อัศวินในวันหยุด
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นก่อนการแข่งขันรวบรวมเมจิคัลแคนดี้
ในเมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจคจะเริ่มต้นขึ้นเป็นเวลาหลายเดือน
ออฟไลน์มีตติ้ง
มันคือการที่ผู้คนที่เจอกันในการแชทออนไลน์, เว็บบอร์ด, เกม MMORPG ทั้งหลาย จะมาเจอหน้ากันเพื่อรับประทานอาหาร, ดื่ม, ร้องเพลง, หรือคุยกันในชีวิตจริง
สำหรับโซตะ คิชิเบะ คนที่ปิดบังว่าตัวเองรักเมจิคัลเกิร์ลนั้น แม้จะซักครั้งหรือสองครั้ง เขาก็ไม่เคยอยากจะไปออฟไลน์มีตติ้งเลย เขาสามารถแสดงตัวตนที่แท้จริงได้แค่ในเฉพาะเว็บบอร์ดของเมจิคัลเกิร์ลเท่านั้น
เว็บไซท์ของเมจิคัลเกิร์ล เมจิเมจิคัลคัล นั้นครอบคลุมการสนทนาของสื่อทุกแขนง และเว็บบอร์ดนั้นก็มีจำนวนการโพสที่มหาศาล ไม่ใช่แค่ในหมวดหมู่ของเมจิคัลเกิร์ลเท่านั้น แต่ในหมวดหมู่ของอนิเมนั้น ก็มีจำนวนหัวข้อของการสนทนาที่หลากหลายมากมาย
เขารู้จักของขาประจำในเว็บบอร์ด ว่าชอบซีรี่ย์อะไร ชอบตัวละครไหน และเรื่องราวประเภทไหน บางครั้งก็ถกเถียงกันเรื่องทฤษฎี, บางครั้งก็ถกเถียงกันเรื่องการตีความ, ประวัติศาสตร์ของเมจิคัลเกิร์ล และในฐานะที่เขาเป็นแฟนๆของเมจิคัลเกิร์ล เขาก็พูดออกมาได้ว่ารักเมจิคัลเกิร์ลมากขนาดไหน จึงสามารถเข้ากับคนอื่นได้ง่าย
เมื่อวางแผนจะออฟไลน์มีตติ้งกัน เขาก็จะมองกำหนดการณ์แล้วคิดว่า “เอ่อ มีตติ้งเหรอ?” “ถ้าจะแค่คุยกัน พวกเราก็ส่งข้อความหากัน ไม่ก็ใช้เว็บบอร์ดก็ได้นี่นา” แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็คิดว่า “มันต้องสนุกแน่ๆเลย!” “ถ้าไปเจอกันจะคุยอะไรกันดีนะ”
โซตะนั้นมีฉบับพิมพ์แรกของมังงะ คิวตี้ฮีลเลอร์ พร้อมลายเซ็น, มี สตาร์ควีน โกลด์เวอร์ชั่น ของ PlayStation และยังมีชุดแปลงร่างของ ฮิโยโกะ แต่มันก็จบลงด้วยการเรียกของคืนอย่างรวดเร็ว เพราะมีคนจำนวนมากที่นิ้วติดอยู่ในข้อต่อ
เขาอยากจะอวดว่าตัวเองนั้นมีแรร์ไอเท็มอยู่ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่คนที่มีความสนใจแบบเดียวกันกับเขา ก็จะไม่มีวันรู้ถึงคุณค่าของสิ่งนี้ ในชีวิตจริงเขาไม่มีใครเลยที่จะพูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้เลย
โซตะเป็นนักเรียนมัธยมต้นปีสอง เป็นช่วงอายุที่เด็กๆกังวลเรื่องภาพลักษณ์เท่ๆของตัวเอง จึงไม่ต้องพูดถึงเลยว่าการทำตัวไม่เท่นั้นเป็นสิ่งที่แย่ที่สุด โซตะเองก็อยู่ในชมรมฟุตบอล เขาเป็นนักกีฬาที่อยู่ในฐานะหัวหน้าชมรมฟุตบอลจึงมีโอกาสจะพูดอะไรสนุกๆกับชมรมที่อยู่แต่ในร่ม ประมาณว่า “ทำไมพวกชมรมวิทยาศาสตร์ถึงมีแต่คนที่สวมแว่นตาล่ะ?” และในวันนี้ชมรมฟุตบอลเป็นแบบนั้นหมดแล้ว โซตะจึงแค่ตามน้ำไปและไม่ได้สนใจอะไร แต่ถ้ามีใครพบว่าเขาชอบเมจิคัลเกิร์ลล่ะก็ เขาเองก็ไม่อยากจะคิดว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น
มีเด็กชายที่ชอบอนิเมกับมังงะอยู่ในชมรมก็จริง แม้จะเป็นเด็กผู้ชายที่ดูเป็นโอตาคุ แต่ก็ไม่มีใครเลยที่ชอบเมจิคัลเกิร์ลแบบโซตะ หากเขาอยู่ในโชเน็นมังงะโลกนี้ก็คงเมตตาตัวเขามากขึ้น แต่ถ้าเป็นเมจิคัลเกิร์ลล่ะ? มันเป็นคนละเรื่องเลย เขาเองก็รู้ว่าโลกนี้จะไม่เมตตาเขา ถ้าโลกคิดว่าเขามองเด็กสาวอนิเมในเรื่องเพศด้วย
สำหรับโซตะ คิชิเบะ หากมีคนพบว่าเขารักเมจิคัลเกิร์ล มันก็เท่ากับว่าฐานะทางสังคมของเขาถูกทำลายลงไปอย่างสิ้นเชิง ความลับของเขาจะให้ใครมารู้ไม่ได้เด็ดขาด
นั่นคือเหตุผลหนึ่งที่เขาเข้าร่วมออฟไลน์มีตติ้งไม่ได้ หากเขาไปแล้วเจอคนรู้จักในชีวิตจริง… “หือ คิชิเบะ? นี่นายมาทำอะไรในที่แบบนี้เนี่ย? จะว่าไปนี่มันเป็นการรวมตัวแบบไหนนะ?” หากเขาโดนถามแบบนั้น… หากเขาโกหกได้ไม่แนบเนียน… วันรุ่งขึ้น เขาแน่ใจว่าการหายตัวไปจากโรงเรียนคงดีกว่า
และมันมีอีกเหตุผลหนึ่ง โซตะนั้นโกหกเรื่องเพศตัวเองในเว็บไซท์ เขาใส่เพศตัวเองว่าเป็นเด็กสาว
ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนที่น่าขยะแขยง หรือโรคจิตแต่อย่างใด เรื่องนั้นบางทีมันก็ทำให้เขาใจเย็นลงได้ และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เขาเริ่มสวมบทบาทเป็นเด็กสาว จนมีคนเรียกเขาว่า “พี่สาว” มันอาจจะเป็นเพราะชื่อในบอร์ดของเขาคือ ‘เมจิคัลเกิร์ลลี่’ ก็ได้
โซตะหัวเราะเมื่อได้ยินเรื่องราวที่ว่า มีเด็กสาวในโลกออกไลน์กลายเป็นชายอายุ 40 ในโลกจริง แต่เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นหนึ่งในเรื่องเหล่านั้น ไม่เคยมองดูผิวหนังหยาบกร้านของตัวเองแล้วพูดว่า “อื้อ ทุกคน จริงๆแล้วชั้นเป็นเด็กนักเรียนมัธยมต้นล่ะ!” พร้อมกับหัวเราะไปด้วยในตอนที่เข้าร่วมมีตติ้ง เขาแค่ดูเหมือนเด็กชายซื่อๆแค่นั้นเอง
ในชีวิตจริง เขาปิดบังเรื่องที่เขาชื่นชอบเอาไว้ ในอินเตอร์เน็ตเขาเองก็พูดทุกอย่างแบบอิสระไม่ได้ เหมือนกับเขานั้นเดินทางด้วยความโดดเดี่ยวอยู่คนเดียว และเมื่อครึ่งปีก่อน โซตะก็ค้นพบเกมมือถือ เมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจค นั่นคือช่วงเวลาที่เขากลายเป็นเมจิคัลเกิร์ล
เมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจค นั้นเป็นเกมที่มีข่าวลือว่า หากเล่นเกมนี้ก็จะสามารถกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลจริงๆได้
เดิมทีโซตะไม่ได้คาดหวังว่าจะเล่นเกมเพื่อกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลจริงๆอะไรเลย เขาไม่ใช่เด็กสาว แม้จะได้รับพลังเวทมา มันคงมีปัญหามากแน่ๆหากคนอื่นมองเขาว่าเป็นยังไง โซตะจินตนาการได้ง่ายๆว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากคนอื่นเห็นเขาคอสเพลย์เป็น คิวตี้ฮีลเลอร์ ไม่ก็ สตาร์ควีน โซตะแค่สนุกไปกับเกมแค่นั้น และหากเขากลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลในชีวิตจริง… ก็ ในกรณีของเขานั้นมันคงจะเป็น เมจิคัลบอย แบบนั้น โซตะแค่สนใจในการเล่นเกม การสร้างเมจิคัลเกิร์ลในอุดมคติของตัวเอง สำหรับแฟนของเมจิคัลเกิร์ลแล้วนั้น มันไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออะไรเลย
แต่เขาก็กลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลแล้ว เขากลายเป็นแล้วจริงๆ
“ไม่ แบบนี้มันแย่นะ ชั้นรู้ว่าตัวเองชอบเมจิคัลเกิร์ล แต่ไม่ได้บอกว่าอยากเป็นซักหน่อย”
“มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับพวกเราหรอก ปอน, เมจิคัลเกิร์ลที่เป็นเด็กผู้ชายนั้นเป็นอะไรที่หายากด้วย”
“ไม่ใช่แค่หายาก แต่มันไม่มีใครต้องการหรอก!”
“มีความ ต้องการ อยู่นะ ปอน!”
“ไม่มีหรอก!”
“มีสิ ปอน”
“ไม่ ไม่!”
“โอเค เริ่มน่ารำคาญแล้ว ไปลองส่องกระจกดูสิ ปอน”
“มันต้องน่าขยะแขยงแน่ๆ”
“ดูสิ เธอไม่เห็นจะถามเรื่องการมีอยู่ของเมจิคัลเกิร์ลเลย แล้วมันมีปัญหาอะไรอีกล่ะ ปอน?”
“แน่นอน ชั้นไม่ถามหรอกเรื่องนั้นหรอก เมจิคัลเกิร์ลน่ะมีอยู่จริง!”
“ไม่เคยมีคนบอกบ้างเหรอ ว่าเธอน่ะเป็นพวกที่ไม่ฟังคนอื่นเลยน่ะ ปอน? ไม่รู้ตัวเรื่องเสียงของตัวเองบางเหรอ ปอน?”
หลังจากนั้น โซตะก็ฟังสิ่งที่มาสค็อตฟาฟนั้นพยายามโน้มน้าว เขามองดูตัวเองในกระจก เข้าใจพลังเวทของตัวเอง แล้วก็ทำการยืนยันว่าตัวเองได้กลายเป็นเด็กสาวแล้วจริงๆ จากนั้น โซตะ คิชิเบะ จึงยอมรับตัวตนของตัวเองที่กลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่ชื่อว่า ลาพูเซล
ในสมัยอนุบาล เขามีเพื่อนสมัยเด็กคนหนึ่งที่ดูอนิเมด้วยอยู่ตลอด และหลงใหลในเมจิคัลเกิร์ลเหมือนกัน ผู้คนนั้นหลงรักความฝันอันยิ่งใหญ่, พลังปริศนา, คนที่ทำให้ผู้อื่นมีความสุขอยู่เสมอ, บางครั้งก็สู้กับพวกปีศาจ และตอนนี้เขาก็กลายเป็นแบบนั้นแล้ว
ในสัปดาห์แรกที่กลายเป็นเมจิคัลเกิร์ล โซตะนั้นยุ่งอย่างไม่น่าเชื่อ เขาแค่ใช้เวลาว่างของตัวเองมาช่วยเหลือผู้อื่น แบบนั้นเขาก็ไม่ควรจะยุ่ง แต่มันเป็นเพราะเขายังไม่คุ้นเคย งานต่างๆที่เขาต้องทำอย่างเช่นแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเมจิคัลเกิร์ลรุ่นพี่ และการเก็บตัวตนให้เป็นความลับในตอนที่ช่วยเหลือผู้อื่นนั้น มันทำให้จิตใจของโซตะเหนื่อยล้า
แต่เมื่อผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ เขาก็เริ่มชินกับการเป็นเมจิคัลเกิร์ล ชีวิตของโซตะตอนนี้ประกอบไปด้วยการแอบออกจากหน้าของห้องตัวเองตอนกลางคืน, และมุ่งหน้าเข้าที่เมืองเพื่อค้นหาและช่วยเหลือผู้คนที่กำลังเดือดร้อน, เพิ่มแคนดี้ของตัวเองจนกระทั่งรุ่งเช้ามาถึงโซตะก็จะกลับบ้าน
เมื่อเคยชินกับอะไรบางอย่าง มันก็จะมีเวลาเหลือเพิ่มมากขึ้น และเมื่อมีเวลาเหลือมากขึ้น ก็จะคิดว่าควรจะใช้เวลานั้นเอาไปทำอะไรดี
ถ้าทำอะไรซักอย่างในตอนที่เป็นเด็กผู้ชายไม่ได้ ชั้นก็คงทำในตอนที่เป็นเมจิคัลเกิร์ลได้ เขาคิดแบบนี้กับตัวเอง ความตื่นเต้นของเขาก็เพิ่มขึ้น แต่เขาลดมันลงตลอดเพื่อคงความใจเย็นเอาไว้ ไม่มีทางที่เขาจะเอาพลังไปใช้ในทางที่ผิด
สิ่งแรกที่โซตะคิดก็คือ ‘ถ้าชั้นเป็นขโมยแบบนี้ก็คงจับไม่ได้แน่’ แต่เมื่อเขาคิดแบบนั้นก็รีบลบความคิดนั้นออกไป แน่นอนว่ามันมีอยู่ในมังงะเมจิคัลเกิร์ลแนวตลก แต่สำหรับเมจิคัลเกิร์ลแล้ว การก่ออาชญากรรมนั้นเป็นความผิด แม้กระทั่ง ดาร์คคิวตี้ ใน ซีรี่ย์คิวตี้ฮีลเลอร์ ก็เคยปล้นธนาคารมาก่อน เธอนั้นควรจะเป็นตัวร้าย แต่ก็มีอีกตัวละครหนึ่งที่ชื่อว่า เบบี้คราวน์ ที่ใช้พลังเวทเพื่อขโมยสิ่งต่างๆได้อยู่ ซึ่งตัวละครมีทรงเกียรติอย่างลาพูเซล ไม่ใช่ตัวละครที่จะทำเรื่องอะไรแบบนั้น
‘ชั้นไม่ควรจะเป็นขโมย’ โซตะสรุปเช่นนี้ และตอนที่เขาเอนตัวนอนอยู่บนเตียง ความคิดต่อไปของเขาก็คือ ‘ถ้าชั้นแปลงร่างล่ะก็ แบบนั้นก็จะไปสถานที่ต่างๆที่ปกติเป็นของเด็กสาวได้แล้ว’ เพียงแค่คิดแบบนั้นก็รู้สึกละอายใจกับความคิดต่ำๆของตัวเองแล้ว แต่ในเวลาเดียวกัน มันก็ทำให้โซตะนึกอะไรบางอย่างออก
‘ถ้าชั้นแปลงร่าง…มันก็หมายความว่าจะเข้าร่วมออฟไลน์มีตติ้งได้ใช่ไหม?’
เขามีสองเหตุผลที่เข้าร่วมมีตติ้งไม่ได้ หนึ่งคือกลัวว่าจะโดนคนรู้จักจับได้ และสอง เพราะว่าเขานั้นโกหกเรื่องเพศของตัวเองบนโลกออนไลน์ และทั้งสองอย่างนั้นสามารถแก้ได้ง่ายๆด้วยการแปลงร่างเป็นลาพูเซล
แบบนั้นเขาก็จะไปมีตติ้งอย่างที่ต้องการมาตลอดได้
เมื่อโซตะคิดเช่นนั้น เขาก็มองลาพูเซลที่อยู่ในกระจก ลาพูเซลนั้นมีเขา ซึ่งนั่นก็คือปัญหาเพราะคนธรรมดานั้นไม่มีเขา แถมยังมีหางอีกด้วยนั่นก็คือปัญหาเช่นกันในตอนที่เขาอยากจะสร้างเมจิคัลเกิร์ลในอุดมคติของตัวเอง เขานั้นไม่ได้แค่จะสร้างอัศวินธรรมดา เขาเพิ่มองค์ประกอบของมังกรลงไปด้วย ตอนนี้ตัวเขารู้สึกเสียใจที่เพิ่มอะไรแบบนั้นไป แต่เขาก็มีอีกความคิดหนึ่ง
ถ้าชั้นซ่อนอะไรพวกนี้ได้ แบบนั้นชั้นก็จะไปมีตติ้งได้ใช่ไหม?
โซตะคลายการแปลงร่าง และเปิด PC ของตัวเอง มองไปที่แผนออฟไลน์มีตติ้งครั้งต่อไป
เขาตรวจสอบหัวข้อการออฟไลน์มีตติ้งครั้งต่อไปในเมจิเมจิคัลคัล และพบว่ามันเป็นวันอาทิตย์ในอีกหนึ่งสัปดาห์จากตอนนี้ สถานที่คือร้านอาหารครอบครัวที่อยู่ในเมือง แผนนั้นคือไปร้านอาหารในตอนบ่าย และออกไปสถานที่ที่สองและที่สามในตอนเย็น
…ชะ…ชั้นอยากไปด้วยจัง
เขาอยากไป อยากไปจริงๆ เขาอยากคุยเรื่องเมจิคัลเกิร์ล อยากพูดเรื่องราวต่างๆออกมา อยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็น อยากโอ้อวด ในครั้งล่าสุดได้ยินว่ามีการถามตอบเรื่องเมจิคัลเกิร์ลด้วย เขาอยากรู้จังว่าตัวเองจะอยู่ในระดับไหน บางทีอาจจะไม่ชนะ แต่อย่างน้อยคงจะเป็นหนึ่งในคนที่ได้คะแนนท็อป
การคิดเรื่องนี้มันทำให้เขาอยู่เฉยๆไม่ได้ และก่อนที่จะรู้ตัว นิ้วของเขานั้นก็พิมพ์ลงไปว่าอยากเข้าร่วมลงไปในหัวข้อซะแล้ว
“เมจิคัลเกิร์ลลี่ เข้าร่วมเป็นครั้งแรกเลยใช่ไหม”
“ดีจังที่ เมจิคัลเกิร์ลลี่ มาด้วย!”
เมื่อโซตะอ่านความเห็นเหล่านั้นที่ตอบกลับมา เขาก็รู้ว่าตัวเองหันหลังกลับไม่ได้แล้ว ท้องของเขานั้นปั่นป่วนไปหมด เขารู้ เขาต้องเข้าร่วมมีตติ้ง
โซตะแปลงร่างเป็นลาพูเซล เขาถอดชุดเมจิคัลเกิร์ลออก แล้วสวมชุดธรรมดาทับลงไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาต้องแสร้งทำตัวเป็นเด็กสาว นั่นคือแผนการรบของโซตะ
ปัญหาเดียวก็คือการซ่อนเขากับหาง
หมวกถักนิตติ้งนั้นคงพอที่จะซ่อนเขาเอาไว้ได้… อย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่โซตะคิด แต่เขาบนหัวนั้นยาวกว่าที่ตัวเองคิดและโผล่ออกมา หมวกแก๊ปก็คงไม่ได้ โซตะต้องการหมวกจริงๆ ที่ยาวพอจะปกปิดเขาบนหัวตัวเองได้
โซตะมองหา แต่เขาไม่มีอะไรแบบนั้นเลย
จะไปยืมมาจากเพื่อนก็ไม่ได้ เพราะเขานั้นไม่มีเพื่อนประเภทที่มีหมวกแฟชั่นอยู่เยอะๆ และโซตะนั้นเป็นแค่ลูกคนเดียว เขาจึงไม่มีพี่น้องให้ยืมของแบบนั้น เขาไม่คิดว่าพ่อแม่จะมีอะไรแบบนี้ด้วย หากเขาถามเด็กสาวในห้องหรือเพื่อนสมัยเด็กของเขาว่า “ขอยืมหมวกอะไรหน่อยได้ไหม?” บางทีพวกเธออาจจะคิดว่าโซตะนั้นเป็นโรคจิตก็ได้ ส่วนพี่เลี้ยงของเขา ซิสเตอร์นานะนั้นอาจจะมีอยู่ก็ได้ แต่โซตะจะไปถามเธอได้ยังไงล่ะ? หากโซตะบอกว่าอยากจะซ่อนเขาบนหัวของตัวเอง แบบนั้นเธอต้องถามกลับมาแน่ๆว่าจะทำแบบนั้นไปทำไม หากเขาบอกว่าต้องการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของอัศวินอันทรงเกียรติ แบบนั้นซิสเตอร์นานะจะผิดหวังรึเปล่านะ? จะคิดว่าเขาบ้ารึเปล่า? จะดูถูกเขาไหม? โซตะไม่อยากเห็นการตอบสนองอะไรแบบนั้นเลย
เขาควรจะเอาผ้ามาพันให้ดูเหมือนกับผ้าโพกหัวดีรึเปล่านะ? หรือจะจัดทรงผมเพื่อซ่อนเขาบนหัว? อาจจะทำเหมือนซิสเตอร์นานะที่สวมผ้าคลุม? แต่มันไม่มีความคิดไหนที่ดูเข้าท่าเลย
ควรจะยอมแพ้รึเปล่า? แต่ถ้าเขายอมแพ้ตอนนี้ เขาอาจจะเข้าร่วมออฟไลน์มีตติ้งไม่ได้อีกตลอดชีวิตไปเลยก็ได้
โซตะเปิดดูกระเป๋าเงินของเขา และหยิบบัตรเงินสดหนึ่งใบออกมา เดิมทีบัตรนี้เต็มไปด้วยเงินที่สะสมเอาไว้ซื้อรองเท้าสไปค์ทีละนิด ทีละนิด จากเงินที่เขาได้ จากเงินปีใหม่ จากเงินที่แม่ให้มานิดหน่อยเพื่อไปซื้อของให้ เขาถอนมันออกมาทั้งหมดแล้วเก็บเอาไว้
โซตะมองไปที่บัตรเงินสด ตอนนี้เขายืนอยู่ที่ทางม้าลาย
ด้านหนึ่งคือเมจิคัลเกิร์ล อีกด้านหนึ่งคือฟุตบอล ทั้งสองอย่างมีความสำคัญกับชีวิตของโซตะ แต่ถ้าเขาจะเลือก เขาก็เลือกทั้งสองอย่างไม่ได้ การเงินในตอนนี้ของเขานั้นไม่เอื้ออำนวย
______________________________________________________________________
โซตะนั้นเลือกเมจิคัลเกิร์ล
ฟุตบอลมันสำคัญกับเขาก็จริง เขายังคงฝันว่าวันหนึ่งจะกลายเป็นมืออาชีพที่เล่นอยู่ในยุโรป แต่ในตอนนี้ เขากลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลมืออาชีพไปแล้ว การกลายเป็นแบบอย่างแบบนี้ บางที…มันอาจจะดีก็ได้
เขาใช้ตั๋วที่ลดราคาตามฤดูกาล ขึ้นรถไฟความเร็วสูงจนมาถึงสถานีโตเกียว มันใหญ่มากจนทำให้หัวของเขานั้นหมุนไปหมด หลายๆครั้งต้องถามเจ้าหน้าที่ของสถานีว่าเขาต้องไปทางไหน หลังจากที่ผ่านมาหลายสถานีแล้ว ในที่สุดก็ถึงจุดหมายปลายทาง เขานั้นสวมหมวกโคลช*อยู่ มันห้อยลงมาจากบนหัวทำให้ปิดบังเขาของโซตะไว้ได้ และสามารถดึงลงมาเพื่อซ่อนอะไรที่อยู่เหนือดวงตาได้ด้วย ร่างกายส่วนล่างนั้น เขาสวมกระโปรงบานสีชมพูที่ยาวจนถึงข้อเท้า จึงปกปิดหางของตัวเองเอาไว้ได้
*หมวกทรงระฆังสำหรับผู้หญิง
เขาซื้อทั้งหมดนี้มาจากห้างสรรพสินค้าแถวบ้าน มันช่วยไม่ได้ที่จะดูเป็นชุดราคาถูก แต่มันก็คงได้ผลไม่มากก็น้อย ส่วนชุดชั้นในนั้นเป็นอย่างเดียวที่โซตะไปซื้อเองไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงใช้ของลาพูเซลมีแทน
เขาแต่งตัวแบบนี้ตอนออกจากบ้านจนมาถึงโตเกียว เขาอยากจะเชื่อว่าสายตาที่จ้องมาที่ตัวเองนั้น ไม่ใช่เพราะว่าดูแปลก โซตะแน่ใจว่ามีเพียงอะไรเล็กน้อยที่เป็นแบบนั้น เช่นการแต่งตัวที่ไม่เข้ากันกับรองเท้าผ้าใบและกระเป๋าเป้ และขนาดของรองเท้าผ้าใบเองก็ผิดไปเล็กน้อย มันจึงทำให้ท่าเดินของเขานั้นดูตลก
…บางทีชั้นก็ควรไปเปลี่ยนมันที่ไหนซักที่นะ
ตอนแรกเขาคิดว่าจะไปเปลี่ยนในห้องน้ำ แต่ถ้าโซตะ คิชิเบะเข้าไปในห้องน้ำ และกลายเป็นลาพูเซลออกมาแทน แบบนั้นมันคงดูแปลก เขาจึงรอให้พอแม่ของเขาออกจากบ้านไปก่อนที่เขาจะแปลงร่าง และออกมาข้างนอกเมื่อไม่มีใครเห็น แบบนี้ควรจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุด
แม้โซตะจะกังวลเรื่องแบบนั้นตอนที่อยู่บนรถไฟ แต่เมื่อเขาไปถึงร้านอาหารครอบครัวที่เป็นจุดนัดพบ เขาก็พบคนที่ดูเหมือนว่าจะมามีตติ้งพูดคุยกันอย่างสบายใจ โซตะเองก็จำคำพูดที่คนพวกนั้นพูดกันได้
เมื่อเขาเข้าไปหา ทุกคนนั้นก็เงียบแล้วหันมามองลาพูเซลด้วยท่าทางกังวล โซตะจึงรีบก้มหัวลงไปเพื่อทักทาย
“เอ่อ นี่ใช่สถานที่มีตติ้งรึเปล่า?”
“ใช่แล้วล่ะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะ ชั้น เมจิคัลเกิร์ลลี่ เอง”
“โอ๋ เมจิคัลเกิร์ลลี่?”
“ว้าว ไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะเป็นแบบนี้!”
“ผิวสวยจังเลย~”
การต้อนรับทำให้โซตะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขาเดินไปอยู่ด้านหลังแล้วก็นั่งลง หากกัปตันทีมฟุตบอลอยู่ที่นี่ บางทีก็จะคงพูดออกมาประมาณว่า “คนที่นี่ใส่แว่นกันเยอะไปแล้ว!” อะไรแบบนั้น แต่คนที่นี่คือคนที่โซตะต้องการพบมากที่สุด ร้านอาหารครอบครัวที่นี่ก็ไม่ได้ต่างกับสาขาที่บ้านของเขามาก และที่มุมของร้านก็กลายเป็นจุดที่พูดคุยเรื่องเมจิคัลเกิร์ลไปแล้ว ออฟไลน์มีตติ้งเป็นแบบนี้เองงั้นเหรอ? โซตะคิดพร้อมกับหัวใจของเขาที่เต้นรัวขึ้น
“ยินดีต้อนรับ ยินดีต้อนรับ! ฉันคือจีโนไซโคนะ!”
“โอ๊ะ จีโนไซโค! ขอบคุณมากนะที่ทำเพื่อพวกเราทุกคน”
จีโนไซโคที่เป็นคนสำคัญในบอร์ดนั้นเป็นผู้หญิงที่ดูอายุน้อย เธอเป็นเหมือนกับที่โซตะคิดเอาไว้ เธอนั้นส่งยิ้มให้เขาแล้วเอื้อมมือไปหยิบเฟรนช์ฟรายส์
“รู้ไหม ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะ ว่าเธอจะว่าร่วมกับพวกเราด้วยจริงๆ เมจิคัลเกิร์ลลี่”
“ฮะฮะฮะ”
“ว้าว เธอนี่สวยสุดๆเลย”
“เอ๋ ไม่หรอก”
“นี่เธอไม่ได้ทำงาน แบบนั้น ใช่ไหม? คือทั้งหน้า รูปร่าง แล้วก็อารมณ์มันให้น่ะ”
“ประทานโทษ?”
“อ๊ะ ถ้าเธอไม่เข้าใจที่ฉันพูด ก็ไม่ต้องกังวลหรอกนะ ฮะฮะ…ถ้าเพเล็ตท์อยู่ด้วยล่ะก็ ขาประจำก็พร้อมหน้ากันทุกคนเลยล่ะ!”
“เพเล็ตท์ไม่มาเหรอ?”
“อ๋า เพเล็ตท์ไม่เคยมาหรอก”
จีโนไซโคลดเสียงต่ำลง แล้วก็เอนตัวมากระซิบกับลาพูเซล
“ฉันคิดว่าคนๆนั้นอาจจะเป็นคนที่มาจากฝ่ายผลิตก็ได้ หากมาที่นี่ล่ะก็ในหมู่พวกเราอาจจะมีบางคนจำหน้าได้ ดังนั้นจึงมามีตติ้งไม่ได้น่ะ ประมาณนั้นน่ะ”
“โอ๊ะ เข้าใจล่ะ”
เพเล็ตท์เป็นขาประจำของเว็บบอร์ดที่รู้จักเมจิคัลเกิร์ลมากกว่าโซตะ แถมเป็นแฟนตัวยงของ เมจิคัลเดซี่ และหลายๆโพสของเพเล็ตท์มักเริ่มต้นด้วยคำว่า “หากเมจิคัลเดซี่จบลงก็หมายความว่าชีวิตวัยเด็กของฉันจบลงด้วย” จนมันกลายเป็นมีมเลยทีเดียว
แม้สิ่งที่จีโนไซโคพูดจะเป็นเพียงแค่ข่าวลือ แต่มันก็สามารถอธิบายทุกอย่างได้… โซตะรู้สึกว่าเพเล็ตท์นั้นจะพูดถึงเรื่องเบื้องหลังอยู่บ่อยๆ เช่นเรื่องของสปอนเซอร์, ความสัมพันธ์นักพากย์, และแผนของบริษัท ทุกอย่างนั้นเกี่ยวกับ เมจิคัลเดซี่
“แม้กระทั่งคนจากในวงการอนิเมก็ยังเข้ามาในเว็บบอร์ดงั้นเหรอ หืม?”
“มีผู้คนหลากหลายประเภทแบบนั้นอยู่บนบอร์ดนะ ตัวอย่างก็เหมือนฉันไง…แหะแหะแหะ”
“เดี๋ยวนะ จีโนไซโค? นี่เธอทำงานในวงการอนิเมเหมือนกันเหรอ?”
“ไม่ ไม่ ไม่ ฉันไม่ได้ทำงานในวงการนั้นหรอก แต่…แหะแหะแหะ”
โซตะเปลี่ยนที่นั่งไปรอบๆ และแนะนำตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีก
“คานอสซ่า เธอเล่น เมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจค รึเปล่า?”
“ได้ยินข่าวลือเหมือนกันนะ แต่ขี้เกียจจะลองอ่ะ”
“เหมือนว่าคนในโตเกียวจะไม่ค่อยเล่นเท่าไหร่เลยนะ”
“มันเป็นเรื่องแปลกที่เกมมือถือจะได้รับความนิยมอยู่แค่ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งใช่ไหมล่ะ? ฉันเองก็ได้ยินมาว่ามันน่าสนใจนะ แต่ไม่รู้ทำไมฉันถึงไม่รู้สึกตื่นเต้นเลยก็ไม่รู้ แปลกจัง เป็นเกมแนวเมจิคัลเกิร์ลด้วย จึงไม่มีทางที่ตัวเองไม่อยากเล่นแน่ๆ แถมมันฟรีอีกต่างหากใช่ไหม? แปลกจังที่ฉันไม่ได้เล่น ไม่เข้าใจจริงๆ บางทีอาจเป็นเพราะอายุที่แก่เกินแล้วก็ได้”
การพูดคุยกับผู้คน ทำให้เขาเริ่มเห็นเล็กๆว่าความสัมพันธ์ของทุกคนเป็นยังไงเช่นเดียวกัน
“โอ๊ะ ระวังมิโสะยากิด้วยนะ อย่าลืมล่ะ?” เด็กสาวคนหนึ่งพูด
“หือ?”
“เจ้างั่งนั่นทำตัวมีปัญหา โดยเฉพาะกับเด็กสาวน่ารักๆ”
เธอมองไปที่ มิโสะยากิ ชายที่แต่งตัวไม่เหมือนใคร สวมชุดแจ๊กเก็ตแบรนเนมและมีอักษรสี่ตัวว่า เมจิคัลเกิร์ล อยู่บนเสื้ออย่าสละสลวย เขานั้นแต่งตัวดูเป็นชายที่ทันสมัย แต่หนวดของเขานั้นส่งกลิ่นแปลกๆออกมา
“ฉันคิดว่าแบนหมอนั่นไปซะยังดีกว่า แต่จีโนไซโคเองก็ใจดีเกิน”
“อื้อ…ชั้นจะระวังนะ”
โซตะมองไปที่มิโสะยากิอีกครั้ง และเมื่อสบตากัน เขาก็พยักหน้า ลุกขึ้น แล้วก็ยิ้ม นั่นเขาจะมาทางนี้งั้นเหรอ? พวกเธอบอกโซตะว่าให้ระวังเขา ตอนนี้โซตะรู้สึกอัดอัด บางทีควรขยับไปที่อื่นคงดีกว่า
“โทษที ขอทางหน่อย” โซตะพูดแบบนั้น แล้วเดินตัดผ่านฝูงชนพร้อมกับทำมือขอทางเพื่อเปลี่ยนที่นั่ง
“ยินดีที่ได้รู้จัก ชั้น เมจิคัลเกิร์ลลี่ นะ”
เขาแนะนำตัวเองพร้อมกับรอยยิ้ม แต่เด็กสาวที่นั่งอยู่ข้างๆเขานั้นเพียงแค่พยักหน้าให้เขาเล็กน้อย
“เอ่อ…”
เด็กสาวมองมาที่ลาพูเซลด้วยท่าทางสับสน เหมือนว่าโซตะนั้นจะทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ ซึ่งแบบนั้นมันก็ทำให้โซตะรู้สึกไม่สบายใจเหมือนกัน เขาจำเป็นหาหัวข้อการสนทนา เมจิคัลเกิร์ลเหรอ? เรื่องเว็บบอร์ด? หรือว่าจะเป็นเรื่องสภาพอากาศ? แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหน เด็กสาวนั้นก็แค่หยักหน้าไม่ก็เอียงหัวของเธอเท่านั้น เธอไม่ได้ตอบอะไรเลย
“เธอคิดว่ารายการนั้นเป็นยังไงมั่ง?”
“…”
“แหม วันนี้โชคดีนะที่อากาศแจ่มใส”
“…”
“เมจิคัลเกิร์ลนี่สุดยอดไปเลยใช่ไหมล่ะ??”
“…อ่า”
เธอได้ยินในสิ่งที่เขาพูด และก็ตอบกลับมาเพียงสั้นๆเท่านั้น
หลังจากนั้นโซตะก็ถามจีโนไซโคว่า “เด็กคนนี้เป็นอะไรรึเปล่า?” และจีโนไซโคนั้นก็ตอบกลับมาเพียงง่ายๆด้วยการยักไหล่และส่ายหัว
“ไม่รู้สิ? บางทีอาจเป็นหน้าใหม่ล่ะมั้ง? เธอจ่ายค่าเข้าร่วมแล้ว เท่านั้นก็ดีกับฉันแล้วล่ะ”
เป็นเด็กสาวที่แปลกจัง ไม่ได้พูดคุยกับใคร เพียงแค่นั่งกินอาหารอยู่คนเดียวอย่างเงียบๆ บางอย่างเกี่ยวกับตัวเธอทำให้โซตะนึกถึงเพื่อนสมัยเด็ก ไม่ใช่ว่าใบหน้าดูคล้ายกัน เธอคนนี้ดูเงียบๆและขี้อาย ไม่ได้ดูเหมือนเพื่อนของเขาแต่อย่างใด บางทีอาจจะเป็นเพราะบรรยากาศก็ได้
โซตะสงสัย แต่เขาเองก็ไม่ได้มีเวลามากพอที่จะคุยกับเด็กสาวต่อเหมือนกัน เขาพูดเรื่องเมจิคัลเกิร์ลอย่างสนุกสนาน, เอาแรร์ไอเท็มออกมาอวด, เล่นเกมคำศัพท์, แล้วก็รับของฝาก โซตะเองก็เสียใจที่เขาไม่ได้เอาอะไรมาด้วย แถมยังปฎิเสธผู้ชายที่พยายามจะจีบเขาด้วยความสุภาพ ตอนนี้ใกล้ได้เวลาที่เขาต้องขึ้นรถไฟกลับแล้ว
โซตะนั้นอยากคุยมากกว่านี้อีก อยากรู้เรื่องงานหลังจากที่ปาร์ตี้เลิกแล้ว และหลังจากนั้นไปอีก แต่ถ้าเขาไม่กลับบ้านตอนนี้ พ่อแม่ก็จะกลับบ้านมาก่อนเขา หากเขากลับบ้านไปในร่างของลาพูเซลและมองพ่อแม่ด้วยร่างนั้น ความบรรลัยมาเยือนเขาแน่ แม้เขาจะแปลงร่างในห้องน้ำระหว่างทางกลับบ้าน มันก็จะกลายเป็นโซตะออกมาจากห้องน้ำหญิงแทน และนั่นก็เป็นความบรรลัยในอีกแบบหนึ่ง
“วันนี้สนุกจังเลย!”
“ฉันเองก็สนุกเหมือนกัน”
“ไว้คุยกันใหม่ในบอร์ด โอเคนะ?”
“รอที่จะเจอกันในออฟไลน์มีตติ้งครั้งหน้าไม่ไหวแล้วล่ะ”
“อื้อ อยากพูดถึงคิวตี้ฮีลเลอร์ซีซั่นใหม่จัง”
ในตอนที่โซตะออกไป เขาก็มองมาที่เด็กสาวที่ดูเงียบๆ เธอคนนั้นก็มองมาที่เขาเช่นกัน… เขาเห็นรอยยิ้ม…รอยยิ้มเล็กๆ เหมือนกับว่าเธอมีความสุข จากนั้นโซตะก็ออกจากร้านอาหารไป
มันมีอีกหลายสิ่งที่เขาอยากเห็น แต่เขาไม่มีเวลาพอที่จะทำแบบนั้น เขาอยากจะออกไปสำรวจโตเกียวอีกครั้งถ้ามีโอกาส โซตะมองดูทางไปสถานีจากบนแผนที่ และคิดว่าถ้าไปทางถนนด้านหลังมันคงเร็วกว่า และเมื่อ
เขาเดินไปได้ห้านาที ก็มีบางคนมาแตะไหล่ของเขา โซตะตกใจและหันกลับมามองดู
“เฮ้ จะไปไหนน่ะ?”
มิโสะยากินั่นเอง เขาดูไม่เหมือนกับตอนที่อยู่ในร้านอาหารเพราะสวมแว่นกันแดดขนาดใหญ่อยู่ และเพราะแบบนั้น มันยิ่งทำให้เขาดูน่าสงสัยมากยิ่งขึ้น
“เอ่อ ทำไมเหรอ?”
“หมายถึงทำไมชั้นถึงอยู่ที่นี่น่ะเหรอ? ก็นะ ก็มันปล่อยให้สาวๆกลับบ้านคนเดียวไม่ได้หรอก ใช่ไหมล่ะ?”
“อ่า มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก”
“ไม่ต้องอายหรอกนะ”
เขาไม่ใช่คนขี้อายซักหน่อย แต่เหมือนผู้ชายคนนี้จะไม่ฟังที่เขาพูดเลย
“เฮ้ ก่อนที่เธอจะกลับน่ะ ไปไม่ดูอะไรแถวนี้ซักหน่อยเหรอ? ชั้นอยู่ที่โตเกียวนี่แหละ รู้จักสถานที่ดีๆด้วยนะ รู้ไหม?”
แม้โซตะจะเป็นเด็กมัธยมต้น เมื่อดูท่าทางและการแสดงออก เขาก็รู้ว่าชายคนนี้ต้องการอะไรบางอย่าง แต่โซตะนั้นก็ไม่ได้สนใจตอบอะไรกลับไป
“ไม่ล่ะ เดี๋ยวจะไม่ทันรถไฟ”
“ไม่เป็นไรน่า”
“ชั้นต้องกลับบ้านนะ”
“กลับบ้าน? แบบนั้นมันน่าเบื่อจะตาย”
“นั่นไม่ใช่เรื่องของนายซักหน่อย”
“ไปหาอะไรดีๆกินกันดีกว่าน่า ไม่ใช่แค่อาหารจากร้านอาหารครอบครัว เธอชอบแบบไหนล่ะ ฝรั่งเศสหรืออิตาเลี่ยน?”
โซตะไม่อยากจัดการผู้ชายคนนี้ แต่มันก็เหมือนว่าชายคนนี้ก็ไม่ฟังเมื่อเขาปฎิเสธเช่นกัน หากเขาแค่สลัดชายคนนี้ให้หลุด ชายคนนี้อาจจะตามเขาไปจนถึงบ้านก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นมันก็จะกลายเป็นกรณีเลวร้ายที่สุดไปเลย
โซตะไม่เคยมีประสบการณ์ไล่สตอร์คเกอร์ที่ตามตื๊อมาก่อน เพราะแบบนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงในสถานการณ์แบบนี้เช่นกัน หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น พวกผู้หญิงจะทำยังไงในสถานการณ์แบบนี้กันนะ? เขาเริ่มคิดมากยิ่งขึ้น ทำยังไงดี? ทำยังไงดี? แต่สิ่งที่เขาทำได้มีเพียงตื่นตระหนก และไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำอะไรเท่านั้น…
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ!”
มีเด็กสาวที่ยืนอยู่พร้อมกับมีแสงอาทิตย์ส่องผ่านมาที่ด้านหลังของเธอ เธอสวมชุดสูทที่ดูเหมือนหลุดมาจากโชว์โทคุซัทสึ ภายใต้ที่บังลมของเธอนั้น โซตะมองเห็นใบหน้าที่ดูงดงาม เด็กสาวคนนี้คือเมจิคัลเกิร์ลนั่นเอง
“ทำไมแกคิดว่าถึงสามารถตามตื๊อเด็กสาวในซอยเปลี่ยวแบบนี้ได้กันล่ะ!?”
“อะ-อะไร? แกเป็นใคร!? ไอ้ชุดนั่นมันบ้าอะไรวะ!?”
“ฉันต่างหากที่ต้องพูด แกนั่นแหละ เป็นใคร”
“ไม่ใช่เรื่องอะไรของแก ไสหัวไปให้พ้นเลยไป!”
“นายไม่เห็นรึไงว่าเธอไม่ได้อยากไปด้วยน่ะ?”
ในตอนมิโสะยากิกำลังคุยกับเมจิคัลเกิร์ลอยู่นั้น เมจิคัลเกิร์ลนั้นมองข้ามผ่านไหล่มา และขยิบตาให้โซตะ เพื่อที่จะบอกว่า รีบวิ่งเลย!
เมจิคัลเกิร์ลที่รับผิดชอบเขตนี้ช่วยโซตะที่ตกอยู่ในความเดือดร้อนเอาไว้ โซตะก้มหัวขอบคุณเมจิคัลเกิร์ลคนนั้น และวิ่งมาที่สถานีด้วยความเร็วเต็มที่ ใช่แล้ว เขาวิ่งมาด้วยความเร็วเต็มที่
เมื่อเขามาถึงสถานีรถไฟ ในที่สุดโซตะก็รู้ว่ามีอะไรแปลกๆ เมื่อเขาเอาตั๋วออกมาจากกระเป๋า
ชุดของเมจิคัลเกิร์ลสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่องานของพวกเธอโดยเฉพาะ พวกเธอสามารถบินได้เร็วกว่าเสียง หรือดำดิ่งลงไปใต้ดินโดยที่ชุดนั้นไม่ขาด หากเทียบกันแล้ว เสื้อผ้าของมนุษย์ไม่ได้ออกแบบมาให้เมจิคัลเกิร์ลสวมใส่ มันก็ไม่มีปัญหาอะไรหากจะสวมใส่แล้วเดินด้วยฝีเท้าของมนุษย์ตามปกติ แต่เสื้อผ้าธรรมดานั้นไม่มีความทนทานหากเมจิคัลเกิร์ลนั้นใช้ความเร็วเต็มที่
กระโปรงของเขาหายไปแล้ว หมวกเองก็ปลิวหายไปเช่นกัน เสื้อนั้นขาดเป็นชิ้นๆ และของด้านในกระเป๋านั้นก็กลายเป็นขยะ โซตะร้องออกมาเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแรร์ไอเท็ม เมื่อคนที่อยู่รอบๆเมื่อได้ยินเสียงร้องก็หันมามองเขา และเพราะแบบนั้นโซตะจึงส่งเสียงร้องอีกครั้ง ครั้งแรกเขานั้นส่งเสียงออกมาว่า “อ๊าาาาาา!” ส่วนครั้งที่สองนั้นเป็น “กรี๊ดดดดดด!”
นี่เขาปิดหน้าอกตัวเองทันเพราะปฎิกิริยาตอบสนองรึเปล่านะ? รึเป็นเพราะสัญชาตญาณเอาตัวรอดกันแน่?
โซตะกลับบ้านโดยรถไฟไม่ได้แล้ว เขาไม่มีตั๋วหรือเงินเหลืออยู่เลย ขนาดเสื้อผ้ายังไม่มี มีเพียงแค่ความอายเท่านั้น ขาก็ขยับไม่ได้ ได้แต่ทรุดตัวลงกับพื้น และทันใดนั้นที่ไหล่ของลาพูเซล เขารู้สึกได้ว่ามีฝ่ามือมาสัมผัสอยู่
“…หือ?”
สีของร่างกายเขาเปลี่ยนไป มันมีปลอกคอ, แขนเสื้อ, ลวดลายต่างๆ, กระเป๋า และกระดุมโผล่ขึ้นมา
เมื่อเขามองดู มันเหมือนกับว่าตัวเองสวมเสื้อผ้าแบบแนบเนื้ออยู่
เขายกเข่าขึ้นหนึ่งข้างและหันไปมองด้านหลัง แต่มันก็ไม่มีอะไรเลย ไม่มีใครอยู่เลย
“โชกล้ายหน่อยณะ แต่เน้โคงทามห้ายเทอกาบปายบ้านด้าย”
เขายืนขึ้นและหันไปมองรอบๆตัว 360 องศา เพื่อยืนยันสิ่งที่อยู่รอบตัว แต่มันก็ไม่มีใครเลย แต่เสียงเมื่อกี๊นี้มันก็ไม่ใช่การคิดไปเองแน่ๆ
กระดุมที่เขากดลงไปนั้น เขารู้สึกว่ามันเป็นผิวหนังของตัวเอง และเมื่อเขามองดูใกล้ๆก็เห็นว่า จริงๆแล้ว เขานั้นไม่ได้สวมเสื้ออะไรเลย แต่มันก็มากพอที่จะหลอกผู้คนได้แล้ว
โซตะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เห็นได้ชัดว่าตัวเองรู้สึกเจ็บปวดเมื่อยังมีคนที่จ้องมองอยู่ เขาไม่มีตัวเลือก ลาพูเซลจึงสลัดสายตาฝูงคนแล้ววิ่งออกไป มุ่งหน้าตรงไปที่บ้าน หากเขาวิ่งไปตามรางรถไฟล่ะก็คงจะกลับไปถึงบ้านได้
…แต่…เมื่อกี๊นี่มัน…ใครกันนะ?
มันมีแต่เมจิคัลเกิร์ลที่จะทำอะไรแบบนี้ได้ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่เขาเจอปัญหาในโตเกียว เมจิคัลเกิร์ลก็จะปรากฎตัวออกมาเสมอ โตเกี่ยวนี่มันเป็นศูนย์กลางของเมจิคัลเกิร์ลอะไรแบบนั้นงั้นเหรอ?
วันต่อมา โซตะนั้นอ่านรายงานการมีตติ้ง ซึ่งบอกว่า “เมจิคัลเกิร์ลลี่นี่น่ารักจังเลย!” เมื่อโซตะเห็นแบบนั้นเขาก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย
______________________________________________________________________
เธอเชื่อว่าสามารถมองเห็นโตเกียวสกายทรีได้จากหน้าต่าง อย่างน้อยใบปลิวของโรงแรมมันก็บอกไว้ว่าแบบนั้น ด้วยเหตุผลนี้เองเธอจึงเลือกอยู่ห้องนั้น แต่เพราะมันกำลังอยู่ภายใต้การก่อสร้าง เธอจึงมองไม่เห็นโตเกียวสกายทรีเลยซักนิดเดียว เธออยากเห็นมันมากจึงเอาแก้มตัวเองไปแนบกับหน้าต่าง แต่มันก็มีเพียงรอยที่ทิ้งเอาไว้ตรงนั้น
มาชิโระ คุจิ นอนอยู่บนเตียงของโรงแรมธุรกิจด้วยความหดหู่
เธอได้รับข้อความจากแครนเบอร์รี่มาว่า “เมลวิลล์ เรามีงานให้เธออย่างนึง ช่วยทำให้หน่อยได้รึเปล่า? อีกไม่นานที่เว็บไซต์เมจิคัลเกิร์ลจะจัดออฟไลน์มีตติ้ง เราอยากให้เธอเข้าร่วมด้วย ผู้คนที่ชื่นชอบเมจิคัลเกิร์ลต้องมีศักยภาพที่จะกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลได้แน่ หากเธอเจอคนแบบนั้นล่ะก็ อยากให้ช่วยจับตามองหน่อยน่ะ… เราคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไรหรอก เราคิดว่าเธอทำได้นะ พยายามเข้าล่ะ! สู้ๆ!”
ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีจนเธอเข้าไปในการมีตติ้งได้ แต่เธอนั้นรู้สึกอึดอัดที่จะคุยกับผู้คน โดยเฉพาะลาพูเซล ที่เป็นผู้เข้าร่วมในการทดสอบของแครนเบอร์รี่ในรอบปัจจุบัน แสดงการแปลงร่างของเธอออกมาตรงๆในงานมีตติ้ง มาชิโระรู้สึกตื่นตระหนกจนแทบจะทำงานของตัวเองไม่ได้จนจบมีตติ้ง แครนเบอร์รี่ขอร้องเธอมา เพราะเชื่อในตัวของมาชิโระ…เชื่อในเมจิคัลเกิร์ลที่ชื่อว่าเมลวิลล์ แต่ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเธอก็ไม่สามารถแก้ตัวกับแครนเบอร์รี่ได้เลย
มาชิโระอยากรู้เรื่องของลาพูเซล คนที่เข้ามาชวนเธอคุยหลายๆอย่าง จึงตามเธอออกไป แต่เธอนั้นก็ถูก ยูเมโนะชิม่า จีโนไซโคช่วยเอาไว้ ในตอนนั้นเมลวิลล์ก็ยังคงหายตัวอยู่เพราะพลาดโอกาสที่จะปรากฎตัวออกมา
สิ่งหนึ่งที่เธอทำได้ คือช่วยลาพูเซลตอนที่เสียเสื้อผ้าของตัวเองไป หากเมลวิลล์ไม่ทำอะไรและปล่อยลาพูเซลทิ้งไว้แบบนั้น มันอาจจะขัดขวางการทดสอบของแครนเบอร์รี่ได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ในอีกแง่ บางที…เมลวิลล์นั้นคงมีประโยชน์กับแครนเบอร์รี่ เธออยากจะเชื่อเช่นนั้น
มาชิโระย้อนมองดูตัวเอง เธอไม่เก่งในการคุยกับผู้คน และยิ่งแย่ไปกว่าเดิมหากเป็นกลุ่มคนแปลกหน้า แต่ถ้าเธอตัดสินว่ามันไม่ดีแล้วปล่อยไว้แบบนั้น เธอก็จะไม่เติบโตขึ้น เธอจึงตัดสินใจว่าจะไม่อายกับสำเนียงการพูดของตัวเอง และจะพยายามให้มากขึ้นในการคุยกับคนอื่น
MANGA DISCUSSION