ความทรงจำของเมจิคัลเกิร์ลสีฟ้า
เรื่องราวบางส่วนเกิดขึ้นก่อนเกมใน
เมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจค restart จะเริ่มต้นขึ้น
และบางส่วนก็เกิดขึ้นหลังจากที่เกมนั้นจบลง
ฉันเหรอ? หืม ดินแดนเวทมนตร์? นี่เป็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับ เมจิคัลเกิร์ล ใช่ไหม? ไม่จริงน่า!?
เอ่อ โทษทีนะ แค่คุยกันตอนที่ฉันเดินอยู่เนี่ย ไม่เห็นมันจะเมจิคัลตรงไหนเลย… เอ่อ ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นหรอก ฉันแค่จินตนาการเรื่องพวกนั้นไปเองน่ะ จริงๆนะ แบบว่าใช้พวกนกฮูกตัวใหญ่ๆไปส่งจดหมายให้ ไม่ก็ให้แม่มดขี่ไม้กวาดเอาไปส่งข้อความหรืออะไรซักอย่าง โทษทีนะ ฉันผิดเองแหละ
หือ? หวา? อื้อ ก็มีเวลาอยู่หรอก โอเค งั้นก็ไปร้านกาแฟแถวนี้ไหม?
บลูโคเม็ท? อ๋า ใช่ๆ ฉันเคยเจอเธอมาก่อนน่ะ แน่นอนว่าไม่ลืมหรอก ราวๆหนึ่งปีหลังตอนนั้นได้แล้วล่ะ ก็นะ หนึ่ง สอง… อ๊ะ ใช่แล้วล่ะ สองปี เอ่อ ตอนนี้เธอมีปัญหางั้นเหรอ? ไม่ใช่เรื่องนี้? แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ?
อ๋อ แค่อยากรู้เรื่องตอนที่ฉันเจอเธองั้นเหรอ? โอเค
เอ่อ เมื่อสองปีก่อนฉันอยู่มัธยมต้นปีสาม บางทีน่าจะกำลังเรียนเพื่อไปสอบอยู่ ตอนนั้นฉันกังวลเรื่องนั้นอยู่น่ะ เรียนก็หนักแต่เกรดตก เพราะแบบนั้นฉันถึงกังวลอยู่ทุกวันน่ะว่าอาจต้องเข้าโรงเรียนระดับล่างก็ได้
โอ๊ะ ขอคาเฟ่โอเลท์นะ
…ฉันอยู่ที่ไหนงั้นเหรอ? อ่า ใช่ เรียนเพื่อไปสอบมันไม่สนุกน่ะนะ และกังวลบางทีชีวิตตัวเองอาจจะไม่กลับมาสนุกอีกแล้วก็ได้ มีแต่น่าเบื่อแล้วก็น่าเบื่อ แถมฉันเองก็ไม่มีความกล้าพอที่จะเอาความเบื่อหน่ายออกไปอีกด้วย
วันนั้นน่ะมันแย่สุดๆเลยล่ะ โซ่จักรยานฉันหลุดน่ะสิ ตอนนั้นฉันเรียนอยู่ในห้องสมุด พอห้องสมุดได้เวลาปิดฉันก็กลับบ้าน แต่ตอนนั้นจักรยานมันไปชนกับอะไรบางอย่างข้างทางจนโซ่หลุดออกมา ตอนนั้นฉันไม่รู้จะโซ่ทำยังไงกับโซ่ดี แถวนั้นไม่มีใครอยู่ด้วย จึงขอความช่วยเหลือไม่ได้เลย
แถมมันเริ่มมืดแล้วด้วย ฉันเลยเอาจักรยานมาอยู่ใต้ไฟถนน พยายามทำทุกอย่างแล้วแต่ก็ไม่ได้ผลเลย ฉันไม่เก่งเรื่องอะไรแบบนี้ มือของตัวเองก็ดำไปหมด แล้วเมื่อฉันคิดว่า จะทำยังไงดี? ตอนนั้นฉันก็ได้ยินเสียง
“งายยยยย! มีปัญหาอยู่เหรอ?”
ฉันหันไปมองรอบๆแล้วก็ตกใจ
เธอมีผมสั้นสีดำแล้วก็มีดวงตาสีน้ำตาลอ่อน ดูใจดีมากเลยล่ะ แถมยังทำให้เธอดูเป็นผู้ใหญ่ด้วย แต่มันเป็นเพราะเธอเป็นคนสวยจริงๆใช่ไหมนะ? ฉันนี่จ้องเธอเหมือนกับว่า “หวาาาาา” แถมชุดของเธอก็สุดยอดเลยนะ เธอสวมชุดวันพีซสีฟ้า ถุงเท้ายาวสีขาวเหนือเข่า และมีผ้าคลุมขนสัตว์สีขาวที่ดูนุ่มนิ่ม
ก่อนที่จะสอบ ฉันน่ะทั้งดูอนิเมมาเยอะเลย อ่านทั้งมังงะและไลท์โนเวลเหมือนกัน ฉันเห็นอะไรแบบนี้ในเรื่องราวมาเยอะแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตจริงที่ฉันเห็นคนสวมผ้าคลุม แถมเธอยังมี…เครื่องประดับด้วย ใช่รึเปล่านะ? ตอนนี้พอลองมาคิดดูแล้ว มันอาจจะเป็นของจริงก็ได้ หางของเธอที่มีลายสีขาวสลับดำที่ดูเหมือนเสือนั่น
น่ะ
เด็กสาวคอสเพลย์เยอร์แสนลึกลับแถมยังสวยอีกด้วย! ฉันคิดแบบนี้ คิดว่าเธอมาอากิฮาบาระหรืออะไรแบบนั้น อย่างน้อยมันก็ดูปกติ แต่ทำไมถึงเป็นที่นี่ล่ะ? แต่เด็กสาวคนนั้นก็ผลักตัวฉันที่เต็มไปด้วยความสงสัยออกไปอยู่ข้างๆ แล้วเธอก็เอามือมาจับจักรยาน ตอนที่เธอผลักนั้นฉันได้กลิ่นหอมอ่อนๆด้วยนะ แม้แต่ในตอนนี้ฉันยังจำกลิ่นของเธอได้อยู่เลย
“อ๊ะ โซ่งั้นเหรอ หืม? ขอเค้าดูหน่อยสิ!”
ฉันรู้สึกกลัวหน่อยๆ ไม่ใช่เพราะว่ามีคนที่ไม่รู้จักมาจับจักรยานของฉัน แต่ว่าบางทีเสื้อของเด็กสาวคนนี้อาจจะเลอะก็ได้ มันดูแพงด้วยสิ ขนาดฉันยังรู้เลยว่าชุดแบบนั้นมันแพง
เด็กสาวนั้นใส่โซ่ในแนวทแยงมุมแล้วก็หมุนแป้นถีบ เพียงแค่พริบตาเดียวก็ซ่อมเสร็จแล้ว
“ขะ-ขอบคุณมากนะ”
“ไม่ ไม่ เค้าแค่ดีใจที่ได้ช่วยน่ะ อีกอย่าง…”
เธอยื่นมือทั้งสองข้างมาหาฉัน นิ้วของเธอเรียว แถมฝ่ามือขาวๆของเธอก็สวยมาก แต่ตอนนี้มันเป็นสีดำเพราะน้ำมันหมดแล้ว ฉันจึงรีบเอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาและเช็ดมือของเด็กสาว แต่ฉันเองก็ลืมไป มือฉันเองก็ดำแถมยังสกปรกเพราะโซ่ด้วยเหมือนกัน ดังนั้นผ้าเช็ดหน้าตรงที่ฉันจับจึงกลายเป็นสีดำไปด้วย เพราะแบบนั้นฉันจึงตกใจหนักขึ้นไปอีก
“เอ่อ จริงๆแล้วเค้าอ่ะไม่ได้หมายความว่าแบบนี้นะ แต่พวกเราไปล้างกันก่อนดีกว่าไหม? ”
เด็กสาวนั้นดึงมือฉันไปยังน้ำพุที่อยู่ใกล้ๆ ที่ๆพวกเรานั้นล้างมืออยู่ข้างกัน พอมองใกล้ๆแล้วเธอสวยมากจริงๆนะ อ๊ะ แถมยังมีสัญลักษณ์แห่งความงดงามด้วยล่ะ ฉันนี่สติหลุดลอยไปเลย อ๊า เธอนี่น่ารักสุดๆเลย แล้วทันใดนั้นเธอก็มองกลับมาที่ฉันทันทีเลย ฉันตกใจ บางทีอาจจะตกใจมากก็ได้ แต่เด็กสาวคนนั้นก็เหมือนว่าจะไม่ได้คิดอะไร
“อ๊ะ จริงด้วย เค้าต้องให้ไอ้นี่กับเธอด้วย โทษทีน้า!”
เธอสะบัดน้ำออกจากมือ เธอส่งขนมฟุกาชิ*มาให้ฉันด้วย มันไม่มีพลาสติกหุ้มอยู่ ดูราวกับว่าซื้อมาจากร้านขายขนมเล็กๆที่คุณยายแก่ๆขาย…ขนาดและรูปร่างนั้นไม่เหมือนกันเลย
*ขนมที่ทำมาจากแป้งสาลีเคลือบน้ำตาล ลักษณะเป็นแท่งยาวสีน้ำตาล
ฉันสงสัยว่าจะเอาขนมพวกนี้ไปทำอะไรเนี่ย และมองกลับไปที่เด็กสาวด้วยรอยยิ้มฝืนๆ ใบหน้าของเด็กสาวนั้นดูสับสนเช่นกัน แต่ก็ไม่มากเท่ากับฉันหรอก
“เค้าอยากเอาไอ้นี่แลกของอะไรก็ได้กับเธอน่ะ”
“โทษนะ?”
“แลกไง แลกอ่ะ! จะเป็นอะไรก็ได้ ขอร้องล่ะน้า!”
ตอนนั้นพวกเราคุยกันอยู่ก็จริง แต่มันก็ว่าเรียกได้ยากว่าเป็นการสนทนาน่ะนะ เด็กสาวก็ยังคงสะบัดมือเพื่อเอาน้ำออกต่อไป ก็นะ การตั้งใจคุยกันมันคงทำให้เธอเสียสมาธิก็ได้ รู้ไหม? ตอนที่ฉันคิดแบบนั้น จู่ๆเธอก็พูดขึ้นมาว่า “อ๊ะ!” ฉันได้ยินเสียงมือของเธอไปโดนกับเสาโทรศัพท์ล่ะ แล้วเสานั้นน่ะก็ล้มลงมาดัง ตู้ม เสียงตอนกระแทกกับพื้นคอนกรีตเหมือนกับเสียงปืนลูกซองเลย…ถึงฉันจะไม่เคยได้ยินมาก่อนก็เถอะ แถมเศษคอนกรีตมันก็ไปโดนเข้ากับกำแพงของห้องสมุดจนเป็นรูด้วย
เด็กสาวมองไปที่เสาโทรศัพท์ แล้วก็ผนังของสมุดสลับกัน หน้าของเธอเหมือนกับจะพูดว่า “อ๊ะ บรรลัยแล้ว” ฉันมองไปที่เด็กสาว… อ่า จะพูดยังไงดีนะ ตกใจก็ตกใจอยู่หรอกแต่รู้สึกมีความสุขหน่อยๆ ฉันอายุสิบกว่าปีแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นอะไรเหมือนกับในมังงะเกิดขึ้น คิดดูแล้ว มันทำให้ฉันมีความสุขจริงๆนั่นแหละ
ตอนนั้นฉันตื่นเต้นสุดๆเลยล่ะ คิดว่าดวงตาฉันคงเป็นประกายเลยด้วยซ้ำ
“เธอเป็นเอสเปอร์เหรอ?* มิวแทนต์?* ยอดมนุษย์? ผู้เยี่ยมเยือน? เอเลี่ยน? แอ็บนอร์มอลเซอร์ไวเวอร์?* ไซบอร์ก? หุ่นยนต์? นักเดินทางข้ามมิติ? ผู้ถูกเลือก? พระเจ้า? ตัวอย่างทดลอง? จอมเวท? หรือเป็นสปีชี่ย์อื่นงั้นเหรอ?”
*Suzumiya Haruhi
*Mutant Sabu
*Armored Trooper Votom
“หือ?”
“ซุปเปอร์โซลเยอร์?* ผู้เป็นอมตะ?* พวกที่ตื่นแล้ว* สาวก?* อสูรรับใช้?* ผู้อัญเชิญปีศาจ? นินจา? เมจิคัลเกิร์ล?”
*Gundam OO
*Blade of the Immortal
*Claymore
*Berserk
*Zero no Tsukaima
“เอ๋? รู้ได้ไงว่าเค้าเป็นเมจิคัลเกิร์ลอ่ะ?”
“เมจิคัลเกิร์ล? เธอเป็นเมจิคัลเกิร์ลเหรอ!?”
“เอ่อ ไม่ คือเค้า…”
“ขอร้องล่ะ! ฉันไม่บอกใครแน่ๆ ช่วยเล่าเรื่องของเธอให้ฟังหน่อยได้ไหม?”
ฉันตื่นเต้นมาก ไม่รู้ว่ามันเป็นการบังคับหรือว่าขอร้องเธอรึเปล่า ไม่รู้ว่าเข้าหาเธอแบบนี้มันรุนแรงเกินไปไหม ฉันไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิตด้วย ฉันไม่อยากให้ประสบการณ์แบบที่เจอในมังงะครั้งแรกจบลงแบบนี้ นั่นคือสิ่งเดียวที่ฉันสนใจ ดังนั้นฉันถึงได้เข้าหาเธออย่างเต็มที่
เด็กสาวนั้นพูดกับฉันว่า “สัญญานะว่าจะเก็บเป็นความลับ?” แล้วเธอก็เริ่มบอกเรื่องของตัวเอง
เธอชื่อว่าบลูโคเม็ท
“ชะ-ชื่อเท่จังเลย”
“เหมือนชื่อในการแสดงใช่ไหมล่ะ?”
ฉันคิดว่าเมจิคัลเกิร์ลนั้นเป็นเพียงแค่เรื่องแต่ง แต่ในตอนนี้ฉันได้เจอตัวเป็นๆแล้วนั้น หัวใจของฉันก็เต้นรัวไม่หยุดเมื่อฟังเรื่องราวของเธอ
ตอนนี้บลูโคเม็ทกำลังถูกทดสอบโดยพี่เลี้ยงของเธอ ว่าเหมาะสมที่จะได้รับการสืบทอดชื่อของ ลาพิส ลาซูไลน์ รึเปล่า การทดสอบนั้นคือการช่วยเหลือคนที่ประสบปัญหาอยู่ในเมือง และแลกเปลี่ยนสิ่งของกับคนเหล่านั้น ทำให้สิ่งของนั้นเพิ่มมูลค่าขึ้นเรื่อยๆ หากในวันพรุ่งนี้ ถ้าเธอสามารถเอาสิ่งของที่ทำให้พี่เลี้ยงของเธอพอใจได้ไปให้ได้ เธอก็ไม่ได้ถูกบอกว่ามันต้องเป็นอะไร เพียงแค่ต้องแสดงสิ่งของที่เหมาะสมกับชื่อ ลาพิส ลาซูไลน์ ให้ดูเท่านั้น จากนั้นเธอก็จะผ่านการทดสอบของพี่เลี้ยง
ฉันฟังเธออธิบายเรื่องราวอย่างอ่อนโยน ฉันแน่ใจว่ามันเป็นเรื่องจริงๆแน่ๆ หากฉันหนีไปล่ะก็จะไม่มีโอกาสได้เจออะไรแบบนี้อีกแล้ว ฉันก็จะใช้ชีวิตที่ไม่ว่าดีหรือร้าย จนถึงบั้นปลายโดยที่ไม่ได้พบเรื่องราวลึกลับหรือแฟนตาซีอีกแล้ว แต่ไม่ว่าชีวิตฉันจะดีหรือร้าย มันก็เป็นอะไรที่ธรรมดาๆอยู่ดี
“บลูโคเม็ท”
“อะไรเหรอ?”
“ถ้าเธออยากจะแลกเปลี่ยนล่ะก็ เอานี่ไปสิ”
ฉันหยิบเอาปากกาหมึกซึมออกมาจากกระเป๋าให้เธอดู ฉันซื้อปากกานี้มาตอนปีใหม่ด้วยเงินปีใหม่ที่ได้มา คิดว่าราคามันคงประมาณ 5,000 เยนหรือราวๆนั้น มันใช้งานง่ายและมีค่าสำหรับฉันมาก จากราคาของมัน หากมันเป็นราคาที่ฉันต้องจ่ายเพื่อให้ได้ลิ้มลองประสบการณ์ที่น่าอัศจรรย์แล้วล่ะก็ ฉันก็ไม่เสียดายมันเลย จากข้าวของทุกอย่างที่ฉันมีอยู่ ฉันมอบของที่แพงที่สุดที่ตัวเองมีให้เด็กสาวไป
“หวา ระดับเพิ่มขึ้นจากฟุกาชิมากเลย ขอบคุณมากนะ!”
เธอยื่นมือออกมาเพื่อจะหยิบมัน แต่ฉันก็ชักมือที่ถือปากกากลับมาอยู่ที่อก
“แต่…มีเรื่องนึงที่ฉันอยากจะถามเธอ”
“อะไรเหรอ?”
“ฉันจะแลกเจ้านี่กับเธอนะ…แต่เพื่อการแลกเปลี่ยนแล้ว ขอฉันไปกับเธอได้ไหม?”
ในตอนแรกฉันคิดว่าเธอจะปฎิเสธแน่ๆซะอีก ถ้าเธอปฎิเสธฉันจะทำยังไงนะ? นั่นคือสิ่งที่ฉันคิด แต่ก็น่าตกใจที่เธอตอบกลับมาว่า “หากนั่นเป็นเงื่อนไขในการแลกเปลี่ยนล่ะก็ เค้าก็ไม่มีทางเลือกล่ะนะ”
ฉันโทรหาแม่และบอกไปว่าพ่อแม่ของเพื่อนนั้นไปงานศพของญาติ เพราะแบบนั้นฉันถึงตัดสินใจจะอยู่ที่บ้านเพื่อนแล้วก็เรียนไปด้วยกัน แถมฉันเองยังเป็นคนที่ขยันมากเลยไม่คิดว่าแม่จะไม่เชื่อใจฉันด้วย แม้บลูโคเม็ทจะแสร้งทำเป็นเพื่อนแล้วพูดตามปกติของเธอไปว่า “งายยยยย! ยินดีที่ได้รู้จากกกกก!” ก็เถอะ แต่มันก็ดูไม่ค่อยเหมือนเพื่อนของฉันตามปกติซักเท่าไหร่ เพราะแบบนั้นฉันถึงกังวลอยู่บ้าง
“อ๊ะ ใช่ๆ บางทีเค้าก็ไม่ควรถามนะ แต่ว่าเธอชื่ออะไรเหรอ?”
“อ๊ะ มิฮารุ ยัตสึ น่ะ”
“โอ๋ววว มิฮารุจิ!”
“เอ่อ… ‘จิ’ นี่มันคือ?”
“ถ้าชื่อลงท้ายด้วย ‘รุ’ เค้าก็จะเติม ‘จิ’ ไปน่ะ ถ้าเป็น ‘โกะ’ ก็จะเติม ‘จัง’ หากเป็น ‘โยะ’ ก็จะเป็น ‘ชิ’ น่ะ”
สาบานได้เลย ฉันไม่รู้ว่าเธอพูดเรื่องอะไร แต่ก็เนียนพยักหน้าเหมือนกับว่าตัวเองเข้าใจ ตั้งแต่แรกแล้วเมจิคัลเกิร์ลนี่คืออะไรกันนะ? ไม่รู้ว่าจะเป็นเมจิคัลเกิร์ลแบบเดียวกันกับที่ฉันรู้รึเปล่า
อ๊ะ หรือนี่จะเป็นกฏของเมจิคัลเกิร์ลกันนะ? ฉันคิดเช่นนั้น
ฉันคิดว่าเมจิคัลเกิร์ลนี่เป็นอะไรที่ลึกลับซะจริง ขนาดฉันปั่นจักรยานของตัวเองอย่างสุดแรงเพื่อที่จะไล่ตามเธอ แต่กลับกลายเป็นว่าทำให้เธอช้าลงแทน เธอหยุดแล้วหันกลับมามองบ่อยๆและพูดว่า “อีกนิดเดียว โอเคน้า?” ใบหน้าของเธอเหมือนว่าจะรู้สึกเห็นอกเห็นใจฉันด้วย เช่นว่า “มันไม่สะดวกสินะ ที่ใช้จักรยานนั่นปีนเสาโทรศัพท์หรือขึ้นมาบนดาดฟ้าไม่ได้น่ะ”
ฉันสงสัยว่าเธอเจอคนที่กำลังมีปํญหาได้ยังไงกันนะ แต่เมื่อฉันถามเธอไป เธอก็ตอบกลับมาว่า “สัญชาตญาณของเค้ามันบอกน่ะ เค้ารู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ตรงนั้น”
คำตอบที่เธอให้มามันไม่ชัดเจนเอาซะเลย
จริงๆแล้ว บางทีสัญชาตญาณของเธออาจจะยอดเยี่ยมมากก็ได้ เธอยังคงวิ่งไปตามทิศที่ตัวเองชี้บอกมา 15 นาทีแล้ว ที่หน้าสถานีรถไฟเล็กๆนี้ มีหญิงชราคนหนึ่งที่กำลังคุยกับชายหนุ่มผิวขาวที่เป็นนักท่องเที่ยว หญิงชรานั้นมีรูปร่างเล็ก ส่วนชายผิวขาวนั้นรูปร่างสูงใหญ่ สูงกว่าฉันราวๆ 2 ช่วงหัวได้ แถมยังเสียงดังอีกต่างหาก เหมือนกับว่าเขาโกรธเรื่องอะไรบางอย่างอยู่ ชายผิวขาวพยายามจะพูดอะไรบางแย่าง แต่หญิงชรานั้นไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดแล้วก็ส่ายหัวของเธอ มีคนจำนวนมากมุงดูอยู่ ทุกคนนั้นดุเป็นห่วงแต่ไม่มีใครเลยที่เข้าไปช่วย
บลูโคเม็ทวิ่งเข้าไปตรงกลางระหว่างทั้งคู่ แล้วก็เริ่มคุยกับผู้ชายคนนั้น ไม่สิ มันไม่ใช่การสนทนา… นี่ฉันจะพูดยังไงดีนะ? ทั้งคู่นั้นพูดกันคนละภาษาอย่างสิ้นเชิง แต่เหมือนว่าจะสื่อสารกันได้ เป็นสถานการณ์ที่พิลึกมาก… เธอชี้ไปที่เครื่องจำหน่ายตั๋วอัติโนมัติ เธอชี้ไปที่สถานีรถไฟ และในที่สุดทั้งสองคนก็ยิ้มแล้วกอดกัน ชายชาวต่างชาตินั้นโบกมืออย่างร่าเริงแล้วก็หายไปในสถานี
“เอ่อ…นั่นอะไรน่ะ?”
“เหมือนว่าเขาไม่รู้ว่าจะไปสถานีที่ตัวเองอยากไปได้ยังไงน่ะ เค้าก็แค่บอกทางให้”
“เธอ…เข้าใจที่เขาพูดงั้นเหรอ?”
“ไม่เลยซักนิด แต่สัญชาตญาณของเค้าบอกมาล่ะ!”
สัญชาตญาณ มันคือพลังของเมจิคัลเกิร์ลงั้นเหรอ?
บลูโคเม็ทปกปิดส่วนสำคัญเอาไว้และบอกหญิงชราไปว่าเกิดอะไรขึ้น หญิงชรานั้นก็พูดตอบกลับมาว่า “เด็กทุกวันนี้เล่นอะไรน่าสนใจดีนะ” และเธอก็แลกเปลี่ยนกับปากกาหมึกซึมกับผ้าเช็ดหน้า มันดูสวยมากเลย ผ้าเช็ดหน้าสีขาวที่ปักลายต้นหญ้าสีม่วง…บางทีอาจจะแพงน่าดู
หลังจากนั้น เธอก็ยังคงแลกเปลี่ยนสิ่งของไปเรื่อยๆ
เธอวิ่งรวดเร็วที่สุดเพื่อปีนขึ้นไปบนสิ่งก่อสร้าง… ใช่แล้วล่ะ เธอไม่ได้ปีนมันหรอก เธอแค่วิ่งขึ้นไป แล้วก็ ฟุ่บบบ หายไปแล้วก็ ฟุ่บบบ ปรากฎตัวขึ้นมาอีกครั้ง พวกเรานั้นตามหาคนที่มีปัญหาไปทุกที่ ฉันต้องใช้ทุกอย่างเพื่อตามเธอให้ทัน
ฉันเห็นเธอวาดภาพตัวละครแล้วก็มอบมันให้กับเด็กที่อารมณ์เสียด้วย เธอโชว์ทริคงอช้อนให้เด็กดู…ก็นะ จริงๆแล้วเธอแค่ใช้แรงของตัวเองงอมันแค่นั้นแหละ แต่มันก็ทำให้เด็กหยุดร้องไห้ได้ด้วย
“นี่เธอวาดรูปเก่งงั้นเหรอเนี่ย??”
“ก็การที่เมจิคัลเกิร์ลเป็นแค่เมจิคัลเกิร์ลอย่างเดียวนั้นมันไม่ได้ทำให้มีชีวิตอยู่ได้น่ะนะ พี่เลี้ยงของเค้าอ่ะบอกว่าให้เรียนรู้ทักษะต่างๆไว้ด้วย เมื่อถึงเวลาแล้วก็จะได้ใช้เองล่ะ!”
มีพนักงานออฟฟิสที่ต้องไปงานปาร์ตี้ แต่เธอก็ติดอยู่ในห้องน้ำเพราะไม่รู้ว่าตัวเองนั้นต้องแต่งหน้ายังไง จากนั้นบลูโคเม็ทก็แต่งหน้าให้พนักงานออฟฟิสคนนั้นด้วยความรวดเร็ว ฉันเห็นหน้าสดของผู้หญิงคนนั้นมาก่อนฉันก็เลยพูดได้เต็มปากว่าตอนนี้เธอดูเหมือนเป็นคนละคน เธอดูสวยมาก แต่แบบนี้มันเป็นเรื่องโกหกไม่ใช่เหรอ? แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ดูชอบใจกับการแต่งหน้า
“เธอเองก็แต่งหน้าได้ด้วยเหรอเนี่ย?”
“แม้จะแปลงร่างเป็นเมจิคัลเกิร์ล แต่ก็ยังมองเห็นใบหน้าเดิมได้ลางๆอยู่ดี ถ้าเธอไม่ได้แต่งหน้าให้กับใบหน้าเดิมล่ะก็ ตัวตนจริงๆอาจถูกพบเข้าก็ได้นะ พี่เลี้ยงบอกเค้ามาแบบนี้! ”
พวกเราถูกชายสองคนเข้ามาจีบ สีผมของชายพวกนั้นดูเป็นสีที่สว่างๆ
มันทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงเลยล่ะ คิดว่ามันแตกต่างจากตอนที่ตัวเองใจเต้นเพราะเห็นเรื่องปริศนาแล้วแฟนตาซีอยู่หน่อยๆ ฉันไม่เคยโดนจีบแบบนี้มาก่อนเลย บางทีมันอาจเป็นเพราะฉันเรียนอยู่โรงเรียนเอกชนที่เข้มงวดสุดๆก็ได้ แต่กับนักเรียนมัธยมต้นแล้วมันคงเร็วไปที่จะถูกจีบแบบนี้…อย่างน้อย ฉันก็คิดแบบนี้น่ะ
ฉันสงสัยว่า การไปกับคนที่มาจีบแบบนี้จะนับว่าเป็นการช่วยเหลือผู้คนรึเปล่านะ? แต่พอชายสองคนนั้นพูดขึ้นมาว่า “ไปเที่ยวกันดีกว่า แค่ไม่นานก็ได้!” “คิดซะว่าช่วยพวกเราก็ได้นะ” บลูโคเม็ทก็พูดขึ้นมาอย่างร่าเริงว่า “หากเป็นการช่วยเหลือคนอื่นล่ะก็ คงไม่ช่วยไม่ได้หรอกเนอะ!” แล้วพวกเราก็ถูกลากไปคาราโอเกะ… นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันมาคาราโอเกะโดยที่ไม่มีผู้ปกครองมาด้วย รู้สึกแปลกจัง ฉันจำไม่ได้เลยว่าพวกเราร้องอะไรออกไปบ้าง แต่ฉันก็ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ด้วยการกินพิซซ่าแล้วก็พาสต้าน่ะนะ
บลูโคเม็ทนั้นดื่มอย่างบ้าคลั่ง ชายทั้งสองคนเองก็ดื่มด้วยเช่นกัน ร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน เมื่อเวลาผ่านไปฉันก็รู้ตัวว่า ชายทั้งสองคนนั้นเมาจนใกล้จะสลบไปแล้ว ตอนนั้นเองบลูโคเม็ทก็ถามเพื่อที่จะแลกเปลี่ยนสิ่งของ พวกนั้นให้โซ่เงินโง่ๆที่ดูมันวาวมา… คนพวกนี้สวมอะไรแบบเครื่องประดับเงินกันด้วยเหรอเนี่ย? เธอขอบคุณทั้งสองคน และอีกห้านาทีต่อมา ทั้งคู่ก็กรนเสียงดังอยู่บนโซฟาแล้ว
“โดยพื้นฐานแล้ว พิษมันทำอะไรพวกเราไม่ได้หรอก ดังนั้นไม่ว่าพวกเราจะดื่มไปมากขนาดไหนก็จะไม่เมาไงล่ะ!”
“หือ”
“ดื่มไปด้วยเต้นไปด้วยนี่มันทำให้เมาเร็วนะ พี่เลี้ยงอ่ะบอกเค้าว่า ให้ดื่มกับคนแบบนี้เมาจนคอพับแล้วค่อยพาไปส่งที่บ้าน… แต่คิดว่าคราวนี้เค้าคงไม่ทำหรอก รู้ไหม? เค้าจะทำกับคนที่เค้าสนใจเท่านั้นแหละ!”
“อะ…อือ”
นี่เธอมีพี่เลี้ยงแบบไหนกันนะ? บางทีอาจจะเป็นตัวสร้างปัญหาก็ได้
เมื่อเทียบกันแล้ว ฉันคิดว่าการจับคอเสื้อของเด็กตัวเล็กๆที่จากโรงเรียนสอนพิเศษตอนกำลังข้ามถนนอย่างไม่ทันระวังจากด้านหลังนั้น ยังจะดูน่านับถือซะกว่า ตอนนั้นก่อนที่ฉันคิดจะส่งเสียงร้องออกมา เธอก็ขยับตัวไปช่วยมาเรียบร้อยแล้ว มันเร็วมากจนตาฉันมองไม่ทันเลยล่ะ
“การตอบสนองของพวกเราทำได้เร็วและมากกว่ามนุษย์ล่ะ แถมเค้าเองก็ฝึกให้มันแข็งแกร่งขึ้นด้วยนะ เมื่อเวลามาถึง เค้าจะขยับตัวได้อย่างรวดเร็วเลยล่ะ… พี่เลี้ยงของเค้าพูดไว้แบบนี้”
“แบบนั้นยอดไปเลย”
“แถมถ้าหากชำนาญแล้ว ร่างกายมันจะขยับไปเองโดยที่ไม่ต้องคิดเลยล่ะ พี่เลี้ยงของเค้าอ่ะบอกว่า แม้สมองหยุดทำงานอย่างสมบูรณ์ไปแล้ว แต่ร่างกายมันจะสามารถขยับได้อีกนิดหน่อย เค้าคิดว่าพี่เลี้ยงต้องพูดเล่นแน่ๆเลย”
“อะ…ฮะฮะฮะ…”
เมื่อเธอช่วยเด็กให้หยุดร้องไห้ได้แล้ว เธอก็แลกผ้าเช็ดหน้ากับผ้าพันคอกับแม่ของเด็กคนนั้น แล้วเมื่อเธอช่วยผู้หญิงที่แต่งหน้าเสร็จ เธอก็แลกผ้าพันคอกับต่างหู เมื่อเธอร้องเพลงแล้วก็ดื่มที่คาราโอเกะ ต่างหูก็กลายเป็นเครื่องประดับเงิน
จากนั้นเธอก็ช่วยเด็กนักเรียนประถมเอาไว้ แต่เด็กประถมนั้นกำลังกลับมาจากโรงเรียนสอนพิเศษจึงไม่มีอะไรมีค่าติดอยู่กับตัวเลย แต่เธอก็ยังคงแลกเปลี่ยนกับเด็กคนนั้น เธอให้เครื่องประดับเงินกับเด็กไป แล้วเด็กก็ให้ตุ๊กตาตัวเล็กๆมาเป็นการแลกเปลี่ยน ตุ๊กตานั้นเป็นตัวละครจากโชเน็นมังงะ… เป็นของที่ได้มาจากลูกอมรามุเนะ เป็นของเล่นที่แถมมากับขนมนั่นเอง
สุดท้ายแล้ว เกมที่เริ่มต้นจากฉันด้วยขนมฟุกาชิที่เธอให้มา ก็จบลงด้วยตุ๊กตาของเล่นที่แถมมากับขนม ฉันเองก็ไม่รู้จะเรียกยังไงให้เหมาะดี… เด็กประถมที่ได้เครื่องประดับเงินไปนั้นดูดีใจมาก และพูดอะไรซ้ำๆออกมาว่า “เจ๋ง!” แล้วก็ “นี่มันยอดสุดๆเลย!” แต่กับพวกเรานั้น แม้ว่าจะได้ของที่มีค่ามากขึ้นเรื่อยๆอย่างช้าๆ มันก็รู้สึกเหมือนกับว่าเดินเวียนกลับมาที่เดิม
แถมเวลาเองก็ดึกแล้วเช่นกัน เวลาบนมือถือของฉันบอกว่า 4 ทุ่ม 30 นาที ถ้าเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง พวกเราจะเหลือเวลามากแค่ไหนกันนะ… ตอนนั้นฉันคิดแบบนั้น แต่ทันใดนั้นเองบลูโคเม็ทก็วิ่งออกไป
“มะ…มีอะไรเหรอ!?”
“เค้าสัมผัสเรื่องอะไรดีๆได้จากทางนี้แหละ!”
ดังนั้นฉันจึงปั่นจักรยานโดยใช้พลังทั้งหมดที่มี บลูโคเม็ทอาจจะลดความเร็วในการวิ่งของเธอลงเพื่อฉันก็ได้ แต่มันก็ยังยากที่จะตามเธอทันได้อยู่ดี หายใจก็ไม่ทันแถมต้นขายังปวดอีก พรุ่งนี้คงต้องปวดกล้ามเนื้อแหงๆ
ฉันไม่รู้ว่าเธอนั้นวิ่งไปไกลแค่ไหน แต่ก่อนที่ฉันจะรู้ตัว พวกเราก็ออกมาจากย่านใจกลางเมือง แถมไฟถนนก็ลดน้อยลง…สถานที่แห่งนี้มันได้ยินเสียงสุนัขจรจัดเห่าหอนมากกว่าเสียงของผู้คน แถมยางมะตอยบนพื้นก็เป็นหลุมเป็นบ่อ มันไม่ใช่ที่ที่ควรจะมาขี่จักรยานในความมืดเลย เพราะแบบนั้นฉันถึงเลยลงมาจากจักรยาน และในเวลาเดียวกันบลูโคเม็ทเองก็หยุดวิ่ง… จากนั้นก็มีผู้ชายออกมาจากเงาของสิ่งก่อสร้าง คิดว่าเวลามันยังผ่านไปไม่ถึงนาทีนึงด้วยซ้ำ
ฉันตกใจมาก ถอยหลังกลับโดยไม่คิดอะไรเลย ชายคนนั้นหัวโล้น สวมชุดสูทสีดำ ใส่เนคไทสีทองสลับเงิน แลเสื้อของเขานั้นเป็นสีแดง… ถ้าให้ฉันพูดแล้ว เขาดูไม่เหมือนคนดีเลยซักนิด แถมอยู่ในสถานที่แบบนี้อีก ฉันถึงคิดกับชายแปลกหน้านั้นเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย
ชายคนนั้นเดินเข้ามาหาบลูโคเม็ทโดยไม่ลังเล ตอนที่เขาเข้ามาใกล้ๆ ฉันก็เห็นได้ชัดเลยว่าชุดสูทของเขานั้นพร้อมจะระเบิดออกเพราะกล้ามโตๆนั่นได้ตลอดเวลา ฉันเอาแต่ตัวสั่นเพราะคิดว่าหากเขาโกรธขึ้นมาใครจะหยุดเขาได้นะ
“เธอเป็น เมจิคัลเกิร์ล สินะ?”
เสียงของเขานั้นเหมือนที่ฉันจินตนาการไว้เลย เสียงแหลมๆสไตล์ยากูซ่า
“อื้อ!”
“งั้นเหรอ ยังเร็วไปก่อนที่จะถึงเวลานัดนะ… แต่ก็เอาเถอะ มาเร็วแบบนี้ก็ช่วยชั้นได้เยอะ”
“ดีใจจังที่เค้าช่วยได้! การช่วยเหลือผู้คนน่ะเป็นงานของพวกเรารู้ไหม!”
บลูโคเม็ทตอบกลับไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มราวกับไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายน่ากลัวขนาดไหน ชายที่ดูน่ากลัวนั้นก็ยักไหล่พร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ
“เออ ดีแล้ว คิดแล้วล่ะว่างานพวกเธอคือการช่วยคน ได้ยินมาว่าชั้นต้องยืนยันตัวตนของเธอด้วยตุ๊กตาอะไรซักอย่างด้วย…”
“นี่ไง เค้ามีตุ๊กตานะ!”
เธอเอาตุ๊กตาที่ได้จากเด็กนักเรียนประถมออกมาให้ดู จากนั้นชายที่ดูน่ากลัวก็พึมพำออกมาว่า “อ่า อย่างนี้เองเหรอที่บอกว่าเป็นนักเชิดหุ่น” แล้วเขาก็พยักหน้าสองครั้ง จากนั้นก็เอากระเป๋าดูราลูมิน*ออกมา
*อลูมิเนียมอัลลอยด์ชนิดหนึ่ง มีลักษณะแข็งและน้ำหนักเบา ส่วนใหญ่เอาไว้สร้างเครื่องบิน
“ชั้นรายงานให้เจ้านายของเธอรู้แล้ว นี่คือรางวัลที่ถามหา พวกเราเปลี่ยนเป็นเงินให้ได้ถ้าเธอต้องการ”
“โอ๋ ให้เงินเค้านี่คงมีปัญหามากแน่”
“‘งั้นเธอก็เอาเจ้านี่ไปแล้วกัน”
ตอนนั้นเขากำลังมองมาที่พวกเรา และกำลังเดินถอยหลังกลับออกไป ตอนเดียวกันนั้นเองบลูโคเม็ทก็ตะโกนขึ้นมาว่า “เดี๋ยวก่อนสิ!” กับชายที่ดูน่ากลัวคนนั้น
“ตุ๊กตา ถ้านายไม่เอาไปด้วยล่ะก็ เค้าคงมีปัญหาแน่ๆ!”
“อ่า ชั้นไม่ต้องเอามันไปหรอก”
“นายบอกว่า เค้าอ่ะช่วยนายไว้ใช่ไหม?”
“มันก็ใช่อยู่”
“แบบนั้นมันก็ต้องแลกเปลี่ยนกัน มันคือกฏนะ!”
“‘งั้น…หรอกเหรอ? ชั้นนี่ไม่เข้าใจเลยแหะ”
ในตอนที่กำลังมองของเล่นที่แถมมาจากขนมด้วยสีหน้าที่ดูจริงจัง จากนั้นก็เป็นเหมือนตอนที่เขาออกมา ชายที่ดูน่ากลัว… หรือควรจะเรียกว่าชายที่น่ากลัวดีนะ ก็หายไปในเงาของสิ่งก่อสร้าง ตอนที่ฉันเห็นชายที่น่ากลัวคนนั้นหายไปแล้ว ฉันก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เลยล่ะ ตั้งแต่ที่เขาโผล่ออกมาเนี่ยฉันหายใจไม่ออกเลย ราวกับการหายใจมันหยุดลงไป แม้ฉันจะหายใจออกตอนปั่นจักรยานมาตลอดทางก็เถอะ
“นั่นเขา…เป็นเพื่อนเธองั้นเหรอ…?”
“เปล่าหรอก เค้าไม่รู้จักเลยซักนิด”
กระเป๋าดูราลูมินมันไม่ได้ล็อค เมื่อบลูโคเม็ทเปิดออกมาดู ก็พบว่าที่ด้านในนั้นมีผ้าเนื้อนิ่มสีไวน์แดงอยู่ มีส่วนที่ยื่นออกมาแปดอันจับอัญมณีไว้อยู่ตรงกลาง ใช่แล้ว มันคืออัญมณี
ฉันคิดว่าตัวเองหายใจได้แล้วแท้ๆ แต่กลับหยุดหายใจอีกครั้ง มันเป็นอัญมณีสีฟ้าขนาดเท่าฝ่ามือของเด็กทารก มีการตัดเป็นรูปร่างที่สวยงามมาก… อ๊ะ แต่มันคงไม่ใช่อัญมณีของจริงใช่ไหมนะ? ฉันหมายถึง จินตนาการออกไหมว่ามันราคาเท่าไหร่? หรือว่าถ้ายิ่งอันใหญ่ราคาจะยิ่งถูกกันนะ? ฉันเองไม่ค่อยรู้เรื่องอัญมณีมากเท่าไหร่ก็เลยไม่รู้
บลูโคเม็ทปิดกระเป๋าดูราลูมินอย่างนิ่มนวล และยื่นมือของเธอมาหาฉัน ฉันเลยจับมือของเธอไป แต่บางทีเธอคงอยากทำไฮไฟว์ก็ได้ ตอนนั้นฉันจำได้ว่าฝ่ามือของเธอมันนุ่มมากๆเลย
“ภารกิจสำเร็จแล้ว! เท่านี้พี่เลี้ยงของเค้าต้องพอใจแน่ๆเลยล่ะ!”
“ยะ-ยินดีด้วยนะ!”
ฉันคิดว่าเธอต้องทำไม่ได้แน่ๆ แต่สุดท้ายแล้ว เธอก็ฝืนใช้วิธีการของตัวเองจนไปถึงเป้าหมายได้ จะพูดยังไงดีนะ… ใช่แล้ว ควรจะพูดยังไงดีนะ? ฉันคิดว่านี่แหละคือสิ่งที่เมจิคัลเกิร์ลเป็น
และแล้วประสบการณ์เรื่องลึกลับและแฟนตาซีของฉันก็มาถึงจุดสิ้นสุด หลังจากนั้นพวกเราก็ไปร้านอาหารครอบครัวที่เปิด 24 ชั่วโมง พวกเราคุยแล้วก็กินอาหารด้วยกัน… มันสนุกก็จริง แต่นั่นก็ไม่ใช่ฉากจบที่ลึกลับหรือแฟนตาซีอะไร
ตั้งแต่วันนั้น ฉันก็ไม่มีประสบการณ์เรื่องลึกลับอีกเลย ฉันเข้าโรงเรียนที่ตัวเองต้องการได้ แถมฉันเองก็มีความสุข แต่…ฉันก็ยังคงไม่มีแฟนอยู่ดี
ตัวฉันน่ะยังคงอยากเป็นเมจิคัลเกิร์ล เพราะเด็กสาวคนนั้นดูเหมือนจะสนุกสนานมากเลย แต่มันคงยากใช่ไหมล่ะ? อันไหนมันยากกว่ากันนะ เรื่องนั้น หรือการที่ฉันจะมีแฟน?
แต่ว่า ฉัน…ฉันน่ะ หือ? นี่ฉันกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่เนี่ย?
______________________________________________________________________
ผมของเธอมีสีเทาแซมขาวยาวจนถึงหลัง และสอดแขนผ่านเข้าไปในแขนเสื้อของแจ๊กเก็ตสีเขียวเข้ม หญิงวัยกลางคนหันหลังให้กับร้านกาแฟ ตอนที่เธอออกไปนั้นก็ได้ยินเสียงของประตูอัติโนมัติปิดไล่หลังมา
เธอประสานมือเข้าด้วยกันแล้วเหยียดมันขึ้นเหนือศีรษะ มีเสียงดังออกมาจากกระดูกสันหลังของเธอด้วย
“นี่ นี่ คุณพี่เลี้ยง!”
หญิงสาวนั้นมองไปที่เด็กสาวสวมชุดนักเรียนที่อยู่ข้างตัวเธอ เธอนั้นมีแววตาเปล่งประกายไปด้วยความคาดหวัง
“มันโอเคเหรอที่จะลบความทรงจำของเธอออกไปน่ะ?”
“ความทรงจำของเด็กคนนั้นที่เธอพูด มันเรื่องทุกอย่างที่เด็กคนนั้นพูดออกมา ถูกต้องไหม?”
“อื้อ”
“แบบนั้นก็ลบมันออกไปดีกว่า”
พี่เลี้ยงของเธอเริ่มเดินออกจากย่านการค้าที่ปิดประตูอยู่ เด็กสาวนั้นก็เดินตามไป
“รู้ไหม มันน่าเศร้านะ ที่ไม่มีใครจดจำ รุ่นที่สอง ได้อีกแล้วน่ะ”
“เธอไม่ต้องคิดเรื่องความรู้สึกแบบนั้นหรอก เมื่อเธอกลายเป็น รุ่นที่สาม แล้วมันก็คงแย่ หากเรื่องความผิดพลาดของรุ่นที่สองมันสร้างปัญหาให้กับเธอไม่ใช่เหรอ? แถมเด็กคนนั้นไม่เคยคิดจะปกปิดตัวตนของตัวเองเลยด้วย ไม่ได้มีความคิดว่าตัวตนของเมจิคัลเกิร์ลนั้นควรจะเก็บเป็นความลับเลยซักนิด”
“แต่นั่นก็เป็นเพราะคุณสอนเธอมาแบบนั้นไม่ใช่หรอกเหรอ คุณพี่เลี้ยง?”
“ใช่ บางทีคงเป็นเพราะชั้นสอนเธอเองนั่นแหละ เพื่อหลีกเลี่ยงการที่ดินแดนเวทมนตร์จะมาตั้งคำถาม พวกเราต้องลบความทรงจำทุกอย่างของบลูโคเม็ทออกไป”
“แบบนั้นโอเคจริงๆเหรอ?”
“แน่นอนสิ”
พี่เลี้ยงหันกลับมามองเด็กสาวที่หยุดเท้าของตัวเอง การที่เด็กสาวก้มหน้าลงนั้นทำให้เธอดูเศร้า แต่การที่มุมปากของเธอโค้งนั้นทำให้เธอดูมีความสุข และสิ่งที่เธอพูดออกมานั้นก็ดูมีความสุขเช่นกัน
“แม้ทุกคนอาจจะลืมเลือนไป แต่ฉันจะจดจำเธอคนนั้นไปตลอดกาล เท่านี้ก็พอแล้วใช่ไหมล่ะ?”
MANGA DISCUSSION