คดีเนื้อวัวที่หายไป ~ แต่คุณเมดเห็นนะ ~
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นก่อนเมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจค restart
จะเริ่มต้นเป็นเวลา 1 ปี
ในรถบัสนั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ทุกคนต่อสู้เพื่อที่จะแย่งไมค์ร้องเพลงอนิเมและเพลงดังๆกัน เด็กๆนั้นมาจากหลากหลายโรงเรียนและระดับชั้นที่เพิ่งจะพบหน้ากัน แต่พวกเด็กๆก็หัวเราะไปด้วยกันราวกับว่าเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว แคมป์ฤดูร้อนคราวนี้มันต้องสนุกแน่ๆเลย
โนริโกะ โนโนฮาระเองก็เป็นหนึ่งคนที่สนุกสนาน อาจพูดได้ว่าเพราะเธอสนุกกับบรรยากาศแบบนี้ทุกคนจึงสนุกไปด้วย โนริโกะ โนโนฮาระ…หรือ เมจิคัลเกิร์ล นกโกะจัง มีเวทมนตร์ที่สามารถกระจายความรู้สึกของตัวเองให้คนรอบข้างได้ ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกลบหรือบวก เธอก็สามารถกระจายมันออกไปได้โดยไม่มีข้อยกเว้น หากโนริโกะสนุก ทุกคนก็จะสนุกเช่นกัน
คราวนี้ มันต่างกับตอนที่โนริโกะอยู่ที่บ้าน ที่โรงเรียน หรือแม้แต่ตอนที่เธอทำงานอยู่ แม่ของเธอกับพ่อมาส่งเธอแล้วบอกว่า “ขอให้สนุกนะ!” โนริโกะเองก็ตั้งใจว่าแบบนั้น โดยปกติ เมื่อโนริโกะแปลงร่างเป็นนกโกะจังแล้วใช้ชีวิตตามปกติอยู่ทุกวันนั้น เธอจะควบคุมอารมณ์ตัวเองแล้วกระจายมันให้คนอื่น เพื่อนำทุกคนในชั้นเรียนไปในทิศทางที่ดีกว่า การตั้งแคมป์คราวนี้ เธอวางแผนว่าจะปล่อยความรู้สึกของตัวเองออกมา จัดให้ความสนุกของเธออยู่ในอันดับที่สูงสุด และนอกเหนือจากต้องไม่ให้ใครรู้ตัวตนของตัวเองด้วย ก็ต้องควบคุมไม่ให้ใครจำหน้าเธอได้ด้วย แบบนั้นเธอจะทำอะไรที่อยากทำได้
“อ๊ะ! มองเห็นแล้ว!”
เด็กชายที่นั่งอยู่ด้านหน้าลุกขึ้นมาและชี้นิ้วของเขา ไกลออกไปจากถนนที่ดูคดเคี้ยวบนภูเขา พวกเขามองเห็นสิ่งก่อสร้างสีน้ำตาลแดง มันดูเป็นทรงสี่เหลี่ยมแบนๆ ดูราวกับว่าคือกล่องไม้ขีดขนาดใหญ่ นั่นคือจุดหมายปลายทางและที่พักของพวกเธอ
________________________________________________________________________
ชิโนบุ ฮิโอกะนั้นเป็นเมจิคัลเกิร์ลและนักสืบมืออาชีพ
เธอสงสัยว่า ในทุกวันนี้จะมีคนซักกี่คนกันนะ ที่คิดว่านักสืบนั้นสามารถไขคดีแปลกประหลาดแบบที่อ่านในนิยายสืบสวนได้? หลายๆคนนั้นเชื่อว่างานของนักสืบส่วนใหญ่คือการตามหาคนหาย, สะกดรอย ไม่ก็งานสกปรกอย่างการค้นหาหลักฐานของพวกคนโกงเป็นงานหลัก
แต่แบบนั้นก็ยังคงเป็นเรื่องดี
ชิโนบุ ฮิโอกะ ได้รับมอบหมายงานจากหัวหน้าของเธอ จริงๆแล้วมันไม่ใช่งานด้วยซ้ำ
“เอ่อ…แบบนี้คืองานอาสาสมัคร ใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว”
ใบหน้าของชิโนบุ ฮิโอกะนั้นเปลี่ยนไป ราวกับจะบอกว่า “พูดอะไรของแกเนี่ย ตาแก่?” แต่หัวหน้าของเธอนั้นกลับดื่มกาแฟต่อเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“พวกเขาอยากให้ชั้นส่งใครบางคนจากสำนักงานไปน่ะ มีคนวิ่งเต้นในเรื่องนี้ แล้วทำอะไรหลายๆอย่างให้พวกเราด้วย จึงปฎิเสธไปไม่ได้หรอก”
ชิโนบุมองไปที่หัวหน้าของเธอด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจ หัวหน้าของเธอก็มองกลับมาที่ชิโนบุด้วยใบหน้าที่เป็นเชิงขอโทษ ชิโนบุลดสายตาของตัวเองลงไปที่กากเกงและเข่าของหัวหน้า ตอนนั้นเธอก็มีความสงสัยข้อหนึ่งพุดขึ้นมา ชิโนบุจึงเงยหน้าขึ้นมา
“ทำไมเป็นฉันล่ะ?”
“เป็นการฝึกฝนไงล่ะ นี่จะเป็นหนทางที่เธอจะได้กลายเป็นนักสืบเต็มตัว สมัยก่อนเองชั้นก็ทำเหมือนกัน”
จากน้ำเสียงของเขา มันฟังดูแล้วราวกับว่าชิโนบุไม่มีทางปฎิเสธได้เลย แม้เธอจะบ่นได้ แต่เธอก็ปฎิเสธไม่ได้
ชิโนบุนั้นต้องเข้าร่วมการตั้งแคมป์ของเด็กๆ ในฐานะเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง
“ชิโนนนบุ มาช่วยทำแคมป์ไฟหน่อยได้ไหม?”
“โอเเเเค เข้าใจแล้ว!”
“ชิโนนนบุ ช่วยดูเวลาเวลาของนาฬิกาทุกเรือนให้ตรงกันด้วยนะ”
“โอเค!”
“ชิโนนนบุ เช็คชื่อทุกคนหน่อยยย!”
“ทุกคนอยู่ที่นี่ครบแล้วล่ะ!”
ชิโนบุไม่รู้ว่าหัวหน้าของเธอนั้นอธิบายตัวเธอว่ายังไง แต่ในหมู่ของเจ้าหน้าที่ เธอรู้สึกว่าตัวเอกถูกใช้งานมากเป็นอันดับหนึ่ง บางทีอาจจะพูดว่า “นี่คือเด็กใหม่ในบริษัทชั้นเอง นี่เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกฝนในการเป็นนักสืบของเธอ ดังนั้นใช้งานเธอหนักๆด้วยล่ะ” อะไรแบบนี้แหง ก็เขาเป็นหัวหน้าแบบนั้นนี่นะ
แคมป์ฤดูร้อนนี้มีเด็กๆเข้าร่วมจากทั่วประเทศ เพราะมีการประชาสัมพันธ์อย่างกว้างขวาง จึงมีผู้เข้าร่วมจำนวนมาและมีสตาฟเพียงแค่หยิบมือ แต่ละคนนั้นมีงานมากมายต้องทำโดยเฉพาะคนที่เป็นลูกน้อง
ชิโนบุนั่งอยู่บนม้านั่งที่กระท่อม ดื่มกาแฟกระป๋องที่ถืออยู่ในมือแล้วก็ถอนหายใจออกมา มีลมอันแสนสดชื่นพัดผ่านสนามหญ้าสีเขียวสดใสที่ปกคลุมอยู่ทั่วบริเวณจนถึงเนินเขา ตรงนั้นแล้วก็ตรงนี้เต็มไปด้วยเด็กๆที่หัวเราะแล้วก็เล่นกันอย่างสนุกสนาน แม้จะเพิ่งเจอกันในวันนี้ แต่พวกเด็กๆก็เหมือนสนิทกันมานานแล้ว
เธอนั่งมองดูภาพอันแสนสงบสุขนี้ แต่มันก็มีสิ่งหนึ่งที่ยากจะจัดได้ เด็กประถมนั้นวิ่งไปทั่วทุกบริเวณ เธอบอกเด็กพวกนั้นว่า ทำแบบนั้นไม่ได้นะ มันอันตราย แต่เด็กพวกนั้นก็แค่พูดว่า ไม่เป็นไรหรอก! ชิโนบุยืนขึ้นและเป่านกหวีดที่อยู่ในมือพร้อมกับชี้นิ้ว
“นี่เธอ! ฉันบอกแล้วนะอย่าปีนต้นไม้!”
เด็กๆนั้นส่งเสียงหัวเราะแล้วก็วิ่งกระจายตัวกันออกไป เป็นแบบนี้ไม่จบไม่สิ้น
แถมเด็กๆนั้นก็แข็งแรงกันเหลือเกิน พวกเขาถูกตำหนิตั้งแต่เช้าจรดเย็น จนชิโนบุรู้สึกเหนื่อย แต่เด็กๆก็ยังคงส่งเสียงดังเพราะต้องการกิจกรรมต่อไป แม้ชิโนบุจะบอกเด็กๆไปว่าตอนนี้มันดึกแล้ว ไปนอนกันได้แล้ว แต่ก็ไม่มีใครฟังเธอเลย
“เอาล่ะ ต่อไปก็คือทดสอบความกล้า ชิโนบุ เธอรับหน้าที่จัดเตรียมนะ”
“หือ? ฉันเหรอ?”
“พวกเราจะดับไฟในอาคารเพื่อสร้างทาง พวกเด็กๆจะมาจากทางเข้า เดินตามทางไปเรื่อยๆจนถึงห้องอาหาร เมื่อได้รับหลักฐานว่าผ่านการทดสอบแล้ว เท่านั้นก็จบ ”
“นี่ฉันต้องไปทำอะไรตรงไหนล่ะ?”
“ชิโนบุ เธอต้องทำให้เด็กๆตกใจเมื่อพวกนั้นมาถึงห้องอาหารนะ ฉันได้ยินจากหัวหน้าของเธอแล้วว่า เธอเชี่ยวชาญเรื่องนี้เป็นพิเศษใช่ไหมล่ะ?”
ถ้าชิโนบุจะฟ้องร้องหัวหน้าของเธออย่างถูกกฏหมาย เพราะพูดเรื่องจริงของเธอมาแค่ครึ่งเดียวเนี่ย แบบนี้เธอจะชนะรึเปล่านะ?
—โถ่เว้ย โถ่เว้ย! ฉันแค่ต้องทำ ฉันแค่ต้องทำมัน ใช่ไหมล่ะ?
เธอเอาความโกรธของตัวเองไปลงที่หัวหน้า แต่เพราะว่าเขานั้นไม่ได้อยู่ที่นี่ หมัดของเธอจึงชกโดนแต่ลม ดังนั้นต้องมีคนที่แบกรับความโกรธของเธอแทน เด็กพวกนั้นยังไงล่ะ เด็กพวกนั้นที่ทำให้ชิโนบุเป็นบ้ามาตั้งแต่ตอนบ่าย ด้วยการไม่เชื่อฟังที่เธอพูดอย่างไม่จบไม่สิ้น
หลังจากอาหารเย็น เธอใช้เวลา 30 นาทีเพื่อเตรียมตัว
ชิโนบุนั้นทั้งเหนื่อยและหงุดหงิด แต่เธอก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องน่ากลัวขึ้นกับเด็กๆ แต่เธอก็ต้องทำให้เด็กกลัว นั่นคืองานที่เธอถูกมอบหมายมา และเด็กๆเองก็อยากได้แบบนั้นเหมือนกัน จากด้านนอกเธอได้ยินเสียงเด็กๆพูดว่า “ทดสอบความกล้าเนี่ยมันไม่เคยน่ากลัวเลยใช่ไหม?” แล้วก็ “แค่ของเด็กเล่นล่ะนะ”
โถงทางเดินนั้นนำมาสู่ห้องอาหาร พวกสตาฟก็ตกแต่งไปด้วยผีและมอนเตอร์ที่ทำจากกระดาษ มันดูเหมือนของเด็กเล่นจริงๆแหะ อย่างน้อยก็ควรพาเด็กออกไปที่ภูเขาสิ แต่ด้วยความปลอดภัยเลยทำไม่ได้ จึงต้องทำการทดสอบความกล้าห่วยๆแบบนี้แทน
— ตะ…แต่อย่าประมาทพลังของผู้ใหญ่เชียวล่ะ เจ้าเด็กบ้า!
เพราะเธออยู่คนเดียวที่ห้องอาหาร ชิโนบุจึงแปลงร่างเป็นเมจิคัลเกิร์ล ดีเทคเบล และดีเทคเบลก็ใช้เวทมนตร์ของเธอพูดคุยกับกำแพง
ดีเทคเบลจูบกำแพงที่ห้องอาหาร แล้วก็มีใบหน้าขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาที่กำแพง มันดูแก่ และเพราะมีแสงส่องมาเพียงเล็กน้อย จึงทำให้ดูน่ากลัวอีกด้วย
“มีอะไรรึ?” ใบหน้านั้นถามเธอ
“เดี๋ยวจะมีนักเรียนประถมมาทางนี้ นายช่วยแกล้งให้พวกนั้นกลัวหน่อย”
“ทำไมล่ะ?”
“ตอนนี้มีการทดสอบความกล้าอยู่น่ะ แล้วพวกนั้นก็ดูถูกนายอยู่ด้วย บอกว่านายเป็นแค่ของเด็กเล่น”
“ข้าไม่ชอบเลยที่มีคนดูถูก”
“ใช่ไหมล่ะ? เพราะแบบนั้นนายถึงจะได้แกล้งพวกนั้นไง แต่ไม่อนุญาตให้ทำร้ายอะไรแบบนั้นนะ”
เธอบอกให้ใบหน้านั้นหายไปจนกว่าเป้าหมายจะปรากฏตัวออกมา ในขณะที่ดีเทคเบลซ่อนตัวอยู่หลังผ้าม่านด้วยความตื่นเต้น เวลาผ่านไปห้านาทีจนกระทั่งมีใครบางคนเข้ามา
ดีเทคเบลมองเห็นพวกนั้นแค่ด้านหลัง ดูเหมือนว่าจะเป็นเด็กผู้หญิง บางทีอาจจะเป็นนักเรียนมัธยมต้น เมื่อเธอพยายามหาหลักฐานในการผ่านการทดสอบในห้องอาหาร… ใบหน้านั้นก็ปรากฏขึ้น แล้วก็ใช้ลิ้นยาวๆเลียเข้าไปใบหน้าที่เด็กสาว
ได้ผล! ชิโนบุคิดเช่นนั้นพร้อมกับชูกำปั้นอยู่ราวๆห้าวินาที เด็กสาวก็วิ่งออกไปด้วยความกลัว แล้วก็ด้วยเหตุผลบางอย่าง ชิโนบุเองก็กลัวจนวิ่งตามเด็กสาวออกไปด้วย พวกเธอกรีดร้องออกมาทั้งคู่ เสียงกรีดร้องเหมือนกับนรกแตกนั้นดังก้องไปทั่วทั้งภูเขา จนไม่ใช่แค่เด็กที่วิ่งพล่านไปทั่วอีกแล้ว ผู้ใหญ่เองก็วิ่งด้วยความสับสนและร้องไห้เช่นกัน บางคนกระโดดเข้าไปในห้องด้านในกระท่อมแล้วล็อคประตูจากด้านใน บางคนตัวสั่นอยู่ใต้โต๊ะ บางคนก็วิ่งไปทั่วจนหมดแรงไปเอง ทุกอย่างโกลาหลไปหมด จนกระทั่งถึงเวลาห้าทุ่มเด็กๆและสตาฟทุกคนถึงจะยืนยันได้ว่าปลอดภัยหมดแล้ว
ทำไมถึงกรีดร้องกันมากขนาดนี้นะ? เธอไม่มีเวลาจะมาคิด ชิโนบุยังคงวิ่งไล่จับเด็กต่อไป และเมื่อพาเด็กๆไปนอนได้หมดแล้ว เหล่าสตาฟทุกคนก็รวมตัวกันในห้องโถง และผู้นำก็ตะโกนใส่เธออย่างโกรธๆว่า “ทำเกินไปแล้วนะ!” ชิโนบุนั้นได้แต่ตัวสั่น
________________________________________________________________________
เด็กสาวคนอื่นในห้องของโนริโกะนั้นเหมือนว่าจะนอนหลับหมดแล้ว เธอได้บินว่าโดยปกติตอนกลางคืนของกิจกรรมแบบนี้ ทุกคนจะอยู่กันจนดึกดื่นเพื่อพูดคุยเรื่องต่างๆกัน แต่ในตอนนี้มันดึกแล้วและทุกๆคนเองก็เหนื่อย และส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะโนริโกะ
โนริโกะเอาผ้าห่มมาหนุนไว้ที่คาง
เธอนั้นเผลอเกินไป ความสามารถทางกายภาพของเมจิคัลเกิร์ลนั้นแตกต่างจากมนุษย์ธรรมดามาก เธอมองเห็นในความมืด สามารถรับมือได้แม้จะถูกโจมตี เธอไม่ได้รู้สึกกลัวการทดสอบความกล้าเด็กๆแบบนี้ นั่นคือสิ่งที่เธอคิดและภูมิใจ
เธอไม่รู้ว่าจริงๆแล้วว่าเป็นแบบนั้นได้ยังไง แต่มันก็ทำให้เธอกลัวมาก ปกติแล้วโนริโกะนั้นจะควบคุมตัวเองได้ และยับยั้งไม่ให้อะไรไปรบกวนใจของเธอ แต่ทั้งหมดทั้งมวลมันปลิวหายไปหมดเพราะความกลัว ลิ้นนั่นมันขยับได้ราวกับว่ามีชีวิต
เธอวิ่งหนีออกมาเพราะความกลัว เและกระจายความกลัวของตัวเองออกไปทั่วทุกที่จนกลายเป็นความโกลาหลขนาดย่อม แต่โชคยังดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
แต่ว่า ลิ้นนั้น ใบหน้านั้น มันเป็นกับดักประเภทไหนกันนะ? ในตอนนั้นเธอเอาแต่กลัว แต่ในตอนนี้พอย้อนกลับไปคิดดู ไม่แปลกเลยที่เธอจะสงสัย
เธอคิดพร้อมกับลืมตาและมองไปที่บนเพดานไม้ โนริโกะก็นึกถึงใบหน้าใหญ่ๆของมนุษย์ในห้องอาหารขึ้นมา จึงทำให้เธอหลับตาลงอย่างรวดเร็ว
________________________________________________________________________
หลังจากที่ผ่านเรื่องวุ่นวายเมื่อคืนมา เช้าวันต่อมาเด็กๆก็ดูมีความสุขมากจนเกือบที่จะรำคาญ ราวกับว่าอุบัติเหตุมันทำให้พวกเขามีความสุขยังไงหยั่งงั้น แต่พวกผู้ใหญ่นั้นเมื่อเทียบกับเมื่อวานแล้ว ดูไม่มีความสุขเลย แถมยังทำตัวเย็นชาหน่อยๆใส่ชิโนบุด้วย
หากโดนรายงานไปยังหัวหน้าของเธอล่ะก็ แน่นอนว่าเขาต้องด่าเธอแน่ว่า ขนาดงานที่ไม่ใช่งานแบบนี้ยังทำ
ไม่ได้ ดังนั้นเธอต้องทำงานนี้ให้สำเร็จให้ได้ ต้องทำให้ชื่อเสียงของตัวเองเพิ่มขึ้นมานิดเดียวก็ยังดี
“ชิโนบุ ไปเช็คดูเนื้อให้หน่อยสิ!”
“อื้อ เข้าใจแล้ว!”
แผนของวันนี้คือการโอเรียนเทียริ่ง*แล้วก็ตามด้วยบาร์บีคิว จากฤดูกาลนี้ ที่ด้านบนของภูเขาสูงนั้นควรจะมีอุณหภูมิสูง แสงแดดยามเช้าเองก็แรงด้วย พวกนั้นเดินทนเดินใต้แสงอาทิตย์แบบนี้ได้ยังไงกันนะ? ชิโนบุปาดเหงื่อบนหน้าผากของตัวเองโดยใช้หลังมือ เธอหยิบเอาแพ็คเนื้อที่ห่อด้วยพลาสิกออกมาจากตู้เย็นขนาดใหญ่ สัมผัสเย็นๆนี่มันดีจัง
*กิจกรรมชนิดหนึ่งที่ต้องใช้แผนที่และเข็มทิศในการเดินทาง
เพราะมีคนอยู่จำนวนมาก ดังนั้นจึงมีเนื้อจำนวนมากด้วยเช่นกัน เธอไม่เคยเห็นเนื้อจำนวนมากขนาดนี้ในชีวิตมาก่อนเลย
“หวา ยอดเลย”
“นี่มันสำหรับอาหารเย็นวันนี้เหรอ?”
เด็กๆที่กินมื้อเช้าเสร็จแล้วมารวมตัวกัน มันเป็นนิสัยของเด็กที่จะรวมตัวกันเมื่อเกิดอะไรบางอย่างขึ้นงั้นเหรอ? ชิโนบุเองก็เคยเป็นเด็กแต่เธอก็จำอะไรไม่ได้อีกแล้ว
เด็กๆนั้นเพิ่งกินอาหารเช้าเสร็จ แต่พวกเขาก็พูดพร้อมๆกันว่า “น่าอร่อยจัง” “อยากกินจังเลย” เมื่อได้ยินแบบนั้นก็ทำให้ชิโนบุรู้สึกหิวเช่นกัน มันดูน่าอร่อยแถมเธอเองก้อยากกินด้วย เธออยากเอาไปย่างแล้วกินให้หมด แต่ถ้าแค่นิดเดียวคงไม่เป็นอะไร ถ้าเธอกินแค่นิดเดียวคงจะไม่มีใครรู้ใช่ไหมนะ? เธอคิดแบบนั้นแล้วเอามือไปจับที่เนื้อก่อนจะกลับมารู้ตัว ถ้าเธอเอาเนื้อไปในตอนที่เด็กๆยังอยู่ล่ะก็ ความนิยมของเธอที่ต่ำอยู่แล้วมันก็จะต่ำลงไปอีก
“นี่! เนื้อเอาไว้ทีหลัง โอเคนะ! ตอนนี้ทุกคนไปเตรียมตัวโอเรียนเทียริ่งได้แล้ว!”
บางที เธอก็จัดการให้เด็กๆนั้นออกห่างไปได้ มันจึงทำให้เธอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก บางทีเธอคงเหนื่อยกว่าที่ตัวเองคิด ไม่ว่าเธอจะหิวขนาดไหน มันก็เป็นความคิดที่บ้าอยู่ดีหากจะกินเนื้อดิบๆ
แต่ตอนนี้เธอก็เช็คเสร็จแล้ว เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่จะวางเนื้อดิบไว้ในอุณหภูมิห้องปกติ เธอจึงต้องระวังเมื่อวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็หันกลับไปเพื่อที่จะจัดการมัน แต่กระนั้นเธอก็เอียงหัวตัวเอง
เนื้อที่อยู่ตรงนี้กลับหายไป มันไม่ได้อยู่ใต้โต๊ะหรือในตู้เย็น เธอเปิดดูแม้กระทั่งลิ้นชักแต่ก็ไม่เจออะไรเลย ตัวเธอเริ่มรู้สึกกังวล เธอพยายามทำให้ตัวเองกลับมาใจเย็น และมองไปทั่วๆเพื่อค้นหาอีกครั้ง แต่เนื้อนั้นก็ไม่ได้อยู่ที่ไหนเลย
เนื้อมันหายไปแล้ว
________________________________________________________________________
“ขี้งก!”
“ขอจับหน่อยก็ไม่ได้เหรอ?”
“เกินไปแล้วนะ!”
สตาฟผู้หญิงนั้นไล่พวกเธอออกมา ทุกคนบ่นแล้วแยกย้ายกันไป โนริโกะเองก็เป็นหนึ่งในนั้นแต่เธอก็ไม่ได้บ่นอะไร เพราะมันเป็นเรื่องปกติที่สตาฟจะไม่ให้เด็กแตะต้องอาหารอยู่แล้ว อีกอย่างคือผู้หญิงคนนั้นพูดจาค่อนข้างแรงด้วย บางทีอาจจะเป็นเพราะเมื่อคืนก่อนไม่ค่อยได้นอนก็ได้ ซึ่งนั่นเป็นความผิดของนกโกะจังเอง
“ต่อไปพวกเราต้องทำอะไรเหรอ?”
“เธอพูดว่าโอเรียนเทียริ่งน่ะ”
“โอเรียนเทียริ่งนี่คือ?”
“ไม่รู้สิ แต่ได้ยินว่ามันเหมือนการล่าสมบัติน่ะ”
ล่าสมบัติ! ฟังดูเป็นอะไรที่น่าสนุกจัง!
________________________________________________________________________
มันอยู่ตรงนี้มาก่อน ไม่ผิดแน่ เธอยังไม่ได้ทำอะไรกับมันเลย ซึ่งหมายถึง มันต้อง ควร อยู่ตรงนี้ แต่มันก็หายไป เธอไม่รู้ว่าทำไม แต่เธอก็รู้ว่ามันกลายเป็นปัญหาแล้ว
แบบนี้มันเป็นคดีแล้ว มันก็ต้องเป็นเวลาของนักสืบ แม้เธอจะรู้ว่ามันคือปัญหา แต่หัวใจของเธอนั้นก็เต้นแรงขึ้น
“ชิโนนนนนบุ ถ้าเสร็จแล้วมาทางนี้หน่อย!”
“อะ-โอเค!”
หลังจากที่ชิโนบุล็อคหน้าต่าง, ปิดม่าน แล้วเธอก็ปิดทางเข้ามายังห้องอาหารด้วยเช่นกัน เธอหยิบไม้ถูพื้นออกมาจากอุปกรณ์ทำความสะอาดเพื่อกั้นประตูเอาไว้ จอนนี้ไม่มีใครมองเห็นเธอแล้ว เธอจึงแปลงร่างเป็นดีเทคเบลและจูบเข้าไปที่กำแพง
เมื่อเธอแปลงร่างเป็นเมจิคัลเกิร์ล เธอก็รู้สึกว่าตัวเองใจเย็นลง บางทีอาจจะเป็นแค่การแกล้งของเด็กๆก็ได้ ตอนที่ชิโนบุไล่เด็กพวกนั้นออกไป ก็มีเด็กอีกพวกหนึ่งมาเอาเนื้อไป เรื่องมันเข้ากันพอดี แต่อย่างไรความจริงก็คือเธอค้นหาทุกๆที่ในห้องแล้วแต่ก็ไม่เจอว่าเนื้ออยู่ที่ไหนเลย หากพวกนั้นซ่อนเอาไว้ในห้องอาหารก็ต้องซ่อนแบบฉลาดๆ ถ้าพวกนั้นเอาออกไปนอกห้องอาหารล่ะก็ แบบนั้นก่อนอื่นเธอต้องยืนยันความจริงก่อน แล้วก็ค่อยตามว่าอยู่ที่ไหน
เธอควรจะถามกับห้องอาหารด้วยตัวเอง เมื่อเธอคิดแบบนั้น ชิโนบุจึงจูบเข้าไปที่กำแพงของห้องอาหาร…แต่มันกลับไม่มีใบหน้าปรากฏขึ้นมา
“…หือ?”
ภายในหัวของเธอที่เย็นลงไปแล้วก่อนหน้านี้เริ่มเดือดขึ้นมาอีกครั้ง มันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย แม้จะเป็นสถานที่ทิ้งของเก่า เวทมนตร์ของดีเทคเบลก็ได้ผลเสมอ บางครั้งถ้าเป็นเรื่องข้อเสียของเจ้าของสิ่งก่อสร้างก็จะไม่พูดอะไรออกมา แต่มัน ไม่เคย ที่จะไม่แสดงใบหน้าให้เห็นแบบนี้มาก่อน
จิตใจของเธอสับสนและพยายามหาความเป็นไปได้ต่างๆนาๆอย่างเต็มที่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ? ไม่ใช่แค่เนื้อหายไปอย่างเดียว แต่ที่ห้องอาหารนี้ก็ไม่แสดงใบหน้าออกมาด้วย มันแปลกมาก เธอเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
นี่คือการทดสอบของชิโนบุที่พึ่งพาเวทมนตร์ตัวเองมากไปรึเปล่า? หรือว่าเทพเจ้าแห่งนักสืบกำลังบอกเธอว่าให้ไขคดีนี้โดยไม่ต้องใช้เวทมนตร์กันนะ?
บางทีคนร้ายอาจจะเป็นหนึ่งในเด็กพวกนั้น แรงจูงใจคือความอยากอาหารงั้นเหรอ? หรือว่านี่จะเป็นการแกล้ง?
ฟันเฟืองในหัวของดีเทคเบลยังคงหมุนต่อไป
การที่คนร้ายเป้นเด็กนั้นเป็นเพียงแค่การคาดเดาของเธอ บางทีอาจจะมีคนร้ายคนอื่นอยู่ ใช่แล้ว…สัตว์ยังไงล่ะ นี่คงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่คนร้ายในรื่องราวของนิยายสืบสวนคือสัตว์ จากทฤษฎีแล้วมันก็ไม่ได้แปลกอะไร ในภูเขาแห่งนี้พวกหมีหรือหมาป่าอะไรแบบนั้นคงสูญพันธุ์ไปแล้วใช่ไหมนะ? ทานูกิกับจิ้งจอก? ไม่ นั่นก็ไม่ใช่เหมือนกัน หน้าต่างมันล็อคอยู่ แล้วถ้าเป็นหนู? แมลงสาบ? จำนวนของเนื้อมันก็เยอะเกินไปที่จะถูกสัตว์เล็กๆแบบนั้นพาไปได้ การจะเคลื่อนย้ายเนื้อจำนวนขนาดนั้นจำนวนมันคงเยอะเหมือนกับภาพยนตร์แนวภัยพิบัติแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้นเธอก็คงรู้ตัวด้วยเช่นกัน บางที…อาจจะเป็นหนึ่งในสตาฟ? แต่ทำไมล่ะ? อาจจะแกล้งชิโนบุ ฮิโอกะเล่นงั้นเหรอ?
ดีเทคเบลหยิบแว่นขยายของตัวเองออกมา หากเธอคุยกับกำแพงไม่ได้ แบบนั้นเธอต้องหาหลักฐานอย่างอื่น
เธอจะหาจุดที่เนื้อซ่อนอยู่ เธอเอาแว่นขยายไปส่องจุดที่เนื้อเคยอยู่และพบอะไรบางอย่างสะท้อนแสง มันดูเหมือนของเหลว เมื่อเธอเอานิ้วไปไปสัมผัส ก็พบว่ามันเหนียว และเมื่อลองดมดูก็พบว่ากลิ่นของนั้น…มันเหม็น
“นี่มันอะไรน่ะ…น้ำลาย?”
น้ำลาย มันคือแรงจูงใจอจากความอยากอาหาร แม้จะเป็นเด็กหรือสัตว์ก็มี หรือผู้ใหญ่เองก็น้ำลายไหลได้ แบบนี้เธอก็ยังจัดพวกสตาฟอยู่ในรายชื่อผู้ต้องสงสัยได้
ไม่มีอย่างอื่นที่พบอีก เธอต้องตรวจหา DNA จากน้ำลายนี้ แล้วจะได้หาคนร้-
“ชิโนนนนนบุ! เสร็จรึยาาาาง?”
“ทะ-โทษที จะไปแล้วล่ะ!”
…เธอไม่มีเวลาทำแบบนั้น ฟันเฟืองในสมองของดีเทคเบลเริ่มทำงานอีกครั้ง
เธอจำกัดวงให้แคบลงเหลือแค่สัตว์ไม่ก็เด็ก อย่างไหนกันแน่นะ? แล้วความเป็นไปได้อื่นล่ะ? มอนเตอร์? ผี? โยไค? ปีศาจ? ไม่ว่าอันไหนก็ไม่เป็นวิทยาศาสตร์เลย…แต่ เมจิคัลเกิร์ลนั้นมีอยู่จริง แบบนั้นจึงไม่มีทางเธอจะปัดตกเรื่อง มอนเตอร์, ผี, โยไค, หรือปีศาจไปได้ สิ่งก่อสร้างนี้เองก็ไม่เก่า แต่มันให้บรรยากาศเหมือนกับว่าสิ่งก่อสร้างที่มีผีสิงอยู่ จากรูปร่างที่ดูเหมือนกล่องไม้ขัดขนาดยักษ์แล้วนั้น เป็นสถานที่ที่ดีสำหรับที่จะมีปริศนาอยู่ภายในนั้น แม้กระทั่งในคืนของการทดสอบความกล้า มันก็ยังมีความรู้สึกแบบนั้นต้องที่ เธอที่ต้องรับหน้าที่แกล้งคนอื่นกลับ-
“…หืม?”
เมื่อกี๊นี้มันอะไรกันนะ
ดีเทคเบลดึงปีกหมวกของเธอขึ้นมา และหันไปมองรอบๆห้องอาหาร เธอไม่ได้เดินไปทั่วเพื่อหาหลักฐาน แต่พยายามหาอะไรบางอย่างที่ติดอยู่ในหัวของเธอ เมื่อส้นรองเท้าของเธอสัมผัสกับเสื่อน้ำมัน มันก็มีเสียงแหลมสูงดังออกมา
เกิดอะไรขึ้นในห้องอาหารเมื่อวานกันนะ? ตื่นตระหนกงั้นเหรอ? ไม่ใช่แบบนั้น ก่อนหน้านั้นมันเกิดอะไรขึ้น? เธอทำอะไร? เดิมทีนั้นเธอต้อง…
“อ๊าาาาาาาาา!”
ดีเทคเบลจำได้แล้ว
เวทมนตร์ของดีเทคเบลนั้นคือการสร้างใบหน้าบนสิ่งก่อสร้างต่างๆเพื่อที่จะคุยด้วย เธอต้องจูบลงไปเพื่อเปิดใช้งานและจูบลงไปอีกครั้งเพื่อยกเลิก หลังจากที่เธอเรียกใบหน้าออกมาในห้องอาหารเมื่อวานแล้ว ทุกคนนั้นก็ตกใจมาก จนเธอลืมยกเลิกการใช้เวทมนตร์ของเธอไป ให้พูดก็คือ เมื่อกี๊ที่เธอจูบลงไปบนผนังห้องอาหารเพื่อจะเรียกใบหน้าออกมา มันกลับกลายเป็นการยกเลิกแทน เพราะแบบนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ใบหน้าไม่ออกมา
เธอรู้สึกเหนื่อยนิดๆ แต่คดีนี้ยังไม่ได้ปิด เธอจูบกับผนังเหมือนกับเมื่อวาน และใบหน้าก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เหตุผลที่เธอคิดนั้นถูกต้อง
“น่าจะจูบให้เร็วกว่านี้นะเนี่ย…”
“เจ้าดูเหนื่อยนะ”
“ก็เหนื่อยน่ะสิ นายช่วยบอกหน่อยสิว่าใครขโมยเนื้อไปน่ะ?”
ใบหน้านั้นบิดเป็นรอยย่น ดูราวกับว่าจะขอโทษแล้วก็อาย เท่าที่ดีเทคเบลรู้ มันไม่มีใบหน้าของสิ่งก่อสร้างที่ไหนทำหน้าแบบนี้
“ใช่…ข้ารู้ตัวคนร้าย”
ใบหน้านั้นพ่นอะไรบางอย่างออกมาจากปากใหญ่ มันคือแพ๊คเนื้อที่ชุมไปด้วยน้ำลาย ดีเทคเบลรู้สึกท้อใจ เธอยืนขึ้นและเข้าไปหาใบหน้านั้นใกล้ๆ
“นี่ทำอะไรเนี่ย!?”
“ข้าก็ไม่รู้ จู่ๆก็รู้สึกอยากเอาเนื้อใส่เข้าปาก ก่อนที่จะรู้ตัว ข้าก็ยืดลิ้นไปเอามาซะแล้ว มันแปลกจริงๆ ข้าไม่เคยมีอารมณ์เช่นนี้มาก่อน…ไม่เคยอยากเอาเนื้อใส่เขามาในปากมาก่อนเลย ”
“เก็บคำขอโทษไว้ทีหลังเถอะ! ตอนนี้ฉันต้องล้างเจ้านี่แล้ว!”
ดีเทคเบลเปิดก๊อกน้ำเพื่อล้างมัน โชคยังดีที่พลาสติกหุ้มนั้นไม่ได้ขาด
“ทำไมถึงทำอะไรที่ฉันไม่ได้สั่งเนี่ย?”
“หืม ข้าขอโทษ”
“ฉันไม่คิดเลยว่าพวกนายจะกินอะไรได้นะเนี่ย”
“พวกเรากินไม่ได้หรอก หากกินได้แบบนั้นเนื้อก็จะไม่ปลอดภัย อย่างน้อยที่สุดพวกเราก็เอาใส่ในปากตัวเอง
ได้”
“หืม ฟังดูเหมือนกับทริคของฆาตกรรมห้องปิดตายเลย…”
ในตอนที่เธอคิดเรื่องปริศนาห้องปิดตายอยู่นั้น ดีเทคเบลก็ได้ยินเสียงมาจากด้านนอก
“ชิโนนนบุ ยังอีกเหรอ?”
“อะ-อื้อ! กำลังไปแล้ว!”
แบบนี้มันเหมือนนักสืบจริงๆเลยนะเนี่ย เธอคิดแบบนั้นในตอนที่ล้างเนื้ออยู่
________________________________________________________________________
ในตอนที่เดินอยู่บนภูเขาตอนที่ทำโอเรียนเทียริ่งอยู่นั้น โนริโกะก็ลืมเรื่องเนื้อที่เธอเห็นเมื่อครู่ไปไม่ได้ นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเนื้อจำนวนมากขนาดนั้น
วันก่อน พ่อแม่ของเธอพาไปกิน ยากินิคุ ที่ร้านอาหาร เนื้อที่เธอกินตอนนั้นมันอร่อยมาก ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เธอจะได้กินบาร์บีคิว มันอร่อยเหมือนกับยากินิคุใช่ไหมนะ?
“อ๊ะ นี่ไงๆ!”
เด็กสาวเดินไปแล้วชี้ไปที่ต้นซีดาร์ มันมีเครื่องหมายสีส้มถูกมัดติดไว้อยู่กับลำต้น
“รีบทำให้เสร็จเร็วๆแล้วกลับไปกินเนื้อกันเถอะ!”
“แน่นอนนน!”
“เสร็จแล้วล่ะ!”
“เนื้อมันต้องอร่อยแน่ๆเลย!”
บางทีความคิดที่โนริโกะคิดถึงเรื่องเนื้อนั้น มันคงแพร่กระจายไปรอบๆด้วยเวทมนตร์ของเธอ จนทำให้เพื่อนทุกคนของเธอยิ้มและพูดถึงเรื่องที่ตั้งหน้าตั้งตารอบาร์บีคิวอย่างใจจดใจจ่อ ในตอนที่เธอเห็นเนื้อที่ห้องอาหารนั้น มีเด็กผู้ชายที่ยื่นมือไปจับและเด็กผู้หญิงคนที่จ้องมัน นั่นเป็นเพราะอิทธิพลของโนริโกะเหมือนกัน
“แต่มันก็ดีนะ ถ้าคิดว่ามันอร่อยล่ะก็ มันก็จะต้องอร่อยแน่ๆเลยล่ะ!”
“หืม? เธอพูดอะไรเหรอ?”
“ไม่มีอะไรหรอก เอาล่ะ รีบๆแล้วก็ประทับตรานี่กันเถอะ!”
MANGA DISCUSSION