ตอนที่ 11:
และอื่นๆอีกมากมาย
☆ ชาโดว์เกล
ตอนนี้ชาโดว์เกลกับพีเฟิลกำลังมุ่งหน้าไปที่ร้านค้าของปราสาทราชาปีศาจ ที่นั่นชาโดว์เกลทำการปรับแต่งสตันกันและกรรไกรด้วยประแจของเธอ ส่วนพีเฟิลนั้นมองดูเธออยู่บนพรมเวทมนตร์
ชาโดว์เกลคิดว่าพีเฟิลนั้นไม่เข้าใจสิ่งที่ชาโดว์เกลทำจริงๆหรอก มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจหลักการที่ชาโดว์เกลปรับแต่งจักรกลด้วยเวทมนตร์ของเธอได้เลย พีเฟิลนั้นก็แค่ทำท่าว่ามองชาโดว์เกลทำงาน แต่จริงคงคิดเรื่องอื่นอยู่
______________________________________________________________________
ชาโดว์เกลนั้นได้รับข้อความจากพีเฟิล ไม่นานหลังจากที่ชาโดว์เกลพบศพของนกโกะจัง
“มาหาฉันที่ปราสาทราชาปีศาจ เร็วเข้า อย่าติดต่อมาหาฉันจนกว่าเธอจะมาถึงด้วย”
ข้อความนั้นดูรวบรัด ไม่ว่าพีเฟิลจะส่งข้อความรวบรัดแบบไหนมา นั่นก็หมายความว่าเป็นเรื่องฉุกเฉิน ชาโดว์เกลหยิบเมจิคัลโฟนของนกโกะจังมา แต่นั่นก็คือการบังคับให้เธอทิ้งซากศพที่เหลืออยู่เพียงแขนเดียวไว้ เธอจึงเอามือของนกโกะจังไปวางเข้าไว้ด้วยกันก่อนจะออกไป
ในตอนนี้ เธอไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนฆ่านกโกะจัง และมีเพียงความคิดเดียวที่เหลืออยู่คือปกป้องเธอเอาไว้ไม่ได้ ชาโดว์เกลขยับขาอันแสนจะหนักของเธอด้วยพลังเต็มที่ และในที่สุดเธอก็มาถึงปราสาทของราชาปีศาจ และเข้าไปรวมตัวกับพีเฟิลคนที่มาถึงก่อน
ชาโดว์เกลพูดด้วยเสียงที่ฟังแล้วอึดอัดว่า “นกโกะจังตายแล้ว” และพีเฟิลที่อยู่บนพรมเวทมนตร์ก็พูดกลับว่า “จริงเหรอ?” ชาโดว์เกลพูดย้ำกลับไปว่าไม่ผิดหรอก พีเฟิลฟังคำตอบนั้นแล้วก็พูด “งั้นเหรอ” โดยไม่ได้มีความคิดเห็นอะไร
______________________________________________________________________
เมื่อพวกเธอมาถึงตรงระเบียงของปราสาท ในที่สุดพีเฟิลก็บอกสิ่งที่เธอเห็นให้ชาโดว์เกลรู้
พีเฟิลนั้นไล่ตามร่องรอยการต่อสู้ของทีมแคลนเทลไป เธอผ่านซากของสิ่งก่อสร้าง ปล่องภูเขาไฟที่พงทลาย ไปจนถึงหลุมขนาดใหญ่ และไม่นานแคลนเทลก็ขึ้นมาจากหลุมนั้น ส่วนพีเฟิลนั้นซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของสิ่งก่อสร้าง มองดูตัวของแคลนเทล
เธอขึ้นมาจากหลุมด้วยร่างกายครึ่งล่างที่เป็นตุ๊กแก เหมือนกับตอนที่เธอสู้กับเกรทดราก้อน ที่แขนขวาของเธอคือเพจิกะ ที่แขนซ้ายนั้นคือลาซูไลน์ และยังมีหัวที่ดูสยดสยองอยู่ที่เอวด้วย ตอนนั้นร่างกายของเธอเปียกโชก เธอเดินไปพร้อมกับน้ำที่หยดเป็นทาง
“ฉันแค่มองเห็นเธอจากไกลๆ ดูไม่เหมือนว่าเพจิกะกับลาซูไลน์ยังมีชีวิตอยู่เลย ทั้งคู่เต็มไปด้วยบาดแผล ไม่เหมือนว่าจะรักษาได้ด้วย แล้วก็หัว… จากจุดที่อยู่นั้นมองไม่เห็นว่าเป็นหัวของใคร แต่ดูจากสีและทรงผมแล้ว จากที่ฉันคิดมันเป็นหัวของใครไปไม่ได้นอกจากเมลวิลล์”
พีเฟิลสรุปโดยทั่วไปว่า แคลนเทล, ลาซูไลน์ และเพจิกะนั้สู้กับเมลวิลล์ และมีเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตคือแคลนเทล
แคลนเทลเปลี่ยนร่างกายครึ่งล่างเป็นม้า และเดินตรงไปยังเมือง พีเฟิลนั้นระวังไม่ให้เธอหาตัวเจอ และรีบกลับมาที่ปราสาทของราชาปีศาจ
“ฉันเชื่อว่าแคลนเทลมุ่งหน้าไปที่ถนนของเมืองทุ่งร้างเพื่อฝังร่างพวกเธอ, เอาล่ะ ต่อไปก็เรื่องการเคลื่อนไหวของพวกเรา”
พีเฟิลที่พูดทุกอย่างให้ชาโดว์ฟังจบแล้ว ก็หยิบเมจิคัลโฟนของเธอขึ้นมาพร้อมกับกดปุ่มช่วยเหลือ สายลมที่ระเบียงพัดผ่านมา ทำให้ผมและขอบของพรมเวทมนตร์ของพีเฟิลนั้นไหวไปตามแรงลม
มันดูไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ชาโดว์เกลรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างที่แปลกๆ
“เรียกเราทำไมเหรอ ปอน?”
“เป้าหมายของเกมนี้น่ะ คือการรวบรวมและลงโทษผู้ชนะการทดสอบของแครนเบอร์รี่ใช่รึเปล่า?”
ฟาลเงียบไปราวๆ 2 วินาที
“ไม่ ผิดแล้วล่ะ ปอน”
หมอนั่นพูดต่อ
“หากพวกเราอยากจะรวบรวมและลงโทษผู้ชนะการทดสอบของแครนเบอร์รี่ในครั้งก่อนๆล่ะก็ วิธีการมันจะเร็วและง่ายกว่าการเป็นแค่เกมแบบนี้ ปอน, พวกเรารวบรวมผู้ชนะการทดสอบของแครนเบอร์รี่มารวมกัน และอยากจะดูว่าใครควรค่าแก่การเป็นเมจิคัลเกิร์ลต่อไปด้วยเกมนี้…ปอน”
“หืมม งั้นเหรอ…แล้วลาซูไลน์ล่ะ? ความทรงจำของทุกคนกลับมาแล้ว แต่เธอก็ยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับ นักดนตรีแห่งพงไพร แครนเบอร์รี่เลยนะ”
“หือ? เดี๋ยวนะ นั่นเรื่องจริงเหรอ ปอน?”
ใบหน้าของฟาลนั้นไร้ซึ่งอารมณ์ มันแสดงอารมณ์ต่างๆออกมาไม่ได้ มีเพียงแค่เสียงที่สูงที่บอกใบ้เท่านั้น
“ลาซูไลน์ เธอไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับนักดนตรีแห่งพงไพร แครนเบอร์รี่ เลยงั้นเหรอ ปอน?”
“มันต้องเป็นแบบนั้นแน่ ฟาล มาสเตอร์น่ะไม่เคยยืนยันว่าเธอเป็นใครเลยเหรอ?”
พีเฟิลเป็นคนเดียวที่ใจเย็น เธอเอามือเสยผมตัวเอง ม้วนมันด้วยนิ้ว แล้วดึงมาตรงหน้าของที่ปิดตา เอาเส้นผมนั้นสัมผัสกับแสงอาทิตย์ นั่นเธอรู้รึเปล่านะว่าตัวเองทำอะไรอยู่?
“นายอยากจะพาลาซูไลน์รุ่นแรกมา แต่ดันพารุ่นปัจจุบันมาแทนใช่ไหม?”
พีเฟิลกางนิ้วมือของตัวเองเพื่อปล่อยเส้นผม ทำให้มันตกลงมาอยู่ในคำแหน่งเดิมเหมือนก่อนหน้านี้
“หากรู้จักผู้เข้าร่วมด้วยใบหน้า แน่นอนว่ามันจะไม่มีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นแน่ ถ้าไม่ได้อยู่ในการทดสอบเดียวกัน เป็นเพียงแค่คนนอกและเอาแต่ดูรายชื่อจากเอกสาร แบบนั้นก็ชัดเจนว่าต้องเกิดข้อผิดพลาด ใช่ไหมล่ะ?”
ชาโดว์เกลนั้นรู้สึกประหลาดใจ ลาซูไลน์ไม่ใช่เมจิคัลเกิร์ลที่เกี่ยวข้องกับแครนเบอร์รี่งั้นเหรอ? มันเป็นข้อมูลที่เธอไม่รู้มาก่อน เหมือนพีเฟิลนั้นจะคิดว่าลาซูไลน์เป็นรุ่นที่สอง เพราะแบบนั้นเธอถึงไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับแครนเบอร์รี่เลย
“หากฉันเป็นเหยื่อ หากฉันมีครอบครัวของเมจิคัลเกิร์ลที่เสียที่ชีวิตไปในการทดสอบของฉัน และมาพูดกับฉันว่า ‘ยัยปีศาจ! อย่ามาทำตัวน่าสงสารเซ่!’ เหตุผลแบบนั้นมันก็ยากที่จะหักล้างได้ ฉันเข้าใจว่าเธอคนนั้นเป็นเมจิคัลเกิร์ลเหมือนกับพวกเรา มีหัวใจที่แตกสลายหลังจากผ่านการทดสอบของแครนเบอร์รี่และกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ล เธอต้องการปฎิเสธการมีส่วนร่วมโดยตรง พูดอย่างไม่ลำเอียงคือเธอไม่ได้ทำอะไรเลย… แต่ถ้าเธอพลาดเอาเมจิคัลเกิร์ลที่ไม่เกี่ยวข้องด้วยเข้ามาในเกมแห่งความตายแบบนี้แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ? แบบนั้นความยุติธรรมที่อ้างน่ะมันก็ไม่มีอยู่ในเกมนี้แล้ว”
พีเฟิลหงายมือของเธอขึ้นและมองไปยังฟาล
“นายไม่คิดว่ามันโหดร้ายบ้างเหรอ!? ลาซูไลน์ไปทำอะไรให้กันล่ะ!? เธอไม่มีเหตุผลที่จะเข้าร่วมเกมนี้เลย ใช่ไหม! มันไม่มีเหตุผลที่เธอต้องมาโดนฆ่าตายด้วยซ้ำ!”
จำนวนของแสงที่ออกมาจากตัวฟาลนั้นมากกว่าเดิม น้ำเสียงของพีเฟิลเองก็รุนแรงขึ้นด้วย
“หากไม่มีความยุติธรรมในเกมนี้ แล้วจะเล่นมันไปเพื่ออะไร? ว่าไง? ไปบอกมาสเตอร์ของนายด้วย! จบเกมนี้แล้วปล่อยพวกเราได้แล้ว!”
ฟาลหยุดเคลื่อนไหว แสงที่ออกมามันจางและในที่สุดก็หายไป
“…มาสเตอร์มีเรื่องใหม่จะแจ้ง ปอน,
เรื่องของลาพิส ลาซูไลน์เธอยอมรับว่าเป็นความผิดพลาด ปอน”
“อย่างน้อยก็ตรงไปตรงมาดีล่ะนะ”
“แต่มาสเตอร์บอกว่าหยุดเกมตอนนี้ไม่ได้แล้ว เพราะตั้งค่าโปรแกรมให้ไม่มีวันจบ จนกว่าจะเคลียเกมได้ ปอน”
“มันไม่น่าเชื่อเท่าไหร่หรอกนะ”
พีเฟิลพูด แต่ชาโดว์ไม่ได้พยายามตามบทสนทนาของเธอ เพียงแค่มองดูพีเฟิลคนที่พูดอยู่เท่านั้น
“เหตุผลของเกมนี้น่ะมันพังทลายหมดแล้ว จะหยุดเกมหรือไม่หยุดเกมมันไม่ใช่สิ่งที่พวกนายจะตัดสินใจอีกต่อไป”
ฟาลไม่ได้ตอบ พีเฟิลจึงพูดต่อไป
“เธอลากลาซูไลน์ เมจิคัลเกิร์ลที่ไม่ได้รู้เรื่องด้วยเข้ามาพัวพัน ใช่ ตามกฎแล้วมันหยุดเกมไม่ได้ ก็เหมือนพวกคนใจแคบนั่นแหละ แม้ว่าควรจะหยุด มันก็ยังบังคับให้พวกเราเล่นเกมต่อไป”
คำพูดของพีเฟิลดังก้องอยู่ในหัวของชาโดว์เกล เธออยากกุมหัวตัวเองและทรุดตัวลงไปจริงๆ
พีเฟิลพยายามจะทำให้ลาซูไลน์กลายเป็นเครื่องมือต่อรอง เมื่อลาซูไลน์บอกว่าตัวเธอนั้นไม่ได้รู้เรื่องอะไรของแครนเบอร์รี่เลย พีเฟิลก็ควรรู้ฐานะของลาซูไลน์ในเกมนี้ หากพีเฟิลใช้ฟาลไปบอกมาสเตอร์ตามสิ่งที่เธออธิบายในตอนนี้ แบบนั้นลาซูไลน์ก็จะไม่ต้องมาตายแบบนี้ แม้พีเฟิลจะรู้ แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
มีบางอย่างหมุนวนอยู่ในอกของชาโดว์เกล บางสิ่งที่ดำมืด เป็นผลจากการรวมสีหลากหลายสีเข้าด้วยกัน มันมืดหม่น ชาโดว์เกลเองก็มองทะลุผ่านมันไปไม่ได้
“ฉันต้องการ…”
ชาโดว์เกลมองดูแผ่นหลังของพีเฟิล แค่มันก็เกือบจะมองไม่เห็นเพราะผมของเธอยาว มั่นพริ้วไหวเมื่อมีลมพัดผ่าน มองเห็นแผ่นหลังของเธอได้เพียงเล็กน้อย มันไม่ได้กว้างอะไร แต่หลังของเธอนั้นตั้งตรง เหมือนกับถ่ายทอดความถูกต้องออกมาบนแผ่นหลัง
“จบเกม เดี๋ยวนี้!”
“แม้จะเป็นมาสเตอร์ก็จบเกมตอนนี้ไม่ได้ ปอน,หากราชาปีศาจถูกกำจัด แบบนั้นเกมก็จะจบลง ปอน,ช่วยกำจัดราชาปีศาจให้เร็วที่สุดด้วย ปอน”
พีเฟิลปิดเมจิคัลโฟนของเธอ ฟาลหายไป ใบหน้าของชาโดว์เกลนั้นเหยเก คำพูดที่เข้ามาในจิตใจของเธอนั้นน่าสะพรึงกลัวมาก
หากราชาปีศาจถูกกำจัด แบบนั้นเกมก็จะจบลง
“เดี๋ยวก่อนสิ ไม่คิดว่ามันแปลกไปหน่อยเหรอ? หากราชาปีศาจถูกกำจัด แล้วเกมก็จะจบลง ราชาปีศาจก็คือหนึ่งในเมจิคัลเกิร์ลที่อยู่ในเกมนี้มาตลอด เธอเองก็ฆ่าคนไปเยอะนี่นา? แถมนายหญิงเองก็บอกว่าหัวของเมลวิลล์ถูกตัดใช่ไหมคะ? แล้วทำไมเกมถึงยังไม่จบอีกล่ะ?”
ชาโดว์เกลไม่ได้พูดกับพีเฟิลแบบนี้มาพักนึงแล้ว แม้มันจะเพียงเสียงแหลมๆเหมือนกับลูกหมา แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกหลังจากที่ได้ความทรงจำกลับมาที่ชาโดว์เกลโต้เถียงกับพีเฟิล และสังเกตเห็นข้อผิดพลาดในคำพูดของพีเฟิล ชาโดว์เกลรู้สึกดีที่สามารถแย้งคำพูดของพีเฟิลได้ด้วยข้อเท็จจริง
“เมลวิลล์ทำทุกอย่างใช่ไหม? เมลวิลล์คือราชาปีศาจจริงๆงั้นเหรอ?”
“ฉัน…คิดว่าเมลวิลล์คือราชาปีศาจ” พีเฟิลตอบ
“แล้วเธอ คือ ราชาปีศาจใช่ไหม? นายหญิงยังคงพูดแบบนั้นใช่ไหมคะ?”
“ฉันเชื่อว่าการฆ่าผู้เล่นคนอื่น มีเพียงแค่ราชาปีศาจที่จะทำแบบนั้นะ”
“ไม่มีคนอื่นนอกจากราชาปีศาจที่ทำแบบนั้นหรอกค่ะ” ชาโดว์เกลพูด
“เมลวิลล์น่ะเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นราชาปีศาจที่น่าสงสัยที่สุด แต่เธอก็ไม่ใช่ราชาปีศาจ ถ้าหากเธอเป็นราชาปีศาจล่ะก็ แบบนั้นเกมมันคงจบไปแล้ว เธอไม่ใช่ราชาปีศาจเป็นแค่ผู้เล่นธรรมดา แต่เธอก็ฆ่าผู้เล่นคนอื่นเช่นกัน ฉันเดาได้ว่าทำไมเธอถึงทำแบบนั้น เหตุผลนั้นเป็นไปตามชุดของเธอ เธอต้องการให้มีการฆ่าฟันกันเกิดขึ้น”
“อะไร……”
“เมื่อพวกเราตัดสินไปแล้วว่าเมลวิลล์คือราชาปีศาจ มันก็ไม่เหลือความเป็นไปได้ที่จะเป็นคนอื่นอีก ใช้เวทมนตร์ของตัวเองหายตัว ฉันเชื่อว่าเธออยากฆ่าแคลนเทล… แต่ทำไมนกโกะจังถึงถูกเผาได้ล่ะ? ฉันอธิบายไม่ถูกเลย”
มีบางคนฆ่านกโกะจังจนตายและเผาเธอทิ้งอย่างเงียบๆ อาวุธที่ใช้ฆ่านั้นอาจจะเป็นปืนไฟที่ขายอยู่ในปราสาทของราชาปีศาจ มันไม่มีอาวุธชนิดอื่นแล้วที่จะฆ่าแบบนั้นได้
“สิ่งที่เราควรจะทำต่อไปคือเตรียมตัว ว่าราชาปีศาจนั้นอาจจะเป็นใครก็ได้”
“ถ้าเราโดนฆ่าก่อนจะตั้งตัวได้ล่ะคะ?”
“แบบนั้นพวกเราต้องมีแผนตอบโต้”
พีเฟิลเปิดเมจิคัลโฟนของเธอ
“จากซากตุ๊กตาที่เหลืออยู่ มันมีเด็กสาวตัวเล็กๆคล้ายกับริโอเน็ตต้าอยู่ตรงนั้นด้วย… บางทีนั่นอาจจะเป็นร่างจริงของริโอเน็ตต้าก็ได้ จำเมจิคัลโฟนที่กลิ้งอยู่บริเวณที่เธอตายได้ไหม? พอฉันตรวจดูด้านใน ก็พบว่ามีบัตรผ่านเยอะแยะไปหมดเลยล่ะ หากเจ้าของเมจิคัลโฟนนี้เป็นคนที่จัดการไอเท็มที่ใช้นอกการต่อสู้ พวกเราก็คิดได้ว่ามันเป็นของเพจิกะ หากเป็นของริโอเน็ตต้าก็ไม่เป็นไรเหมือนกัน ฉันหยิบเอาบัตรผ่านออกมาจากเมจิคัลโฟน ในตอนที่เดินทางมาที่ปราสาทของราชาปีศาจฉันก็ยืนยันจำนวนบัตรผ่านทั้งหมดแล้ว ตอนนี้คนที่มีบัตรผ่านมีแค่ฉันกับเธอเท่านั้น มาโมริ”
“แล้วบัตรผ่านของแคลนเทลล่ะ?”
“บัตรผ่านนั้นมีการแบ่งกันในหมู่สมาชิกของปาร์ตี้ และมันก็เป็นไอเท็มที่ใช้แล้วมีผลทั้งปาร์ตี้ด้วย ดังนั้นทั้งริโอเน็ตต้ากับเพจิกะคงจัดการไอเท็มด้วยกันทั้งคู่”
“แล้วนกโกะจังกับลาซูไลน์ล่ะ?”
“ฉันมีของพวกเธออยู่”
“บัตรผ่านของเมลวิลล์ล่ะ?”
“ดูจากจำนวนไอเท็มทั้งหมดแล้ว จำนวนที่เธอมีควรจะเป็น 0 แถมตอนนี้เมลวิลล์เองก็เหลือแค่หัวแล้ว ร่างกายของเธอกับเมจิคัลโฟนคงถูกทำลายในการต่อสู้จนหมด”
พีเฟิลเปิดหน้าไอเท็มและเอาให้ชาโดว์เกลดู จำนวนของบัตรผ่านที่แสดงอยู่คือ
10,000 (10,000)
จำนวนสูงสุดที่มีคือ 10,000 และจำนวนที่มีคนครอบครองอยู่คือ 10,000 หมายความว่ามันไม่มีเหลือให้ซื้ออีกแล้ว
พีเฟิลยิ้มอย่างภูมิใจ
“ฉันซื้อบัตรผ่านในเกมมาทั้งหมด บัตรผ่านนั้นจะไม่มีผลหากใช้ไปแล้วหนึ่งวัน แต่ถ้าไม่ใช้มันก็จะไม่มีวันหมด คราวนี้ก็ไม่มีใครเคลื่อนย้ายระหว่างพื้นที่ได้แล้ว”
ในการที่จะซื้อบัตรผ่านจำนวนมากมันจำเป็นต้องใช้แคนดี้จำนวนมหาศาล จำนวนมากขนาดที่ว่าแม้จะล่ามอนเตอร์อย่างจริงจังหรือเคลียกิจกรรมก็ยังทำไม่ได้ มันเป็นหน้าที่ของชาโดว์เกลที่ต้องไปรวบรวมแคนดี้มา แคนดี้ที่ชาโดว์เกลหามาได้นั้น มีเพียงแค่เล็กน้อยที่เอาไปซื้อบัตรผ่าน และเธอต้องหาแคนดี้เพิ่มด้วยการทำซ้ำไปเรื่อยๆ
เมื่อมิราเคิลคอยน์ของมาสก์วอนเดอร์ถูกขโมยไป พวกเธอก็รู้ว่า “หากไอเท็มจากกิจกรรมหายไป กิจกรรมนั้นจะถูกรีเซ็ท” พีเฟิลให้ความสนใจกับกฏนั้น เธอขายโล่มังกรที่ได้มาจากการโค่นเกรทดราก้อน และจัดการเกรทดราก้อนที่คืนชีพขึ้นมาใหม่ พวกเธอทำแบบนี้ซ้ำๆเพื่อเพิ่มจำนวนเมจิคัลแคนดี้
หากสู้กันแบบตรงไปตรงมา จำนวนคนแค่ 1 หรือ 2 คนนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่จะกำจัดเกรทดราก้อน แต่มันก็มีช่องโหว่อยู่ พีเฟิลนั้นอาจจะรู้ตั้งแต่ก่อนสู้กับมันซะอีก ในตอนที่ต่อสู้กับเกรืดราก้อนนั้น ชาโดว์เกลสังเกตเห็นเมลวิลล์โจมตีเกรทดราก้อนอยู่ห่างออกไปจากเส้นแดง หากเธอโจมตีเกรทดราก้อนภายนอกเส้นแดงได้ เธอก็ควรจะปลอดภัยเหมือนได้ไล่ฆ่ามังกีฝ่ายเดียวใช่ไหมนะ?
ทั้งหอกของแคลนเทล, ฉมวกของเมลวิลล์, เดซี่บีม, การฟันของเมจิคัลเกิร์ลซามูไร, และการเทเลพอร์ตของลาซูไลน์ ทั้งพีเฟิลกับชาโดว์เกลเองก็ไม่มีอาวุธสำหรับโจมตีระยะไกล ลำแสงที่ติดอยู่กับวีลแชร์ของพีเฟิลเองก็ถูกทำลายไปแล้ว
พีเฟิลนั้นสั่งให้ชาโดว์เกลปรับแต่งธนูของเล่นกับลูกศรด้วยการซื้อไอเท็ม R ซ้ำๆ เพื่อสร้าง เครื่องยิงขนาดยักษ์ ที่จะยิงมีดฆ่ามังกรออกไป ทั้งหมดที่เธอต้องทำนั้นคือการยิงมันให้โดน และเกรทดราก้อนนั้นก็จะถูกกำจัดในการโจมตีเพียงครั้งเดียว หากเธอยิงพลาดก็แค่เรียกมีดฆ่ามังกรกลับเข้ามาในเมจิคัลโฟนโดยการยกเลิกการใช้ไอเท็ม
พีเฟิลใช้เมจิคัลแคนดี้ที่ชาโดว์เกลหามาได้ทั้งหมดในการซื้อไอเท็ม R แรร์ไอเท็มนั้นมีอัตราการได้ที่ต่ำ แต่ไอเท็มที่ธรรมดาที่สุดอย่าง แผนที่ นั้นก็มีจำนวนทั้งหมดที่กำหนดไว้เหมือนกัน และเมื่อเปิดได้ แผนที่ จนถึงขีดจำกัดแล้ว มันก็ไม่ปรากฎออกมาในไอเท็ม R อีกเลย การรวบรวมไอเท็มทั้งหมดที่ได้จากไอเท็ม R นั้น ถือเป็นการใช้เมจิคัลแคนดี้ที่คุ้มค่าเช่นกัน
ไอเท็ม R ที่พีเฟิลได้จากการเปิดมานั้นเป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่มีอันไหนเข้ากับแว่นที่พีเฟิลได้มาเลย แต่พีเฟิลนั้นมองต่างออกไป สิ่งของในชีวิตประจำวันสามารถใช้เป็นอาวุธได้ด้วยเวทมนตร์ของชาโดว์เกล เหมือนกับที่เธอเปลี่ยนธนูของเล่นและลูกศรกลายเป็นเครื่องยิงขนาดยักษ์
พีเฟิลนั้นเอาของใช้ในชีวิตประจำวันออกมาจากเมจิคัลโฟนของเธอ และบอกให้ชาโดว์เกลปรับแต่งพวกมัน
“แบบนี้ไม่เห็นจะมีเหตุผลเลย” ชาโดว์เกลพูด
“ทำไปเถอะ พวกเราไม่มีเวลาเหลือมากแล้วนะ”
“แต่พวกเรายังมีเวลาในโลกจริงนี่นา? ไม่มีใครใช้บัตรผ่านได้แล้วด้วย”
“ไม่ พวกเราเหลือเวลาแค่สองวัน หลังจากนั้นก็จะเป็นกิจกรรมก่อนช่วงบำรุงรักษา”
อ๊ะ ชาโดว์เกลพูดออกมาเสียงดัง ตอนกิจกรรมก่อนช่วงบำรุงรักษา เมจิคัลเกิร์ลที่รอดชีวิตจะถูกบังคับให้มารวมตัวกัน แม้จะมีหรือไม่มีบัตรผ่านพวกเธอก็ต้องมาเจอหน้ากันอยู่ดี
“พวกเราทั้งคู่ ไม่ใช่เมจิคัลเกิร์ลประเภทต่อสู้ ส่วนราชาปีศาจนั้นเป็น เมจิคัลเกิร์ลประเภทต่อสู้ พวกเราสู้กับเธอไม่ได้ พวกเราถูกฆ่าแน่ แต่ถ้าพวกเราเตรียมอุปกรณ์ที่นี่ พวกเราก็จะมีโอกาสชนะ ด้วยมือของเธอ มาโมริ ฉันเชื่อว่ารับมือได้ ก่อนอื่นก็ทำสิ่งที่ทำอยู่ให้เสร็จก่อนนะ”
ชาโดว์เกลนั้นทำงานสร้างอาวุธตลอดสองวันเต็ม ไม่ว่าของพวกนี้จะเอาไปใช้ทำอะไร ชาโดว์เกลก็แค่ขยับตามคำแนะนำของพีเฟิล แน่นอนว่ามีเธอแค่คนเดียวไม่มีผู้ช่วย เธอต้องแข่งกับเวลา และตอนนี้ถ้าเทียบกันแล้วมันก็ง่ายกว่าตอนที่สร้างยานเกราะ 10 ขา ถึงเธอจะสร้างอาวุธได้หลายอย่าง แต่เหมือนกับโดนคำขอที่ไร้เหตุผลจากลูกค้าของเธออยู่ดี
พื้นฐานของอาวุธนั้นคือสตันกัน
สมุดภาพมอนเตอร์นั้นบอกว่ามีบอสอยู่ 2 ตัวในปราสาทของราชาปีศาจ มันคืออัศวินและก็หุ่นยนต์ มันไม่มีมอนเตอร์ประเภทปีศาจอยู่ที่ไหนเลย และด้วยเหตุผลอะไรซักอย่างที่ร้านค้านั้นขาย สตันกัน กับ ปืนไฟ ที่เป็นอาวุธที่สร้างความเสียหายได้มากเฉพาะอย่างยิ่งกับมอนเตอร์ประเภทปีศาจอยู่ที่นี่
“ท้ายของท้ายที่สุด พวกเรามาถึงปราสาทของราชาปีศาจได้ แต่กลับมีแค่อาวุธตลกๆขายงั้นเหรอ? มันยากที่จะเชื่อนะ แต่ถ้าคิดอย่างละเอียดแล้ว ศัตรูประเภทไหนที่ต้องใช้สตันกันสู้งั้นเหรอ? ใช่แล้ว มันใช้กับมนุษย์ยังไงล่ะ รายละเอียดของอาวุธมันบอกว่าได้ผลมากกับศัตรูประเภทปีศาจ ซึ่งมันหมายความว่า ศัตรูประเภทปีศาจนั้นไม่มีอย่างอื่นนอกจาก เมจิคัลเกิร์ล”
พีเฟิลคิดเรื่องดังกล่าว และแนะนำให้ชาโดว์เกลควรจะปรับแต่งสตันกันกับปืนไฟไว้ สตันกันนั้นเป็นอาวุธป้องกันตัวที่เอาไว้ทำให้ฝ่ายตรงข้าหมดสภาพม ในขณะที่ปืนไฟเป็นอาวุธที่เอาไว้ฆ่าอีกฝ่าย
หากชาโดว์เกลจะเลือกใช้อยากใดอย่างหนึ่ง ก็คงเป็นสตันกันที่ไม่มีผลทางด้านจิตใจมาก
“ใช่แล้วล่ะ พวกเรายืนยันจำนวนไอเท็มทั้งหมด และพบว่าปืนไฟหนึ่งอันมันมีคนซื้อไปแล้ว มาโมริ เธอต้องจำให้ขึ้นใจนะว่า ศัตรูมันไม่อ่อนโยนเหมือนกับเธอ”
สุดท้ายแล้ว ชาโดว์เกลก็ใช้ปืนไฟเช่นกัน
พีเฟิลนั้นให้คำแนะนำกับชาโดว์เกล ในตอนที่เธอทำงานอยู่ มันไม่มีความที่ไม่สบายใจผุดขึ้นมาในใจของเธอ เธอตอบสนองกับพีเฟิลอย่างปกติ ตั้งแต่ที่ชาโดว์เกลหมกมุ่นกับงาน บางทีคงทำให้เธอไม่มีเวลาไปคิดเรื่องอื่น
______________________________________________________________________
วันที่สามหลังจากล็อกอินครั้งสุดท้าย วันของการล็อกเอาท์ ทั้งสองคนรอเวลาอยู่ที่ระเบียงในปราสาทของราชาปีศาจอย่างเงียบๆ
ไม่ใช่แค่พีเฟิล แต่ชาโดว์เกลเองก็อยู่บนพรมเวทมนตร์ของเธอด้วย ไม่ใช่แค่นั่งเฉยๆ แต่เป็นขี่อยู่พร้อมกับยกเข่าไว้ พร้อมที่จะกระโดดตลอดเวลา ส่วนพีเฟิลนั้นนั่งตามปกติ
เวลาผ่านไปแล้วแต่ทั้งคู่ไม่ได้ขยับ มันไม่มีเสียง มีแค่ลมพัดผ่านปราสาทตามปกติ กรรไกรกับประแจของชาโดว์เกลที่อยู่ตรงเอวของเธอนั้นสั่น ทำให้เกิดเสียงขึ้น นอกเหนือจากนั้นแล้วมันก็ไม่มีเสียงอย่างอื่น มีเพียงความรู้สึกที่ตึงเครียดเท่านั้น
เสียงของเมจิคัลโฟนดังขึ้นทำลายความตึงเครียดนั้นไป รอบๆตัวของพวกเธอนั้นมืดลงแล้ว
“จากนี้ไปจะมีกิจกรรม ผู้เล่นทุกคนจะถูกย้ายมาที่เมืองทุ่งร้าง”
จากกลิ่มสีขาวอันหอมหวานของปราสาทราชาปีศาจ กลายเป็นสีเทา สีน้ำตาล และสีกากีของลานกว้าง หัวของพวกเธอนั้นปวดไปหมด แต่มันก็ไม่การคลื่นไส้อะไร เพราะพวกเธอเคลื่อนย้ายมายังอีกสถานที่หนึ่งในทันที
ลานของเมืองทุ่งร้างนั้นเป็นเพียงแค่ชื่อ แท้จริงแล้วมันเป็นแค่สถานที่ที่เงียบสงบและไร้ผู้คน
ไม่สิ มันต่างออกไป ชาโดว์เกลเรียบเรียงความคิดในหัวของเธอ ในกิจกรรมครั้งแรก เธอคิดว่าภาพของเมจิคัลเกิร์ลทุกคนที่รวมตัวกันอยู่นั้นมันช่างงดงาม แต่ยิ่งผ่านกิจกรรมมากครั้งมันก็ยิ่งเปล่าเปลี่ยว จำนวนคนนั้นลดลงเรื่อยๆ ถ้าเธอจำไม่ผิด ในกิจกรรมแรกนั้นมีกันอยู่ 15 คน แต่ตอนนี้เหลือแค่ 3
…3 คน
พีเฟิล, ชาโดว์เกล, และอีกคนหนึ่ง
พวกเธอมองไปรอบๆ ที่รอบๆลานกว้างนั้นล้อมรอบไปด้วยสิ่งก่อสร้าง ถ้ามีกัน 15 คนนั้นมันจะดูแคบ ถ้ามีกัน 3 คนมันจะดูกว้าง ไม่มีที่หลบภัย รูปปั้นเมอร์เมดนั้นก็ไม่ทำงานแล้ว น้ำพุนั้นแห้งเหือดไปหมด เหลือเพียงแค่ดินและทราย รอบตัวนั้นก็เหมือนกับคราวก่อน ไม่ว่ามาที่นี่กี่ครั้งมันก็ยังเหมือนเดิม
ชาโดว์เกลมองรอบๆอีกครั้ง ไม่มีคนอื่นนอกจากพวกเธอ 3 คน
พวกเธอมองไปที่อุปกรณ์ตรวจจับที่อยู่ในมือ พวกเธอรวมเทอร์โมมิเตอร์ที่ได้มาจากไอเท็ม R เข้ากับแอปแผนที่แสดงตำแหน่งปัจจุบันเพื่อสร้าง ซุปเปอร์เทอร์โมมิเตอร์ ขึ้นมา ชื่อนั้นฟังดูไร้สาระเพราะพีเฟิล แต่ฟังก์ชั่นนั้นไม่ได้ไร้สาระตามไปด้วย มันจะตรวจจับอุณหภูมิพื้นผิวของวัตถุ และแสดงผลบนหน้าจออย่างยอดเยี่ยม พีเฟิลนั้นสั่งให้เธอสร้างอย่างเร่งรีบ หากมีเรื่องแย่ที่สุดของความแย่เกิดขึ้น หรือเมลวิลล์ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ว่ามันจะรุนแรงแค่ไหนพวกเธอก็มีเจ้านี่อยู่
ตามที่ซุปเปอร์เทอร์โมมิเตอร์แสดงผล มันมีเมจิคัลเกิร์ล 3 คนในลานกว้างแห่งนี้
“……ไม่มีคนอื่นเลย”
เสียงของเธอดังขึ้นแต่ไม่มีใครตอบกลับมา พีเฟิลหันไปมองรอบๆอย่างระมัดระวัง เธอกดใช้เมจิคัลโฟน มีแสงส่องสว่างขึ้นมา และมีรูปภาพสามมิติปรากฏขึ้น
“เอาล่ะ นี่คิอกิจกรรมใหม่ แต่มันก็เหมือนคราวที่แล้ว เป็นกิจกรรมของมิราเคิลคอยน์อีกครั้ง…”
“เดี๋ยวก่อน” พีเฟิลพูดกับฟาล
“อะไรเหรอ ปอน?”
“ฉันเคยได้ยินมาก่อนแล้ว แต่นายช่วยยืนยันได้ไหมว่า ช่วงกิจกรรมก่อนการบำรุงรักษาเนี่ยจะบังคับทุกคนเทเลพอร์ตมา และไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ใช่ไหม? ”
“ไม่มีทางหรอก ปอน, ช่วงกิจกรรมก่อนการบำรุงรักษาน่ะ จะบังคับเทเลพอร์ตมา ไม่ว่าเมจิคัลเกิร์ลที่มีชีวิตอยู่จะอยู่จุดไหนในเกมก็จะมารวมตัวกันที่ลานกว้างแห่งนี้ แม้จะมาที่ลานกว้างไม่ทันเวลา พวกเธอก็จะถูกบังคับเทเลพอร์ตมา ปอน”
พีเฟิลหันหน้าของเธอ 90 องศาไปด้านข้าง และหันมามองตรงหน้าอีกครั้ง เหมือนว่าเธอกำลังตรวจสอบพื้นที่อยู่
“จะว่าไป พวกเธอทำอะไรกันเหรอ ปอน?”
ชาโดว์เกลอยู่บนพรมเวทมนตร์เช่นกัน ทั้งสองคนจับอาวุธของตัวเอง พวกเธอวางแผนว่าจะวางกับดักที่มีทั้งกับดักระเบิด, กับดักช๊อตไฟฟ้า ใส่ราชาปีศาจที่ขยับไปไหนไม่ได้อีกแล้วนอกจากลานกว้างแห่งนี้ กับดักนั้นอาจจะมีเพียงชาโดว์เกลที่สร้างมันขึ้นมาได้ แต่การขุดหลุดฝังมันลงไปไม่ว่าใครก็ทำได้
ฟาลไม่ได้ถามเรื่องนั้น แต่เป็นเรื่องสื่งที่พวกเธอถืออยู่ เรื่องอาวุธที่ชาโดว์เกลทำขึ้น
“หือ เดี๋ยวก่อนสิ…ทำไมถึงเป็นแบบนี้เนี่ย ปอน? สตันกันนั่นมันขายอยู่ในปราสาทของราชาปีศาจเพื่อเอาไว้ให้เมจิคัลเกิร์ลใช้สู้กันเองนี่นา ปอน? ทำไมถึงใช้อะไรอย่างปืนไฟล่ะ ปอน? ทำแบบนั้นมันก็เป็นไปตามสิ่งที่มาสเตอร์ ต้องการ เลยนะ ปอน!”
“คนนอกหุบปากไปเลยไป”
ชาโดว์เกลโยนเมจิคัลโฟนของเธอลงพื้น เธอเหยียบมันด้วยเท้าจนดับไป คำพูดของฟาลมันดังก้องอยู่ในอกของเธอ มันทรมาณเหมือนกับจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ เธอไม่อยากได้ยินอะไรแบบนี้
“ฉันขอถามอะไรหน่อย”
พีเฟิลพูดต่อ ใช่แล้ว สื่งที่ชาโดว์เกลอยากได้ยินน่ะมันคือเรื่องอื่น
“เธอคือราชาปีศาจใช่ไหม?”
เธอถามเมจิคัลเกิร์ลที่ยืนอยู่ตรงน้ำพุ
วันนี้ร่างกายของเธอเป็นม้า ภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมายังลานกว้างแห่งนี้ ทำให้มองเห็นมัดกล้ามและเสื้มคลุมที่สวยๆของเธอจากระยะไกล ร่างกายครึ่งบนของเธอเป็นเด็กผู้หญิงที่ถือหอกอยู่ในมือขวา ถือโล่อยู่ในมือซ้าย หางม้าของเธอขยับและตีไปที่หลังของเธอ
“ไม่”
แคลนเทลตอบคำถามอย่างสั้นๆและห้วนมาก และเธอก็ถามคำถามที่สั้นและห้วนกลับเช่นกัน
“เกิดอะไรขึ้นกับนกโกะจัง?”
“เธอตายแล้ว” พีเฟิลพูด “แล้วเพจิกะ, ลาซูไลน์ และเมลวิลล์ล่ะ เกิดอะไรขึ้นกับพวกเธอ?”
“เพจิกะกับลาซูไลน์ถูกเมลวิลล์ฆ่าตาย…”
แคลนเทลนั้นดูเจ็บปวดมาก
“…แล้วชั้นก็ฆ่าเมลวิลล์ไปแล้ว”
ทันใดนั้นเธอเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วและมองไปที่พีเฟิล
“เธอฆ่าเมลวิลล์ไปแล้วใช่ไหม? น่าประทับใจจริงๆ” พีเฟิลตอบกลับอย่างใจเย็น
แคลนเทลไม่ได้ตอบอะไร พีเฟิลจึงพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูสบายๆ
“ฟาลบอกพวกเราว่า เมื่อราชาปีศาจตายแล้ว เกมก็จะจบลงทันที”
“……ชั้นเองก็ได้ยินแบบนั้นเหมือนกัน”
ชาโดว์เกลจำตอนที่พีเฟิลพยายามใช้ลาซูไลน์เป็นเครื่องมือต่อรองได้ ตอนนั้นในอกของชาโดว์เกลเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เธอเอาแต่ทำงานในปราสาทของราชาปีศาจมาตลอดสองวันเต็ม ทุกสิ่งที่เธอลืมมันไปก็กลับมาอีกครั้ง
“เมลวิลล์ตายแล้ว ทำไมเกมถึงยังไม่จบอีกล่ะ?”
เสียงของแคลนเทลนั้นฟังดูหงุดหงิด ส่วนพีเฟิลนั้นใจเย็นแต่ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วดุดัน
“เหมือนว่าเมลวิลล์จะไม่ใช่ราชาปีศาจน่ะ”
“งั้นหนึ่งในพวกเธอก็เป็นราชาปีศาจน่ะสิ?”
“พวกเราไม่มีใครเป็นราชาปีศาจ นั่นหมายถึง เธอนั่นแหละ แคลนเทล เธอคือราชาปีศาจ”
การโต้เถียงที่อยู่ห่างออกไปจากน้ำพุ 15 เมตรนั้นหยุดลง แคลนเทลยกกีบเท้าของเธอขึ้น และกระทืบลงไปบนพื้นดิน แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นนั้นรู้สึกได้ทั้งลานกว้าง
“ชั้น ไม่ใช่ ราชาปีศาจ”
“แน่นอนว่าตัวราชาปีศาจต้องพูดแบบนี้อยู่แล้ว” พีเฟิลพูดสวนกลับไป
“ทำไมบัตรผ่านทั้งหมดถึงขายหมดแล้วล่ะ ชั้นซื้อมันไม่ได้เลย?”
“เพราะพวกเราเหมามาหมดแล้วน่ะสิ มันเป็นปํยหาแน่หากราชาปีศาจมายังพื้นที่ที่พวกเราอยู่ได้ ใช่ไหม?”
“นี่พวกเธอไปหาแคนดี้จำนวนมากขนาดนั้นมาจากไหนเนี่ย? ถ้าซื้อบัตรผ่านทั้งหมดมันต้องใช้แคนดี้มากถึง 5 หมื่นเลยนะ”
“เหตุผลที่พวกเรามีแคนดี้เยอะ เป็นเพราะความพยายามของพวกเราอย่างแท้จริงยังไงล่ะ”
“ไม่ใช่เพราะเธอเป็นราชาปีศาจหรอกเหรอ?”
“ที่เธอพูดมา แทบจะไม่มีน้ำหนักเลยนะ”
แคลนเทลกระโดด ข้าม้าของเธองอเพื่อสะสมพลังและก็ขยับตัว หัวของรูปปั้นเมอร์เมดหลุดออกไปเพราะกีบเท้าของเธอ มันพุ่งเข้ามาหาพวกเธอ ชาโดว์เกลป้องกันไว้ได้ด้วยโล่มังกรของเธอ แต่แคลนเทลนั้นก็เข้ามาประชิดตัวพวกเธอแล้ว
ชาโดว์เกลกับพีเฟิลแยกกันไปทางซ้ายและขวา ชาโดว์เกลกระโดดจากด้านข้าง และใช้ประแจของเธอทุบไปที่แคลนเทล แต่แคลนเทลก็ป้องกันไว้ได้ด้วยโล่ของเธอจากด้านล่าง และมันทำให้ประแจปลิวไปด้านหลังของชาโดว์เกล มือของชาโดว์เกลนั้นรู้สึกชา เมื่อแคลนเทลโจมตีต่อด้วยกีบเท้า ชาโดว์เกลก็ป้องกันไว้ได้ด้วยโล่มังกร แม้จะเป็น โล่+12 ร่างกายของเธอนั้นก็ยังรักษาสมดุลไว้ไม่ได้ แต่โชคดีที่มือของเธอไม่ชาแล้ว
พีเฟิลนั้นแทงสตันกันที่ปรับแต่งเข้ากับแท่งไม้ไผ่จากทางด้านหลัง ระยะของมันนั้นไกลกว่าสตันกันแบบดั้งเดิม จึงทำให้หลบได้ยากขึ้น แคลนเทลนั้นเปลี่ยนร่างกายครึ่งล่างของตัวเองเป็นงู และใช้หางของตัวเองที่เหมือนแส้ฟาดไปที่พีเฟิล พีเฟิลกันไว้ได้ด้วยโล่ แต่ว่าหยุดแรงกระแทกทั้งหมดไม่ได้ เธอจึงร่วงลงมาจากพรมเวทมนตร์และกลิ้งอยู่บนพื้น
อยากที่พีเฟิลพูดไว้ ความแตกต่างระหว่าง เมจิคัลเกิร์ลสายต่อสู้ กับ เมจิคัลเกิร์ลที่ไม่ใช่สายต่อสู้ นั้นเห็นได้ชัดมาก แม้จะเป็นการสู้แบบ 2 ต่อ 1 แคลนเทลก็ยังคงแข็งแกร่ง
ร่างกายครึ่งล่างของแคลนเทลเปลี่ยนร่างเป็น สิ่งมีชีวิตที่มีลายสีเหลืองกับน้ำตาล และมีขายาวจนบดบังแสงอาทิตย์ได้…ยีราฟ แคลนเทลนั้นเอาหอกแทงมาที่ชาโดว์เกล เธอพยายามหยุดมันไว้ด้วยโล่ แต่หลังของเธอก็สั่นเทาด้วยความกลัว ชาโดว์เกลมองขึ้นไปเห็นปลายหอกของแคลนเทล กับความสูงเสียดฟ้า สะท้อนกับแสงอาทิตย์
อ่า แบบนี้ไม่ดีแล้ว สัญชาติญาณของเธอบอกมาแบบนี้ เธอจึงทิ้งโล่และกระโดดไปด้านข้าง
แคลนเทลแทงหอกลงมา ในเวลาเดียวกันเธอก็เปลี่ยนร่างจากยีราฟเป็นเสือเพื่อเพิ่มพลังโจมตี หอกของเธอปักลึกลงไปในพื้นดินจนเกิดการสั่นไหว แม้มันจะเป็นแค่ อาวุธ+7 แต่ถ้าแคลนเทลใช้มัน ชาโดว์เกลแน่ใจว่า โล่+12 ของเธอป้องกันไว้ไม่ได้แน่ๆ กำแพงของความแตกต่างในการต่อสู้นั้นสูงกว่าชาโดว์เกลมากเกินไป
แคลนเทลหมุนตัวไปรอบๆ ฟาดหอกของเธอเป็นแนวนอนไปยังพีเฟิล คนที่อยู่บนพรมเวทมนตร์อีกครั้ง และกำลังเข้าหาแคลนเทลจากทางด้านหลัง พีเฟิลลดความสูงของพรมเวทมนตร์ลงเพื่อหลบการโจมตี มันเฉือนผมของเธอขาดออกไปบางส่วน ผมสีทองที่เป็นลอนของปลิวไปทั่วบริเวณ
แคลนเทลเผยแผ่นหลังของเธอให้ชาโดว์เกลเห็นเป็นครั้งแรก มันกว้างและน่าเกรงขามมาก แผ่นหลังของเธอดูมีความน่านับถือต่างกับของพีเฟิล เมื่อชาโดว์เกลเห็นแผ่นหลังของเธอ บางสิ่งในหัวใจของเธอก็กระซิบบอกว่า
แผ่นหลังของราชาปีศาจมันต้องเป็นแบบแบกรับความมืดมิดเอาไว้สิ
ทำไมมันถึงดูสง่างามแบบนี้ล่ะ? แคลนเทลเป็นราชาปีศาจจริงๆงั้นเหรอ?
ชาโดว์เกลสลัดเสียงกระซิบเหล่านั้นทิ้งและขว้างตาข่ายออกไป มันเป็นการผสมผสานระหว่างเชือกที่ได้มาจากไอเท็ม R กับสตันกัน ตาข่ายไฟฟ้านั้นสามารถปกคลุมในบริเวณกว้างได้ หากชาโดว์เกลสามารถใช้มันจากด้านหลังได้ แม้จะเป็นแคลนเทลก็ตามมันก็ยากที่จะหลบ
แคลนเทลติดอยู่ในตาข่าย และจังหวะก่อนที่แคลนเทลจะดิ้นนั้น กระแสไฟฟ้าก็ไหลผ่านไปที่ตาข่าย สตันกันนั้นสามารถทำให้เมจิคัลเกิร์ลสลบได้ในครั้งเดียว เข่าของแคลนเทลนั้นทรุดลงกับพื้น หัวของเธอก็เริ่มโอนเอน แบบนี้คงจะจบแล้วสินะ ชาโดว์เกลคิดโดยไม่ทันระวังเกินไป ในตอนนั้นเอง หอกของแคลนเทลก็พุ่งเข้ามาหาเธอ
แคลนเทลแทงกลับมาด้านหลังโดยไม่ได้มอง มันเฉียดแขนขวาของชาโดว์เกลไป แม้จะไม่โดนตรงๆ แต่เนื้อที่แขนขวาของเธอก็ถูกเฉือนออกไปจนเลือดไหลนอง และกระดูกของเธอก็ส่งเสียงแปลกๆ เธอกรีดร้องพร้อมกับจับแขนขวาเอาไว้ แคลนเทลเองก็หันมาทางนี้
ตาของแคลนเทลนั้นเต็มไปด้วยความโกรธ สร้อยคอที่อยู่ตรงอกของเธอกำลังส่องสว่าง มันคือหนึ่งในเครื่องรางที่ขายในร้านค้า…. เครื่องรางหินผา ที่ต้านทานการโจมตีประเภทไฟฟ้า
ชาโดว์เกลเข้าใจแล้วว่าทำไมตาข่ายไฟฟ้าถึงไม่ได้ผล หากแคลนเทลดูในสมุดภาพไอเท็มก็จะรู้ว่ามีคนซื้อสตันกันไปเป็นจำนวนมาก ดังนั้นแคลนเทลก็แค่เตรียมการสวนกลับสตันกันเอาไว้ คือการสวมใส่ เครื่องรางหินผา นั่นเอง
พีเฟิลนั้นโจมตีเข้าด้านหลังเร็วยิ่งกว่าแคลนเทลจะใช้หอกของเธอโจมตีได้ แคลนเทลตั้งรับได้ด้วยโล่ พวกเธอทั้งจู่โจมและหลบการโจมตีของอีกฝ่ายไปด้วยกัน
หัวใจของชาโดว์เกลนั้นยังคงส่งเสียงกระซิบ ตอนนี้เธอมองเห็นดวงตาของแคลนเทล มันไม่ใช่ความโกรธ แต่มันเป็นความเศร้า มันไม่ใช่ดวงตาของคนที่ต่อสู้เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นราชาปีศาจ
ชาโดว์เกลค้านเสียงในหัวใจของตัวเอง ตอนนี้มีเหลือกันแค่ 3 คนเท่านั้น ตัวเธอ, พีเฟิล และแคลนเทล ดังนั้นราชาปีศาจจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแคลนเทล
ในตอนที่เธอค้านเสียงในหัวใจตัวเอง หัวใจของเธอนั้นก็หม่นหมอง มันยังคงมีข้อสงสัยอยู่ ความสงสัยของเธอยังไม่กระจ่างชัด เธอหยุดคิดเรื่องการทดสอบของแครนเบอร์รี่ไม่ได้ หากเป็นพีเฟิล เธอจะหลอกชาโดว์เกลได้ง่ายๆรึเปล่านะ? เธอคงหลอกล่อชาโดว์เกลได้ และทั้งสองคนก็จะร่วมมือกำจัดแคลนเทลด้วยกัน เมื่อเสร็จงานแล้ว พีเฟิลก็คงฆ่าชาโดว์เกลทิ้ง ตอนนี้งานของเธอจบแล้ว และพีเฟิลก็คงจะเป็นเด็กสาวคนสุดท้ายที่ยืนหยัดอยู่ได้
“มาโมริ!”
พีเฟิลตะโกนเรียกเธอกลับมาสู่ความเป็นจริง พีเฟิลนั้นกำลังโดนแคลนเทลกดดันอยู่ พีเฟิลหยิบปืนไฟออกมาใช้โจมตี แคลนเทลก็ป้องกันไว้ด้วยโล่และโจมตีสวนกลับมาด้วยหอกของเธอ หลบหลีกความเสียหายจากปืนไฟอย่างชำนาญ ชาโดว์เกลหยิบประแจของตัวเองแล้วเข้าไปหาแคลนเทล แคลนเทลนั้นเปลี่ยนร่างเป็นจรเข้ ใช้หางของเธอเตือนว่าอย่าเข้ามาใกล้
แต่ตอนนี้ร่างกายครึ่งบนของเธอก็อยู่ติดพื้นแล้ว พีเฟิลกระโดดลงมาจากพรมเวทมนตร์ของเธอ การเคลื่อนไหวของแคลนเทลหยุดลงไปครู่หนึ่ง จนถึงตอนนี้พีเฟิลนั้นไม่เคยยืนขึ้นมาก่อนเลยซักครั้ง เธอนั้นทั้งนั่งวีลแชร์, ขี่พรมเวทมนตร์ หรืออยู่บนหลังของชาโดว์เกล แต่ชาโดว์เกลรู้ว่าพีเฟิล นั้นสามารถเดินและวิ่งได้ตามปกติ เธอพยายามหลักเลี่ยงไม่ให้คนอื่นเห็นมากเท่าที่ทำได้ และเมื่อเวลามาถึง เธอก็จะสามารถจัดการศัตรูที่ชะงักอยู่ได้ง่ายๆด้วยการวิ่งเข้าใส่ในทันที
พีเฟิลไม่พลาดโอกาสที่แคลนเทลมอบให้ เธอกระโดดขึ้นและจับเข้าไปที่โล่ของแคลนเทล แคลนเทลนั้นกระชากโล่ของเธอไปซ้ายทีขวาทีอย่างรุ่นแรง พยายามจะสลัดพีเฟิล จนพีเฟิลนั้นถูกขว้างออกไปในอากาศพร้อมกับโล่ และหล่นลงมาพร้อมกับแขนและขาทั้งสองข้างของเธอบนพื้น
หน้าผากของแคลนเทลเรื่มมีเหงื่อ มือซ้ายของเธอที่ถือโล่อยู่ก็สั่น นิ้วนางกับนิ้วก้อยของเธอก็บิดกันไปคนละด้าน ในตอนนี้เธอไม่มีโล่แล้ว
ชาโดว์เกลเองก็จำเรื่องในการทดสอบของแครนเบอร์รี่ได้ ในตอนนั้นพีเฟิลก็สู้แบบเดียวกัน เธอไม่ใช้ใช้เท้า โกหกจุดอ่อน และเมื่อเวลามาถึงเธอก็จะยืนขึ้นต่อสู้ คู่ต่อสู้ของเธอนั้นชะงักเหมือนกับแคลนเทลในตอนนี้ และพีเฟิลก็ใช้จุดนั้นโจมตี
ใช่แล้ว มันเหมือนกับตอนนั้น เหมือนกับตอนการทดสอบของแครนเบอร์รี่ ภายในตัวของชาโดว์เกล มีอะไรบางอย่างสีดำหมุนวนอยู่ มันทั้งร้อน ทั้งมืดหม่น มันเพิ่มขึ้นทีละนิดทีละนิด
แคลนเทลคือราชาปีศาจจริงเหรอ?
ไม่ใช่ว่าพีเฟิลคือราชาปีศาจหรอกเหรอ?
ก่อนหน้านี้ พีเฟิลพูดว่าตัวเธอและชาโดว์เกลไม่ใช่ราชาปีศาจ ตามกระบวนการกำจัด* แล้ว เธอจึงประกาศว่าแคลนเทลคือราชาปีศาจ ทำไมเธอถึงคิดว่าชาโดว์ไม่ใช่ราชาปีศาจกันนะ? เธอเผลอบอกความคิดที่ว่าชาโดว์เกลไม่ใช่ราชาปีศาจออกไปงั้นเหรอ? ถ้าหากพีเฟิลเป็นราชาปีศาจซะเอง แบบนั้นเธอก็รู้ว่าชาโดว์เกลไม่ใช่ราชาปีศาจน่ะสิ
*กระบวนการกำจัด (Process of elimination) เป็นวิธีการตัดตัวเลือกที่ไม่น่าจะใช่มากที่สุดออกไปก่อน และค่อยๆตัดตัวเลือกออกไปเรื่อยๆเพื่อเพิ่มโอกาสในความถูกต้องให้มากขึ้น
https://en.wikipedia.org/wiki/Process_of_elimination
พีเฟิลยังคงยิงปืนไฟต่อไป และแคลนเทลเองก็แปลงร่างเป็นเสือดำ หลบการโจมตีอย่างว่องไว ในทิศที่เธอหลบนั้นมีโล่มังกรของชาโดว์เกลตกอยู่ แคลนเทลหยิบมันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว โดยใช้นิ้วชี้ นิ้วกลางและนิ้วโป้ง
นี่คือหนึ่งในแผนการ ก่อนการต่อสู้นั้น ชาโดว์เกลขว้างเมจิคัลโฟนของเธอทิ้งไป การทำแบบนี้จะทำให้คนอื่นรู้ว่าชาโดว์เกลจะไม่สามารถเรียกไอเท็มกลับคืนไปในเมจิคัลโฟนได้ สร้างสถานการณ์ที่มีความเป็นไปได้ว่าไอเท็มของเธอจะถูกขโมยขึ้นมา ซึ่งโล่มังกรนั้นเป็นไอเท็ม+12 ที่คุ้มค่ากับการขโมยแน่นอน
พีเฟิลนั้นหยิบรีโมทคอนโทรลออกมาจากแขนเสื้อแล้วก็กดลงไป ทันใดนั้น ที่ ด้านใน ของโล่มังกรก็มี เปลวเพลิงระเบิดขึ้นมา แคลนเทลร้องออกมาเหมือนกับไม่ใช่เสียงของเธอเอง และโยนโล่ทิ้งไปด้วยความเจ็บปวด ร่างกายครึ่งล่างของเธอแปลงเป็นแมงกระพรุนที่โปร่งใสและตัวใหญ่มาห่อครึ่งบนของเธอที่ลุกเป็นไฟ ชาโดว์เกลเคยได้ยินว่าร่างการของแมงกระพรุนนั้นส่วนใหญ่จะเป็นน้ำ เธอดับไฟที่อยู่ตามร่างกายจนกลายเป็นไอน้ำ แต่แคลนเทลนั้นยังคงมีแผลไฟไหม้ที่ดูสยดสยอง เธอม้วนตัวและร้องครวญคราง
ภาพแบบนี้ชาโดว์เกลเห็นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าในการทดสอบของแครนเบอร์รี่ วิธีการของพีเฟิล, กับดักของเธอ, และการหลอกลวง ทำสำเร็จกับเมจิคัลเกิร์ลนับไม่ถ้วน เกิดเป็นศพของเมจิคัลเกิร์ลนอนเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด
และในเกมนี้ เธอเองก็เหมือนเดิม พีเฟิลประกาศว่ามาสก์วอนเดอร์ถูกฆ่าตายที่ลานเมือง และเป็นผู้นำของกลุ่มกำจัดเกรทดราก้อน และดูการตอบสนองของเมจิคัลเกิร์ลคนอื่นไปด้วย ซึ่งทั้งสองอย่างนั้นทำให้เกิดความวุ่นวายอย่างมาก แม้จะมีคนตายเพราะเรื่องนี้ พีเฟิลก็ไม่เสียใจอะไร
มีเพียงพีเฟิลเท่านั้นที่รู้ และบอกชาโดว์เกลว่านกโกะจังวิ่งหนีไป มันแปลกมาก ชาโดว์เกลไม่รู้เลยว่าทำไมนกโกะจังถึงตาย เป็นไปได้รึเปล่าว่าพีเฟิลฆ่าเธอ? โดยปกติแล้วมันเป็นไปไม่ได้ แต่นี่คือ พีเฟิล…
ชาโดว์เกลหยิบประแจขึ้นมาด้วยมือซ้าย ถีบพื้นดินอย่างรุนแรงเพื่อพุ่งตัวออกไป บางสิ่งที่ดำมืดยังคงหมุนวนอยู่ในอกตรงจุดเดิมของชาโดว์เกล เธอต้องทำมัน นี่เป็นเพียงโอกาสเดียวของเธอ ยิ่งเธอวิ่งเธอก็ยิ่งเร็วขึ้น อุณหภูมิก็ยิ่งเพิ่มขึ้น มันยิ่งเพิ่มขึ้น และมืดมิดยิ่งขึ้น ชาโดว์เกลพุ่งเข้าไปหาพีเฟิล และเหวี่ยงประแจเข้าที่ใบหน้าของเธอ
พีเฟิล คนที่มองดูแคลนเทลบิดตัวด้วยความเจ็บปวด ไม่เคยนึกเคยฝันว่าจะมีการโจมตีมาแบบนี้ เธอไม่ได้หลบหรือป้องกันอะไรเลย ประแจโดนเข้าที่ใบหน้าของเธออย่างจัง เธอได้ยินเสียงกระดูกแตก เธอรู้สึกถึงมันได้ ทุกอย่างภายในหัวใจของเธอนั้นบอกว่าเธอทำถูกแล้ว ตัวของพีเฟิลนั้นปลิวออกไปนอกลานเมือง และร่วงลงมาที่ถนนด้านหลัง ตัวของเธอนั้นกลิ้งแล้วกลิ้งอีกไปตามพื้น จนในที่สุดก็หยุดลง
ชาโดว์เกลมองไปที่พีเฟิล ประแจในมือของเธอนั้นสั่น เธอจ้องมองพีเฟิลมาตลอดจนกระทั่งเอาประแจตีเข้าไปที่ใบหน้า หากพีเฟิลเป็นราชาปีศาจ เธอก็ต้องแสดงท่าทีอะไรออกมาแน่ เธออาจจะโกรธแค้น อารมณ์เสีย หรือพยายามหลอกลวงชาโดว์เกล ชาโดว์เกลต้องรู้มัน เอาล่ะ ตอนนี้จะแสดงท่าทีแบบไหนออกมากันแน่? เธอหลอกชาโดว์เกลไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
พีเฟิลนั้นนอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้น นิ้วของเธอกระตุกสองครั้ง แล้วก็หยุดไป ความรู้สึกดำมืดภายในจิตใจของชาโดว์เกลก็กลายเป็นความปลาบปลื้ม
ทำไมพีเฟิลถึงคิดว่าแคลนเทลเป็นราชาปีศาจกันล่ะ? เหตุผลอะไรที่พีเฟิลคิดว่าชาโดว์เกลต้องหลับหูหลับตาเชื่อเธอด้วย? พฤติกรรมของพีเฟิลน่ะน่าสงสัย เธอบอกว่าเธอนั้นตัดสินคนอื่นจากบุคลิก นั่นเป็นข้อแก้ตัวที่ทำให้เธอไม่สนใจเมลวิลล์ใช่ไหม? สุดท้าย ตัวของราชาปีศาจก็จะดีใจที่มีคนแบบนี้ไปไล่ฆ่าคนอื่นใช่ไหม?
ชาโดว์เกลมองไปที่มือซ้ายของเธอ มือของเธอที่จับประแจอยู่นั้นสั่นไหว
ชาโดว์เกลมองไปที่พีเฟิล ตอนนี้เธอไม่กระดุกกระดิกแล้ว ทันใดนั้นความเหน็บหนาวก็แล่นผ่านหลังของชาโดว์เกล
อย่าบอกนะว่า แค่ทีเดียว?
นี่ฉันทำอะไรลงไป?
นี่ฉันโจมตีพีเฟิล? นี่ฉันฆ่าเธองั้นเหรอ? ทำไมกัน? ทำไมฉันถึงทำแบบนั้นล่ะ?
ชื่อของมาโมริมีความหมายว่าปกป้อง เธอจำได้ว่า…พ่อแม่ของเธอมอบชื่อนี้ให้กับเธอเพื่อปกป้องนายหญิง…
เธอทรุดตัวลงกับพื้น เธอยืนไม่ไหวแล้ว เธอฆ่าคาโนเอะ เธอฆ่าคาโนเอะลงไปแล้ว แต่ว่า…มันยังไม่จบ เกมนี้มันยังไม่จบ
เท้าของเธอไร้เรี่ยวแรง ตัวของชาโดว์เกลกำลังร่วงลงไปที่พื้น แต่ก็มีบางอย่างมาจับคอเสื้อ แล้วก็ยกตัวเธอขึ้น
“เธอคือ…ราชาปีศาจใช่ไหม?”
แคลนเทลนั่นเอง เธอยังคงมีรอยแผลอยู่รอบตัว แต่ส่วนใหญ่นั้นถูกรักษาแล้ว มือซ้ายของเธอที่จับชาโดว์เกลนั้นเหมือนว่าจะไม่มีแผลหลงเหลืออยู่แล้ว เธอคงใช้ยาฟื้นพลังแน่
“ราชา…ปีศาจ……?”
ชาโดว์เกลอยากจะปฎิเสธ แต่เสียงของเธอไม่ออกมา เธอไม่ได้กลัวแคลนเทล เธอกลัวตัวของเธอเอง เธอเป็นคนที่ทำพีเฟิลให้กลายเป็นแบบนั้น เพราะความสงสัยของตัวเธอเอง
น้ำตาเริ่มไหลออกมาจากตาของเธอ ราวกับน้ำที่พุ่งทะลุเขื่อน
แคลนเทลจับหอกของเธอด้วยมือขวา
“ลาซูไลน์กับเพจิกะช่วยชั้นเอาไว้…ชั้นถึงยังมีชีวิต และยืนอยู่ตรงนี้ได้”
ชั้นจะไม่ตายอยู่ที่นี่ ชั้นขอโทษนะ แต่ชั้นต้องฆ่าเธอ นี่คือสิ่งที่เธอพูด แคลนเทลกำลังจะฆ่าชาโดว์เกล พีเฟิลตายแล้ว เหลืออยู่เพียงแคลนเทลกับชาโดว์เกลเท่านั้น ราชาปีศาจคงเป็นแคลนเทล
ประแจของชาโดว์เกลหลุดร่วงออกจากมือ เธอไม่มีพลังอะไรเหลือแล้ว เธอเกลียดประแจนั่น เพราะมันยังทำให้เธอรู้สึกถึงกระดูกของพีเฟิลที่แตกได้อยู่
ทุกอย่างภายในตัวของชาโดว์เกล จางหายไปอย่างรวดเร็ว
ฉันไม่สนใจอีกแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“ตอนนี้ ฉันเข้าใจแล้ว!”
เสียงนั่นคือเสียงที่คุ้นเคย ชาโดว์เกลตกตะลึง แคลนเองก็เช่นกัน ทั้งคู่หันกลับไปมองตรงถนนทึ่พีเฟิลอยู่ และเห็นเจ้าของเสียงนั้นลุกยืนขึ้นมา
“งั้นเหรอ ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วล่ะ ช่างเป็นเวทมนตร์ที่น่ารังเกียจซะจริง”
พีเฟิลลุกขึ้นยืน ชาโดว์เกลกับแคลนเทล ทั่งคู่มองไปที่เธอ จมูกของพีเฟิลแตก ใบหน้าถูกย้อมด้วยเลือด ความงดงามในหมู่ของเมจิคัลเกิร์ลของเธอถูกทำลายไปแล้ว แต่แสงสว่างในดวงตาของเธอยังไม่จากหายไป บางทีพลังในดวงตานั้นมันดูน่าทึ่งจนแคลนเทลถอยกลับไปครึ่งก้าว
“ตอนที่ฉันคิดว่าใครคือราชาปีศาจ ฉันไม่ได้รวมความเป็นไปได้ของเธอเข้าไป มาโมริ ฉันมั่นใจในเรื่องนั้น แต่ก็ไม่ได้แน่ใจทั้งหมด หากมาโมริคือราชาปีศาจ ฉันเองก็ไม่ได้ว่าอะไร ถ้ามาโมริเป็นราชาปีศาจและสิ่งต่างๆเป็นไปตามสิ่งที่มาโมริอยากให้เป็น แม้จะเป็นแบบนั้นฉันก็โอเค ไม่ว่าเธอจะเป็นผู้เล่นธรรมหรือราชาปีศาจ ตราบใดที่เธอรอด ฉันก็โอเค และหากเธอเป็นราชาปีศาจ ฉันก็จะช่วยเธอฆ่าผู้เล่นคนอื่นด้วย”
แคลนเทลปล่อยตัวของชาโดว์เกล เธอหล่นลงมาก้นกระแทกกับพื้น ส่งเสียงออกมาด้วยความเจ็บปวด ส่วนพีเฟิลนั้นก็พูดต่อไป
“แต่…มันมีอะไรแปลกๆเกิดขึ้น พอมาถึงจุดนึง ฉันก็กลายเป็นคิดว่าตัวเองไม่ควรเชื่อใจมาโมริ ทั้งที่ก่อนหน้านั้น ฉันยังเต็มใจทำอะไรก็ได้ตราบเท่าที่เธอยังคงอยู่กับฉันอยู่เลย แล้วสถานการณ์แบบไหนที่มันทำให้ฉันไม่ไว้ใจเธออีกแล้วกันล่ะ? แม้ว่าฉันจะเจอเรื่องน่าสับสนแบบนี้ ฉันก็ยังคงสงสัยในตัวเธอต่อไป… จนกระทั่งถูกเธอตีเข้าที่หน้า หลังจากที่เธอโจมตีจนปลิว หลังจากที่ฉันกลิ้งไปกับพื้น ความสงสัยในหัวใจของฉันก็หายไป”
มือของชาโดว์เกลนั้นยังคงอยู่บนพื้น ตัวเธอนั้นอยู่ห่างออกไป เธอไม่เข้าใจว่าพีเฟิลนั้นพูดอะไรอยู่ เธอไม่เข้าใจเลย น้ำตาของเธอยังไม่หยุดไหล
พีเฟิลนั้นยืนขึ้นอย่างช้าๆแล้วพูดต่อว่า “นี่มันแปลกไม่ใช่เหรอ? ฉันเพิ่งเริ่มสงสัยเธอเองนะ มาโมริ แต่จู่ๆเธอก็มาตีฉันจนปลิวซะแล้ว ถ้าเธอเป็นราชาปีศาจล่ะก็ ถึงจะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นมันก็ไม่แปลกอะไร แต่หลังจากนั้น เรื่องที่ฉันสงสัยในตัวเธอมันกลับหายไป เห็นได้ชัดว่าจิตใจของฉันนั้นแปลกไป อะไรมันทำให้เป็นแบบนี้กันนะ? ฉันมองขึ้นไปบนฟ้าแล้วก็คิด หัวของฉันมันหมุนไปหมด ความสงสัยของฉันมันเริ่มเบาบางลง ใช่แล้ว ลานกว้างไงล่ะ เมื่อฉันออกห่างจากลานกว้าง ความสงสัยมันก็เริ่มจางหายไป”
พีเฟิลเข้ามาที่ลานเมืองจากถนนด้านหลัง
“อย่างที่ฉันคิด จิตใจของฉันมันหม่นหมองอีกครั้งเมื่อเข้ามาในพื้นที่ตรงนี้ ความสงสัยมันยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ฉันคิดอะไรไม่ออก มันมีบางอย่างขัดขวางฉันจากการตั้งคำถามในเรื่องนี้ จนมันเริ่มจะเบนออกไปที่อื่นที่ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองคิด ไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองคน แต่เป็นทุกคนที่มาที่นี่ มาโมริ เธอต้องเชื่อแคลนเทลนะ ว่าแคลนเทลน่ะ ไม่ใช่ ราชาปีศาจ”
ชาโดว์เกลได้ยินเสียงซุบซิบในหัวใจของเธออีกครั้ง
อย่าไปฟังเธอ เธอมันจอมขี้โกหกหลอกลวง หากฟังคำพูดของเธอล่ะก็ เธอแพ้แน่
“มาโมริ! อย่าคิดอะไรวอกแวก!”
จมูกของพีเฟิลที่แตกนั้น มีเลือดไหลออกมาเหมือนกับน้ำตก แต่เสียงของเธอนั้นก็ยังคงดังมาจากถนนเข้าสู่ในลานกว้าง ผ่านเข้าไปในอกของชาโดว์เกล เสียงกระซิบนั้นเริ่มกระจัดกระจาย สิ่งดำมืดเองก็หายไปในทันที
“ทั้งสองคน มาทางนี้! ระวังตัวด้วย!”
พีเฟิลยืนอยู่ตรงหน้าน้ำพุ เธอกับแคลนเทลมองหน้าและพยักหน้าให้กันและกัน ชาโดว์เกลถือโล่มังกรและสตันกันของเธอ แคลนเทลเปลี่ยนครึ่งล่างเป็นเสือ เมื่อทั้งสองคนล้อมเอาไว้แล้ว พีเฟิลจึงเดินตรงไปที่น้ำพุ
“มีทรายรวมตัวกันอยู่ตรงนี้” พีเฟิลพูด “พวกเราจะเอามันออกทั้งหมด ระวังการโจมตีไว้ด้วย”
ตอนนี้พวกเธอทำตามที่เธอบอก ทั้งสามคนเอาทรายออกมาจากน้ำพุจนกระทั่งมันว่างเปล่า
“นี่ ดูสิ พวกเธอเห็นอะไรแปลกๆกันรึเปล่า?” พีเฟิลพูด
พวกเธอมองเห็นด้านล่างของน้ำพุ และแน่นอน มันมีรอยแตกที่ผิดธรรมชาติอยู่ รอยแตกนั้นเป็นวงกลม มีเส้นผ่านศูนย์กลางราวๆ 1 เมตร
“พังมันซะ!”
แคลนเทลยกขาหน้าของเธอขึ้นและกระทืบลงมา เพราะว่ามันมีรอยแตกอยู่แล้ว ด้านล่างน้ำพุนั้นจึงพังไปอย่างง่ายดาย เศษหินนั้นร่วงลงไปด้านใน ที่ด้านล่างนั่นมีพื้นที่ว่างอยู่
ชาโดว์เกลมองเข้าไปด้านในอย่างระมัดระวัง มันเป็นพื้นที่กว้างราวๆ 2 เมตร และที่ด้านในนั้น มีเด็กผู้หญิงสวมชุดเมดที่กำลังกุมข้อมือขวาของตัวเองพร้อมกับตัวสั่นอยู่
______________________________________________________________________
☆ นกโกะจัง
ในเกมนี้ บทบาทของเธอคือราชาปีศาจ
นั่นคือข้อความที่นกโกะจังได้รับในเมจิคัลโฟน ประโยคต่อมาก็คือเงื่อนไขในการชนะ ซึ่งก็คือการฆ่าผู้เล่นคนอื่นทิ้งให้หมด
เมื่อมองดูเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดจากแครนเบอร์รี่แล้ว จะเห็นได้ชัดว่านกโกะจังนั้นไม่ใช่เหยื่อ กลับกัน เธอเป็นฝ่ายล่า ผู้นำของกลุ่มเมจิคัลเกิร์ลที่นกโกะจังอยู่นั้นเป็นพวกเห็นอกเห็นใจแครนเบอร์รี่ นกโกะจังนั้นได้รับค่าตอบแทนจากการร่วมมือในการทดสอบหลายครั้ง บทบาทของนกโกะจัง นั้นคือการกระตุ้นเมจิคัลเกิร์ลที่ไม่เต็มใจ โดยปกติแล้วเธอจะปิดบังตัวเองเป็นคนธรรมดา และเข้าหาผู้เข้าร่วมเกมคนอื่นด้วยความโกรธ ความเกลียดชัง เธอจะกระจายอารมณ์เหล่านั้นออกไป และเร่งการทดสอบให้เร็วขึ้น
เธอไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะรู้ภาพรวมของการทดสอบ แต่กระนั้นเธอก็เข้าใจในสิ่งที่ตัวเองทำ เธอรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องดีแต่ก็ทำมันต่อไปเพราะต้องการรางวัล นกโกะจังต้องหาเงินให้ที่บ้านแทนพ่อของตัวเองที่หายตัวไป การเป็นเมจิคัลเกิร์ลตามปกติมันทำเงินให้เธอไม่ได้ เธอจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำในสิ่งที่ไม่ปกติแทน
เมื่อหัวหน้ากลุ่มของเธอถูกเปิดโปงว่าเป็นผู้สนับสนุนแครนเบอร์รี่ เธอจึงถูกจับกุมตัวไป นกโกะจังจึงสูญเสียแหล่งรายได้ของเธอ แต่ดินแดนเวทมนตร์นั้นสาวมาไม่ถึงตัวของนกโกะจัง บางทีหัวหน้าอาจจะปกป้องเธอเอาไว้ แม้มันจะไม่ดีแต่เธอก็รู้สึกโล่งใจ
แต่มาสเตอร์ของ เมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจค นั้น รู้ว่านกโกะจังเคยทำอะไรลงไปบ้าง มาสเตอร์นั้นจึงมอบตัวเลือกให้เธอ
มาสเตอร์นั้นมาหาเธอ และบอกว่าให้เธอเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ระหว่างการถูกเปิดเผยทุกอย่างหรือการเข้าร่วมเกมนี้
หัวหน้าคนเก่าของเธอก็หายไป และนกโกะจังก็ทิ้งแม่ของเธอไปไหนไม่ได้ มันจึงไม่มีทางเลือกอื่นสำหรับนกโกะจังเลย
______________________________________________________________________
แต่เมื่อเกมเริ่มขึ้น เธอก็เริ่มแฝงตัวในหมู่ผู้เล่น และก็ตกใจเมื่อรู้ว่าเป้าหมายของผู้เล่นคือการกำจัดราชาปีศาจอย่างชัดเจน นกโกะจังไม่รู้ข้อมูลแบบนี้มาก่อน เธอเป็นเพียงคนเดียวที่มีเงื่อนไขในการชนะต่างออกไป
และเมื่อเกมกำลังเดินหน้าโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเธอคือราชาปีศาจ เมื่อรู้ว่าความตายในเกมเชื่อมต่อกับความตายในโลกจริง เธอนั้นก็จมดิ่งในห้วงความสิ้นหวัง ต้องฆ่างั้นเหรอ? หากเธอไม่ได้ฆ่าใคร เกมมันก็จะไม่จบใช่ไหม?
นกโกะจังสงสัยว่าหน้าของตัวนั้นซีดรึเปล่านะ ถ้านกโกะจังตาย แบบนั้นทุกคนก็จะรอด แต่เธอปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้ ในใจของเธอนั้นนึกถึงใบหน้าของแม่อยู่ตลอด ในตอนที่เธอกำลังสับสนอยู่นั้น เมจิคัลเกิร์ลคนอื่นก็ตาย มันไม่เหมือนอุบัติเหตุแบบเมจิคัลเดซี่ มีบางคนฆ่าพวกเธอ
ในหมู่ของคนที่เข้าร่วมเกมนี้ นกโกะจังเคยเห็นในการทดสอบของแครนเบอร์รี่มาแล้ว นกโกะจังมีข้อมูลมากกว่าผู้เล่นคนอื่น เธอเข้าใจความตั้งใจของมาสเตอร์เล็กน้อย คนที่เกี่ยวข้องกับแครนเบอร์รี่จะถูกทดสอบว่ามีคุณสมบัติเหมาะสมหรือไม่ คนที่อยู่ฝั่งเดียวกับแครนเบอร์รี่อย่างนกโกะจังนั้นได้รับโอกาสครั้งสุดท้าย
เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้โอกาสนั้น
เมื่อใดก็ตามที่เธอเจอกับเมจิคัลเกิร์ลคนอื่นในช่วงกิจกรรม เธอก็หว่านเมล็ดแห่งความเกลียดชังลงไป เธอทำให้ดีเทคเบลสงสัยลาซูไลน์, เธอทำให้ริโอเน็ตต้ากับโนนาโกะโต้เถียงกันอยู่ตลอด, กระตุ้นเมลวิลล์, ทำให้เพจิกะตัวสั่นด้วยความกลัว, ทำให้ชาโดว์เกลสงสัยพีเฟิล และเธอก็ตั้งใจทำให้ทุกคนไม่โกรธหรือเกลียดเธอ
แม้พวกเธอจะไม่มีความทรงจำ แต่เหล่าเมจิคัลเกิร์ลที่ผ่านการทดสอบมานั้นก็ยังคงมีบาดแผล เพราะอีกฝ่ายเป็นแบบนั้น เวทมนตร์ของนกโกะจังจึงใช้ได้ผลอย่างมาก
______________________________________________________________________
เมื่อนกโกะจังได้ยินเรื่องอาชญากรรมของเมลวิลล์ถูกเปิดเผย นกโกะจังที่เป็นราชาปีศาจนั้นก็คิดว่า “หากเธอไม่ทำอะไรเลย เรื่องนี้คงไม่หยุดแน่” เธอใช้ศพของ @เนี๊ยวเนี๊ยวและปืนไฟ เพื่อสร้างความตายจอมปลอมของตัวเอง
ฉันขอโทษนะ, ฉันขอโทษ เธอสาปแช่งตัวเองในขณะที่เผาศพของ @เนี๊ยวเนี๊ยวไปด้วย เธอตัดข้อมือของ @เนี๊ยวเนี๊ยวออกมา ความเจ็บปวดและอาการช็อคนั้นมันทำให้น้ำตาเธอไหล แถมตัวเธอเองก็โดนเผาด้วยเช่นกัน
จากนั้น เธอแค่รอกิจกรรมก่อนช่วงบำรุงรักษา เธอสร้างพื้นที่ใต้น้ำพุด้วยพลั่ว ซ่อนตัวอยู่ที่นั่น และกระจายอารมณ์ของเธอไปยังเมจิคัลเกิร์ลที่มารวมตัวกัน ในตอนที่ไม่มีใครสงสัยว่ามีคนซ่อนตัวอยู่ เธอก็ปล่อย ความสงสัย, ความเกลียดชัง, ความโกรธแค้น, และความรู้สึกด้านลบออกไป เมื่อพวกเธอฆ่ากันเอง เมื่อมีคนเหลืออยู่เป็นคนสุดท้าย เธอก็จะปล่อยเมล็ดแห่งความสิ้นหวังที่รุนแรงที่สุด ให้กับคนๆนั้น เพื่อให้เธอสิ้นหวังจนฆ่าตัวตาย
มันไม่ทางอยู่แล้วที่นกโกะจังจะเป็นคนสุดท้าย แต่อย่างไรในตอนนี้เธอทำพลาดแล้ว โอกาสสุดท้ายของเธอพังทลายลงแล้ว เมจิคัลเกิร์ลทั้ง 3 คนนั้นมองลงมาที่นกโกะจังจากด้านบนหลุม
______________________________________________________________________
เมจิคัลเกิร์ลทั้ง 3 คนนั้นยืนอยู่ และมีแสงอาทิตย์ส่องผ่านมาจากด้านหลัง จากท่าทางนั้น นกโกะจังมองไม่เห็นความรู้สึกเหนือกว่าของผู้ชนะ หรือความดีใจที่จบเกมนี้ได้เลย ชาโดว์เกล แคลนเทล แม้กระทั่งพีเฟิล ทั้งหมดดูเศร้าเมื่อมองลงมายังนกโกะจัง
ยังหรอก มันยังคงมีหนทางอยู่ มันยังคงมีบางสิ่งที่เธอทำได้ โอกาสของเธอยังอยู่ที่นี่
นกโกะจังหยิบเมจิคัลโฟนออกมาในขณะที่มือของตัวเองสั่น แล้วขว้างมันออกไป เพราะนกโกะจังทิ้งเมจิคัลโฟนของตัวเองไปแล้ว ดังนั้นจึงใช้เมจิคัลโฟนของ @เนี๊ยวเนี๊ยวที่ได้มาจากหลุมศพของเธอแทน
เธอจับพลั่วไว้ในมือซ้าย พลั่วที่เคยช่วยเธอขุดหลุมมามากมาย ช่วยเธอสร้างพื้นที่ใต้น้ำพุแห่งนี้ พลั่วนี้เป็นสิ่งที่แคลนเทลมอบให้เธอ พลั่วนั้นไม่บิ่นเลยจนกระทั่งถึงตอนสุดท้าย
นกโกะจังยิ้มให้เมจิคัลเกิร์ลทั้ง 3 คน นกโกะจังหยุดร่างกายที่สั่นเทาของเธอไม่ได้ แต่ทำไมเธอถึงพยายามยิ้มให้โดยไม่กลัวอีกนะ?
“ฉันจะไม่ต่อต้านหรอกค่ะ แต่ว่า…ช่วยทำข้อตกลงกับฉันได้ไหม?
______________________________________________________________________
ฝั่งมาสเตอร์ #11
ด้านหนึ่งของลูกบาศก์เปลี่ยนสีไป เกมจบลงแล้ว สโนไวท์ก็เปิดปากพูดออกมาราวกับว่าเธอนั้นรอสิ่งนี้อยู่
“บอกฉันหน่อยอย่างนึง”
เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เธอเข้ามาในห้องนี้ สโนไวท์พูดอะไรบางอย่าง ข้อเสนอของเด็กสาวนั้นคงขับเคลื่อนหัวใจของเธอได้สินะ เด็กสาวคิดแบบนั้นพร้อมกับยิ้มไปด้วย
“ฉันได้ยินว่าในหมู่พวกเธอมีเมจิคัลเกิร์ลคนนึงที่ไม่เกี่ยวข้องอยู่ด้วย”
“หืม? เธอพูดถึงลาซูไลน์งั้นเหรอ? อ๋า เธอเป็นแค่ความผิดพลาดน่ะนะ ชั้นจะไม่พูดว่าเธอ ไม่เกี่ยวข้อง หรอกนะ เธอไม่คิดว่า ชั้นจะปฎิเสธว่าตัวเองทำผิดพลาดแล้วเอาเธอมาเข้าร่วมโดยไม่ตั้งใจหน่อยเหรอ? เธอน่ะถูกเมจิคัลเกิร์ลที่เป็นหนึ่งใน เด็กสาว ฝึกมาใช่ไหม? แบบนั้นก็ทำให้เธอเสมือนมีส่วนร่วมใช่ไหมล่ะ~? ก็นะ เธอต่อสู้อย่างบ้าดีเดือดตอนกลางเกมก่อนจะตาย แบบนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้วล่ะ ฮ่าฮ่า!”
เด็กสาวหัวเราะแล้วก็ยิ้ม สโนไวท์หรี่ตาของเธอลงอย่างช้าๆ
“รู้ไหม ชั้น ไม่สนใจ เรื่องพวกนั้นหรอกนะ ชั้นอยากทำงานด้วยกันกับเธอ สโนไวท์ มัน ยังมี พวกเด็กสาวของแครนเบอร์รี่อยู่ข้างนอกอีกเยอะแยะเลยนะ! หากเป็นชั้นกับเธอล่ะก็ พวกเราจัดแค่สองคนจัดการมันได้นะ สโนไวท์ แน่นอน ว่าพวกเราทำสำเร็จได้ทุกอย่าง พวกเราจะสร้างโลกที่มีแต่เมจิคัลเกิร์ลที่เหมาะสมเท่านั้น!”
เด็กสาวโน้มตัวไปข้างหน้าจากบนโต๊ะของตัวเอง เธอจับมือของสโนไวท์ และสโนไวท์นั้นก็พยักหน้าอย่างเงียบๆ เมื่อเด็กสาวเห็นแบบนั้นเธอยิ้มตอบกลับไป
“เด็กสาวของแครนเบอร์รี่น่ะอันตราย ฉันเข้าใจ”
“ใช่ไหมล่ะ!? พวกเธอน่ะ อันตราย! ว่าแล้วเชียวเธอต้องเข้าใจ สโนไวท!”
“เมจิคัลเกิร์ลที่ถูกเลือกจากเกมแห่งความตาย พวกเธอนั้นเห็นแก่ตัว หากไม่ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ พวกเธอก็จะแก้ไขมันด้วยความรุนแรง ทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูก ทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับดินแดนเวทมนตร์…และฉันเองก็เป็นแบบนั้นด้วย”
“หา!?”
เด็กสาวจับมือของสโนไวท์แน่นขึ้น
“เธอ แตกต่าง ไปนะ สโนไวท์! เธอไม่ได้ ฆ่าใครเลย แถมยังทำลายเป้าหมายของแครนเบอร์รี่ได้อีก! หากไม่มีเธอ ตอนนี้แครนเบอร์รี่ก็ยังคงทำเกมแห่งความตายอยู่อีกแน่! ”
“ฉันไม่ได้ฆ่าแครนเบอร์รี่”
“แต่มันเกิดขึ้นได้ เพราะ เธอ อยู่ที่นั่นนะ!”
เด็กสาวยังคงจับมือของสโนไวท์ แกว่งมือขึ้นและลง เมื่อทั้งสองมือทุบลงไปบนโต๊ะ จานรองกับถ้วยนั้นก็สั่น สโนไวท์มองไปตรงหน้าของเด็กสาว
“นอกจากแครนเบอร์รี่…”
“หืม?”
“นอกจากแครนเบอร์รี่แล้ว ผู้คุมการทดสอบที่ทำเกมแห่งความตายนั้น พวกเธอก็เป็น เด็กสาวของแครนเบอร์รี่ ใช่ไหม?”
“แน่นอน พวกเธอก็ต้องได้รับโทษแบบเดียวกับเด็กสาวของแครนเบอร์รี่ด้วย! หากพวกเธอเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่แท้จริง พวกเธอก็จะได้รับการยกโทษ หากไม่ใช่ก็ยกโทษให้ไม่ได้!”
“แล้วถ้า เด็กสาว พวกนั้นฆ่าคนอื่นด้วยล่ะ?”
“แบบนั้นยิ่งยกโทษให้ไม่ได้ไปใหญ่ ไม่สมควรถูกเรียกว่าเมจิคัลเกิร์ลด้วยซ้ำ พวกเราจะจัดการเองโดยไม่ต้องพึ่งการทดสอบหรอก”
สโนไวท์พยายามดึงมือของตัวเองออกมา แต่เด็กสาวไม่ยอมปล่อยมือของเธอ สโนไวท์จึงผลักมือของเด็กสาวออกไปด้วยแรง
“รู้ไหมว่า เวทมนตร์ของฉันน่ะ…มันเปลี่ยนไปนิดหน่อยตั้งแต่ฉันได้รับมาในทีแรก”
“โฮ่? เป็นเพราะเธอเติบโตขึ้นสินะ สโนไวท์?”
“ในอดีตมันคือการได้ยินเสียงของคนที่มีปัญหา โดยพื้นฐานนั้นยังคงไม่เปลี่ยนไป แต่ในตอนนี้ฉันได้ยินเสียงที่ลึกลงไปใต้จิตสำนึก การตอบสนองของพวกเธอ ความคิดของพวกเธอ ฉันได้ยินมันทั้งหมดโดยอีกฝ่ายไม่รู้ตัวเลย”
“อ๊ะ จริงด้วย! ชั้นสัมผัสอะไรแบบนั้นได้ตอนที่เธอสู้กับ เฟรม ฟรามี่ล่ะ!”
“ฉันจะเตะกวาดขาเธอ หวังว่าเธอจะหลบไม่ได้นะ” คือสิ่งที่เธอคิดในตอนที่เธอไม่ได้ทำการโจมตี สโนไวท์นั้นสามารถป้องกันและโจมตีไปยังเฟรม ฟรามี่ได้ ราวกับว่าเธออ่านการตอบสนองล่วงหน้าออกทั้งหมด
“แต่ฉันอ่านความทรงจำที่ถูกลบไปไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องลงมือสืบสวนด้วยตัวเอง เธอจำชื่อพี่เลี้ยงของตัวเองได้ไหม?”
“แน่นอน! ชั้นจำได้อยู่แล้ว! เธอเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่น่าเคารพมากเลยนะ พี่เลี้ยงของชั้นชื่อ…”
นิ้วชี้ของเด็กสาวนั้นชี้ขึ้นมา ปากของเด็กสาวอ้าออกครึ่งหนึ่งเหมือนกับว่าจะพูดอะไรบางอย่าง เด็กสาวนั้น แล้วเธอก็จ้องมองไปในที่อันว่างเปล่า มีฝุ่นควันกระจายอยู่ในอากาศ เธอค้างอยู่ท่านั้นราวๆ 30 วินาที
“……หือ?”
เธอเป็นคนที่ควรค่าแก่การเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่แท้จริง เยือกเย็น น่ารัก และพูดเก่ง เมจิคัลเกิร์ลคนนั้นชื่ออะไรกันนะ? เธอเป็นเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อความยุติธรรม และมักจะหลั่งน้ำตาเพื่อคนอื่นอยู่เสมอ
เด็กสาวชื่นชอบเธอมาก แม้แต่ตอนนี้เด็กสาวก็ยังอยากเป็นเหมือนเธอ แต่เธอกลับจำชื่อพี่เลี้ยงของตัวเองไม่ได้
ไม่ใช่แค่ชื่อเท่านั้น ภาพใบหน้าของเธอก็เบลอไปหมด แม้เด็กสาวจะนับถือเธอ แต่มันก็แปลกว่าทำไมเธอถึงนึกไม่ออกว่าหน้าตาของพี่เลี้ยงเป็นแบบไหน มันก็เป็นธรรมดาที่เธอจะจับมือกับพี่เลี้ยงของเธอมาก่อนหน้าสโนไวท์ใช่ไหม? ทำไมเธอถึงไม่รู้ล่ะ ว่าพี่เลี้ยงของตัวเองเป็นใคร?
เด็กสาวคิด แต่ก็ไม่มีคำตอบออกมา ชื่อพี่เลี้ยงของเธอมันไม่ออกมา
สโนไวท์เอามือของเธอล้วงไปที่กระเป๋าที่อยู่ตรงบริเวณเอว ที่ด้านในกระเป๋านั้นมีกระดาษ A4 ราว 200 หน้า ทั้งหมดนั้นถูกหนีบเข้าไว้ด้วยกัน เหมือนว่าจะเป็นเอกสาร
“พี่เลี้ยงของเธอน่ะชื่อ ไพตี้ คนๆนั้นได้รับอิทธิพลมาจากแครนเบอร์รี่ เป็นเมจิคัลเกิร์ลที่ให้ผู้เข้าทดสอบฆ่ากันเองภายใต้การดูแลของตัวเอง เธอเป็นเมจิคัลเกิร์ลคนแรกที่ฉันจับตัวได้ ตามเอกสารนี่…มันมีข้อมูลทุกอย่างที่เธอทำอยู่ ”
“………หือ!?”
ไพตี้ ไพตี้… เธอเคยได้ยินชื่อนี้จากที่ไหนซักที่ เด็กสาวเอามือสองข้างของเธอจับไปที่หน้าผากตัวเอง มันเจ็บปวด เด็กสาวโยกหัวของตัวเองกลับ เก้าอี้ของเธอลื่นไถล เธอตกลงมาหลังกระแทกกับพื้นจนแว่นตาหลุดออกมา เก้าอี้ที่ล้มคว่ำนั้นกระแทกเข้ากับจอภาพส่งเสียงดังก้องอยู่ในห้องที่ว่างเปล่า
“เธอบอกว่าตัวเองอยู่ที่นี่ก็เหมือนกับ พระเจ้า ใช่ไหมล่ะ? เธอจะทำ อะไรก็ได้ ใช่ไหม? ถ้างั้นก็ลองพยายามขุดความทรงจำของตัวเองดูนะ หากเธออ่านเอกสารแล้ว ฉันแน่ใจว่าเธอจะ……ใช่ไหม?”
หัวของเธอปวด หัวของเธอปวดมาก ราวกับถูกคีมบีบ หัวของเธอปวด ที่ผนังห้องของเธอ เฟอร์นิเจอร์ อากาศ ทั้งหมดนั้นกำลังส่งเสียงดัง
“เมจิคัลเกิร์ลที่ถูกเลือกจากเกมแห่งความตาย พวกเธอนั้นเห็นแก่ตัว หากไม่ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ พวกเธอก็จะแก้ไขมันด้วยความรุนแรง ทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูก ทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับดินแดนเวทมนตร์…….”
ผิดแล้ว! ผิดแล้ว! มันไม่ใช่แบบนี้! ชั้นต้องอ่านเอกสาร ต้องใช้พลังของเธอ จะได้รู้ว่าความทรงจำตรงไหนมันผิดพลาด? จะได้รู้ว่าตรงไหนโดนแก้ไข หัวมันปวด หัวมันปวดมาก หัวมันปวดจริงๆ
จุดที่เพดานนั้นหายไป ที่พื้นก็เช่นกัน มันลามออกไปเรื่อยๆ เด็กสาวรักษารูปร่างโลกของเธอเอาไว้ไม่ได้แล้ว
สโนไวท์ยืนขึ้น เธอหยิบเมจิคัลโฟนที่อยู่บนพื้นขึ้นมาเปิด
“หวังว่านายจะไม่ว่าอะไร ที่ฉันจะถามเรื่องข้อมูลนะ”
“…เราบอกเธอได้ทุกอย่างเท่าที่เรารู้นะ ปอน แต่เราขออะไรอย่างนึงได้ไหม ปอน?”
“อะไรล่ะ?”
“ช่วยเปลี่ยนคำลงท้ายประโยคของเราให้หน่อยได้ไหม ปอน?”
“ไว้ค่อยพูดกันทีหลังนะ”
เสียงฝีเท้าของสโนไวท์ดังก้องอยู่ที่พื้นจนมาถึงตัวของเด็กสาว ประตูอัติโนมัตินั้นเปิดและปิดลง เด็กสาวอยากตะโกนเรียกออกไป แต่เด็กสาวนั้นพูดไม่ออก ทุกอย่างในโลกของเธอเริ่มพังทลาย จิตวิญญาณของเด็กสาวเริ่มกรีดร้อง โลกของเธอกำลังล่มสลาย พื้นดินที่บริเวณเท้าแหลกเป็นจุล ตัวของเด็กสาวตกสู่ห้วงนรกอันไร้จุดสิ้นสุด
______________________________________________________________________
บทส่งท้าย
พนักงานมารับออเดอร์ของพวกเธอพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตร แม้จะดูน่าสงสัย แต่บางทีอาจจะเป็นห่วง อาจจะเป็นความมีน้ำใจ หรืออยากจะพูดว่า อย่ามาสร้างปัญหาในที่ทำงานของฉัน ก็ได้
มาโมริเองก็เข้าใจความกังวลแบบนั้น เมื่อเห็นทั้งสองคนข้างๆอยู่ด้วยกัน เธอก็กังวลอยู่ตลอด
“มันเย็นหมดแล้วนะ”
ในตอนที่พูดแบบนั้นออกมา เด็กสาวที่สวมกระโปรงสั้นนั้นก็กำลังดื่มชาเย็นผ่านทางหลอดดูดอยู่ คาโนเอะ คนที่ไม่ค่อยดื่มชาร้อนเมื่อตัวเองอยู่ข้างนอก ด้วยเหตุผลที่น่ารังเกียจอย่างเหลือเชื่อคือ “ชาดำที่ร้านนี้เนี่ยดื่มไม่ได้เลย ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องดื่มแบบเย็นๆน่ะนะ” นอกจากนี้ พวกเธอนั่งอยู่ตรงระเบียงที่เปิดกว้าง เพราะคาโนเอะยืนกรานว่าจะนั่งตรงจุดนี้เพราะวันนี้แดดออก และเธอนั่งลงทันทีโดยไม่มีเวลาให้ทั้งสองคนปฎิเสธ
เด็กสาวอีกคนนั่งจิบโกโก้อย่างเงียบๆตามปกติ
คาโนเอะนั้นดูโดดเด่น เสื้อผ้าและเครื่องประดับของเธอ… หากไม่คิดราคาของแล้ว… มันก็ไม่ได้ดูฉูดฉาดอะไร การแต่งหน้าบางๆทำให้เธอดูงดงาม แถมรูปร่างของเธอก็ดี ด้วยผมที่ม้วนเป็นลอนสวย และใบหน้าที่ได้รูป พร้อมกับบรรยากาศที่น่าเกรงขาม ทำให้คาโนเอะโดดเด่นในหมู่ผู้คน บางคนเองก็บอกว่าเธอนั้นเปล่างออร่าออกมา แต่มาโมริแค่คิดว่าเธอนั้นดูน่าเกรงขามแค่นั้น
เด็กสาวอีกคนนั้นธรรมดามาก ตัวเตี้ย ความสูงของเธอนั้นเทียบเท่ากับเด็กประถม มีผมเปียสองข้างอยู่ด้านหลัง สวมแว่นตาพลาสติกสีดำที่ดูเชย ไม่ได้แต่งหน้า กระโปรงของเธอนั้นบางทีก็คงเป็นไปตามกฎของโรงเรียน เธอดูเหมือนกับเด็กผู้หญิงประเภทที่เรียกได้ว่าเป็น “หนอนหนังสือ” ไม่ก็ “หัวหน้าห้อง” แบบนั้น
พวกเธอนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งสองคนนั้นไม่ได้พูดอะไรกันเลย แต่ก็ไม่ต้องกังวลใจอะไร วันนี้ทั้ง 3 คนแต่งชุดเครื่องแบบนักเรียน คาโนเอะกับมาโมรินั้นสวมชุดนักเรียนมัธยมปลายแบบเดียวกัน มีเพียงเด็กสาวคนเดียวที่ชุดแตกต่างออกไป บางทีเธออาจจะเป็นนักเรียนมัธยมต้น มาโมริสงสัยว่าหากมองจากภายนอกแล้ว กลุ่มของพวกเธอดูเป็นยังไงกันนะ มันอาจจะเป็นอะไรที่เธอนึกไม่ถึงเลยก็ได้
การที่อยู่ตรงระเบียงที่เปิดกว่างของคาเฟ่แบบนี้ มันทำให้มาโมริลูบผิวของตัวเองด้วยความเย็น เมื่อเวลาผ่านไป ผู้คนก็หลั่งไหลเข้ามาในร้านมากขึ้น ลูกค้าทุกคนก็จ้องมาที่พวกเธอ และลูกค้าคงคิดว่าพวกเธอดูน่าสงสัยมากแน่ๆ
“เธอรู้ไหม หลังจากที่เกมจบลง จริงๆแล้วฉันน่ะไปสืบสวนเรื่องบางอย่างเพิ่มด้วย”
เพราะคาโนเอะพูดขึ้นมาอย่างทันทีทันใด มาโมริจึงสำลักเล็กน้อย
“ฉันสืบเรื่องมาสเตอร์ที่จัดเกมนี้ขึ้น เหมือนว่าคนเจรจาจากดินแดนเวทมนตร์จะจัดการเธอไปได้ด้วยดีแล้วน่ะ”
“จริงเหรอ? จัดการเธอไปแล้วใช่ไหม?” มาโมริพูด
มาสเตอร์นั้นเป็นเหมือนกับพระเจ้า ในเกมนั้นพวกเธอเจอเมจิคัเกิร์ลที่แข็งแกร่งมากมาย… บางคนนั้นก็แข็งแกร่งสุดยอด แต่ไม่มีใครเลยที่ไปถึงตัวมาสเตอร์ได้ พวกเธอเปรียนเสมือนมดที่ยืนอยู่ต่อหน้ายักษ์ รู้สึกสิ้นหวังเหมือนกับต่อสู้กับภัยธรรมชาติอย่างแผ่นดินไหวหรือไต้ฝุ่น
“ถ้าเธอจัดการกับมาสเตอร์ได้ล่ะก็ มันคงจะดีถ้าเธอทำให้เร็วกว่านี้ได้น่ะ” พีเฟิลพูด
แคลนเทล…คนที่เป็นนักเรียนมัธยมต้นที่ดูเงียบๆ หรือ เนเนะ โอโนะ เองก็พยักหน้า
เนเนะนั้นอยากเป็นนักสัตววิทยา ทุกๆวันเธอจึงตั้งใจเรียนเพื่อไปให้ถึความฝันของเธอ และเมื่อไม่นานมานี้ เธอบอกว่าเริ่มเรียนรู้การทำอาหารด้วย เธอไม่ใช่เด็กไม่ดีอะไรเลย แต่เมื่อพวกเธอเจอกันครั้งแรก หลังจากคาโนเอะบอกว่าตัวเองคือพีเฟิล เนเนะก็พูดว่า “อ่า งั้นเหรอ” แต่พอมาโมริบอกว่าตัวเองคือชาโดว์เกล เนเนะก็มองหน้าเธออย่างกังวลแล้วพูดว่า “จริงเหรอ?”
ในตอนที่มาโมริดื่มกาแฟของเธอ เธอก็นึกย้อนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนจบของเกม
______________________________________________________________________
ด้านล่างของน้ำพุนั้นถูกเปิดออก พวกเธอลากนกโกะจังคนที่ซ่อนตัวอยู่ด้านในออกมา จิตใจของพวกเธอถูกควบคุม เธอบังคับคนอื่นให้ฆ่ากันและกัน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ชาโดว์เกลนั้นไม่ได้รู้สึกเกลียดเธอ การที่เห็นเด็กสาวตัวสั่นภายใต้แสงอาทิตย์อันร้อนแรงแบบนี้ ทำให้ชาโดว์เกลรู้สึกไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ
นกโกะจังเอนตัวพิงอยู่กับพลั่วที่เสียบลงไปที่พื้น ใบหน้าของเธอนั้นซีดเผือด ตัวของเธอสั่น แต่ชาโดว์เกลก็บอกได้ว่าเธอพยายามทำตัวให้ดูกล้าหาญ
ชาโดว์เกลมองไปที่แคลนเทล ท่าทางที่เป็น เมจิคัลเกิร์ลสายต่อสู้ ของเธอหายไปแล้ว เธอกัดริมฝีปากตัวเอง ไหล่ตก นกโกะจังมองลงไปด้านล่าง แม้ว่าเธอจะทรมาณจากแผลไฟไหม้ แม้ว่านิ้วของเธอจะหัก ตัวของแคลนเทลที่ยืนอยู่ก็ไม่ได้เข้าหานกโกะจังแต่อย่างใด
แม้กระทั่งพีเฟิล อารมณ์ของเธอเต็มไปด้วยความสงสารและความเศร้า เธอมองเข้าไปในดวงตาของนกโกะจัง มันเป็นสิ่งที่ชาโดว์เกลที่รู้จักพีเฟิลมาอย่างยาวนานไม่เคยเห็นมาก่อน ถ้าพวกเธอฆ่านกโกะจังตอนนี้ พวกเธอก็รู้ว่ามันจะจบเกมได้ แต่พีเฟิลไม่ได้ทำอะไร ราวกับว่าเธอกำลังใช้สมองคิดหาวิธีอื่นอยู่
ชาโดว์เกลมองไปที่ประแจตรงเอวของเธอ หากเธอจะทำ เธอก็จะจบเกมได้ในตอนนี้ทันที… แต่เธอไม่ได้คิดแบบนั้น เธอเข้าใจความรู้สึกของแคลนเทลกับพีเฟิล
นกโกะจังรวบรวมพลังของเธอทั้งหมดเพื่อพูดออกมา
“ที่อยู่แล้วก็ชื่อบนเมจิคัลโฟน…จำได้ใช่ไหมคะ?”
“ฉันจำได้ ไม่ลืมหรอก” พีเฟิลพูด
นกโกะจังยิ้ม รอยยิ้มเล็กๆของเธอนั้นเหมือนว่าจะค่อยๆหายไป เหลือเอาไว้อยู่แค่ในใจ
“ขอบคุณมากค่ะ”
“เอาล่ะ แล้วการแลกเปลี่ยนล่ะ?”
นกโกะจังจับพลั่วที่เสียบอยู่บนพื้นดินแล้วก็ดึงออกมา
“เพื่อแลกเปลี่ยนกับสิ่งที่ฉันจะทำต่อไปจากนี้ ขอให้คุณช่วยส่งส่วนหนึ่งของเงินรางวัลไปที่นั้นด้วยนะคะ”
นกโกะจังเอาด้านคมของพลั่วมาจ่อที่คอของตัวเอง
ชาโดว์เกลเข้าใจว่าเธอกำลังจะทำอะไร เหมือนว่านกโกะจังไม่อยากให้พวกเธอ 3 คนต้องมาฆ่าเธอ เพราะแบบนั้นเธอจึงจะทำมันเอง นกโกะจังไม่อยากให้มือของพวกเธอต้องมาเปื้อนเลือดอันแสนสกปรก เพราะแบบนั้นพวกเธอจึงต้องแบ่งเงินรางวัลให้เธอบ้าง
ชาโดว์เกลนั้นยื่นมือออกไปเพื่อจะหยุดเธอ แต่เธอก็ชักมือกลับมา หากพยายามจะหยุดเธอตอนนี้ มันก็ไร้ความหมาย เป็นแค่การเสแสร้งเท่านั้น
ชาโดว์เกลเบนสายตาไปมองที่อื่น แต่ถึงเธอจะทำแบบนั้น ความรู้สึกของนกโกะจังก็ยังส่งมาถึงตัวเธออยู่ดี ใบหน้าของชาโดว์เกลนั้นบิดเบี้ยว เธอหลับตา…และเกมก็จบลง
พวกเธอกลับสู่โลกจริง แม้ว่าคาโนเอะจะยินดี แต่มาโมริกลับไม่เลย หัวใจของเธอรู้สึกผิดกับสิ่งที่เธอทำกับคาโนเอะลงไป และยิ่งคาโนเอะบอกกับเธอว่าดีใจที่มาโมริรอด นั่นยิ่งทำให้มาโมริรู้สึกผิดเข้าไปอีก
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่เกิดขึ้นในเกม โดยเฉพาะกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับนกโกะจังในตอนสุดท้าย นั้นทำให้มาโมริรู้สึกหดหู่ จากนั้นเธอก็หลับไปเป็นสัปดาห์ ตื่นขึ้นมาแค่เพียงทำสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันแค่นั้น มันทำให้คนรอบตัวของเธอเป็นห่วงเธอมาก จากนั้นพวกเธอก็ติดต่อแคลนเทลผ่านทางดินแดนเวทมนตร์
______________________________________________________________________
“ย้อนกลับไป…ในตอนสุดท้าย”
คาโนเอะยิ้มอย่างเศร้าๆ
“พวกเราก็ถูกหลอกไม่ใช่เหรอ?”
คาโนเอะวางแก้วลง และก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
มาโมริสงสัยว่าคาโนเอะจะพูดอะไร เธอเข้าใจเพียงแค่คร่าวๆ ในตอนนั้น แคลนเทล คนที่เป็น เมจิคัลเกิร์ลประเภทต่อสู้ กับพีเฟิลที่เป็นคนประเภทใช้เหตุผล ไม่ได้ทำอะไรกับนกโกะจัง เมื่อมาโมริคิดย้อนไป ตอนนั้นนกโกะจังใช้เวทมนตร์ควบคุมหัวใจของพวกเธอรึเปล่านะ? แม้พวกเธอจะรู้ตัวตนของนกโกะจังแล้ว นกโกะจังก็ต้องต่อสู้โดยลำพังอยู่ดี ต่อหน้าพวกเธอ 3 คน นกโกะจังก็ยังสามารถสร้างสถานการณ์เพื่อเจรจาด้วยการแลกชีวิตตัวเองกับเงินรางวัลได้อีกด้วย
ในหมู่ของเมจิคัลนั้น มันมีทั้ง เมจิคัลเกิร์ลสายต่อสู้ และ เมจิคัลเกิร์ลที่ไม่ใช่สายต่อสู้ ผสมปนเปกัน แต่อย่างไรก็ตาม การที่เมจิคัลเกิร์ลบางคนนั้นไม่ใช่สายต่อสู้ มันก็ไม่ได้หมายความว่าเธอคนนั้นจะอ่อนแอ
เนเนะวางแก้วของเธอลง เธอดื่มโกโก้หมดแล้ว ชาของคาโนเอะก็หายไป เช่นเดียวกับกาแฟของมาโมริ
“เอาล่ะ ไปกันเลยไหม?” มาโมริพูด
“อื้อ” คาโนเอะพูด “ไปซื้อดอกไม้กันเถอะ”
“เอาสายลูกประคำมาด้วยไหม?”
“เธอคิดว่าฉันจะลืมงั้นเหรอ?” คาโนเอะตอบ
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ”
พวกเธอมีหลุมศพที่ต้องไปเยี่ยม 12 ที่ ล่าสุด พวกเธอไปมาแล้ว 2 ที่ เหลืออีก 10 ที่ หนึ่งในที่ที่ต้องไปเยี่ยมนั้น มันรวมถึงเรื่องจริงจังในการมอบเงินจำนวนมากให้แก่บ้านของนกโกะจังด้วย อีกแค่ไม่นานเท่านั้น ทุกอย่างก็จะจบลงแล้ว
——— Magical Girl Raising Project Arc 2 : Restart [จบภาคปลาย] ———
จากผู้แปล
2 เดือนเหมือนจะนานแต่ก็สั้น แต่ก็แปลจบแล้ว ปอน!
ซีรี่ย์ mahoiku นี้ผู้แปลแปลเพราะสนองความต้องการของตัวเองล้วนๆ ผู้แปลไม่ได้หวัง lc อะไรเพราะมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เหมือนกับให้แครนเบอร์รี่มีนิสัยเหมือนกับเพจิกะนั่นแหละ =w= หากมีคนชอบซีรี่ย์นี้เพิ่มขึ้นซักคน ก็ถือว่าดีแล้ว (ซื้อเล่ม eng กันด้วยนะ ปอน!) คิดว่าคงจะแปลเรื่อยๆ เท่าที่แปลไหว แต่คงไม่ออกเดือนละเล่มนะ
MANGA DISCUSSION