ตอนที่ 10:
ก้าวเดินบนสายรุ้ง
☆ โทโกะ (เหลือเวลาอีก 10 ชั่วโมง 13 นาที)
หากมาโอแพมตายแล้ว มันก็จะไม่มีเมจิคัลเกิร์ลคนไหนจัดการเรนโปวได้อีก แม้กลุ่มนักเรียนมัธยมต้นรวมกลุ่มกันทั้งหมด เรนโปวก็จัดการได้ง่ายๆ และใช่ว่าพวกเธอจะรวมกลุ่มกันได้ตั้งแต่แรกด้วย
หลังจากคิดมาถึงตรงนี้ โทโกะก็แก้ไขข้อสรุปของตัวเองว่านั่นไม่ถูกเท่าไหร่
มาโอแพมไม่ได้เป็นศัตรูที่พลังของเรนโปวจะจัดการไม่ได้ แต่เรนโปวจัดการเธอได้ด้วยการเข้าไปยุ่งการต่อสู้ของมาโอแพมกับเมจิคัลเกิร์ลลึกลับ และผลก็คือเรนโปวฆ่ามาโอแพมได้ ในที่สุดเธอก็ได้เอาคืนเรื่องที่ตบหน้าทั้งหมดได้แล้ว
การ “จัดการ” กับบางคนนั้นไม่ได้หมายความว่าต้องสู้กันตรงๆเสมอไป เรนโปวหลอกมาโอแพมให้เชื่อว่าเธอนั้นเป็นแค่เด็กมัธยมต้นที่ไม่เป็นพิษเป็นภัย เป็นเหยื่อ เป็นเมจิคัลเกิร์ลที่ไร้เดียงสาเท่านั้น แม้กระทั่งมาโอแพมคนที่ทำงานมาอย่างยาวนาน มีประสบการณ์ต่อสู้มากมาย และความรู้เรื่องของเมจิคัลเกิร์ลมหาศาล ยังถูกหลอกได้ นี่คือเมจิคัลเกิร์ลที่โทโกะยกย่อง เธอสามารถทรยศ หลอกลวง ไม่เชื่อใจใครทั้งนั้น โทโกะเชื่อใจเรนโปวก็จริง แต่เธอก็ไม่รู้ว่าเรนโปวนั้นเชื่อใจเธอรึเปล่า
เมจิคัลเกิร์ลที่อยู่ตรงหน้าพวกเธอตอนนี้คือ… ไพตี้ เฟรเดริก้า ทำไมคนเลวทรามที่ควรอยู่ในคุกดันมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ? แต่เรนโปวเองก็จะฆ่าเธอเช่นกัน
“ฆ่าเธอซะ เรนโปว”
“ได้เลย”
โทโกะเข้าไปในเสื้อของเรนโปว ที่ตรงนี้มันอบอุ่นและเข้าออกได้ง่าย เรนโปวส่งสายรุ้งเข้าไปหาเฟรเดริก้า ไม่ว่าสายรุ้งนั้นจะมีขนาดแค่ไหนแต่ทั้งหมดก็แข็งแกร่งอย่างเท่าเทียม มันแข็งแกร่งพอที่จะให้เมจิคัลเกิร์ลวิ่งขึ้นไปด้านบนแถมยังแหลมคมราวกับมีดโกน เรนโปวนั้นสามารถปล่อยสายรุ้งออกมาได้มากกว่าหนึ่งสองต่อครั้ง
เฟรเดริก้าลอดผ่านเข้าไปด้านล่างสายรุ้งสายแรก และก้าวหลบสายรุ้งสายที่สองไปด้านข้าง จากนั้นก็พุ่งมาด้านหน้าด้วยมือเปล่า
เฟรเดริก้าหลบสายรุ้งไปครั้งแล้วครั้งเล่า เธอกระโดดสายรุ้งสายที่สาม เธอใช้มือขวาปัดสายรุ้งสายที่สี่โดยที่ไม่รู้ว่ามันเป็นกลลวง สายรุ้งสายที่ห้าปรากฏขึ้นในเงาของสายที่สี่ และเล็งเข้าไปที่ระหว่างดวงตา แต่ก่อนที่มันจะเข้าไปถึงก็มีชูริเคนพุ่งเข้ามาปัดมันออกไป ทิศทางของสายรุ้งนั้นเปลี่ยนไป ไม่ได้เข้าไปหาหน้าผากของเฟรเดริก้าอีกแล้ว
“หือ?”
ชูริเคน? ใครน่ะ? ไม่ใช่เฟรเดริก้านี่นา?
มีนินจาอยู่ที่นี่ นินจาที่ไม่มีตาซ้ายและแขนซ้าย ยืนอยู่บนราวกั้นพร้อมกับผ้าพันคอที่โบกสะบัด
ล้อกันเล่นใช่ไหมเนี่ย โทโกะคิด
☆ ริปเปิล (เหลือเวลาอีก 10 ชั่วโมง 12 นาที)
ริปเปิลรู้สึกเสียใจทันทีที่เธอขว้างชูริเคนออกมา เพราะมันกลายเป็นว่าเธอช่วยชีวิตคนที่อยากให้ตายไปพ้นๆเอาไว้ ริปเปิลเชื่อว่าหากไม่มีคนแบบนี้อยู่บนโลก มันคงทำให้โลกใบนี้ดีกว่าเดิมแน่ บางคนอาจพูดกันว่ามันไม่มีเหตุผลในการฆ่าไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นใครก็ตาม แม้กระทั่งจะเป็นอาชญากรก็ควรถูกพิพากษาด้วยกฏหมายมากกว่าที่จะฆ่าทิ้ง แต่เมื่ออาชญากรคนนั้นหลบหนีออกมาแล้วฆ่าคนอีกครั้ง เหตุผลแบบนั้นมันจะหายไปไหม? หากการช่วยเหลือคนหนึ่งคนมีผลเท่ากับว่าเป็นการช่วยคนสิบหรือยี่สิบคนไม่ให้ถูกฆ่าตาย แต่การช่วยเธอก็ไม่ได้คุ้มค่าอะไรแบบนั้น
ริปเปิลวิ่งมาที่นี่ด้วยความตั้งใจที่จะช่วยมาโอแพม แต่เมื่อเธอมาถึงเธอก็หาตัวมาโอแพมไม่พบ มันมีหลุมขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางถนน ดูราวกับว่าถูกเจาะด้วยจักรกลบางอย่าง และจากขอบหลุมนั้นก็มองเห็นไพตี้ เฟรเดริก้า มนุษย์ที่นอนจมกองเลือด เมจิคัลเกิร์ลชุดไปรษณีย์ที่ตัวสั่น และเมจิคัลเกิร์ลที่มีสายรุ้งอยู่ที่หลังกับแฟร์รี่ตัวเล็ก มีรถคันเล็กและรถต่างประเทศอยู่ที่ไหล่ถนน ริปเปิลจำรถคันเล็กได้เพราะมันเป็นรถที่ใช้หลอกล่อศัตรูให้ออกห่างจากพวกเธอไปก่อนหน้านี้
เหมือนว่าเฟรเดริก้ากับเมจิคัลเกิร์ลสายรุ้งนั้นกำลังสู้กันอยู่ เด็กสาวที่นอนตายอยู่ฝ่ายไหนกันนะ? หลุมนี้ดูลึกมากจนริปเปิลมองไม่เห็นก้นหลุม หากมาโอแพมอยู่ที่นี่ เธอก็คงต้องอยู่ด้านล่าง
ริปเปิลเคยเจอเด็กสาวที่มีสายรุ้งอยู่บนหลังมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ในตอนนี้เธอดูต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เธอยิ้มเหมือนกับแฟร์รี่ที่โผล่ออกมาจากเสื้อของเธอทำ และในความน่ารักของเธอมันกลับเต็มไปด้วยความน่ารังเกียจและสยดสยอง เธอไม่ได้มองดูริปเปิลด้วยสายตาของคนที่อยากจะหนีไป แต่เป็นสายตาที่บ่งบอกว่าจะจับตัวให้ได้แล้วกลืนกิน ภาพของเมจิคัลเกิร์ลชุดคาวบอยที่สวมหมวกเท็นแกลลอนโผล่ขึ้นมาในใจของริปเปิล และในใจของริปเปิลนั้นเปลี่ยนการประเมินของเด็กสาวคนนี้จาก ‘คนที่ดูเหมือนจะเป็นศัตรู’ ไปเป็น ‘เห็นชัดว่าเป็นศัตรู’
ริปเปิลขว้างคุไนไปที่สายรุ้งที่พุ่งเข้ามาหา วันนี้เด็กสาวคนนี้ใช้สายรุ้งต่างออกไปจากเดิม เธอไม่ได้ใช้เป็นพื้นที่สำหรับวิ่งแต่ใช้เป็นอาวุธ ความแข็งที่เธอใช้มันเป็นฐานยืน ในตอนนี้เธอใช้ความแข็งนั้นเป็นอาวุธที่พุ่งเข้ามาหาริปเปิล
สายรุ้งนั้นเคลื่อนที่เป็นเส้นตรง มันแข็งแกร่งก็จริงแต่ก็เรียบง่าย เพราะแบบนั้นริปเปิลจึงอ่านการเคลื่อนไหวและหลบได้อย่างง่ายดาย จิตใจของเธอนั้นจมดิ่งลงไปยังพื้นที่ระหว่างตัวเธอกับศัตรู มันทำให้สมาธิของเธอเพิ่มมากขึ้น เธอเริ่มได้ยินเสียงของไซเรนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ความคิดเรื่องอื่นๆอย่างเช่นเรื่องที่เธอช่วยเฟรเดริก้าเอาไว้หายไปแล้ว ตอนนี้เธอจดจ่อกับสัมผัสทั้งห้าในการต่อสู้ ในตอนนี้มันคือสิ่งเดียวที่เธอทำได้
☆ เรนโปว (เหลือเวลาอีก 10 ชั่วโมง 10 นาที)
คาโอริ นิโนะสึกินั้นเก่งเรื่องการซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้ หากไม่ทำเช่นนั้น เธออาจจะมีชีวิตอยู่รอดมาได้แค่สิบสามปีเท่านั้น
คาโอริอาศัยอยู่กับพี่สาวของเธอ พี่สาวบอกว่าพ่อแม่ตายในอุบัติเหตุ แต่คาโอริไม่รู้ว่ามันจริงหรือไม่จริง เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่สาวนั้นเกี่ยวพันกับเธอยังไงตั้งแต่แรก เธอนั้นเรียกตัวเองว่าพี่สาวของคาโอริ และผู้คนแถวบ้านนั้นก็รู้จักเธอในฐานะลูกสาวคนโตของตระกูลนิโนะสึกิมานานแล้ว แต่กระนั้นคาโอริก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีความเกี่ยวพันอะไรกันเลย
เป็นเพราะพ่อแม่ประสบอุบัติเหตุ พี่สาวของเธอก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องออกจากวิทยาลัยเพื่อมาทำงานเลี้ยงดูน้องสาว แต่คาโอริก็ไม่ยอมรับว่ามันคือความจริง บางทีเธออาจจะออกจากวิทยาลัยเพราะมันไม่เข้ากันหรืออาจจะเป็นเพราะหน่วยกิตไม่พอก็ได้ บางทีความตายของพ่อแม่อาจจะเป็นแผนการที่เธอวางเอาไว้ บางทีที่เธอดูแลคาโอริอาจะเป็นเพราะอยากได้ของเล่นที่จะกระทำอะไรลงไปก็ได้ มันช่วยไม่ได้ที่คาโอริคิดเรื่องแบบนี้ออกมา
ภายนอกบ้านพี่สาวของเธอเป็นคนดี แต่เมื่ออยู่ภายในบ้านเธอจะกลายเป็นเผด็จการ หากมีอะไรที่เธอไม่พอใจ เธอก็จะทำร้ายร่างกายคาโอริ หากมีอะไรไม่พอใจเกิดขึ้นในที่ทำงาน เธอก็จะทำร้ายร่างกายคาโอริ และถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เธอก็จะหาความผิดให้คาโอริแล้วก็ทำร้ายร่างกายคาโอริอยู่ดี
ท่าทางภายนอกของเธอไม่ได้ปล่อยให้มีอะไรหลุดรอดออกมา เธอไม่เคยแสดงอะไรออกมาบนใบหน้า เธอแทงคาโอริด้วยเข็มเย็บผ้าเพราะมันมีขนาดเล็กพอที่ไม่ทิ้งรอยเอาไว้ บังคับให้คาโอริอาบน้ำเย็นในช่วงกลางฤดูหนาว กระชากผมของคาโอริ กดคาโอริด้วยหมอนและไม่ปล่อยจนกว่าเธอจะหายใจไม่ออก ทรมาณเธออย่างเงียบๆไม่รู้จบ ใช้คีมหนีบลิ้นของเธอแล้วดึงมันออกมา ไม่ให้คาโอริกินอาหาร หรือทรมาณเธอเบาๆแบบที่ไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ เรื่องเหล่านั้นสองหรือสามวันต่อสัปดาห์ แต่ถ้ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นมันก็จะเกิดทุกวัน
ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับอารมณ์พี่สาว เธอต้องหาทางทำให้พี่สาวนั้นอารมณ์ดี หากมีอะไรที่ไม่พอใจเกิดขึ้น ทุกอย่างมันก็จะกลับมาลงที่คาโอริ ดังนั้นเธอจะเรียนตามหลังใครไม่ได้ เธอจะถูกกลั่นแกล้งไม่ได้ เธอต้องมีชีวิตในรั้วโรงเรียนอย่างไม่มีปัญหาแต่มันก็ดีเกินไปไม่ได้เช่นกัน พี่สาวของเธอขี้อิจฉามาก และไม่ชอบที่คาโอริถูกประเมินไว้สูง เมื่อคาโอริได้รางวัลการคัดเลือกพิเศษในงานแข่งขันศิลปะ พี่สาวของเธอก็ฉีกประกาศนียบัตรของเธอออกเป็นชิ้นๆและให้รางวัลคาโอริด้วยกำปั้น บอกเธอว่าอย่าพยายามอะไรอีกแถมยังสั่งให้แสร้งเป็นว่าทำประกาศนียบัตรหายไป ประกาศนียบัตรนี่คาโอริถูกอนุญาตให้มีได้ก็คือ ‘ไม่มีฟันผุ’ และ ‘มีความตั้งใจที่ดี’ เท่านั้น นอกเหนือจากนั้นแล้ว หากเธอได้ที่สามหรือที่ห้าคงจะปลอดภัยกว่า แต่มันก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของพี่สาวด้วย หากคาโอริได้รับรางวัลต่างๆก็จะเป็นภัยกับตัวเอง ดังนั้นการไม่ได้อะไรเลยมันจึงดีกว่า
คาโอริซ่อนความรู้สึกของเธอเอาไว้ข้างในโดยไม่ให้ใครรู้ถึงความจริง มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหลีกเลี่ยงความสงสัยและการจ้องมองของพี่สาว แต่เธอก็ได้รับทักษะในการซ่อนตัวตนเพื่อเอาชีวิตรอดมา
แค่ไม่ทำอะไรให้เด่นก็จะทำให้พี่สาวสงบได้ เธอหลีกเหลี่ยงการทำตัวเด่นที่โรงเรียนในขณะเดียวกันก็รักษาสถานะตัวเองเอาไว้ไม่ให้ใครมากลั่นแกล้งไว้ มันไม่ใช่การพูดเกินจริงอะไรที่จะเรียกตำแหน่งที่โรงเรียนว่า ‘สถานะ’ เธอพยายามเอาชนะมันอย่างมาก และในตำแหน่งที่เธอชนะมาได้นั้น เธอก็ยึดติดอยู่กับคนหมู่มาก แสดงความผิดพลาดออกมาให้เห็นเพียงเล็กน้อยแต่ก็แสดงเรื่องดีๆออกมาไม่มากเช่นกัน พยายามทำตัวให้ดูว่าไม่ใช่แค่เดินต้อยๆตามฝูงชนไปหรือทำอะไรเพื่อให้ไปอยู่แถวหน้า เธอพูดด้วยน้ำเสียงเงียบๆเมื่อทักทายกับเพื่อนบ้าน พี่สาวของเธออยากเป็นพี่สาวที่มีความสามารถ ส่วนคาโอรินั้นอยากให้ดูเป็นน้องสาวที่ไร้ความสามารถ
คาโอริพยายามจนถึงช่วงเทอมสองของชั้นประถมปีที่ห้า และมันก็จบลงตรงนั้น
“เธอมีคุณสมบัติด้านเวทมนตร์นะ เราจะทำให้เธอกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลจริงๆเอง!”
แฟร์รี่โทโกะทำให้คาโอริกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลเรนโปว และไม่นานหลังจากนั้นพี่สาวของเธอก็เกิด ‘อุบัติเหตุ’ หล่นลงจากบันไดจนข้อเท้าบิดจนต้องขาดงานไปสามวัน หลังจากนั้นเธอก็ไม่แตะต้องคาโอริอีกเลย ไม่คุยกับคาโอริที่บ้านด้วย เธอมองดูมาที่น้องสาวตัวเองด้วยสายตาหวาดกลัว และทุกๆครั้งที่คาโอริรู้สึกถึงสายตาแบบนั้น เธอก็รู้สึกดีใจ
คาโอริเป็นอิสระแล้ว เธอซื้อเสื้อผ้าตามที่เธอต้องการได้ ซื้อเกมคอนโซล ซื้อเครื่องประดับที่เป็นอัญมณีของจริง แล้วก็เข้าโรงเรียนเอกชน ไม่มีใครที่จะทำร้ายเธออีกแล้ว
โทโกะบอกว่าจะทำให้คาโอริกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลในอุดมคติของเธอ
“เจ้าเล่ห์ สกปรก ต่ำช้า ไร้ความยุติธรรมและคิดคำนวนสิ่งต่างๆ นั่นคือเมจิคัลเกิร์ลแบบที่เราต้องการมาโดยตลอด”
“ฟังดูไม่เห็นเหมือนคำชมตรงไหนเลย นี่ดูถูกกันอยู่ใช่ไหม? อยากมีเรื่องรึไง?”
“มันเป็นคำชมจริงๆนะ! เรากำลังพูดแบบว่า เราเคารพเธอมากจริงๆนะ!”
เจ้าเล่ห์ สกปรก ต่ำช้า ไร้ความยุติธรรมและคิดคำนวนสิ่งต่างๆ เธอคิดว่าคำเหล่านั้นมันเหมาะกับโทโกะมากกว่า โทโกะนั้นเป็นพวกตีสองหน้า ความจริงแล้วโทโกะสามารถตีสามหน้าหรือสี่หน้าได้ง่ายๆเช่นกัน โทโกะนั้นส่งรายงานแบบลวกๆไปยังดินแดนเวทมนตร์ โดยไม่มีอะไรอย่างอื่นนอกจากการเยินยอเมจิคัลเกิร์ลที่ตัวเองมองดู และใช้ชีวิตเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงมีชื่อเสียงแย่ๆ
หลังจากที่ทำงานให้โทโกะงานแล้วงานเล่า คาโอริตระหนักถึงอะไรบางอย่าง เธอนั้นยิ้มและสนุกสนานแบบธรรมชาติได้แล้ว ความรู้สึกสนุกมันเป็นแบบนี้งั้นเหรอ? โทโกะนั้นโกหกทุกคนเสมอ ยกเว้นคนเดียวคือคาโอริหรือเมจิคัลเกิร์ลเรนโปว เธอนั้นเปิดเผยทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นวิธีการหลอกลวง หรือเส้นทางสกปรกที่เลือกเดิน โทโกะเหมือนว่าจะสนุกสนานกับเรื่องนี้และคาโอริเองก็สนุกสนานเช่นกัน แค่หลอกลวงคนอื่นด้วยตัวเองคงไม่สนุกเท่านี้ การมีใครซักคนที่จะสนุกสนานอยู่ด้วยมันจึงทำให้รู้สึกยอดเยี่ยมขึ้นไปอีก
เมจิคัลเกิร์ลในอุดมคติของโทโกะเป็นคนที่คล้ายกับตัวโทโกะเอง บางทีอาจจะเป็นเพราะโทโกะต้องการคู่หูที่เหมือนกับตัวเอง
จากการผ่านการหลอกลวง การต่อสู้ ที่เป็นการฝึกฝนของโทโกะมาอย่างมากมาย มันจึงทำให้เรนโปวแข็งแกร่งขึ้น เธอขัดเกลาทักษะของตัวเองและฝึกฝนเรื่องกลยุทธ์อยู่เสมอ
มาโอแพมนั้นกำลังยุ่งอยู่กับเมจิคัลเกิร์ลที่สู้แบบตัวต่อตัว ดังนั้นเรนโปวจึงฆ่ามาโอแพมทิ้ง แถมเรนโปวยังฆ่าเด็กสาวที่ยิงโน๊ตเวทมนตร์เข้ามาจากด้านนอกหลุมด้วย แล้วเฟรเดริก้าก็จะตามเธอไปอีกไม่ช้า ความผิดพลาดอย่างเดียวของเธอคือการปล่อยให้นักดาบหนีไปได้ แต่ถ้าอาวุธของเธอคือดาบ แบบนั้นก็ไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ที่ยากเย็นอะไรสำหรับเรนโปว แม้นักดาบนั้นจะกวัดแกว่งดาบได้ตามใจชอบ แต่เรนโปวสามารถรับมือได้ง่ายๆด้วยการปล่อยสายรุ้งออกมาจากระยะไกล
และทุกคนที่เหลืออยู่ตอนนี้คือเพื่อนของเธอ คนที่บาดเจ็บ แล้วก็ศัตรูที่ไม่ใช่ภัยคุกคาม เธอต้องฆ่านินจาคนนี้ก่อน เธอเป็นหนึ่งในคนที่ร่วมมือกับหน่วยสืบสวน ริปเปิลใช่ไหมนะ?
เรนโปวปล่อยสายรุ้งห้าสายไปที่นินจาเป็นเส้นตรง อีกสามจากด้านหลัง และอีกสี่จากด้านบน
☆ เว็ดดิ้น (เหลือเวลาอีก 10 ชั่วโมง 9 นาที)
เธอหนีจากซอยหนึ่งไปอีกซอยหนึ่ง เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในหลุม และไม่รู้ว่าทำไมพูคินถึงยกเลิกเวทมนตร์ ในตอนนี้เธอแค่วิ่งอย่างเดียวเท่านั้น
หมอกควันที่ปกคลุมจิตใจของเธอมาตลอดหายไปแล้ว หายไปแบบทันทีทันใดเหมือนกับตอนที่มันปรากฏขึ้นมา พวกความรุนแรงนี่มันไม่เคยถามหาการอนุญาตให้เริ่มต้นหรือสิ้นสุดตอนไหนจริงๆ
แม้ว่าจิตใจของเธอจะอยู่ในสภาพงุนงงราวกับเต็มไปด้วยหมอก แต่เธอก็จำทุกอย่างได้ชัดเจน เธอคอยรับใช้พูคิน นับถือเธอ ไม่เคยตั้งคำถาม รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้อยู่ข้างๆ เธอรู้สึกภูมิใจกับเรื่องนี้
ในตอนนี้เวทมนตร์ถูกยกเลิกแล้ว เธอก็ไม่เข้าใจภาษาอังกฤษอีกต่อไป แต่ยังคงจำสิ่งที่เห็นและได้ยินเป็นภาษาญี่ปุ่นได้ ความทรงจำนั้นมันขมขื่นมาก เธอไม่ได้พยายามหยุดพวกนั้นจากการฆ่าเลย และไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ดาบพูคินเสียบลงไปในอกของใครซักคน เธอก็จะตัวสั่นด้วยความปลาบปลื้มที่ได้รับใช้ผู้ยิ่งใหญ่
มันน่าคลื่นไส้จริงๆ หากเธอไม่ใช่เมจิคัลเกิร์ลล่ะก็ ตอนนี้เธอคงอาเจียนออกมาแล้ว
เว็ดดิ้นเป็นคนที่เห็นแก่ตัวที่คิดคำนวนสิ่งที่ตนพึงพอใจและจะได้รับมันในตอนท้ายเสมอ การกระทำของเธอเป็นไปตามความคิดเหล่านั้น แม้กระทั่งตอนที่เธอกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่เป็นมิตรแห่งความยุติธรรม เธอก็ยังคิดว่าจะใช้เวทมนตร์เพื่อจุดประสงค์ของตัวเอง คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรตราบใดที่ไม่มีใครรู้ เธอทำตามกฏหมายเพราะคนที่มีอำนาจบังคับให้เธอทำตาม หากมันไม่มีพลังอำนาจที่เหลือล้นที่จะลงโทษเธอ และหากเธอมีพลังอำนาจด้วยตัวของเธอเอง แบบนั้นเธอก็จะยืนอยู่เหนือกฎหมายแล้วจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างง่ายดายมากขึ้น
หากเธอมองย้อนไปดูความคิดเหล่านั้นในตอนนี้ เธอก็จะรู้ว่าตัวเองนั้นแสดงท่าทีที่น่ากลัวออกมา การถูกโยนเข้าไปท่ามกลางกลุ่มคนที่บดขยี้ผู้อ่อนแอ มันทำให้เป็นครั้งแรกที่เว็ดดิ้นได้รู้ว่าตัวเองมีจริยธรรม แม้แต่เด็กมัธยมต้นที่ชอบถากถางผู้อื่นอย่างเธอก็ยังมีความยุติธรรมอยู่ในหัวใจ เธอไม่อยากเจอประสบการณ์แบบนั้นเป็นครั้งที่สองอีกแล้ว
ตอนที่ถูกปลดปล่อยออกจากเวทมนตร์ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เว็ดดิ้นทำคือการปกป้องตัวเอง เพราะแบบนั้นเธอจึงหนีเข้าไปในตรอกซอกซอย ความรู้สึกที่อยากพบกับคนอื่นมันรุนแรงขึ้น การใช้เวลาอยู่กับพวกพูคินทำให้เธอได้ข้อมูลต่างๆมามาก พวกเธอเข้ามาในเมืองนี้เพื่อจับตัวนักฆ่า นอกจากนี้ยังมีหน่วยสืบสวนที่ถูกต้องนอกจากกลุ่มของพูคินอยู่อีก คนพวกนั้นก็กำลังไล่ล่านักฆ่าเช่นกัน และคนที่ร่วมมือกับนักฆ่าคนนั้นคือแฟร์รี่โทโกะ
นั่นหมายความโทโกะหลอกใช้พวกเธอทุกคน นักฆ่านั้นคือหนึ่งในพวกเธองั้นเหรอ หรือจะเป็นคนอื่น พูคินกับพวกของเธอสรุปแล้วว่าไม่ใช่ฟันนี่ทริค แถมยังพูดว่ากัปตันเกรซตายแล้วอีก
เว็ดดิ้นกำหมัดแน่นจนเล็บแทงเข้าไปในฝ่ามือ แต่เธอก็ยังคงกำอย่างรุนแรงต่อไป
ในใจของเธอ เว็ดดิ้นนั้นดูถูกอุมิ ชิฮาบาระที่มีชื่อเสียงโด่งดังในโรงเรียนว่าเป็นเด็กมีปัญหา แม้หลังจากที่กลายมาเป็นเมจิคัลเกิร์ลแล้วพวกเธอก็ถกเถียงกันมากกว่าหนึ่งครั้ง ทั้งยังแข่งกันโหวตเพื่อเป็นผู้นำ เว็ดดิ้นเกลียดกัปตันเกรซ และกัปตันเกรซก็คงไม่เคยรู้สึกดีกับเธอเช่นกัน
แต่การนึกถึงกัปตันกรซในตอนนี้มันทำให้เธอรู้สึกเสียใจ กัปตันเกรซนั้นเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเธอ เว็ดดิ้นดูถูกเธอ เห็นเธอเป็นคนที่สมองมีแต่กล้ามและไม่ได้มีคุณสมบัติการเป็นผู้นำ แต่สุดท้ายแล้วเธอก็รู้สึกว่าตัวเองพึ่งพากัปตันเกรซ แม้เธอจะถูกหูกระต่ายไล่ล่า กัปตันเกรซก็เป็นคนที่มาช่วยเว็ดดิ้นกับเท็ปเซเคเมย์เอาไว้
…จริงสิ
หูกระต่ายแล้วก็นินจา พวกเธอเป็นหน่วยสืบสวนอย่างเป็นทางการที่พูคินพูดถึงใช่ไหมนะ? พวกเธอต่างจากพวกพูคิน แล้วมาโอแพมก็เหมือนกัน เธอช่วยหูกระต่ายที่บาดเจ็บหนักเอาไว้ ดังนั้นทั้งสองคนคงเป็นพวกเดียวกัน
ตอนที่นินจาตรึงเธอไว้ด้วยคุไน เว็ดดิ้นบอกได้ว่าเธอไม่ได้มีความตั้งใจฆ่า หูกระต่ายที่มัดเธอเอาไว้ก็เช่นกัน เว็ดดิ้นไม่ได้รู้สึกกลัวเลย
พวกเธอแตกต่างจากกลุ่มของพูคินที่ฆ่าคนเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง แถมยังสนุกสนาน แล้วก็ยิ้มออกมาตลอด เว็ดดิ้นควรจะร่วมมือกับพวกเธอไม่ใช่พวกพูคิน
เธอไม่ควรจะแค่ไปรวมตัวพวกของตัวเอง บางทีอาจจะมีคนอื่นในหน่วยสืบสวนนอกจากมาโอแพม หูกระต่าย แล้วก็นินจาอยู่ด้วย หากเธอร่วมมือกับคนพวกนั้นได้ล่ะก็… เว็ดดิ้นคิดเช่นนั้นตอนที่เธอวิ่งและเกือบจะถูกรถชน เธอตกใจและพุ่งตัวหลับกลับเข้าไปในซอย จากนั้นก็หายใจออกมาอย่างโล่งอก และเมื่อตัวเองเงยหน้าขึ้นสายตาของเธอก็มองเห็นใครคนหนึ่ง
เธอคือเมจิคัลเกิร์ลสวมชุดนักมายากล เธอคงต้องตามเว็ดดิ้นมาแน่ เพราะเมื่อเว็ดดิ้นหันกลับมามอง สายตาของเธอก็สบกันแล้ว
“ฟันนี่ทริค?”
เว็ดดิ้นพูดออกไปหาเธอเป็นคำถาม แต่ฟันนี่ทริคกลับหมุนตัวแล้วทำท่าจะหนี เว็ดดิ้นจึงรีบตะโกนออกมาเพื่อหยุดเธอไว้
“ฟันนี่ทริค! เดี๋ยวก่อน!”
ฟันนี่ทริคหยุดตรงจุดนั้นในทันที เข่าของเธอสั่น บางทีเธออาจจะพยายามวิ่งหนีแต่หนีไม่ได้งั้นเหรอ? ในตอนนี้เว็ดดิ้นรู้ว่าเวทมนตร์ของเธอที่บังคับผู้คนให้รักษาสัญญานั้นยังมีผลอยู่ คำสัญญาที่ทำเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่าเมื่อเวลามาถึงต้องเชื่อฟังคำสั่งของผู้นำมันทำให้ฟันนี่ทริคขยับตัวไม่ได้
“เมจิคัลเกิร์ลที่ชื่อพูคินนั่นมันทำให้ดิฉันตกอยู่ใต้การควบคุมของเธอ ไม่รู้ว่าเธอตายหรือไปใช้เวทมนตร์กับคนอื่น แต่ดิฉันไม่ได้ตกอยู่ใต้เวทมนตร์ของเธอแล้ว ดังนั้นไม่ต้องกังวลนะ แล้วก็ เอ่อ ดิฉันไม่ได้เต็มใจเป็นแบบนั้นหรอก ดิฉันรู้ว่ามันฟังเหมือนคำแก้ตัวก็จริง แต่ดิฉันขอโทษที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ช่วยเธอ”
เธอก้มหัวลง และใช้เวลาหลายวินาทีมองดูหญ้าที่งอกออกมาจากรอยแตกคอนกรีตก่อนที่จะก้มหัวอีกครั้ง ฟันนี่ทริคยังคงมองไปยังทางตรงกันข้าม แต่เข่าของเธอก็ไม่ได้สั่นอีกแล้ว
“ดิฉันรู้ว่ามันกระทันหัน แต่ดิฉันอยากถามอะไรเธอหน่อย ช่วยตอบความจริงด้วยว่าเธอคือนักฆ่าที่พวกพูคินไล่ล่ารึเปล่า?”
ฟันนี่ทริคขยับหัวไปทางซ้ายและขวา เว็ดดิ้นสั่งเธอให้พูดความจริง ซึ่งมันหมายความว่าฟันนี่ทริคไม่ใช่นักฆ่า ฟันนี่ทริคหันกลับมา และเว็ดดิ้นก็กลั้นหายใจ น้ำตามันไหลออกมาจากตาของฟันนี่ทริค มันไหลอาบแก้มจนไปถึงคาง
เว็ดดิ้นเดินเข้าหาไปเธอทีละก้าวทีละก้าว เธออ้าแขนสองข้างแล้วโอบกอดฟันนี่ทริคเอาไว้อย่างแนบแน่น เว็ดดิ้นได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นเบาๆ ฟันนี่ทริคกำลังร้องไห้ เว็ดดิ้นเองก็ร้องไห้เช่นกัน ทั้งสองคนยังคงกอดกันพร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้นไปด้วย
“มันจะต้องไม่จบแบบนี้…ดิฉันจะไม่ยอมให้มันจบแบบนี้”
เว็ดดิ้นประกาศเช่นนั้นออกมากับตัวเอง และเด็กสาวอีกคนเช่นกัน
☆ เรนโปว (เหลือเวลาอีก 10 ชั่วโมง 7 นาที)
เธอไม่รู้จากจุดนี้ไปควรจะทำยังไงดี แบบนี้มันไม่ดีแล้ว
ริปเปิลหลบสายรุ้งที่พุ่งเข้าไปหาจากด้านหลังด้วยการกระโดด แล้วก็เตะสายรุ้งที่ปรากฏขึ้นมาจากด้านล่าง ก่อนที่จะเอาดาบของเธอฟันเข้าไปที่สายรุ้งที่พุ่งเข้ามาจากด้านบน ในขณะเดียวกัน เรนโปวยังต้องรับมือคุไนกับชูริเคนที่ปาเข้ามาด้วยสายรุ้ง
สายรุ้งจำนวนนับไม่ถ้วนปะทะเข้ากับชูริเคนในทุกทิศทุกทาง มากจนกลบช่องว่างระหว่างพวกเธอจนหมด เมจิคัลเกิร์ลทั้งสองคนยังคงรักษาระยะห่างระหว่างกันและกันเอาไว้ด้วยการโจมตี ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเข้ามาหา
ตอนที่ถูกโจมตีที่อพาร์ทเมนท์ เรนโปวเคยสู้กับนินจาคนนี้มาก่อน เรนโปวนั้นหนีขึ้นไปบนสายรุ้งพร้อมกับเอาตัวถ่วงอย่างโพสตาร์รี่มาด้วย ย้อนกลับไปตอนนั้น นินจาขว้างคุไนจำนวนมากเข้ามาที่เธอและเธอก็เตะมันทิ้งทั้งหมด แต่ในตอนนี้อาวุธที่ขว้างเข้ามานั้นทั้งเร็วขึ้นและแรงขึ้น ก่อนหน้านี้ริปเปิลคงเห็นเรนโปวเป็นเด็กมัธยมต้นที่โดนโทโกะหลอก แต่ในตอนนี้คงคิดว่าเรนโปวเป็นอาชญากรตัวอันตรายแน่
เรนโปวไม่ได้รู้สึกอับอายที่ริปเปิลยั้งมือเอาไว้ แต่เธอโกรธตัวเองที่ซื่อจนคิดว่านั้นคือพลังทั้งหมดของศัตรู ฝ่ายตรงข้ามนั้นพิการ เธอไม่มีทั้งแขนซ้ายแล้วก็ตาซ้าย แทนที่จะดูเป็นผู้ชนะ แต่เธอดูเหมือนผู้รอดชีวิตมาอย่างหวุดหวิดมากกว่า
เธอจัดการคุไนที่พุ่งเข้ามาหาด้วยสายรุ้ง สายรุ้งของเธอนั้นไม่บิ่นเลยเพราะมันทนทานมาก แต่อย่างไรความทนทานมันก็ขึ้นอยู่กับขนาดของสายรุ้ง ทิศทางของสายรุ้งขนาดเล็กนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้หากโดนคุไนเข้าไป แต่สายรุ้งขนาดใหญ่ที่เธอใช้ป้องกันตัวเองนั้น มันจะบดบังการมองเห็นของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องใช้สายรุ้งบางๆหลายชั้นแทน และเนื่องจากคุไนของริปเปิลเคลื่อนไหวด้วยวิถีที่ผิดปกติอย่างมาก เรนโปวจึงป้องกันมันทั้งหมดด้วยการใช้สายรุ้งเป็นโล่นิ่งๆไม่ได้ เธอจึงสร้างสายรุ้งออกมาอย่างต่อเนื่องและให้มันเคลื่อนไปรอบๆอยู่ตลอด
ทั้งคู่วิ่งอยู่รอบหลุมขนาดใหญ่ที่มาโอแพมสร้างขึ้น ปล่อยสายรุ้งออกมา ขว้างคุไนออกไป ทั้งคู่เคลื่อนไหวแบบไม่หยุดอยู่ตลอด เร็วจนหายใจได้ยากและไม่ได้คิดถึงเรื่องเวลาพักเลย
อาวุธบางประเภทของเมจิคัลเกิร์ลนั้นมีจำนวนไร้ขีดจำกัด ไม่ว่าจะยิงธนูไปมากแค่ไหนมันก็จะยังมีลูกธนูอยู่ในกระบอกใส่ลูกธนูเสมอ เมล็ดทานตะวันที่ไม่มีวันหายไปไม่ว่าจะกินไปมากแค่ไหน หรือมีดที่ขว้างออกไปแค่ไหนก็ไม่เคยหมด ชูริเคนกับคุไนของริปเปิลเองก็เป็นแบบนั้น ไม่ว่าริปเปิลจะขว้างออกไปมากแค่ไหนมันก็ไม่เคยหมด
วิถีการขว้างชูริเคนกับคุไนเองก็เปลี่ยนแปลงได้อย่างไร้ที่สิ้นสุดเช่นกัน และทั้งหมดที่เรนโปวทำได้คือการปัดป้องมันด้วยตัวเอง สายรุ้งของเรนโปวนั้นไม่ได้ปรากฎออกมาในรูปที่สมบูรณ์อย่างทันที การที่จะใช้สายรุ้งในการโจมตีหรือป้องกันได้นั้นเธอจำเป็นต้องยืดมันออก ซึ่งนั่นทำให้เกิดการชะงัก สายรุ้งของเธอนั้นสามารถยืดออกได้เป็นแค่เส้นตรงไม่ก็เส้นโค้ง ไม่สามารถทำให้เป็นมุมแหลมหรือไปยังที่ที่ต้องการได้ การเคลื่อนไหวเหล่านั้นมันทำให้อ่านทางได้ง่าย แต่สายรุ้งนั้นไม่ปล่อยความร้อนหรือเสียงออกมา และการไม่มีอะไรแบบนั้นมันทำให้กลายเป็นความแข็งแกร่ง ทำให้เป็นอาวุธที่เหมาะกับการลอบสังหาร แต่มันยากที่จะใช้ประโยชน์กับการสู้แบบตัวต่อตัว
เรนโปวเริ่มถูกดันกลับไปเรื่อยๆ การเคลื่อนไหวของริปเปิลนั้นก็เริ่มรุนแรงขึ้น เรนโปวคิดว่าด้านซ้ายของริปเปิลน่าจะเป็นจุดบอด แต่ริปเปิลนั้นหลบการด้านซ้ายได้เหมือนกับการโจมตีจากด้านขวา ความคิดของเรนโปวถูกทำลายจนหมด ริปเปิลชดเชยจุดบอดของตัวเองด้วยความรวดเร็ว และมองทุกด้วยสิ่งรอบตัวอย่างเหนือมนุษย์
เธอไม่มีแขนซ้ายเช่นกัน ซึ่งนั่นหมายความว่าเธอมีวีธีป้องกันเพียงหนึ่งหรือสองวิธี หรืออาจจะน้อยกว่านั้น เธอชดเชยมันด้วยการปาชูริเคนจากแขนขวา ตอนที่สายรุ้งเล็งไปที่ด้านซ้ายของเธอ ริปเปิลก็จะปาชูริเคนมาเพื่อให้การเคลื่อนไหวชะงัก
เห็นได้ชัดว่าริปเปิลนั้นพิการแบบนี้มาหลายปีแล้ว และเธอก็คิดค้นวิธีต่อสู้ตามสภาพของเธอออกมา
บนท้องถนนนั้นเต็มไปด้วยชูริเคนและคุไน หากเป็นแบบนี้ต่อไปเรนโปวจะแพ้แน่ จำนวนสายรุ้งที่เธอปล่อยออกมาได้นั้นไม่มีขีดจำกัด แต่สมองที่ควบคุมนั้นมีจำกัด ชูริเคนของริปเปิลนั้นบังคับให้เธอต้องป้องกันและทำการโจมตีออกไปไม่ได้ การโดนชูริเคนปาเข้ามาแบบนี้ไปเรื่อยๆมันก็ค่อยๆพาเธอเข้าสู่วงจรอุบาทว์ เธอหนีไม่ได้ เรนโปวยินดีที่จะโยนความดื้นรั้นและความภาคภูมิใจทิ้งไป แต่เธอไม่อยากถูกไล่ล่าในที่แคบอย่างในย่านที่อยู่อาศัยและเขตเมือง เพราะสำหรับเธอแล้วการใช้สายรุ้งในพื้นที่เปิดโล่งมันง่ายกว่า ต่อสู้กันตรงนี้มันง่ายกว่าที่จะสู้กับชูริเคนที่ปาเข้ามาในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อน
โทโกะขยับตัว และเรนโปวก็กดเธอเข้าไปในเสื้ออย่างเบามือ ไม่เป็นไร เธอยังมีทางเลือกอยู่ หากริปเปิลเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่ดีล่ะก็ แบบนั้นเรนโปวก็ยังมีสิ่งที่ตัวเองทำได้
เรนโปวจะลากคนอื่นเข้ามาด้วยไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม จะเป็นรถพยาบาล รถตำรวจ หรือคนที่มามุงดูว่าเกิดอะไรขึ้น หากมีคนธรรมดามาที่นี่ เรนโปวก็จะโจมตีคนพวกนั้น หากมันทำให้การโจมตีของริปเปิลทื่อลงได้ เรนโปวก็จะทำมัน เธอจะผลักใครซักคนลงไปไหนหลุม แล้วริปเปิลก็ต้องกระโดดลงไปเพื่อช่วยผู้คนที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวคนนั้น จากนั้นเรนโปวก็จะใช้ช่วงเวลานั้นโจมตีหรือหนีได้ตามต้องการ
โทโกะยังคงขยับตัวไปรอบๆ
“เรนโปว แบบนี้มันแปลกนะ ผ่านมาพักนึงแล้ว แต่มันไม่มีรถตำรวจหรือรถพยาบาลมาเลย”
การต่อสู้นั้นมันทำให้การรับรู้เรื่องเวลาของเรนโปวผิดเพี้ยน แต่ในความจริงแล้วเวลามันผ่านไปอย่างแน่นอน จริงๆแล้วมันผ่านไปนานด้วย ตั้งแต่เธอเริ่มคิดว่าอีกไม่นานจะมีคนมาที่นี่
ตอนนั้นเรนโปวก็รู้ตัวว่าไพตี้ เฟรเดริก้าหายไปแล้ว เธอคิดว่าเฟรเดริก้านั้นไม่ได้สำคัญอะไร เหมือนว่าเธอจะใช้เวทมนตร์ของตัวเองไม่ได้และไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกับริปเปิลด้วย ดังนั้นเรนโปวจึงปล่อยเธอไป แต่เธอแค่วิ่งหนีไปแล้วปล่อยไว้แบบนี้งั้นเหรอ?
แต่คนเลวย่อมเห็นคนเลวด้วยกัน
บางคน นั้นคิดว่าหากมีคนธรรมดามาที่นี่ริปเปิลต้องชะงัก เพราะแบบนั้นคนๆนั้นจึงต้องไปทำให้แน่ใจว่า รถตำรวจ รถพยายาล และผู้คนจะมาที่นี่ไม่ได้ คนเลวประเภทที่ไม่คิดอะไรเรื่องการฆ่าคนหากมันขวางทางเรนโปวได้ บางทีอาจจะทำทุกอย่างเพื่อให้เรนโปวช้าลงด้วย
เรนโปวรู้แล้วว่าตัวเองทำพลาด เธอควรจะฆ่าเฟรเดริก้าทิ้งในทันที ไม่เหมือนกับริปเปิล เธอไม่มีทางจัดการกับสายรุ้งที่พุ่งเข้าหาจากทุกทิศทุกทางได้แน่ เรนโปวต้องรีบจัดการเธอแล้วเตรียมตัวสู้แบบตัวต่อตัวกับริปเปิล
เรนโปวหยิ่งเกินไป หลังจากโซเนียตาย เรนโปวก็ฆ่ามาโอแพมและทำให้พูคินบาดเจ็บหนัก เธอมัวเมาในความแข็งแกร่งของตัวเอง เธอตัดสินริปเปิลเพียงแค่ผิวเผิน เอาความสามารถที่สู้กันที่อพาร์ทเมนท์เป็นตัวตั้ง ในตอนนี้เรนโปวยอมรับแล้วว่าริปเปิลเป็นคนที่อยู่เหนือกว่าเรนโปว เหมือนกับมาโอแพมและโซเนีย เรนโปวต้องประเมินให้ถูกต้องและเหมาะสมก่อนที่จะจัดการ
ริปเปิลบินอยู่ในอากาศ
..ไม่สิ มันไม่ใช่
มันคือคุไนของริปเปิล เธอเปลี่ยนวิถีของคุไนให้บินเหมือนกับบูมเมอแรง ขว้างออกมาแล้วให้มันย้อนกลับมาหาตัวเอง จากนั้นก็กระโดดขึ้นไปบนคุไนที่ย้อนกลับมาบนอากาศเพื่อหลบสายรุ้ง นี่ไปฝึกฝนมาแบบไหนถึงทำอะไรแบบนี้ได้ล่ะเนี่ย?
โทโกะบอกกับเรนโปวว่าอาจจะเป็นเมจิคัลเกิร์ลในอุดมคติของเธอได้ แต่โทโกะไม่เคยบอกเรนโปวว่าตอนนี้เธอเป็นเมจิคัลเกิร์ลในอุดมคติแล้วรึยัง
ในอีกความหมายหนึ่ง คือมันยังไม่เพียงพอที่จะเป็น
เรนโปวสร้างโล่สายรุ้งออกมา แต่ชูริเคนก็เปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนไหวเป็นรูปตัว V เพื่อหลบ เรนโปวจึงปล่อยสายรุ้งออกมาจากฝ่ามืออีกข้างเพื่อทุบมันลงในทันที ในขณะที่เท้าของเธอยังคงเคลื่อนไหวไปบนสายรุ้งอีกสายหนึ่ง
จู่ๆเธอก็เห็นอะไรกำลังคลานอยู่ตรงหางตาในตอนที่กำลังวิ่ง
โพสตาร์รี่นั่นเอง เธอไม่ได้พยายามจะหนี เธอเคลื่อนไหวอยู่รอบๆหลุม คลานเหมือนกับหนอนเพื่อหลบชูริเคนและสายรุ้งที่อยู่บนหัว เรนโปวคิดว่าแม้เธอจะสามารถใช้โพสตาร์รี่เป็นตัวประกันกับกลุ่มเด็กมัธยมต้นได้ แต่เธอก็ใช้กับริปเปิลไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงปล่อยโพสตาร์รี่ไว้ตามลำพัง นั่นเธอพยายามจะทำอะไรกันนะ
โพสตาร์รี่กำลังร้องไห้พร้อมกับส่งเสียงร้องครวญครางออกมา เธอคลานอย่างน่าสังเวชพร้อมกับชูริเคนและคุไนที่แทงอยู่เต็มแขน ริปเปิลเองก็มองดูเธออย่างประหลาดใจ
ในตอนนั้นเองชูริเคนและคุไนทุกอันที่แทงอยู่ที่แขนของโพสตาร์รี่ก็มีปีกงอกขึ้นมา
ริปเปิลเคยเห็นเวทมนตร์มีมาหลายครั้งแล้ว เธอคงรู้ว่าโพสตาร์รี่พยายามจะทำอะไร
ริปเปิลขว้างชูริเคนออกมาสามอันและคุไนออกมาห้าอันในครั้งเดียวไปทางโพสตาร์รี่ แต่ความประหลาดใจของเธอก็ทำให้การปาของเธอนั้นอ่อนกำลังลง อาวุธของเธอถูกป้องกันไว้โดยสายรุ้งและไปไม่ถึงเป้าหมาย
คุไนกับชูริเคนที่มีปีกงอกออกมาบินเข้าไปหาเจ้าของในทันที
ริปเปิลคาบดาบนินจาไว้ที่ปาก แล้วก็ใช้มือขวาจับชูริเคนปาออกไป เธอพยายามจะขว้างแม้กระทั่งเกี๊ยะไม้ที่สวมอยู่เพื่อสกัดกั้น แต่มันก็มีชูริเคนกับคุไนบินเข้าไปหาเธอมากเกินไป
ชูริเคนและคุไนที่มีปีกนั้นทะลุผ่านตาข่ายสกัดกั้นของนินจา จนแทงเข้าไปในแก้ม กราม หัวไหล่ สีข้าง และแทงเข้าไปที่หน้าอกของริปเปิลอันแล้วอันเล่า จนเมื่อมีอันหนึ่งแทงเข้าไปที่ลำคอของเธอ มันก็ทำให้ร่างกายของริปเปิลโอนเอนอย่างมาก เธอปัดป้องหรือสกัดกั้นและหลบหลีกอะไรไม่ได้อีกแล้ว ทั่วทั้งร่างของริปเปิลถูกทิ่มแทงราวกับเป็นหมอนปักเข็ม ในที่สุดการแปลงร่างของเธอก็หายไป กลับกลายเป็นเด็กสาวสวมเสื้อโค้ทแล้วก็ร่วงลงไปในหลุม
☆ 7753 (เหลือเวลาอีก 9 ชั่วโมง 15 นาที)
มานาเริ่มพิธีกรรมเวทมนตร์รักษาอีกครั้ง แต่มันก็ไม่ได้ผล
มือของฮานะที่ 7753 กุมอยู่นั้นเย็นลงเรื่อยๆ เธอบีบมัน ถูมัน แล้วก็เรียกชื่อของเด็กสาว แต่ความอบอุ่นมันก็ไม่กลับมา 7753 พยายามมองดูผ่านแว่นกันลมเพื่อมองหาคำใบ้บางอย่าง แต่สิ่งที่เธอเห็นกลับเป็นตัวเลขทุกอย่างกำลังลดลง เธอทนไม่ได้จนต้องปิดตาแล้วก็ถอดมันออก ฮานะบาดเจ็บหนักเกินไป เสียเลือดมากเกินไป จนต้านทานมันไม่ได้อีกแล้ว เธอคืนร่างกลับไปเป็นมนุษย์และจากไปอย่างเงียบๆ
7753 ที่ยังกุมมือของฮานะอยู่นั้นร้องไห้สะอึกสะอื้น แม้ฮานะจะบาดเจ็บแต่เธอก็ยังคงยืนหยัดขึ้น เมื่อคิดว่า 7753 กับมานาไม่สามารถจะหนีได้ เธอก็สู้สุดความสามารถและทำให้ศัตรูพุ่งเป้ามาที่ตัวเอง ฮานะไม่ได้ทำแบบนี้เพื่อตัวเอง แต่เพื่อให้ 7753 กับมานาไม่ถูกฆ่าตาย
คำแนะนำของหัวหน้า 7753 ได้ผลตรงกันข้าม ใครมันจะคิดว่าสถานที่ที่พวกเธอจะรักษาฮานะได้อย่างปลอดภัยจะกลายเป็นการได้เจอกับพูคินโดยบังเอิญกันล่ะ? มันโหดร้ายเกินไปแล้ว
ใบหน้ายามหลับของฮานะดูสงบนิ่ง อายุของเธออยู่ในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย แม้จะเป็นเมจิคัลเกิร์ลเธอก็ดูใจเย็น เธอช่วยเหลือทุกคนในหน่วยสืบสวนในหลายๆวิธี ผ่อนคลายอารมณ์ของมานา ช่วยเหลือคนนอกหน่วยสืบสวนอย่าง 7753 กับริปเปิล
7753 เช็ดน้ำตาด้วยแขนเสื้อ เธอไม่ได้เป็นคนที่ถูกอนุญาตให้นั่งเฉยๆและร้องไห้ออกมา เห็นชัดว่ามานานั้นเศร้ากว่า 7753 คนที่เพิ่งจะเคยเจอฮานะเมื่อวันก่อนมาก มานาร้องไห้แล้วก็อารมณ์แปรปรวนเพียงเพราะว่าติดต่อฮานะไม่ได้ เพราะฉะนั้นในตอนนี้ 7753 ต้องช่วยเหลือเธอ 7753 หันกลับไปหามานา เตรียมที่จะปลอบเธอให้ได้เพียงแค่เล็กน้อยก็ยังดี และถ้าถูกต่อยกลับมาเธอก็จะไม่คิดอะไรมาก แต่จู่ๆเธอกลับเห็นมานาอยู่ในชุดชั้นใน เสื้อในสีชมพูอ่อนแบบยาวที่มีริบบิ้นขนาดเล็กประดับดูน่ารัก ภาพแปลกประหลาดของเด็กสาวที่เปลือยอยู่ซอยแบบนี้ทำให้เธอดูโดดเด่นขึ้นมา
7753 ยื่นมือออกไปเพื่อจะถามว่ามานานั้นจะทำอะไรอยู่ แต่เธอก็หยุดเอาไว้ ใบหน้าของมานานั้นจริงจัง เธอไม่ได้อารมณ์เสีย ไม่ได้โกรธ ไม่ได้เศร้า ท่าทางของเธอบ่งบอกว่าคิดเรื่องสิ่งที่จะทำอย่างจริงจัง
มานาดึงชุดนักเรียนเวทมนตร์และผ้าคลุมสีดำออกมาจากกระเป๋าเวทมนตร์ ติดกระดุมและตะขอให้แน่นอย่างเงียบๆ จากนั้นก็สวมหมวกสามมุมขนาดใหญ่ และในที่สุดก็เอาไม้เท้าที่ดูบิดๆเบี้ยวๆออกมา 7753 มองดูโดยที่ไม่ได้พูดอะไรจนมานาแต่งตัวเสร็จแล้ว ตัว 7753 ราวกับถูกมนต์สะกดเอาไว้ มันเป็นเรื่องปกติของจอมเวทที่จะสวมชุดของจอมเวท แต่คำพูดที่ว่า ‘เตรียมตัวฆ่า’ มันโผล่ขึ้นมาในใจของเธอ และเมื่อคิดว่านั่นอาจจะเป็นเป้าหมายของมานา เสียงของเธอก็เริ่มสั่นเทา
“อะ-เอ่อ…มานา…เธอจะไปไหน?”
“ชั้นจะฆ่ามัน”
7753 ไม่จำเป็นต้องถามเลยว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เธอกางแขนของตัวเองออกแล้วยืนขึ้นตรงหน้ามานา
“เธอไม่เห็นเหรอว่าอีกฝ่านเก่งแค่ไหนน่ะ? แม้ฉันจะช่วย พวกเราก็คงถูกฆ่าทั้งคู่แน่!”
“ไปได้แล้ว”
ดวงตาของมานาดูไร้อารมณ์ เธอไม่ใช่หัวหน้าหน่วยสืบสวนที่พูดว่าจะปล่อยให้อาชญากรถูกฆ่าไม่ได้ ไม่ใช่คนที่บอกว่าต้องตัดสินอาชญากรภายใต้กฎหมาย เธอคนนั้นหายไปแล้ว คนที่ยืนอยู่ตรงนี้คือเด็กสาวที่ตั้งใจล้างแค้นให้เพื่อนด้วยความตั้งใจตัวเอง
มานาชี้ไม้เท้าของเธอมาที่ 7753 เมื่อ 7753 เห็นเช่นนั้นก็ถอยกลับ ปากของมานาพึมพำอะไรบางอย่าง มือซ้ายที่ว่างอยู่ของเธอกำลังสร้างสัญลักษณ์ที่ซับซ้อน นี่เธอจะกำจัดทุกคนที่ขวางทางด้วยกำลังงั้นเหรอ?
7753 เอามือที่กำลังสั่นของเธอไปจับที่ปลายไม้เท้า แล้วก็ค่อยๆขยับเท้าออกห่าง ไม่ใช่แค่มือของเธอเท่านั้นที่สั่น เสียงของเธอก็เช่นกัน แต่เธอจำเป็นต้องพูดแบบนี้
“ทำไมเธอถึงคิดว่าฮานะอาสาเข้ามาทำงานนี้ล่ะ?”
มานานั้นหัวแข็งยิ่งกว่าหิน และ 7753 ก็คิดว่าเธอคงไม่ฟังสิ่งที่ 7753 พูด แต่ในตอนนี้เหมือนมีบางอย่างติดคอเธอ มันจึงรบกวนการร่ายเวทมนตร์ จากนั้น 7753 จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“แล้วเธอรู้เรื่องนั้นได้ยังไง?”
“ฮานะบอกฉัน ตอนที่เธอออกไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ”
แน่นอนว่าโกหก ฮานะไม่เคยพูดอะไรแบบนี้ มันเป็นข้อมูลที่ได้มาจากหัวหน้าของเธอและแสดงอยู่บนแว่นกันลม
เดิมทีฮานะนั้นไม่ได้ถูกมอบหมายให้ทำงานนี้ เมื่อเธอรู้ว่ามานาคนที่มีประสบการณ์ในการสืบสวนแค่สามครั้งได้รับมอบหมายหน้าที่ เธอจึงอาสาเข้าร่วมด้วย พ่อของมานานั้นเป็นผู้คุมการทดสอบของเมจิคัลเกิร์ลฮานะ และฮานะก็มีความสัมพันธ์กับครอบครัวของมานาตั้งแต่กลายเป็นเมจิคัลเกิร์ล นอกจากนี้พ่อของมานายังเป็นคนมอบชื่อเมจิคัลเกิร์ล ‘ฮานะ เกโคคุโจ’ ให้กับฮานะอีกด้วย เขาจึงเป็นเหมือนพ่อผู้อุปถัมภ์ของฮานะ
7753 รู้ได้ว่าพวกเธอคงเป็นเหมือนพี่น้องกัน พี่สาวเข้ามาช่วยเพราะว่าทิ้งน้องสาวที่ไม่มีประสบการณ์ไปไม่ได้ แม้ภายนอกจะเป็นน้องสาวที่เอาแต่ใจ แต่ภายในคือน้องสาวที่สดใสร่าเริง จากที่พ่อของมานามอบชื่อฮานะที่คล้ายคลึงกับมานาที่เป็นชื่อลูกสาวตัวเอง 7753 ก็ทำความเข้าใจได้ว่าพ่อของมานาเห็นฮานะเป็นแบบไหน
“ถ้าเธอพยายามจะฆ่าอีกฝ่าย แบบนั้นก็จะกลายเป็นคนที่ถูกฆ่าแทน เธอเอาชนะไม่ได้หรอก”
“ถ้าชนะไม่ได้ แล้วมันทำไมล่ะ?”
“ถ้าเอาชนะไม่ได้ แบบนั้นเธอก็จะตายอย่างไร้ค่า มันก็จะทำให้การเสียสละของฮานะ…ไร้ความหมายไปด้วย ฮานะพยายามปกป้องเธอนะ นั่นคือเหตุผลที่ทำไมฮานะถึงอาสามาเข้ารวมไม่ใช่รึไง?”
มานาอ้าปากราวกับอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เธอปิดปากไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา ที่มือของเธอกำหมวกสามเหลี่ยมขนาดใหญ่เอาไว้แน่นจากนั้นก็ขว้างมันลงบนพื้น มานามองลงไปที่พื้นพร้อมกับไหล่ที่สั่นเทา
7753 นั้นใช้ประโยชน์จากความรู้สึกของมานาที่มีต่อฮานะ แต่ก็แค่พยายามโน้มน้าวเธอเท่านั้น เธอไม่ได้อยากให้มานาตายจากใจจริง ฮานะพยายามทำให้มานามีชีวิตอยู่ อย่างน้อยที่สุด 7753 ก็จะพยายามไม่ทำให้ความพยายามของฮานะต้องเสียเปล่า
7753 พยายามจะพูดต่อ แต่เมื่อเห็นข้อความบนแว่นกันลมเธอก็พูดอะไรไม่ออก
‘มาโอแพมตายแล้ว’
เธอรู้สึกช็อคตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับถูกทุบด้วยค้อน เข่าของเธอสั่นจนแทบยืนไม่ไหว แต่เธอก็ฝืนมันให้ยืนอยู่ได้
‘ความตายของเธอถูกยืนยันด้วยอุปกรณ์บันทึกที่ทางกรมการต่างประเทศติดเอาไว้ในตัวเธอแล้ว ตอนนี้กระแสภายในน่ะกำลังเอนเอียงการจัดการเรื่องนี้ไปเป็นอาชญากรรมทางเวทมนตร์ระดับหนึ่ง แถมฉันยังได้ยินมาว่ามีข้อเสนอให้ปล่อยอาวุธทำลายล้างสูงในตอนที่บาเรียหมดเวลา เพื่อให้ควบคุมสถานการณ์ได้ด้วย’
อาวุธทำลายล้างสูง หากใช้ของแบบนั้น ไม่ใช่แค่เมจิคัลเกิร์ลที่อยู่ในเมืองนี้ แต่คนธรรมดาก็จะถูกฆ่าทิ้งอย่างไม่เลือกหน้าด้วย ของแบบนั้นมันอนุญาตให้ใช้ได้ด้วยเหรอ?
‘พวกกรมการต่างประเทศน่ะเชื่อใจมาโอแพมมาก การที่เธอตายแบบนี้ทำให้ทางนั้นถึงกับคลั่งไปเลย พวกนั้นกำลังทำอะไรอย่างสิ้นคิดและไร้เหตุผล ฉันอยากให้เธอทำอะไรก็ได้ที่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ก่อนที่บาเรียจะหมดเวลา หากเธอจัดการนักฆ่าแล้วก็นักโทษได้ แบบนั้นแผนของทางกรมการต่าประเทศก็จะใช้ไม่ได้ หากตอนนี้เธอไม่มีพลังต่อสู้เพียงพอ—’
…พลังต่อสู้ …จริงสิ ริปเปิล
เธอออกไปช่วยมาโอแพม ถ้ามาโอแพมตายแล้ว แบบนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกับริปเปิลล่ะ? ถ้าริปเปิลอยู่ในอันตราย 7753 ก็อยากจะไปช่วยเธอ แต่เธอกับมานาจะช่วยได้มากแค่ไหนล่ะ?
ในใจของ 7753 กำลังสับสน เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอะไรหรือคิดอะไร เธอแค่ทำตามคำสั่งที่แสดงออกมาบนแว่นกันลมเท่านั้น
“แค่พวกเราสองคนเอาชนะไม่ได้หรอก เป็นไปไม่ได้ที่จะจับนักฆ่าหรือจัดการพวกเฟรเดริก้าด้วย พวกเราควรร่วมมือกับกลุ่มนักเรียนมัธยมต้นที่โทโกะหลอกใช้… ด้วยกันกับคุรุคุรุ ฮิเมะและคนอื่น”
☆ คุรุคุรุ ฮิเมะ (เหลือเวลาอีก 9 ชั่วโมง 45 นาที)
เธอไม่ได้เรียกรถพยาบาลเพราะรู้ว่ามันไม่มีทางช่วยพ่อได้แล้ว โนโซมิไม่ได้ทำอะไรเลย เธอแค่นั่งลงตรงหน้าของพ่อ ไม่ว่าจะเป็นตัวเลือกแบบไหนมันก็ไม่มีประโยชน์ เพราะหัวของพ่อนั้นถูกตัดขาดออกมาจากร่าง
พ่อนั้นอยู่ในชุดนอน ร่างกายนั้นล้มอยู่นอกห้องนอนหันเข้ามาหาประตูหน้า บางที่พ่อคงได้ยินเสียงอะไรบางอย่างและออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น พ่ออาจจะคิดว่าโนโซมิกลับมาที่บ้านก็ได้
พ่อเป็นคนเงียบๆและไม่ได้พูดอะไรมาก แม้โนโซมิจะเป็นลูกสาวแต่ก็ไม่เคยรู้ว่าพ่อคิดอะไรอยู่ พ่อไม่เคยพยายามจะทำการสื่อสารเลย แม้โนโซมิจะพูดด้วย พ่อก็จะตอบกลับมาเท่าที่จำเป็น พ่อเป็นคนที่ทำทุกอย่างแบบทื่อๆอยู่ตลอด
แม้กระทั่งตอนที่ออกไปเที่ยวด้วยกันข้างนอก ตามแหล่งท่องเที่ยวไม่ก็สวนสนุกหรือสถานที่อื่นๆเพื่อใช้ “ช่วงเวลากับครอบครัว” ด้วยกัน พ่อนั้นไม่เคยดูเหมือนว่าจะสนุกอะไรเป็นพิเศษ พ่อดูไม่มีอารมณ์ร่วมอยู่เสมอ แม้โนโซมิกับแม่จะโบกมือให้พ่อตอนที่เล่นม้าหมุน พ่อเองก็แค่มองดูและไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น
แม่นั้นเป็นคนที่มีชีวิตชีวาตรงกันข้ามกับพ่อ แม่นั้นให้กำลังใจโนโซมิอยู่เสมอเมื่อตอนที่โนโซมิบอกว่าเธอไม่สูงขึ้นตามอายุเลย แม่คือคนที่ดูทีวีแล้วหัวเราะไปด้วยกันกับเธอ
แม่สนิทกับเพื่อนบ้าน และทำงานอยู่ที่สมาคมเพื่อนบ้านเพราะเห็นชัดว่าไม่มีใครอยากทำมัน เมื่อโนโซมิกลับมาจากโรงเรียน มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีเพื่อนบ้านอยู่ในห้องนั่งเล่นและพูดคุยกับแม่ ส่วนพ่อไม่เคยพาใครจากที่ทำงานมาเลย
ในฐานะลูกสาว โนโซมิกังวลเรื่องของพ่อแม่ว่าไปกันได้ดีในฐานะคู่รักรึเปล่า ทั้งคู่ลงเลยด้วยการแต่งงานได้ยังไงนะ? อย่างน้อยที่สุดเธอก็คิดว่าคงไม่ใช่การคลุมถุงชน คนใดคนหนึ่งหรือทั้งสองคนแกล้งกันจนพูดสาบานออกมากันนะ? ทั้งคู่ไม่ได้ดูเหมือนว่าจะทะเลาะอะไรกันด้วยแต่ก็ไม่ได้ดูเหมือนว่าจะรักกันหวานแหววเช่นกัน ทั้งคู่ใช้ชีวิตกันตามปกติโดยไม่ได้มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น จนกระทั่งแม่ของเธอล้มป่วย
ในที่สุดโนโซมิก็พบว่าพ่อนั้นรักแม่ของเธอ แล้วเธอก็ยืนยันได้อีกครั้งว่าเธอรักพ่อแม่ของเธอจริงๆเช่นกัน มันเป็นเรื่องที่น่าตลกที่เธอรู้มันในตอนที่แม่ล้มป่วย
เธอคิดว่าต่อไปก็คงถึงเวลาที่เธอต้องดูแลพ่อบ้าง แต่ในตอนนี้เวลานั้นไม่มีวันมาถึงอีกแล้ว
เลือดที่ชุ่มเข่าของเธอนั้นมันเย็นแล้ว แสงที่ส่องเข้ามาจากทางหน้าต่างบอกเธอว่าตอนนี้เป็นเวลารุ่งสาง คุรุคุรุ ฮิเมะลืมไปว่าไพตี้ เฟรเดริก้าอาจจะเฝ้าดูเธออยู่ และไม่ได้ระวังมือที่จู่ๆอาจจะโผล่มาจากด้านหลังด้วย เธอแค่นั่งอยู่ตรงนี้ นั่งอยู่ตรงหน้าพ่อไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน เวลามันผ่านไปนานแค่ไหนแล้วนะ? สมาร์ทโฟนที่เธอเอาริบบิ้นพันเอาไว้ส่งเสียงดังขึ้น คุรุคุรุ ฮิเมะจึงรับสายและตอบกลับไป
“นี่ 7753 เองนะ นั่นคุรุคุรุ ฮิเมะใช่ไหม? เธอเป็นอะไรรึเปล่า?”
“พ่อฉัน…ถูกฆ่าตาย”
อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ 7753 ช็อคจนพูดไม่ออก การพูดออกมาดังๆแบบนี้คือทุกอย่างจบแล้ว ในตอนนี้คุรุคุรุ ฮิเมะติดอยู่กับความรู้สึกที่ว่าไม่อาจนำสิ่งต่างๆอย่างที่เคยมีกลับคืนมาได้อีกต่อไป เธอหลับตาลง เธอไม่อยากมองอะไรอีกแล้ว
“ฉันเสียใจด้วยนะ…”
เหมือนว่า 7753 จะบังคับให้คำพูดนั้นออกมา คุรุคุรุ ฮิเมะจึงบีบตาที่ปิดอยู่ของเธอให้แรงขึ้น
ทุกอย่างมีแต่เรื่องแย่ๆ ไม่มีเรื่องดีๆซักเรื่อง หากปิดหูได้ง่ายเหมือนกับปิดตาก็คงดี
“ตั้งแต่ตอนนั้นถูกเฟรเดริก้าโจมตีอีกไหม?”
คุรุคุรุ ฮิเมะส่ายหัว และจากนั้นเธอก็รู้ตัวว่า 7753 คงมองไม่เห็นสิ่งที่เธอทำ เธอจึงตอบกลับไปว่า “ไม่”
☆ ไพตี้ เฟรเดริก้า (เหลือเวลาอีก 9 ชั่วโมง 35 นาที)
สำหรับเฟรเดริก้าแล้ว ตัวของเฟรเดริก้าเองคือมิตรที่เชื่อถือได้มากที่สุดที่เธอมี เธอเป็นข้ารับใช้ของตัวเอง เจ้านาย พี่น้อง และเพื่อนของตัวเอง เฟรเดริก้านั้นทำตามความต้องการของตัวเองอยู่เสมอ เพราะเธอเข้าใจตัวเองดีที่สุด
เฟรเดริก้าเข้าใจตัวเองและสั่งการตัวเอง ในการค้นหาเมจิคัลเกิร์ลในอุดมคติของตัวเอง คนแรกที่เข้าตาของเธอก็คือเมจิคัลเกิร์ลที่ใกล้ชิดที่สุดอยู่ใกล้มือที่สุด ซึ่งนั่นคือตัวของเฟรเดริก้าเอง เธอนั้นทำการค้นคว้าตัวเธอเองไปเรื่อยๆ หลังที่เธอซึมซับทุกอย่างที่เธอรู้เกี่ยวกับเฟรเดริก้าแล้ว เธอก็เริ่มเบื่อเฟรเดริก้า
เฟรเดริก้าทอดทิ้งเฟรเดริก้าไปแล้ว แม้ว่าเธอจะมองตัวเองผ่านสายตาไร้อารมณ์อยู่ตลอด แต่เธอก็มองไม่เห็นว่าจะสามารถเป็นเมจิคัลเกิร์ลในอุดมคติในใจของเธอเองได้อีกแล้ว ซึ่งนั่นทำให้เธอออกตามหาเมจิคัลเกิร์ลในอุดมคติจากคนอื่น
โซเนียตายแล้ว มาโอแพมก็ถูกฆ่า พูคินก็หนีไป ริปเปิลก็โดนเสียบไปมากกว่าร้อยครั้งจนร่วงลงไปในหลุม เรนโปวกับโพสตาร์รี่ที่รอดชีวิตก็หนีไปเช่นกัน เหลือทิ้งไว้แต่ตัวเฟรเดริก้าที่สุดท้ายก็โผล่ออกมาจากที่ซ่อน เธอค้นหาไปทั่วบริเวณเพื่อหาดูว่าคริสตัลบอลของเธออาจจะหล่นอยู่ที่ไหนซักแห่ง แต่เธอก็หามันไม่พบ เธอทำแม้กระทั้งค้นตัวท็อตป๊อป แต่สิ่งที่เธอพบก็คือเมจิคัลโฟนของท็อตป๊อปนั้นดูแตกต่างเพราะว่ามันติดกล้องเอาไว้ด้วย ท็อตป๊อปคงต้องใช้มันเพื่อเผยแพร่ภาพให้กับผู้สนับสนุนทางการเงินของเธอสินะ สุดท้ายแล้วมันก็ไม่มีอะไรที่มีประโยชน์เลย เฟรเดริก้าจึงออกจากสนามรบไป
แม้จะต้องหนีออกจากสนามรบเพราะสถานการณ์ที่เลวร้าย แต่แก้มของเฟรเดริก้ากลับแดงเรื่อ หัวใจของเธอก็เต้นรัว เธอกระโดดลงมาจากดาดฟ้าของโรงพยาบาลพร้อมกับซ่อนความดีใจของตัวเองเอาไว้ไม่ได้
ในตอนที่เฟรเดริก้าวิ่งอยู่บนหลังคาของบ้านเดี่ยวนั้น เธอก็รู้สึกทรมาณเพราะความตื่นเต้น บางทีนี่อาจจะเป็นการฟื้นฟูแผนแห่งความสุข ที่ครั้งหนึ่งเคยทอดทิ้งไปเพราะเชื่อว่ามันไม่ได้มีไว้สำหรับเธอก็ได้ ความรู้สึกที่เธอเผชิญหน้ากับเมจิคัลเกิร์ลสายรุ้งมันสร้างความเป็นไปได้ครั้งใหม่ให้กับเธอ เธอควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่ว่าจะหนี หลอกลวง หรือพยายามสู้ ทั้งๆที่ตัวเองไม่มีคริสตัลบอล! ปล่อยทุกอย่างให้ไปตามความโกรธ! เฟรเดริก้าไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน การที่ลูกศิษย์ตายมันทำให้เธอโกรธจนไปเผชิญหน้ากับศัตรูที่ทรงพลังกว่า… ราวกับว่าเธอนั้นเป็นเมจิคัลเกิร์ลแห่งความยุติธรรม ความรู้สึกโกรธที่ท็อตป๊อปตายนั้นหายไปแล้ว ในตอนนี้มันถูกเปลี่ยนเป็นความสุข
เธอคิดว่างานนี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของอิสรภาพ แต่มันกลับกลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ งานนี้อาจจะเป็นเฟรเดริก้าไปเลยก็ได้
ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตาม เธอต้องออกจากที่นี่ไปทั้งๆทียังมีชีวิตอยู่ให้ได้
ก่อนอื่นเธอต้องมีคริสตัลบอลของเธอ หากไม่มีมันเธอก็จะทำอะไรไม่ได้เลย สอดแนมไม่ได้ ลักพาตัวก็ไม่ได้ พากองหนุนมาจากภายนอกก็ไม่ได้ และที่สำคัญที่สุดคือเธอจะออกจากเมืองนี้ไม่ได้
ฟันนี่ทริคคงขโมยไปแน่ เฟรเดริก้าต้องไปเอาคริสตัลบอลของเธอกลับมาด้วยการเจรจาไม่ก็ขโมย ตราบใดที่เธอได้คืนมา ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ไม่สำคัญ
เฟรเดริก้าลงมาจากหลังคาไปที่ลานจอดรถ วิ่งขึ้นไปบนกำแพงของอพาร์ทเมนท์ที่พวกเธอใช้เป็นฐาน แล้วปีนขึ้นไปบนระเบียงห้อง ผ้าม่านนั่นปิดหน้าต่างอยู่ มันควรจะเปิดเอาไว้สิ เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่ออกไปเธอไม่ได้ล็อค เธอยื่นมือออกไปแต่ก็หยุดเอาไว้ แล้วถอยกลับมาครึ่งก้าว จากนั้นก็ขยับกระถางที่มีวัชพืชขึ้นอยู่ไปข้างๆ
“นายท่านเป็นยังไงบ้างคะ?” เฟรเดริก้าถามออกไปผ่านผ้าม่าน
หลังจากที่เงียบไปสามสิบวินาทีก็มีเสียงตอบกลับมา
“ทำไมเจ้าถึงยั้งมือ?”
“ยั้งมือ? หมายถึงอะไรคะ?”
“เจ้าไม่ได้ใช้คริสตัลบอลตอนที่สู้กับมาโอแพม ทำไมเจ้าถึงไม่ใช้?”
เฟรเดริก้าสัมผัสได้ถึงความโกรธที่ทะลุผ่านหน้าต่างและผ้าม่าน ภายในห้องเต็มไปด้วยบรรยากาศที่แห่งการฆ่า
เธอทราบดีถึงเรื่องนิสัยของพูคิน ไม่ว่าเธอจะผิดพลาดแค่ไหนก็จะหาทางโทษคนอื่นเสมอ และเฟรเดริก้าไม่ได้อยู่ในจุดที่จะแก้ตัวได้มากนัก
หากเธอบอกออกมาตรงๆว่าคริสตัลบอลถูกขโมยไป พูคินก็จะโทษเธออีกว่าทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก และนั่นก็จะทำให้พูคินรู้ว่าไม่สามารถหนีออกไปจากเมืองนี้ได้ พูคินจะยกโทษให้ไหม? มันคงไม่อยู่แล้ว และตั้งแต่ท็อตป๊อปกับโซเนียตายไป เฟรเดริก้าก็ไม่มีใครที่อยู่ฝั่งเดียวกันอีกแล้ว
ถ้าเฟรเดริก้าบอกไปว่าเธอเลือกที่จะไม่ใช้คริสตัลบอล แบบนั้นก็จะเท่ากับเป็นการยอมรับว่าเธอก่อเรื่องเอง และจะทำให้พูคินไม่มีเหตุผลที่จะยกโทษให้เธอ
เฟรเดริก้าคิดอะไรออกมาหลายอย่าง เธอจะปลอบพูคินเรื่องโซเนียดีไหม? หรือสาบานว่าจะแก้นแค้นในฐานะที่ทั้งคู่นั้นสูญเสียคู่หูไปดี? หรือควรจะปรับเปลี่ยนแผนการใหม่เพราะกำลังรบลดลง? แต่เฟรเดริก้าก็คิดว่ามันซื่อเกินไปที่เธอจะคุยหัวข้อเหล่านี้ด้วยการเคลื่อนไหวตามช่วงจังหวะเวลา เพราะพูคินเริ่มด้วยการถามเธอว่าทำไมเฟรเดริก้าถึงไม่ใช้คริสตัลบอล ซึ่งมันหมายความว่าพูคินจะไม่ให้อภัยเธอ
พูคินโกรธเพราะว่าสูญเสียโซเนียไปงั้นเหรอ? ไม่ เธอโกรธตัวเองที่ต้องวิ่งหนี แม้มันจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในตอนนั้นแต่มันก็ขัดกับความภาคภูมิใจของพูคิน พูคินโกรธตัวเองที่เลือกแบบนั้น และกำลังมองหาแพะรับบาป แพะที่สามารถทำให้เธอพูดแก้ตัวได้ว่า “มันเป็นความผิดของเธอ”
เฟรเดริกระแอมออกมาแล้วพูดว่า “เรื่องนั้นมันมีเหตุผลค่ะ”
หลังจากนั้นเฟรเดริก้าก็กระโดดลงมาจากระเบียงทันที และในเวลาเดียวกันกระจกหน้าต่างก็แตกออก อีกด้านหนึ่งของผ้าม่านคือใบหน้าของผู้งดงาม แม้ว่าจมูกจะหักแต่มันก็คือใบหน้าของพูคินที่บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ สิ่งที่เฟรเดริก้าคิดนั้นถูกต้อง ตำแหน่งของพูคินที่อยู่ในห้อง ระยะห่างระหว่างตัวของเธอกับเฟรเดริก้า ความเร็วในการแทง จังหวะเวลา เฟรเดริก้าอ่านมันทุกอย่างแล้วก็หลบการโจมตี เรื่องที่พูคินกระหายเลือดนั้นเห็นได้ชัด การเคลื่อนไหวก็รุนแรงยิ่งกว่าตอนตัดหัวเด็กสาวที่สวมหน้ากากกันแก๊สที่คุก แม้จะมีพลังและความเร็วที่สูงแต่มันก็อ่านทางเธอง่ายอยู่ดี
เฟรเดริก้าหนีลงมายังระเบียงที่อยู่ด้านล่างสองชั้น เร็วกว่าพูคินที่จะออกมาตรงระเบียงแล้วมองลงมาดู
จากนี้เป็นต้นไป เธอต้องเคลื่อนไหวด้วยตัวของเธอเอง ในจุดนี้มันดูน่าสนุกจริงๆ
☆ เว็ดดิ้น (เหลือเวลาอีก 9 ชั่วโมง 3 นาที)
“ใจเย็นแล้วฟังที่ดิฉันพูดนะ ก่อนอื่นก็หายใจเข้าลึกๆ”
เว็ดดิ้นสั่งให้ฟันนี่ทริคหายใจเข้าและออกแบบลึกๆ ทำให้ตาของฟันนี่ทริคจับจุดได้อย่างถูกต้องอีกครั้ง ที่แก้มเองก็เริ่มมีสีแดง เสียงของเธอเริ่มมีความรู้สึกเช่นกัน
สัญญานี้ที่เธอใช้กลั่นแกล้งทุกคนด้วยแรงจูงใจที่ไม่บริสุทธิ์เพื่อการขับไล่แม่มดผู้ชั่วร้ายกลับมามีประโยชน์ แต่คนเดียวที่จะทำให้จิตใจของเว็ดดิ้นเย็นลงได้คือตัวของเว็ดดิ้นเอง เธอต้องคิด ต้องพิจารณาสิ่งต่างๆ และชี้นำในฐานะผู้นำ มันไม่เหมือนกับการเป็นหัวหน้าห้อง บทบาทนี้มันหนักหน่วงและเจ็บปวดยิ่งกว่า หากเป็นไปได้เธอก็อยากโยนมันทิ้งไป ถ้าหากเธอทิ้งมันไปตั้งแต่เมื่อสิบชั่วโมงก่อน แบบนั้นกัปตันเกรซคงยินดีที่จะเป็นหัวหน้าแทน แต่ในตอนนี้กัปตันเกรซไม่อยู่อีกแล้ว เว็ดดิ้นเองจึงทิ้งความรับผิดชอบไปไม่ได้
เว็ดดิ้นจึงวิ่งนำไปที่ภูเขา และเมื่อไปถึงพุ่มไม้ที่อยู่ตรงตีนเขาแล้ว เธอก็ลดความเร็วลง เธอผูกช่อดอกไม้ของตัวเองไว้กับปลายกิ่งไม้ที่มีขนาดเทียบเท่าแขนของมนุษย์ แล้วก็ยื่นมันไปด้านหน้าของพวกเธอในตอนที่กำลังเดิน และหลังจากที่เดินไปได้ราวห้าสิบเมตร ช่อดอกไม้ก็ไปโดนเข้ากับพื้นที่ว่างเปล่า
มันคือบาเรียนั่นเอง เท็ปเซเคเมย์บอกไว้ว่าเคยไปสัมผัสมันมาแล้ว เว็ดดิ้นหยิบก้อนหินแล้วพยายามโยนมันออกไปต่ำๆเพื่อทดสอบ ปรากฏว่ามันกลิ้งผ่านต้นซีดาร์ไปโดยที่ไม่มีแรงต้าน บาเรียนั้นป้องกันสิ่งที่เป็นเวทมนตร์ไว้ ในกรณีนี้ช่อดอกไม้ที่เป็นส่วนหนึ่งของชุดเว็ดดิ้นจึงถูกป้องกันเอาไว้
ฟันนี่ทริคดึงเอาถุงพลาสติกออกมา มันไม่ใช่ถุงขยะแบบใสที่ใช้ในเขตเทศบาล แต่มันเป็นถุงขยะสีขาวแบบทึบแสงที่มีโลโก้ของซุปเปอร์มาเก็ตอยู่ ด้านในนั้นมีกระป๋องเปล่าที่ถูกปิดปากถุงเอาไว้อย่างแน่นๆ
ฟันนี่ทริคโยนถุงนั้นออกไป เพราะมันไม่มีสิ่งของที่เป็นเวทมนตร์อยู่ จึงทะลุผ่านบาเรียออกไปได้โดยที่ไม่มีอะไรมาขวาง แล้วหล่นลงไปบนซากใบไม้ ต่อไปเว็ดดิ้นก็เอาช่อดอกไม้ออกมาแล้วส่งไปให้ฟันนี่ทริค และฟันนี่ทริคก็ใช้ผ้าคลุมของเธอคลุมช่อดอกไม้เอาไว้
ตอนนี้ช่อดอกไม้ถูกเอาไว้ให้มองไม่เห็น ส่วนกระป๋องเปล่าที่อยู่ในถุงพลาสติกนั้นมองไม่เห็นอยู่แล้วตั้งแต่แรก ฟันนี่ทริครู้ตำแหน่งและสิ่งของ สิ่งนี้มันเติมเต็มเงื่อนไขในการใช้เวทมนตร์ของเธอ เมื่อเธอเอาผ้าที่คลุมอยู่ออก สิ่งที่เคยเป็นช่อดอกไม้ตอนนี้กลายเป็นกระป๋องเปล่า ส่วนรูปร่างที่พวกเธอมองเห็นอยู่ภายในถุงพลาสติกนั้นก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ในตอนนี้มันกลายเป็นช่อดอกไม้แล้ว
การทดลองประสบความสำเร็จ เว็ดดิ้นนั้นยื่นมือออกไปเพื่อเชคแฮนด์ ในขณะที่ฟันนี่ทริคยกมือขึ้นสูงเพื่อทำไฮไฟว์ ทั้งสองคนตอบสนองอะไรต่างกันเพราะจับคู่กันได้เพียงแค่ไม่นาน แต่เพราะแบบนั้นทั้งคู่ถึงได้เข้าไปกอดและหัวเราะอย่างสนุกสนานออกมาแทน การใช้เวทมนตร์ของฟันนี่ทริคสามารถทำให้สิ่งที่เป็นเวทมนตร์ผ่านบาเรียออกไปได้ และพวกเธอเองก็พิสูจน์เรื่องเวทมนตร์นี้กับโพสตาร์รี่แล้วว่ามันสามารถใช้ได้ผลกับเมจิคัลเกิร์ลด้วย ด้วยการใช้เวทมนตร์นี้จึงทำให้เพวกเธอสามารถออกไปจากบาเรียได้
แต่ความดีใจนั้นก็ลดลงจนกลายเป็นความโกรธ เพราะรู้ว่าหากหนีไปล่ะก็จะเป็นการทิ้งกลุ่มของพูคินเอาไว้เบื้องหลัง ตัวฟันนี่ทริคเองก็ไม่รู้ว่าสามารถหนีออกไปแบบนี้ได้ถ้าไม่ได้ลองทดสอบดู และมันยังมีบางอย่างที่ขาดหายไปอยู่
“คำถามก็คือ แล้วพวกเราจะติดต่อคนอื่นได้ยังไงกันล่ะ?”
“อื้อ…เมจิคัลโฟนเองก็ใช้การไม่ได้ด้วย”
หากเว็ดดิ้นคำนวนสิ่งที่เสียไปและสิ่งที่ได้กลับมมาอย่างที่เคยทำแล้ว เธอก็จะพบคำตอบแบบง่ายๆออกมาว่า สิ่งที่เว็ดดิ้นต้องทำทั้งหมดคือการสั่งฟันนี่ทริคในฐานะผู้นำให้พาเธอออกไปอยู่นอกบาเรียด้วยเวทมนตร์ ซึ่งนั่นมันจะยืนยันความปลอดภัยของเธอได้ เธอสามารถทำได้แต่ไม่ได้รู้สึกอยากจะทำมัน เสียงเอะอะโวยวายของกัปตันเกรซที่พูดออกมาเหมือนว่า ‘พวกเราไม่ต้องการผู้นำที่ไร้ความรับผิดชอบ! ถ้าเธอจะเป็นแบบนั้นให้ชั้นเป็นแทนดีกว่า!’ ยังคงติดอยู่ในใจของเธอ แม้เธอจะคิดว่ากัปตันเกรซนั้นเป็นคนที่ชวนให้หน้าโมโห แต่เมื่อใบหน้าของเมจิคัลเกิร์ลคนอื่นผุดขึ้นมาในใจของเธอ เธอก็คิดว่าจะหนีไปคนเดียวไม่ได้ แม้เธอจะเข้าใจเรื่องสิ่งที่มีประโยชน์กับเธอมากที่สุด ว่าการวิ่งหนีไปนั้นคือการสิ่งที่มีประโยชน์ที่สุดก็ตาม
เธอเสียใจมากที่ไม่ได้คิดเรื่องจุดนัดพบหากเกิดเรื่องฉุกเฉินอะไรขึ้นเอาไว้ และถ้าพวกเธอคิดเอาไว้มันก็จะกลายเป็นหายนะซะเองด้วย ถ้าเว็ดดิ้นบอกเรื่องจุดนัดพบกับพูคินไป ทุกคนก็อาจถูกจับตัวได้ในคราวเดียว
กัปตันเกรซถูกฆ่าตายไปแล้ว ตอนนี้เหลืออยู่แค่เรนโปว โพสตาร์รี่ เท็ปเซเคเมย์ คุรุคุรุ ฮิเมะ แล้วก็โทโกะ เรนโปวกับโพสตาร์รี่นั้นไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนตั้งแต่อพาร์ทเมนท์ถูกโจมตี เฟรเดริก้าบอกว่าคุรุคุรุ ฮิเมะนั้นถูกหูกระต่ายจับตัวไปและตอนนี้ร่วมมืออยู่กับหน่วยสืบสวน เฟรเดริก้าได้เส้นผมของคุรุคุรุ ฮิเมะมา ดังนั้นเธอสามารถสอดแนมเธอหรือลักพาตัวเธอตามต้องการได้ซึ่งนั่นน่าเป็นห่วงมาก แล้วฟันนี่ทริคก็บอกเว็ดดิ้นว่าเมื่อพวกของพูคินโจมตีพวกเธอ โซเนียเองก็โจมตีไปที่เท็ปเซเคเมย์เช่นกัน
“คิดว่าเธอ…ปลอดภัยไหม?”
“ก็ ดูเหมือนว่าเธอจะหนีไปได้นะ…”
“เมย์แข็งแกร่ง”
เว็ดดิ้นมองไปทางต้นเสียงทันทีพร้อมกับระวังไปด้วย ที่หางตาของเธอนั้นก็มองเห็นฟันนี่ทริคที่ทำแบบเดียวกัน พวกเธอจับคู่กันได้เพียงแค่ไม่นาน แต่ไม่ใช่ว่าไม่สามารถทำอะไรเหมือนกันได้
เมจิคัลเกิร์ลนักเต้นอาหรับอยู่ตรงนั้น เธอนั่งกลับหัวกลับหางอยู่ใต้กิ่งไม้หนาของต้นซีดาร์
“เท็ปเซเคเมย์!”
“อะไรเหรอ?”
“อย่ามา ‘อะไรเหรอ’ สิ! นี่เธอไปอยู่ที่ไหนมาเนี่ย? แล้วนี่ทำอะไรอยู่?”
“มองดูหลายๆอย่างจากบนท้องฟ้า”
เท็ปเซเคเมย์หมุนตัวไปรอบๆกิ่งไม้ ใช้แรงโน้มถ่วงดึงตัวเองกลับมาสู่ตำแหน่งตามปกติ
“ยากมากเลย”
“ยาก…? อะไรยากเหรอ?”
“เมย์ไม่รู้ว่าใครคือศัตรู ใครคือมิตรน่ะสิ”
เว็ดดิ้นเองก็เห็นด้วยกับเรื่องนั้นเช่นกัน
☆ เรนโปว (เหลือเวลาอีก 8 ชั่วโมง 37 นาที)
เธอหั่นมาโอแพมออกเป็นชิ้นๆ แล้วก็ฆ่าเมจิคัลเกิร์ลที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อ แต่นักดาบกับเฟรเดริก้านั้นหนีไปได้ เธอประมาทริปเปิลเกินไปจนตัวเองนั้นจนมุม แต่ก็ได้รับความช่วยเหลืออย่างคาดไม่ถึง จนริปเปิลถูกเสียบกลายเป็นหมอนปักเข็มไป
คนที่ช่วยเหลืออย่างคาดไม่ถึงนั้น กำลังนั่งคุกเข่าและก้มหัวอยู่บนหลังคาของสิ่งก่อสร้างห่างออกไปจากสายตา มันไม่ใช่ว่าเรนโปวสั่งให้เธอคุกเข่า การมองดูเธอที่นั่งคุกเข่าอยู่บนหลังคาในเดือนพฤศจิกายนตั้งแต่ช่วงกลางคืนจนถึงรุ่งสาง มันทำให้เรนโปวรู้สึกหนาวแทน แต่เด็กสาวก็นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยความตั้งใจของตัวเอง ดังนั้นจึงช่วยอะไรไม่ได้
เมื่อมองลงไปที่โพสตาร์รี่ เรนโปวก็ถามโทโกะว่า “นั่นเธอคิดอะไรอยู่น่ะ?”
“อย่ามาถามเราสิ ไปถามเธอเองเลย”
โพสตาร์รี่ช่วยคนที่ข่มขู่ตัวเองอย่างน่ารังเกียจว่า ‘หลังจากนี้ทาจังจะเป็นตัวประกัน ดังนั้นเราจะปล่อยให้มีชีวิตรอดไปก่อน’ ด้วยการฆ่านินจาผู้ชอบธรรมที่ต่อสู้เพื่อช่วยเธอเอาไว้ เรนโปวไม่เข้าใจเลย เธอไม่เข้าใจความหมายของสิ่งนี้ เธออ่านสิ่งที่โพสตาร์รี่ต้องการไม่ออก พูดตรงๆว่าเธอรู้สึกกลัวนิดหน่อย
“นี่ ทาจัง ทำไมถึงช่วยเราไว้ล่ะ?”
โพสตาร์รี่เงยหน้าขึ้นมามองเรนโปวอย่างช้าๆ ก่อนที่จะก้มหน้าลงอีกครั้งทันที
“…ก็เพราะ”
“หือ? อะไรนะ?”
“ก็เพราะว่าพวกเราเป็นเพื่อนกัน”
โพสตาร์รี่บอกว่าช่วยเรนโปวเอาไว้เพราะพวกเธอเป็นเพื่อนกัน
ก่อนหน้านี้ทั้งเรนโปวกับโทโกะได้พูดยั่วยุกับเธอ แถมยังพูดเยาะเย้ยคู่ต่อสู้อีก ถ้าพูดอย่างตรงๆก็คือ ไม่ว่าจะมองยังไงก็เห็นได้ชัดว่าเรนโปวนั้นเป็นตัวร้าย
และยิ่งกว่านั้นก็คือ คำพูดที่ว่า ‘เราจะปล่อยให้ทาจังรอดไปก่อน เพราะจะได้ใช้ทาจังเป็นตัวประกันในภายหลัง’ มันไม่ใช่สิ่งที่มิตรแห่งความยุติธรรมจะพูดออกมา แม้แต่ตัวเอกในนิยายที่เป็นคนเลว ปลิ้นปล้อนหลอกลวง ก็ไม่มีอะไรเช่นนี้
ซึ่งหมายความว่า เรนโปวนั้นคือตัวร้ายและนินจาที่สู้กับเธอคือฝ่ายคนดี ความตั้งใจของเรนโปวที่จะทำให้โพสตาร์รี่เป็นตัวประกันนั้น มันไม่ใช่เหตุผลที่โพสตาร์รี่อยากให้เรนโปวชนะอยู่แล้ว
ประมาณหกเดือนก่อนหน้านี้ โทโกะกับคาโอริคิดว่าหากเวลามาถึงพวกเธอก็ควรทำให้คนอื่นกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลเพื่อช่วยสนับสนุนคาโอริด้วย ถ้าเป็นนักเรียนจากโรงเรียนเดียวกันกับคาโอริก็จะดีมาก เรนโปวจะใช้เธอเป็นโล่ รักษาความลับทางธุรกิจของพวกเธอเอาไว้ แล้วปฎิบัติกับเธออย่างอ่อนโยนในฐานะเพื่อนเมจิคัลเกิร์ลคนหนึ่ง หากเกิดเรื่องฉุกเฉินขึ้นก็จะใช้เธอเป็นโล่ได้ นั่นคือความคิดเมื่อโทโกะออกค้นหาเด็กสาว แล้วเธอก็พบห้าคนในโรงเรียนที่มีศักยภาพด้านเวทมนตร์ ทัตสึโกะเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
ทุกคนที่โทโกะเห็นว่ามีศักยภาพด้านเวทมนตร์นั้น เหมือนว่าจะมีทัตสึโกะคนเดียวที่ปฎิเสธการเป็นเมจิคัลเกิร์ล คาโยะ เนมุระเป็นคนที่มีสามัญสำนึก แต่คาโอริคงเห็นได้ง่ายๆว่าอุมิ ชิฮาบาระลากเธอเข้าไปยุ่งด้วย ส่วนโนโซมิ ฮิเมโนะ หากคาโอริขอร้องในฐานะนักเรียนออกไปว่าให้มีความรับผิดชอบในฐานะอาจารย์ด้วย แบบนั้นโนโซมิก็จะยอมรับ แต่สำหรับทัตสึโกะที่เป็นคนเดียวที่อยู่ชั้นปีและห้องเดียวกัน คาโอริจึงใช้งานเธอได้ง่ายที่สุด
เพราะแบบนั้นคาโอริจึงเข้าหาทัตสึโกะ ซากากิ ตัดสินใจเป็นเพื่อนกันก่อนที่จะทำให้เธอกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ล แต่ทัตสึโกะนั้นก็เป็นคนเก็บตัวมากกว่าที่เธอคิด มันจึงต้องใช้เวลาในการสร้างมิตรภาพขึ้นมา ในตอนที่ทัตสึโกะเปิดใจให้เธอ ผู้ที่ไล่ล่าโทโกะกับเรนโปวก็ใกล้เข้ามาแล้ว ดังนั้นโทโกะกับคาโอริจึงตัดสินใจเริ่มแผนการในขณะที่มันยังไม่เสร็จสมบูรณ์
แม้ทัตสึโกะจะรู้สึกว่าคาโอริคือเพื่อน แต่เมื่อคาโอริเผยธาตุแท้ของตัวเองออกมา มันก็ควรจะเปิดเผยว่า เรื่องมิตรภาพทั้งหมดที่คาโอริสร้างขึ้นมันคือสิ่งจอมปลอม ทุกอย่างที่เธอทำก็เพื่อหลอกใช้ทัตสึโกะ เรื่องนี้มันควรออกมาด้วยสิ
เรนโปวมองลงไปที่โพสตาร์รี่ คนที่ตอนนี้เหมือนจะรู้สึกอาย นี่เธอเข้าใจจริงๆรึเปล่าว่าทำไมทุกอย่างถึงกลายเป็นแบบนี้น่ะ?
เรนโปวมองที่ไปที่โทโกะราวกับจะถามว่า “นี่พวกเราควรจะทำยังไงดี?” จากนั้นโทโกะก็ส่ายหัวและแสดงความรู้สึกอันซับซ้อนออกมาบนใบหน้า การที่โทโกะโยนคำถามกลับมาที่เธอนี่มันน่าหนักใจจริงๆ เรนโปวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ว่าเธอจะมองไปที่ทัตสึโกะยังไง มันก็ไม่เหมือนว่าเธอวางแผนอะไรไว้เลย เรนโปวจึงสรุปออกมาว่า แม้ตัวเองจะไม่เข้าใจ แต่โพสตาร์รี่ก็คงเป็นแค่คนโง่ๆคนนึง
เรนโปวยื่นมือไปหาโพสตาร์รี่เพื่อดึงตัวเธอขึ้นมา
“อื้อ…ขอบคุณนะ ทาจัง ทาจังช่วยเราไว้เลยล่ะ”
ปล่อยไว้แบบนี้คงดีกว่า เธอไม่เข้าใจว่าโพสตาร์รี่คิดอะไรอยู่ก็จริง แต่เห็นได้ชัดเจนว่าเรนโปวสามารถใช้มันให้เป็นประโยชน์ได้ เมื่อใช้การไม่ได้แล้วก็ค่อยทิ้งไปเท่านั้น ในตอนนี้สำหรับเธอแล้ว โพสตาร์รี่ยังคงใช้การได้อยู่
MANGA DISCUSSION