ตอนที่ 4.6 Arc 4 - ตอนที่ 6 - นักล่าเมจิคัลเกิร์ล [จบภาค]
ตอนที่ 6
นักล่าเมจิคัลเกิร์ล
☆ กริมฮาร์ท
ในที่สุดเธอก็ถูกบังคับให้ต้องทำอะไรที่รอบคอบมากขึ้น
เมจิคัลเกิร์ลที่เธอเก็บเอาไว้เพื่อเติมเต็มหมดไปแล้ว จนเธอต้องใช้ร่างทดลองเพื่อการนั้นด้วย เธอจำเป็นต้องจับร่างทดลองที่เหลืออยู่โดยไม่ฆ่าแล้วก็ทำแผนการต่อโดยไม่ต้องเติมเต็มชัฟฟิน
แค่คิดเช่นนี้มันก็อัปยศแล้ว
โดยปกติแล้ว เธอจะจัดการสิ่งนี้ได้อย่างสบายๆเหมือนกับยักษ์ที่บดขยี้มด แต่มดนั้นก็วิ่งเผ่นผ่านไปทั่วด้วยความสับสนจนเธอกำหนดเป้าหมายอย่างถูกต้องไม่ได้ ความจริงแล้วพวกมดนั้นกำลังกัดและต่อต้านเธอด้วยซ้ำ
จนมาถึงตอนนี้เธอทำตามแผนการของโจ๊กเกอร์มาตลอด และมันส่งผลเป็นตรงกันข้าม
แน่นอนว่ามันเป็นความผิดของโจ๊กเกอร์
กริทฮาร์ทนั้นใจกว้างเกินไป เธอคิดอย่างหนักหน่วงด้วยสมองที่ไม่ค่อยจะดีของเธอ และกริมฮาร์ทก็ตัดสินใจทำตามแผนของโจ๊กเกอร์ ซึ่งนั่นมันก็กลายเป็นความผิดพลาดของพวกเธอ
จากนี้ไปหลายๆอย่างมันคงจะแตกต่างกัน เพราะกริมฮาร์ทจะสั่งการเอง ถ้านายพลมันไร้ความสามารถ กษัตริย์ก็จะขึ้นเป็นผู้นำแทน การถือดาบอยู่ในแนวหน้ามันบอกไม่ได้ว่าเป็นการต่อสู้ของกษัตริย์ก็จริง แต่การควบคุมกองทัพมันจะสามารถบ่งบอกเช่นนั้นได้
ในตอนที่เธอคิดว่าจะทำการโจมตียังไงนั้น มันก็มีรายงานเข้ามา
“หมอกที่อยู่ในพื้นที่น้ำหายไปแล้ว”
“โฮ่?”
พวกป่าเถื่อนนั้นฉลาดที่สร้างหมอกขึ้นในห้องเพื่อบดบังการมองเห็นจากจอมอนิเตอร์ แถมยังเก็บกักน้ำและทำการแช่แข็งเพื่อน้ำท่วมแบบฉับพลันที่สร้างความเสียหายอย่างมากให้กับชัฟฟินด้วย
กว่ากริมฮาร์ทจะเข้าใจว่าห้องนั้นมันเป็นสถานที่ที่ทำการโจมตีได้ยากมันก็สายไปเสียแล้ว หากเธอเข้าใจความจริงในเรื่องนั้น เธอก็จะทำการเข้ายึดพื้นที่ในทันที
ในตอนนี้หมอกที่มีอยู่หายไป มันเป็นเพราะอุบัติเหตุอะไรรึเปล่า? บางทีพวกนั้นอาจจะสร้างหมอกไม่ได้อีกแล้ว เพราะร่างทดลองธาตุไฟถูกกำจัดไป
เมื่อมองดูไปที่จอมอนิเตอร์ กริมฮาร์ทก็เห็นเมจิคัลเกิร์ลหลายคน ร่างทดลองเองก็…อยู่ที่นั่น เธออยู่ห่างออกไปจากคนอื่นเพียงแค่คนเดียว เมื่อมองดูใกล้ๆ กริมฮาร์ทก็เห็นว่าเธอนอนอยู่บนพื้นพร้อมกับถูกมัดเอาไว้
เมจิคัลเกิร์ลทุกคนมองมาที่จอมอนิเตอร์ หนึ่งในนั้นเอามือป้องปากและตะโกนออกมา
“ถ้าเธอรับรองความปลอกภัยของพวกเราล่ะก็ พวกเราก็จะส่งตัวเมจิคัลเกิร์ลประดิษฐ์ไปให้! พวกเราต้องการเจรจาเงื่อนไขในการส่งมอบและทุกอย่างระหว่างตัวแทนสองคนด้วย!”
กริมฮาร์ทเอียงหัวและพูดว่า “พวกนั้นพูดอะไรกันน่ะ?”
“ได้ยินยากหน่อย แต่ว่า… เหมือนเธอพูดว่าจะส่งร่างทดลองมาให้ และต้องการเจรจา”
“โฮะโฮ่! ในที่สุดเจ้าพวกนั้นก็ตระหนักถึงความต่ำชั้นของตัวเองแล้วงั้นสิ?”
“ไม่… การด่วนสรุปแบบนั้นมันเร็วเกินไป”
“ทำไมกันล่ะ?”
“พวกนั้นอาจพยายามล่อเราไปที่ไหนซักที่เพื่อเจรจา แล้วจากนั้นก็ลอบโจมตีก็ได้ พวกป่าเถื่อนแบบนี้มันไม่รู้จักความละอายใจหรอก”
“หืมม”
แน่นนอนว่าพวกป่าเถื่อนอาจจะทำอะไรแบบนั้นได้ สิ่งที่โจ๊กเกอร์พูดมันมีเหตุผลมากพอ
“แบบนั้นพวกเราก็ควรพูดว่าไม่ต้องมาเจรจากันรึเปล่า?”
“หากพวกเราให้อีกฝ่ายเกิดเข้าตาจนขึ้นมา อย่างแย่ที่สุด พวกนั้นก็อาจจะฆ่าร่างทดลองได้”
“ปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้นะ! นี่พวกเราทำอะไรไม่ได้เลยงั้นเหรอ?”
“ให้พวกเราตั้งเงื่อนไขเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกลอบโจมตีสิ”
กริมฮาร์ทคิดถึงความเป็นไปได้ว่านี่อาจจะเป็นกับดักไม่ก็คือสถานการณ์ที่ได้เปรียบ
ความเป็นไปได้ที่จะคือกับดักนั้นสูง พวกป่าเถื่อนแบบนี้มันไม่รู้จักความละอาย เป็นขยะอย่างไร้ข้อแม้ พวกมันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ควรค่าแก่การเชื่อใจ จึงเชื่อถือไม่ได้มาตั้งแต่แรกแล้ว
หากมันเป็นกับดัก มันก็คือกับดัก การตั้งเงื่อนไขเพื่อกำจัดเรื่องเหล่านั้นทิ้งให้หมดคงจะดีที่สุด หากมันไม่ใช่กับดัก พวกนั้นก็อาจยกธงขาวภายใต้เงื่อนไขที่ทำให้ได้เปรียบมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ อย่างน้อยหากเป็นแบบนั้นเธอก็จะรับฟัง
“มันเป็นไปไม่ได้ใช่ไหมที่จะใช้ชัฟฟินคนอื่นนอกจากเธอไปเจรจาน่ะ?”
“พวกนั้นไม่เข้าใจภาษาของชัฟฟิน แถมชัฟฟินเองก็ขาดสติปัญญา หากใช้เป็นตัวกลางก็จะมีแต่ปัญหาซะเปล่า”
“ชั้นเองก็ไม่อนุญาตให้เธอไปที่นั่นด้วยเหมือนกัน”
“หากเราถูกฆ่าตาย ชัฟฟินทุกคนก็จะถูกกำจัดไปด้วย พวกเราคิดได้ว่านี่คือความตั้งใจของศัตรู”
“แล้วเธอจะให้ชั้นไปงั้นเหรอ?”
“ต้องขออภัยจริงๆ”
กริมฮาร์ทเอามือแตะปากตัวเอง การออกไปเจรจามันจะทำให้เธอลำบากแบบไหนนะ? มันไม่เหมือนกับโจ๊กเกอร์ แม้เธอจะยกเลิกเวทมนตร์ การโจมตีของพวกชั้นต่ำนั้นก็ทำอะไรเธอไม่ได้อยู่ดี แต่มันมีเรื่องลำบากอย่างอื่นอีกไหมนะ? ถ้ามีล่ะก็ เธอแค่ต้องจัดการมันเท่านั้น
“การเจรจาที่ชั้นกำหนดเนี่ยมันจะมีปัญหาไหม?”
“ก่อนอื่นก็ต้องเลือกสถานที่และคนที่จะเจรจาด้วย การเจรจาในห้องประชุมตัดทิ้งไปได้เลย แล้วก็จะไปคุยกับนักล่าเมจิคัลเกิร์ลไม่ได้ หากอนุญาตให้เธอเจรจาด้วย เธอก็จะรู้ความลับและอ่านรหัสผ่านได้ในทันที แล้วก็พวกสัตว์ร้ายอย่างมาริกะ ฟุคุโรอินั้นอาจจะทำอะไรขึ้นมาก็ได้ ถ้าจะเลือกคนที่เจรจาด้วย เมจิคัลเกิร์ลที่มีเข็มและลูกบอลด้ายที่บาดเจ็บหนักคือตัวเลือกที่ดีที่สุด คิดว่าเธอน่าจะชื่อฟิรูรุ พวกเราเองก็ต้องไม่หละหลวมในการสังเกตจอมอนิเตอร์ด้วย เพราะพวกนั้นอาจเล็งโจมตีห้องประชุมในจังหวะที่เธอออกไปก็ได้ ทำอะไรชั้นต่ำอย่างที่พวกมันเป็นนั่นแหละ”
“หากร่างทดลองมาเจรจาด้วยตัวเอง แบบนั้นมันจะดีที่สุดรึเปล่า?”
“ไม่…ถ้าจะให้พูด…มันน่าสงสัยว่าพวกนั้นอยากจะพาร่างทดลองไปยังสถานที่เจรจาจริงรึเปล่า”
“พวกนั้นไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกสิ่งที่ตัวเองต้องการหรือไม่ต้องการหรอกนะ”
แต่ถ้าโจ๊กเกอร์พูดเสริมว่าควรจะปฎิเสธการเจรจาไป แบบนั้นกริมฮาร์ทก็จะยอมรับ มันน่ารำคาญที่จะปล่อยให้พวกป่าเถื่อนทำอะไรเช่นนี้ แต่เรื่องความโกรธนั้นเธอไประบายเอาตอนหลังได้
“พวกเราจะเลือกสถานที่เจรจาเองเช่นเดียวกับคนที่จะเจรจาด้วย ยิ่งไปกว่านั้นต้องทำการตรวจร่างกายอย่างละเอียด มันคงกลายเป็นหายนะถ้าคนที่มาพกระเบิดหรืออะไรแบบนั้นมา แล้วก็ตอนที่เจรจากัน ก็ต้องอยู่ห่างให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ หากพวกชั้นต่ำนั่นมันถ่มน้ำลายออกมา มันก็จะทำให้เธอสกปรกเอาได้ อีกอย่าง เอาชัฟฟินไปเป็นคนคุ้มกันด้วย แบบนั้นการโจมตีจากพวกชั้นต่ำจะได้มาไม่ถึงตัว”
“น่ารำคาญจริงๆ”
“หากปฎิเสธ อีกฝ่ายจะฆ่าร่างทดลองเอานะ”
“หืมม… การเจรจานี่เป็นหน้าที่ของกษัตริย์งั้นสิ?”
“มีเพียงผู้มีเกียรติอันสูงสุดเท่านั้นที่จะเจรจากับผู้นำของฝ่ายศัตรูได้”
“งั้นก็คงช่วยไม่ได้ล่ะนะ”
เธอลุกขึ้นมาจากบัลลังก์ และออกไปเจรจากับพวกป่าเถื่อน
☆ ชัฟฟิน
ที่ห้องประชุมนั้นเงียบสงบเพราะกริมฮาร์ทได้พาไฟแห่งความโกรธออกจากห้องไปด้วย เธอเป็นคนเดียวที่สามารถเริ่มประเด็นพูดคุยได้ หากชัฟฟินโพแดงที่ขาดสติปัญญาก็คงจะร้องไห้ แต่เมื่อเป็นตัวของโจ๊กเกอร์ก็จะควบคุมได้อย่างเหมาะสม
ดวงตาของโจ๊กเกอร์มองไปที่จอมอนิเตอร์ ชัฟฟินทั้งหมดอยู่ประจำตำแหน่งแล้ว
คำสั่งแรกของโจ๊กเกอร์คือให้โพแดงลงมือ ให้เธอชูธงติดผ้าที่เป็นหลักฐานของคนส่งสารเอาไว้ โพแดงนั้นมุ่งหน้าไปยังพื้นที่น้ำ ในส่วนของแกนเสานั้น เธอเลือกใช้หอกของโพดำที่ดัดแปลงแล้ว
เจ็ดโพแดงที่ถือธงอยู่นั้นกดปุ่มที่แผงควบคุมแล้วเข้าไปในพื้นที่น้ำ เธอถูกห้อมล้อมไปด้วยเมจิคัลเกิร์ลที่เงื้ออาวุธขึ้น แต่คู่ต่อสู้นั้นไม่ได้อยากสู้ แน่นอนว่าตัวโพแดงเองก็เช่นกัน
เจ็ดโพแดงนั้นเข้าไปในห้องได้ แต่กระนั้นพวกเธอก็คุยซึ่งกันและกันไม่ได้ ในการที่จะสื่อความตั้งใจของตัวเองออกไปได้นั้น โพแดงถูกสั่งให้ทำท่าทางตามที่โจ๊กเกอร์สอนอย่างซ้ำๆ นั่นก็คือหาตัวฟิรูรุแล้วชี้ไปที่เธอ จากนั้นก็พลิกฝ่ามือแล้วก็ยกนิ้วสองนิ้วขึ้น นั่นคือสัญญานที่บอกว่าให้ตามมาทางนี้ ไม่ว่าพวกเธอจะพยายามพูดมากแค่ไหนอีกฝ่ายก็คงไม่เข้าใจ ดังนั้นจึงต้องใช้ท่าทางแบบซ้ำๆจนกระทั่งอีกฝ่ายยอมรับ ชี้ไปที่ฟิรูรุแล้วยกนิ้วขึ้นมา พวกเธอต้องสอนให้เจ้าคนป่าเถื่อนนั่นอยู่ตลอดเพื่อให้ทำตาม
โจ๊กเกอร์สลับไปดูจอมอนิเตอร์ในพื้นที่ป่า
กริมฮาร์ทนั่งอยู่บนบัลลังก์ของเธอ ส่วนตำแหน่งนั้นอยู่ตรงด้านหน้าฝั่งทางเข้าห้องประชุมอย่างสง่าผ่าเผย ชัฟฟินที่อยู่กับเธอล้วนแต่เป็นชัฟฟินที่เก่งด้านการต่อสู้ ทั้งหมดนั้นคือโพดำและดอกจิกที่มีหน้าไพ่สูง ยกเว้นเอซโพดำที่อยู่ที่นี่
เอซโพดำยืนอยู่ข้างโจ๊กเกอร์ แม้ว่าการที่กริมฮาร์ทต้องได้รับการคุ้มกันมันคือเรื่องจำเป็น แต่ก็จะละเลยการคุ้มกันห้องประชุมไปไม่ได้เช่นกัน เธอมีเอซโพดำ โพดำแต้มต่ำ แล้วดอกจิกอยู่อีกจำนวนหนึ่ง เพราะเป็นกรณีที่เลวร้าย โจ๊กเกอร์จึงต้องส่งข้าวหลามตัดและโพแดงออกไป
โจ๊กเกอร์สลับจอมอนิเตอร์ไปยังพื้นที่น้ำ
ฟิรูรุลุกขึ้นมาแล้ว
เจ็ดโพแดงนั้นช่วยประคองเธอตามคำแนะนำทันที
หนึ่งในเหตุผลที่เธอเลือกฟิรูรุเป็นคู่เจรจาก็เพราะว่าเธอบาดเจ็บสาหัส โพแดงนั้นช่วยพยุงให้ฟิรูรุเดินมายังสถานที่เจรจาโดยพยายามไม่ให้เธอล้มลง
แล้วเมจิคัลเกิร์ลคนอื่นทำอะไรกันอยู่ล่ะ?
โจ๊กเกอร์ตรวจสอบสิ่งที่พวกเธอกำลังทำ
มาริกะ ฟุคุโรอิ สไตล์เลอร์ มิมิ สโนไวท์ แล้วก็ร่างทดลองธาตุน้ำที่ถูกมัดอยู่บนพื้น พวกเธอไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ เธอสลับดูพื้นที่น้ำและทะเลทรายไปพร้อมๆกัน
หากกริมฮาร์ทอยู่ด้วย กริมฮาร์ทก็จะบ่นเมื่อโจ๊กเกอร์สลับจอไปมาอย่างรวดเร็ว แต่ในตอนนี้กริมฮาร์ทไม่ได้อยู่ที่นี่ โจ๊กเกอร์จึงใช้วิธีสังเกตการณ์ที่มีประสิทธิภาพที่สุด เธอมองดูเมจิคัลเกิร์ลที่อยู่ในพื้นที่น้ำพร้อมกับมองฟิรูรุที่กำลังถูกปลดอาวุธในพื้นที่ทะเลทราย
เธอได้ตรวจสอบเวทมนตร์ของฟิรูรุแล้วว่ามันคือเข็มและเส้นด้าย
ซึ่งมันก็คือเหตุผลข้อที่สองที่เธอเลือกฟิรูรุ เพราะหากเธอเลือกคนที่ไม่ได้รู้เวทมนตร์แบบกระจ่างชัดมาเป็นคู่
เจรจาด้วย แม้จะมีโอกาสเพียงแค่เล็กน้อย แต่มันก็อาจมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นได้
แน่นอนว่าเธอตรวจสอบอาวุธนอกจากเข็มและเส้นด้ายของฟิรูรุอย่างละเอียดทั่วตัว หากเธอพกระเบิดมาด้วย มันก็จะเป็นเรื่องที่น่ากลัว
เมื่อโพแดงกดแผลของฟิรูรุในตอนที่ทำการตรวจ ฟิรูรุก็ร้องโอดโอยออกมาเบาๆ
โจ๊กเกอร์ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ในตอนนีทุกอย่างมันเป็นไปได้ด้วยดี
แต่เธอก็รู้สึกไม่สบายใจ บางทีอาจจะเป็นแค่ความคิดในใจของเธอ แต่มันก็รู้สึกสบายใจไม่ได้จริงๆ
หากมันง่ายกว่านี้หากกริมฮาร์ทไม่ได้สังเวยร่างทดลองทั้งหมดไป หากเธอต้องการสร้างเมจิคัลเกิร์ลขั้นสูงพิเศษ เธอก็ควรจะจัดสรรทรัพยากรให้มันดีกว่านี้ ไม่ใช่มัวมาทำอะไรตามอารมณ์ ถ้าเธอขยันและพยายามมากขึ้นกับเรื่องนี้ก็คงจะดี แม้เธอจะคิดอะไรที่ไม่ดีกับเจ้านายที่เคารพนับถืออยู่ในใจ แต่เธอก็สลับจอมอนิเตอร์ไปยังพื้นที่ป่าต่อไป
ฟิรูรุที่ถูกสองโพดำขนาบข้างออกมาจากที่กั้น ใบหน้าของเธอดูซีด แต่เธอก็คือเมจิคัลเกิร์ล และแม้จะโดนกดดัน เมจิคัลเกิร์ลนั้นก็ไม่ได้จะตายอย่างทันทีทันใด
ชัฟฟินที่ช่วยพยุงเธอสองข้างนั้นหยุดอยู่ห่างจากกริมฮาร์ทประมานสามสิบเมตร แล้วก็เอาหอกชี้ไปที่ลำคอของเธอ หากเธอทำอะไรน่าสงสัย พวกเธอก็จะฆ่าในทันที
ด้านข้างกริมฮาร์ทนั้นมีโพแดงแต้มสูงห้าอันดับอยู่ พวกเธอถูกสั่งให้ทำตัวเป็นโล่ป้องกันการโจมตี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
โพแดงแต้มสูงนั้นไม่เหมือนกับโพแดงแต้มต่ำ แม้จะขาดสติปัญญาแต่ก็เต็มไปด้วยความกล้าหาญ
พวกชัฟฟินนั้นไม่มีอะไรที่เรียกได้ว่า “ชีวิต” อยู่ตั้งแต่แรกแล้ว ทุกคนนั้นล้วนแต่อยู่ภายใต้คำสั่งของโจ๊กเกอร์ แม้จะเป็นแบบนั้น พวกโพแดงแต้มต่ำก็ยังคงมีความรู้สึกหวาดกลัวและไม่อยากตาย เธอเองก็อยากให้พวกเธอดีขึ้นกว่านี้ซักหน่อย หากพูดได้ด้วยตัวเองก็คงจะดี
ในตอนที่เธอคิดอยู่นั้น การเตรียมการทั้งหมดก็เสร็จสมบูรณ์
โจ๊กเกอร์สลับภาพไปยังพื้นที่น้ำแล้วก็จับต้องไปที่หน้าจอ จนถึงตอนนี้ยังไม่มีเรื่องอะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบลื่น กริมฮาร์ทยกเลิกเวทมนตร์ของตัวเอง แล้วการเจรจาก็เริ่มต้นขึ้น
“พวกเราจะ…ส่งตัวดีลูจ…ให้…ช่วยรับรอง…ความปลอดภัย…พวกเรา…ที”
คำพูดของเด็กสาวนั้นฟังดูอ่อนแอและขาดๆหายๆ ไม่รู้ว่าเสียงนั้นจะดังไปถึงตัวกริมฮาร์ทได้อย่างชัดเจนรึ
เปล่า แต่ถ้าไม่ มันก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรของกริมฮาร์ท
“ร่างทดลองน่ะมีค่ามากกับพวกเรา หากมอบมันมาให้ พวกเราก็จะยกโทษในเรื่องที่พวกเธอทำผิดลงไป”
สำหรับกริมฮาร์ท “คนที่ไร้มารยาท” นั้นหมายถึงทุกคนยกเว้นตัวของเธอเอง
สำหรับกริมฮาร์ท ความยุติธรรมมันคือสิ่งที่เธอพูด
มันมีใครที่สามารถเจรจากับคนที่มีวิธีการของตัวเองเพื่อเอาสิ่งที่ต้องการไปด้วยงั้นเหรอ? แม้ในตอนนี้กริมฮาร์ทจะยกเลิกเวทมนตร์ของเธอ แต่มันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป
“ตราบใดที่มอบร่างทดลองให้ พวกเราก็จะยกโทษเรื่องที่พวกเธอกระทำผิดลงไปด้วย ขอสาบานด้วยเกียรติของชั้น”
โจ๊กเกอร์รู้ว่าเธอจะพูดอะไรออกมาก็ได้ เพราะเธอไม่ได้ตั้งใจรักษาสัญญานั่นอยู่แล้ว กริมฮาร์ทเชื่อว่าไม่จำเป็นต้องรักษาเกียรติด้วยการรักษาสัญญากับพวกต่ำช้า
ฟิรูรุยังคงพูดออกมา น้ำเสียงของเธออ่อนแอมาก แถมยังยากที่จะได้ยินอีกด้วย เธอแค่อยากต้องการการรับรอง ถ้าไม่มีสิ่งนั้นพวกเธอก็จะไม่ส่งตัวดีลูจให้
กริมฮาร์ทพูดว่าเกียรติของเธอนั้นสำคัญยังไง
พวกเธอนั้นเป็นเหมือนเส้นตรงที่ไม่มีวันบรรจบเข้าหากัน ความคิดของพวกเธอนั้นแตกต่างกันตั้งแต่เริ่มแรก กริมฮาร์ทเชื่ออย่างจริงใจว่าจะมีปัญหาหากออกมาเจรจาเพราะอีกฝ่ายคงต้องประนีประนอม แน่นอนว่าในตอนนี้ฟิรูรุคงสิ้นหวังเพราะรู้ว่าคู่ต่อสู้ของเธอนั้นเป็นยังไง
ทั้งสองฝ่ายยังคงทำการเจรจาจอมปลอมนี้ต่อไป แต่โจ๊กเกอร์ก็ไม่ได้หาวออกมาเพราะความเบื่อหน่าย เธอยังคงรู้สึกถึงความตึงเครียดในขณะที่ดูจอมอนิเตอร์แล้วก็สลับสับเปลี่ยนระหว่างพื้นที่
“จงพิจารณาซะ นี่คือโอกาสสุดท้ายของเธอแล้ว ชั้นจะไม่เสนออะไรให้อีก”
ฟิรูรุก้มหน้า มันไม่มีที่ให้เธอหนีแล้ว
จะใช้หรือไม่ใช้เวทมนตร์ มันก็เป็นความคิดพลาดที่คิดว่าจะมีคนที่สามารถเจรจากับกริมฮาร์ทได้ กริมฮาร์ทใช้เวทมนตร์ของตัวเองอีกครั้ง และตัดการเจรจาทิ้งโดยที่ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม
ฟิรูรุพยายามคุยต่อ แต่เธอก็เดินกลับเพราะคงรู้ตัวว่าไม่ได้อะไรอีกแล้ว
กริมฮาร์ทคงคิดว่าการเจรจาคงได้ข้อสรุปที่ยอดเยี่ยม เธอเอาบัลลังก์ใส่ลงไปในกระเป๋าแล้วเชิดอกขึ้นอย่าง
ภูมิใจก่อนที่จะเดินผ่านที่กั้น บางทีอาจเรียกได้ว่ามันเป็นท่าทางของผู้นำที่แสดงออกมาเพราะการพูดคุยจบลง
อย่างราบลื่น ถึงจะเป็นงานที่เหมาะกับพวกใช้แรงงาน แต่กริมฮาร์ทก็จะไม่มีทางสัมผัสพวกชั้นต่ำทางกายภาพโดยเด็ดขาด
โจ๊กเกอร์เอาภาพของพื้นที่ป่าออกไปจากกล้อง และในทันใดนั้น เธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ
เธอไม่เข้าใจในทันทีว่ามันคืออะไร
ในพื้นที่น้ำ
เมจิคัลเกิร์ลพวกนั้นไม่ได้พยายามซ่อนตัวอะไร พวกเธอแค่นั่งหรือนอนอย่างหมดเรี่ยวแรงอยู่ตรงนั้น ในตอนนี้ดูเหมือนว่าจะทำการบุกโจมตีพวกนั้นได้แล้ว
เธอค้นหาทั่วพื้นที่ในจอมอนิเตอร์ เธอตรวจสอบมันไปทีละอย่างเพื่อหาสิ่งที่เธอรู้สึกว่าแปลกๆ นี่เธอคิดไปเองหรือเพราะมีสาเหตุบางอย่างกันนะ?
สไตล์เลอร์ มิมิกับมาริกะ ฟุคุโรอิก็ไม่ได้ทำอะไรแปลกๆที่ต่างไปจากเดิม สโนไวท์เองก็เช่นเดียวกัน พวกเธอนั่งอยู่ตรงนั้นโดยที่ไม่ได้ขยับ ร่างทดลองเองก็ถูกมัดและนอนอยู่บนพื้น
โจ๊กเกอร์หยุดกล้องไว้ตรงนั้น ที่กั้นทางฝั่งห้องประชุมถูกแช่แข็งไว้ด้วยน้ำแข็ง น้ำแข็งนั้นหนา และดูไม่เหมือนว่าจะละลาย พื้นผิวของมันไม่ได้เปียก ดูเหมือนว่าถ้าใช้นิ้วไปสัมผัสกับที่กั้นมันก็จะทำให้นิ้วติดอยู่ตรงนั้นจนดึงออกมาไม่ได้ มันเป็นอะไรที่เย็นจัดมาก
การถูกแช่แข็งนั้นไม่ได้เป็นปัญหาอะไร พวกป่าเถื่อนมันเก็บกักน้ำเอาไว้แล้วทำการแช่แข็งเพื่อป้องกันตัวเอง ซึ่งนั่นไม่ใช่ปัญหา แต่สิ่งที่แปลกก็คือเมื่อเวลาจนถึงตอนนี้ตรงพื้นผิวมันกลับไม่เปียกเลย หากไม่มีอะไรมาส่งผลกระทบล่ะก็ เมื่อเวลาผ่านไปน้ำแข็งมันจะแข็งตัวอยู่อย่างเดิมไม่ได้ หากมีบางอย่างที่ส่งผลกระทบน้ำแข็งนั้นมันก็จะเปลี่ยนไป แบบนี้มันไม่ได้หมายความว่าร่างทดลองนั้นยังคงใช้เวทมนตร์ของเธออยู่หรอกเหรอ?
ทำไมร่างทดลองที่ถูกจับตัวไว้ถึงช่วยปิดกั้นประตูกันล่ะ?
นั่นเธอไม่ได้เห็นว่าเมจิคัลเกิร์ลคนอื่นคือคนทรยศรึไง?
โจ๊กเกอร์ลุกขึ้นยืนและสั่งการชัฟฟิน
☆ ปรินเซสดีลูจ
เธอเข้าไปหาสโนไวท์ คนที่กลับมาจากการห้องเจรจา จากนี้ไปก็คือการแข่งกับเวลาแล้ว
สโนไวท์ที่ออกไปเจรจานั้นอยู่ในชุดของฟิรูรุ และเพื่อช่วยเหลือฟิรูรุที่รออยู่ในชุดของสโนไวท์ สโนไวท์จึงใส่เธอเข้าไปในกระเป๋าสี่มิติ เพราะฟิรูรุบาดเจ็บจนไม่สามารถวิ่งได้ ทางเดียวที่จะพาเธอออกไปคือการใส่เธอลงไปในกระเป๋า
ดีลูจปลดพันธนาการปลอมๆของเธอออก จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วก็วิ่ง
มาริกะ ฟุคุโรอิและสไตล์เลอร์ มิมิเองก็วิ่งเช่นกัน ก่อนที่ศัตรูจะรู้ตัว พวกเธอต้องกลับไปที่ทางเข้าแล้วก็ป้อนรหัสผ่าน และต้องออกไปก่อนที่รหัสผ่านนั้นจะเปลี่ยนหรือจะมีใครไล่ตามมา แบบนั้นพวกเธอก็จะออกไปหาความช่วยเหลือได้
ศัตรูเพียงคนเดียวที่สามารถเจรจาได้ก็คือกริมฮาร์ท การอนุญาตให้โจ๊กเกอร์อยู่ใกล้ศัตรูมันมีความเสี่ยงที่ชัฟฟินทั้งหมดจะถูกทำลาย และชัฟฟินคนอื่นนอกจากโจ๊กเกอร์ก็ไม่มีความสามารถในการเจรจาด้วย
ดังนั้นหากพวกเธอต้องการเจรจาและศัตรูเห็นด้วยกับเรื่องนั้น คนเดียวที่ออกมาก็คงจะเป็นกริมฮาร์ท พวกเธอคาดว่ากริมฮาร์ทจะต้องยกเลิกเวทมนตร์ของตัวเองชั่วคราว เพื่อทำการเจรจาเรียกร้องที่เรียกว่าการเจรจาไม่ได้นั่นขึ้นมา
พวกเธอยังคงคาดการณ์อีกว่า ในหมู่พวกเธอใครจะเป็นคนที่ออกไปเจรจา จากสถานการณ์ปัจจุบัน คนที่มีความสามารถในการโจมตีและบาดเจ็บมากที่สุดก็คือฟิรูรุ พวกศัตรูคงไม่ใจดีเพียงเพราะว่าเธอบาดเจ็บ
นั่นคือสาเหตุที่พวกเธอสลับตัวสโนไวท์กับฟิรูรุไว้ล่วงหน้า
พวกเธอสลับชุดกัน จากนั้นก็ใช้เวทมนตร์ของสไตล์เลอร์ มิมิเพื่อสร้างรอยแผลเหมือนจริงที่ท้องของสโนไวท์ และพวกเธอยังใช้เวทมนตร์ของสไตล์เลอร์ มิมิในการแต่งหน้าของทั้งคู่เพื่อการสลับตัวด้วย
เมื่อสไตล์เลอร์ มิมิพูดว่ามันไม่ได้ยากเย็นอะไร เพราะฟิรูรุกับสโนไวท์มีรูปหน้าเหมือนกันอยู่แล้ว เมื่อฟิรูรุได้ยินแบบนั้นเธอก็แสดงท่าทางสับสนออกมา
สโนไวท์ที่ปลอมตัวเปนฟิรูรุมุ่งหน้าออกไปยังสถานที่ที่ต้องเจรจาและเผชิญหน้ากับกริมฮาร์ท ในการที่จะเจรจานั้น กริมฮาร์ทต้องยกเลิกเวทมนตร์ของตัวเอง และในตอนนั้นสโนไวท์ก็จะใช้เวทมนตร์ของเธอกับกริมฮาร์ท แล้วเธอจะได้ยินเสียงภายในหัวใจของกริมฮาร์ทไม่อยากให้ได้ยิน
หลังจากนั้นพวกเธอก็วิ่งออกมาจากห้องวิจัยอย่างเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ สโนไวท์กับฟิรูรุไม่ได้มีเวลามากพอจะเปลี่ยนชุดกลับ พวกเธอวิ่งไปยังทางเข้าอย่างเร็วที่สุด เร็วที่สุดเท่าที่พวกเธอสามารถทำได้ มุ่งเน้นไปที่ความเร็วเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ดีลูจบังคับให้ขาอันไร้เรี่ยวแรงของเธอขยับผ่านที่กั้น เธอต้องกลับออกไปแบบมีชีวิตอยู่ เธอสัญญากับอินเฟอร์โนเอาไว้แล้ว แม้มันจะเป็นการสัญญาเพียงฝ่ายเดียว แต่เธอก็จะรักษามันไว้ให้ได้
☆ ฟาล
ดีลูจแช่แข็งทางเข้าฝั่งห้องประชุมเอาไว้ ในตอนนี้เธอออกมาจากพื้นที่แล้ว เและเธอก็ไม่รู้ว่าเวทมนตร์ของตัวเองจะอยู่ได้นานแค่ไหน
แม้น้ำแข็งจะละลายแล้วอ่อนตัวลง มันก็ควรจะใช้เวลามากกว่าหนึ่งหรือสองวินาที ถึงจะเป็นหนึ่งหรือสองนาที มันก็ซื้อเวลาให้พวกเธอตอนที่ที่กั้นเปิดขึ้นได้
มาริกะ ฟุคุโรอิเป็นผู้นำกลุ่ม เท้าของเธอเหยียบลงไปที่น้ำในตอนวิ่ง จนมันกระเซ็นไปโดนคนที่อยู่ด้านหลัง แต่กระนั้นเธอก็ยังวิ่งต่อไปโดยไม่สนใจ
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! การสู้เพื่อหนีนี่มันเป็นสุดยอดการต่อสู้เลย! เยี่ยม!”
เอซโพดำควักดวงตาของเธอออกไปหนึ่งข้าง แถมยังหักแขนและจัดการเธอจนน่วม แต่ในตอนนี้เธอกระปรี้กระเปร่ามาก ราวกับแผลนั่นไม่เคยมีอยู่ ความจริงแล้วตอนนี้เธอไม่ได้มีบาดแผลซักแผลเลยด้วย
เธอพูดว่าตราบใดที่มีน้ำ ดิน แล้วก็แสงอาทิตย์ แผลของเธอก็จะสมานตัวได้ แต่การอยู่ใต้ดินมันไม่มีแสงอาทิตย์ มันจึงทำให้ความสามารถในการรักษาของเธอกินเวลานานขึ้น
ในตอนที่สไตล์เลอร์ มิมิพูดอย่างเย้ยหยันว่า “ก็เธอเป็นพืชนี่นะ” มาริกะก็ไม่ได้โกรธอะไร แถมยังตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มว่า “ใช่แล้ว! แถมชั้นเองก็ชอบแบบนั้นสุดๆเลย!”
มาริกะกลืนเมล็ดในตอนที่วิ่งไปด้วย เธอถือดาบโค้งของอินเฟอร์โนไว้บนหัวแล้วปล่อยความร้อนออกมา
“โซล่าแคนน่อน!”
เธอยังคงปล่อยความร้อนให้ดอกทานตะวันขนาดใหญ่ที่บานอยู่บนหัว ดอกทานตะวันนั้นก็เก็บความร้อนเอาไว้จนโตขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วเธอก็กดปุ่มที่แผงควบคุมที่กั้น
เรดาห์ตรวจจับศัตรูของฟาลส่งเสียงดังขึ้น “มีเมจิคัลเกิร์ลสามคนอยู่ที่ทางเดิน!”
ชัฟฟินสามคนยกหอกขึ้นมา มาริกะก้มตัวลงแล้วเอาหัวของเธอชี้ไปยังทางเดิน
“ยิงงงงงง!”
ศัตรูนั้นวิ่งเข้ามาหาพวกเธอไม่ได้ แถมยังไม่มีที่ให้หลบลำแสงจากดอกทานตะวันอีกด้วย ดอกทานตะวันขนาดใหญ่เผาชัฟฟินไปหมดทั้งสามคน จากนั้นดอกไม้ก็เหี่ยวแห้ง มาริกะจึงกลืนเมล็ดใหม่ลงไปทันที และเริ่มปลูกดอกไม้อีกครั้ง
พวกเธอคาดเอาไว้แล้วว่าคงมีศัตรูเฝ้าระวังไว้ ถ้ามีกันแค่สามคน แบบนั้นพวกเธอทุกคนก็ควรจะหนีไปได้ ส่วนการเปลี่ยนรหัสผ่านมันจะใช้เวลาแค่ไม่นาน
ด้วยความเร็วของเมจิคัลเกิร์ลแล้ว พวกเธอก็จะสามารถกดตัวเลขยี่สิบห้าหลักเพื่อเปิดประตูได้ก่อนที่ศัตรูจะรู้การเคลื่อนไหวและเปลี่ยนรหัสผ่าน หรือก่อนที่จะส่งชัฟฟินออกมาอีก
แม้พวกเธอจะทำให้สโนไวท์บาดเจ็บจริงๆแล้วเย็บแผลของเธอตามไป แผลของเธอนั้นไม่ได้ร้ายแรง มันแค่ดูร้ายแรงเพราะหลอกตาด้วยเวทมนตร์ของสไตล์เลอร์ มิมิ
แต่การบาดเจ็บของฟิรูรุนั้นคือของจริง เธอรักษาบาดแผลด้วยน้ำ ดิน และแสงอาทิตย์แบบที่มาริกะ ฟุคุโรอิทำไม่ได้ สิ่งที่เธอทำได้ก็มีแค่เย็บแผลของตัวเองอย่างรวดเร็วเท่านั้น เธอวิ่งแบบปกติได้ลำบาก แต่พวกเธอก็ทิ้งฟิรูรุไปไม่ได้ ถ้าพวกเธอทำแบบนั้น กริมฮาร์ทต้องฆ่าเธอแน่
พวกเธอจำเป็นต้องพาฟิรุรุไปด้วย และในเวลาเดียวกันก็ต้องป้องกันไม่ให้เธอถ่วงการเคลื่อนไหวให้ช้าลง —และกริมฮาร์ทก็ได้บอกใบ้วิธีการที่จะทำแบบนั้นให้พวกเธอแล้ว
สโนไวท์ใส่ฟิรูรุเข้าไปที่กระเป๋าที่ห้อยอยู่ตรงเอว มันเป็นวิธีเดียวกันกับที่กริมฮาร์ทใช้ซ่อนชัฟฟิน แม้จะเป็นสิ่งที่มีชีวิตก็ยังสามารถเข้าไปในกระเป๋าได้ และตราบใดที่เธอยังคงมีสติอยู่ เธอก็จะออกมาจากกระเป๋าได้ด้วยความต้องการของตัวเอง ดังนั้นกลุ่มของพวกเธอจึงสามารถวิ่งอย่างเต็มกำลังพร้อมกับพาคนที่บาดเจ็บหนักออกไปด้วยได้
“ไม่พบเมจิคัลเกิร์ลที่อยู่ตรงทางเดิน!”
ฟาลแจ้งพวกเธอจากการตรวจหาศัตรูบนเรดาห์ จากนั้นพวกเธอก็เริ่มวิ่งอีกครั้ง ศัตรูอาจจะมองดูจอมอนิเตอร์อยู่ ในตอนนี้อาจจะรู้ว่าพวกเธอนั้นกำลังมุ่งหน้าไปที่ทางเข้าแล้ว ศัตรูเองคงรู้ว่าพวกเธอพยายามจะทำอะไรบางอย่าง พวกเธอจึงต้องเปิดประตูให้เร็วที่สุดก่อนที่ศัตรูจะเปลี่ยนรหัสผ่าน และก่อนที่พวกศัตรูจะไล่ตามมา
พวกเธอวิ่งไปตามทางเดินแล้วก็รอที่กั้นของพื้นที่ทะเลทรายเปิดขึ้นอย่างใจเย็น ในตอนที่ที่กั้นเปิดขึ้นเพียงแค่นิดเดียว ฟาลก็ทำการแสกนหาเมจิคัลเกิร์ลที่อยู่อีกฝั่งในทันที
“เมจิคัลเกิร์ลที่อยู่ในทะเลทรายนับได้…สิบห้าคน?!”
เมื่อที่กั้นเปิดขึ้นพวกเธอก็มองเห็นทะเลทราย แต่มันกลับมองไม่เห็นชัฟฟินอยู่ตรงจุดไหนเลย ถึงกระนั้นมันก็มีเมจิคัลเกิร์ลสิบห้าคนอยู่ที่นี่ในตอนนี้ จำนวนมากขนาดนั้นซ่อนตัวอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันนะ? ถ้าหากศัตรูส่งชัฟฟินจำนวนมากแบบนั้นมา มันก็ต้องผ่านตรงทางเดินที่พวกเธอเพิ่งผ่านมาไม่ใช่หรอกเหรอ? ฟาลช่วยอะไรไม่ได้ แต่ก็คิดว่าศัตรูนั้นเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าที่คาดเอาไว้
กลุ่มของพวกเธอวิ่งออกไปอีกครั้งโดยแทบจะไม่สนใจสิ่งที่ฟาลพูดเลย มาริกะ ฟุคุโรอิที่ก่อนหน้านี้วิ่งอยู่ในพื้นที่น้ำ ในตอนนี้เธอกำลังวิ่งอยู่บนทะเลทราย
“เมจิคัลเกิร์ลสิบห้าคนรวมตัวกันอยู่ตรงที่กั้นอีกฝั่ง… ในตอนนี้เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ปอน”
เมื่อข้ามเนินทรายไปสองลูกพวกเธอก็มองเห็นที่กั้น ที่นั่นมีชัฟฟินดอกจิกกับโพดำอยู่รวมกันสิบห้าคน พวกนั้นกระจายตัวออกไปพร้อมกับยกอาวุธขึ้นมา เมื่อมองแล้วก็เห็นได้ชัดเลยว่ากำลังป้องกันที่กั้นอยู่
“โซล่าแคนน่อน!”
ทันทีที่มองเห็นศัตรู มาริกะ ฟุคุโรอิก็โจมตีเข้าใส่ทันที แต่พื้นที่ตรงนี้มันแตกต่างตรงทางเดินเพราะศัตรูอยู่ในพื้นที่เปิดโล่ง เธอจึงยิงถูกชัฟฟินแค่สองคนเท่านั้น ถึงจะเป็นแบบนั้นเธอก็สามารถทำการเปิดทางได้ พวกเธอไถลตัวลงไปด้านล่างเข้าไปหาที่กั้นแล้วสโนไวท์ก็กดแผงควบคุม แต่ที่กั้นก็ไม่ได้เปิดขึ้นในทันที พวกเธอทุกคนจึงหันหลังเข้าหาแผงควบคุมแล้วก็เตรียมตัวสวนกลับชัฟฟิน—
“ตรวจพบเมจิคัลเกิร์ลเพิ่ม! มีอีกสี่คนอยู่ที่ทางเดิน ปอน!”
สโนไวท์ปัดหอกด้วยรูลเลอร์ ในขณะที่ดีลูจเหวี่ยงตรีศูลไปรอบๆเพื่อแช่แข็งพื้นที่รอบบริเวณ จังหวะที่หยุดการโจมตีของชัฟฟินได้ สโนไวท์ก็ไถลตัวลงไปด้านล่างของที่กั้นเพื่อเข้าไปในทางเดิน ดีลูจกับมิมิเองก็ตามไปด้วย
แต่มาริกะยังคงอยู่ที่เดิมแถมยังไม่ได้พยายามเข้าไปในทางเดิน “พวกมันมีตั้งเยอะดูน่าสนุกจะตาย!”
สไตล์เลอร์ มิมิเดาะลิ้นในตอนที่เธอกลับเข้าไปในทะเลทราย พวกเธอสองคนจะหยุดศัตรูที่เข้ามามาจากด้านหลัง ส่วนสโนไวท์กับดีลูจจะรับมือศัตรูที่มาจากด้านหน้า ร่างกายของดีลูจส่องแสงสีฟ้าแล้วพุ่งเข้าไป
ในตอนที่ดีลูจจะแทงศัตรูด้วยตรีศูล มันก็มีเด็กสาวปรากฏตัวขึ้น เธอปรากฏตัวออกมาจากที่ที่ไม่มีอะไรเลย ทำให้ทั้งศัตรูและพวกเดียวกันตกตะลึงจนพูดไม่ออก
ดีลูจพึมพำด้วยเสียงที่สั่นไหว “ปริซึม…เชอร์รี่…เธอ—”
“ขอโทษที่มาสายนะคะ! ฉันจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ค่ะ!”
ในตอนที่ปริซึม เชอร์รี่เดินผ่านดีลูจและสโนไวท์เข้าไปในพื้นที่ทะเลทรายผ่านที่กั้น ตรงทางด้านหลังที่เธอเดินผ่านนั้น มันก็ส่องประกายออกมาอย่างระยิบระยับ
☆ สไตล์เลอร์ มิมิ
“ฉันเป็นพวกเดียวกันค่ะ!”
จู่ๆเสียงที่ไม่คุ้นเคยก็ประกาศออกมาว่าเป็นพวกเดียวกันมันจึงทำให้มิมิสับสน เมจิคัลเกิร์ลที่เข้ามาในห้องผ่านทางที่กั้นนั้นที่กำลังปิดนั้นคือเมจิคัลเกิร์ลที่เธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน และตัวของเธอก็ส่องประกายอย่างแปลกประหลาดด้วย
“พวกเดียวกัน? เยี่ยยยยม!” มาริกะตะโกนออกมา
มิมิไม่ได้มีเวลาจะพูดออกมาเลยว่า “ทำไมถึงเชื่อเธอคนอื่นง่ายแบบนี้กันยะ?” เพราะพวกเธอถูกชัฟฟินสิบห้าคนล้อมเอาไว้พร้อมกับอาวุธครบมืออยู่ ส่วนฝั่งพวกเธอถ้ารวมคนๆนี้ที่บอกว่าเป็นพวกเดียวกันไปด้วยก็จะมีสามคน มาริกะนั้นต้องใช้เวลาเพื่อให้ดอกไม้บาน หากพวกเธอกลับไปที่ทางเดินล่ะก็มันก็จะต่อสู้ง่ายกว่า แต่เพราะมาริกะเลือกที่จะอยู่ในทะเลทราย บางทีเธอคงวางแผนบางอย่างเอาไว้
ชัฟฟินเหมือนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมีเมจิคัลเกิร์ลปริศนาปรากฎตัวขึ้นมาเช่นกัน หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ยกอาวุธขึ้นมา
ในตอนนั้นเด็กสาวปริศนาก็ร้องตะโกน “อย่ามองมาที่ฉันนะคะ!”
ร่างกายของเธอส่องแสง มิมิไม่ได้มองดูจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตัวของเธอกำลังส่องแสงอยู่ แสงสว่างที่รุนแรงนั้นมันทำให้ชัฟฟินหน้านิ่วและหรี่ตาลง แสงสว่างนั้นส่องมาที่ด้านหลังของมิมิและมาริกะ พวกเธอจึงไม่เป็นอะไรต่างจากชัฟฟิน
มิมิเฉือนชัฟฟินด้วยกรรไกรแล้วเตะมันออกไป เมื่อพวกมันโจมตีกลับมาเธอก็ป้องกันเอาไว้ ป้องกัน หลบ หลบ แล้วก็หลบอีกครั้ง— พวกมันมีเยอะเกินไป เธอหลบการโจมตีได้ไม่ทั้งหมด และดอกจิกนั้นหั่นเส้นผมของเธอในขณะที่หอกแฉลบผ่านแขน เธอรู้สึกเหมือนกับว่าผิวหนังและเนื้อจะหลุดออกมาแล้วก็ตามด้วยความเจ็บปวด หอกที่หลบไม่ได้นั้นแทงเข้ามาที่แขนขวาจนเลือดไหลทะลักออกมา จากนั้นเธอก็โยนกรรไกรของตัวเองทิ้งเพื่อสร้างระยะห่าง
การต่อสู้ของเธอนั้นมันดูซุ่มซ่าม มันไม่ใช่เป็นเพราะว่าศัตรูนั้นมีจำนวนมาก แต่เพราะเมจิคัลเกิร์ลที่อยู่ด้านหลังของเธอนั้นยืนอยู่กับที่และไม่ได้ขยับตัว หากมิมิหลบการโจมตีได้ไม่ดี การโจมตีนั้นมันก็จะไปโดนคนที่อยู่ด้านหลังเอาได้ แต่ทำไมเธอต้องต่อสู้เพื่อปกป้องคนที่เพิ่งจะเจอหน้ากันด้วยนะ?
มาริกะ ฟุคุโรอิหัวเราะ แต่ไม่ใช่หัวเราะเพราะว่าดีใจที่ได้ต่อสู้ เสียงหัวเราะนี้เป็นเสียงที่มิมิคุ้นเคย
“ฮะฮะฮ่าาาาาาาาาาา! มาเลยดวงอาาาาาาาาาาาทิตตตตตตตตตตย์!”
โอ๊ะ เข้าใจแล้ว มิมิคิด
แสงที่เปล่งประกายนี้ไม่ใช่มีแต่ความอบอุ่น แต่มันคือแสงจากดวงอาทิตย์ แม้จะลงมายังใต้ดิน มาริกะ ฟุคุโรอิก็
จำเป็นต้องมีมัน แถมแสงอาทิตย์นี้เป็นแสงที่ทรงพลังมาก ยิ่งกว่านั้น แสงมันยังคงเปล่งออกมาอย่างต่อเนื่องจากเมจิคัลเกิร์ลที่อยู่ด้านหลัง
แผนของมิมิคือพยายามซื้อเวลาจนกระทั่งมาริกะจะทำให้ดอกไม้ของเธอบานออกมาได้ เธอสาปแช่งคนๆนี้ที่เอาแต่ให้มิมิทำอะไรเพื่อซื้อเวลาตลอด และงานนี้มันก็จบลงในชั่วพริบตา เพราะมันไม่ใช่ความร้อน แต่เป็นแสงอันทรงพลังของดวงอาทิตย์ที่ทำให้มองไม่เห็นอย่างแท้จริง เมล็ดทานตะวันที่เธอกลืนลงไปเติบโตด้วยความเร็วสูงและส่องประกายแพรวพราวออกมา
“โซล่าเฮเว่น!”
มิมิรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มิมิรู้ว่ามาริกะเชื่อใจเธอในการปกป้องพวกเดียวกัน มิมิจึงหันหลังให้ศัตรูแล้วก็ผลักเมจิคัลเกิร์ลที่อยู่ด้านหลังลงไปในทราย
จากนั้นแสงก็ถูกยิงออกไป
แสงนี้มันไม่เหมือนกับแสงอาทิตย์ที่เมจิคัลเกิร์ลปริศนาเปล่งออกมา มันเป็นพลังงานของแสงอาทิตย์ที่มาริกะเก็บรวบรวมเอาไว้ เมื่อเก็บมากจนถึงขีดสุด เธอก็จะปล่อยมันออกมาในคราวเดียว
มิมิพ่นเอาทรายที่อยู่ในปากออกมา “เธอนี่เป็นแบบนี้ตลอดเลย…”
“ขอบคุณที่ชมนะ”
“มันใช่คำชมที่ไหนล่ะยะ”
“แล้วก็ขอบคุณเธอที่อยู่ตรงนั้นด้วย”
“อ๊ะ ด้วยความยินดีค่ะ ฉันเองก็ดีใจที่ตัวเองมีประโยชน์”
มาริกะดึงมิมิขึ้นมา แล้วมิมิก็ช่วยเมจิคัลเกิร์ลปริศนา รัศมีรอบตัวของมาริกะถูกเผาไหม้เกรียมจนกลายเป็นสีดำ เธอไม่จำเป็นต้องคิดเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับชัฟฟิน
“เดี๋ยวชั้นค่อยถามว่าเธอคือใครทีหลังแล้วกัน”
“อะ-โอเคค่ะ”
“ตอนนี้ก็ไล่ตามนักล่าเมจิคัลเกิร์ลไปก่อน”
“ถ้ามัวทำอะไรอืดอาด พวกเราจะถูกทิ้ง—”
ที่อีกด้านหนึ่งของเนินทราย สไตล์เลอร์ มิมิมองเห็นทรายที่กำลังลอยตัวขึ้น
ก่อนที่เธอจะคิดว่ามันคืออะไร ร่างกายของเธอก็ขยับไปก่อนแล้ว
เธอก้มลงไปแล้วใช้สองมือโกยทรายขึ้นมา จากนั้นก็ปาทรายเข้าไปหามาริกะ เวทมนตร์ของสไตล์เลอร์ มิมินั้นสามารถเปลี่ยนแปลงชุดของผู้คนได้ และมันก็ไม่ใช่เพียงแค่เท่านั้น เธอยังสามารถปลอมตัวคนหนึ่งเป็นอีกคนหนึ่งได้ หรือก็คือทำให้บางคนพรางตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกด้วย
เธอทำให้มาริกะหลอมรวมเข้ากับทะเลทราย จากนั้นเธอก็โปรยทรายใส่เด็กสาวที่ไม่รู้จักเพื่อทำแบบเดียวกัน มันไม่ใช่แค่การพรางตัว แต่มันคือการปกปิดอย่างสมบูรณ์แบบ การพรางตัวที่สร้างขึ้นมาจากเวทมนตร์ของสไตล์เลอร์ มิมินั้นสามารถหลอกลวงสายตาของเมจิคัลเกิร์ลได้
จากนั้นเธอจะปกปิดตัวเองด้วยทรายเป็นคนต่อไป แต่ฝุ่นทรายนั้นมาถึงก่อน คนที่นำอยู่คือเอซโพดำ ส่วนที่ตามมาด้านหลังคือคิงและควีนดอกจิก
ฉันจะไม่—
เธอถูกแทงเข้าไปที่ลำคอ แล้วก็ถูกเหวี่ยงไปรอบๆ ถูกโยน มันร้อน เลือดนั้นไหลทะลักออกมาจากทางด้านหลังลำคอและจากริมฝีปาก เธอรู้สึกว่าร่างกายจะถูกฉีกขาดออกเป็นชิ้นๆ เธอยังคงมีสติอยู่ เธอหายใจไม่ออก มันทั้งอึดอัด แถมยังเจ็บปวด
เรื่องราวมันเป็นเหมือนเดิมเสมอ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอันตรายขนาดไหน มาริกะ ฟุคุโรอิก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม ไม่ว่าสไตล์เลอร์ มิมิจะเกลียดมันแค่
ไหน เธอก็ถูกบังคับให้มาด้วยทุกครั้ง แม้สไตล์เลอร์ มิมิจะปฎิเสธที่จะไม่ไปด้วย แต่มาริกะก็จะไม่สนกับการทักท้วงแล้วลากเธอมาด้วยอยู่ดี
อ่าา…
ทรายถูกย้อมเป็นสีแดง นั่นคือทุกอย่างที่เธอมองเห็น มิมิไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับมาริกะและคนอื่น มันเจ็บปวด เจ็บปวดเหลือเกิน ทั้งๆที่มันเจ็บปวดขนาดนี้ ทำไมยัยบ้านั่นถึงคิดแต่เรื่องต่อสู้ได้กันนะ?
หากมิมิเกลียดที่จะไปกับเธอจริงๆล่ะก็ มิมิก็แค่กลับไปตอนไหนก็ได้ มิมิรู้ดีว่ามาริกะจะไม่ชวนใครที่ไม่สนใจไปด้วย แม้มิมิจะดูเหมือนเป็นแบบนั้น บางครั้งเธอก็จะเห็นมาริกะใส่ใจคนอื่นจนน่าแปลกใจ มิมิเองก็รู้เรื่องนี้ดี
มิมิยังรู้อีกว่าตัวเองนั้นไม่ได้เกลียดที่ถูกบังคับให้ไปไหนมาไหนด้วยกัน การแย้งของมิมิมันทำให้มาริกะลากเธอไปด้วยเสมอ บางครั้งเรื่องมันก็จบลงอย่างปลอดภัย แล้วมิมิก็จะบ่นตลอดทางตอนกลับบ้าน เรื่องพวกนี้มันก็เกิดขึ้นเช่นกัน
ในคราวนี้มันต่างออกไป มิมิไม่ได้คิดเลยว่าจะมีอะไรแตกต่าง เธอพูดว่ามันน่ากลัวและอันตรายยังไงอยู่ตลอด แต่ส่วนลึกในหัวใจ เธอก็มั่นใจว่าพวกเธอจะกลับไปได้อย่างปลอดภัย
เธอแทบจะไม่มีแรงเหลือแล้ว ดังนั้นเธอจะรวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย
มิมิดึงกรรไกรออกมาจากกระเป๋า เธอยกตัวขึ้นแล้วขว้างมันเข้าไปหาชัฟฟินดอกจิก เธอไม่เคยเล็งเป้าโจมตีแบบกระทันหันมาก่อน แต่กระนั้นมันก็เสียบทะลุลำคอของชัฟฟิน ควีนดอกจิกล้มลงพร้อมกับเอามือจับไปที่ลำคอ มิมิเองก็นอนราบไปกับพื้น ใบหน้าของเธอจ้องมองเพดานในตอนที่หมดลมหายใจ
☆ มาริกะ ฟุคุโรอิ
เธอนอนราบไปกับพื้นเหมือนกับสัตว์ร้ายสี่ขาเพื่อทำให้ไม่ถูกเจอตัว
มิมิไม่ขยับแล้ว เธอจัดการชัฟฟินได้ด้วยการเคลื่อนไหวครั้งสุดท้าย
ตกตายตามกันไป ใช่แล้ว ตกตายตามกันไป นั่นหมายความว่ามิมิถูกชัฟฟินฆ่า และมิมิก็ฆ่าชัฟฟินไปพร้อมกัน เธอขยับไม่ได้อีกแล้ว เพราะมันเป็นแผลที่ถึงชีวิต เป็นแผลที่ถึงแก่ชีวิต
มาริกะช่วยเธอเอาไว้ไม่ได้ มาริกะไม่ได้พยายามช่วยชีวิตเธอเลยใช่ไหม? ไม่เลย มาริกะไม่ได้ช่วยเธอเลย มาริกะควรจะช่วยเธอ ทำไมเธอถึงคิดอะไรแบบนี้ด้วยล่ะ? คิดถึงเรื่องคนที่ตายในระหว่างการต่อสู้เช่นนี้
เอซโพดำและคิงดอกจิกเอาหลังชนกันและยกอาวุธขึ้น พวกมันยังไม่เจอเธอ พวกพ้องคนใหม่เองก็กำลังซ่อน
ตัวเช่นกัน มาริกะหวังว่าเธอจะยังคงอยู่แบบนั้น
ชัฟฟันสองคนที่เอาหลังชนกันกำลังเคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ พวกมันทั้งคู่เลื่อนตัวไปตามพื้นทรายและมุ่งหน้าไปยังที่กั้น มิมิเองก็อยู่ใกล้กับตรงนั้น
มิมิ
นั่นคือมิมิ
สไตล์เลอร์ มิมิ
มาริกะคิดถึงมิมิอีกครั้ง เธอไม่ควรจะคิดถึงคนที่ล้มลงไปและไม่เคลื่อนไหวอีกแล้ว การต่อสู้นั้นสนุกสนาน การสูญเสียในการต่อสู้ก็เป็นเรื่องที่ดี ศัตรูนั้นจะพุ่งเป้าทั้งร่างกายและจิตใจมาที่ตัวของเธอ และเธอก็คิดอะไรอย่างอื่นไม่ได้นอกจากเรื่องของศัตรู ความคิดของเธอถูกย้อมด้วยเรื่องเหล่านั้น เธอควรจะจัดการพวกมันยังไงดีนะ? ควรจะรับการโจมตีนั้นรึเปล่า? เธอนั้นจะหลอมรวมตัวเองเข้ากับการต่อสู้และกลายเป็นหนึ่งเดียวกับคนอื่น มันไม่ใช่การต่อสู้กับคนสองคน แต่เป็นการต่อสู้กับคนๆเดียว
ความคิดของเธอควรจะไม่มีอะไรมาเจือปน แต่มิมินอนอยู่ที่นั่น
เธอหันเหสายตาออกจากที่นั่นไม่ได้ แถมเข้าไปต่อสู้ก็ไม่ได้
มันมีพวกเดียวกันกับเธอที่ล้มลงและไม่เคลื่อนไหวอยู่เสมอ สำหรับเธอแล้วไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หากหัวใจของเธอมีเรื่องเล็กน้อยเข้ามารบกวน แบบนั้นเธอก็จะเรียกตัวเองว่านักรบไม่ได้ นักล่าเมจิคัลเกิร์ล นักดนตรีแห่งพงไพร และมาโอคงหัวเราะเยาะเธอแน่
มาโอ— เธอเองก็ตายไปแล้วเช่นกัน มาริกะคิดว่าแม้กระทั่งความตายก็จะไม่ทำให้มาโอจบสิ้นลงแค่นั้น เธอคิดว่ามาโอจะคงเป็นมาโอไปตลอดกาล และมาริกะก็สามารถเล่นกับเธอได้จนกระทั่งตัวเองตาย
มาโอตายแล้ว มิมิเองก็ไม่ขยับเช่นกัน มาริกะบังคับให้เธอมาทั้งๆที่เธอเกลียด และมิมิก็ตายจากไป นี่ชั้นคิดอะไรอยู่กันนะ? มิมิเกลียด แต่ชั้นก็ยังคงพาเธอมา? แต่ทำไมชั้นถึงมาคิดมันได้ตอนนี้ล่ะ?
สิ่งนี้มันพุ่งพล่านขึ้นมาจากส่วนลึกในตัวของเธอ คลื่นเล็กๆแปรเปลี่ยนเป็นสึนามิขนาดยักษ์ และพลังงานที่มาริกะไม่เคยรู้สึกมาก่อนก็พยายามพุ่งออกมาจากภายในตัวของเธอ มันคือพลัง พลังอันบริสุทธิ์ที่พยายามจะเปลี่ยนเธอ มาโอนั้นสอนเธอว่าการเคลื่อนไหวของหัวใจที่ยิ่งใหญ่สามารถทำให้เมจิคัลเกิร์ลเติบโตขึ้นอย่างรุนแรงได้ เวลานั้นผ่านมานานกว่าสิบปีแล้ว มันเป็นปาฏิหาริย์ที่มาริกะยังคงจำมันได้
มาริกะรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
มิมิตายแล้ว
มิมิถูกฆ่าตาย
มาริกะอยากปกป้องเธอ แต่มาริกะก็ทำไม่ได้
มาริกะบอกตัวเองว่า เธอน่ะเอาชนะได้ด้วยพลังที่มีอยู่ในตอนนี้ ถ้าจะเพิ่มไปอีกอย่าง มันก็ควรจะเป็นการพรางตัวที่มิมิทิ้งไว้ให้เป็นอย่างสุดท้าย
สิ่งที่เธอมีในตอนนี้มันก็เพียงพอแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องมีอย่างอื่น นั่นเป็นสิ่งที่เธอไม่ควรจะมี
เธอสัมผัสได้ว่าหากยอมรับของขวัญชิ้นนี้เธอก็อาจจะตาย เธอเข้าใจมันด้วยความรู้สึกของตัวเอง เหมือนกับที่มิมิจัดการชัฟฟินไปพร้อมกับชีวิตของเธอ มาริกะคงจะตายเพราะชัฟฟินสองคนนั่น มาริกะจะตายไม่ได้ มาโอตายไปแล้ว มิมิเองก็เช่นกัน
มาริกะยังคงมีชีวิตอยู่
เธอเกร็งแขนขาเพื่อตรวจสอบสิ่งที่พยายามออกมาจากภายในตัวของเธอ เมื่อหัวใจของเธอดูเหมือนว่าจะหลุดความตั้งใจไป เธอก็จับเอาไว้อย่างแนบแน่นและพยายามโน้มน้าวร่างกายของตัวเอง เธอไม่จำเป็นต้องแข็งแกร่งกว่าที่มีอยู่ในตอนนี้
ไม่ต้องตื่นขึ้นมา!
ไม่! แกน่ะไม่ต้องเข้ามายุ่ง!
ชั้นชนะได้โดยไม่ต้องมีแก!
รีบไสหัวไปซะ!
หัวใจของเธอสงบลง การเคลื่อนไหวของหัวใจที่รุนแรงโดยทั่วไปแล้วก็คือความวุ่นวาย มันไม่ใช่สิ่งที่ควรจะมีในการต่อสู้ เธอทำให้จิตใจของตัวเองสงบลง ยับยั้งความปรารถนาที่ต้องการชนะเอาไว้ หลีกเลี่ยงการสร้างร่องรอยบนพื้นทราย ในตอนที่ก้าวเท้าก็ไม่พยายามทำให้เกิดเสียง เธอทำให้น้ำหนักของตัวเองหายไปจนเบาเสียยิ่งกว่าขนนก
เธอใช้เทคนิคการเคลื่อนไหวอย่างเงียบๆที่เรียนรู้มาจากการจับตัวเมลวิลล์ เธอเดินวนไปด้านหน้าไปยังจุดที่ชัฟฟินสองคนจะไป เธอเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าพวกนั้น และต้องทำให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะไม่รู้ตัวด้วย
เธอกลืนเมล็ดลงไปช้าๆ เพราะในลำคอของเธอแห้ง ตอนกลืนลงไปมันจึงเจ็บ
มันไม่มีแสงแดดอีกแล้ว ดอกไม้จึงไม่บานในทันที
เธอใช้การพรางตัวเพื่อซื้อเวลาจนกว่าดอกไม้จะเบ่งบาน ในด้านความสามารถทางกายภาพนั้น เอซโพดำอยู่เหนือกว่าพวกเก่งกาจของโรงเรียนกวดวิชามาโอ และคนที่เก่งกาจของโรงเรียนอย่างมาริกะนั้นสามารถพูดได้ว่าเป็นเรื่องจริง ในการที่จะเอาชนะได้นั้น เธอจำเป็นต้องมีพลังเวท
เธอเดินสี่ขาเหมือนกับเต่า แต่ก็ยังคงไปถึงที่กั้นด้านหน้าของศัตรูได้ ก่อนอื่นเธอต้องบดขยี้ชัฟฟินดอกจิก จากนั้นเธอต้องทำให้เอซโพดำออกห่างจากที่กั้นและซื้อเวลา
เข้ามาสิ เธอคิดเช่นนั้นแล้วก็พึมพำกับตัวเอง แต่ชัฟฟินสองคนมันเปลี่ยนทิศทางออกห่างจากที่กั้นไปเล็กน้อย พวกมันยังคงไม่เห็นเธอ ถ้าเห็นล่ะก็ พวกมันคงโจมตีเข้ามาแบบตรงๆ
พวกมันพยายามจะทำอะไรกันน่ะ? ชัฟฟินสองคนยังคงออกห่างจากที่กั้นและเข้าหาสไตล์เลอร์ มิมิที่ล้มอยู่ เมื่อมาริกะรู้ว่าพวกมันจะทำอะไร เธอก็ลืมการพยายามซ่อนตัวไปจนหมด จากนั้นเธอก็ตะโกนออกมาแล้วพุ่งเข้าใส่
มิมิกลับไปเป็นร่างมนุษย์แล้ว เธอตายเพราะแผลที่ถูกแทงเข้าที่ลำคอ
แม้เธอจะตายอย่างน่าสยดสยอง แต่ดวงตาของเธอก็ปิดลงและยังดูสงบมาก ชัฟฟินสองคนยกตัวของเธอขึ้นมาแล้วฉีกกระชากศพของเธอ จากนั้นก็เหวี่ยงไปรอบๆ จนเลือดจำนวนมากเปรอะเปื้อนไปทั่วบริเวณ
มันไม่ใช่แค่เลือด แต่ร่างของมิมิเองก็กระจัดกระจายออกไปด้วย
บริเวณที่มาริกะและเมจิคัลเกิร์ลที่เป็นมิตรซ่อนตัวอยู่ถูกย้อมจนกลายเป็นสีแดงฉาน เมื่อสีแดงที่ไม่ใช่ทรายมาติดอยู่ที่ตัวของพวกเธอ การพรางตัวก็ไม่ได้ผลอีกต่อไป
ดอกจิกเข้ามาหาเธอ ส่วนโพดำเข้าไปหาเด็กสาวอีกคนหนึ่ง เมจิคัลเกิร์ลที่เป็นมิตรยืนขึ้น เพราะการพรางตัวมันจึงทำให้มาริกะมองไม่เห็นท่าทางของเธอ
มาริกะโจมตีเข้าไปหาดอกจิกแต่อีกฝ่ายก็หลบได้ มาริกะไม่สนใจเรื่องนั้นแล้วพุ่งเข้าไปหาโพดำ แต่จากนั้นดอกจิกก็ใช้กระบองทุบเข้ามาที่มาริกะ จนหน้าผากของก็แตก
การมองเห็นของเธอกลายเป็นสีแดงเข้ม
โพดำใช้หอกแทงเข้าไปที่เด็กสาวอีกคน และมาริกะก็ตะโกนออกมา
เด็กสาวที่เป็นพวกของเธอล้มลง จากนั้นโพดำกระชากหอกแล้วเลือดก็ไหลพุ่งออกมา
ดอกจิกเหวี่ยงกระบองเข้ามาที่มาริกะอีกครั้ง แต่มาริกะก็ใช้หน้าผากของเธอกระแทกเข้าไปหากระบองแทน เพราะแบบนั้นเลือดจึงไหลออกมามากขึ้น เมื่อดอกจิกเริ่มเสียสมดุลย์ มาริกะก็ต่อยเข้าไป
ตัวของดอกจิกโอนเอน มันก็ไม่ได้ล้มลงและเข้าคลุกวงในกับมาริกะ
มาริกะใช้ข้อศอกโจมตีเข้าไปที่กระดูกสันหลังสองและสามครั้ง แต่ดอกจิกนั้นก็ยังคงไม่ล้มลง โพดำยกหอกขึ้นแล้วพุ่งเข้ามาหา มันเร็วเกินกว่าที่เธอจะตอบสนองได้ทัน
ดอกจิกนั้นหลบหอกของโพดำได้ทันท่วงที มันจึงทำให้หอกนั้นแทงเข้าไปในหน้าอกของมาริกะ ทะลุผ่านเนื้อจนเข้าไปลึก
เลือดนั้นไหลทะลักออกมา จากนั้นก็ตามด้วยมีแสงเปล่งประกายขึ้น
แสงนั้นมันเหมือนกับแสงที่เธออาบมาก่อนหน้านี้ มันคือแสงของดวงอาทิตย์
เมจิคัลเกิร์ลที่ถูกโพดำเสียบนั้นก้มหน้าลงพร้อมกับหันกระจกของเธอมาทางมาริกะ ในกระจกของเธอนั้นคือดวงอาทิตย์ แสงนั้นรุนแรงจนไม่สามารถมองได้ตรงๆ แต่มาริกะจำความรู้สึกนี้ได้
มาริกะดึงหอกของโพดำเข้ามาใกล้ ให้มันแทงเข้ามาในตัวลึกลงไปอีก เลือดเองก็ไหลออกมาเพิ่มมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย
เธอโอบไหล่ของโพดำให้เข้ามาใกล้ที่สุด เมื่อหอกแทงทะลุตัวของเธอ โพดำนั้นก็พยายามกระชากออก แต่มันสายเกินไปแล้ว มาริกะนั้นอาบแสงอาทิตย์มาอย่างเต็มที จนดอกไม้สีเหลืองเบ่งบานบนหัวของเธอ
“จีโนไซดัล ออก้า!”
หนามสีแดง* ที่หนาและแหลมคมพุ่งออกมาจากทั่วร่าง แม้จะเป็นร่างของเมจิคัลเกิร์ลพวกมันสามารถเจาะทะลุได้
*ดอกสีเหลืองและมีหนามสีแดงน่าจะหมายถึง Ferocactus cylindraceus ที่เป็นกระบองเพชรสายพันธุ์หนึ่ง https://en.wikipedia.org/wiki/Ferocactus_cylindraceus
ทั้งดอกจิกและโพดำนั้นเสียบเข้าไปทั่วทั้งตัว แต่เมื่อโพดำพยายามจะขยับตัว เธอก็แทงหนามเข้าไปอีก เธอแทงมันเข้าไปในเบ้าตา บดขยี้ดวงตา เจาะทะลุสมอง แล้วผ่ากระโหลกออก
เลือดของชัฟฟินผสมปนเปเข้ากับเลือดของมาริกะ
แสงของดวงอาทิตย์หายไป เมจิคัลเกิร์ลที่เป็นพวกเดียวกันทิ้งกระจกลง เมื่อจัดการชัฟฟินทั้งสองได้ มาริกะก็ทรุดตัวลง
อ่าาา… เหนื่อยชะมัดเลย
เธออยากจะพักแค่ซักนิด แค่นิดเดียว และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง มันก็จะกลายเป็นการต่อสู้ครั้งใหม่
เมื่อเธอคิดแบบนี้อยู่ในใจ มาริกะ ฟุคุโรอิก็หมดสติไป
☆ ฟาล
เพราะสโนไวท์สามารถได้ยินเสียงในหัวใจของไซเบอร์แฟร์รี่ได้ มันจึงทำให้ฟาลรู้สึกอายและไม่พอใจเรื่องนี้นิดๆ แต่เมื่อถึงเวลาต่อสู้ มันก็กลายเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากเพราะสามารถร่วมมือกับฟาลได้โดยที่ไม่ต้องพูดกันเลย
มีชัฟฟินสามคนอยู่ที่ทางเดิน โพแดงสองคนและหกโพดำหนึ่งคน สโนไวท์ดึงเอาเมจิคัลโฟนออกมาแล้วก็ปาให้ไถลไปตามพื้น ในขณะที่ฟาลตั้งค่าให้ภาพสามมิติของตัวเองมีขนาดใหญ่ที่สุด
รูปร่างขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นในทันทีทันใดต่อหน้าศัตรู พร้อมกับระดับเสียงที่ตั้งค่าไว้แบบดังที่สุดและตะโกนข่มขวัญออกมา เมื่อศัตรูสะดุ้ง รูลเลอร์ก็ถูกเหวี่ยงเข้าไปโจมตีโพดำที่อยู่ด้านหน้าโดยไม่สนภาพสามมิติของฟาล จากนั้นสโนไวท์และดีลูจก็เตะโพแดงสองคนที่ตัวสั่นอยู่ด้านหลัง
สโนไวท์เข้าไปหยิบเมจิคัลโฟนโดยไม่ลดความเร็วลง จากนั้นก็เตะเข้าไปที่กำแพงเพื่อหักเลี้ยวแล้วก็วิ่งออกไปเหมือนกับลูกศร ไหล่ของเธอไปกระแทกเข้ากับที่กั้นในตอนที่กดแผงควบคุม
“จำนวนของเมจิคัลเกิร์ลมีคนเดียว! พวกเราทำได้แน่ ปอน!”
ตอนนี้มันไม่มีใครอยู่ที่นี่ บางทีอีกฝ่ายอาจจะสำรวจพลังต่อสู้ของพวกเธอทั้งหมดมาแล้วก็ได้
แต่มันคงไม่มีแบบนี้ไปตลอด
หากชัฟฟินที่ป้องกันด้านฝั่งห้องประชุมทุกคนถูกส่งมาที่พวกเธอ พวกเธอก็ต้องเผชิญหน้ากับจำนวนที่มากเกินไปจนต่อสู้ไม่ได้ และถ้ามีกริมฮาร์ทเข้ามาด้วย คราวนี้มันก็จะเกมโอเวอร์แน่นอน
แม้สโนไวท์จะรู้ถึงเวทมนตร์ที่แท้จริงของกริมฮาร์ท แต่สโนไวท์ก็ไม่สามารถเผชิญหน้ากับกริมฮาร์ทตามมาตราฐานการต่อสู้ของเธอได้
เมจิคัลเกิร์ลสองคนวิ่งไปตามทางเดินแล้วหยุดอยู่ตรงหน้าประตู ตัวเลขที่สโนไวท์บอกมานั้นถูกบันทึกอยู่ในตัวของฟาล ฟาลไม่เคยจำผิดหรือทำอะไรพลาด
“2847392869036194836787709!”
“ยืนยันรหัสผ่าน กำลังปลดล็อค”
พวกเธอทำได้ทันเวลา รหัสผ่านนั้นยังคงไม่เปลี่ยนไป
เสียงของหญิงสาวแจ้งเตือนพวกเธอถึงการยืนยันรหัสผ่าน จากนั้นประตูที่ดูหนาและหนักกว่าที่กั้นก็เริ่มส่งเสียงออกมาในตอนที่เริ่มเลื่อนขึ้น ดีลูจถอนหายใจออกมายาวๆ
พวกเธอยังคงผ่อนคลายตอนนี้ไม่ได้ แต่กระนั้น ฟาลก็เข้าใจในความโล่งอกของเธอ
ฟาลเองยังรู้สึกว่าพวกเธอได้ข้ามผ่าอุปสรรคที่หนักหน่วงที่สุดไปแล้ว ในตอนนี้พวกเธอแค่ต้องออกไปข้างนอกแล้วทำการติดต่อกับคนอื่น แล้วคืนวันอันแสนยาวนานในที่สุดก็จะจบลง
มันมีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย
มีคนที่ตายมากมาย และผู้ที่รอดชีวิตก็บาดเจ็บทั้งกายและใจ สโนไวท์เองก็เช่นกัน แม้เธอจะดูปกติ แต่มันไม่มีทางที่เธอจะเป็นแบบนั้นได้เลย เพราะเธอได้ยินเสียงในหัวใจของผู้คน เธอคงต้องรู้สึกวิตกกังวลมากกว่าคนอื่นถึงสองหรือสามเท่า
เมื่อพวกเธอออกไปข้างนอก ฟาลก็จะดูแลเรื่องอารมณ์และสนับสนุนสโนไวท์ต่อไปในอนาคต ฟาลอยากให้สโนไวท์รู้ว่าเธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว แต่กระนั้นสโนไวท์ก็มักจะทำอะไรที่บ้าบิ่นอยู่เสมอ
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของเมจิคัลเกิร์ลประดิษฐ์อีกด้วย
มันจำเป็นต้องคุยกับพวกเธอว่าเกิดอะไรขึ้น หากฟาลใช้เครือข่ายข้อมูลของตัวเอง—
“ยืนยันการเปลี่ยนรหัสผ่าน ยกเลิกการปลดล็อค”
ทันทีที่พวกเธอได้ยินเสียงของหญิงสาว ดีลูจก็จับประตูเอาไว้ แต่ในตอนนี้มันเริ่มจะเลื่อนลงมาอีกครั้ง แม้จะเป็นแรงของเมจิคัลเกิร์ลก็หยุดมันไม่ได้ มันไม่มีพื้นที่พอที่จะให้ไถลตัวไปบ้านล่างอีกด้วย
รหัสผ่านถูกเปลี่ยนแล้ว
ตอนนี้ประตูมันจะไม่เปิดอีก
สโนไวท์ใช้ใบดาบของรูลเลอร์สอดเข้าไปในช่องว่างระหว่างประตูกับพื้น เพราะรูลเลอร์นั้นจะไม่แตกหัก ประตูจึงทำลายมันไม่ได้ อาวุธนั้นหยุดประตูที่จะปิดเอาไว้พร้อมกับส่งเสียงบดออกมา แต่ช่องว่างนั้นก็ไม่ได้กว้างขึ้น มันไม่มีพื้นที่เพียงพอที่จะให้เด็กสาวลอดผ่านไปได้ หากเป็นแบบนี้พวกเธอก็จะติดอยู่ที่นี่
“ดีลูจ อดทนหน่อยนะ”
สโนไวท์เปิดปากกระเป๋าแล้วเหวี่ยงมันขึ้นไปที่หัวของดีลูจที่มองมาที่เธอพร้อมความรู้สึกตกใจ ตัวของเด็กสาว
ค่อยๆหายไปเรื่อยๆ จากเส้นผมจนไปถึงถึงปลายเท้า จากนั้นก็มัดปากกระเป๋าอย่างเบาๆเป็นอันเสร็จ ฟาลรู้ว่าสโนไวท์พยายามจะทำอะไร
สโนไวท์เลื่อนกระเป๋าที่มีดีลูจอยู่ด้านในไปตามพื้นด้านล่างประตู แม้ช่องว่างนั้นจะแคบเกินกว่าที่เมจิคัลเกิร์ลจะออกไปได้ แต่สำหรับกระเป๋าสี่มิติที่ไม่มีวันพองตัว มันก็สามารถผ่านออกไปได้
สโนไวท์ดึงรูลเลอร์ที่ยังคงต้านประตูเอาไว้จนถึงท้ายที่สุดออกมา และในตอนนี้ประตูก็ปิดตัวลง
ในตอนที่มีเสียงดังมาจากด้านหลัง สโนไวท์ก็วิ่งกลับไปยังทางที่เธอมาด้วยความเร็วที่เท่าเดิม
ฟาลถอนหายใจออกมา “สุดท้ายแล้ว…”
“หืม?”
“สุดท้ายแล้ว พวกเราก็อยู่ที่นี่จบกว่าจะจบเรื่องสินะ ปอน”
“ในตอนนี้พวกเราแค่ต้องไปรวมตัวกับมาริกะ มิมิ แล้วก็ปริซึม เชอร์รี่เพื่อซื้อเวลา เพราะรู้ว่าความช่วยเหลือจะมาเท่านี้ก็เป็นเรื่องง่ายแล้ว”
“มันง่ายตรงไหนล่ะ ปอน… ตอนนี้มีเมจิคัลเกิร์ลที่ตรวจจับได้คนเดียวนะ ปอน! มันมีแต่เธอนะ สโนไวท์!”
☆ ฟิรูรุ
เมื่อฟิรูรุถูกดึงออกมาจากกระเป๋า เธอก็มาอยู่ที่ตรงหน้าบันไดเรียบร้อยแล้ว
ฟิรูรุที่ถูกแบกอยู่บนไหล่ของดีลูจที่กำลังปีนบันไดอยู่นั้น กำลังพิมพ์ข้อความลงไปบนเมจิคัลโฟนของเธอ จากจุดนี้สัญญาณสามารถส่งออกไปยังภายนอกได้ เพราะแบบนั้นพวกเธอจึงขอความช่วยเหลือได้
หัวหน้าคนก่อนของเธอ เพื่อนร่วมงาน เมจิคัลเกิร์ลจากปาร์ตี้น้ำชา เมจิคัลเกิร์ลจากปาร์ตี้คาราโอเกะ เมจิคัลเกิร์ลจากปาร์ตี้ไพ่นกกระจอก เมจิคัลเกิร์ลจากแคมป์ เมจิคัลเกิร์ลจากงานจัดสวน ทุกคนที่เธอแลกเปลี่ยนอีเมลด้วยมากที่สุดเท่าที่มากได้ การพยายามหางานของเธอมันไม่ได้เสียเปล่าไปทั้งหมด
เธอส่งข้อความขอความช่วยเหลือออกไปทั้งหมดในคราวเดียว เช่นเดียวกับคนที่เธอได้รายชื่อมาจากสโนไวท์ มาริกะ ฟุคุโรอิ และสไตล์เลอร์ มิมิ
ในตอนนี้เธอส่งออกไปจำนวนมาก อีกฝ่ายก็คงปกปิดเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป พวกเธอต้องทำลายแผนการของกริมฮาร์ทให้ได้
ด้านบนของบันไดคือพื้นที่ภายในโรงงาน เครนพังๆ ร่องรอยของการทำลาย คราบสนิม ฝุ่น และหลุมสี่เหลี่ยม ทั้งหมดนี้มันเหมือนกับเป็นเรื่องที่ผ่านมานานแล้ว ที่หน้าท้องของฟิรูรุยังคงรู้สึกเจ็บ มันรู้สึกว่าน้ำตาจะไหลออกทุกครั้งที่หายใจออก ไม่ใช่น้ำตาแห่งความเจ็บปวด แต่มันคือน้ำตาแห่งความดีใจ
น้ำตาเช่นนั้นไหลออกมาเมื่อเธอออกมาจากกระเป๋า
“ขอโทษนะ ช่วยวางเราลงได้ไหม?”
“เธอเจ็บตรงไหนรึเปล่า?”
“ขอบคุณที่ช่วยนะ อย่างน้อยเราคิดว่าเราวิ่งได้แล้วล่ะ… เราพักอยู่ในกระเป๋า แล้วสิ่งที่ได้มาจากมาริกะก็ได้ผลด้วย”
“อ๋อ ไอ้นั่น มันได้ผลสินะ?”
มันยังคงเจ็บอยู่ แต่ในตอนนี้ความเจ็บปวดก็กลายเป็นสิ่งที่น่ายินดี
ฟิรูรุมองไปที่ดีลูจ เธอนั้นยิ้มออกมาพร้อมกับร้องไห้ ทั้งสองคนยื่นมือออกมาแล้วจับกันอย่างแนบแน่น
เธอดูไม่เหมือนกับคนที่ฟิรูรุสู้ด้วยบนยอดสิ่งก่อสร้างสูงเมื่อวันก่อนเลย ในตอนนั้นฟิรูรุรู้สึกว่าต้องจับตัวเด็กสาวคนนี้ แต่ในตอนนี้ฟิรูรุกลับรู้สึกขอบคุณจริงๆที่มีเธออยู่ที่นี่ด้วย
ฟิรูรุกัดริมฝีปากด้านล่าง เธอไม่ได้อยากร้องไห้ตอนนี้ บางทีมันอาจจะเป็นความภาคภูมิใจเล็กๆน้อยๆในฐานะที่เป็นเมจิคัลเกิร์ลรุ่นพี่
“… ไปกันเถอะ”
“อื้อ”
ด้านนอกมันเป็นเวลากลางคืน บางทีเวลามันอาจจะไม่ได้ผ่านไปนานนักหลังจากที่พวกเธอเข้าไป หรือมันผ่านไปแล้วยี่สิบสี่ชั่วโมงกันนะ? แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ในตอนนี้พวกเธอก็สามารถตรวจดูได้ ส่วนคนที่ถูกทิ้งอยู่ด้านหลังนั้นทำอะไรเช่นนี้ไม่ได้อีกแล้ว
พวกเธอสัญญากันไว้แล้วว่าจะแบ่งเครดิทกันเป็นสามทาง พวกเธอทำอะไรแบบนี้ไม่ได้อีกแล้วเช่นกัน อุตาคัทตะกับคาฟุเรียจะต้องบ่นแน่ๆ อย่างน้อยฟิรูรุก็คิดบางอย่างที่จะพูดออกมาเพื่อขอโทษพวกเธอ ในตอนนี้เธอมีเวลาพอที่จะทำเรื่องนี้
ทั้งสองคนพยายามจะวิ่งออกไป แต่เมื่อมีเสียงดังขึ้น พวกเธอก็หันกลับมา เสียงนั้นมันดังมาจากทางห้องครัวขนาดเล็ก
มีบางอย่างอยู่ที่นี่
จากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าตามมา มันมีบางคนอยู่ที่นี่
ใบหน้าที่โผล่ออกมาจากประตูคือชัฟฟิน ฟิรูรุตกใจ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นชัฟฟินโพแดงเธอก็รู้สึกโล่งอก ชัฟฟินโพแดงนั้นต่อสู้ไม่ได้ พวกเธอเป็นแค่สิ่งมีชีวิตที่น่าสงสารที่เอาแต่หวดกลัวเท่านั้น
ชัฟฟินนั้นเป็นศัตรูของพวกเธอมาตลอด แต่ในตอนที่เธอลงไปด้านล่างครั้งแรก ชัฟฟินนั้นก็เป็นมิตร คาฟุเรียเองก็ยังเคยปลอบชัฟฟินที่ตัวสั่นและพยายามคุยกับเธอมาแล้ว แถมเธอเช็ดน้ำตาของชัฟฟินด้วยผ้าเช็ดหน้า อีกด้วย ใช่แล้ว เรื่องแบบนี้เองก็เคยเกิดขึ้นเช่นกัน
ฟิรูรุยกมือขึ้นและก้าวไปข้างหน้า
“พวกเราจะไม่ทำอะไรถ้าเธอไม่ทำนะ ถ้าเธอให้พวกเราผ่านไปแบบเงียบๆ พวกเราก็จะ—”
ดีลูจแทงตรีศูลของเธอไปด้านหน้าทะลุผ่านตัวชัฟฟิน ฟิรูรุมองดูอย่างตกใจ ชุดของโพแดงฉีกขาด และที่ด้านในนั้นก็คือสิบโพดำ พวกโพดำมันแต่งตัวเป็นโพแดง
เธอตกหลุมพรางของศัตรูซะแล้ว
อีกฝ่ายทำให้คิดว่าชัฟฟินโพแดงนั้นคืออาวุธที่อ่อนแอที่สุด และใช้มันเป็นกับดักสุดท้าย
แต่อย่างไรชัฟฟินก็หลบการโจมตีได้และพุ่งเข้ามาหาเธอ จากนั้นชัฟฟินก็ใช้หอกของตัวเองแทงทะลุช่องท้องของฟิรูรุ ฟิรูรุเดินอย่างโอนเอนและใช้ข้อศอกโน้มลงไปบนอุปกรณ์ควบคุมเครน เธอไม่มีแรงเหลือแล้ว ร่างกายของเธอไหลลงมาจนในที่สุดก็ลงไปอยู่ที่พื้น ชุดของสโนไวท์ที่เธอสวมอยู่ฉีกขาดเป็นรูแล้วถูกย้อมไปด้วยเลือดจนเป็นสีแดงฉาน เลือดนั้นมันไหลออกมาแบบไม่หยุด
ดีลูจร้องออกมา ฟิรูรุรู้สึกว่าเด็กสาวคนนี้ไม่ได้ทำอย่างอื่นเลยนอกจากเอาแต่ร้องไห้
สุดท้ายเธอก็พลาดที่จะได้เครดิท แต่อย่างน้อยมันมีก็ใครบางคนที่ต้องการเธอ แค่เท่านี้มันก็เพียงพอแล้ว
☆ ชัฟฟิน
กริมฮาร์ทโกรธจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ เธอเค้นหมัดจนมือสั่น เมื่อสี่โพแดงเห็นแบบนี้ตัวของเธอก็สั่นแรงยิ่งกว่า
พวกเธอเปลี่ยนรหัสผ่านไม่ทันเวลา การทำแบบนั้นมันจำเป็นต้องมีกริมฮาร์ทที่มีรหัสผ่านปัจจุบัน การทำให้กริมฮาร์ทเป็นคนเดียวที่รู้รหัสผ่านเพราะกลัวสโนไวท์จะรู้มันนั้นกลับส่งผลตรงกันข้าม
มีเมจิคัลเกิร์ลที่หลบหนีออกจากที่แห่งนี้ได้ กริมฮาร์ทไม่สามารถเติมเต็มเป้าหมายของตัวเองได้อีกแล้ว
เธอเตะเข้าไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ และก่อนที่มันจะร่วงลงบนพื้น เธอก็แผงควบคุมที่กั้น เธอทิ้งห้องประชุมเอาไว้เบื้องหลังและไล่ตามเมจิคัลเกิร์ลที่หลบหนีออกไป
โจ๊กเกอร์มองดูเธอจากด้านหลัง บางทีกริมฮาร์ทคงไปไม่ทันเวลา
เมจิคัลเกิร์ลนั้นเป็นอะไรที่อิสระ จึงไม่สามารถถูกขังเอาไว้ได้ พวกชัฟฟินเองก็ตามหลังกริมฮาร์ทไป
กริมฮาร์ทก้าวเท้าออกไปด้วยความเร็ว ราวกับลืมไปแล้วว่าฐานะของตัวเองคือสตรีผู้สูงศักดิ์
โจ๊กเกอร์สามารถคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำจนถึงตอนจบ ผู้หญิงคนนี้ใช้การไม่ได้แล้ว หากชัฟฟินตามเธอไปก็จะมีแต่การทำลายล้างอันไร้ซึ่งประโยชน์ ไม่ว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน สิ่งที่จบสิ้นแล้วมันก็จะเป็นแบบนั้นไม่เปลี่ยนแปลง
มันผิดพลาดที่ตรงไหนกันนะ? ชัฟฟินนั้นแข็งแกร่ง แถมกริมฮาร์ทเองก็แข็งแกร่งยิ่งกว่า แต่พวกเธอก็ปล่อยให้อีกฝ่ายหนีไปได้ มันเป็นเพราะว่าพวกเธอประมาทนักล่าเมจิคัลเกิร์ลงั้นเหรอ? หรือว่ามันไม่ใช่การประมาทเธอ แต่เป็นประมาทเมจิคัลเกิร์ลของโลกใบนี้กันนะ?
เมื่อดูจอมอนิเตอร์โจ๊กเกอร์ก็ถอนหายใจออกมา ในเวลาเดียวกันก็มีเสียงหัวเราะเบาๆออกมาจากริมฝีปาก ด้วยเหตุผลอะไรซักอย่าง การได้เห็นกริมฮาร์ทตื่นตระหนกแบบนี้มันเป็นเรื่องที่สนุกสนาน จากนั้นโจ๊กเกอร์เองก็ตามพวกชัฟฟินที่อยู่ด้านหลังกริมฮาร์ทไป บางทีโจ๊กเกอร์คต้องตามเธอไปจนจบ
มันไม่ใช่เลวร้ายอะไรที่จะเจอการทำลายล้างไปด้วยกันกับเธอ
ไม่ว่าจะเจออะไรก็ปล่อยไปตามนั้น
บทส่งท้าย
มาริโกะจอดรถของเธอไว้ที่หน้าห้างสรรพสินค้า
พื้นที่บริเวณใกล้เคียงกับวัดมันเต็มไปด้วยร้านขายสังฆภัณฑ์ เธอมาที่นี่เพราะคิดว่าจะซื้อดอกไม้ แต่มันก็ไม่มีร้านไหนที่ขายเลย และไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้า มันก็มีร้านขายดอกไม้ตั้งอยู่ข้างๆ
โดยปกติแล้ว มาริโกะจะไปที่ร้านดอกไม้ในท้องถื่นที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านที่เป็นตัวแทนจำหน่ายในชานเมือง เพราะมันเต็มไปด้วยพืชพรรณ แถมพนักงานเองก็มีความรู้มากพอที่จะโต้แย้งกับนักพฤกษศาสตร์ได้ พวกนั้นจะเสนอขายพืชพรรณตามความเข้าใจมาให้ เพราะเหมือนว่าทางร้านจะมีการติดต่ออยู่กับผู้จัดจำหน่ายบางรายเช่นกัน หากต้องการสั่งเมล็ดพันธุ์แบบเฉพาะล่ะก็ ทางร้านก็จะสั่งมาจากต่างประเทศให้ แน่นอนว่ามันไม่มีอะไรหยุดกรมศุลกากรได้ แต่มันก็ยังคงเป็นร้านที่สะดวกอยู่ดี
ร้านดอกไม้ที่เธอมาในวันนี้ไม่ใช่ร้านที่ใหญ่อะไร แต่ทางร้านก็ยุ่งเช่นกันเพราะมีลูกค้าที่ล้นออกมาจากห้างสรรพสินค้าที่อยู่ข้างๆด้วย หรือเพราะที่นี่ขายดอกไม้สำหรับสุสานที่อยู่ใกล้ๆกันนะ มันเป็นร้านเล็กๆ ทางร้านเองก็ไม่ได้เสนอขายอะไรมากมาย
แต่มันก็มากเพียงพอที่จะซื้อดอกไม้สำหรับไปเยี่ยมหลุมศพ มาริโกะเลือกมัดดอกไม้ตูมที่สวยที่สุดแล้วเดินไปยังเคาน์เตอร์
“ขอบบบบบคุณมากคร้าบบบบ!”
พนักงานนั้นดูเป็นมิตรอย่างน่าประหลาด เขาคงเป็นนักศึกษามหาลัยที่ทำงานพาร์ทไทม์ ไม่ก็เป็นคนที่ไม่ได้มีความปรารถนาในหน้าที่การงาน เส้นผมของเขาเป็นสีน้ำตาล เมื่อนับทั้งสองฝั่งแล้วเหมือนว่าเขาจะเจาะร่างกายทั้งหมดหกที่ เป็นอะไรที่ดูไม่ดีเอาซะมากๆ แถมการพูดจาเองก็ดูไม่เป็นทางการเอาซะเลย
แต่มันก็ดีกว่าไม่เป็นมิตรล่ะนะ
“นี่คุณผู้หญิงทำงานค้นคว้าวิจัยอะไรพวกนี้งั้นเหรอ?”
รู้ได้ยังไงล่ะเนี่ย? อ๊ะ แต่เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น มาริโกะก็รู้ว่าเธอยังคงสวมเสื้อกาวน์สีขาวของตัวเองอยู่
มาริโกะนั้นสวมชุดสูทและเสื้อกาวน์สีขาวตอนอยู่ในร่างมนุษย์เสมอ จิตใจที่ขาดความกระตือรือร้นของเธอคิดว่าแบบนี้มันก็ดูเป็นทางการมากพอแล้ว แต่มันเป็นเรื่องที่แน่นอนว่าจะสวมเสื้อกาวน์สีขาวไปที่สุสานไม่ได้ เพราะมันน่าอาย เธอจึงถอดมันออกแล้วก็พับเก็บเอาไว้ พร้อมคิดว่า “แบบนี้คงถูกต้องแล้วล่ะ”
“เป็นนักวิชาการหรืออะไรทำนองนั้นรึเปล่า? ว้าว สำหรับคนที่ดูเด็กขนาดนี้เนี่ยน่าประทับใจสุดๆเลย”
“หือ ไม่หรอก ชั้นไม่ได้เด็กขนาดนั้น”
“แหม ไม่เอาสิครับ คุณน่ะไม่ได้อายุมากกว่าผมเท่าไหร่ใช่ไหมล่ะ? ผิวเองก็เนียนสวยสุดๆ เอาจริงๆคุณนี่สวยมากเลยนะ เส้นผมเองก็ด้วย ว่าแต่จะไปไหนงั้นเหรอครับ? ใช่ที่ดีๆซักที่ในเมืองรึเปล่า?”
เธอมองดูไปที่มือของพนักงาน ทั้งๆสิ่งที่ทำก็มีแค่การตัดดอกไม้แล้วห่อด้วยกระดาษ แต่ทำไมถึงใช้เวลานานขนาดนี้นะ? เพราะติดริบบิ้นไปด้วยงั้นเหรอ?
“’คุณเนี่ยเป็นนักวิทยาศาสตร์สินะครับ?”
“อ่าฮะ”
มาริโกะใช้นิ้วกลางของมือขวาปรับแว่น เมื่อเธอทำแบบนี้โดยไม่ตั้งใจมันก็หมายถึงเธออารมณ์ไม่ดี จากนั้นเธอก็ทำคอให้โล่งเล็กน้อย
“ผมนับถือนะครับ แถมผมชอบผู้หญิงฉลาดๆด้วย”
“อ๋อ ไม่ขนาดนั้นหรอก”
“จะใช้เจ้าพวกนี้เพื่อการทดลองงั้นเหรอครับ?”
“หือ? ใช้อะไรล่ะ?”
“ดอกไม้พวกนี้”
การทดลองแบบไหนที่จะใช้ดอกไม้สำหรับเยี่ยมหลุมศพกันล่ะเนี่ย?
“ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น”
“อ๊ะ จริงสิ เอาไปใช้อย่างอื่นสินะครับ?”
“ก็ประมาณนั้น”
“ไปเยี่ยมหลุมศพแฟนอะไรแบบนั้นเหรอ?”
“หือ?”
“น่าเศร้าสุดๆเลย”
ส้นรองเท้าของเธอกระแทกอย่างรุนแรง เรื่องนี้มันบ่งบอกว่าเธอไม่พอใจยิ่งกว่าการปรับแว่น
มาริโกะรู้จักตัวเองดีกว่าใคร ถ้าดูจากมารยาทและรูปโฉมของเธอแล้ว ผู้คนมักจะเรียกเธอว่าเป็นคนที่มีเหตุผลหรือเป็นผู้ที่มีความรู้ แต่เธอไม่เคยแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาให้ใครเห็น เธอต้องซ่อนตัวตนที่แท้จริงเอาไว้ว่าเธอเป็นคนที่หัวรุนแรง หุนหันพลันแล่น เจ้าอารมณ์ เมื่อไม่มีใครมาทำให้เธอโกรธ เธอก็จะยับยั้งชั่งใจและทำการปฎิสัมพันธ์กับสังคมได้ มันจึงหาได้ยากที่เธอจะรู้สึกโกรธ
แต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเธอคุยกับใครอยู่ด้วย
จนถึงเมื่อเร็วๆนี้ เธอไม่ได้เจอใครนอกจากผู้ชายคนนี้เลย บางทีเธอก็ควรบอกให้ตัวเองรู้สึกละอายใจในการมายังร้านห่วยๆที่มีพนักงานต่ำๆที่พยายามจะจีบลูกค้าแบบนี้ แบบนี้คือสิ่งที่มาโอแพมจะพูดออกมา แม้จะเป็นร้านที่มีระดับกว่านี้ก็คงมีพนักงานที่ทำอะไรแบบนี้เช่นกัน วันก่อนเองเธอก็เพิ่งถูกจีบเช่นกัน
นี่เธอดูเหมือนผู้หญิงที่ไม่ระวังตัวงั้นเหรอ? มันน่าเศร้าที่เธอปฎิเสธเรื่องนั้นไม่ได้ เพราะเธอมาเยี่ยมหลุมศพทั้งๆที่สวมเสื้อกาวน์สีขาวอยู่
“แหม แบบนี้มันเป็นอะไรที่เหมือนกับในละครเลย รู้ไหมครับ?”
“หืม จริงเหรอ?”
“ผมล่ะนับถือสุดๆ”
“งั้นเหรอ?”
“โอ๊ะ ใกล้หมดกะของผมแล้วสิ งั้นพวกเราไปทานมื้อเที่ยงด้วยกันไหม? มันมีที่ดีๆอยู่ใกล้ๆด้วยนะครับ มีไม่กี่คนที่รู้จักด้วยนะ รู้ไหมครับถ้ามันแต่เศร้าเสียใจแบบนี้อยู่มันจะเดินไปข้างหน้าไม่ได้ ดังนั้นมาฉลองให้กับการพบเจอครั้งใหม่กันเถอะ”
หากมาริโกะโกรธล่ะก็ มันจะกลายเป็นหายนะ กลายเป็นภัยพิบัติที่แท้จริง การที่เมื่อเร็วๆนี้เธอสูญเสียชื่อเสียงในฐานะเมจิคัลเกิร์ลไปมันก็แย่มากพอแล้ว
ในการที่จะไม่ทำให้เธออารมณ์เสียในเวลาเช่นนี้ เธอจะต้องทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าอีกไม่นานเธอก็กำลังจะโกรธ แล้วก็ปล่อยทิ้งไว้แบบนั้น
แต่ในคราวนี้มาริกะจับพนักงานที่กำลังผูกเชือกดอกไม้อย่างช้าๆเข้าที่คอเสื้อ จากนั้นก็กระชากเข้ามาใกล้ๆก่อนที่จะกระซิบด้วยเสียงต่ำว่า “ถ้ากะหมดแล้วล่ะก็ นายก็ไปหางานจริงๆทำดีกว่าไหม?”
จากนั้นเธอก็ผลักหมอนั่นออกไป แล้วชายคนนั้นก็ส่งช่อดอกไม้มาให้เธออย่างเงียบๆและรวดเร็วโดยที่ไม่ได้
พยายามปิดบังความไม่พอใจของตัวเองเอาไว้ พอเป็นแบบนี้ถึงจะทำงานได้ดีงั้นเหรอ? มาริโกะยิ้มที่มุมปากแล้วก็รับดอกไม้นั้นมา
มาโอแพมสอนเธอว่าให้อยู่ในร่างของเมจิคัลเกิร์ลให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ซึ่งเป้าหมายก็คือลดเวลาในตอนที่เป็นมนุษย์ และใช้เวลาในการเป็นเมจิคัลเกิร์ลเพื่อให้ลืมความรู้สึกทางกายภาพไป การทำให้ทุกกิจวัตรประจำวันเป็นการฝึกฝน มันจะทำให้พาตัวเองไปยังจุดที่สูงยิ่งขึ้นได้
มันเป็นคำแนะนำที่ฟังดูหยิ่งยโสเหมือนกับตัวของเธอมาก
มาโอแพมนั้นไม่เคยคิดถึงคนที่แปลงร่างแล้วเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะต่อสู้และไม่ได้คิดถึงชีวิตตามปกติเป็นอันดับสองเลย ทุกสิ่งที่เธอคิดและพูดออกมาทุกนั้นเป็นไปตามตามมาตราฐานของตัวเธอเอง และไม่เคยคิดถึงข้อยกเว้นใดๆเลย
มาริกะ ฟุคุโรอิต่อสู้ตามที่สัญชาติญาณเรียกร้อง ในขณะที่มาริโกะ ฟุคุโรอิจะทำการบันทึกและค้นคว้าเวลาที่ดอกไม้จะงอกงามเอาไว้ ผลลัพธ์ของดอกไม้และสิ่งต่างๆที่มาริโกะ ฟุคุโรอิทำช่วยทำให้มาริกะ ฟุคุโรอิต่อสู้ได้ง่ายขึ้น ราวกับว่าเธอวิ่งสามขาด้วยตัวคนเดียว
ใช่แล้ว มันคือการวิ่งสามขาด้วยตัวคนเดียว ครั้งหนึ่ง เคยมีใครบางคนแข่งขันกับเธอ แต่ในตอนนี้เหลือเธออยู่คนเดียวแล้ว
เธอคนนั้นคิดยังไงถึงมาติดตามเมจิคัลเกิร์ลอย่างมาริกะ ฟุคุโรอิกันนะ? หากมาริโกะอยู่ในจุดเดียวกันกับเธอ ไม่ว่ายังไงก็ตามมาริโกะก็ต้องปฎิเสธ เธอนั้นมักจะถูกลากตัวมาด้วยอย่างไม่เต็มใจ แต่เธอก็ยังคงตามมาริกะมาเสมอ เธอช่วยเหลือมาริกะมากยิ่งกว่าตัวของมาริโกะซะอีก
มันเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดเลือดพล่าน จนถึงขนาดที่ว่าคนที่ไม่ดูเหมือนว่าจะไม่ตายก็ยังตาย แต่มาริกะ ฟุคุโรอิเคยหมดสติในการต่อสู้ซักครั้งมาก่อนไหมนะ?
หลังจากที่ถูกช่วยออกมาแล้วมาริกะก็ตื่นขึ้นบนเตียง และได้ยินเรื่องราวของนักล่าเมจิคัลเกิร์ลว่าได้ช่วยชีวิตและพาตัวเธอออกมา มันทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจ ชัฟฟินกับกริมฮาร์ทเองก็ตายในอุบัติเหตุตอนจับกุมตัว เห็นได้ชัดเลยว่าถูกปิดปาก บางทีพวกเธออาจจะหนีไปได้ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น มาริกะก็จะไม่ได้ล้างแค้นตามที่เธอต้องการ และมันก็ทำให้เธอไม่พอใจมากยิ่งขึ้น
หากมิมิอยู่ที่นี่ มิมิคงต้องดุเธอว่า “นี่เธอไม่ใช่เด็กแล้วนะยะ” แน่ๆ
มาริโกะปลดล็อครถและจับดอกไม้เอาไว้อย่างแนบแน่น ช่อดอกไม้ที่วางอยู่ตรงที่นั่งผู้โดยสารนั้นหลุดออกห่อที่ห่อเอาไว้แล้ว จากนั้นมาริโกะก็ใช้นิ้วกลางของมือขวาเพื่อปรับตำแหน่งของแว่นตา
7753 จากฝ่ายทรัพยากรบุคคลนั้น เป็นที่รู้จักกันดีจากคนในและคนนอกว่าเป็นคนที่จัดการเรื่องต่างๆได้อย่างฉลากหลักแหลม แต่มันมีบางคนที่จะประเมินค่าและรายงานเรื่องต่างๆของเมจิคัลเกิร์ลอย่างเลือดเย็นอยู่ด้วย… 7753 ได้ยินมานาพูดมาเช่นนั้น ซึ่งเธอคิดว่ามีคนแกล้งเธออยู่ซะอีก
7753 รู้ดีว่าใครๆว่าเธอนั้นไม่ได้ฉลาดหลักแหลมอะไรเลย แม้แต่เท็ปเซเคเมย์ก็พูดกับเธอว่า “ใจเย็นๆหน่อยนะ” เธอกังวลว่า 7753 อาจจะเอาอารมณ์เกี่ยวกับงานด้วย “มันน่ากังวลสุดๆเลย” เธอพึมพำแบบนั้นซ้ำๆก่อนที่จะหายไปทางช่องพัดลมระบายอากาศ
นี่เท็ปเซเคเมย์พยายามทำอะไรเหมือนกับละครหรือภาพยนตร์ที่เธอดูเมื่อเร็วๆนี้ หรือเธอเป็นห่วงจริงๆกันนะ?
7753 คงจะไม่มีที่จะฉลาดหลักแหลมได้เลย หากเท็มเซเคเมย์ยังเป็นห่วงเธออยู่แบบนี้ แถมเธอยังต้องจำไว้ในใจอีกว่า มานานั้นหัวเราะเธอเมื่อถูกคนอื่นเรียกว่าฉลาดอีกด้วย
มานาที่กำลังดูภาพยนต์ที่อัดเอาไว้พร้อมกับดื่มกาแฟไปด้วยนั้น ในตอนนี้งานของเธอก็คือช่วยสร้างสวนของเท็ปเซเคเมย์ ถ้าพูดให้ถูก มันก็คือฐานลับภายใต้ข้ออ้างที่เรียกว่าการทำสวน มานานั้นกำลังใช้นิ้วของเธอบีบนวดดินอยู่
เมื่อพยายามใช้เวลาทำบางสิ่งบางอย่าง เวทมนตร์ของจอมเวทมันจะมีประโยชน์มากกว่าเวทมนตร์หรือพลังทางกายภาพของเมจิคัลเกิร์ล ความประณีตนั้น คือสิ่งที่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับกระบวนการของพิธีกรรมที่สมบูรณ์แบบที่ถูกรวมเอาไว้ด้วยกันจนเป็นหลักสูตรมายาวนานหลายปี และมันก็จะมอบผลที่สอดคล้องกันออกมา หาก 7753 พูดอะไรแบบว่า นี่มันเหมาะกับการสร้างฐานลับสุดๆเลยนี่นา มานาก็คงจะโกรธเธอแน่ ดังนั้นเธอจึงแค่คิดแล้วเก็บมันเอาไว้ในใจตัวเอง
เธอรู้สึกไม่ดีที่บังคับให้มานามาช่วยสร้างรังนี้ให้เท็ปเซเคเมย์ แต่เมื่อเธอมาดูความคืบหน้าในอีกสามสิบนาทีให้หลัง มานาก็กำลังบอกทิศทางให้เท็ปเซเคเมย์ย้ายต้นไม้
ที่แก้มของมานานั้นมีโคลนติดอยู่ แต่มานาก็ไม่ได้พยายามเช็ดมันออกไป แถมสีหน้าของมานาก็ยังจริงจังในการสั่งการอีก ดูเหมือนว่ามานาจะสนุกอยู่ บางทีเธออาจจะเป็นเด็กมากกว่าที่ 7753 คิดก็ได้ ในตอนนี้เมื่อคิดถึงเรื่องนั้นแล้ว มานาก็ดื่มเหล้าไม่ได้เช่นกัน
7753 เริ่มล้างถ้วยกาแฟในอ่างล้างจาน เพียงแค่ใช้น้ำยาล้างจานกับการถูเพียงแค่เล็กน้อย ฟองน้ำของเยอรมันก็ทำให้ถ้วยกาแฟนั้นมีประกายอย่างน่าประหลาด
7753 ไม่ได้ฉลาดอะไรเลย
แต่เพราะหน้าที่การงานในฐานะเมจิคัลเกิร์ลของเธอนั้นทำมาอย่างยาวนาน เธอจึงคาดเดาได้ว่าในตอนนี้เธออยู่ในตำแหน่งไหน พีเฟิลที่เป็นหัวหน้าของเธอถูกโจมตี 7753…และคนที่สำคัญที่สุดทุกคนในฝ่ายทรัพยากรบุคคลต้องเตรียมพร้อมอยู่ที่บ้าน พวกเธอถูกบังคับให้ละทิ้งหน้าที่ตามปกติ
ยิ่งเธอคิดถึงมันมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งแปลกมากขึ้นเท่านั้น
แม้พีเฟิลที่เป็นหัวหน้าของฝ่ายทรัพยากรบุคคลจะร่วมมือกับการสืบสวน แต่มันก็ไม่มีเหตุผลที่ 7753 จะต้องหยุดงาน ในปัจจุบันทั้งฝ่ายนั้นถูกหยุดการทำปฎิบัติการ มันเป็นแบบนี้มาสัปดาห์นึงได้แล้ว หากเป็นแบบนี้ต่อไป ข้อมูลเกี่ยวกับเมจิคัลเกิร์ลทุกคนจะล้าหลังไปหมด เธอสงสัยว่าดินแดนเวทมนตร์อาจจะต้องการแบบนั้น
มานาที่มาหา 7753 ที่ถูกบอกให้อยู่ที่บ้านอย่างรวดเร็ว ก็สงสัยในกระบวนการสืบสวนและหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องนั้นด้วย 7753 คิดว่ามันคงเป็นแค่สิ่งที่มานาไม่สามารถบอกคนนอกได้ แต่มานาก็พูดออกมาว่า “เพราะโดยพื้นฐานแล้ว ชั้นคือคนคุ้มกันของเธอไงล่ะ”
แม้ 7753 จะไม่ใช่นักสู้ที่เก่งกาจ แต่เมื่อเทียบกับมานาแล้ว 7753 ก็ยังคงแข็งแกร่งว่าอยู่ดี
หากพูดถึงเท็ปเซเคเมย์แล้ว ถึงเธอจะเพิ่งจะกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลหน้าใหม่เมื่อไม่นานมานี้ แต่เธอก็รอดชีวิตจากการต่อสู้กับเมจิคัลเกิร์ลที่ทรงพลังที่สุดอย่างมาโอแพม โซเนียบีน และพูคินมาได้ หากเป็นการต่อสู้แล้ว เธอคือคนที่สามารถไว้ใจได้จริงๆ
7753 หัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “ฉันไม่ต้องการคนคุ้มกันหรอก” กับมานา และมานาก็ตอบกลับมาว่า “นั่นน่ะข้ออ้าง แต่จริงๆแล้วชั้นควรจะเฝ้ามองดูเธอมากกว่า” มานาพูดออกมาว่า 7753 โดนกักตัวอยู่ที่บ้าน และมานาก็เป็นผู้ดูแล
หากเรื่องเป็นแบบนั้น มันก็หมายความว่าพีเฟิลร่วมมือกับการสืบสวนงั้นเหรอ?
มานาเป็นสมาชิกของหน่วยสืบสวน การที่ตรวจสอบฝ่ายอื่นว่ากำลังทำงานของตัวเองอย่างถูกต้องอยู่รึเปล่านั้นมันคืองานของเธอ วิธีการที่พวกเธอทำนั้นค่อนข้างรุนแรง จนผู้คนพูดกันว่าแค่ได้ยินชื่อของหน่วยสืบสวนก็ทำให้เมจิคัลเกิร์ลที่มือสกปรกตัวสั่นได้แล้ว
น่าสงสัยแหะ…
แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับงานที่ 7753 ร้องขอเฟรเดริก้ากันล่ะ? มันเป็นงานประเภทไหนกันแน่? หลังจากที่ทำหน้าที่เป็นคนส่งสารครั้งหนึ่งแล้ว เธอก็ไม่ได้ยินข่าวอะไรอีกเลย 7753 ไม่อยากเห็นหน้าของเฟรเดริก้าอีก แต่เธอก็รู้ว่าการทิ้งเธอเอาไว้มันอันตรายยังไง
ถ้วยในอ่างล้างจานกระแทกเข้าหากันจนส่งเสียงดังขึ้นมา มันทำให้ 7753 หลุดออกจากห้วงความคิดของเธอ เธอรีบตรวจดูอย่างตื่นตกใจ และก็รู้สึกโล่งใจเมื่อไม่มีอะไรแตกหัก
พีเฟิลนั้นประสบความสำเร็จด้วยความรวดเร็วในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน การคิดว่าที่เธอประสบความสำเร็จได้เร็วแบบนี้เป็นเพราะงานที่น่าสงสัยนี่มันเป็นความคิดที่อคติรึเปล่านะ? 7753 เองก็รู้ว่าพีเฟิลนั้นเป็นคนที่ความสามารถมากด้วย
และเธอก็ยังรู้ด้วยว่า ในอาชีพนี้มันไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยการทำงานดีๆเพียงอย่างเดียว
ถ้าพีเฟิลทำเรื่องที่น่ารังเกียจแล้วมันก็ถูกแพร่กระจายออกไปทั่ว แบบนั้นมันจะเกิดอะไรขึ้นกับฝ่ายทรัพยากรบุคคลกันล่ะ? มันคงจะกลายเป็นความโกลาหล ทุกอย่างก็จะกลับหัวกลับหาง แล้วไม่มีใครที่จะจัดการได้อีกต่อไป
เหตุการณ์ในเมือง B ยังไม่ถูกคลี่คลายจนหมด 7753 อยากจะรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นั่น เธออยากจะหาแม้กระทั่งร่างของริปเปิลให้เจอ เธออยากเห็นจุดจบอสูรที่ชื่อว่าไพตี้ เฟรเดริก้า และไม่ใช่แค่เธอคนเดียวเท่านั้น เมย์กับมานาเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน และท้ายที่สุดเธอก็จำเป็นต้องให้พีเฟิลช่วย พีเฟิลจะให้ความร่วมมือแย่างแน่นอน
เหตุการณ์ในเมือง B มันไม่ใช่ทั้งหมด เพราะมันเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันในเมือง S ด้วย
คราวนี้มันไม่เหมือนในเมือง B ที่ 7753 ไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมด้วยตัวเอง ในตอนที่คิดเรื่องนี้อยู่ 7753 ก็มองขึ้นไปที่เพดาน 7753 คิดถึงเรื่องของเธอที่อยู่บนชั้นสอง วันนี้เธอเองก็นอนหลับอยู่บนเตียงอีกรึเปล่านะ?
แผนการยุ่งเหยิงในเมือง S ที่สร้างเมจิคัลเกิร์ลประดิษฐ์ขึ้นนั้นมานั้นทำให้มีคนเสียชีวิต 7753 ไม่เข้าใจจริงๆว่าเมจิคัลเกิร์ลประดิษฐ์คืออะไร แต่จากที่มานาบอก เหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว แถมยังเห็นได้ชัดว่าเมจิคัลเกิร์ลที่ถูกสร้างขึ้นมาเหล่านี้เสียชีวิตอีกด้วย และในตอนนี้ มีหนึ่งคนที่อยู่ในความดูแลของ 7753 เธอชื่อว่าปรินเซสดีลูจที่เป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว
ทุกอย่างเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ล้วนน่าสงสัย
การต่อสู้นองเลือดที่เกิดขึ้นภายในโรงงานวิจัยเมจิคัลเกิร์ลประดิษฐ์ถูกเปิดเผย เมื่อดีลูจหนีออกมาและติดต่อกับคนภายนอก พวกเธอพยายามรวบรวมหลักฐานและพยาน และเรื่องมันก็มาถึงจุดที่ผู้กระทำผิดไม่สามารถพูดออกมาได้อีกต่อไป เพราะเมจิคัลเกิร์ลสองคนที่เป็นคนร้ายนั้นถูกจับกุมและนำตัวไปนั้น…ตายในอุบัติเหตุ
เมจิคัลเกิร์ลตายเพราะอุบัติเหตุงั้นเหรอ? หากเรื่องมันเป็นแบบนั้นจริง มันเป็นอุบัติเหตุแบบไหนกันแน่ที่ทำให้พวกเธอตายกันน่ะ? ถ้ามันเป็นประเภทที่ถึงกับฆ่าเมจิคัลเกิร์ลได้ แบบนั้นมันก็คงไม่จำเป็นเรื่องใหญ่แบบรถไฟตกรางในเมือง B ใช่ไหม?
ไม่มีใครถามถึงมันเลย 7753 คิดว่าบางทีความเห็นแบบนั้นคงไม่ถูกอนุญาตแน่ๆ
ปรินเซสดีลูจสูญเสียเพื่อนทุกคนของเธอไปในเหตุการณ์ห้องวิจัยนั้น และหนึ่งในเพื่อนร่วมชั้นของเธอก็ตกเป็นเหยื่อด้วยเช่นกัน
จนถึงตอนนี้ 7753 ก็ยังคงจดจำเพื่อนของเธอได้อย่างชัดเจน คนที่ต่อสู้กับเธอในเมือง B เธอหวนระลึกถึงใบหน้าเหล่านั้นได้จากภาพถ่าย และไม่ต้องสงสัยเลยว่า 7753 จะยังคงจดจำได้จนถึงวันที่ตัวเองตาย แม้เธอจะแก่ตัวลงแล้วชราภาพจนจำครอบครัวของตัวเองไม่ได้อีกต่อไป แต่ 7753 จะไม่มีวันลืมเรื่องเพื่อนเหล่านั้นของเธอแน่นอน
พวกเธอใช้ชีวิตของตัวเองในการต่อสู้เพื่อครอบครัว เพื่อมิตร เพื่อเพื่อน เพื่อเมือง และผลลัพธ์นั้นทำให้เด็กสาวทุกคนเสียชีวิต ซึ่งส่วนใหญ่แล้วพวกเธอก็เป็นนักเรียนมัธยมต้นเหมือนกับดีลูจ
เมื่อดีลูจถูกพามาที่บ้านหลังนี้ครั้งแรก เธอนั้นเหมือนกับคนที่ว่างเปล่า ทุกๆการกระทำของเธอเหมือนกับหุ่นยนต์ เธอแค่กิน อาบน้ำ แล้วก็นอน ความเป็นมนุษย์ของเธอหายไปจนหมด
เธออยู่ในอาการช็อค แน่นอนว่าเธอคงต้องเป็นเช่นนี้ เพราะมันไม่มีทางที่เธอจะเป็นปกติหลังจากเจอเหตุการณ์แบบนั้นได้เลย
แต่กระนั้น 7753 ก็อยากบอกเธอว่า “เธอยังคงมีชีวิตอยู่นะ”
7753 พยายามพูดกับเธอหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยได้รับการตอบสนองอะไรกลับมาเลย
“ฉันได้ยินมาว่าเธอเจอกับสโนไวท์ด้วย รู้รึเปล่าว่าสโนไวท์น่ะเข้ารับการฝึกจากฉันในตอนที่เธอกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลครั้งแรกด้วยน่ะ”
ไม่มีการตอบสนอง
“ในตอนนี้เธอกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่งดงามอย่างแท้จริงไปแล้ว แต่พอย้อนกลับไปตอนนั้น เธอยังคงน่ารักและอ่อนหวานอยู่เลย”
ยังคงไม่มีการตอบสนอง
“เธอรู้ชื่ออาวุธของสโนไวท์ไหม? มันชื่อว่ารูลเลอร์ แต่จริงๆแล้ว ชื่อนั้นน่ะถูกตั้งตามเมจิคัลเกิร์ลคนนึงที่สามารถเอาชนะสโนไวท์ได้ ฉันสงสัยจริงๆว่า เธอแข็งแกร่งขนาดไหนกันนะที่สามารถทำให้สโนไวท์พ่ายแพ้ได้”
ยังคงไม่มีการตอบสนองเช่นเดิม
แม้เท็ปเซเคเมย์จะพยายามจิ้มไปที่ตัวของเธอแต่ก็ยังคงไม่มีตอบสนองใดๆ มานาเองก็พยายามร่ายเวทมนตร์ที่ทำให้จิตใจของเธออยู่ในสภาพคงที่ แต่มันก็ไม่มีผลเช่นกัน ดีลูจไม่ได้ตอบสนองอะไรเลย
ที่ภายนอกหน้าต่าง ในที่สุดเรื่องราวก็กลับคืนสู่คืนวันเก่าๆ มานากับเท็ปเซเคเมย์ที่เล่นกันอยู่ในโคลนนั้นดูเหมือนว่าจะสนุกกันอยู่
ในตอนนี้ทั้งคู่สามารถหัวเราะออกมาได้แล้ว ถึงมานาจะบ้าคลั่งด้วยความโกรธแค้นหลังจากที่สูญเสียฮานะไป และเท็ปเซเคเมย์ที่ถามว่าทำไมตัวเองถึงร้องไห้ออกมาได้ง่ายๆ ตอนนี้พวกเธอทั้งคู่ก็กลับคืนสู่ชีวิตตามปกติ รวมถึง 7753 ที่รู้สึกว่าสามารถเอาชนะความเฉยเมยและนิ่งเงียบของตัวเองได้
มันเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายถึงสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเธอว่าเป็นอะไรแบบที่เรียกว่า “ชีวิตตามปกติ” แต่ทุกสิ่งมันจะไม่เป็นแบบนี้ไปตลอด เพราะในที่สุดพวกเธอได้รับชีวิตตามปกติกลับคืนมา ไม่ใช่แค่ 7753 มานา และเท็ปเซเคเมย์ แต่ตัวปรินเซสดีลูจเองก็ด้วย
7753 เอากาแฟสองถ้วยวางไว้บนถาด แล้วเดินลงบันไดมา
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มาโมริ โทโทยามะอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับแล้วฉบับเล่า เธอไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย มาโมริเคยแต่ดูกีฬา ไม่ก็รายการข่าวในทีวี หรืออะไรสนุกๆที่เธอรู้สึกชอบ และไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องมาดูบทความหรืออะไรอย่างอื่น
หนังสือพิมพ์ทั้งหมดเจ็ดฉบับถูกส่งมาที่บ้านของคาโนเอะในทุกๆวัน มันรวมถึงหนังสือพิมพ์กีฬาและหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นด้วย จนถึงตอนนี้ มาโมริได้แต่ดุด่าคาโนเอะเรื่องนิสัยแบบนี้ว่าจะรับหนังสือมาเยอะแยะมาทำไมหนักหนา? คาโนเอะคงไม่ได้เป็นคนเดียวที่ถูกบังคับให้รับสมัครทั้งหมดนี้ เรื่องนี้มันไม่ได้มีอะไรไปมากกว่าการเสียเงินไปเปล่าๆเลยด้วย
แต่ในตอนนี้มาโมริคือคนเดียวที่อ่านหนังสือพิมพ์ทุกฉบับในตอนที่มันมาส่งที่หน้าประตูบ้าน
เธอรู้สึกตกใจที่เห็นว่ามีนิยายของนักเขียนชื่อดังตีพิมพ์อยู่ด้วย เธอหัวเราะเมื่อเห็นข่าวต่างประเทศ เธอพยักหน้าแล้วก็ชายตามองไปตามบทความเรื่องสุขภาพ จากนั้นเธอจะมองไปรอบๆตัวก่อนที่แอบอ่านบทความเรื่องความรักในนิตยสารกีฬา มันเป็นอะไรที่น่าสนใจมากทีเดียว
มาโมริพับหนังสือพิมพ์ที่เธออ่านเสร็จแล้วจากนั้นก็วางเอาไว้บนชั้น ในเวลาเดียวกันเธอก็เอนตัวไปข้างหน้าเข้าหาหน้าต่างเพื่อมองดูภายนอก และก็สังเกตเห็นเด็กสาวที่ยืนอยู่ในสวน— หรือก็คือเมจิคัลเกิร์ลอีกคนหนึ่ง มาโมริไม่รู้ว่าเธอชื่ออะไร เธอเอามือไขว้ไว้ที่ด้านหลังจนหน้าอกของเธอเชิดขึ้นมา ท่าทางของเธอนั้นดูกระฉับกระเฉง เธอยืนตรงราวกับเป็นไม้กระดานโดยที่หลังไม่งอเลย ดูเป็นคนประเภทที่จริงจังและตรงไปตรงมา เหมือนว่าจะเป็นคนประเภทที่เข้ากันได้กับมาโมริ
เด็กสาวคนนั้นแต่งตัวอยู่ในชุดสูท และดูเหมือนว่าจะอยู่ในช่วงอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ
มันเหมือนกับว่าเธอได้เจอกับนักเรียนมัธยมปลายในตอนที่เกิดวิกฤติและพยายามหาความช่วยเหลือจากเธอ เด็กสาวคนนั้นมีใบหน้าที่งดงามอย่างเหลือเชื่อ และบนหัวของเธอก็มีโลหะประดับอยู่
แม้เธอจะแต่งตัวเหมือนกับคนอื่นๆที่อยู่ในสังคม แต่เมจิคัลเกิร์ลก็เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากเมจิคัลเกิร์ล
มาโมริถอนหายใจออกมาแล้วนั่งกลับไปบนโซฟา จากนั้นเธอก็หันไปมองรอบตัวเพื่อนอนราบลงไป
เธอไม่ใช่เมจิคัลเกิร์ลเพียงคนเดียวที่อยู่ที่นี่ เพราะยังมีเมจิคัลเกิร์ลอีกสี่คนทั้งหมดสามกะอยู่ที่นี่ด้วย นั่นก็คือมีเมจิคัลเกิร์ลอยู่ทั้งหมดสิบสองคนที่มาประจำอยู่ที่คฤหาสน์นี้
พวกเธอทุกคนคงมารักษาความปลอดภัยในกรณีที่พีเฟิลถูกโจมตีอีกครั้ง ในตอนแรกมาโมริเองก็ยอมรับเรื่องนี้อย่างสุภาพและรู้สึกขอบคุณด้วย แต่ในตอนนี้มันรู้สึกแปลกแถมเธอยังเข้าใจว่าทำไมด้วย
คาโนเอะกับมาโมริไปโรงเรียนไม่ได้ และถูก “ขอร้อง” ว่าให้อยู่ในคฤหาสน์หลังที่สอง มาโมริคิดว่ามันเป็นแค่การพักเพียงไม่นาน การเล่มเกมและง่วนอยู่กับพวกจักรกลคงพอทำให้เวลาผ่านไปได้ แต่การ “ขอร้อง” มันไม่ได้จำกัดเวลา ความจริงแล้วมันนานขึ้นและนานขึ้นเรื่อยๆด้วย การที่อยู่บ้าน “เพื่อความปลอดภัยของพวกเธอเอง” นั้นยืดออกไปเรื่อยๆ และที่ชั้นใต้ดินของคฤหาสน์หลังที่สองก็ถูกปิดผนึกเอาไว้ พวกเธอไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปด้วย
อุปกรณ์การสื่อสารทั้งหมดของพวกเธอรวมถึงเมจิคัลโฟนถูกยึดเอาไปภายใต้ชื่อของการสืบสวน ซึ่งผลมันก็คอพวกเธอไม่สามารถเข้าอินเตอร์เน็ตได้ หมายความว่ามาโมริไม่สามารถส่งอีเมลไปหาเพื่อนหรือเล่นเกมไม่ได้ แท็บเล็ตที่เธอใช้เป็นพจนานุกรมอิเล็กทรอนิกส์เองก็ถูกยึดไปเพราะมันมีฟังก์ชั่นที่ใช้ในการสื่อสารอยู่ พวกเธอร้องคาราโอเกะก็ไม่ได้อีกด้วย มาโมริเสียงานอดิเรกของเธอไปกว่า 90 เปอร์เซ็นต์จนรู้สึกเบื่อหน่าย ดังนั้นเธอจึงเลือกอ่านหนังสือพิมพ์แทน
เธอยกขาตัวเองขึ้นแล้วเหวี่ยงลง ใช้แรงนั้นเพื่อยกตัวขึ้น เธอเดินไปที่หน้าต่างอีกครั้งแล้วก็ปิดผ้าม่าน ที่มุมของสิ่งก่อสร้างนั้น เธอมองดูเมจิคัลเกิร์ลที่กำลังป้องกันทางเข้าเอาไว้
เธอยืนอยู่อย่างมั่นคงด้วยขาที่แยกออกห่างจากกันบนพื้นดิน พร้อมกับหันหน้าเข้าหาคฤหาสน์หลังที่สอง
ใช่แล้ว เธอไม่ได้หันหลังให้ แต่กลับหันหน้าเข้ามาหาคฤหาสน์ ถ้าจะมีขโมยที่เก่งกาจเข้ามามันก็จะมาจากด้านนอก ดังนั้นในฐานะคนคุ้มกันทางเข้าเธอก็ต้องหันหน้าไปทางนั้น
ในอีกแง่หนึ่งก็คือมาโมริ และอาจจะคาโนเอะด้วย กำลังถูกจับตามองอยู่
เธอปิดผ้าม่านอย่างมิดชิด แสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านเข้ามาจากทางช่องว่างนั้นหายไปจนหมด การที่ไม่มีแสงสว่างเข้ามามันจึงทำให้ภายในห้องมืดขึ้น แต่มันก็ไม่มืดมนเท่าหัวใจของเธอ
เธอรู้ว่าคาโนเอะเป็นคนไม่ดี และเธอรู้ว่ากฎหมายจะจัดการคนไม่ดีแบบเธอด้วย การสืบสวนนั้นยังคงดำเนินต่อไปในรูปแบบที่แตกต่าง ภายใต้ข้ออ้างการมองหาผู้ที่โจมตีเข้ามา
มาโมริสูดลมหายใจเข้าไปลึกกว่าก่อนหน้านี้ ตอนที่เธอกำลังจะนอนลงไปบนโซฟาอีกครั้ง มันก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาพอดี
“… เข้ามาสิคะ”
“เฮ้”
คาโนเอะเข้ามาภายในห้องพร้อมกับถือถาดสีเงินขนาดใหญ่ที่เอาไว้ใช้งานปาร์ตี้และงานเทศกาลต่างๆเข้ามาด้วย มาโมริมองเห็นอะไรหลายๆอย่างซ้อนกันเอาไว้อย่างเรียบร้อย ทั้งโชงิ หมากรุก ไพ่ ฮานะฟุดะ เกมคอนโซลจากสองสามยุคก่อน บอร์ดเกมหลากหลายชนิด และยังมีมังงะแล้วก็หนังสืออื่นๆอีกด้วย
“ฉันเชื่อว่าในเวลาแบบนี้คนเราก็ควรจะเรียนรู้ด้วยตัวเอง แต่เธอเป็นคนที่ตรงกันข้ามกับอะไรแบบนั้นใช่ไหมล่ะ มาโมริ ฉันคิดว่าเธอคงต้องนอนกลิ้งอยู่บนโซฟาแน่ๆ เธอเบื่อสินะ? ฉันถึงเอาเจ้าพวกนี้มาจากบ้านหลักไงล่ะ”
คาโนเอะวางเกมไว้บนโต๊ะอย่างร่าเริง
“นายหญิงเนี่ยเรียนรู้ด้วยตัวเองอย่างหนักเลยสินะคะ”
“ความพยายามน่ะเป็นเรื่องดีถ้าไม่มีใครเห็นนะ”
“บางที ฉันอาจจะกำลังเรียนรู้แบบที่มองไม่เห็นอยู่ก็ได้นะคะ”
“นี่ยังมีส่วนไหนในชีวิตของเธอนี่ฉันยังไม่รู้อีกงั้นเหรอเนี่ย?”
“นั่นอะไรน่ะ? จะบอกว่าสะกดรอยตามฉันงั้นเหรอคะ?”
“มันเป็นหน้าที่ของฉันในฐานะเจ้านายที่ต้องรับผิดชอบเรื่องต่างๆของเธออย่างเหมาะสมน่ะ”
“นายหญิงเนี่ยมีคำอธิบายกับเรื่องทุกอย่างเลย…”
“แบบนั้นพวกเราจะเล่นอะไรกันดีล่ะ? เล่นไพ่กันไหม?”
“ไม่ล่ะค่ะ ฉันไม่ชอบเล่นไพ่”
“ถ้างั้นพวกเราเล่นโชกิ?”
“ฉันสู้นายหญิงไม่ได้หรอกค่ะ นอกจากว่าจะต่อให้โดยเอาตัวหมากออกไปครึ่งหนึ่ง”
“โอเทลโล่?”
“ถ้าฉันเริ่มก่อนก็ได้ค่ะ”
“มันไม่ใช่เกมประเภทที่ว่าเริ่มก่อนแล้วจะได้เปรียบหรอกนะ”
“ไม่ใช่ว่าคนเริ่มก่อนจะได้เปรียบเหรอคะ?”
“ถ้ากับเธอล่ะก็ไม่เป็นอะไรหรอก”
“งั้นก็เอาแบบนี้แหละ”
คาโนเอะวางตัวหมากลงอย่างเบามือและจากนั้นมันก็พลิกกลับ แม้ว่ามาโมริจะได้เริ่มก่อน แต่เธอก็ยังคงแพ้อยู่ดี หากพูดอย่างตรงไปตรงมาแล้ว เมื่อเทียบกับโชกิ การเล่นโอเทลโล่นั้นมันเป็นการแข่งขันกันมากกว่า
“แบบนี้มันเป็นหายนะแล้วล่ะ” คาโนเอะพูด
“นั่นสิคะ” มาโมริเห็นด้วย
“ฉันล่ะสงสัยจริงๆว่าทำไมพวกโจรถึงโจมตีคฤหาสน์หลังที่สองด้วย”
“คนไม่ดีก็คิดอะไรที่ไม่ดีออกมาแหละค่ะ”
“ต้องขอบคุณพวกนั้นจริงๆที่ทำให้พวกเราถูกขังอยู่ที่นี่ ถ้าไม่ยอมให้พวกเราไปโรงเรียนด้วยมันคงได้มีปัญหาแน่ๆ”
“มันปลอดภัยก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอคะ? เพราะสำหรับแถวนี้แล้ว การที่ตระกูลฮิโตโคจิถูกโจมตีมันคือเรื่องใหญ่ เหมือนกับทุกสิ่งทุกอย่างพลิกกลับหัวกลับหางเลย”
คาโนเอะพลิกตัวหมากแล้วก็ยักไหล่ “ดูเกินจริงไปหน่อยนะ”
“มันเป็นเรื่องใหญ่นะคะ นายหญิงเองก็ถูกห้ามออกไปจากที่นี่ด้วย แถมพวกเรายังต้องมีคนคุ้มกันอีก ห้องใต้ดินเองก็ถูกห้ามใช้ ใช่ค่ะ เกินจริงมาก “
“น่ากลัวจัง”
“โลกนี้มันเต็มไปด้วยเรื่องน่ากลัวค่ะ”
“อย่างนั้นเหรอเนี่ย?”
“แน่นอนค่ะ”
มาโมริมองออกไปด้านนอก คนคุ้มกันนั้นยังคงยืนอยู่ด้วยท่าทางแบบเดิม ดวงตาของมาโมริยังคงมองที่เธอพร้อมกับลดเสียงลง
“ที่อยู่บนหัวของเธอ”
“หืมม?”
“ไม่คิดว่ามันเด่นไปหน่อยเหรอคะ?”
“อ๊ะ นั่นสินะ”
ทั่วทั้งตัวของเธอนั้นดูเหมือนคนธรรมดา คนที่พบเจอได้ในทุกๆวัน แต่การที่โลหะที่ประดับอยู่บนหัวนั้นมันมีอัญมณีขนาดใหญ่อยู่ด้วย มันจึงเป็นอะไรที่ดูไม่เข้ากัน
“นายหญิงคิดยังไงเหรอคะ?” มาโมริถาม
“เมจิคัลเกิร์ลทุกคนก็เป็นแบบนั้นแหละ”
คาโนเอะวางตัวหมากจนมีเสียงดังขึ้น จากนั้นเธอพลิกตัวหมากสีดำจำนวนมากในครั้งเดียว
“ถึงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถึงจะดูแปลกยังไง พวกเธอก็มีปัญหาที่ต้องจัดการ”
“จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงเหรอคะ?”
“ถึงฉันจะแน่ใจว่ามันคงน่าสนใจหากมีอะไรเกิดขึ้นก็เถอะ แต่ที่สำคัญนะ เธอตอนนี้เธอไม่มีโอกาสชนะเลยรู้ไหม?”
“นายหญิงคงยังไม่รู้ ถ้าประมาทฉันล่ะก็ได้โดนหนักแน่ค่ะ อย่างน้อยฉันก็ทุบจมูกนายหญิงได้ด้วยประแจ”
“น่ากลัวจัง”
“แถมคราวนี้ฉันจะไม่ทำแค่ครั้งเดียวด้วย ครั้งนี้น่ะมันต้องสองที”
“น่ากลัวสุดๆเลย… แต่เกมมันจบแล้วไม่ใช่รึไง?”
สายฝนโปรยปรายลงมาอย่างไม่หยุดหย่อน เธอไม่ได้กังวลว่าน้ำฝนจะเข้าไปในอุโมงค์ที่ขุดขึ้นในทางลาดนี้ แต่มันก็ไม่มีอะไรที่ป้องกันความเหนียวเหนอะ อากาศที่ชื้น ดิน การเปียกแฉะที่เกิดจากฝนให้น้อยลงได้ แม้เธอจะนั่งอยู่แต่เธอก็จมลงอย่างช้าๆ ชุดชั้นในและเสื้อผ้าของเธอก็ติดหนึบกับผิวหนัง มันทำให้เธอรู้สึกอึดอัดเกินบรรยาย
สโนไวท์นั่งลงแล้วเอนตัวพิงเข้ากับรูลเลอร์ที่อยู่ข้างๆ
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นจากที่ไหนซักที มันทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนลงมาจนถึงในหลุม รูลเลอร์นั้นล้มลงไปในโคลน แต่เธอก็ทิ้งเอาไว้ที่นั่น อาวุธที่หยาบกระด้างที่มีรูปร่างเหมือนกับนากินาตะผสมกับมีดทำครัวนี้ มันจะไม่บิ่นเพราะเพียงแค่จมลงไปในโคลน
งานในคราวนี้มันก็เป็นเหมือนเดิมอีก ความตายอยู่ใกล้อย่างแนบชิดเหมือนกับคนรักที่ไม่ทิ้งเธอไปไหน แม้เธอจะพยายามขับไล่มันออกไปด้วยการเตะและต่อย มันก็จะกลับมาเสมอ
สโนไวท์ดึงเอาเมจิคัลโฟนออกมาแล้วเปิดรับสัญญาณ โดยปกติแล้วเธอจะปิดมันเอาไว้ หากเธอได้รับข้อความในช่วงเวลาที่ไม่ถูกต้อง ความตายมันจะพยายามโอบกอดเธออย่างแนบชิดยิ่งขึ้น หากเธอจะใช้มันก็ควรจะใช้ในสถานที่ที่ปลอดภัย
ตอนที่สโนไวท์เริ่มเปิดแอป เธอก็สังเกตุเห็นว่ามันว่าได้รับอีเมลมาตอนที่ปิดเครื่องเอาไว้ คนอื่นนั้นควรจะรู้ว่าสโนไวท์กำลังทำงานอยู่ ดังนั้นนี่คงจะเป็นเรื่องด่วน สโนไวท์กลืนน้ำลายลงไปในขณะที่ตรวจสอบอีเมล
ขอขอบคุณกับเรื่องก่อนหน้านี้ ฉันจะบอกอะไรบางอย่างให้เธอรู้แล้วกัน
พีเฟิลจากฝ่ายทรัพยากรบุคคลมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้ เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เมือง B
รายละเอียดอยู่ในไฟล์ที่แนบมา
สายฝนที่ยังคงโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่องรบกวนจิตใจของเธออย่างซ้ำๆแบบไม่รู้จบ เธอหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็หายใจออกมาทีละนิดหลายๆครั้ง เธอรู้ว่าควรจะทำจิตใจตัวเองสงบลงยังไง อีเมลนี้ถูกส่งมาจากเมจิคัลโฟนของริปเปิล
เหตุการณ์ในเมือง B… ริปเปิล…
“คิดว่าเกิดอะไรขึ้นกันล่ะ?” สโนไวท์ถามฟาล
“จากอีเมลครั้งล่าสุด ลักษณะการพูดของคนที่ส่งมาดูตรงไปตรงมาดีนะ ปอน”
“นั่นไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะถามซักหน่อย”
“น่าสงสัย ปอน”
มันน่าสงสัย แล้วมันน่าสงสัยอะไรกันล่ะ? ริปเปิลนั้นมีชีวิตอยู่ตั้งแต่แรกแล้วงั้นเหรอ? หรือว่าไม่ใช่แบบนั้น?
สโนไวท์หายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็หายใจออกมาทีละนิด อากาศที่เปียกชื้นไหลเวียนจากปอดของเธอไปทั่วร่างกาย
ภาพต่างๆที่อยู่ในใจของเธอมันโผล่ขึ้นมาราวกับจะระลึกความหลัง
ภาพของเด็กผู้ชายที่รักการเตะฟุตบอลที่ถูกฆ่าตายราวกับเป็นขยะไร้ค่าทั้งที่คนๆนั้นได้สาบานว่าจะปกป้องสโนไวท์
ภาพของเด็กสาวที่เป็นห่วงสโนไวท์จนกระทั่งเธอตายต่อหน้าของสโนไวท์เพราะถูกฟันเข้าที่หลังระหว่างทางไปโรงเรียน
ไม่ ริปเปิลไม่ใช่แบบนั้น
เธอยังไม่เจอตัวของริปเปิลเลย นี่คือสิ่งที่เธอเฝ้าบอกกับตัวเอง
เสียงฟ้าร้องดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มันอยู่ใกล้กว่าครั้งก่อน
มันไม่มีทางที่ริปเปิลจะตาย เธอเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่แข็งแกร่ง เธอจะไม่ถูกฆ่าตายเพราะไปมีส่วนร่วมในเหตุการณ์บางอย่างแน่ สโนไวท์หายใจเข้าลึกๆ และหายใจออกมาทีละนิดอีกครั้ง
“…เรื่องที่เกิดขึ้นคราวนี้เธอโอเครึเปล่า ปอน?”
“หมายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องวิจัยงั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่ ปอน”
คนที่ส่งอีเมลฉบับนี้มาระบุถึงตัวของพีเฟิลที่เป็นหัวหน้าของฝ่ายทรัพยากรบุคคล หากเธอทำอะไรซักอย่างในตอนที่เกิดเหตุการณ์ในเมือง B แบบนั้นพีเฟิลก็อาจจะเป็นบางคนที่สโนไวท์ควรล่า แต่ในตอนนี้สโนไวท์คือนักล่าเมจิคัลเกิร์ลจริงๆรึเปล่านะ? ความคิดเช่นนี้มันอยู่ภายในใจของเธอ
สโนไวท์รู้ว่าตัวประกันนั้นถูกสังเวยตามลำดับเพื่อเติมเต็มชัฟฟิน แต่จนถึงท้ายที่สุดเธอก็ไม่ได้บอกมันกับใคร เธอทำแบบนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ดีลูจและอินเฟอร์โนทำอะไรอย่างการฆ่าตัวตาย อินเฟอร์โนได้ตายพร้อมกับการภาวนาเพื่อให้เท็มเพรสปลอดภัย และคนที่ปิดบังทุกอย่างเอาไว้มันไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสโนไวท์ การได้รู้ความรู้สึกของอาคาริ รู้ความปรารถนาของเธอ ได้จับมือของเธอ และมองดูเธอจากไปโดยที่ไม่ได้บอกความจริงให้รับรู้แบบนี้
นี่เธอมีคุณสมบัติพอที่จะตัดสินพวกวายร้ายรึเปล่า?
“มีอะไรเหรอ ปอน?”
“ไม่มีอะไรหรอก”
“เธอนี่เป็นแบบนี้ตลอดเลย ปอน”
“… ก็มันไม่มีอะไรจริงๆ”
“แบบนั้นเราก็จะไม่ถามต่อแล้วล่ะ ปอน”
ฟาลพยายามทำอะไรออกมาอย่างร่าเริง แต่สโนไวท์สามารถได้ยินจากหัวใจของฟาลว่า ฟาลนั้นไม่ได้ร่าเริงออกมาจากหัวใจจริงๆ ฟาลบอกว่าหัวใจของไซเบอร์แฟร์รี่ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่าผลลัพธ์ของการเขียนโปรแกรม แต่สโนไวท์ไม่ได้คิดแบบนั้น ลึกลงไปในหัวใจของฟาล ฟาลเองก็หวังว่าตัวเองจะไม่ใช่เป็นแค่โปรแกรมเช่นกัน
อ๊ะ…
เธอได้ยินเสียง ไม่ใช่ว่าเธอหูแว่ว มันมีบางคนกำลังเจอปัญหา
สโนไวท์จับอาวุธแล้วยืนขึ้น
“ฟาล ค้นหาศัตรู”
“เมจิคัลเกิร์ลที่ตอบสนองในระยะสองร้อยเมตรมีหนึ่งคน เธอเป็นคนเดียวที่อยู่ในพื้นที่นี้นะ สโนไวท์”
ริปเปิลยังไม่ตาย มันไม่ทางที่เธอจะตาย แต่ถ้าริปเปิลถูกใครบางคนจับตัวไป แบบนั้นสโนไวท์ที่เป็นนักล่าเมจิคัลเกิร์ลจะไปตามศัตรูไปจนสุดขอบโลกแล้วต้องทำให้มันต้องชดใช้
หากพีเฟิลมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย แบบนั้นเมื่อเสร็จงานนี้แล้ว สโนไวท์จะมุ่งหน้าไปที่นั่น
“ถ้าฉันเปิดไฟล์นี้มันจะปลอดภัยรึเปล่า?”
“เราจะดูให้ ปอน”
สโนไวท์หายใจเข้าลึกๆ แล้วก็ค่อยๆหายใจออกมาทีละนิด เธอมองดูพื้นที่รอบๆอย่างระมัดระวัง จนในที่สุดเธอก็เจอตัวเจ้าของความคิดที่ได้ยิน จากนั้นเมจิคัลเกิร์ลในชุดสีขาวก็ดึงหางของสัตว์เลื้อยคลานที่ดิ้นไปมาเพราะจมอยู่ในโคลนขึ้นมาแล้วปล่อยออกไปที่ด้านนอก
ทรัพย์สินของตระกูลฮิโตโคจินั้นมันไม่ได้อีกอะไรอย่างอื่นนอกจากปัญหา จู่ๆคฤหาสน์หลังที่สองก็ถูกสร้างขึ้น และที่โรงเรียนคาโนเอะก็อยู่ใกล้ชิดกับเธอเสมอ
เมื่อมาโมริต้องการเจอกับใครบางที่คาโนเอะไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย การไม่เลือกสถานที่จึงเป็นเรื่องที่ดีที่สุด สิ่งที่ควรเลือกไม่ใช่สถานที่แต่เป็นเวลา เธอคิดว่าจะออกมาในตอนที่มีแขกเข้ามาเยี่ยมคาโนเอะ แบบนั้นคาโนเอะก็จะไม่ได้อยู่กับมาโมริ และสำหรับแขกแล้ว เป็นคนที่ยิ่งสำคัญมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
ในตอนที่พบกับแขกสำคัญ พีเฟิลจะพยายาลให้ชาโดว์เกลอยู่ห่างไว้ ในตอนนี้พีเฟิลอยู่ในสถานการณ์ที่อ่อนไหวอย่างมากเพราะแขกทุกคนล้วนแต่สำคัญทั้งนั้น
เมื่อเธอยืนยันแล้วว่ามีบางคนเข้ามา หลังจากที่เสิร์ฟชาเสร็จแล้ว มาโมริก็แปลงร่างเป็นเมจิคัลเกิร์ลแล้วออกไปจากคฤหาสน์
ชาโดว์เกลส่งอีเมลเรื่องจุดนัดพบออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอก็มุ่งหน้าไปยังด้านบนของสิ่งก่อสร้างสูง เธอคิดว่าคงต้องรอซักพักหนึ่ง แต่คนที่คิดว่าเธอต้องรอนั้นกลับมาถึงก่อน
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อชาโดว์เกล”
“ฉันชื่อสโนไวท์”
เมจิคัลเกิร์ลชุดขาวก้มหัวลงเล็กน้อยโดยที่ไม่ได้ละสายตา จากนั้นเสียงสังเคราะห์แหลมๆเหมือนกับเด็กก็ดังออกมาจากเมจิคัลโฟนที่ห้อยอยู่ตรงเอวของเธอ
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ปอน” ภาพโฮโลแกรมสีขาวดำปรากฏตัวขึ้น
ชาโดว์เกลเคยเห็นมาสค็อทแบบนี้มาก่อนสองครั้ง ครั้งแรกคือตอนที่เธอถูกบังคับให้เข้าสู่การนองเลือด ครั้งที่สองมันก็คือการนองเลือดอีกครั้ง เธอมีความรู้สึกส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เธอเก็บมันเอาไว้แล้วก็ยิ้มออกมา
“อื้อ ไม่ได้เจอกันนานเลย สบายดีรึเปล่า?”
“เราไม่ป่วยหรอกนะ ปอน”
เห็นได้ชัดว่า สโนไวท์และมาสค็อทของเธอร่วมมือกับหน่วยสืบสวน ชาโดว์เกลไม่รู้ว่าจริงๆแล้วพวกเธอทำงานประเภทไหน
เธอรู้จักฟาลผ่านทางเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งนั่นหมายความว่าสโนไวท์คือคนที่เป็นคนที่จัดการ ไม่ใช่แค่ชาโดว์เกล แต่พีเฟิลเองก็ถูกลากเข้าไปในเหตุการณ์ครั้งนั้นด้วย แม้พีเฟิลจะไม่ได้คิดว่า “ถูกลากเข้าไป” แต่เป็นเหมือนกับ “คนที่เกี่ยวข้อง” มากกว่า
แขนของเธอสั่น
ไม่ใช่ว่าสายลมด้านบนสิ่งก่อสร้างนี้มันเหน็บหนาว แต่มันเป็นเพราะการจ้องมองของสโนไวท์
ดวงตาคู่นั้นมันเหมือนกับว่ามองทะลุได้ทุกสิ่งทุกอย่าง
ชาโดว์เกลต่อกรกับเมจิคัลเกิร์ลคี๊คไม่ได้เลยซักนิด แต่สโนไวท์จัดการกับเธอได้ และฟาลที่เคยเป็นมาสค็อคของคี๊ค ในตอนนี้ก็มารับใช้สโนไวท์
มันทำให้ชาโดว์เกลคิดว่า หากคนๆนี้มองมาที่เธอ ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะจบสิ้น แน่นอนว่าไม่ใช่แค่สำหรับชาโดว์เกลคนเดียว แต่พีเฟิลเองก็ด้วย
ชาโดว์เกลระมัดระวังในทุกฝีเก้า เธอทำตัวให้ตรงไปตรงมามากที่สุดเพื่อไม่ให้ถูกสงสัย
เธอหยิบทรงกลมสีฟ้าออกมาจากกระเป๋า มันดูเหมือนกับว่าเป็นลูกอม แต่สีของมันดูสดใสเกินไปที่จะเป็นอาหาร แม้จะเป็นของจากต่างประเทศก็ไม่มีสีฟ้าแบบนี้
“นี่คือสิ่งที่ฉันสัญญาเอาไว้” เธอก้าวออกไปข้างหน้า แค่นี้มันก็ทำให้เธอรู้สึกสั่นจนถึงปลายเท้าแล้ว
เธอก้าวออกไปสองก้าวแล้วก็สามก้าว จนเข้าไปใกล้พอที่สโนไวท์จะจับได้หากยื่นมือออกมา จากนั้นเธอก็จับทรงกลมสีฟ้าแล้วยื่นไปให้
“แผนการทุกอย่างของพีเฟิลถูกบันทึกเอาไว้ในนี้”
สโนไวท์รับมันเอาไว้อย่างเงียบๆ สโนไวท์ยังคงจ้องมาชาโดว์เกลอย่างไม่เปลี่ยนแปลง ลมกรรโชกที่พัดผ่านสิ่งก่อสร้างสูงมันทำให้ใบปลิวนั้นปลิวมาจากที่ไหนซักที่จนโดนเข้ากับผนังของสิ่งก่อสร้าง
“เอาไปใช้ตามที่ต้องการได้เลย”
ไม่ใช่ว่าตรงจุดนี้ฟาลจะต้องช่วยเธอบางอย่างหรอกเหรอ? เธอหวังไว้มากแต่มันก็ไม่มีอะไรเลย ในตอนนี้เมื่อเธอลองคิดดูแล้ว พอถึงเวลา ฟาลนั้นก็เป็นมาสค็อทที่ไร้ประโยชน์เช่นเคย
ชาโดว์เกลเชิดอกของเธอขึ้นเพื่อไม่ให้ตัวของเธอก้มลง
“ฉันได้ความทรงจำทั้งหมดของเธอมา ในตอนนี้ฉันควบคุมมันเอาไว้อยู่”
“เธอไม่มีทีท่าว่าจะกลับเนื้อกลับตัวใช่ไหม? แถมยังไม่ได้จะถูกไล่ออกจากตำแหน่งด้วยอีก แบบนั้นน่ะไม่ใช่ว่าเธอจะทำเหมือนเดิมซ้ำอีกหรอกเหรอ? ต่อให้ไม่มีความทรงจำของตัวเองแล้ว ตัวตนตามธรรมชาติของเธอก็ไม่ได้เปลี่ยนไปอยู่ดี แม้ว่าเป้าหมายของเธอจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่เธอก็จะเมินเฉยผู้ที่ต้องสังเวยชีวิตที่ทำให้เธอไปถึงจุดนั้นไป”
สโนไวท์พูดถูก มันไม่ใช่การพูดเท็จแค่ครั้งเดียว พีเฟิลจะทำมันอีกครั้งและอีกครั้ง เธอจะไม่หยุดหากเธอคิดว่าการสังเวยนั้นคือสิ่งที่ดีที่สุด เธอจะใช้ความปรารถนาดีนั้นล่าเหยื่อโดยที่ไม่รู้สึกอับอาย
เมื่อมาโมริได้รับคำสั่งว่าให้เอาความทรงจำนั้นไปเก็บรักษาไว้ชั่วคราว เธอก็คิดว่านี่คือโอกาสเดียวของเธอแล้ว
พีเฟิลไม่ได้สั่งชาโดว์เกลอย่างจริงจัง เธอคิดว่าชาโดว์เกลคือคนที่ควรจะถูกปกป้อง
มันเป็นเรื่องที่เหมือนกับตอนที่อยู่ในโลกแห่งเกม ในตอนนั้นพีเฟิลไม่เคยจินตนาการเลยว่าจะถูกชาโดว์เกลโจมตี และเมื่อชาโดว์เกลทำแบบนั้นลงไป จมูกของพีเฟิลถึงกับเปลี่ยนรูปร่าง ในตอนนั้นชาโดว์เกลรู้สึกสิ้นหวัง คิดว่าทุกอย่างมันจบสิ้นแล้ว แต่เมื่อคิดย้อนกลับไป พีเฟิลก็ยังคงแสดงออกแบบหยิ่งยโสแม้จมูกของเธอจะกลายเป็นรูปร่างที่ดูประหลาดก็ตาม
ชาโดว์เกลจะใช้ความทรงจำที่พีเฟิลมอบให้เธอด้วยความเชื่อใจนี้ เธอจะยึดความทรงจำที่พีเฟิลไม่อยากให้หน่วยสืบสวนเห็นและจะไม่คืนกลับไปเอาไว้ เธอขโมยเรื่องการกระทำที่ไม่ดีทั้งหมดของพีเฟิลที่พีเฟิลได้ทำไป และสิ่งเลวร้ายทั้งหมดที่เธอจะทำในอนาคตเอาไว้กับตัวเอง
เธอเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้แล้ว เธอกำลังจะบังคับให้ใครบางไปสู่จุดที่ย้อนกลับมาอีกไม่ได้ โดยปกติแล้ว เธอต้องตัดสินใจแบบนี้ตั้งแต่ที่พีเฟิลฆ่าเมจิคัลเกิร์ลไปกว่าร้อยคน นี่คือสิ่งที่ชาโดว์เกลคนเดียวจะทำมันได้
ภายในท้องของชาโดว์เกลมันรู้สึกอึดอัดไปหมด จากนั้นเธอก็พูดว่า “ฉันไม่ปล่อยให้เธอทำแบบนั้นหรอก”
“สัญญาปากเปล่าน่ะไม่มีความหมายหรอก”
“หากมีอะไรเกิดขึ้น ได้โปรดฆ่าฉันด้วยเถอะค่ะ”
ภาพของฟาลนั้นบิดเบี้ยว สโนไวท์เองก็ขมวดคิ้ว
“ถ้าฉันตาย แบบนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่พีเฟิลทำก็จะกลายเป็นว่าไร้ความหมาย ถ้าคุณทำแบบนั้น พีเฟิลก็จะหยุด ช่วยทำให้ฉันเป็นสวิตช์หยุดฉุกเฉินด้วยเถอะค่ะ”
ความหมายมาโมริที่เป็นชื่อของเธอ…
เมื่อคิดย้อนกลับไปถึงเรื่องที่พ่อแม่บอกเธอว่าตั้งชื่อแบบนี้เพื่ออะไร เธอก็ก้มหัวลง “ขอร้องล่ะค่ะ”
สโนไวท์มองดูชาโดว์เกลและไม่ได้พูดอะไรออกมา ฟาลเองก็เช่นกัน
ชาโดว์เกลก้มหัวลงอีกครั้ง แล้วก็หันหลังให้สโนไวท์และเริ่มวิ่งออกไป เธอต้องรีบกลับบ้านไม่งั้นนายหญิงจะบ่นเอาได้
เฟรเดริก้าจะไม่รวบรวมเส้นผมของเมจิคัลเกิร์ลที่ตายไปแล้ว มันไม่ใช่เหตุผลในทางปฎิบัติที่ว่าเธอจะใช้
เวทมนตร์กับเส้นผมนั้นไม่ได้ แต่คือเหตุผลในด้านจิตใจ เธอนั้นทิ้งเส้นผมของเมจิคัลเกิร์ลที่ตายไปแล้วลงในถังขยะเสมอ
เมจิคัลเกิร์ลและเส้นผมของเมจิคัลเกิร์ลนั้นมีเรื่องราว และเมื่อเด็กสาวเสียชีวิต เรื่องราวนั้นก็จะปิดฉากลง การที่จะเก็บเส้นผมนั้นเอาไว้ต่อไป ก็มีแต่จะเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นเท่านั้น
แม้จะเป็นเส้นผมของนักดนตรีแห่งพงไพร แครนเบอร์รี่ที่เป็นสิ่งล้ำค่าของเฟรเดริก้า หลังจากที่รู้สึกเจ็บปวดทรมาณมาเนิ่นนานหลังจากที่เธอตายไป สุดท้ายเฟรเดริก้าก็ตัดสินใจทิ้งมันลงไปในถังขยะ
แต่เธอจะทิ้งเส้นผมเส้นนี้ได้รึเปล่านะ? เธอรู้สึกว่าตัวเองทำไม่ได้ แม้จะไม่มีเรื่องราวแต่เธอก็หลงรักเส้นผมเส้นนี้ มันขโมยหัวใจของเธอไป เจ้าของเส้นผมนี้คือผู้ได้ที่รับพรจากสรวงสวรรค์ ไม่ใช่ว่าเฟรเดริก้านั้นอยากจะพูดเรื่องตลก แต่กับเมจิคัลเกิร์ลคนอื่นแล้วมันดูธรรมดาไปเลยหากเอามาเปรียบเทียบกัน
เฟรเดริก้าเอาส้นผมนั้นมาพันรอบปลายนิ้ว แม้ปริซึม เชอร์รี่จะตายไปแล้ว แต่ความงดงามนั้นก็ไม่ได้ลดลงเลย มันยังคงส่องประกาย แถมเมื่อดูมันจากต่างมุมมอง มันก็จะให้ความรู้สึกแบบที่ต่างกัน แม้เธอจะมองเส้นผมนานมากพอจนตาของเธอจะรู้สึกล้า เธอก็ยังค้นพบความดีอกดีใจแบบใหม่ๆอยู่ในนั้น
เด็กสาวนี้ที่ไม่ได้มีเรื่องราวก็ได้มีเรื่องราวขึ้นมาหนึ่งเรื่อง เฟรเดริก้าไม่ได้หยุดเธอเอาไว้ เพราะเธออยากเห็นเรื่องราวของปริซึม เชอร์รี่จะทักทอขึ้นมาจนถึงท้ายที่สุด
เฟรเดริก้าได้ช่วยปริซึม เชอร์รี่จากการจะถูกโจ๊กเกอร์ฆ่าเอาไว้โดยไม่ทันคิด จากนั้นเฟรเดริก้าก็ดูแลเธออยู่ที่โรงแรม แม้ว่าเมื่อเร็วๆนี้เฟรเดริก้าจะถูกเรียกว่านักทำนาย แต่ในตอนนี้เธอก็สวมบทบาทเป็นหมอ
โชคดีที่บาดแผลจากเคียวของโจ๊กเกอร์นั้นไม่ได้สาหัส และเฟรเดริก้าก็สามารถรักษาเธอได้อย่างรวดเร็วด้วยการใช้ยาเหลวเวทมนตร์ เมจิคัลเกิร์ลนั้นมีความสามารถในการฟื้นฟูที่สูงอยู่แล้ว ในตอนนี้ปริซึม เชอร์รี่รู้สึกดีใจที่ถูกช่วยเอาไว้ เมื่อเธอลุกขึ้นมาได้ เธอก็ยืนกรานว่าต้องการจะกลับไปที่ห้องวิจัย
เฟรเดริก้าไม่ควรจะส่งเธอกลับไป เพราะมันมีหลายวิธีที่ดีกว่าในการจะช่วยเพื่อนของเธอ ตัวของเฟรเดริก้าควรจะกระจายเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องวิจัยออกไปถ้าเธอต้องการ เธอควรจะช่วยเมจิคัลเกิร์ลทั้งหมดที่อยู่ที่นั่น
แต่เธอก็ไม่ได้ทำแบบนั้น เธอไม่ได้บอกให้ปริซึม เชอร์รี่รู้ว่ามันมีวิธีการที่ดีกว่าอยู่
เพราะเธออยากเห็นเรื่องราวของปริซึม เชอร์รี่ คนที่ตัวสั่นด้วยความกลัวแต่ก็ยับยั้งความกลั้วนั้นเอาไว้แล้วยืนหยัดขึ้นเพื่อเพื่อนของตัวเอง
โชคดีที่เฟรเดริก้าทำงานตามที่พีเฟิลมอบหมายไว้ให้เสร็จแล้ว
มันไม่มีสัญญาอะไรที่จะผูกมัดเธอเอาไว้ได้ เฟรเดริก้าจึงส่งปริซึม เชอร์รี่กลับไป เธอนั้นต่อสู้ และเฟรเดริก้าก็จ้องมองเธอจนถึงวาระสุดท้าย เส้นผมของเธอที่งดงามแม้จะไม่มีเรื่องราวอะไร ในตอนนี้มันกลับส่องประกาย
จนงดงามมากยิ่งกว่าเดิม
*ฉบับแปลของ tlkun จะมีประโยคที่บรรยายว่าเฟรเดริก้าสอนการใช้เวทมนตร์ให้เชอร์รี่ด้วย แต่ของฉบับ yenpress ไม่ได้มีประโยคนั้น
เธอรู้สึกโดดเดี่ยว แต่เฟรเดริก้าก็รู้ว่ามันเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องราวเช่นกัน
เสียงฝีเท้าดังขึ้นบนพื้นคอนกรีตในตอนที่เธอเดินไปที่หน้าต่าง
เธอเอาปลายนิ้วไปจับที่ผ้าม่านแล้วมองไปยังด้านนอก
สิบเซ็นติเมตรข้างหน้าของเธอคือทางเดินมืดๆที่เชื่อมไปยังอาคารข้างเคียง เธอมองไม่เห็นอะไรเลย นี่มันเป็นสิ่งก่อสร้างที่ถูกต้องตามข้อกฏหมายรึเปล่านะ? ที่โรงแรมเองก็คล้ายกัน แต่โรงแรมก็ยังคงเป็นโรงแรม เพราะเฟรเดริก้ารู้สึกว่าทางนั้นมีความต้องการที่จะต้อนรับแขกอยู่ การใช้เวลาอยู่อยู่ที่นั่นมันเป็นอะไรที่มีความสุข
ที่ซ่อนตัวแห่งนี้ เป็นที่ที่เธอกลับมาเป็นครั้งแรกในช่วงระยะเวลานาน แม้จะมีแดดออกแต่มันทั้งมืดและอับชื้น เมื่อคิดถึงความรู้สึกโดดเดี่ยวของเฟรเดริก้า บางทีมันอาจจะเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมแล้วก็ได้
“เธอคิดยังไงล่ะ?” เฟรเดริก้าถาม
“เรื่องอะไรเหรอ?”
“ที่ซ่อนนี้น่ะ”
“ชั้นว่ามันวิเศษมากเลย”
“ขอบคุณเรื่องความเห็นดีๆนะ”
ริปเปิลที่นั่งอยู่บนโซฟาพยักหน้า เธออยู่ในชุดนินจาของเธอที่ไม่มีตาและแขนอย่างละข้างตามปกติ
“ชุดเดิมของเธอนี่เข้ากับเธอจริงๆนั่นแหละ” เฟรเดริก้าพูด
“ชุดเดิมของชั้น?”
“อ๊ะ จริงสิ ฉันปรับเปลี่ยนความคิดของฉันในเรื่องตรงนั้นตรงนี้ไป ดังนั้นเธอคงต้องลืมมันไปอยู่แล้วล่ะ”
“มันเกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?”
“อ๋อ ไม่มีอะไรมากหรอก ฉันแค่ให้เธอสวมชุดที่ต่างจากเดิมเล็กน้อย แล้วก็ให้ยืมแขนซ้ายของฉันน่ะ”
“ฟังดูน่าสนุกจัง”
“อื้อ มันสนุกมากเลยล่ะ รู้ไหม ฉันคิดว่าการเป็น ตัวตลก มันสนุกนะ ฉันเองก็ไม่ได้สนใจพวกตัวตลกที่ดูน่าเศร้าด้วย”
เฟรเดริก้าดึงเอาเมจิคัลโฟนออกมาจากกระเป๋าแล้วก็มองดูที่กล่องข้อความเข้า
อามี่กับโมนาโกะเริ่มดำเนินการแล้ว เธอพาตัวรุ่นที่หนึ่งมาแล้ว ดังนั้นรุ่นที่สามเองก็คงจะอยู่ในแคมป์ของเธอเช่นกัน อย่างอื่นก็ดูเหมือนจะตอบสนองได้ดีเช่นกัน
*ฉบับแปลของ tlkun จะไม่มีการพูดถึงอามี่และโมนาโกะในจุดนี้ แต่ฉบับของ yenpress มี
หากเป็นแบบนี้ต่อไป เหมือนว่าก็คงทุกอย่างจะออกมาดีได้แน่
เรื่องนี้มันจะทำให้สโนไวท์เติบโตได้มากแค่ไหนกันนะ? ตั้งแต่ที่เฟรเดริก้าส่งอีเมลเจ้าปัญหานั้นไปให้เพื่อพาตัวเธอเข้ามา เฟรเดริก้าคงดีใจหากได้ยินว่าสโนไวท์ได้บางสิ่งมาจากมัน
การที่จะทำให้สโนไวท์เข้าปะทะกับพีเฟิลได้ เฟรเดริก้าตั้งใจจะทำให้สโนไวท์เติบโตมากยิ่งขึ้นกว่านี้ เฟรเดริก้าเห็นด้วยกับความคิดบางอย่างของพีเฟิล แต่กระนั้นเธอก็ห่างไกลจากการเป็นเมจิคัลเกิร์ลในอุดมคติของเฟรเดริก้า ดังนั้นเฟรเดริก้าจึงคิดจะใช้พีเฟิลเพื่อเป็นอาหารให้สโนไวท์เติบโตขึ้นแทน… แต่ว่าชาโดว์เกลกลับเข้าไปหาสโนไวท์จนทำให้เธอพลาด บางทีสโนไวท์เองก็คงมีประสบการณ์เรื่องการเปลี่ยนแปลงการรับรู้ พีเฟิลก็ต้องถูกกำจัดอย่างเหมาะสม สุดท้ายแล้วผลของมันก็จะออกมาดี
นี่พีเฟิลตัดสินใจผิดเรื่องชาโดว์เกลรึเปล่านะ? บางทีพีเฟิลอาจคิดไว้แล้วว่าชาโดว์เกลอาจจะทำอะไรแบบนี้ใช่ไหม? ความคิดแบบนั้นมันอยู่ในใจของเฟรเดริก้า แต่เธอก็สลัดมันออกไป เพราะคิดแล้วว่ามันไม่มีประโยชน์
คนเหล่านี้เป็นอดีตไปแล้ว ปัจจุบันมันก็ควรถูกตัดสินโดยผู้ที่อยู่ในปัจจุบัน
สโนไวท์คิดยังไงตอนที่ได้อีเมลจากริปเปิลกันนะ? ในใจของเธอคงรู้สึกบางอย่าง บางทีอาจคือความเป็นห่วงจนตั้งใจทำงานของตัวเองไม่ได้ เฟรเดริก้าคิดว่ามันคงแย่ หากสุดท้ายแล้วอีเมลฉบับนั้นกลายเป็นการทำร้ายชื่อเสียงของนักล่าเมจิคัลเกิร์ล
“ใช่แล้ว ฉันแน่ใจว่าเธอคงทำเรื่องต่างๆให้ถูกต้องได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งได้แน่ๆ”
“อื้อ ชั้นจะทำ” ริปเปิลตอบ
“ดีจัง ช่วยทำแบบนั้นทีนะ ฉันหวังกับเธอไว้มากเลยล่ะ”
ริปเปิลยิ้มออกมาในตอนที่เฟรเดริก้าลูบหัวของเธอ
——— Magical Girl Raising Project Arc 4 : JOKERS [จบภาค] ——–
Chapters
Comments
- ตอนที่ 7.09 Arc 7 - ตอนที่ 9 - โรงเรียนแห่งสงคราม [จบภาค] พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 7.08 Arc 7 - ตอนที่ 8 - วันนี้ไม่อยากกลับบ้าน พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 7.07 Arc 7 - ตอนที่ 7 - HEART VS. HEART พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 7.06 Arc 7 - ตอนที่ 6 - กับดักแสนหวาน พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 7.05 Arc 7 - ตอนที่ 5 - สถานที่ที่ฉันอยู่ พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 7.04 Arc 7 - ตอนที่ 4 - โรงเรียนแห่งการต่อสู้ พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 7.03 Arc 7 - ตอนที่ 3 - วิ่ง วิ่งไป วิ่งเข้าไป นักเรียนแลกเปลี่ยน พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 7.02 Arc 7 - ตอนที่ 2 - ยืนตรง! เคารพ! นั่งได้! พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 7.01 Arc 7 - ตอนที่ 1 - ระฆังโรงเรียนคือสัญญาณแห่งการเริ่มต้น พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.513 Arc 6.5 - ตอนที่ 13 - บทเพลงไว้อาลัยแด่เมจิคัลบอย [จบภาค] พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.512 Arc 6.5 - ตอนที่ 12 - เมจิคัลเกิร์ลแอสแซสซิเนชั่นโปรเจ็ค พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.511 Arc 6.5 - ตอนที่ 11 - ปฎิบัติการหนีจากแพททริเซีย พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.509 Arc 6.5 - ตอนที่ 9 - เจ้าหญิงแห่งชายหาด พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.508 Arc 6.5 - ตอนที่ 8 - ปีใหม่และเต่า พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.507 Arc 6.5 - ตอนที่ 7 - เมจิคัลเกิร์ลในวันคริสต์มาสอีฟ พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.506 Arc 6.5 - ตอนที่ 6 - เพจิกะกับการครุ่นคิดถึงความสุขในฤดูใบไม้ร่วง พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.505 Arc 6.5 - ตอนที่ 5 - บันทึกการสร้างเมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจค พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.504 Arc 6.5 - ตอนที่ 4 - ทริค ออร์ เมจิคัลเกิร์ล พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.503 Arc 6.5 - ตอนที่ 3 - ไม่มีเมจิคัลเกิร์ลในงานชมดอกไม้นี้เลย พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.502 Arc 6.5 - ตอนที่ 2 - เมจิคัล ช็อปปิ้ง พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.501 Arc 6.5 - ตอนที่ 1 - แม่มด กล่องข้าว และการแสดงความรัก พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.51 Arc 6.5 - ตอนที่ 10 - เซอร์ไววัลเกมแห่งนรกของโรงเรียนกวดวิชามาโอ พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.1 Arc 6 - ตอนที่ 10 - ทุกสิ่งเพื่อเธอ [จบภาค] พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.09 Arc 6 - ตอนที่ 9 - นักล่าเมจิคัลเกิร์ล พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.08 Arc 6 - ตอนที่ 8 - โจมตีมันด้วยทุกอย่างที่เรามี พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.07 Arc 6 - ตอนที่ 7 - แม้เพียงปลายนิ้วก็มิอาจแตะต้อง พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.06 Arc 6 - ตอนที่ 6 - ประกายแสงอันเป็นนิรันดร์ พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.05 Arc 6 - ตอนที่ 5 - ของขวัญอันแสนคิดถึง พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.04 Arc 6 - ตอนที่ 4 - สนามเด็กเล่นขององค์ราชินี พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.03 Arc 6 - ตอนที่ 3 - มาเป็นเพื่อนกันเถอะ พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.02 Arc 6 - ตอนที่ 2 - สโนไวท์กับเด็กเลี้ยงแกะ พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.01 Arc 6 - ตอนที่ 1 - การต่อสู้ครั้งสุดท้ายในมือคู่นี้ พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.711 Arc 5.2 - ตอนที่ 11 - สัมภาษณ์กับสวิมสวิม [จบภาค] พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.709 Arc 5.2 - ตอนที่ 9 - อลิส อิน ฮาร์ดกอร์แลนด์ พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.708 Arc 5.2 - ตอนที่ 8 - Guns or Roses? พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.707 Arc 5.2 - ตอนที่ 7 - เงื่อนไขในการดัดแปลงเป็นอนิเม พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.706 Arc 5.2 - ตอนที่ 6 - เจ้าชายของชมรม พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.705 Arc 5.2 - ตอนที่ 5 - ความกังวลของท่านผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.704 Arc 5.2 - ตอนที่ 4 - งานของนางฟ้ายากูซ่า พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.703 Arc 5.2 - ตอนที่ 3 - รูปแบบของเมจิคัลเกิร์ล พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.702 Arc 5.2 - ตอนที่ 2 - ท็อปสปีดของท็อปสปีด พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.701 Arc 5.2 - ตอนที่ 1 - การต่อสู้ของอัศวินสาวผู้โดดเดี่ยว DIRECTOR CUT พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.611 Arc 5.1 - ตอนที่ 11 - เมจิคัลเกิร์ลสีฟ้ายุ่งชะมัดเลย [จบภาค] พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.609 Arc 5.1 - ตอนที่ 9 - เอลฟ์แห่งหน่วยสืบสวน พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.608 Arc 5.1 - ตอนที่ 8 - ชีวิตจริงของพวกเราถูกเติมเต็มแล้วงั้นเหรอ? พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.607 Arc 5.1 - ตอนที่ 7 - ทรีซิสเตอร์ไรซิ่งโปรเจค: restart พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.606 Arc 5.1 - ตอนที่ 6 - พริมูล่า ฟาริโนซ่า พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.605 Arc 5.1 - ตอนที่ 5 - ยิ่งกว่าสามเศร้า พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.604 Arc 5.1 - ตอนที่ 4 - มิตรภาพแห่งสายรุ้ง พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.603 Arc 5.1 - ตอนที่ 3 - เพราะพวกเราอยากโค่นล้มมาโอ พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.602 Arc 5.1 - ตอนที่ 2 - บทเพลงอันรวดเร็ว พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.601 Arc 5.1 - ตอนที่ 1 - แว่นกันลมและเต่า พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.71 Arc 5.2 - ตอนที่ 10 - บางครั้งทามะก็เป็นแบบนี้ พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.61 Arc 5.1 - ตอนที่ 10 - แฟ้มคดีของพลเอกพูคิน : คดีสังหารจอมเวท พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.5 Arc 5 - ตอนที่ 5 - ลาก่อนเพื่อนของฉัน [จบภาค] พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.4 Arc 5 - ตอนที่ 4 - พุ่งทะยานผ่านเมืองใหญ่ ข้ามผ่านเหนือเทือกเขา พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.3 Arc 5 - ตอนที่ 3 - จับมือกับฉัน ณ สวนสนุก พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.2 Arc 5 - ตอนที่ 2 - ช่วงชิงโชคชะตา พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.1 Arc 5 - ตอนที่ 1 - เริ่มต้นอย่างเร่าร้อน พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 4.6 Arc 4 - ตอนที่ 6 - นักล่าเมจิคัลเกิร์ล [จบภาค] พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 4.5 Arc 4 - ตอนที่ 5 - โป๊กเกอร์เกม พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 4.4 Arc 4 - ตอนที่ 4 - ฉันคือคนร้าย พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 4.3 Arc 4 - ตอนที่ 3 - การพบพานอันแสนมหัศจรรย์ พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 4.2 Arc 4 - ตอนที่ 2 - ทุกคนรวมพล พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 4.1 Arc 4 - ตอนที่ 1 - เหนือกว่าปริซึม พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 3.12 Arc 3 - ตอนที่ 12 - เมจิคัลเกิร์ลในตัวคุณ [จบภาคปลาย] พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 3.11 Arc 3 - ตอนที่ 11 - เพื่อนของฉัน พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 3.1 Arc 3 - ตอนที่ 10 - ก้าวเดินบนสายรุ้ง พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 3.09 Arc 3 - ตอนที่ 9 - ปีศาจท่ามกลางเปลวเพลิง พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 3.08 Arc 3 - ตอนที่ 8 - การมาเยือน พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 3.07 Arc 3 - ตอนที่ 7 - การจู่โจมของแม่มด พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 3.06 Arc 3 - ตอนที่ 6 - จุดเริ่มต้นของจุดจบ [จบภาคต้น] พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 3.05 Arc 3 - ตอนที่ 5 - เผชิญหน้า พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 3.04 Arc 3 - ตอนที่ 4 - ฮีโร่หรือไอดอล? พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 3.03 Arc 3 - ตอนที่ 3 - เด็กสาวที่หวนกลับมาจากคุกที่ลึกที่สุด พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 3.02 Arc 3 - ตอนที่ 2 - จมอยู่ในหัวใจและความรัก พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 3.01 Arc 3 - ตอนที่ 1 - ก่อตั้งหน่วยเมจิคัลเกิร์ล พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.515 Arc 2.5 - ตอนที่ 15 - เพื่อนของคุณแคลนเทล [จบภาค] พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.514 Arc 2.5 - ตอนที่ 14 - ความทรงจำของเมจิคัลเกิร์ลสีฟ้า พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.513 Arc 2.5 - ตอนที่ 13 - เมจิคัลเกิร์ลนอกรีต พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.512 Arc 2.5 - ตอนที่ 12 - คดีเนื้อวัวที่หายไป ~ แต่คุณเมดเห็นนะ ~ พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.511 Arc 2.5 - ตอนที่ 11 - อัศวินในวันหยุด พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.509 Arc 2.5 - ตอนที่ 9 - มาเล่นกับท็อปสปีดกันเถอะ พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.508 Arc 2.5 - ตอนที่ 8 - @เนี๊ยวเนี๊ยวในเมือง N พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.507 Arc 2.5 - ตอนที่ 7 - วอนเดอร์ดรีม พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.506 Arc 2.5 - ตอนที่ 6 - เชอร์น่า คริสต์มาส พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.505 Arc 2.5 - ตอนที่ 5 - เมจิคัลเดซี่ ตอนที่ 22 พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.504 Arc 2.5 - ตอนที่ 4 - ซอมบี้ เวสเทิร์น พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.503 Arc 2.5 - ตอนที่ 3 - ผลแห่งนางฟ้า พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.502 Arc 2.5 - ตอนที่ 2 - หุ่นยนต์กับแม่ชี พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.501 Arc 2.5 - ตอนที่ 1 - การผจญภัยของเนมุริน พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.51 Arc 2.5 - ตอนที่ 10 - อาคาเนะและครอบครัวเมจิคัลเกิร์ลอันแสนสุข พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.11 Arc 2 - ตอนที่ 11 - และอื่นๆอีกมากมาย [จบภาคปลาย] พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.1 Arc 2 - ตอนที่ 10 - เพจิกะในโลกแห่งการสรรสร้าง พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.09 Arc 2 - ตอนที่ 9 - เหล่าเด็กสาว พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.08 Arc 2 - ตอนที่ 8 - ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.07 Arc 2 - ตอนที่ 7 - ความฝันของลาซูไลน์ พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.06 Arc 2 - ตอนที่ 6 - ลบและบวก พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.05 Arc 2 - ตอนที่ 5 - สาวจีนกับมังกรยักษ์ [จบภาคต้น] พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.04 Arc 2 - ตอนที่ 4 - แคนดี้ลึกลับ พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.03 Arc 2 - ตอนที่ 3 - นักสืบและคดีฆาตกรรม พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.02 Arc 2 - ตอนที่ 2 - อาหารอร่อยๆ ทำให้ทุกคนมีความสุข พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.01 Arc 2 - ตอนที่ 1 - สวัสดีเดซี่ พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 1.5 Arc 1.5 - Snow White Raising Project [จบภาค] พฤศจิกายน 19, 2023
MANGA DISCUSSION