะโกนออกมาว่า “หยุด!” เพื่อหยุดเธอเอาไว้ กลุ่มสเกเลตันนั้นเริ่มวิ่งเข้ามาหาพวกเธอ การเคลื่อนไหวของพวกมันดูน่าประหลาด บางทีอาจจะเข้ามาโจมตีก็ได้ อูรูรุเอามือของเธอมาป้องรอบปากแล้วตะโกนออกมาเสียงดังเข้าหาสเกเลตันที่เคลื่อนไหวอยู่ “อูรูรุร่ายเวทมนตร์ใส่พวกแกแล้ว! ถ้าขยับจากจุดนั้นล่ะก็พวกแกตายแน่!”
ไม่ว่าอูรูรุที่กำลังโกหกอยู่จริงๆนั้นจะดูเหมือนกับกำลังโกหกอยู่มากแค่ไหน เธอก็จะสามารถทำให้คนที่ได้ยินคำพูดของเธอเชื่อว่ามันเป็นความจริง นี่คือเวทมนตร์ของเธอ แต่สเกเลตันนั้นก็ยังคงเข้ามาหาพวกเธอราวกับว่าไม่ได้ยินอะไรเลย โซรามิพึมพำออกมาว่า “คิดว่าพวกมันคงไม่เข้าใจคำพูดน่ะ”
“…อื้อ”
“แบบนี้เวทมนตร์ของพี่ก็ไม่มีประโยชน์เลยนี่นา?”
“หยุดพูดอะไรน่ารังเกียจซักที! เอาเถอะ ได้เวลาสู้แล้ว!”
โซรามิเตะพวกมัน อูรูรุต่อยพวกมัน และซาจิโกะก็ทำสิ่งเดียวกัน พวกเธอส่งเสียงออกมาอยู่ตลอดเวลา และเพียงไม่นาน กลุ่มของสเกเลตันที่เคลื่อนไหวก็กลายเป็นกองกระดูกขนาดใหญ่ มันแตกสลายกลายเป็นฝุ่น ปลิวไปพร้อมกับลมก่อนที่จะหายวับไป
ทั้งสามคนยืนเอาหลังเข้ามาชนกันเพื่ออ่านการโจมตีที่จะเข้ามา ในบรรยากาศอันตึงเครียดนั้นมันก็มีเสียงอิเล็กทรอนิกส์ดังขึ้นจนทำให้พวกเธอกระโดดพรวด พวกเธอดึงเอาเมจิคัลโฟนออกมา —อูรูรุและซาจิโกะห้อยมันไว้ที่หน้าอก ส่วนโซรามินั้นใส่เอาไว้ในกระเป๋าของเธอ ที่หน้าจอนั้นส่องสว่าง และตรงกลางหน้าจอก็มีข้อความ ‘ชนะกลุ่มสเกลเลตัน ได้รับเมจิคัลแคนดี้แปดชิ้น’ ปรากฎอยู่
“นี่มัน? เกมงั้นเหรอ?” อูรูรุสงสัย
“เมจิคัลแคนดี้นี่คือ…?” ซาจิโกะเองก็สงสัย
“ให้ตายสิ” โซรามิบ่น “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ทั้งสามคนนั่งล้อมวงคุยกัน พวกเธอถูกลากเข้ามาในสถานที่แปลกๆ พวกเธอถูกโจมตีโดยกลุ่มของสเกเลตัน เมจิคัลโฟนของพวกเธอทำงานด้วยตัวเอง มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ที่นี่คือที่ไหน? พวกเธอควรทำยังไงดี? มันไม่จำเป็นต้องใช้เวลาคิดเรื่องเหล่านี้เลย —เพราะคำตอบมันแสดงอยู่บนหน้าจอของเมจิคัลโฟนแล้ว
“เอ่อ…เมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจค…?” ซาจิโกะพูด
“อ๊ะ นี่คงเป็นเจ้านั่นแน่ๆ —การจำลองการต่อสู้น่ะ”
“ไม่ใช่ว่าพวกนั้นกำลังหางบมาพัฒนาอยู่เหรอ?” อูรูถาม
“มันเสร็จแล้วเหรอเนี่ย?”
“หืมม มันดูเป็นโหมดฝึกซ้อมมากกว่านะ นี่เองก็ดูเป็นการทดสอบด้วยนี่?”
“มันมีตัวเลือกที่ถามว่าจะเปลี่ยนเป็นโหมด R18 รึเปล่าอยู่ด้ว—”
อูรูรุขัดจังหวะเธอทันที “ซาจิโกะ อย่าไปแตะอะไรแปลกๆนะ”
“นี่เป็นครั้งแรกของเราเลยที่ติดอยู่ในวีดีโอเกม”
“โซรามิ อย่าพูดอะไรลามกด้วย”
“หือ? เอ่ออ มันไม่ได้มีอะไรลามกเลยนะ นี่เราพูดอะไรลามกเหรอ? ที่เราพูดว่า นี่เป็นครั้งแรกของเรา มันไม่โอเคเหรอ? เราคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติที่จะพูดอะไรแบบนี้ออกมานะ”
“นี่…” ซาจิโกะพูดออกมาด้วยเสียงสั่น “ดูนี่สิ”
จุดที่ซาจิโกะชี้ด้วยมือสั่นๆของเธอก็คือข้อความที่บอกว่า จะกลับออกไปโลกภายนอกไม่ได้จนกว่าจะเคลียเกม
“อ๋า จริงดิ? ไม่เอานะ” โซรามิโอดครวญ
“อันที่จริง…” อูรูรุพูด “ถ้าพวกเราติดอยู่ที่นี่ ท่านหญิงพัคพั๊คก็จะรู้ เกมนี้มันมีคนสร้าง ดังนั้นคงมีหนทางที่จะช่วยพวกเรา…”
“นี่…” ซาจิโกะพูดด้วยน้ำเสียงที่ลังเล “แล้วก็ตรงนี้…”
มันมีอีกข้อความหนึ่งปรากฏออกมา การไหลของเวลานั้นจะต่างกัน เวลาสามวันภายในเกมจะเท่ากับหนึ่งวินาทีของโลกภายนอก
“ซาจิโกะ! พี่เอาแต่พูดข่าวร้ายให้พวกเราฟังอ่ะ!” โซรามิโอดครวญ
“ฉันเองก็เพิ่งรู้นี่นา!”
พวกเธอควรจะใช้เมจิคัลแคนดี้ที่ได้จากการเอาชนะศัตรูเพื่อซื้ออุปกรณ์และไอเท็ม ถ้าพวกเธอกำจัดเกรทดราก้อนที่เป็นบอสได้ เกมก็จะจบลง และพวกเธอก็จะเป็นอิสระ ที่นี่เองก็คือโลก พวกเธอก็จึงหิวเช่นกัน แม้จะเป็นเมจิคัลเกิร์ล พวกเธอก็ต้องกินอาหารที่ขายในร้านค้าเป็นระยะไม่งั้นค่าทุกอย่างของพวกเธอจะลดลง และในที่สุดพวกเธอก็จะอดตาย
ยิ่งพวกเธออ่านกฎไปมากเท่าไหร่ พวกเธอก็รู้สึกว่ามันก็ยิ่งสิ้นหวังมากขึ้นเท่านั้น ดูเหมือนว่าซาจิโกะจะจ้องมองไปที่ประตูแห่งความตายแล้ว ส่วนโซรามิก็ส่ายหัวช้าๆพร้อมกับมองขึ้นไปบนฟ้า อูรูรุเองก็อยากร้องไห้ออกมาเช่นกัน แต่ในฐานะที่เป็นพี่สาวคนโตของสามพี่น้อง และเป็นหัวหน้าองครักษ์ชั้นยอดของท่านหญิงพัคพั๊ค เธอจะแสดงน้ำตาหรือความอ่อนแอออกมาไม่ได้
“โอเค งั้นก่อนอื่น พวกเราก็ต้องค้นหาเมือง เอาล่ะ ลุกขึ้นได้แล้ว”
ในพื้นที่รกร้างอันกว้างใหญ่ที่ทอดยาวไปถึงสุดขอบฟ้าแห่งนี้ พวกเธออาจจะหมดแรงก่อนที่จะเจอเมืองได้ แต่ด้วยความภาคภูมิใจและความมุ่งมั่นของการเป็นองครักษ์ชั้นยอดของพัคพั๊ค มันสั่งการให้พวกเธอต้องทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ก่อนที่จะล้มลงไป แม้ว่าจะน่าเศร้าแต่พวกเธอก็ตัดสินใจเผชิญหน้ากับภารกิจในการค้นหาเมืองเป็นอย่างแรก เมื่อพวกเธอมองออกไปไกลๆจากด้านบนของซากปรักหักพัง พวกเธอก็พบว่ามันค่อนข้างง่าย ภายในเมืองมันก็มีผู้คนที่แต่งกายในสไตล์ยุโรปยุคกลางหรืออะไรแบบนั้นเดินกันไปมาอยู่รอบๆ แม้พวกเธอสามคนที่เห็นได้ชัดว่าเป็นเมจิคัลเกิร์ลเดินเข้าไปในเมือง พวกนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไร
“ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะเป็น NPC นะ” โซรามิพูด
“เอนผีซีนี่มันอะไรน่ะ? อูรูรุไม่รู้เรื่องวีดีโอเกมนะ ดังนั้นอธิบายให้อูรูรุเข้าใจด้วยสิ”
“หมายถึงตัวละครที่ไม่ใช่คนเล่น ตัวละครที่คอมพิวเตอร์บังคับน่ะ”
“เป็นคนจำพวกที่พูดอะไรแบบว่า ‘นายต้องติดอาวุธนะ สหาย!’ ไม่ก็ ‘นี่คือหมู่บ้านนู่นนั่นนี่’ ใช่ไหม?”
“พวกนี้ดูดีกว่าตัวละครธรรมดานิดหน่อยด้วยนะเนี่ย”
เมื่อพวกเธอพยายามจะคุยกับ NPC พวกนั้นก็จะตอบกลับมาเหมือนกับมนุษย์ ถ้าหากถามคำถามอย่างเมืองนี้ชื่ออะไร สถานที่นี้อยู่ที่ไหน เป้าหมายของการผจญภัยคืออะไร หรือเรื่องของมอนเตอร์ไม่ก็อะไรพวกนี้ออกไป พวกตัวละครก็จะตอบเรื่องที่ตัวเองรู้ออกมา และต่างคนก็จะพูดต่างกันออกไปอีกด้วย มันน่าแปลกว่าถ้าซาจิโกะกับโซรามิพูดอะไรอย่าง “ท้องฟ้ากำลังจะถล่มแล้ว” หรือ “พื้นดินจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ” พวกนั้นก็จะรู้สึกรำคาญ แต่ถ้าอูรูรุพูดเรื่องเดียวกันออกไป อีกฝ่ายก็จะเชื่อสนิทใจและดูหวาดกลัวมาก ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะเป็นมนุษย์มากพอที่เวทมนตร์ของอูรูรุจะมีผลและทำให้ผู้คนเชื่อในคำโกหกของเธอ
“แบบนั้นมันก็ทำให้เราสงสัยว่า —ทำไมพวกนั้นถึงใช้ภาษาญี่ปุ่นทั้งๆที่นี่มันควรจะเป็นยุโรปในยุคกลางล่ะ?” โซรามิถาม
“อย่าพูดเรื่องนั้นเลย” อูรูรุตอบ
พวกเธอให้ชาวเมืองบอกตำแหน่งของร้านค้าว่าอยู่ที่ไหน จากนั้นก็มุ่งหน้าไป นอกเหนือจากอาหารและบัตรผ่านพิเศษแล้ว ร้านค้าก็ยังขายอาวุธด้วย พวกเธอเห็นอาวุธที่เรียกว่า “ไรเฟิล” อยู่ด้วย แต่รูปร่างของมันกับเหมือนปืนของอูรูรุไม่มีผิด
“อยู่นั่นไง! ปืนของอูรูรุ!” อูรูรุร้องออกมา
“เอ่อ ถ้าจะให้ได้ของที่ขายในร้านมันก็ต้องจ่ายด้วยเมจิคัลแคนดี้… อ๋า ตอนนี้แคนดี้ที่พวกเรามีซื้อปืนของพี่คืนมาไม่ได้ล่ะ” โซรามิพูด
“ไม่ใช่ซื้อคืนซะหน่อย! อย่าพูดเหมือนกับว่าอูรูรุเอาไปจำนำไว้สิ!”
พวกเธอหลอกเจ้าของร้านด้วยเวทมนตร์เพื่อขายอาวุธให้ในราคาถูกไม่ได้ ดูเหมือนว่าพวกมันจะถูกตั้งค่าเอาไว้ด้วยการที่ต้องจ่ายเป็นเมจิคัลแคนดี้ตามที่กำหนด มิเช่นนั้นมันก็จะไม่ได้ไอเท็มอะไรเลย
“ยังไงก็เถอะ พวกเราต้องซื้ออาวุธนะ” อูรูรุพูด
“อื้อ” โซรามิเห็นด้วย “เป็นแผนที่ดีนะ”
นี่คือ “แผนการสำหรับเกมประเภทนี้” ที่โซรามิอธิบายให้ฟัง มันก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร ก่อนอื่นพวกเธอก็ต้องเก็บสะสมเมจิคัลแคนดี้ จากนั้นก็เอาไปซื้ออาวุธ และเมื่อมีอาวุธใหม่พวกเธอก็ต้องไปยังพื้นที่ใหม่ๆ เช่นเดียวกับไรเฟิลที่เป็นอาวุธของอูรูรุที่มีแต่อูรูรุเท่านั้นที่สามารถใช้งานได้ โซรามิและซาจิโกะเองก็มีอาวุธเฉพาะตัวเช่นกัน แต่เมื่อพวกเธอไปดูว่าอาวุธของตัวเองคืออะไร ทั้งคู่ก็ถอนหายใจออกมา
“อาวุธของเราคือกระบอกสองท่อนที่ทำมาจากสมาร์ทโฟนที่มัดติดกันไว้ด้วยเชือก…” โซรามิบ่น “นี่มันอะไรกันเนี่ย? คนสร้างคิดอะไรที่ดีกว่านี้ซักนิดไม่ออกเหรอ?”
“ทางนี้เป็นแค่มีดเอง…” ซาจิโกะพูด “รู้สึกเหมือนกับว่าคิดอะไรไม่ออก ก็เลยเอาอะไรก็ได้มาใช้เลยนะ ว่าไหม? ฉันเองก็เคยใช้มีดแค่ตอนฝึกด้วยสิ”
ที่ร้านค้า พวกเธอซื้ออาหาร จากนั้นก็เดินไปรอบๆพื้นที่รกร้างเพื่อค้นหาสถานที่ที่สเกเลตันจะปรากฏตัวออกมา เมื่อพวกเธอเจอแล้วก็จะกำจัดพวกมันทุกตัว สเกเลตันนั้นดูน่ากลัว แต่การเคลื่อนไหวนั้นสู้สามพี่น้องไม่ได้ แม้กระทั่งซาจิโกะ คนที่ถูกดุอยู่บ่อยๆในตอนฝึก ก็ยังเตะ ต่อย แล้วก็ขว้างสเกเลตันออกไปรอบๆอย่างสนุกสนาน จนทำให้พวกมันกลายเป็นกองกระดูก
“พี่เนี่ยดูสนุกสุดๆเลยนะ” โซรามิพูด “เราคิดว่าพี่เกลียดการต่อสู้ซะอีก”
“ฉันแค่ไม่มีโอกาสที่จะโจมตีคู่ต่อสู้ที่สามารถโจมตีกลับได้เท่านั้นเอง”
“เรารู้สึกว่าพี่พูดอะไรที่น่ากลัวจัง…”
อูรูรุและซาจิโกะ ทั้งคู่รู้ดีว่าในเวลาแบบนี้ คนที่จะทำอะไรบ้าคลั่งที่สุดเมื่อตัวเองจนมุมก็คือซาจิโกะ หรือใครก็ตามที่รับใช้พัคพั๊คก็จะรู้เรื่องนี้ด้วย แต่มันไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไรสำหรับซาจิโกะที่จะมีสิ่งที่สามารถระบายความเครียดของตัวเองออกมาได้
เมื่อพวกเธอกินอาหารจนหมด สามพี่น้องก็มุ่งหน้ากลับไปที่เมือง เติมเสบียงแล้วมุ่งหน้ากลับไปที่พื้นที่รกร้างอีกครั้ง และทุกครั้งที่พวกเธอทำเรื่องนี้ซ้ำๆ พวกเธอก็ทำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พวกเธอจดบันทึกจุดที่สเกเลตันจะเกิดมาเอาไว้ และมุ่งหน้าไปยังที่จุดนั้นโดยตรงเพื่อลดการใช้ไอเท็มฟื้นฟู จากนั้นก็ค่อยๆเริ่มสำรวจพื้นที่ให้ครอบคลุมมากขึ้น
ในที่สุดพวกเธอก็เก็บแคนดี้เอาไว้มากพอที่จะซื้ออาวุธใหม่ได้แล้ว
พวกเธอออกไปยังพื้นที่รกร้างพร้อมกับอูรูรุที่ถือไรเฟิลที่เธออยากได้เอาไว้ในมือ อูรูรุชักปืนออกมาจากด้านหลังและตั้งท่าเตรียมพร้อม
ตรงพื้นด้านหน้าห่างออกไปราวๆยี่สิบเมตร มันเกิดเสียงของการระเบิดเล็กๆขึ้น
“หือ?”
ทั้งสามคนส่งเสียงออกมาพร้อมกัน
มีควันหนาๆพร้อมกับกลิ่นเหม็นลอยออกมาจากปากกระบอกปืน ดูเหมือนว่ามันจะมีพื้นฐานมาจากปืนของอูรูรุแต่ก็มีรายละเอียดที่ต่างกันเล็กน้อย ที่ลำกล้องปืนมันมีตัวอักษรคาตาคานะสลักว่า ไรเฟิล อยู่ด้วย
จากนั้นก็มีเสียงตีเบาๆลงมาที่ไหล่ของอูรูรุ และเมื่อเธอหันไปมอง โซรามิก็ยืนอยู่ที่นั่นพร้อมกับท่าทางที่ดูเหนื่อย “พี่…เอามันไปให้ตำรวจเถอะ อย่างน้อยพวกเราก็ต้องทำให้มันเป็นเรื่องอาชญากรรมที่มีโทษเบาที่สุดนะ”
“เดี๋ยวสิ?! ทำไมล่ะ?! เพื่อ?!”
“ก็ไรเฟิลของจริงเป็นสิ่งต้องห้ามใช่ไหมล่ะ? มันผิดกฏหมายของประเทศนี้นะ”
“นี่มันวีดีโอเกมนะ! พวกเราอยู่ในเกม ดังนั้นไม่เป็นอะไรหรอก! มันเป็นเรื่องปกติที่จะยิงปืนในเกมใช่ไหมล่ะ?”
“อ๊ะ สเกเลตันมาแล้ว!”
“มาเลย!” อูรูรุพูด “หยุดพูดแล้วไปสู้กันได้แล้ว!”
อูรูรุอยากได้ปืนของจริงมาตลอด เธอกัดฟันและคิดว่า ถ้ามันไม่ใช่ปืนเด็กเล่นล่ะก็ เธอคงจะทำอะไรในฐานะองครักษ์ของพัคพั๊คได้มากกว่านี้แน่ และในตอนนี้เธอก็มีปืนของจริงแล้ว —ด้วยน้ำหนักที่มั่นคง และกลิ่นของควันปืน— อาวุธอันน่ากลัวที่สามารถทำลายเป้าหมายของเธอได้ง่ายๆด้วยการเหนี่ยวไก
ในหมู่สเกเลตันมันก็มีสเกเลตันสีแดงที่ดูโดดเด่นเป็นพิเศษอยู่ด้วย
“อะไรล่ะนั่น?” โซรามิสงสัย “แรร์มอนเตอร์งั้นเหรอ?”
“แรร์มอนเตอร์นี่อะไรน่ะ?”
“ก็หมายถึงมอนเตอร์ที่แข็งแกร่งกว่าปกติ พวกมันจะให้ประสบการณ์แล้วก็ดรอปเงินมา… ถ้าเป็นในเกมนี้ก็เป็นแคนดี้กับพวกแรร์ไอเท็มอะไรแบบนั้น”
เหมือนว่านี่จะเป็นศัตรูที่คุ้มค่าแก่การเอาชนะ อูรูรุเล็งปืนไปที่สเกเลตันสีแดงและเหนี่ยวไกทำให้กระสุนนั้นบินผ่านอากาศ กระสุนนัดที่สองของเธอปลิวออกไปยังทิศอื่น ส่วนนัดที่สามยิงไปโดนพื้น แรงถีบมันเยอะมากจนทำให้เธอยิงแบบต่อเนื่องไม่ได้ ก่อนที่เธอจะทันได้แปลกใจนั้น กลุ่มสเกเลตันที่อยู่ด้านหน้าก็เข้ามาใกล้เสียแล้ว การทุบพวกมันด้วยปืนคงจะเร็วกว่าใช้กระสุนยิง เธอจึงใช้อาวุธใหม่ของตัวเองทุบเข้าไปหาสเกเลตัน เมื่อเธอทุบเข้าไปหา ตัวของพวกมันก็แตก เมื่อเธอเหวี่ยงเข้าไปหา ตัวของพวกมันก็กลายเป็นชิ้นๆ อูรูรุรู้สึกพอใจเรื่องความแข็งแกร่งของอาวุธตัวเองเมื่อการต่อสู้กลายเป็นระยะประชิดเพียงแค่ครึ่งเดียว
จากนั้นโซรามิก็พึมพำว่า “พี่…นี่พี่เล็งไปที่ไหนเนี่ย?”
“หุบปากนะ”
“พี่เล็งไปที่ตัวสีแดงจริงๆใช่ไหม?”
“ก็บอกว่าให้หุบปากไง ปืนนี้น่ะแรงถีบมันแรงเกินไปต่างหาก”
อูรูรุทิ้งเรื่องความแม่นยำในการยิงของตัวเองเอาไว้ —เธอสาบานว่าจะไม่ยิงอีกแล้วหากโซรามิและซาจิโกะอยู่ต่อหน้าเธอ— และเมื่อยืนยันเรื่องความแข็งแกร่งของอาวุธเรีบร้อยแล้ว พวกเธอก็พบว่าสมาร์ทโฟนกระบองสองท่อนและมีดเองก็ทรงพลังมากเช่นกัน
แบบนี้ไปไหวแน่ อูรูรุคิดในขณะที่พวกเธอเดินวนไปรอบชายขอบพื้นที่ใหม่ที่เพิ่งค้นพบ และตรงจุดเช็คพ้อยท์ที่พวกเธอพบ พวกเธอก็ดึงบัตรผ่านออกมาแล้วก้าวเข้าไปยังพื้นที่ใหม่ที่เป็นภูเขา ที่นี่มันไม่เหมือนกับพื้นที่รกร้าง เส้นทางนั้นมันมีทั้งทางขึ้น ทางลง และทางที่คดเคี้ยวไปมา เพราะแบบนี้พวกเธอถึงไม่สามารถเดินทางเป็นเส้นตรงได้ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีมอนเตอร์ชนิดใหม่ —ไม่ใช่สเกเลตัน แต่เป็นชายร่างยักษ์สูงสองเมตรที่มีกล้ามเนื้อ เขี้ยวที่ยาวไม่เท่ากัน และเขาอันแหลมคม ใช่แล้ว นี่มันก็เหมือนกับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ยักษ์ จากตำนานสมัยก่อน
พวกมันสวมชุดเกราะหนังเก่าๆ ถือหอกไม่ก็ค้อน แม้จะตัดสินจากรูปลักษณ์เพียงอย่างเดียว พวกมันก็ดูแข็งแกร่งกว่าสเกเลตันไปแล้ว
“แต่รู้ไหม —เมื่อเทียบกับเมจิคัลเกิร์ลที่ผ่านการฝึกฝนอย่างพวกเราแล้ว จะเป็นสเกเลตันหรือยักษ์ก็ไม่ต่างกันหรอก” อูรูรุพูด
“นี่พี่พูดกับใครอยู่เนี่ย?”
“อ๊ะ พวกมันมาแล้ว!”
ยักษ์ห้าตัววิ่งเข้ามาหาทั้งสามคนพร้อมกับแยกเขี้ยวด้วยความโกรธแค้น พวกเธอสู้กลับ แต่เมื่อผ่านไปได้หนึ่งนาที เด็กสาวสามคนก็วิ่งไปรอบภูเขาเพื่อหาทางหนี
“ตัวบ้าอะไรล่ะนั่น?! ทำไมมันแข็งแกร่งขนาดนี้เนี่ย?!” อูรูรุโอดครวญ
“เอาตัวแบบนั้นมาใส่ไว้ถัดจากสเกเลตัน —เกมนี้น่ะมันพังไปหมดแล้ว!” โซรามิเห็นด้วย
เมื่ออูรูรุเหวี่ยงปืนเข้าไปหายักษ์พวกมันก็ป้องกันเอาไว้ได้แบบง่ายๆ แม้โซรามิพยายามจะป้องกันการโจมตีเอาไว้ด้วยสมาร์ทโฟน ตัวของเธอก็จะลอยขึ้นไปในอากาศ ต่อให้อูรูรุพยายามพูดหลอกอีกฝ่าย แต่พวกมันก็ไม่ฟังเลย
“บางครั้งพวกโอเกอร์ ก็จะพูดภาษายักษ์ด้วยนะรู้ไหม” โซรามิพูด “พี่พูดภาษายักษ์อะไรก็ได้ออกมาหน่อยสิ”
“นี่คิดว่าอูรูรุพูดภาษายักษ์ได้ด้วยงั้นเหรอ?!”
ยักษ์แต่ละตัวนั้นรวดเร็วเหมือนกับเมจิคัลเกิร์ลและแข็งแกร่งมากอีกด้วย ในตอนนี้มันมีกลุ่มยักษ์กำลังไล่ล่าและร้องโหยหวนอยู่ข้างหลังพวกเธอ พวกเด็กสาวนั้นค่อยๆวิ่งทิ้งห่างออกไป แต่ในทางกลับกัน มันก็หมายความว่าขาของเมจิคัลเกิร์ลเป็นอย่างเดียวที่เร็วพอจะหนีเจ้าพวกนั้นได้
“เมจิคัลโฟนบอกว่ายักษ์มันแข็งแกร่งกว่าสเกเลตันมากเลยล่ะ”
“อื้อ มันก็ต้องเป็นแบบนั้นแหละ!”
ในตอนที่วิ่งหนียักษ์อยู่นั้น พวกเธอก็ไปเจอเข้ากับยักษ์ตัวอื่น เมื่อยิ่งวิ่งออกไปก็ยิ่งเจอมากขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายแล้วพวกเธอก็ถูกไล่ล่าด้วยกลุมยักษ์ขนาดใหญ่มากกว่าห้าสิบตัว และในที่สุดพวกเธอก็กลับมาที่เมืองได้ บางทีอาจจะเป็นอย่างที่โซรามิอธิบายไว้ว่ามันคือ “รูปแบของวีดีโอเกม” ที่ยักษ์จะไม่เข้ามาโจมตีพวกเธอถึงในเมือง
ทั้งสามคนเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมเพื่อหันหน้าเข้าหาและพูดคุยกัน หากเป็นแบบนี้พวกเธอจะจัดการยักษ์ไม่ได้ บางทีพวกเธอความจะซื้ออุปกรณ์ใหม่ที่ขายในเมืองภูเขาซะก่อน แต่ถ้าพวกเธอจัดการยักษ์ไม่ได้ พวกเธอก็จะไม่ได้แคนดี้เช่นกัน
แม้พวกเธอจะรู้สึกกังวล แต่ทั้งสามคนก็เข้าใจว่าควรจะทำอะไรในการเก็บสะสมแคนดี้ พวกเธอกลับไปยังพื้นที่ก่อหน้าและเริ่มสะสมแคนดี้ด้วยการสู้กับสเกเลตัน สเกเลตันสีแดงที่นานๆทีจะเกิดขึ้นมานั้นจะดรอปแคนดี้มากที่สุด อูรูรุเองก็ยิงปืนไม่โดนตามปกติ แต่พวกเธอก็เก็บสะสมแคนดี้ได้อย่างช้าๆ ทีละนิด ทีละนิด
ห้าวันหลังจากที่พวกเธอกลับไปยังพื้นที่ก่อนหน้า ในที่สุดพวกเธอก็สะสมแคนดี้ได้มากพอที่จะซื้ออาวุธใหม่ พวกเธอเข้าไปยังพื้นที่ภูเขาอีกครั้งหนึ่งและมุ่งหน้าเข้าไปในเมืองอย่างระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เจอกับพวกยักษ์ จนในที่สุดพวกเธอก็ซื้ออาวุธใหม่มาได้ ไรเฟิล+1 สมาร์ทโฟนกระบองสองท่อน+1 และมีด+1
มันต้องใช้เวลาและความพยายาม พวกเธอต้องเดินอ้อมไปอ้อมมาจนทำให้รู้สึกอารมณ์ไม่ดี ทั้งสามคนพยายามสั่งไวน์ที่โรงเตี๊ยมแต่พวกเธอก็ไม่ได้มีแคนดี้มากพอ ดังนั้นพวกเธอจึงสั่งน้ำเปล่าและกินขนมปังอย่างเงียบๆ ในตอนนี้การโต้กลับของพวกเธอก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว
หนึ่งชั่วโมงต่อมา พวกเธอสามคนก็วิ่งไปทั่วภูเขาเพื่อพยายามหนีอีกครั้ง
“ทำไมล่ะ?!” อูรูรุร้องออกมา “ไม่ใช่ว่าที่พวกเราเอาชนะไม่ได้เพราะอาวุธมันอ่อนไปหรอกเหรอ?!”
“ไม่นะ พวกนั้นเห็นได้ชัดเลยว่าแข็งแกร่งกว่า” โซรามิพูด
“ไม่จริง…เป็นไปไม่ได้…” ซาจิโกะโอดครวญ
หลังจากที่ถูกไล่ล่าโดยยักษ์เกือบร้อยตัว ทั้งสามคนก็กลับมาคุยกันที่โรงเตี๊ยม ไม่ว่าจะคิดยังไงยักษ์มันก็แข็งแกร่งเกินไป นี่มันควรจะเป็นเกมที่ฝึกฝนเมจิคัลเกิร์ล แต่ถ้าเป็นแบบนี้ มันคงจะได้เกมโอเวอร์ก่อนที่จะฝึกเสร็จแน่ๆ
“นี่พวกเรา…อ่อนแองั้นเหรอ?” โซรามิสงสัย
“ไม่มีทางที่องครักษ์ชั้นยอดของพัคพั๊คผู้สูงส่งจะอ่อนแอได้หรอก! ศัตรูมันแข็งแกร่งแบบไร้เหตุผลต่างหากเล่า!”
“บางที…พวกศัตรูนี่…พวกเราไม่จำเป็นต้องสู้รึเปล่า?”
คำพูดของซาจิโกะทำให้โซรามิปรบมือเข้าหากัน “อ๊ะ คงเป็นแบบนั้นแหละ บางเกมเองก็เป็นแบบนั้นเหมือนกันนะ รู้ไหม?”
“เอ่ออ อูรูรุไม่เข้าใจเลย แต่มันหมายความว่าพวกเราควรหลีกเลี่ยงการต่อสู้ใช่ไหม?” อูรูรุพูด
พวกเธอสามคนหยุดออกปฎิบัติการในฐานะนักรบ และเริ่มทำหน้าที่เป็นหน่วยสอดแนมไม่ก็ทหารลาดตระเวนอะไรทำนองนั้นแทน พวกเธอไม่ได้สู้กับยักษ์ตรงๆ พวกเธอหลีกเลี่ยงการถูกเจอตัวด้วยการค้นหาศัตรูเป็นอย่างแรก จากนั้นก็รอให้พวกมันผ่านไปก่อน —แม้ว่าจะช้าก็ตาม
ด้วยการทำเช่นนี้ พวกเธอจึงสามารถหลีกเลี่ยงการต่อสู้กับยักษ์ได้ แต่อย่างไรก็ตามมันก็มีปัญหามากมายรอคอยอยู่ มันไม่เหมือนกับพื้นที่ทุ่งร้าง การที่จะไปพื้นที่ถัดไปจากพื้นที่ภูเขาได้นั้น มันมีภารกิจหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างเช่นการค้นหาแอป “นักแปลคุง” หรือไปทำภารกิจอื่น ไม่ก็ใช้แอปนั้นถอดรหัสอักขระโบราณเพื่อไขปริศนา พวกเธอต้องเจอกับยักษ์อยู่ตลอดทาง และใบหน้าของซาจิโกะก็ซีดลงเรื่อยๆ อูรูรุทิ้งการไขปริศนาไปแล้วก็เข้าไปหาโซรามิเพื่อช่วยซาจิโกะอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเยินยอซาจิโกะด้วยคำชมอย่าง “เธอนี่สุดยอดเลย เยี่ยมสุดๆ ถ้าไม่ใช่เธอพวกเราก็คงมีปัญหาแน่” มากขนาดไหน —มันก็ไม่ได้ทำให้ใบหน้าซีดๆของซาจิโกะดีขึ้นมาเลย
พวกเธอเดินผ่านภูเขาด้วยความเร็วระดับเดียวกับหอยทากเป็นเวลาทั้งหมดสองสัปดาห์ และในช่วงเวลานั้นอูรูรุก็คิดว่าความตึงเครียดของซาจิโกะคงมาถึงขีดสุดแล้ว และในที่สุดพวกเธอก็เปิดเส้นทางใหม่ได้ ทั้งสามคนเข้าไปยังพื้นที่ถ้ำที่เป็นพื้นที่ใหม่
ในที่สุดพวกเธอก็ไม่ต้องวิ่งหนียักษ์ทุกวันอีกแล้ว แต่ในตอนที่อูรูรุรู้สึกโล่งอกนั้น สิ่งที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเธอห่างออกไปราวสิบห้าเมตรก็คือสิ่งมีชีวิตที่มีปีกยาวสามสิบเมตร มีเกล็ดที่หนาจนสามารถสะท้อนกระสุน มีคมเขี้ยวที่แหลมคม มีกรามอันแข็งแกร่งที่สามารถบดหินให้แหลกละเอียด และหายใจออกมาเป็นเปลวเพลิง มังกรนั่นเอง
พวกเธอเข้าต่อสู้เพียงไม่นานแล้วก็พร้อมหนี ซึ่งมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้พวกเธอเข้าใจว่าศัตรูนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน พวกเธอหันหลังแล้ววิ่งออกมาจากถ้ำ จากนั้นเธอก็สัมผัสได้ถึงความร้อน เมื่อมองออกไปด้านข้างก็เห็นพื้นโลกที่ไหม้เกรียมและมีควันลอยขึ้นมา
“หากออกจากถ้ำมอนเตอร์ก็จะไม่ตามมา แต่พื้นที่ภายนอกถ้ำจะตกเป็นเป้าหมายของดาวเทียม และเลเซอร์มันก็จะยิงเข้ามาหา…มันบอกไว้แบบนี้น่ะ” ซาจิโกะพูก
“ล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย!”
เมจิคัลเกิร์ลสามคนกลับเข้าไปในถ้ำแล้ววิ่งไปรอบๆบริเวณเพื่อพยายามหนีจากมังกร ซาจิโกะนั้นเชื่องช้าจนเธอเกือบจะถูกกรงเล็บของมังกรจับเอาไว้ ในตอนนั้นอูรูรุก็ตะโกนออกมา “ซาจิโกะ!”
อูรูรุกระแทกตัวเข้าหาซาจิโกะจากทางด้านข้างเพื่อผลักตัวของซาจิโกะออกไป และกรงเล็บของมังกรตวัดผ่านอากาศ แม้ซาจิโกะจะหลีกเลี่ยงการถูกโจมตีได้ แต่แรงลมที่เกิดขึ้นจากการเหวี่ยงกรงเล็บเพียงอย่างเดียวก็เกือบทำให้เธอปลิวออกไป มันคงเป็นอะไรมากกว่าแค่บาดเจ็บแน่ๆหากสิ่งนั้นมันสัมผัสโดนตัวเธอ
อูรูรุหมุนตัวไปข้างหน้าหนึ่งรอบและยืนขึ้นทันทีอีกครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีที่ตามมาของมังกร ซาจิโกะเองก็เอามือสัมผัสกับพื้นเพื่อที่จะลุกขึ้นมาเช่นกัน แต่มันมีเสียงคลิกดังขึ้นและจุดที่ซาจิโกะเอามือไปวางเอาไว้ก็จมลงไป ก่อนที่พวกเธอจะทันได้ตกใจ มันก็มีระเบิดเกิดขึ้นจนทำให้ตัวของซาจิโกะปลิวออกไป
“ซาจิโกะ!”
ซาจิโกะกลิ้งไปตามพื้นตามแรงระเบิด แต่ที่ด้านหน้าของเธอนั้นมันก็มีก้อนหินที่แหลมคมรออยู่
“พี่ ระวัง!” โซรามิวิ่งเข้าไปหาเธอ เสียดมือทั้งสองข้างออกมาเพื่อผลักซาจิโกะที่กลิ้งอยู่ไปด้านข้าง ตัวของซาจิโกะที่กลิ้งอยู่นั้นเปลี่ยนทิศทางไปเก้าสิบองศา เธอหลบก้อนหินที่แหลมคมได้ แต่ก็ตกหน้าผาลงไปแทน
“ซะ-ซาจิโกะะะะะะะ!”
ในตอนที่ช่วยซาจิโกะคนที่ตกลงไปด้านล่างของหน้าผาได้ พวกเธอก็เผชิญหน้ากับมังกรจำนวนมาก อูรูรุยกตัวซาจิโกะขึ้นบนหลังแล้วก็เริ่มวิ่ง ทั้งถูกเผาด้วยเปลวเพลิง ทั้งต้องหลบกรงเล็บและคมเขี้ยว มันมีอะไรแบบนี้อยู้ในพื้นที่ภูเขาด้วยเหรอ?! และพวกเธอก็กลับเข้ามาในหมู่บ้านได้
“อะไรล่ะนั่น..?” อูรูรุถาม
“เราก็ไม่รู้…” โซรามิพูด
“อยากกลับบ้านนนน…” ซาจิโกะร่ำไห้
ยักษ์นั้นแข็งแกร่งพอที่ทั้งสามคนจะจัดการได้ตราบใดที่พวกเธอสู้อย่างเดิมพันด้วยชีวิต แต่วิธีเดียวกันมันใช้ไม่ได้กับอะไรที่แข็งแกร่งอย่างมังกร —พวกเธอจะถูกฆ่าตาย อูรูรุไม่ได้คิดจะต่อสู้แบบนั้น
“ใครกันนะที่บอกว่ายักษ์แข็งแกร่งเพราะไม่ต้องสู้น่ะ…?” อูรูรุบ่น
“โถ่ พี่เนี่ยก็ ชอบย้ำความผิดของคนอื่นเรื่อยเลย…” โซรามิตอกกลับ
“อยากกลับบ้านนนนนนนนนนนน….” ซาจิโกะสะอึกสะอื้น
เมจิคัลเกิร์ลประเภทไหนที่คนสร้างคิดว่าจะมาเล่นเกมแบบนี้กันนะ? หากเป็นเมจิคัลเกิร์ลมือใหม่มาเล่น มันก็คงจบลงโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลยน่ะสิ? อูรูรุไม่เข้าใจเลย
“มันต้องมีบางอย่าง…ต้องมีทางออกสิ…”
“ไงๆก็ ไปดูที่ร้านค้ากันก่อนไหม…?” โซรามิแนะนำ
ก่อนอื่น พวกเธอคิดว่าต้องไปดูที่ร้านค้าและพบว่ามันมีสินค้าใหม่ลดราคาอยู่ด้วย นอกจากอาวุธ อาหาร ยาฟื้นพลัง และบัตรผ่านแล้ว มันก็ยังมีไอเท็มลึกลับที่เรียกว่า R ขายอยู่ด้วย
“นี่คือ?” อูรูรุสงสัย
“เอ่อ…ดูเหมือนจะเป็นอะไรเหมือนกับล็อตเตอรี่น่ะ มันบอกว่าไอเท็มจะออกมาแบบสุ่มด้วย” โซรามิตอบ
“สุ่มงั้นเหรอ?”
“เอาล่ะ งั้นซาจิโกะลองดูหน่อยนะ ถ้าพวกเราได้ไอเท็มดีๆจากเจ้านี่ แบบนั้นพวกเราจะเดินหน้าต่อได้ ใช่ไหมล่ะ?”
“อือ…โอเค” พวกเธอจ่ายหนึ่งร้อยแคนดี้ที่ได้มาจากโบนัสการเคลียพื้นที่ ซาจิโกะดึงสลิปกระดาษออกมาจากกล่องล็อตเตอรี่ แล้วเมื่อส่งมันให้เจ้าของร้านพวกเธอก็ได้อาหารกลับมา
“หนึ่งร้อยแคนดี้กับอาหาร…?”
“เราหมายถึงมันก็เหมือนกับรางวัลของการมีส่วนร่วมน่ะ เหมือนกับจับรางวัลในเมืองแล้วจะได้ทิชชู่อะไรแบบนั้น”
“แบบนั้นถ้าพวกเราจับอีก มันก็จะได้อะไรดีๆใช่ไหม? โอเค ซาจิโกะจับอีกสิ”
หากซาจิโกะเอาไอเท็มดีๆออกมาได้ อูรูรุก็คิดว่าจะชมเธอมากแน่นอน แต่สุดท้ายแล้วซาจิโกะก็ได้เสบียงอาหารสี่ครั้งติดกัน —จนมันทำให้ทั้งสามคนตกอยู่ในวิกฤติ
“เฮ้ โซรามิ” อูรูรุพูด “นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ?”
“ไม่รู้สิ เราเองก็ไม่รู้ว่าเรทมันเป็นยังไง สำหรับเกมกาชามันก็เป็นเรื่องปกติที่จะเปิดพันครั้งแล้วยังไม่ได้อะไรด้วย”
“กล่องนั้นมันไม่ได้โกงใช่ไหม?”
“อ่า บางทีนะ”
“งั้นก็ตรวจดูหน่อย เธอใช้เวทมนตร์ของตัวเองทำแบบนั้นได้ใช่ไหมล่ะ?”
“อื้อ อื้อ ได้เลย”
โซรามิเข้าหากล่องที่ชื่อว่า R และปิดรูที่ต้องเอามือสอดมือเข้าไปเอาไว้ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นทันที เธอมองขึ้นไปบนฟ้าราวๆสามสิบวินาทีด้วยท่าทางตกใจที่เหมือนกับว่านึกอะไรบางอย่างออก จากนั้นอูรูรุก็ยื่นมือเข้าไปหาเธอแล้วสั่งว่า “นี่ทำอะไรอยู่เนี่ย?! จะให้รออีกนานแค่ไหนน่ะ?”
แต่โซรามิก็ปัดมือของอูรูรุที่ยื่นเข้ามาไปด้านข้างด้วยมือขวาของเธอและพยักหน้า “เข้าใจแล้วล่ะ”
“เข้าใจแล้ว? แบบนั้นมันมีอะไรอยู่ในกล่องกันล่ะ?”
“ไม่ ไม่ใช่เรื่องกล่อง โดยปกติแล้วภายในเกมน่ะมันก็คือพื้นที่ปิดใช่ไหม? เพราะแบบนั้นเราถึงใช้เวทมนตร์กับมันได้ เราเพิ่งจะนึกได้น่ะ”
เวทมนตร์ของโซรามิคือการที่เธอจะรู้ว่าอะไรอยู่ภายในกล่องโดยไม่ต้องเปิดมันออก ในพื้นที่ปิดทุกที่ —ไม่ว่าจะเป็นกล่อง แผ่นดิกส์ หรืออพาร์ทเมนท์— เธอจะสามารถรู้ทุกอย่างที่อยู่ด้านในได้ แม้ว่าพวกเธอจะติดอยู่ภายในเกมนี้ อาจจะเป็นเพราะว่าพวกเธอติดอยุ่ โซรามิจึงเรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับมันได้
ซาจิโกะวางมือบนไหล่ของโซรามิแล้วก็เขย่าตัวของเธอ ใบหน้าของซาจิโกะกลับมามีสีอีกครั้ง ดวงตาของเธอส่องประกายไปด้วยความหวัง อูรูรุเองก็แน่ใจว่ามีใบหน้าแบบนั้นเหมือนกัน “แบบนี้ก็หมายความว่าเข้าใจเกมนี้อย่างทะลุปรุโปร่งเลยน่ะสิ!”
“นี่ พี่ หยุดเขย่าตัวเราได้แล้วนะ”
“เยี่ยม! เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยมมมเลยยยย!” ซาจิโกะร้องออกมา “นี่ไม่ใช่การเล่นแบบมีกลยุทธ์แล้ว —แต่มันเป็นการเล่นเกมแบบใส่สูตรโกงเลยนะ แบบนี้ก็เท่ากับว่าพวกเราชนะไปแล้วใช่ไหม? รีบกลับบ้านกันเถอะ!”
“คิดว่ามันคงไม่ใช่แบบนั้นหรอก…” โซรามิเศร้า ใบหน้าของเธอดูหม่นหมอง “เราคิดว่าถ้ามองดูด้วยตาตัวเองแทนที่จะอธิบายมันคงเร็วกว่า หากวิ่งมันก็อยู่ใกล้มากเลย ตามมาสิ” เพราะแบบนั้นโซรามิก็วิ่งออกไปทันที
อูรูรุและซาจิโกะสบตากันแล้ววิ่งตามเธอไป โดยปกติแล้วโซรามิจะเป็นคนที่ขี้เกียจและเกลียดการทำงาน ซึ่งนั่นยังคงหมายความว่าเธอจะไม่ใช้พลังงานไปอย่างไร้จุดหมายด้วย หากเธอวิ่งมันก็คงมีเหตุผลที่ดีสำหรับเรื่องนั้น
ขาของเมจิคัลเกิร์ลนั้นรวดเร็ว ด้วยการฝึกซ้อมการต่อสู้ของพวกเธอ สามพี่น้องจึงทำได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยของเมจิคัลเกิร์ลคนอื่น ด้วยขาของพวกเธอและทิศทางของโซรามิ มันจึงทำให้พวกเธอหลบมังกรแค่ครั้งในเวลาสิบนาที และสิ่งที่รอพวกเธออยู่ตรงหน้าก็คือปากที่เปิดอ้า สิ่งที่โซรามิบอกว่า “เป็นถ้ำแบบคลาสสิคที่เห็นในเกมหรืออย่างอื่นบ่อยๆ”
“ตามรอยเท้าของเรามานะ มันมีกับดักอยู่ ดังนั้นก็ระวังด้วย”
พวกเธอเดินตามหลังโซรามิเข้าไปด้านใน พวกเธอเดินมาถึงทางแยก ทางสามแยก ทางแยกเล็กๆอีกมากมาย จากนั้นก็เข้าไปที่ประตูที่ซ่อนอยู่ตรงทางเดิน พวกเธอใช้รหัสเปิดหีบสมบัติออกมาได้ในครั้งเดียว แล้วใช้กุญแจที่ให้จากหีบนั้นเปิดประตู และสิ่งที่รออยู่ตรงหน้ามันคืออะไรที่น่าเหลือเชื่อ
“นั่น…อะไร…?”
“เกรทดราก้อน สิ่งที่พวกเราต้องกำจัดน่ะ”
ที่ด้านในมันใหญ่กว่าคฤหาสน์ของพัคพั๊คเสียอีก ห้องสี่เหลี่ยมนี้มันมีขนาดสิบถึงสิบห้าตารางกิโลเมตร —บางทีอาจจะใหญ่กว่านั้นด้วยซ้ำ เพดานที่สูงขึ้นไปราวห้าสิบเมตรมันเต็มไปด้วยหมอกจนมองไม่เห็นด้านบน สิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ที่อยู่ตรงกลางห้องมันดูเหมือนกับมังกรที่เคยเห็นในหนังสือภาพ มังงะ หรือวีดีโอเกม หากวัดขนาดจากจมูกไปถึงหาง บางทีมันอาจจะมีขนาดกว่าสามพันเมตร และถ้ามันกางปีกออกมาก็แน่นอนว่าต้องใหญ่กว่านั้น
“อ๊ะ ระวังอย่าเข้าไปนะ” โซรามิเตือน “หากเดินเข้าไปแม้แต่ก้าวเดียวมันก็จะพ่นไฟออกมา และส่งผลให้ตายในทันที ถ้าหากโดนก็คือจบ”
“เอ่อ…มันมีไอเท็มพิเศษอะไรที่ใช้จัดการไหม?” อูรูรุถาม
“ไม่มีนะ ต้องสู้กับมันตรงๆด้วยทักษะของตัวเอง”
“แล้วถ้ามีชุดเกราะกับอาวุธที่แข็งแกร่งล่ะ?”
“เกมนี้มันยังอยู่ในโหมดการฝึก ดังนั้นระดับขึ้นจึงมีแค่ +3 เท่านั้น หากสู้กับเจ้านั่น ความแตกต่างมันก็อยู่ที่หนึ่งขั้นปะทะกับสามขั้น “
พวกเธอลากซาจิโกะ (คนที่ทรุดตัวลงตรงจุดนั้น) ออกมาจากถ้ำ เด็กสาวมุ่งหน้าไปยังเมืองที่โซรามินำทาง จ่ายเมจิคัลแคนดี้ที่โรงเตี๊ยมเพื่อสั่งไวน์มาสามแก้วแล้วนั่งลงไป อูรูรุต่อยลงไปที่โต๊ะอย่างแรงที่สุดเท่าที่ทำได้ จนทำให้ไวน์เกือบหกออกมาจากแก้ว “นี่บันบ้าชัดๆ!”
“อื้อ…” โซรามิเห็นด้วย “บ้าสุดๆเลย คราวนี้พี่พูดถูกแล้วนะ ถูกร้อยเปอร์เซ็นต์เลย”
ซาจิโกะดื่มไวน์ของเธอหมดในครั้งเดียวโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาซักคำ จากนั้นก็ก้มหน้าลงบนโต๊ะ ลูกค้าคนอื่นและพนักงานต่างมองมาที่ทั้งสามคนแบบแปลกๆแบบไม่นานก่อนที่จะหันหน้าไปทางอื่น
“มันโกงอะไรไม่ได้เลยเหรอ? อย่างทริคลับอะไรแบบนี้?”
“เกมมันทำออกมาง่ายๆเพราะเป็นโหมดการฝึก ถ้าพวกเราพยายามทำอะไรกับมันจากภายใน มันก็มีความเป็นไปได้ที่เกมจะพัง ซึ่งมันก็รวมพวกเราไปด้วย เราจะไม่ลองทำหรอกนะ”
ซาจิโกะหยิบไวน์ของอูรูรุขึ้นมาอย่างเงียบๆและดื่มมันจนหมดในครั้งเดียว จากนั้นก็ก้มหน้าลงไปอีกครั้ง อูรูรุมองมาที่เธอแต่ก็ไม่ได้คิดที่จะปลอบโยนอะไร ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจปล่อยซาจิโกะไว้แบบนั้น
“มันมีอะไรอย่างการเลเวลอัพไหม?”
“เกมนี้ไม่มีเลเวลตัวละครนะ”
“พวกเราโจมตีแบบคริติคอลไม่ก็ทีเดียวตายได้ไหม?”
“มันมีโอกาสหนึ่งในล้านที่พวกเราจะสร้างความเสียหายแบบคริติคอลได้ และก็มีโอกาสอีกหนึ่งในล้านที่จะสามารถฆ่าได้ในทันทีเช่นกัน เราไม่อยากลองหรอก บางทีพวกเราอาจจะโดนเผาและตายก่อนที่จะถึงตัวด้วยซ้ำ”
“ไม่ใช่ว่ามันมี NPC ที่แข็งแกร่งสุดๆที่สามารถช่วยได้อยู่ที่ไหนซักแห่งเหรอ?”
“ไม่มีหรอก การจำลองการฝึกซ้อมน่ะมันไม่จำเป็นต้องมีกำลังเสริมแบบนั้นตั้งแต่แรกแล้ว ใช่ไหมล่ะ?”
“แต่อูรูรุต้องกลับไปนี่!”
“เราเองก็ต้องกลับไปเหมือนกันนะ!” จากนั้นโต๊ะก็เกิดสั่นพร้อมกับมีเสียงดังขึ้น เมื่ออูรูรุมองไปดู เธอก็เห็นแก้วของโซรามิว่างเปล่า ยิ่งไปกว่านั้น ซาจิโกะที่ถือขวดไวน์เปล่าไว้ในมือขวาก็กำลังเอาก้นขวดทุบลงไปที่โต๊ะ ใบหน้าของเธอกลายเป็นสีแดง ดวงตาก็มีประกาย
“ซาจิโกะ…เหลือไว้ให้พวกเราด้วยสิ!” อูรูรุพูด “…เดี๋ยวก่อนนะ ไวน์นี่มันมีผลกับเมจิคัลเกิร์ลด้วยเหรอ?”
“พี่ นี่มันเป็นการจำลองการฝึกสำหรับเมจิคัลเกิร์ลนะ —ดังนั้นแอลกอฮอล์ก็ต้องมีผลอยู่แล้ว”
ในตอนที่ซาจิโกะเอากระดาษมากางไว้บนโต๊ะมันมีเสียงกรอบแกรบดังขึ้น มันคือสัญญาที่จำเป็นต้องใช้เวทมนตร์ของเธอเพื่อสั่งให้ทำงาน ใครก็ตามที่เซ็นชื่อลงไปจะได้รับโชคอันมหาศาลชั่วคราว แต่ก็จะพบกับความโชคร้ายอย่างเหลือเชื่อและต้องจบชีวืตลงในทันทีเช่นกัน
“ช้ายจ้าวเน้” เธอไม่ได้ดูเมาแค่หน้าตาเท่านั้น น้ำเสียงของเธอก็เมาด้วยเช่นกัน
“นี่เธอเอาจริงเหรอ? ไม่เอาสิ —ถ้าพวกเราใช้เจ้านี่ พวกเราจะตายนะ”
“หึ” ซาจิโกะพ่นลมหายใจออกมาแล้วมองไปรอบๆ “ก้อช้ายมานกาบพวกมอนเต้อซ้าสิ”
“มันไม่มีทางที่มอนเตอร์จะมาเซ็นสัญญากับพวกเราหรอกนะ”
ซาจิโกะเอานิ้วชี้จิ้มเขามาที่อูรูรุ “พี่โกหกเก่งช่ายม้ายล่า? ง้านก้อปายโน้มน้าวพวกน้านด้วยเวทมนของพี่ พูดบลัฟอาไรออกมาอย่างเช่งถ้ากามจาดมังกอนด้ายก้อจาด้ายเงินเย้อแย้ ม่ายก้อถ้าจาดกานมังกอนด้ายโลกก้อจาซาโหงบสุก แล้วจากน้านก้อรวมตัวกาบพวกยักษ์ปายสู้กาบเกรทดาก้อน”
โซรามิยกมือของเธอขึ้นมาอย่างระมัดรวังเพื่อทำให้ซาจิโกะใจเย็น “เอ่อ พี่ แต่ว่านะ ไม่ว่าอูรุรุจะพยายามโกหกพวกนั้นขนาดไหน ถ้าอีกฝ่านไม่เข้าใจที่พูดมันก็…”
“แล้วคิดว่าแอปแปลพาษามีว้ายเพื่อ?! คิดกานหน่อยเซ่!”
ซาจิโกะเอาขวดไวน์ทุบลงบนโต๊ะ จากนั้นอูรูรุกับโซรามิก็มองหน้ากันพร้อมพูดว่า “อ๊ะ!”
อูรูรุใช้แอปแปลภาษาเพื่อหลอกพวกยักษ์ “ถ้าจัดการเกรทดราก้อนได้ พวกนายจะได้กำไรร้อยเปอร์เซ็นต์เลยนะ แค่ลงชื่อที่สัญญาตรงนี้เท่านั้นเอง” เมื่อยักษ์เซ็นชื่อลงไปแล้ว ทั้งสามคนก็พาพวกนั้นไปยังพื้นที่ถ้ำ กองทัพยักษ์ถูกหางของมังกรโจมตีเข้าใส่และถูกเผาด้วยเปลวเพลิง แต่ก็ยังมียักษ์ตัวหนึ่งรอดชีวิต เวทมนตร์ของซาจิโกะนั้นทำให้การโจมตีของยักษ์ที่เหลืออยู่เต็มไปด้วยโชคอันมหาศาล และมังกรก็ถูกกำจัดลง
เมื่อพวกเธอกลับออกมาจากเกมได้อย่างปลอดภัยแล้ว เมจิคัลเกิร์ลสามคนก็รอต้อนรับพวกเธออยู่ พัคพั๊คและท็อตป๊อปกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน “พวกเราทุกคนเป็นเพื่อนกันแล้วใช่ไหมล่ะ?” “อื้อ!” ส่วนคี๊คที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆนั้นกำลังส่ายหัว “เส้นตาย…” คี๊คพึมพำ “เส้นตายใกล้เข้ามาแล้ว…” ในตอนนี้พี่น้องสามคนไม่สนว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่
“ทั้งสามคนเคลียเกมแล้วใช่ไหม? ถ้างั้นคี๊คกี๊อยากให้พวกเธอทำแบบสำรวจนี่หน่อยนะ” พัคพั๊คถามพวกเธอ
ทั้งสามคนเขียนความรู้สึกเรื่องเกมของตัวเองอย่างโกรธแค้นลงไป คำวิจารณ์ของพวกเธอจึงอ่านแล้วรู้สึกเจ็บแสบมาก เพิ่มโอกาสของ R หน่อยเซ่! ลดระดับความยากลงมาด้วย! NPC โคตรน่ารำคาญ! เกมห่วยแตกไปตายซะ! รู้สึกเสียใจแทนคนที่ถูกบังคับให้เล่นเกมเลย! ไอ้คนทำมันเป็นปีศาจ! คนสร้างต้องสำนึกในความห่วยแตกของตัวเองด้วย! เมื่อเขียนจบแล้ว ทั้งสามคนก็ถอนหายใจออกมา
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ก็ไม่มีพี่น้องคนไหนเล่นวีดีโอเกมอีกเลย
MANGA DISCUSSION