ตอนที่ 9:
ปีศาจท่ามกลางเปลวเพลิง
☆ เรนโปว (เหลือเวลาอีก 11 ชั่วโมง 20 นาที)
เธอยกมือขึ้นมาบังไว้ที่หน้า ภายใต้ท้องฟ้าสีเทาที่ยังไม่ถึงรุ่งสาง
มาโอแพมเปลี่ยนเสื้อโค้ทที่ให้โพสตาร์รี่กับเรนโปวมากลับไปเป็นปีกสีดำ ในที่สุดเธอก็หลุดพ้นจากพันธนาการแน่นๆนี้ซักที เรนโปวอยากหมุนคอไปรอบๆ แต่เธอก็ทนเอาไว้ หากเธอโดนตบอีกครั้งแก้มของเธอคงระเบิดแน่
มาโอแพมดันโพสตาร์รี่และเรนโปวเข้าไปอยู่ระหว่างสิ่งก่อสร้างกับเครื่องขายของอัติโนมัติสามเครื่องที่เรียงรายกันอยู่ และสั่งพวกเธอว่าห้ามออกไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม จากนั้นก็บินออกไป
เมื่อไม่ต้องกังวลเรื่องสายตาของมาโอแพมที่จะมองมาแล้ว ตอนนั้นโทโกะก็โผล่หัวออกมาจากเสื้อของเรนโปว
“เธอบอกว่ามีอุบัติเหตุใช่ไหม?”
“เหมือนว่าจะเป็นแบบนั้นนะ แต่เราไม่ได้ยินหรอก คิดว่ามันคงเกิดห่างออกไปไกลๆนู้นเลย”
“เดาว่าเธอคงเจอมันเพราะหนึ่งในปีกที่ส่งออกไปแน่”
“ปีกนั่น…เหมือนว่าเธอจะเปลี่ยนมันเป็นอะไรก็ได้เลยนะ แต่มันทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอ?”
“นี่…”
โพสตาร์รี่พูดขัดโทโกะกับเรนโปว
“…พวกเราควรทำยังไงดี?”
“หมายความว่ายังไงน่ะ ที่ว่าทำยังไงดีนั่น มันหมายถึงเรื่องอะไร?”
โพสตาร์รี่จ้องไปที่โทโกะ เธอลดเสียงลงไม่มากแล้วก็พูดต่อ
“พวกเราควรจะบอกมาโอแพม…ทุกเรื่องไหม?”
“ไม่มีทาง! นี่จะล้อกันเล่นรึไงห๊ะ!”
โทโกะเหวี่ยงแขนขาของเธอ เพราะการเคลื่อนไหวของเธอทำให้เรนโปวนิ่วหน้า จากนั้นเรนโปวจึงค่อยๆกดโทโกะเอาไว้ในเสื้อ
“นี่ โทโกะ อย่าเหวี่ยงแขนขาตอนอยู่ในเสื้อเราสิ”
“นี่เธอไม่เข้าใจรึไงว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าพวกเราบอกคนอย่างยัยนั่นไปทุกอย่างน่ะ? อะไรน่ะ? คิดจะขายเรารึไง? นี่เธอเป็นเมจิคัลเกิร์ลประเภทที่แว้งกัดมือคนที่เลี้ยงมางั้นเหรอ โพสตาร์รี่?”
“ฉันไม่ได้…คิดจะทำแบบนั้น…ฉันแค่”
โพสตาร์รี่มองลงที่พื้น เธอลังเลเล็กน้อยแล้วก็ถามว่า
“เรื่องที่มาโอแพมพูดน่ะมันจริงรึเปล่า? ที่ว่าโทโกะทำอะไรไม่ดี จนพวกนั้นต้องออกมาไล่ล่าน่ะ?”
คิ้วของโทโกะเชิดขึ้นแล้วก็หดลงมา พร้อมกับแบมือมาด้านหน้า งอข้อศอก และยักไหล่
“เพราะพวกนั้นเป็นคนเลวยังไงล่ะ พยายามบอกว่าการกระทำของตัวเองถูกต้องพร้อมกับพูดถึงเราอย่างน่ารังเกียจ จริงจังกับมันไม่ได้หรอกนะ เธอน่ะโดนตบหน้าตบแล้วตบอีกไม่รู้กี่ครั้งใช่ไหมล่ะโพสตาร์รี่? อีกฝ่ายน่ะเป็นคนเลวที่ใช้ความรุนแรงเพื่อให้เธอเชื่อฟังยังไงล่ะ แต่เราน่ะเป็นแฟร์รี่จิตใจดีงามจึงไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอกนะ”
โพสตาร์รี่ยังคงมองลงที่พื้นพร้อมกับปิดปากเงียบ ความคิดที่จะคุยกับมาโอแพมนั้นถูกปฎิเสธอย่างสิ้นเชิง จากนั้นโทโกะพูดออกมาว่า
“สิ่งที่พวกเราควรคิดในตอนนี้น่ะ ไม่ใช่การตามยัยนั่นไปแต่มันคือรีบหนีออกไปจากที่นี่ต่างหาก นี่พวกเราจะซ่อนตัวอยู่แบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนเนี่ย?”
“แต่เธอบอกว่าไม่ให้พวกเราออกไปไหนนี่นา”
“แล้วทำไมพวกเราต้องเชื่อฟังเธอเหมือนกับพวกเด็กดีด้วยล่ะ!? ไม่เอาน่า ไม่ต้องสนใจหรอก เธอกับปีกพวกนั้นน่ะหายไปแล้วนะ นี่คือโอกาสที่ดีแล้วใช่ไหมล่ะ? ถ้าไม่หนีตอนนี้แล้วจะไปหนีตอนไหนล่ะ?”
ในตอนที่โพสตาร์รี่ยังรู้สึกไม่แน่ใจนั้น ด้วยเหตุผลบางอย่างเธอไม่ได้ยอมอ่อนข้อให้และยังคงยืนกรานคำเดิมของตัวเอง โทโกะค้านเธอหัวชนฝาว่า ถ้ามาโอแพมเจอโทโกะมันก็ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“พวกเราควรทำยังไงดีคาโอริจัง?” โพสตาร์รี่พูดขึ้นมาพร้อมกับดึงแขนเสื้อของเรนโปว
โทโกะเข้าไปในเสื้อของเรนโปวแล้วพูดว่า “เราพูดไม่ผิดใช่ไหม?”
ในตอนที่ทั้งสองคนกดดันเธอเพื่อให้แสดงความเห็น เรนโปวก็หลับตาลงสามสิบวินาทีเพื่อคิด จากนั้นเธอก็เสนอความเห็นของตัวเองออกมา
☆ คุรุคุรุ ฮิเมะ (เหลือเวลาอีก 10 ชั่วโมง 53 นาที)
แผนของพวกเธอที่จะใช้รถเป็นเหยื่อล่อไม่ได้เป็นไปตามที่คิดเอาไว้ เมื่อศัตรูไล่ตามรถไปพวกเธอก็จะใช้มันโอกาสเพื่อลอบโจมตีจากด้านหลัง แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ศัตรูนั้นกลับใช้รถของตัวเองไล่ตามไปอย่างดื้อๆ แผนเลยจึงต้องเปลี่ยนเป็นใช้รีโมทคอนโทรลเพื่อให้รถนั้นพุ่งเข้าหาบาเรีย และภาวนาว่าหากพวกเธอโชคดี ศัตรูเองก็จะชนเข้ากับบาเรียเช่นกัน
ตอนนี้ริปเปิลกับคนอื่นๆควรจะหนีไปแล้ว คุรุคุรุ ฮิเมะนั้นแยกตัวออกมา พวกเธอนั้นพยายามบอกว่าทำแบบนี้มันอันตรายเกินไปและไม่ควรทำด้วย แต่เธอก็เพิกเฉย สลัดพวกเธอออกแล้ววิ่งไปยังทิศตรงกันข้าม
เส้นผมที่เฟรเดริก้าใช้เวทมนตร์นั้นเป็นของใครกันแน่? มานา 7753 แล้วก็ริปเปิลล้วนพูดว่าเฟรเดริก้าไม่มีโอกาสที่จะขโมสเส้นผมของพวกเธอ และริปเปิลก็ยังบอกอีกว่าเธอนั้นยึดเอาคอลเลคชั่นเส้นผมเมจิคัลเกิร์ลจำนวนมากของเฟรเดริก้าเอาไว้แล้ว ในอีกแง่หนึ่ง พวกเธอคิดว่าเฟรเดริก้าต้องได้เส้นผมนี้มาจากภายในบาเรียแน่ และคนที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดคือคุรุคุรุ ฮิเมะ
แล้วเฟรเดริก้าขโมยเส้นผมของคุรุคุรุ ฮิเมะได้ยังไง? ลักษณะของเธอนั้นบอกว่ามีคริสตัลบอล สวมผ้าคลุมหน้าที่ประดับด้วยดาว กระโปรงยาวที่เปิดด้านหน้าอย่างกล้าหาญ และผมยาวดำจนถึงข้อเท้า คุรุคุรุ ฮิเมะจำคนแบบนั้นไม่ได้เลย หรือควรจะคิดว่าพวกเธอนั้นไม่เคยพบกันเลยมากกว่า แบบนั้นเธอจะไปมีเส้นผมของคนที่ไม่เคยเจอกันได้ยังไงล่ะ? เธอมีความรู้สึกแย่มากกับเรื่องนี้
คุรุคุรุ ฮิเมะยืนกรานว่าอยากจะตรวจดูว่าเกิดอะไรขึ้นที่บ้าน และสุดท้ายเธอก็ตัดสินใจแยกตัวออกมาจากคนอื่นพร้อมกับน้ำตา หากเฟรเดริก้าจ้องมองคุรุคุรุ ฮิเมะเพียงคนเดียว แบบนั้นถ้าเธอแยกตัวออกมาจากทุกคนก็จะไม่เป็นการสร้างปัญหาให้คนอื่นอีกแล้ว มันเป็นตัวเลือกที่ชัดเจนและสมเหตุสมผลที่สุด
ริปเปิล 7753 แล้วก็มานาคงต้องเข้าใจแน่ ตราบใดที่คุรุคุรุ ฮิเมะยังอยู่ด้วยกันกับพวกเธอ แบบนั้นก็จะหนีจากการจับตามองของเฟรเดริก้าไปไม่ได้ เหตุผลเดียวที่พวกเธอนั้นไม่ได้พูดออกมาเป็นเพราะพวกเธอนั้นดีกับคุรุคุรุ ฮิเมะมาก มันเป็นเรื่องง่ายที่จะเสียสละคุรุคุรุ ฮิเมะคนที่เพิ่งจะเคยเจอกันไป แต่พวกเธอก็ไม่ได้พูดมันออกมา ดังนั้นตัวคุรุคุรุ ฮิเมะจึงพูดมันออกมาเอง นอกจากนี้ มันมีสิ่งที่เธออยากจะทำแม้จะต้องอยู่คนเดียวด้วย
เธอให้เบอร์มือถือของโนโซมิ ฮิเมโนะไป ริปเปิลแนะนำเธอว่าให้ระวังหลังไว้ด้วย หากมือของเฟรเดริก้ายื่นออกมาเพื่อจับตัวเธอไปล่ะก็ มันก็จบสิ้นกันเท่านั้น
คุรุคุรุ ฮิเมะทำตามที่ริปเปิลบอก เธอระวังหลังในขณะที่รีบวิ่งไปยังบ้านฮิเมโนะ และไปถึงในเวลาเพียงไม่นาน เธอกลับไปเป็นร่างมนุษย์เพื่อเอากุญแจบ้านออกมา แต่เธอก็พบว่าเธอไม่จำเป็นต้องใช้มันในทันที ประตูหน้านั้นเปิดอยู่และพื้นที่รอบๆนั้นถูกย้อมไปด้วยสีดำมืด
เธอเปิดประตูหน้าเข้าไปและมองเห็นของเหลวสีแดงสดไหลยาวอยู่ทั่วทางเดินจนมาถึงเท้าของเธอ เมื่อเห็นแบบนั้นโนโซมิก็กรีดร้องบางอย่างที่แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่เข้าใจออกมาอย่างสุดเสียง
☆ ไพตี้ เฟรเดริก้า (เหลือเวลาอีก 11 ชั่วโมง 20 นาที)
เฟรเดริก้าเกือบส่งเสียงออกมาเมื่อเธอเห็นเมจิคัลเกิร์ลสีดำปรากฏตัวออกมาจากท้องฟ้าด้านบน
ร่างกายที่ดูยั่วยวนของเธอมีเพียงแค่แถบผ้าปิดเอาไว้ ปลายหางเรียวยาวสีดำนั้นแหลมคมเหมือนหอกและตกแต่งด้วยริบบิ้นสีแดง มีเขาสีดำสองข้างยื่นออกมาที่หัว มีตาสีแดงเข้มเหมือนกับฮานะ เกโคคุโจแต่ว่าของเธอนั้นสีเข้มกว่า ถ้าพูดให้ชัดล่ะก็ มันเป็นดวงตาประเภทประเภทที่เมื่อมองดูแล้วจะถูกดูดเข้าไปได้
แล้วก็ปีกสีดำทั้งสี่ คนที่มองดูในทีแรกนั้นอาจไม่ได้คิดว่ามันเป็นปีกด้วยซ้ำ สี่เหลี่ยมสีดำทั้งสี่ที่อยู่ด้านหลังเมจิคัลเกิร์ลนั้นมันลอยอยู่ในอากาศ ไม่ใช่แค่มันเท่านั้น แต่ตัวเธอเองก็ลอยได้เช่นกัน
เธอคือมาโอแพม ชื่อของเธอนั้นเป็นที่รู้จักกันดีแม้กระทั่งคนที่ไม่ได้คลั่งไคล้เมจิคัลเกิร์ลอย่างเฟรเดริก้า เธอนั้นเป็นพี่เลี้ยงของนักดนตรีแห่งพงไพร แครนเบอร์รี่ คนที่เฟรเดริก้าหลงใหล สืบเสาะ และค้นคว้ามากที่สุด เฟรเดริก้านั้นมีหลากหลายความรู้สึกเมื่อเธอพูดชื่อของมาโอแพมออกมา ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกกลัว รู้สึกเกลียด รู้สึกริษยา หรือรู้สึกเคารพ
สุดท้ายเฟรเดริก้าก็มองดูเส้นผมของมาโอแพม มันเป็นผมสั้นสีบลอนที่ดูน่าเบื่อแถมยังยาวไม่ถึงไหล่อีก ผมหน้าของเธอนั้นก็มีปอยผมส่วนหนึ่งม้วนไปในทางที่ต่างกัน ทรงผมของเธอนั้นดูจืดชืด น่าเบื่อ และไม่ได้ดูมีอะไรเป็นพิเศษ
เฟรเดริก้าถอนหายใจออกมา มันเป็นเส้นผมที่เรียบง่ายและดูธรรมดาก็จริง แต่ทำไมเส้นผมสั้นๆนั้นถึงดูแววาว งดงามเป็นประกายขนาดนี้นะ? เธออยากจะลูบไล้มัน คลึงมัน เอาเส้นผมนั้นมาสัมผัสกับแก้ม อยากใส่มันเข้าปากแล้วลิ้มรสเหลือเกิน อยากจะเลียเขาที่งอกออกมานั่นด้วย
“อาจารย์… อาจารย์กำลังน้ำลายไหลอยู่นะ”
“อ๊ะ โทษที”
เฟรเดริก้ารับผ้าเช็ดหน้าที่เป็นลายตัวโน๊ตสองร้อยห้าสิบหกแบบจากท็อตป๊อปมาแล้วก็เช็ดที่มุมปากของเธอ มาโอแพมนั้นมีพลังน่าเหลือเชื่อที่ดึงดูดเธอได้จริงๆ
พูคินชักดาบของเธอออกมา ในขณะที่โซเนียนั้นยืนอยู่ด้านหน้าพูคินเพื่อเฝ้าระวัง นี่เป็นครั้งแรกที่เฟรเดริก้าเห็นพูคินทำหน้าจริงจังตั้งแต่หนีออกมาจากคุก เธอไม่ได้ยิ้ม ไม่ได้ทำหน้าเย้ยหยันหรือหรี่ตาด้วยความไม่พอใจ แต่กำลังมองดูมาโอแพมด้วยความระมัดระวัง
ท่าทางของมาโอแพมสะท้อนถึงการแสดงออกของพูคินเช่นกัน พวกเธอกำลังประเมินซึ่งกันและกัน ก่อนที่จะได้ข้อสรุปที่เหมือนกันว่าต่างฝ่ายต่างก็เป็นศัตรูที่ทรงพลัง
มาโอแพมลงมาที่พื้นช้าๆอย่างไม่เกิดเสียง ปีกทั้งสี่นั้นกำลังป้องกันเธออยู่ เฟรเดริก้าพูดออกมาด้วยเสียงเบาๆอย่างระมัดระวัง แม้จะพูดเสียงเบาแต่เธอก็สัมผัสได้ว่ามาโอแพมอาจได้ยินมัน แต่กระนั้นเธอก็ยังพูดเสียงดังออกมาไม่ได้
“เธอคือมาโอแพมค่ะ เธอมาจากกรมการต่างประเทศ และรู้จักกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่ทรงพลังที่สุด”
“โฮะโฮ่ ทรงพลังที่สุดงั้นเหรอ? พวกนั้นเพิกเฉยข้าไปแล้วรึ?”
“เธอเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่ทรงพลังที่สุดในปัจจุบันค่ะ ไม่ใช่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์”
มาโอแพมมองมาที่พวกเธอราวกับว่ามองทะลุพวกเธอได้ เฟรเดริก้าไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจินตนาการอะไรแบบนี้ออกมา แต่มันก็รู้สึกได้ว่าอุณหภูมิรอบตัวของเธอลดลงไปราวสองหรือสามองศาจนท็อตป๊อปตัวสั่น
สายตาของมาโอแพมมองไปที่ฮานะที่นอนอยู่ตรงเท้าของโซเนีย เธอมองดูที่นั่นอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหันสายตากลับมาที่เดิมอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
“พวกแกเป็นใคร?”
มาโอแพมพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษ คงได้ยินที่พวกเธอพูดกันสินะ การออกเสียงของเธอนั้นไร้ที่ติ ยิ่งกว่านั้นน้ำเสียงของเธอก็ดีอีกด้วย แม้น้ำเสียงกับท่าทางจะไม่ได้คล้ายกัน แต่มันก็ทำให้เฟรเดริก้านึกถึงแครนเบอร์รี่อย่างน่าประหลาด บางทีเฟรเดริก้าอยากคิดแบบนั้นเองก็ได้
พูคินตอบมาโอแพมกลับไปอย่างไม่ลังเล
“มันไม่มีมารยาทเลยนะ ที่จะถามชื่อคนอื่นก่อนจะบอกชื่อตัวเองน่ะ”
“ชั้นชื่อมาโอแพม แกเป็นนักฆ่างั้นสินะ?”
“ข้าชื่อพูคิน นี่เจ้ากล้าดียังไงมาเรียกข้าว่าเป็นนักฆ่าน่ะ”
อากาศระหว่างทั้งคู่กำลังลุกเป็นไฟ
ท็อตป๊อปจับปลายเชือกที่มัดฮานะเอาไว้ แล้วพยายามลากเธอไปที่ซากรถฟิวรี่จากนั้นหลบอยู่ในเงาของรถ
แต่เชือกนั้นก็ถูกตัดขาด แล้วตัวของฮานะก็ลอยขึ้นไปบนอากาศ ท็อตป๊อปที่อยู่ตรงปลายเชือกนั้นตกใจมากตอนเงยหน้ามองไปที่ฮานะ หนึ่งในปีกทรงสี่เหลี่ยมนั้นแปลงเป็นรูปร่างมนุษย์แล้วแบกฮานะขึ้นไปบนอากาศอย่างนิ่มนวล มาโอแพมไม่ใช่แค่รวดเร็ว แต่การเบนความสนใจของพวกเธอไปที่อื่นในขณะที่ตัวเองใช้เวทมนตร์ออกมานั้นมันยอดเยี่ยมมาก
“ไม่จำเป็นต้องใช้ตัวประกันหรอก”
พูคินไม่ได้อารมณ์เสียกับสิ่งที่มาโอแพมทำ… อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ใช่จากมุมมองที่เฟรเดริก้าเห็น ริมฝีปากของพูคินบิดเบี้ยวราวกับเหยียดหยามศัตรูในตอนที่เธอชี้ดาบไปที่มาโอแพม
“ขโมยตัวประกันของพวกข้าไปโดยไม่จ่ายค่าไถ่นี่มันช่างอวดดียิ่งนัก”
“ชั้นไม่อยากได้ยินมันจากปากของคนที่ทรมาณนักโทษหรอกนะ”
พูคินก้าวไปข้างหน้า แต่โซเนียก็ห้ามเธอเอาไว้แล้วก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว โซเนียใช้มือขวาจับถุงมือที่มือซ้าย เธอถอดมันออกมาแล้วโยนไปหามาโอแพม สายลมพัดพาถุงมือนั้นไปหล่นลงตรงตรงเท้าของมาโอแพมอย่างนิ่มนวล
โซเนียเอามือจับไว้ที่เอวด้วยท่าทางที่กล้าหาญแล้วตะโกนออกมา
“ดวลกับเราตัวต่อตัว! อย่างตรงไปตรงมาด้วย!”
พวกเธอมีกันอยู่สี่คน ในแง่ของจำนวนแล้วนั้นมีมากกว่า เฟรเดริก้าไม่เข้าใจว่าทำไมโซเนียถึงทิ้งข้อได้เปรียบนี้ไปและจงใจสู้แบบตัวต่อตัว เธอหันไปหาพูคินเพราะไม่เข้าใจความตั้งใจของโซเนีย พูคินนั้นถอยกลับมาครึ่งก้าวแล้วกระซิบตอบอย่างเบาๆ
“ตอนที่โซเนียสู้อย่างจริงจัง เธอจะมองไม่เห็นทั้งมิตรและศัตรู ถ้าไม่อยากถูกจับตัว การต่อสู้แบบตัวต่อตัวมันคือตัวเลือกเดียว…นั่นคือสิ่งที่โซเนียพยายามจะบอก โซเนีย! ฝากจัดการด้วย!”
มันคงเป็นเรื่องที่งี่เง่าหากถูกจับตัวในการต่อสู้แบบนี้ ดังนั้นเฟรเดริก้าจึงถอยตามพูคินออกมา
“นานมากแล้วจริงๆ ที่ไม่ได้มีเมจิคัลเกิร์ลมาท้าดวลตัวต่อตัวกับชั้นแบบนี้น่ะ!”
มาโอแพมตอบกลับโซเนียด้วยเสียงดัง ท่าทางของเธอไม่ได้ดูใจเย็นเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ใบหน้าของเธอตั้งแต่หน้าผากจนถึงคางล้วนเต็มไปด้วยความสุข แสดงท่าทางดีใจออกมาอย่างเต็มที่
“ชื่ออะไร?”
“…โซเนียบีน”
มนุษย์รูปร่างสีดำที่แบกฮานะอยู่นั้นมันงอกปีกขนาดใหญ่ออกมาแล้วก็กระพือปีกบินออกไป มาโอแพมมองอย่างดูถูกไปที่โซเนีย คนที่กำลังตั้งท่าพร้อมสู้แบบก้มต่ำ ทำไมการมองผู้อื่นอย่างดูถูกถึงงดงามราวกับเป็นภาพวาดขนาดนี้กันนะ? เฟรเดริก้าคิดพร้อมกับมีความสุข
“โซเนียบีน! ชั้นยอมรับการดวล! เข้ามาเลย!”
โซเนียวิ่งเข้าไปหาเธอ และปีกของมาโอแพมก็ตัดผ่านอากาศ
☆ มาโอแพม (เหลือเวลาอีก 10 ชั่วโมง 53 นาที)
เธอรู้สึกว่าจะยั้งมือไม่ได้ ภารกิจของเธอไม่ใช่การฆ่านักฆ่า และยังต้องป้องกันไม่ให้คนอื่นฆ่าด้วย มันจึงไม่ใช่เรื่องดีเลยที่มีคู่ต่อสู้ที่ไม่สามารถยั้งมือได้ แต่เธอก็รู้สึกดีอกดีใจมากขึ้น เพราะคู่ต่อสู้ของเธอนั้นแข็งแกร่ง เธอจึงต้องสู้ด้วยความตั้งใจที่จะฆ่ามิเช่นนั้นเธอจะถูกฆ่าซะเอง
มาโอแพมมีปีกทั้งสี่ของเธอครบแล้วในตอนที่มาถึงที่เกิดเหตุ และก็ยืนยันว่ามันไม่ได้มีอุบัติเหตุทางรถยนต์อะไรเลย นักดาบกับเด็กสาวชุดรอยเย็บนั้นเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าคนที่เธอเคยพบเจอมาในชีวิต การสู้แบบตัวต่อตัว การแนะนำตัว และการที่นักดาบพูดว่าเด็กสาวชุดรอยเย็บนั้นไม่สามารถแยกแยะมิตรและศัตรูได้และให้เธอต่อสู้คนเดียวมันจึงดีกว่า ทุกอย่างที่กล่าวมามันทำให้มาโอแพมตื่นเต้น
ความเป็นมืออาชีพที่มีมาหายไปแล้ว การที่เธอช่วยฮานะก่อนนั้นไม่ใช่ว่าเธอต้องการจะช่วยพวกเดียวกัน แต่เธอคำนวนแล้วว่าตัวเองจะเสียเปรียบหากฮานะตกเป็นตัวประกัน สมองของเธอราวเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เต็มไปด้วยความปรารถนาอันเห็นแก่ตัวเพื่อให้สนุกกับการต่อสู้ครั้งนี้
โซเนียงัดพื้นถนนขึ้นมาด้วยนิ้วเท้าราวกับเธอเป็นกระทิง มันทำให้มาโอแพมสัมผัสได้ถึงแรงกระตุ้นในการต่อสู้จากเธอได้ ส่วนอีกสามคนนั้นรีบหลบออกไป พวกนั้นไม่ได้หนีแต่มองดูจากที่ไหนซักที มาโอแพมเองก็จับตามองพวกเธออยู่เช่นกันมิเช่นนั้นตัวเธอเองอาจตกอยู่ในอันตรายได้
ตอนที่โซเนียบีนวิ่งเข้ามาหา มาโอแพมก็พึมพำบางอย่าง
“ฮาดราเนียล”
มาโอแพมใช้ปีกข้างหนึ่งเป็นกำแพง กางมันออกระหว่างตัวเธอและศัตรู และในเวลาเดียวกันนั้น—
“ลองกินุส”
เธอเปลี่ยนปีกอีกสองข้างกลายเป็นหอกแล้วโจมตีโซเนียจากสองทาง
สิ่งที่มีผลมากในการต่อสู้ระหว่างเมจิคัลเกิร์ลคือความใกล้ชิดกันของอีกฝ่าย เธอต้องเลือกแผนที่ดีที่สุดในการต่อสู้เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายใช้ความใกล้ชิดนั้นได้ อ่านการโจมตีของศัตรู และถ้าสามารถตอบสนองได้ต่อคู่ต่อสู้ได้อย่างทันท่วงที แบบนั้นอีกฝ่ายก็จะไม่มีวันได้โจมตีก่อน มาโอแพมใช้กำแพงเพื่อบดบังการมองเห็นของโซเนีย และในขณะที่ทำการป้องกันอยู่นั้น เธอก็ปล่อยหอกสองเล่มเข้าไปยังจุดบอดเพื่อโจมตีโซเนีย
มาโอแพมมอบพลังในการมองเห็นให้กับกำแพงและหอก การมองเห็นคู่ต่อสู้ในขณะที่อีกฝ่ายมองไม่เห็นนั้นมีประโยชน์เสมอ สิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือการอ่านความตั้งใจของศัตรูโดยดูจากการเคลื่อนไหวของดวงตาและท่าทางการขยับตัวเล็กๆน้อยๆ เมื่อการต่อสู้มาถึงจุดนี้ เธอก็เริ่มมีความรู้สึกว่าเมจิคัลเกิร์ลนั้นวางแผนจะใช้เวทมนตร์ทำอะไรบางอย่าง ในตอนนี้การได้เห็นสิ่งจะที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ดีกว่า ก่อนอื่นก็ต้องไม่เสียบเธอด้วยหอกแบบตรงๆ
โซเนียนั้นยังคงวิ่ง วิ่งตรงมาด้านหน้า เธอไม่ได้พยายามหลบหอกเลย มันไม่ใช่ว่าเธอหลบไม่ได้แต่ดูเหมือนว่าเธอไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นมากกว่า การได้เห็นอะไรแบบนี้ มาโอแพมจึงคิดว่าเธอคงมีเวทมนตร์ประเภทป้องกันบางอย่างแน่ มันจะหักเหทิศทางของหอกรึเปล่านะ? หรือถ้าเธอโดนหอกเสียบก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ? การตอบสนองของเธอนั้นคล้ายคลึงกับเด็กสาวนักเต้นอาหรับที่มาโอแพมเคยสู้บนท้องฟ้า
ลองกินุสนั้นเล็งไปร่างกายทั้งสองข้างของโซเนียก็จริง แต่ที่ปลายของมันกลับถูกลบหายไปราวกับว่ามันแตกหักง่ายเหมือนถ่าน ฮาดราเนียลที่เน้นการป้องกันเป็นพิเศษเองก็ขัดขวางเธอไม่ได้เช่นกัน โซเนียแหวกมันออกเป็นรูปร่างมนุษย์ได้อย่างง่ายดาย โซเนียนั้นกำลังวิ่งเข้ามาหามาโอแพมอย่างมีความสุข
เหมือนว่าเวทมนตร์ของโซเนียคือการทำให้ทุกอย่างที่สัมผัสกลายเป็นผุยผง การที่มาโอแพมคิดว่ามันเป็นเวทมนตร์ไว้สำหรับป้องกันนั้นถูกเพียงครึ่งหนึ่ง ความจริงแล้วมันใช้ได้ทั้งการโจมตีและการป้องกัน ลองกินุสนั้นแหลมคมพอที่จะเสียบทะลุพื้นหินหลายชั้น และฮาดราเนียลเองก็สามารถต้านทานระเบิดนิวเคลียในระยะใกล้ได้ แต่เมื่อโซเนียสัมผัสมันก็หายไปราวกับไม่มีแรงต้านอะไรเลย ไม่สนทั้งพลังโจมตีและความทนทาน ทุกอย่างจะแหลกสลายเป็นเถ้าถ่านและจบแค่นั้น
โซเนียทำลายปีกทั้งสามที่มาโอแพมใช้จนหมดสิ้น ปีกที่เหลือของเธอนั้นยุ่งอยู่กับการช่วยฮานะ ตอนนี้มันไม่มีอะไรมาขวางระหว่างโซเนียกับมาโอแพมแล้ว การเคลื่อนไหวของโซเนียนั้นอ่านง่ายมาก เธอไม่ใช่แค่จะวิ่งเข้ามาใกล้มาโอแพม แต่ยังพยายามเข้ามาพุ่งชนร่างกายของมาโอแพมด้วย มาโอแพมนั้นมองเห็นได้จากการขยับกล้ามเนื้อของเธอ
มาโอแพมจะหยุดเธอได้ไหมนะ? แม้ว่าเธอต้องการจะทำแบบนั้น แต่เธอก็หยุดโซเนียจากด้านบนไม่ได้ จะโจมตีสวนกลับแบบเอาเข่ากระแทกหน้าก็ไม่ได้ เวทมนตร์ของโซเนียไม่ยกเว้นร่างกายของมาโอแพมแน่ ในตอนที่ถูกโซเนียสัมผัส มาโอแพมคงกลายเป็นฝุ่นแล้วก็หายไป
ดังนั้นต้องจัดการโซเนียก่อนที่เธอจะโจมตีมา
มาโอแพมยกเท้าขวาขึ้นราวสิบเซ็นติเมตรแล้วก็กระทืบลงไป ยางมะตอยเริ่มแตกตัวจากจุดที่มีเท้าขวาเป็นศูนย์กลาง ถล่มลงมาอย่างรุนแรงจนแหลกละเอียด การที่จู่ๆพื้นก็ถล่มนั้นมันทำให้การโจมตีของโซเนียสะดุดจนหายตามไปด้วย
มาโอแพมนั้นจะแข็งแกร่งที่สุดในการต่อสู้เมื่อมีปีกทั้งสี่อยู่ด้วย แต่เมื่อไม่มีปีกที่คอยปกป้องอยู่ มันก็ไม่ได้หมายความว่าร่างกายของมาโอแพมนั้นบอบบาง มาโอแพมนั้นเชื่อมั่นว่าถ้ามั่นใจในเวทมนตร์ของตัวเองมันก็จะให้หลีกเลี่ยงการต่อสู้โดยใช้มือเท้าได้ หากทำได้แบบนั้นเธอก็จะอยู่เหนือกว่าเมจิคัลเกิร์ล
มาโอแพมถอยกลับไปเพื่อรักษาระยะห่าง จากนั้นก็สั่งให้หอกและกำแพงฟื้นตัว มันใช้เวลาราวห้าวินาทีก่อนที่จะปรากฎขึ้นมาใหม่อีกครั้ง จนกว่าจะถึงตอนนั้นเธอต้องอดทนให้ได้
โซเนียพุ่งไปทางขวาแล้วก็ทางซ้ายจากนั้นก็พุ่งตรงเข้ามาหามาโอแพม แต่เธอนั้นไม่ได้พุ่งตรงเข้ามาแบบทื่อๆ เธอผสมผสานการหลอกล่อและการก้าวไปด้านข้างเข้ามาในการเคลื่อนไหวด้วย มาโอแพมกระโดดขึ้นจากพื้นเหมือนกับนักกายกรรม กระโจนแล้วหมุนตัวเพื่อหลบหลีกนิ้วของโซเนีย เส้นผมจำนวนหนึ่งของเธอถูกสัมผัสกลายเป็นสีดำและหายไปเหมือนกับฝุ่น การหลบหลีกของมาโอแพมยังคงช้าเกินไป เธอจึงเพิ่มความเร็วอีกระดับ
โดยทั่วไปแล้ว คู่ต่อสู้ที่มีเวทมนตร์ที่จำเป็นต้องมีการสัมผัสทางกายภาพเพื่อให้มีผลนั้นต่อสู้ด้วยค่อนข้างง่าย ถ้าไม่ได้มีความสามารถเรื่องการบินล่ะก็ แบบนั้นมาโอแพมก็แค่บินขึ้นไปบนอากาศแล้วยิงถล่มลงมาแบบไม่รู้จบเท่านั้น แต่ในตอนนี้พวกเธออยู่ในสถานที่ที่ไม่ดี มาโอแพมรักษาระยะห่างกับโซเนียพร้อมกันตรวจสอบพื้นที่ไปด้วย ถนนสี่เลนนี้มันดูกว้างแต่มันก็แคบเกินไปที่จะให้มาโอแพมปลดปล่อยพลังออกมาอย่างเต็มที่ ด้วยพื้นที่แบบนี้ หากมาโอแพมหนีขึ้นไปบนฟ้าที่ที่ศัตรูไม่สามารถตามขึ้นมาได้ แบบนั้นศัตรูก็อาจจะหนีไปยังในตัวเมือง ถ้ามันเกิดเรื่องแบบนั้นการไล่ล่าก็จะยากขึ้นเป็นเงาตามตัว
หากโซเนียไปอาละวาดอยู่ในตัวเมือง มันก็จะเกิดความเสียหายที่ไม่จำเป็นขึ้น มาโอแพมไม่ได้ถูกส่งมาที่นี่เพื่อให้คนบริสุทธิ์ถูกฆ่าตาย
โชคดีที่ตอนนี้พวกเธออยู่แถวชานเมือง ที่มีเพียงป้ายสัญญาณจราจร เครื่องขายของอัติโนมัติ ทุ่งหญ้า พื้นที่การเกษตร และราวกั้นอยู่ทั่วพื้นที่ สถานที่เดียวที่ดูเหมือนจะมีคนอยู่คือสิ่งก่อสร้างที่ดูเหมือนจะเป็นพิพิธภัณฑ์หรือแผนกทะเบียน แต่มันก็อาจจะว่างเปล่าแล้วเพราะไม่มีใครปรากฏตัวออกมาเลยตั้งแต่มีรถชนเข้ากับเสาประตู ดังนั้นหากเธอจบการต่อสู้ได้ก่อนที่รถพยาบาลกับรถตำรวจจะมา เธอก็จะสามารถหลีกเลี่ยงการทำให้เกิดผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตได้
ในสายตาของเธอมองเห็นแค่โซเนียเพียงคนเดียว อีกสามคนมองดูการต่อสู้อยู่ที่ไหนนะ? ตอนนี้ปีกของเธอฟื้นฟูเสร็จเรียบร้อยแล้ว และเธอก็สั่งให้มันทำการโจมตีทันที กับคู่ต่อสู้คนนี้มันไม่จำเป็นต้องป้องกัน
“เกเฮนนา”
มาโอแพมเปลี่ยนปีกหนึ่งข้างเป็นเปลวเพลิงกลืนกินโซเนียทั้งตัว แต่มันก็สลายหายไปทันทีเมื่อไปสัมผัสกับตัวเธอ โซเนียไม่ได้มีแผลไฟไหม้แม้แต่แผลเดียวอยู่บนร่างให้เห็นเลย
“โลกอส”
เธอเปลี่ยนปีกอีกข้างหนึ่งให้กลายเป็นคลื่นเสียงทำลายล้างพุ่งตรงไปยังตัวโซเนีย แต่มันก็หายไปหมดโดยไร้ผลเช่นเดิม
“ลูซิเฟอร์”
ปีกของเธอรวมตัวกลายเป็นแสง และเปล่งความร้อนสูงออกมาโจมตีไปที่โซเนีย แต่ลำแสงนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นสีดำมืดเมื่อไปสัมผัสโซเนีย การได้เห็นอะไรแบบนี้ แม้จะเป็นตัวของมาโอแพม คนที่มีคำว่ามาโอซึ่งแปลว่าราชาปีศาจอยู่ในชื่อ มันก็รู้สึกเหมือนว่าเธอกำลังมองลงไปในห้วงนรก เธอมองไม่เห็นดวงตาของโซเนียสับสนเลยแม้แต่นิดเดียว เธอนั้นกำลังวิ่งมาด้วยความสุข
“ไมนอส”
มาโอแพมพัดเธอให้ปลิวไปด้วยลมไม่ได้เช่นกัน โซเนียกางฝ่ามือออกเพื่อป้องกันลมกรรโชก ลมที่ผ่านโซเนียไปนั้นมันก็กลายเป็นเถ้าถ่านสีดำ
“อิคิดนา”
เธอก็สร้างอากาศพิษขึ้นมาแต่ไม่ได้คิดว่ามันจะได้ผล และมันก็ไม่ได้ผลตามคาดจริงๆ
“โคไซตัส”
หากการเพิ่มพลังงานเข้าไปไม่มีประโยชน์ แล้วถ้าลบพลังงานออกล่ะจะเป็นยังไง? มาโอแพมสงสัย เธอพยายามแช่แข็งโซเนียด้วยการลดอุณภูมิลงต่ำ แต่มันก็ไม่ได้ผลเลย และเมื่อโซเนียสัมผัสกับอากาศมันก็แตกสลาย
ถึงแม้มาโอแพมจะพยายามโจมตีเข้าไปอีกครั้งแล้วครั้งเล่า การโจมตีของโซเนียก็ยังไม่หยุด มาโอแพมจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหลบ แม้จะดูเป็นการหนีมากกว่าหลบก็ตาม การเล่นไล่จับแบบนี้หากโซเนียแตะตัวมาโอแพมได้ นั่นก็หมายถึงความตายของเธอ
ด้วยพื้นที่ต่อสู้ที่จำกัดแบบนี้ มาโอแพมจึงวิ่งไปยังที่ที่เธอต้องการไม่ได้ การหนีไปที่อื่นอย่างไม่ฉลาดก็นำมาซึ่งความเสียหายที่มากขึ้น ทางหลวงสี่เลนตรงนี้เป็นที่เดียวที่เธอจะขยับตัวไปรอบๆได้
☆ 7753 (เหลือเวลาอีก 10 ชั่วโมง 48 นาที)
ฮานะบินอยู่บนท้องฟ้า
มานาชี้ไปที่เธอและพูดออกมา ริปเปิลนั้นวิ่งตามหลังเธอไป มันมีแต่เรื่องที่เข้าใจยากเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า 7753 ที่ยังคงสับสนเรื่องทั้งหมดอยู่นั้นในที่สุดก็ตามทัน
เพียงไม่นาน ริปเปิลก็กลับมาพร้อมกับตัวฮานะในอ้อมแขน ทั่วทั้งตัวของฮานะบอบช้ำอย่างหนัก หูข้างหนึ่งของเธอถูกตัดออกไปครึ่งหนึ่ง เธอคงต้องโดนทรมาณอย่างโหดร้ายมาแน่ๆ มานาร้องไห้แล้วตะโกนเรียกเธออีกครั้ง ฮานะค่อยเปิดตาของเธอแล้วก็ขยับริมฝีปากอย่างแผ่วเบา เธอกำลังยิ้มอยู่
“ดิฉันไม่คิดเลยค่ะ…ว่าจะยังรอดชีวิตมาเจอคุณได้อีกครั้ง”
“อย่าฝืนตัวเองนักสิ ฮานะ”
“ดิฉันไม่ได้ตั้งใจทำแบบนั้นค่ะ… ไม่อยากจะเชื่อจริงๆ ว่าจะออกมาจากที่นั่นได้ทั้งๆที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วย”
หูและตาของเธอถูกมัดเอาไว้ ฮานะคงไม่มีทางรู้ว่าใครเป็นคนช่วยเธอมา แต่เมื่อตัดตัวเลือกต่างๆออกไปแล้ว มันก็ลดลงจนเหลือแค่คนเดียว
“ทุกคนอยู่ที่นี่…หมายความว่า…เอ่อ…มาโอแพมเป็นคนช่วยดิฉันเหรอคะ?”
“ทรงกลมสีดำพาเธอกลับมาที่นี่… จากนั้นมันก็เปลี่ยนปีกสี่เหลี่ยมแล้วก็กลับไป หากมองไม่ผิด มันคือปีกของมาโอแพม…คิดว่านะ”
“เป็นมาโอแพมจริงๆด้วย เธอช่วยดิฉัน…ช่วยดิฉันไว้จริงๆ”
“ใครมันทำกับเธอแบบนี้น่ะ? พวกเฟรเดริก้างั้นเหรอ?”
ริปเปิลวิ่งไปตามทางที่ฮานะบินมา หากข้อมูลของเธอถูกต้องมันก็จะมีศัตรูอยู่หลายคน ริปเปิลคงจะออกไปช่วยมาโอแพม 7753 รู้สึกลังเล สงสัยว่าเธอนั้นควรจะตามไปดีรึเปล่า แต่เธอก็คิดว่าตัวเองคงไม่มีประโยชน์แม้จะตามริปเปิลไป ดังนั้นเธอจึงอยู่กับฮานะ
มีคำแนะนำจากหัวหน้าของเธอเข้ามาในแว่นกันลม ฮานานั้นบาดเจ็บหนักมาก หัวหน้าของ 7753 บอกว่าให้หาสถานที่ที่ไม่มีใครสนใจและสามารถปักหลักกันได้ ไปที่นั่น แล้วให้มานารักษาฮานะ
เป็นคำสั่งที่ฟังแล้วมีเหตุผลดี ตอนนี้ฮานะเองก็อ่อนแอมาก เธอจำเป็นต้องหาสถานที่ที่ไม่มีใครสนใจแล้วทำการรักษาเธอที่นั่น ดังนั้น 7753 จึงบอกมานาไปตามนี้ แล้วแบกฮานะไปยังซอยที่อยู่ถัดไปอีกสามซอย พาเธอเข้าไปในเงาของเครื่องขายของอัติโนมัติ
หัวหน้าของเธอคงต้องมีแผนที่ของเมืองนี้ เพราะตำแหน่งเฉพาะที่ต้องผ่านสามซอยแล้วไปซ่อนตัวในเงาเครื่องขายของอัติโนมัติตามบอกมานั้นแม่นยำ 7753 รู้สึกขอบคุณสำหรับการบอกทิศทางอย่างแม่นยำแบบนี้จริงๆ
มานาดึงสัญลักษณ์เวทมนตร์ที่อ้างอิงจากบันทึกที่อยู่ในมือข้างหนึ่งออกมา เธอวางตัวของฮานะลงตรงกลางแล้วหยิบไม้เท้าขึ้นมา จากนั้นก็เริ่มร่ายคาถา บางทีมานาอาจจะร่ายคาถาฟื้นฟูอยู่ ไม่รู้ว่าฮานะรู้เรื่องนี้รึเปล่า แต่ฮานะที่นอนอยู่นั้นก็ยิ้มออกมา 7753 จึงกุมมือของฮานะเอาไว้
☆ มาโอแพม (เหลือเวลาอีก 10 ชั่วโมง 39 นาที)
มาโอแพมพยายามหั่นเธอด้วยใบมีด จุดดินปืนเพื่อให้ตัวเธอระเบิด ฝังเธอด้วยดินและทราย และบดเธอด้วยแรงกดมหาศาล แต่มันก็ไม่ได้ผล ตาของโซเนียนั้นเปล่งประกาย เธอวิ่งเข้ามาหามาโอแพมราวกับเด็กน้อยได้ของเล่นชิ้นใหม่
…ฮะฮ่า นี่ชั้นเป็นของเล่นงั้นเหรอเนี่ย?
มันเลือดสาดไปหน่อยที่จะเป็นของเล่นของเมจิคัลเกิร์ลนะ มาโอแพมหัวเราะตัวเอง เพราะตระหนักเหมือนกันว่า ตัวของเธอก็เหมือนกับเด็กน้อยที่ได้ของเล่นใหม่เช่นกัน
มาโอแพมยังคงมองดูโซเนีย บีนในตอนที่วิ่งถอยห่างออกมา ทุกอย่างที่โซเนียสัมผัสนั้นจะกลายเป็นเถ้าถ่านสีดำและแหกสลายไป มาโอแพมสามารถทำแบบนี้ต่อได้อีกเป็นร้อยปี แต่การโจมตีแบบธรรมดานั้นมันเอาชนะไม่ได้ เธอจึงต้องเปลี่ยนวิธีการคิดเรื่องนี้
“มาสเตม่า”
เธอจัดเรียงปีกทั้งสามให้อยู่ในรูปสว่านแล้วเล็งมันไปที่ถนน เธอไม่ได้เล็งไปที่ตัวโซเนียแต่เล็งไปยังถนนที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า สว่านนั้นหมุนอย่างรวดเร็ว เจาะลงไปที่ถนนจนฝุ่นฝุ้งกระจาย
มาโอแพมไม่ได้แค่พยายามทำลายพื้นยางมะตอย แต่เธอทำลายพื้นโลกที่อยู่ด้านล่างด้วย และไม่ได้หยุดเพียงแค่ทำลายแต่ขุดลึกลงไป ฝุ่นควันและเศษคอนกรีตพุ่งขึ้นมา โซเนียนั้นมองมาที่มาโอแพมเหมือนเธอดูสับสนว่าทำไมปีกถึงไม่โจมตีเธอ ยังไม่พอ มาโอแพมยังคงขุดให้ลึกลงไปอีก
มาโอแพมตั้งใจขุดหลุดที่พื้นเพียงอย่างเดียว จนพื้นที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของโซเนียนั้นพังทลายและตัวโซเนียก็ตกลงไป หลุมที่มาโอแพมขุดนั้นลึก ลึกมาก หากมองลงมาจากบนท้องฟ้าก็จะเห็นเป็นวงกลมขนาดใหญ่ราวกับเป็นรูบนพื้นโลก มาโอแพมเปลี่ยนปีกสีดำข้างหนึ่งให้เป็นชุดคลุมทั่วทั้งร่างโดยไม่เปิดเผยให้เห็นอะไรเลย ฝุ่นนั้นหนาเกินไปจนทำให้เธอเข้าไปโดยไม่มีชุดไม่ได้
มาโอแพมยืนอยู่ที่ก้มหลุม เหนือขึ้นไปจากม่านฝุ่น เธอมองเห็นอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหว
โซเนียกำลังวิ่ง พื้นที่กว้างขนาดสามสิบเมตรนี้เป็นพื้นที่จำกัด ไม่มีที่ให้หนี ในสนามรบแห่งนี้ฝ่ายที่โจมตีจะได้เปรียบ
มาโอแพมยกฟิล์มสีดำขึ้นมาระหว่างตัวเธอกับโซเนีย ฟิล์มนี้เป็นชั้นบางๆที่เป็นสิ่งกีดขวางและมีอยู่ทั่วในหลุม มันไม่ได้ทำการขัดขวางการเคลื่อนไหวของโซเนีย มันไม่มีอะไรหยุดการเคลื่อนไหวโซเนียได้ ชั้นฟิล์มนี้เป็นสิ่งบดบังการมองเห็นของเธอเท่านั้น
มาโอแพมมอบความสามารถเพื่อให้เยื่อพวกนี้เป็นดวงตาให้เธอ จากนั้นก็วิ่งทวนเข็มนาฬิกาห่างออกจากตัวโซเนีย ในเวลาเดียวกันนั้นเองปีกที่สี่ของเธอก็กลับมาแล้ว มันเป็นปีกที่เธอใช้ส่งฮานะไปยังสถานที่ปลอดภัยและปลดปล่อยเธอจากพันธนาการ มาโอแพมวางมันไว้บนหลุม เปลี่ยนมันให้เป็นของเหลวเหนียวหนืดที่ติดไฟได้ จากนั้นก็กระจายมันไปทั่วทั้งหลุม
“เกเฮนนา”
เธอจุดไฟด้วยปีก ทำให้ทั่วทั้งลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิง มันไม่เหมือนกับเกเฮนนาครั้งก่อน เป้าหมายของเธอไม่ได้จะเผาโซเนียแบบตรงๆ ความร้อนมันไม่มีผลกับศัตรูคนนี้ มาโอแพมยังคงใช้ปีกของเธอจุดไฟ ในขณะที่สร้างของเหลวติดไฟออกมาอย่างต่อเนื่อง ระมัดระวังมันเป็นพิเศษไม่ให้ไปสัมผัสกับโซเนีย และไม่ว่าโซเนียจะลบฟิล์มไปมากแค่ไหน มาโอแพมก็จะสร้างมันขึ้นมาใหม่ ทำให้โซเนียรู้สึกสับสนราวกับอยู่ในเขาวงกต
โซเนียค่อยๆเคลื่อนไหวช้าลง มาโอแพมเองก็เหมือนกัน เธอไม่ปล่อยให้โซเนียยอมแพ้ เธอทำให้โซเนียรู้สึกว่าตัวเธออยู่ที่นั่นตลอด รักษาระยะห่างเอาไว้ใกล้พอที่จะทำให้โซเนียรู้สึกว่าเกือบจะจับตัวได้แล้ว เธอทำให้เปลวเพลิงในที่ๆเธอวางมันเอาไว้ร้อนแรงยิ่งขึ้น และทำให้แน่ใจว่าจะไม่ไปสัมผัสโดยตรงกับโซเนีย
โซเนียเริ่มโซซัดโซเซ การก้าวเท้าของเธอเริ่มไม่มั่นคง ดูเหมือนพร้อมจะล้มลงได้ตลอดเวลา แต่เธอก็ยังคงไม่สูญสิ้นความหวัง ความหวังที่อีกแค่นิดเดียวก็ใกล้จะจับตัวมาโอแพมได้แล้วไป โซเนียทะลวงผ่านฟิล์มมานั้น เธออ้าปากพร้อมกับห้อยลิ้นออกมาด้วยความเจ็บปวด เปลวเพลิงที่ลุกไหม้อย่างรุนแรงทำให้ใบหน้าของโซเนียเป็นสีแดง
ดี
มันได้ผล
โซเนียบีนนั้นมีพลังที่จะปกป้องและโจมตีจากภัยต่างๆได้ในเวลาเดียวกัน ไม่ว่ามาโอแพมจะโจมตีเข้าไปมากแค่ไหน มันก็ทะลวงผ่านเวทมนตร์ของโซเนียไปไม่ได้ ดังนั้นมาโอแพมจึงคิดว่าแทนที่จะโจมตีตัวโซเนีย ทำไมไม่ไปโจมตีพวกเดียวกันแทนซะล่ะ?
เมจิคัลเกิร์ลทุกคนนั้นต้องหายใจ เว้นแต่จะอุปกรณ์หรือเวทมนตร์แบบพิเศษ หากไม่มีอ็อกซิเจนแล้วล่ะก็ ไม่ว่าเมจิคัลเกิร์ลนั้นจะแข็งแกร่งซักแค่ไหน เธอก็จะทำอะไรไม่ได้ มาโอแพมนั้นเผาออกซิเจนในพื้นที่จำกัดในหลุมนี้อย่างต่อเนื่องเพื่อขัดขวางการหายใจของโซเนีย แม้ปอดของเมจิคัลเกิร์ลนั้นจะแข็งแกร่งแต่มันก็ไม่ได้ยืนยันว่าจะทำอะไรได้อย่างไม่จำกัด แน่นอนเมื่อมาโอแพมคิดจะทำแบบนี้ เธอจึงเก็บอากาศเอาไว้ภายในชุดก่อนแล้ว
เมื่อเวลาผ่านไป โซเนียก็ตระหนักได้ว่าเธอหายใจไม่ออก แต่มันก็สายไปแล้ว โซเนียนั้นหมกมุ่นในการต่อสู้มากเกินไป โซเนียพยายามตะโกนบางอย่าง แต่เสียงของเธอก็ไม่ออกมา
โซเนียนั้นสามารถใช้เวทมนตร์ของตัวเองขุดรูที่กำแพงหรือพื้นเพื่อขยายหลุมได้ แต่มาโอแพมจะยังคงใช้ไฟล้อมเธอต่อไป ไล่ตามโดยไม่ให้ไฟนั้นไปสัมผัสกับโซเนีย
โซเนียไม่มีตัวเลือกอื่น นอกจากต้องพยายามปีนขึ้นไปด้านบนจุดที่ยื่นออกมาจากผนังเพื่อหนีออกจากหลุม แต่มาโอแพมก็ทำลายมันทิ้งในทันที ระยางค์ที่งอกออกมาจากปีกข้างหนึ่งของเธอทำลายพื้นที่โซเนียยืนอยู่ จนทำให้เธอร่วงลงมา
มาโอแพมนำฟิล์มออกไป เมื่อมาโอแพมเผยตัวออกมาแล้ว โซเนียก็หมุนตัวและจ้องมองมาที่เธอ โซเนียบีนคนที่สู้ด้วยความตื่นเต้นและสนุกสนานมาตลอด ในตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นความเกลียดชังไปแล้ว
โซเนียก้มตัวลง เอามือทั้งสองข้างสัมผัสกับพื้นและยกเอวขึ้น เธอไม่ได้ล้มลงแต่อย่างใด เมื่อมาโอแพมเห็นว่าเธอกำลังทำท่าเตรียมวิ่ง โซเนียก็วิ่งเข้ามาหาเธอแล้ว
อารมณ์ที่แปรปรวนของเมจิคัลเกิร์ลนั้นมีผลกับความแข็งแกร่ง โซเนีย บีนนั้นถูกต้อนจบเกือบจนมุมแล้ว และการวิ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่งในครั้งนี้บางทีอาจใช้ทุกอย่างที่เหลืออยู่ เฉกเช่นเดียวกับเปลวไฟที่เผาไหม้อย่างร้อนแรงบนแท่งเทียนก่อนที่จะหายวับไป เมจิคัลเกิร์ลเองก็มีพลังที่ซ่อนอยู่เมื่อถูกต้อนจนมุมเช่นกัน
โซเนียนั้นพุ่งผ่านเปลวเพลิงมาจากอีกฝากเข้ามากอดร่างของมาโอแพม โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ามันเป็นเพียงร่างปลอมจนล้มกลิ้งไปข้างหน้า
แม้จะอยู่ต่อหน้าศัตรูที่ใกล้ตาย มาโอแพมก็ไม่เคยประมาท ปีกที่เธอใช้สร้างฟิล์มนั้นเธอเอามันมาแปลงเป็นรูปร่างที่คล้ายกับตัวเอง วางมันเอาไว้ด้านหน้าของโซเนียที่ใกล้จะตายมากินเหยื่อ และโซเนียที่สติเริ่มเรือนรางเพราะขาดอ็อกซิเจนก็งับมันเข้าอย่างจัง ปีกที่สร้างเป็นรูปมาโอแพมถูกทำลาย หลังจากนั้นโซเนียก็ล้มลงและหยุดนิ่งไป
มาโอแพมถอยห่างจากกำแพงและถอดชุดของเธอออก ในตอนนี้เธอจดจ่อไปที่ของเหลวไวไฟกับเปลวเพลิงทั้งหมดในหลุมแห่งไปนี้ยังโซเนียเพื่อจัดการเธอทิ้ง ในขณะที่แปลงชุดของเธอเป็นโล่ไว้ที่แขน เพื่อป้องกันโน๊ตดนตรีจำนวนมากที่พุ่งเข้ามาหาเธอจากด้านนอกหลุม
แม้ว่าศัตรูคนนี้จะให้ความสำคัญกับการดวลแบบตัวต่อตัว แต่เธอก็รู้ว่าในจุดๆหนึ่งอีกฝ่ายต้องเข้ามาขวางอยู่แล้ว เธอจะไม่สาปแช่งว่าอีกฝ่ายนั้นขี้ขลาดหรือหยาบคายอะไร เพราะการต่อสู้มันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว
ชุดของเธอนั้นป้องกันเธอจากความร้อนเอาไว้ และการถอดมันออกก็หมายถึงทั่วทั้งตัวของเธอจะไหม้เกรียมทันที เมจิคัลเกิร์ลสามารถทนได้ก็จริง แต่เธอก็ไม่อยากอยู่ที่นี่นานๆ
โน๊ตดนตรีแต่ละตัวนั้นรุนแรงพอที่จะเฉือนเนื้อและทำให้กระดูกหักได้ จะปล่อยให้มันมาโดนตัวไม่ได้ เธอคิดเช่นนี้ และในตอนนั้นเอง เธอก็สัมผัสได้ถึงความอันตรายจากด้านหลัง นักดาบกับนักทำนายนั่นเอง
เธอเปลี่ยนปีกข้างหนึ่งเป็นของเหลวไวไฟ อีกข้างหนึ่งเป็นไฟ โซเนียทำลายข้างที่มาโอแพมสร้างขึ้นให้ดูเหมือนตัวเองไปและมันยังไม่ฟื้นตัว อีกข้างหนึ่งที่เหลือก็คือชุดที่ตอนนี้ถูกเปลี่ยนเป็นโล่ป้องกันการโจมตีจากโน๊ตดนตรี ศัตรูคงคำนวนมาแล้วว่าสิ่งที่มาโอแพมจะใช้ได้จัดการกับการโจมตีต่างๆได้นั้นมีเพียงพลังทางกายภาพ ดังนั้นการสู้แบบสองต่อหนึ่งคงเพียงพอที่อีกฝ่ายจะฆ่าเธอได้
แน่นอนว่ามาโอแพมคาดเดาเรื่องทุกอย่างเอาไว้แล้ว
มาโอแพมนั้นสามารถใช้เวทมนตร์ควบคุมปีกได้สูงสุดสี่ข้าง แต่เธอยังมีอีกสองข้าง มันเป็นปีกสองข้างที่เป็นส่วนเสริมของชุดและร่างกายของเธอมาแต่เดิม แต่เธอไม่สามารถเอามันออกจากตัว หรือเปลี่ยนมันไปเป็นอย่างอื่นได้ โดยปกติแล้วปีกนั้นเล็กและเธอซ่อนมันเอาไว้ไม่ให้มองเห็น เธอจะใช้มันเมื่อถึงยามจำเป็นจริงๆเท่านั้น
และในตอนนี้ก็ถึงเวลานั้นแล้ว
มาโอแพมกางปีกที่อยู่ด้านหลังออกกว้าง ข้างหนึ่งป้องกันดาบที่แทงเข้ามา อีกข้างหนึ่งป้องกันลูกเตะของนักทำนายเอาไว้ ฝ่ายตรงข้ามแปลกใจจนตอบสนองช้า นักทำนายดูลังเล แต่นักดาบนั้นไม่ใช่ ดังนั้นนักดาบจึงเป็นคนที่ต้องให้ความสำคัญ
มาโอแพมกระพือปีกกระแทกตัวของนักทำนายจากด้านข้าง นักทำนายนั้นป้องกันเอาไว้ได้แต่ไม่สามารถดูดซับพลังโจมตีทั้งหมด เพราะแบบนั้นเธอจึงปลิวออกไปด้านข้างราวสิบเมตรกระแทกเข้ากับผนังของหลุม
มาโอแพมรักษาระยะระหว่างตัวเธอกับนักทำนายเพื่อเผชิญหน้ากันแบบตัวต่อตัว เธอไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายหนีไปแน่ เธอจะจบเรื่องที่นี่ ปีกที่เธอเปลี่ยนเป็นของเหลวไวไฟนั้นเธอเปลี่ยนมันอีกครั้งให้กลายเป็นรูปทรงแบบมนุษย์ และส่งมันตรงเข้าไปหานักทำนายเพื่อยื้อเวลา ตอนนี้ควบคุมแบบอัติโนมัติคงพอแล้ว ส่วนปีกที่เธอเปลี่ยนเป็นไฟนั้นเธอยังไม่ยกเลิก เธอจะปล่อยมันไปแบบนี้จนกว่าโซเนียจะตายอย่างสมบูรณ์
มาโอแพมจดจ่อทุกอย่างไปที่นักดาบ ส่งปีกสองข้างไปโจมตีจากด้านซ้ายและขวา นักดาบนั้นหลบการโจมตีจากด้านขวาอย่างยอดเยี่ยมและปัดป้องปีกซ้ายไว้ด้วยเรเปีย มาโอแพมยกเลิกการโจมตีโดยการลดขนาดของปีกลงเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เรเปียโจมตีมาโดน ดูเหมือนว่าศัตรูนั้นจงใจเลือกใช้ดาบบางๆอย่างเรเปียเพื่อปัดป้องการโจมตีของมาโอแพม
การเล็งเป้าของนักดาบนั้นแปลก ราวกับว่าการเคลื่อนไหวทั้งหมดของเธอเพื่อต้องการสัมผัสตัวของมาโอแพม โอกาสที่เรเปียเป็นอาวุธเวทมนตร์นั้นสูง ดังนั้นมาโอแพมต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้โดนมัน
นักดาบนั้นแทงเรเปียของเธอออกมา มาโอแพมกลับกระโจนไปด้านหลังในการโจมตีครั้งแรก จากนั้นเธอก็บิดตัวเพื่อหลบการโจมตีครั้งที่สอง แล้วก้มตัวลงเพื่อหลบการโจมตีครั้งที่สาม ในขณะเดียวกัน มาโอแพมให้ปีกสองข้างคลานไปตามพื้น ใช้มันเพื่อกระโดดขึ้นไปในอากาศแล้วก็เตะออกมา แต่เธอก็ชักขากลับก่อนที่การแทงครั้งที่สี่จะสัมผัสกับหน้าแข้ง คราวนี้เธอพยายามเตะเข้าไปที่แขนขวาของนักดาบ แต่ก็ขัดเอาไว้ด้วยข้อศอกจนทำให้เท้าของมาโอแพมรู้สึกชา
จากนั้นการโจมตีครั้งที่ห้าก็ตามมา เพราะมาโอแพมนั้นยืนอยู่ด้วยท่าทางแปลกๆจึงทำให้เธอหลบได้ยาก หรือเธอทำให้ดูเป็นแบบนั้นซะเอง เธอใช้ปีกสองข้างที่คลานอยู่ที่พื้นยกแผ่นคอนกรีตขนาดใหญ่ขึ้นมาที่เท้า แล้วผลักมันออกไปในจังหวะที่ศัตรูโจมตีเข้ามา เรเปียนั้นแทงเข้าไปที่แผ่นคอนกรีต แล้วมาโอแพมก็พุ่งเข้าไปด้านหลัง
เธอวิ่งตามเข็มนาฬิกาแล้วโจมตีศัตรูเข้าไปจากด้านหลังแผ่นคอนกรีต นักดาบนั้นทิ้งเรเปียที่ติดอยู่ที่แผ่นคอนกรีตไปแล้วต่อยมาโอแพมเข้าที่หน้า แต่มาโอแพมก็ใช้มือซ้ายหยุดหมัดนั้นไว้ได้ เธอบีบแรงจนเรียกได้ว่าบดขยี้ แต่หมัดของนักดาบนั้นก็แข็งมาก
นักดาบกระทืบหนึ่งในปีกที่มาโอแพมใช้กับแผ่นคอนกรีต ในตอนที่มาโอแพมจับข้อมือของอีกฝ่ายเพื่อหยุดการโจมตีด้วยมีดสั้น เธอก็พยายามโจมตีด้วยปีกอีกข้างหนึ่ง แต่นักดาบนั้นก็กดมันไว้ใต้แผ่นคอนกรีตด้วยเท้า
เท้าของนักดาบเหยียบปีกของเธอเอาไว้ มือของเธอก็ติดอยู่ในการต่อสู้ ดังนั้นมาโอแพมคิดว่าจึงควรใช้เท้า แต่เมื่อเธอเตะออกไป นักดาบก็ดันกลับมาด้วยแรง ที่มือซ้ายของนักดาบนั้นถือมีดสั้นและหมัดขวา ทั้งสองข้างเพิ่มแรงและดันเข้ามาหาตัวมาโอแพม
มาโอแพมค่อยๆถูกดันเข้ามา ถ้าเท้าของเธอยันเอาไว้ไม่ได้ก็จะถูกดันกลับ นักดาบนั้นแข็งแกร่งกว่า มาโอแพมคิดว่าคนที่ใช้เรเปียจะมุ่งเน้นไปที่เทคนิคกับความเร็วซะอีก แต่คนๆนี้ก็แข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ
น่าสนใจจริงๆ!
นักดาบนั้นผลักเธอแรงขึ้นเรื่อยๆ ในตอนนั้นเองมาโอแพมก็โยกหัว ใช้หน้าผากของตัวเองกระแทกเข้าไปที่จมูกของนักดาบ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นแรงผลักจากนักดาบก็ไม่ได้ลดลง และนักดาบก็ใช้หน้าผากกระแทกเข้าไปที่คางของมาโอแพมกลับ มาโอแพมจึงสวนกลับด้วยการเอาหัวกระแทกเข้าไปที่จมูกของนักดาบอีกครั้งโดยไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น จนจมูกของนักดาบมีเลือดไหลทะลักออกมา ผิวหนังเองก็ฉีกขาด เลือดที่ไหลออกมาจมูกผสมปนเปกันกับเลือดจากผิวหนัง มาโอแพมใช้หน้าผากกระแทกไปอีกครั้ง แต่ศัตรูก็ป้องกันเอาไว้ได้ด้วยหน้าผากของตัวเอง แรงกระแทกนั้นทำให้หัวพวกเธอเด้งออกจากกัน
แรงของศัตรูนั้นยังไม่อ่อนลง ปีกของมาโอแพมก็ขยับได้แค่เล็กน้อย มือของศัตรูเองก็ค่อยๆเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที การเอาหน้าผากกระแทกก็ไม่ทำให้เกิดอะไรแล้ว ควรกัดคอศัตรูดีไหมนะ? มาโอแพมคิดเช่นนั้นแล้วหันไปมองดูท่าทางของนักดาบ หน้าผากนั้นแตก จมูกเองก็หัก แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เมื่อมองดูไปที่ใบหน้าแล้วก็พบว่ามีท่าทางที่แปลกประหลาด ราวกับว่าเธอกำลังมองดูบางสิ่งที่ไม่เข้าใจ สายตาของเธอไม่ได้มองมาที่มาโอแพม แต่มองไปที่บางสิ่งที่อยู่ด้านหลังมาโอแพม
นั่นเธอมองอะไรน่ะ?
หลังจากที่ความคิดนั้นผุดขึ้นมาในหัวของมาโอแพม มันก็มีบางอย่างเสียดแทงเข้ามาจากด้านหลังของเธอทันที มันตัดผ่านช่องท้อง จนเธออาเจียนออกมาเป็นเลือด เป็นบางสิ่งที่ส่องประกายภายใต้เปลวเพลิงสีแดงเข้มที่เหมือนกับเลือดของมาโอแพม มันเห็นได้ชัดเจนมากยิ่งกว่าบนท้องฟ้าหลังจากฝนตก สายรุ้งหลากสีสรร มาโอแพมไม่รู้สึกถึงมันเลย เธอไม่รู้สึกถึงความร้อน ไม่รู้สึกถึงเสียงเช่นกัน
สายรุ้ง? ทำไมกัน?
สายรุ้งที่แทงทะลุร่างมาโอแพมจนมันไปฉีกช่องท้องของนักดาบด้วยเช่นกัน นักดาบนั้นเสียสมดุล และก้าวไปด้านหน้าเป็นแนวทแยงมุม ไปจับเข้ากับเรเปียที่ติดอยู่ในแผ่นคอนกรีต แต่เรเปียนั้นรับน้ำหนักร่างกายของเธอไม่ไหว จนมันหลุดออกมาจากแผ่นคอนกรีต นักดาบปล่อยมือของมาโอแพมแล้วกลิ้งไปตามพื้น
มาโอแพมพยายามจะเอาตัวเองออกจากสายรุ้ง แต่ขาของเธอนั้นไร้เรี่ยวแรง เธอไม่สามารถหนีหรือหมุนตัวไปรอบๆได้เพราะสายรุ้งนั้นมันค้ำยันร่างกายเธอเอาไว้
จากนั้นสายรุ้งสายที่สอง สายรุ้งสายที่สามก็พุ่งเข้ามา เธอหลบมันไม่ได้
ร่างกายของมาโอแพมถูกตัดขาดออกเป็นชิ้นๆด้วยสายรุ้ง จนกระทั่งสิ้นลมหายใจ
☆ ไพตี้ เฟรเดริก้า (เหลือเวลาอีก 10 ชั่วโมง 20 นาที)
เมื่อพูคินบอกว่าต้องไปช่วยโซเนีย เฟรเดริก้าเองก็เห็นด้วย แต่มันก็เป็นแค่ฉากหน้า ใจจริงแล้วเธอไม่ได้มีความคิดที่จะไปช่วยโซเนียเลย สิ่งที่เธอต้องการคือล้มมาโอแพม เฟรเดริก้าคิดว่าหากกำจัดมาโอแพมเมจิคัลเกิร์ลที่ทรงพลังที่สุดและเป็นตัวอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดภายในบาเรียไปได้ แบบนั้นโซเนียเป็นผู้เสียสละอย่างทรงเกียรติไปก็ไม่เป็นไร เธอไม่ได้เข้าไปช่วยโซเนียแต่เธอเล็งจังหวะที่มาโอแพมจะฆ่าโซเนีย ตอนนั้นมาโอแพมต้องใช้สมาธิทั้งหมดไปที่โซเนียแน่ หากพวกเธอสามคนโจมตีพร้อมกันในคราวเดียวได้ แบบนั้นพวกเธอก็มีโอกาสชนะ
เฟรเดริก้ายืนยันกับพูคินว่าให้เธอเป็นคนจัดการเรื่องจังหวะเอง และเธอก็จงใจยั้งการโจมตีเอาไว้ จากนั้นเธอก็วิ่งเข้าไปด้วยข้ออ้างที่ว่าจะเข้าไปช่วยโซเนีย ทั้งๆที่ใจของเธอรู้ว่ามันสายไปแล้ว
มันควรจะเป็นจังหวะที่สมบูรณ์แบบ หรืออย่างน้อยก็ควรจะเป็นแบบนั้น พวกเธอต้องโจมตีคู่ต่อสู้แบบไม่ทันตั้งตัว และป้องกันไม่ให้มาโอแพมใช้ปีกทั้งสี่อย่างเต็มที่ แม้เธอจะป้องกันการโจมตีครั้งแรกได้ แต่เธอก็จะเหลืออีกปีกอีกสองข้าง ซึ่งนั่นก็คือมาโอแพมต้องหลบการโจมตีทั้งสองครั้งด้วยร่างกายตัวเอง สิ่งที่เฟรเดริก้าทำทั้งหมดมีแค่โจมตีเบี่ยงเบนความสนใจ ในขณะที่การโจมตีของพูคินนั้นเล็งถึงตาย
แต่มาโอแพมก็อยู่กว่าที่เฟรเดริก้าคิดไว้ ด้วยความรู้มากมายของเฟรเดริก้า เธอก็ยังคงไม่รู้ว่ามาโอแพมมีปีกที่ห้าและหก คงเก็บเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉินสินะ
มาโอแพมหลบเลี่ยงการโจมตีของเฟรเดริก้าและพูคินด้วยปีกที่ซ่อนเอาไว้ จากนั้นก็เปลี่ยนปีกเป็นรูปร่างมนุษย์สีดำเข้ามาหาเฟรเดริก้า เพื่อขวางเธอไม่ให้เข้าไปช่วยพูคิน แม้สถานการณ์จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นหวัง แต่เฟรเดริก้าก็รู้สึกปลาบปลื้ม แผนที่คิดขึ้นมาจากเมจิคัลเกิร์ลแสนสกปรกโสมมอย่างเฟรเดริก้า การใช้พวกเดียวกันไปสละชีวิตเพื่อจัดการศัตรูถูกทำลายไปแล้ว สมกับเป็นมาโอแพมจริงๆ
แม้เฟรเดริก้าจะถูกปีกของมาโอแพมเหวี่ยงไปติดกับกำแพง เธอก็รู้สึกดีใจ และจากนั้นจู่ๆก็มีสายรุ้งปรากฏขึ้น ด้วยเหตุผลอะไรซักอย่างทำให้สายรุ้งนั้นแหลมคมจนแทงทะลุผ่านตัวของมาโอแพม
ความรู้สึกดีใจของเธอหายไป เธอถูกกระชากกลับเข้ามาสู้ความเป็นจริง ร่างกายของมาโอแพม แขน ขา หัว และเส้นผม! ทั้งหมดกระจัดจายไปบนกองเลือดขนาดใหญ่ เปลวเพลิงหายไป โซเนียไม่เหลือแม้กระทั่งขี้เถ้า พูคินหายไปทิ้งไว้แต่รอยเลือด เฟรเดริก้ากระพริบตา ตอนนี้เธอไม่มีเวลาจะมาสับสนแล้ว
เธอวิ่งขึ้นไปด้านบนหลุม และพบว่ามีเด็กสาวสามคนอยู่ที่นี่
หนึ่งคนแต่งกายด้วยลักษณะที่ชวนให้นึกถึงเด็กสาวที่ส่งไปรษณีย์ เธอนั่งกุมเข่าพร้อมกับตัวสั่น
หนึ่งคนมีสายรุ้งอยู่ที่หลังพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า
ส่วนคนสุดท้าย…เธอนอนจมกองเลือดและคลายการแปลงร่างไปแล้ว กีตาร์อังกฤษที่เป็นจุดขายของเธอก็หายไปเช่นกัน
เฟรเดริก้าเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ในขณะที่กลุ่มของเฟรเดริก้าเป็นหอยกาบที่กำลังต่อสู้กับนกชายเลนอยู่ในโคลนตม มันก็มีชาวประมงมากวาดทุกสิ่งทุกอย่างไปจนหมด
มีแฟร์รี่ตัวเล็กบินออกมาจากเสื้อของเด็กสาวสายรุ้ง ใบหน้าของเธอที่ควรจะน่ารักกลับถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มที่ดูน่ารังเกียจ ซึ่งคล้ายกับรอยยิ้มบนหน้าของเด็กสาวสายรุ้ง
“พวกเราทำได้แล้วววว! มาโอแพมกับเด็กสาวอีกคนตายแล้ว! เราไม่รู้หรอกว่าเป็นใคร แต่ถ้าสู้กับมาโอแพมล่ะก็เธอต้องแข็งแกร่งแน่ แบบนี้หมายความว่าพวกเราฆ่าเด็กสาวที่แข็งแกร่งไปได้สองคนเลยนะ! ยอดเยี่ยมสุดๆ!”
“เราไม่รู้หรอกนะว่าเธอตายรึยัง แต่อย่างน้อยเราก็จัดการมาโอแพมไปได้คนนึงแล้ว”
“อื้อ อื้อ เธอจัดการได้แล้วล่ะ! สุดยอดแห่งชัยชนะเลยนะ! ตอนนี้เธอน่ะเป็นเมจิคัลเกิร์ลหมายเลขหนึ่งที่เราอยากให้มากอดเลยนะ เรนโปว!”
“แต่เราก็กอดโทโกะอยู่แล้วนะ”
ทั้งสองกุมท้องแล้วก็หัวเราะไปด้วยกัน
“ตอนนี้เหลือแค่หนึ่งคนที่วิ่งหนีไป แล้วก็หนึ่งคนที่เป็นเด็กสาวของแครนเบอร์รี่ใช่ไหม?”
“อ๊ะ เราไม่ได้คิดว่าเธอจะเป็นปัญหาอะไรหรอก เราสู้กับเธอมาหน่อยนึงแล้วแต่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไร”
เด็กสาวสายรุ้งเตะเข้าไปที่เด็กสาวไปรษณีย์ เด็กสาวไปรษณีย์ที่ล้มลงไป มองขึ้นมาด้วยสายตาที่หวาดผวา
“เรายังจัดการยัยนี่ได้ด้วยตัวเองเลย”
“ไม่เลวเลย เรนโปว! แบบนั้นคงไม่มีปัญหาอะไรแน่”
“ถ้าจะมีปัญหาล่ะก็ เราคิดว่ามันคือคนที่หนีไปแล้วก็คนที่อยู่ตรงนี้มากกว่านะ”
ทั้งสองคนมองมาที่เฟรเดริก้าคนที่ไม่มีพวกเหลือแล้ว ไม่มีแม้กระทั่งคริสตัลบอลที่จะใช้เวทมนตร์ สิ่งเดียวที่เธอใช้ได้คือคำพูด เธอต้องหนีจากสถานการณ์นี้ไปด้วยการเจรจาไม่ก็โน้มน้าว
“ฉันมีข้อเสนอ”
“แต่เราไม่อยากได้ยิน”
ตอนที่เฟรเดริก้าเปิดปากพูด เธอก็ปฎิเสธทันควัน
“เราจะฆ่าเธอ เท่านี้แหละ เราจะฆ่าแบบรวดเร็ว แล้วก็ไปฆ่าคนที่วิ่งหนีด้วย”
คนแบบนี้ไม่ใช่คนที่เธอจะโน้มน้าวได้เลย ดูจากสถานการณ์แล้วเหมือนว่าการหนีไปก็ยากด้วย ถ้าไม่มีคริสตัลบอลเด็กสาวสายรุ้งคนนี้ก็เกินกว่าที่เฟรเดริก้าจะรับมือได้ หากเฟรเดริก้าพยายามจะวิ่งหนีพร้อมหันกลับมามองเพื่อหลบเลี่ยงสายรุ้ง มันก็จะเสียแรงมาก แถมในตอนนี้เธอเองก็บาดเจ็บมากแล้วด้วย
เฟรเดริก้ามองไปที่เด็กสาวที่นอนจมกองเลือด นั่นคือลูกศิษย์ของเธอ ลูกศิษย์อันดับหนึ่งของไพตี้ เฟรเดริก้า คนที่จะเป็นเพื่อนกับใครก็ได้
เมื่อเห็นว่าเฟรเดริก้านั้นกำลังมองร่างที่นอนอยู่ เด็กสาวสายรุ้งก็ยิ้มกว้างขึ้น
“ถ้าเธอเป็นคนที่ขึ้นมาจากหลุมนั่นด้วย มันช่วยประหยัดเวลาเราได้เลยล่ะ แย่หน่อยนะ”
แฟร์รี่เองก็ยิ้มคู่กับเธอ
“เราไม่เคยคิดเลยนะว่าจะได้ฆ่าไพตี้ เฟรเดริก้าด้วย ทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่ล่ะ? ไม่ได้โดนจับไปแล้วหรอกเหรอ? นี่ เรนโปว คนๆนี้น่ะชื่อเสียงดังมากเลยนะ”
เฟรเดริก้าสำรวจตัวเองอย่างไม่มีอคติแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ เธอนั้นโกรธที่ท็อตป๊อปถูกฆ่าตาย ไพตี้ เฟรเดริก้านั้นเป็นคนที่สามารถใช้ใครก็ได้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายและความสุขของเธอ เรื่องจริยธรรมกับความเมตตาสำหรับเธอแล้วมันไร้ค่ายิ่งกว่าขยะ จนสุดท้ายเธอก็ถูกคุมขังแต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนไป การที่เธอปลดปล่อยสัตว์ประหลาดสองตัว พูคินและโซเนียออกมานั้นก็เพื่อความพึงพอใจส่วนตัวเช่นกัน
ส่วนที่สงบนิ่งของเธอกำลังมองดูส่วนที่โกรธและเกลียดชังจากระยะไกล น่าแปลกใจจริงๆที่คนอย่างฉันรู้สึกโกรธได้ด้วย เธอสังเกตเรื่องนี้อย่างใจเย็นในขณะเคลื่อนที่ไปข้างหน้าโดยไม่ให้เท้าลอยขึ้นเหนือพื้น
รอยยิ้มของคู่ต้อสู้สองคนหายไป จากนั้นสายรุ้งหลากหลายขนาดจำนวนมากปรากฏขึ้นมารอบตัวราวกับว่าจะเติมเต็มท้องฟ้า เฟรเดริก้ารู้ว่าสายรุ้งนั้นมันคมขนาดไหน
เด็กสาวสายรุ้งกระซิบ “ดูสิ โทกะ เธอกำลังจะสู้อย่างจริงจังด้วย”
“น่าแปลกใจจริงๆ นึกว่าพวกนักโทษอยากยืดอายุออกไปซะอีก”
“คิดว่าเธอประเมินเราต่ำไปรึเปล่า?”
“ชื่อของเธอควรจะเป็น พิตี้(น่าสงสาร) เฟรเดริก้ามากกว่านะ เธอไม่เข้าใจเลยว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์แบบไหนเนี่ย”
ใช่ แม้เธอจะเชื่อว่าถ้าไม่มีคริสตัลบอลล่ะก็จะเอาชนะไม่ได้ แต่กระนั้นเธอก็ยังคงก้าวไปข้างหน้า
เด็กสาวสายรุ้งจับคอของเด็กสาวไปรษณีย์และกระซิบเข้าไปที่หู
“ทาจังน่ะจะเป็นตัวประกันของเราหลังจากนี้นะ ดังนั้นเราไม่ฆ่าทาจังหรอก ถ้าทาจังวิ่งหนีล่ะก็ ทาจังจะเป็นรายชื่อที่ต้องฆ่าเป็นอันดับหนึ่งของเราเลยล่ะ ยิ่งกว่ายัยป้าตรงนั้นอีก เข้าใจไหม?”
เสียงนั่นมันดูคุกคามมากกว่าจะเป็นการกระซิบซะอีก หลักฐานก็คือเสียงนั่นดังมาถึงตัวเฟรเดริก้า เด็กสาวไปรษณีย์หน้าซีด เธอพยักหน้าตอบไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จากนั้นเด็กสาวสายรุ้งก็ยิ้มออกมา แล้วก็โยนเด็กสาวไปรษณีย์ไปด้านหลัง
☆ ฮานะ เกโคคุโจ (เหลือเวลาอีก 10 ชั่วโมง 15 นาที)
ความเจ็บปวดภายในร่างกายค่อยๆลดลงอย่างช้าๆ เธอรู้ว่าบาดแผลนั้นจะรักษาได้รวดเร็วกว่าการฟื้นตัวตามธรรมชาติ แถมยังได้พลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆด้วย ฮานะยกตัวเองขึ้นมาในท่านั่งแล้วเอามือไปแตะที่หูกระต่ายด้านขวา เหมือนว่ามันจะถูกตัดออกไปครึ่งหนึ่ง
“ฮานะ เธอควรพักนะ”
“ไม่ค่ะ ไม่เป็นไร ที่สำคัญคือนอนบนคอนกรีตตอนช่วงนี้ของปีมันเย็นด้วย มันรู้สึกเหมือนโดนดูดพลังงานทั้งหมดออกจากตัวเลยล่ะค่ะ”
ฮะฮะ เธอหัวเราะออกมา นานแล้วที่ไม่ได้หัวเราะออกมาแบบนี้ เธอนั้นเตรียมตัวตายเอาไว้แล้ว อย่างน้อยเธอก็คิดว่าจะตายโดยไม่สร้างปัญหาให้ใคร หรือจบชีวิตตัวเองถ้าถูกจับได้ เธอคิดแบบนั้นกับตัวเอง แต่เมื่อถูกช่วยออกมาได้ เธอก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป
ฮานะจับที่หูกระต่ายด้านขวาของเธออีกครั้ง มันถูกตัดขาดออกไปจริงๆ
จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหมนะ?
ถ้ากลับมาเหมือนเดิมไม่ได้ มันก็คงทำให้หลายๆอย่างยากขึ้นแน่ การที่หูถูกตัดออกไปครึ่งหนึ่งนั้นมันส่งผลต่อรูปลักษณ์ หากคนที่เจอกันครั้งแรกเกิดความระแวงขึ้นมันก็จะส่งผลกระทบต่องานของเธอ อย่างเช่นริปเปิล ฮานะนั้นแน่ใจว่าริปเปิลเป็นคนที่ดีมากแน่ๆ แต่รูปลักษณ์ของเธอดูน่ากลัวจนเกิดความรู้สึกที่รุนแรงออกมา ไม่สิ หากมองข้ามช่องว่างของรูปลักษณ์กับบุคลิกไปมันจะมีความหมายอะไรรึเปล่า? เธอคงต้องถามริปเปิลเรื่องนี้ซักหน่อย
ตอนนี้ฮานะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับริปเปิลกันนะ เธอมองไปยังทิศทางที่ริปเปิลวิ่งออกไป ซอยต่างๆเชื่อมต่อกับถนนใหญ่จนไปสุดทางที่ร้านขายนาฬิกาที่ประตูร้านปิดอยู่ ฮานะมองไม่เห็นอะไรไปมากกว่านี้แล้ว เธอยังคงเชื่อว่ามาโอแพมนั้นจะแก้สิ่งต่างๆด้วยตัวเอง ในจุดนี้เธอรู้สึกปลอดภัยราวกับเป็นความรู้สึกของทารกในครรภ์ที่มีต่อแม่ แต่ริปเปิลล่ะ? เธอไม่ได้มีหน้าที่ในการโจมตีนี่นา?
เมื่อแผลของเธอดีขึ้นแล้ว เธอก็เริ่มรู้สึกเป็นห่วงคนอื่นขึ้นมา เธอเพิ่มสัมผัสการได้ยิน ตั้งใจฟังไปที่ทิศทางที่ริปเปิลมุ่งหน้าไป และเธอก็สัมผัสได้ถึงฝีเท้าที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่ริปเปิล เสียงของเกี๊ยะไม้ที่เธอสวมนั้นมีลักษณะเฉพาะตัวกว่านี้
เมื่อเธอคิดเช่นนั้นก็มองเห็นตัวศัตรูทันที อีกฝ่ายคือเมจิคัลเกิร์ลนักดาบที่อยู่กับเฟรเดริก้า คนที่เธอเรียกว่า ‘นายท่าน’ มือขวาของเธอถือเรเปียส่วนมือซ้ายกุมอยู่ที่ท้อง ใบหน้าของเธอมีเลือดไหลออกมาอย่างน่าสยดสยอง ผมสีส้มของเธอถูกย้อมจนเป็นสีแดง จมูกก็บิดเบี้ยวอย่างอัปลักษณ์ ดูเหมือนกับปีศาจที่กำลังแยกเขี้ยว
ฮานะยืนขึ้นและกดตัวมานากับ 7753 ลงไปที่พื้น
พูคินดูประหลาดใจ เหมือนไม่ได้คิดว่าจะมาเจอพวกเธอที่นี่ จากท่าทางและบาดแผลของเธอ ฮานะบอกได้ว่าเธอกำลังหนีมาจากบางสิ่งบางอย่าง มาโอแพมเหรอ? หรือจะเป็นริปเปิล? ถ้าเป็นแบบนี้พวกเธอจะต้อนให้พูคินจนมุมได้ พูคินดูสิ้นหวัง เธอไม่มีแรงพอที่จะฆ่าพวกฮานะ และการวิ่งคงจะเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งของเธอ แต่ถ้าไปยืนอยู่ตรงหน้าพูคินก็ยังคงถูกโจมตีจนปลิวได้อยู่ดี เพราะฮานะยังไม่ได้ฟื้นตัวอย่างเต็มที่เช่นกัน
เธอคิดเรื่องที่ควรทำ วิกฤตมาเยือนตรงหน้าเธอแล้ว เธอควรจะขยับตัวดีไหม? บาดแผลฟื้นฟูแล้วก็จริงแต่ยังห่างไกลจากคำว่าฟื้นฟูเต็มที่ เธอยังคงต่อสู้ไม่ได้ ดังนั้นเมื่อพูคินเข้ามาในระยะของเธอ ฮานะก็จะเพิ่มสัมผัส ด้วยแผลเหล่านี้หากฮานะเพิ่มสัมผัสเจ็บปวดของพูคินให้แรงขึ้น เธอก็จะสลบด้วยความเจ็บปวดจนขยับตัวไม่ได้ จากนั้นฮานะก็จะปล่อยให้มาโอแพมไม่ก็ริปเปิลจัดการเธอ
ฮานะมองดูพูคินที่เข้ามาใกล้ในท่วงท่าเดียว พื้นคอนกรีตแตกออกจากกัน ทิ้งไว้เพียงรอยเท้าที่ดูงดงาม ทั้งการแทงและการก้าวเท้าของเธอเร็วจนน่ากลัว แต่ถ้าเป็นเรื่องความเร็วฮานะเองก็ไม่แพ้หรอก
ในตอนที่ศัตรูเข้ามาในขอบเขต ฮานะก็ใช้เวทมนตร์ของเธอ การต่อสู้ตัวต่อตัวกับพูคินมันไม่มีเหตุผลอะไรให้เธอต้องชักช้า เธอเพิ่มสัมผัสความเจ็บปวดของพูคินให้สูงขึ้นจนถึงขีดสุด แต่การแทงของพูคินยังไม่หยุด ฮานะไถลตัวไปใต้ดาบของพูคิน ดาบนั้นเฉือนหูกระต่ายของเธอออกไปตื้นๆก็จริง แต่เหมือนจะหลบการโจมตีแบบเต็มๆได้
ฮานะรู้ว่าตัวเองใช้เวทมนตร์ไปแล้ว แต่พูคินนั้นไม่ตอบสนองต่อมันเลย แค่แทงดาบของตัวเองตรงเข้ามา จากนั้นพูคินก็หมุนตัวแล้วแทงเข้ามาอีกครั้ง การโจมตีอย่างไม่คาดคิดนี้โดนเข้าไปที่ไหล่ขวาของฮานะ จากนั้นเธอก็ล้มลง
มือซ้ายของพูคินเอื้อมไปจับมีดสั้นที่อยู่ในฝัก และเมื่อดึงออกมาได้ครึ่งหนึ่ง ฮานะก็ลุกขึ้นมาเร็วกว่าหนึ่งก้าวแล้วใช้ฝ่ามือโจมตีเข้าไปที่กรามของศัตรู พูคินพยายามทนเอาไว้ แต่ฮานะก็ใส่น้ำหนักของตัวเองเข้าไปทั้งตัวเพื่อกระแทกหัวของพูคินให้เข้าไปหากำแพง
พูคินส่งเสียงครางออกมาเล็กน้อยในตอนที่ตัวไถลเข้าหากำแพง ฮานะกดกลางหน้าอกของเธอไว้ด้วยมือ เธอรู้สึกถึงเลือดอุ่นๆที่ไหลทะลักลอดผ่านนิ้วออกมา มีดสั้นของพูคินแทงเข้ามาในตัวเธอลึกจนมีเพียงแค่ที่จับโผล่ออกมา
ฮานะทิ้งมือที่กดอยู่ตรงหน้าอกลง เลือดที่ไหลออกมาก็ย้อมกิโมโนของเธอจนกลายเป็นสีแดงฉาน ไหลจากด้านในเสื้อลงไปถึงต้นขา เธอกำหมัดแน่นแล้วชูไปที่ด้านหน้าตัวเอง จ้องไปที่พูคินแล้วพูดว่า “ตอนนี้ได้เวลาจริงจังแล้ว” เธอยังล้มลงไม่ได้ อีกไม่นานมาโอแพมกับริปเปิลต้องกลับมาแน่ เธอต้องทนให้ได้จนกว่าจะถึงตอนนั้น
ตอนที่มองไปที่หน้าของพูคิน เธอก็รู้สึกว่ามีรอบตัดบางๆอยู่ที่แก้ม ฮานะมั่นใจว่าบาดแผลที่ได้จากดาบพูคินจะทำให้เวทมนตร์ของพูคินทำอะไรบางอย่างกับคนที่โดนมันได้ เมื่อเธอคิดถึงท่าทางของเด็กสาวชุดแต่งงาน บางทีมันอาจจะเป็นการล้างสมองหรือการทำให้อยู่ใต้คำสั่ง พูคินรู้ว่าเวทมนตร์ของฮานะคืออะไร ดังนั้นเธอจึงใช้ดาบของตัวเองแทงเข้าไปที่ตัวเองเพื่อให้ตัวเองมีบางอย่างสามารถต้านทานเวทมนตร์ของฮานะได้ เช่นบังคับให้ตัวเองเข้าใจผิดเรื่องสัมผัสความเป็นปวดไปเป็นอย่างอื่นอะไรแบบนั้น
ตอนนี้ฮานะไม่มีกำลังที่จะใช้เวทมนตร์แล้ว แต่เธอไม่ได้แสดงมันออกมาบนใบหน้า เธอก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับท่าทางใจเย็นที่บอกว่า ‘เลือดนี้มันไม่มีอะไร’
พูคินชี้ดาบมาที่ฮานะ แต่เมื่อเธอได้ยินเสียงเหมือนกับเสียงรถชนที่มาจากทิศทางที่เธอวิ่งมา เธอก็ทำหน้าไม่พอใจแล้วก็เดาะลิ้น พูคินวิ่งออกไปพร้อมกับผ้าคลุมที่โบกสะบัดตามหลัง เหตุการณ์ทั้งหมดกินเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที
ฮานะเอนหลังพิงเข้ากับกำแพงของสิ่งก่อสร้างในซอย 7753 กับมานาลุกขึ้นแล้วเข้ามาแนบกับตัวเธอ ทั้งสองคนร้องไห้ ความร้อนที่อยู่ในอกของเธอเริ่มจางหายไป ความเย็นเริ่มแผ่กระจายไปทั่วร่าง ความคิดจิตใจของเธอเริ่มพร่ามัวเช่นกัน
เธอโจมตีพลาด แต่อย่างน้อยหน้าที่ของเธอที่ต้องปกป้องมานากับ 7753 เอาไว้เธอก็ทำมันสำเร็จได้ เธอคิดเช่นนั้นและยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน จากนั้นสติของเธอก็จางหายไป
MANGA DISCUSSION