เชอร์น่า คริสต์มาส
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นก่อนที่เมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจค restart
จะเริ่มต้นเพียงไม่นาน
การที่จะกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลได้นั้น สิ่งเดียวที่จำเป็นคือ เวทมนตร์ที่ซ่อนเร้นอยู่ ส่วนสติปัญญา, ความเมตตา, ความกล้าหาญ, ความอ่อนน้อม, ความแข็งแกร่งทางกายและใจ นั้นจะตามมาในภายหลัง มันไม่ใช่เงื่อนไขสำคัญในการที่จะกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ล
ในอีกแง่ เวทมนตร์ที่ซ่อนเร้นอยู่ นั้นเป็นสิ่งที่คลุมเครือ เพราะแบบนั้นใครๆก็สามารถกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลได้ ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ เพศอะไร ชนชาติไหน ก็ไม่มีอะไรมาขวางกั้นได้ บางครั้งมันก็สามารถก้าวข้ามสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นได้อีกด้วย
_____________________________________________________________________
ที่ร้านขายเนื้อทาคานากะนั้นมีคร็อกเก็ตอยู่ 2 แบบคร็อกเก็ตแบบธรรมดานั้นราคา 100 เยน ส่วนคร็อกเก็ตที่ทำพลาด, ไหม้ หรือกรอบไปจะขายอยู่ที่ 50 เยนพวกเขานั้นขายอยู่ที่ 50 เยนมาตลอด ตั้งแต่ที่ลูกชายของเจ้าของร้านกลับมาจากโตเกียวมาทำงานในร้าน ทำให้นักเรียนที่ไม่มีเงินและพวกมนุษย์เงินเดือนนั้นมีความสุขกันมาก พวกเขานั้นเรียกคร็อกเก็ตแบบธรรมดาว่า ‘คร็อกเก็ตแฟนซี’ ในขณะที่เรียกคร็อกเก็ตที่ทำพลาดว่า ‘คร็อกเก็ตธรรมดา’ ส่วนใหญ่จะแนะนำให้ซื้อหลังกันมากกว่า คร็อกเก็ตของร้านขายเนื้อทาคานากะนั้นถูก รสชาติอร่อย ยังมีเนื้อเยอะ แถมแป้งยังกรอบ และที่สำคัญกว่านั้นก็คือ มันอันใหญ่อีกด้วย
ไม่นานมานี้ คร็อกเก็ตที่ทำพลาดนั้นไม่มีขายเลย เพราะที่ร้านบอกว่า “เหมือนลูกชายจะเก่งขึ้นแล้ว” คนหลายจึงจำใจต้องซื้อ ‘คร็อกเก็ตแฟนซี’ ไปอย่างเศร้าๆ หมายความว่า โทโมกิ ทาเทฮาระ นั้นโชคดีที่ซื้อคร็อกเก็ตในราคา 50 เยนได้ 6 ชิ้น
แต่อย่างไรก็ตาม โทโมกินั้นไม่ได้คิดว่าตัวเองโชคดี เขานั่งอยู่บนม้านั่งของสวนสาธารณะและถอนหายใจออกมา เหมือนกับมนุษย์เงินเดือนในละครทีวีหรือมังงะ ที่บอกคนในครอบครัวไม่ได้ว่าถูกไล่ออกจึงทำได้แค่นั่งอยู่บนม้านั่งเท่านั้น
ทั้งหมดมันเริ่มมาจากความผิดของพี่สาวโทโมกิล้วนๆ เธอควรจะต้องตรงกลับมาบ้านหลังจากเลิกชมรม แต่เธอนั้นกลับมาสายเป็นชั่วโมง โทโมกิรู้ว่าทำไม มันเป็นเพราะเบสบอล พี่สาวนั้นไม่เคยสนใจเบสบอลเลย แต่หลังจากโรงเรียนเลิก เธอก็จะไปดูการแข่งเบสบอลอยู่เสมอ
พี่สาวของโทโมกินั้นเริ่มสนใจดูเบสบอลตั้งแต่ตอนเข้าเรียนชั้นมัธยมต้น บางทีอาจจะได้รับอิทธิจากใครในชั้นมัธยมต้นก็ได้ เพราะก่อนหน้านั้นพี่สาวของโทโมกิไม่เคยสนใจเบสบอลเลย ไม่เคยได้ยินพี่สาวเคยพูดถึงเลยซักครั้งด้วย อย่างน้อยก็ไม่ใช่กับโทโมกิ
เมื่อพี่สาวของโทโมกิเข้าเรียนชั้นมัธยมต้น เขานั้นก็คิดว่าพี่สาวเหมือนเด็กประถมที่หยิบชุดผิด ไปเอาชุดของนักเรียนมัธยมต้นมาใส่แทน นักเรียนมัธยมต้นแบบนี้ต้องโดนแกล้งแน่ๆ เขาจึงเป็นห่วงมาก แต่ในตอนนี้ เหมือนว่าไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว
พี่สาวนั้นไม่ได้เล่นเบสบอล เธอเพียงแค่ดูเท่านั้น พี่สาวนั้นไม่ได้เก่งด้านกีฬาอยู่แล้ว และเท่าที่จำได้ พี่สาวเป็นคนที่อ่านหนังสือเป็นงานอดิเรก เขาจึงไม่รู้ว่าอะไรอยู่ในใจเธอในตอนนี้ และสำหรับโทโมกินั้น นิสัยแบบนี้ของพี่สาวทำให้รู้สึกน่ารำคาญเหมือนกัน
เขาสัญญากับพี่สาวว่าจะผลัดกันทำงานบ้าน แต่เพราะพี่สาวนั้นกลับมาสาย วันหยุดของโทโมกิจึงพังไปหมด ในตอนนั้นเขากำลังปั่นจักรยานด้วยความเร็วสูงเพื่อไปยังร้านเกม แต่เมื่อไปถึงก็สายไป 30 นาที การแข่งขันเทรดดิ้งการ์ดนั้นเริ่มขึ้นแล้ว เพื่อนของเขานั้นกำลังสนุกสนานกับการโจมตีและตั้งรับอยู่
…ผู้ชนะในวันนี้จะได้โปรโมชั่นการ์ดด้วย! ทำไมถึงเริ่มวันหยุดฤดูหนาวได้เลวร้ายแบบนี้เนี่ย!
ทั้งหมดมันเป็นความผิดยัยพี่โง่! โง่ โง่ โง่ โง่!
แต่ไม่ว่าจะดูถูกพี่สาวกี่ครั้ง เขาก็ย้อนเวลากลับไปไม่ได้
ไม่ใช่ทั้งความผิดของเพื่อนหรือร้านที่อยู่ตรงนี้ แต่การดูการแข่งต่อไปนั้นมันทำให้โทโมกิรู้สึกเจ็บปวดขึ้น เขาจึงปั่นจักรยานกลับไปตามทางที่มา เป็นอะไรที่เสียเวลาจริงๆ โทโมกิหงุดหงิดกับการกระทำของตัวเองที่ไม่ได้อะไรเลย แถมด้วยถนนที่ขรุขระ ทำให้แฮนด์จักรยานนนั้นไปชนกับเสาโทรศัพท์จนเกือบล้ม มันยิ่งทำให้หงุดหงิดมากขึ้นไปอีก
นั่นคือตอนที่เขารู้สึกถึงกลิ่นของคร็อกเก็ตจากร้านขายเนื้อทาคานากะ นักเรียนประถมปีที่ 4 ในบ่ายวันอาทิตย์ในช่วงเวลาที่จะหิวที่สุด เขาเห็น คร็อกเก็ตแฟนซี กองอยู่ข้างๆกับ คร็อกเก็ตธรรมดา
เงินค่าสมัครแข่งขันของโทโมกินั้นยังคงอยู่ในกระเป๋า บางทีการกินอะไรอาจจะทำให้หายว้าวุ่นใจก็ได้ เขาเองก็ไม่ได้กินคร็อกเก็ตของทาคานากะมานานแล้วด้วย หากพลาดไปตอนนี้ ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กิน คร็อกเก็ตธรรมดา อีกครั้ง
เขาคิดแบบนั้นอยู่ในหัว และก่อนที่จะรู้ตัวก็ซื้อคร็อกเก็ตมา 6 ชิ้นไปซะแล้ว เขานั่งลงบนม้านั่งในสวนสาธารณะ และจับถุงกระดาษซับมันสีน้ำตาลไว้ในมือ ตอนนี้ใกล้ถึงสิ้นปีแล้ว วันหยุดฤดูหนาวก็ผ่านมาเพียงแค่ 2 วัน แน่นอนว่าอากาศมันเย็น โทโมกิรู้ว่าหากเอาไปกินที่บ้านมันคงจะอุ่นกว่านี้ แต่เมื่อนึกถึงหน้าของพี่สาว เขาก็หงุดหงิด ทำไมเขาต้องเห็นหน้าพี่สาวตอนกินอะไรด้วยนะ? เขาควรจะกินมันให้หมดก่อนที่จะกลับไปถึงบ้าน
ตอนนี้ เพื่อนของเขากำลังเล่นการ์ดเกมอยู่ พวกนั้นอาจจะไม่รู้ตัวว่าโทโมกิไม่อยู่ เขาคิดบทสนทนาตอนที่แข่งจบแล้วออกง่ายๆเลยว่าเป็น “อ่า ใช่ ทาเทฮาระวันนี้เป็นไงมั่งล่ะ?” อะไรแบบนี้
…อ่า โถ่เว้ย โถ่เว้ย!
เขาเปิดกระดาษห่อด้วยแรง อ้าปากกว้างมากที่สุดเท่าที่ทำได้เพื่อกินคร็อกเก็ต แต่ก่อนที่จะเคี้ยวนั้น เขาได้ยินเสียงดังบางอย่าง เหมือนว่าจะดังมาจากใต้พื้นดิน มันฟังดูหนักแน่น เสียงดัง จนทำให้เขาตัวสั่น… มันเป็นเสียงท้องร้องที่ดังมาก
มันไม่ใช่เสียงท้องร้องของโทโมกิ แม้ท้องของเขาจะร้อง แต่มันก็ไม่ส่งเสียงดังเหมือนเสียงคำรามของสัตว์กินเนื้อขนาดใหญ่แบบนี้ โทโมกิหยุดก่อนที่จะเอาฟันกัดลงไป และดึงเอาคร็อกเก็ตออกห่างจากปากช้าๆ และมองดูไปรอบๆสวนสาธารณะ
ที่สไลเดอร์, ชิงช้า, บาร์โหน, จังเกิลยิม มันไม่มีใครอยู่เลย ไม่มีแม้กระทั่งแมวจรจัด
จากตรงนั้น เขาเบนสายตาของตัวเองไปยังน้ำพุที่อยู่ใต้ไฟถนน มองขึ้นไปแล้วก็พบว่ามีบางคนนั่งขดตัวอยู่บนไฟถนน สายตานั้นไม่ได้หลอกเขา มันเป็นรูปร่างของมนุษย์ที่อยู่บนไฟถนนสูงขึ้นไปจากพื้นราว 5 เมตร
สิ่งนั้นกระโดดลงมาบนพื้นโดยไม่มีเสียง และเด็กสาวคนนั้นก็จ้องมาที่โทโมกิ
อายุของเธอเหมือนจะเป็นรุ่นราวคราวเดียวกับพี่สาว อยู่ในมัธยมปลายรึเปล่านะ? แค่มองจากภายนอกอย่างเดียวมันบอกอะไรไม่ได้มาก
ชุดของเธอนั้นดูนุ่มนิ่ม มีหูกลมๆอยู่บนหัว ที่ไหล่นั้นมีเครื่องหมายอะไรที่เหมือนแมวอยู่ ชุดของเธอนั้นดูเหมือนกับหนู แต่ใบหน้าของเธอนั้นโผล่ออกมา โทโมกิมองไปที่ใบหน้าของเธอแล้วก็หันไปทางอื่น ไม่ใช่เพราะว่าใบหน้านั้นน่ากลัว แต่เพราะเป็นเธอนั้นเป็นคนแปลกหน้าแถมยังดูสวยอีกด้วย เส้นผมสีชมพูโผล่ออกมาจากส่วนหัวปลิวไสวไปตามลม เธอมีถุงสีขาวขนาดใหญ่อยู่ในมือขวา ดูเหมือนกับสิ่งที่ซานต้าคลอสมีเลย
ประกายในดวงตาของเธอนั้น จ้องมายังมือของโทโมกิโดยไม่กระพริบ
และเมื่อรู้ว่าเธอนั้นจ้องมาที่มือของตัวเอง เขาก็ยกคร็อกเก็ตขึ้นและเอียงหัวของตัวเอง เด็กสาวคนนั้นพยักหน้าอย่างรวดเร็วหลายครั้งราวกับว่าเธออยากกินคร็อกเก็ต เมื่อโทโมกิยื่นมือที่ถือคร็อกเก็ต อยู่ออกมา เด็กสาวนั้นก็เข้ามาหาก่อนที่จะกัดลงไปที่คร็อกเก็ต แต่เธอกัดลงไปบนมือที่ถืออยู่ด้วย โทโมกิจึงส่งเสียงร้องออกมา
“เพราะกลิ่นมันหอมมาก เชอร์น่าคิดว่ามันต้องอร่อยแน่ๆ! พอหลังจากที่กินไปนะ มันอร่อยสุดๆ จริงด้วยล่ะ!”
เด็กสาวนั้นกินคร็อกเก็ตของโทโมกิหมดในพริบตา แถมยังเอาถุงกระดาษไปและกินของข้างในจนหมด ก่อนที่จะโค้งตัวขอบคุณให้กับโทโมกิที่กำลังช็อคอยู่อีกด้วย
โทโมกิโน้มมองตัวไปที่เด็กสาวที่กำลังลูบท้องของเธออยู่บนม้านั่ง เขาลืมความเจ็บปวดที่มือของตัวเองไปแล้ว
“เชอร์น่าจมูกดีนะ ดังนั้นไม่พลาดหรอก!”
“เอ่อ…เธอชื่อเชอร์น่างั้นเหรอ?”
“เชอร์น่าก็คือเชอร์น่า ว่าแต่นายเป็นใครเหรอ?”
“ผมชื่อ โทโมกิ ทาเทฮาระ ฮะ”
บางทีเธออาจจะอายุมากกว่า ดังนั้นโทโมกิจึงพยายามใช้ภาษาสุภาพ แต่เธอเป็นคนแบบไหนกันนะ? โทโมกิไม่เข้าใจเธอเลย เชอร์น่านี่เป็นชื่อต้นงั้นเหรอ? เป็นชื่อแปลกๆไม่เหมือนใคร ที่พ่อแม่ตั้งให้เด็กในสมัยนี้เหรอเนี่ย? ไม่สิ บางทีเธออาจจะไม่ใช่คนญี่ปุ่นก็ได้ ใบหน้าของเธอก็ดูไม่เหมือนคนญี่ปุ่นด้วย บางทีอาจจะไม่ใช่ชื่อจริง อาจจะเป็นชื่อของตัวละคร หรือชื่อในการแสดงของเธอ
เมื่อมองไปที่เสื้อผ้าของเธออีกครั้ง เธอดูเหมือนกับมาสค็อตของร้านค้า ไม่ก็นักแสดงตลก หรือไอดอลชื่อดัง บางทีโทโมกิรู้สึกว่าอาจะเป็นชื่อในการแสดงของเธอก็ได้
“เชอร์น่าหิวมากๆเลยล่ะ ไอ้นั้นก็อร่อยมากเลยด้วย!”
“อะ อื้อ คิดแล้วว่าต้องพูดแบบนั้น”
“แต่ไม่ใช่เชอร์น่าคนเดียวที่หิวนะ”
“อ๊ะ อย่างนั้นเหรอ?”
“ครอบครัว ของเชอร์น่าหิวกันหมดเลย”
จากตรงนั้น เชอร์น่าพยายามจะอธิบายทุกอย่าง ภาษาญี่ปุ่นของเธอไม่ค่อยดีเท่าไหร่ บางทีชื่อเธออาจไม่ใช่ชื่อในการแสดง แต่เป็นชื่อของคนต่างชาติ โทโมกิคิดเช่นนั้น
เชอร์น่านั้นมี แฟมิลี่ ของเธออยู่ คนๆนั้นคือเพื่อนที่โตขึ้นมาด้วยกันอยู่ในละแวกบ้านเดียวกัน แต่ในตอนนี้พวกเขากระจายกันอยู่ทั่วญี่ปุ่น เชอร์น่านั้นบอกว่า ผู้นำที่แข็งแกร่งต้องมีหน้าที่รับผิดชอบในการเลี้ยงดูครอบครัว และเชอร์น่าที่แข็งแกร่งกว่าใครจึงมีหน้าที่ในการเลี้ยงดูทุกคน
เธอใช้ภาษาอังกฤษว่า “แฟมิลี่” อยู่ตลอดเวลา เธอนั้นกำลังรวบรวมอาหารจากทั่วทั้งญี่ปุ่นเพื่อช่วยเหลือครอบครัวของเธอ นี่เธอมีครอบครัวขนาดใหญ่งั้นเหรอ? เธอต้องดิ้นรนมากสินะ? โทโมกิไม่ได้เข้าใจทุกอย่างที่เธอพูด แต่เหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องโกหก โอ้อวด หรือหลอกลวงแต่อย่างใด
“แล้วตอนนี้ก็ใกล้ถึงวันพิเศษแล้วด้วย”
“วันพิเศษ?”
“รู้ไหมวันนั้นน่ะ ผู้นำต้องไปเยี่ยมเยือนครอบครัวทุกคน แล้วก็ต้องเอาของขวัญไปให้ด้วย หากเอาของขวัญอะไรที่ดีกว่าปกติไปไม่ได้ ก็จะเป็นผู้นำไม่ได้ล่ะ!”
คริสต์มาส? ปีใหม่? เหมือนว่าเธอจะพูดถึงเรื่องไหนเรื่องหนึ่งนะ
“เพราะแบบนั้นแหละ”
เชอร์น่าจับมือของโทโมกิอย่างแน่นๆ แม้อากาศจะหนาวและมีลมพัดผ่าน เขาก็ยังสัมผัสไออุ่นที่นิ่มนวลดุจแพรไหมจากมือของเธอได้ หัวใจของโทโมกิเต้นแรงขึ้น เลือดก็สูบฉีดมาที่ใบหน้าของเขา
“ไปหาอะไรอร่อยๆกันเถอะ!”
เชอร์น่าจับมือของโทโมกิแล้ววิ่งออกไป เธอดึงตัวของโทโมกิไปอย่างแรง จนดูเหมือนกับลากเขาไปแทน
“เดี๋ยว เดี๋ยว หยุดก่อนฮะ! หยุดก่อน!!”
หลังจากที่เธอหยุด แรงนั้นส่งผลให้โทโมกิพุ่งไปด้านหน้าจนเชอร์น่าเมาส์ต้องจับตัวเขาไว้ ตอนนั้นเขาก็สัมผัสอะไรบางอย่างที่นุ่มกว่าฝ่ามือของเธอได้
“หยุดทำไมอ่ะ?”
โทโมกิผละตัวออกมาจากสิ่งนุ่มๆที่จับเขาไว้
“ไปหาของอร่อยๆนี่หมายความว่ายังไงฮะ? พวกเราจะไปหากันที่ไหนงั้นเหรอ?”
“ไม่ว่าสิ่งที่เชอร์น่ากินไปเมื่อกี๊จะเป็นอะไร เชอร์น่าก็อยากกินอีก มันอร่อยสุดๆเลย! บอกเชอร์น่าหน่อยว่าต้องไปที่ไหน”
“ก็…ผมไม่มีเงินเหลือแล้วนะฮะ”
“ทำไมอ่ะ?”
“ทำไม นี่หมายความว่าไงฮะ?”
ใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“โทโมกิเป็นผู้ใหญ่แล้ว ดังนั้นโทโมกิต้องมีความรับผิดชอบมากกว่านี้สิ!”
“ผมไม่ใช่ผู้ใหญ่ซักหน่อย เป็นแค่ เด็ก ที่ยังอยู่ชั้นประถมเอง”
“หือ!? เป็นเด็กเหรอ!?”
ใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจอีกครั้ง เหมือนว่าตัวของโทโมกิจะไม่ได้เป็นไปตามความคาดหวังของเชอร์น่า เขาจึงรู้สึกไม่ดี ไม่ว่าจะคิดยังไงโทโมกินั้นก็ไม่ใช่ผู้ใหญ่ ถ้าจะให้พูดแล้ว โทโมกิก็ดูไม่เหมือนอะไรอย่างอื่นนอกจากนักเรียนประถม
“อ่า…เด็กเหรอ หืม…ไม่มีอะไรอร่อยๆอย่างอื่นบ้างเหรอ?”
“ไม่ฮะ…ไม่มีแล้ว”
“งั้นก็ไม่เป็นไรหรอก! ไปหาเพิ่มกันเถอะ!”
ก่อนที่โทโมกิจะพูดว่า “หือ?” มือของเขานั้นก็ถูกจับแล้วดึงออกไปซะแล้ว
_____________________________________________________________________
เธอรู้ว่าโทโมกิเป็นเด็ก และเขาก็บอกเธอแล้วว่า ตัวเองไม่มีคร็อกเก็ตเหลือแล้ว ดังนั้นเขาคงคิดว่าเธอจะไม่สนใจเขาอีก ด้วยเหตุผลบางอย่างนั้นทำให้เขารู้สึกเสียใจแบบแปลกๆ และเขาคิดว่าจะบอกลาเธอที่นี่ กลับไปบ้าน และคุยกับพี่สาวว่าได้เจอกับเด็กสาวพิลึกๆด้วย
แต่โทโมกินั้นก็ยังคงอยู่กับเชอร์น่าด้วยเหตุผลบางอย่าง
“มีร้านสะดวกซื้อไม่ก็ร้านอาหารครอบครัวอยู่แถวนี้ไหม”
“ผมรู้ว่าอยู่ตรงไหนฮะ แต่มีเงินรึเปล่า?”
“คิดว่าอันไหนดีกว่าเหรอ? แอบเข้าไปขโมยหรือคุ้ยถังขยะ?”
“ผมคิดว่าไม่ดีทั้งคู่นะฮะ”
“เชอร์น่าทำไม่ได้เหรอ?”
“ทำไม่ได้ฮะ”
“โอเค…เพราะของขวัญพิเศษ มันควรจะไม่ใช่อาหารแบบธรรมดา โทโมกิพูดแบบนี้ใช่ไหม?”
“…อื้อ เอาแบบนั้นแหละ”
“เชอร์น่าไปถามสิ่งที่ทุกคนอยากได้มาแล้วล่ะ”
“แล้วเป็นยังไงบ้างฮะ?”
“พวกเขาอยากลองกินอาหารแมวดูน่ะ”
“นั่นมัน…เอ่อ…”
“อ๋อ แล้วก็มีอะไรอย่าง อยากหั่นนักดนตรีให้เป็นพันๆชิ้น ด้วยนะ”
“นั่น มันหมายความว่ายังไงเหรอฮะ?”
“เด็กในครอบครัวเชอร์น่าอยู่ในโรงพยาบาล แล้วมันมีคนไข้คนหนึ่งพูดแบบนั้นน่ะ เชอร์น่าไม่เข้าใจเลย โทโมกิเข้าใจไหม?”
“ผมก็ไม่เข้าใจฮะ”
“เอ่อ…แก้ผ้าทำไมเหรอฮะ?”
“วิ่งไปวิ่งมามันทำให้เหงื่อออกเต็มตัวเชอร์น่าเลยนะ ดังนั้นเชอร์น่าคิดว่าจะไปอาบน้ำก่อน”
“แบบนั้นไม่หนาวเหรอฮะ?”
“อ๊ะ จริงด้วย ตอนนี้เชอร์น่าไม่มีขนแล้ว เชอร์น่าคงจะหนาวใช่ไหม?”
“บางที อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ฮะ”
“โทโมกิฉลาดจังเลย~”
“…ขอบคุณฮะ”
“ซ่อนเร็ว!”
“มีอะไรเหรอ?”
“ดูสิ ดูคนๆนั้นสิ”
“คุณยายคนนั้น? คนที่มีดอกกุหลาบอยู่บนเสื้อน่ะเหรอฮะ?”
“คนๆนั้น แข็งแกร่งสุดๆ พวกเราต้องระวังให้มากนะ”
“คุณยายน่ะเหรอ?”
“เชอร์น่ารู้จักเธอล่ะ! เชอร์น่ารู้ว่าไม่ควรเข้าใกล้คนที่มีดอกไม้ติดอยู่บนเสื้อ เชอร์น่าจำรายละเอียดไม่ได้ แต่เชอร์น่ารู้สึกแบบนั้นมาก่อน”
“เอ่อ ผมไม่เข้าใจหรอกฮะ แต่ก็โอเค”
“จะว่าไป ทำไมเชอร์น่าต้องแต่งตัวแบบนี้ด้วยล่ะ?”
“ชู่ววว! อย่าถามเรื่องนี้สิ!”
“หือ…มีอะไรเหรอฮะ?”
“หากมีใครซักคนรู้ตัวตนของเชอร์น่าล่ะก็ เชอร์น่าจะทำให้พวกนั้นหายไปเลยนะ!”
“อะ…เอ่อ…หือ? อะ-โอเคฮะ”
“เดี๋ยวสิ นั่นจะไปไหนน่ะ?”
“คนๆนั้นบอกเชอร์น่าว่า เขาจะให้เชอร์น่าทุกอย่างตามที่เชอร์น่าต้องการเลย หากเชอร์น่าตามเขาไปน่ะ”
“มะ-ไม่ได้นะ เชอร์น่าจะตามคนแปลกหน้าไปด้วยเหตุผลแบบนั้นไม่ได้! เดี๋ยวสิ! อย่าเพิ่งไป! คุณตำรวจ! คุณตำรวจคร้าบบบบบบบบ!”
โทโมกิถูกเชอร์น่าลากไปทั่วเมือง เมื่อเชอร์น่าพยายามจะทำเรื่องที่ไม่ดี โทโมกิก็พยายามหยุดเธอเอาไว้ แม้ว่าเธอจะไม่ได้ทำอะไร รูปร่างหน้าตาของเธอก็ดึงดูดความสนใจได้แล้ว พรุ่งนี้ทั้งสองคนอาจจะกลายเป็นที่พูดถึงไปทั้งเมืองก็ได้
พวกเขาไปมาหลายที่ แต่ไม่มีทางที่เชอร์น่าจะได้อาหารที่ต้องการมาเลย เหตุผลนั้นก็ง่ายๆ คือเชอร์น่ากับโทโมกิไม่มีเงิน ทั้งสองคนกลับไปที่สวนสาธารณะที่ทั้งคู่พบกัน ทำได้แต่นั่งอยู่ข้างกันบนม้านั่งอย่างเงียบๆ
ตอนนี้ท้องฟ้าเองก็เริ่มมืดแล้ว และอากาศเหมือนว่าจะเย็นลงแล้วด้วย เขาคิดไปเอง หรือว่าอากาศมันเย็นจริงๆกันแน่นะ บางทีอย่างจะเป็นทั้งสองอย่างเลยก็ได้
ภายใต้อากาศที่รู้สึกเย็นแบบนี้ เขาเองก็เริ่มรู้สึกเศร้า และสงสัยว่าตัวเองทำอะไรอยู่กันนะ เมื่อมองไปข้างๆ เขาก็เห็นเชอร์น่าก้มหน้าอยู่ แม้มันจะมืด แต่โทโมกิก็รู้สึกตกใจเมื่อเห็นประกายบางอย่างไหลออกมาดวงตาของเธอ
“ปะ-เป็นอะไรไปฮะ?”
“เชอร์น่า…หาของขวัญไม่ได้เลย…”
เชอร์น่าน่ะอายุพอๆกับพี่สาวไม่ใช่เหรอ? อาจจะแก่กว่า แต่เธอก็พยายามหาเลี้ยงครอบครัวที่อดอยากอย่างสุดความสามารถ เธอปาดน้ำตาและอดทนกับความไร้ซึ่งหนทาง แม้จะมีความสะเพร่าอยู่บ้าง แต่เธอก็มีด้านที่ไร้เดียงสาอยู่เช่นกัน แล้วน้ำตาของเธอในตอนนี้…
…พลังทำลายล้างมันสูงอะไรขนาดนี้
น้ำตานั้นทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจของโทโมกิ
เชอร์น่าร้องไห้ มีบางอย่างที่รู้สึกร้อนรุ่มอัดแน่นอยู่ภายในท้องของเขา และเปล่งออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ มีเสียงตะโกนใส่เขาว่า นั่นทำอะไรอยู่น่ะ? ไม่ก็ นี่ไม่ใช่เวลาจะนั่งอยู่เฉยๆนะ
เหมือนเขานั้นถูกเสียงนั้นทิ่มแทง โทโมกิจึงลุกขึ้น
“รออยู่ที่นี่นะฮะ! เดี๋ยวผมกลับมา!”
โทโมกิคว้าจักรยานของเขา แล้วปั่นด้วยความเร็วสูงสุด ไม่นานเขาก็กลับมาถึงบ้าน
เขาจอดจักรยานไว้ที่ประตูหน้า สลัดรองเท้าออกและมุ่งหน้าไปที่ครัว นี่ไม่ใช่เวลาที่โทโมกิจะมาห่วงว่าพ่อแม่จะโกรธรึเปล่า เขาหยิบถุงขยะออกมาจากลิ้นชัก แล้วเริ่มเอาอาหารออกมาจากตู้เย็น, ช่องแช่แข็ง และตู้เก็บอาหารใส่ลงไปในถุง
“…ทำอะไรอยู่เหรอ?”
เสียงของพี่สาวดังขึ้นข้างหลังเขา แต่ในตอนนี้มันไม่สำคัญแล้ว
เขาเอาของใส่ลงถุงต่อไป
“นี่ ทำอะไรอยู่น่ะ?”
ใส่ลงไป ลงไป
“เดี๋ยวสิ โทโมกิ”
“อย่าห้ามผมนะ ผมจำเป็นต้องมีอาหาร”
“พ่อกับแม่จะโกรธเอานะ”
“ถึงจะโกรธ ผมก็ไม่สนหรอก!”
เขาไม่สนพี่สาวที่พยายามหยุดตัวเอง มันใกล้จะถึงปีใหม่แล้วแต่ก็ยังมีเด็กๆที่รู้สึกหิวโหยอยู่ข้างนอก มีเด็กสาวที่วิ่งไปทั่วเมืองเพื่อที่จะพยายามหาอาหารเพื่อเป็นของขวัญให้เด็กเหล่านั้น แล้วมันผิดตรงไหนที่เขาจะช่วยเธอคนนั้นล่ะ?
ในตอนที่เอาของใส่ลงไปเขายังคงพูดอยู่ และในที่สุดก็มัดปากถุงเสร็จ หนึ่งถุงกับอีกครึ่งนึงของถุงขยะ 45 ลิตร มันไม่ได้มากมาย แต่นี่คือทั้งหมดที่โทโมกิทำได้ เขาแบกมันไว้บนหลังและมุ่งหน้ากลับไปหาเชอร์น่า แต่พี่สาวของโทโมกินั้นกลับเอาถุงที่ใหญ่กว่ามา
“…พี่?”
“อื้อ อะ-เอานี่ไปสิ!”
มันเป็นขนมขบเคี้ยวที่กองโตเท่าภูเขาวางอยู่ต่อหน้าโทโมกิ เขาคิดว่าต้องมีถุง 45 ลิตรอีกประมาณ 5-6 ถุงเพื่อแบกเจ้านี่ไป
“พี่ฮะ นี่มันอะไรน่ะ?”
“พี่ก็ไม่รู้หรอก ถ้ามีบางคนกำลังมีปัญหา มันก็ต้องช่วย จริงไหม?”
“มีล็อบสเตอร์แล้วก็หมูหันอยู่ในนี้ด้วย…พี่ไปเอามาจากไหนเหรอ?”
“อ๊ะ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เอาน่า รีบเอานี่ไปให้พวกนั้นสิ”
“โอเค…ขอบคุณฮะ”
กี่ปีมาแล้วนะที่โทโมกิของคุณพี่สาวตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย? เป็นการขอบคุณจริงๆ บางทีเขาอาจไม่คิดถึงมันมาก่อนก็ได้ บางทีนี่อาจจะเป็นครั้งแรก ที่เขาจำได้ว่ารู้สึกดีเมื่อขอบคุณคนอื่นก็ได้
ทั้งสองคนนั้นแบกอาหาร และวางลงไปบนรถจักรยานที่มีพ่วงข้างของคุณปู่ที่ปกตินั้นใช้ทำงาน แม้จะทำให้พ่วงข้างนั้นหนัก แต่ความหนักนั้นก็ทำให้เขาดีใจ
“ยอดเลย…ยอดเลย!”
เมื่อเชอร์น่ามองอาหารจำนวนมากที่กองเป็นภูเขา จนเกือบจะหกออกมาจากปากถุง เธอก็กระโดดตัวลอยด้วยความดีใจ เธอนั้นเปิดปากถุงออกด้วยแก้มที่เต็มไปด้วยความสุข และเริ่มกินไก่งวงอบ
“เดี๋ยวก่อนสิ! เชอร์น่า เธอกินเจ้านั่นไม่ได้นะ! เธอต้องเอาไปให้ทุกคนนะ!”
“อ๊ะ จริงด้วย เชอร์น่าผิดเอง มันดูน่าอร่อยเกินไปน่ะ”
เชอร์น่าปิดปากถุงอีกครั้ง และแบกถุงที่อยู่ตรงพ่วงข้างจักรยานด้วยนิ้วของเธอ เธอใช้ทั้งสองมือเพื่อแบกมันขึ้นทั้งหมด นิ้วของเธอนั้นคงต้องรับน้ำหนักมาก แต่เธอก็ไม่ได้แสดงอาการเจ็บปวดอะไรออกมาเลย แถมยังยิ้มด้วยความดีใจอีกด้วย
“ขอบคุณนะ โทโมกิ!”
“ไม่มีปัญหาฮะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
“เมื่อโทโมกิโตขึ้นกว่านี้แล้ว เชอร์น่าจะให้โทโมกิมาเป็น แฟมิลี่ เดียวกันนะ!”
“ฮะฮะฮะ ขอบคุณนะ”
“เชอร์น่ากับโทโมกิจะมีลูกกันเยอะๆ เมื่อถึงตอนนั้นพวกเราจะเลี้ยงลูกไปด้วยกันนะ!”
เชอร์น่ากระโดดจากกำลังแพงขึ้นไปบนหลังคา ราวกับว่าตัวเองไม่มีน้ำหนัก แล้วก็หันมายิ้มให้กับโทโมกิ เธอโบกมือลาแล้วก็หายไปจากหลังคาตรงนั้น
“…ลูก?”
เขาเริ่มคิดว่าคำพูดสุดท้ายของเธอมันเป็นอะไรที่อุกอาจยังไงก็ไม่รู้
_____________________________________________________________________
แอนนาขยี้ตาของเธอ เมื่อมองดูห้องของตัวเองที่เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง
หน้าต่างนั้นควรจะล็อคไว้ แต่มันกลับเปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง แล้วแฮมเตอร์สัตว์เลี้ยงแสนน่ารักของเธอที่ชื่อว่าทามะจังนั้น มีวัตถุอะไรบางอย่างที่เธอจำไม่ได้ว่าใส่มันเข้าไปข้างใน ทามะจังนั้นกำลังกัดมันอยู่ เธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร เลยเปิดกรงแล้วเอาออกมา และพบว่ามันคือหัวของล็อบสเตอร์
“อะไรเนี่ย?”
แม้เธอจะถามแบบนั้น แต่ก็ไม่มีคำตอบออกมา
แอนนานั้นรักวัฒนธรรมญี่ปุ่น เพื่อนของเธอนั้นก็เรียกเธอว่าพวก weeaboo* มานานแล้ว เมื่อเธอถูกเลือกเป็นเมจิคัลเกิร์ล เธอก็เลือกใช้ชื่อแบบญี่ปุ่น และเลือกใส่ชุดมิโกะอีกด้วย แต่กระนั้นแอนนาก็จำไม่ได้ว่าให้ล็อบสเตอร์ที่เป็นวัตถุดิบหลักของอาหารญี่ปุ่นกับแฮมเตอร์ของเธอ อันที่จริงมันก็ไม่ควรมีอยู่ตั้งแต่แรกแล้วด้วย
*ศัพท์ของต่างชาติที่เอาไว้ใช้เรียกคนต่างชาติด้วยกันที่คลั่งไคล้วัฒนธรรมญี่ปุ่น
มีขโมยเข้ามาแล้ววางหัวของล็อบสเตอร์เอาไว้เหรอ? แบบนั้นไม่มีทางหรอก
“ดิฉัน เป็นเด็กดีมาตลอด ดังนั้น บางที ซานต้าอาจจะเอา ของขวัญ มาให้ก็ได้เนอะ”
ทามะจังที่อยู่ในกรงนั้นส่งเสียง ชู่ววว ออกมา
MANGA DISCUSSION