ตอนที่ 9:
เหล่าเด็กสาว
☆ ดีเทคเบล
ดีเทคเบลเคาะไปที่บัลลังก์ทุกๆตารางนิ้ว ไม่ว่าเธอจะเคาะลงไปที่ตรงไหน ก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นนอกจากเสียงของหินอ่อน ไม่มีอะไรแปลกเลย ไม่ใช่แค่ตัวบัลลังก์เท่านั้น แต่ในห้องนี้ ด้านหน้าห้อง เพดานทั้งหมด เธอพยายามหาเบาะแสหมดแล้วแต่มันก็ไม่มีอะไรเลย
ดีเทคเบลมองดูในแผนที่ ที่นี่มันไม่มีห้องลับ แต่อาจจะมีพื้นที่เล็กๆ หรือรอยแยกเล็กๆ ที่นั่นอาจจะมีไอเท็มหรือข้อความที่ถูกซ่อนเอาไว้อยู่ด้านใน
ตอนนี้ เธอกำลังหวังว่าจะมีไอเท็มหรือข้อมความเล็กๆบอกอยู่บ้าง
ดีเทคเบลถอนหายใจ เธอสืบหาเบาะแสที่บัลลังก์และในห้องหมดแล้ว ตอนนี้เธอกำลังสืบหาที่ทางเดินอันแสนยาวจนน่าตลก
หากกับดักทำงานไปแล้ว มันก็จะไม่ทำงานอีก นอกจากนั้น พวกมอนเตอร์ในปราสาทของราชาปีศาจแห่งนี้ มันเป็น มอนเตอร์ที่เกิดตามกิจกรรม พวกอัศวินกับตัวตลกที่พวกเธอจัดการไปแล้ว พวกมันจะไม่เกิดขึ้นมาใหม่อีก ความจริงทั้งสองอย่างฟาลยืนยันแล้ว ถึงมันจะไม่มีกับดัก แต่พอคิดถึงความยาวของทางเดินแล้วมันก็ทำให้เธอท้อ
เมจิคัลเกิร์ลคนอื่นเองก็ไปสืบหาเบาะแสที่พื้นที่อื่น พวกเธอค้นหาไปทั่วทุกที่ เพื่อตามหาราชาปีศาจที่หลบซ่อนตัวอยู่ หากพวกเธอตกลงกันว่าหากเจออะไรบางอย่างก็จะติดต่อหาคนอื่นทันที แต่จนถึงตอนนี้เมจิคัลโฟนของดีเทคเบลนั้นยังไม่สั่นเลยซักครั้ง มันหมายความว่าพวกเธอไม่เจอหรือมองไม่เห็นอะไรเลย
พีเฟิลนั้นสงบนิ่ง ดีเทคเบลนั้นมองไม่เห็นว่าเธอจะอารมณ์ไม่ดีเลย แม้ชาโดว์เกลจะออกจากปาร์ตี้ไป พีเฟิลนั้นก็ยังคงใจเย็นอยู่ ตราบใดที่พีเฟิลยังสงบนิ่ง ชาโดว์เกลเองก็ไม่ได้ทำอะไรเหมือนปกติ
ลาซูไลน์นั้นเอะอะโวยวายยกใหญ่ แต่มันก็เหมือนกับตัวเธอตามปกติ เธอนั้นตื่นเต้นเมื่อคิดว่าจะเจอราชาปีศาจ แต่เธอไม่ได้คิดว่าเรื่องน่ากลัวเช่นนี้จะเกิดขึ้น
เมลวิลล์นั้นก็ดูสงบเช่นกัน เธอเป็นพวกอยู่กับความเป็นจริง เธอไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่เธอเชื่อว่าตอนนี้คือเวลาตามหาราชาปีศาจ เธอจึงช่วยเมจิคัลเกิร์ลคนอื่นในการค้นหา หากความเป็นจริงทำให้การกระทำของเมลวิลล์เปลี่ยนไป… ดีเทคเบลก็ไม่รู้ว่าเธอจะลงมือทำอะไรบ้าง
เมจิคัลเกิร์ลคนอื่นเป็นก็เศษเสี้ยวหนึ่งในใจของดีเทคเบล หลังจากที่เดินไปได้ครึ่งก้าวเธอก็หยุดเดิน
แม้แต่แคลนเทล คนที่พูดเพียงเล็กน้อยและใจเย็นอยู่เสมอ ก็ไม่ได้เสนอความคิดอะไร และนกโกะจังคนที่ทำตามข้อเสนอของคนอื่นอยู่บ่อยๆ อารมณ์ของทั้งคู่นั้นดูหม่นหมอง ดีเทคเบลอยากขอโทษทุกคนกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ บางทีราชาปีศาจอาจจะไม่มีตัวตนอยู่ แถมยังมีความเป็นไปได้ที่จะไม่สามารถเคลียเกมได้อยู่อีก ปกติแล้วนี่เป็นความคิดของเธอ แต่มันเป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดที่เธอจะจินตนาการออกได้เลย
อารมณ์ของทุกคนนั้นเหมือนกับลูกโป่งเติมอากาศ หากมีอะไรเกิดขึ้นมันก็จะระเบิดออกมา เมื่อครู่นี้ดีเทคเบลเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน พวกเธอรู้สึกสิ้นหวัง ไร้ทางออก เหมือนกับอากาศในลูกโป่งที่หนีไปไหนไม่ได้ ดังนั้นเธอต้องหาทางระบายอากาศก่อนที่มันจะระเบิดออก ความไร้กังวลของลาซูไลน์นั้นช่วยดีเทคเบลเอาไว้มาก ถึงจะน่าหงุดหงิดที่เธอยอมรับ แต่ลาซูไลน์เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ตอนนี้ดีเทคเบลนั้นรู้สึกสบายใจ
ตอนนี้ สิ่งที่จำเป็นต้องทำในการระบายอากาศในอารมณ์ของทุกคนคือการค้นหาราชาปีศาจ ไม่จำเป็นต้องเป็นตัวของราชาปีศาจ แค่เป็นคำใบ้บางอย่าง ถึงจะเป็นสิ่งที่เล็กๆมันก็ยังช่วยได้ พวกเธอนั้นจำเป็นต้องเดินไปข้างหน้าต่อ
ดีเทคเบลออกห่างจากบัลลังก์ เดินผ่านห้องออกไป และสายตาของเธอพบกับทางเดินที่แสนจะยาว ยาว ยาวมาก แค่คิดว่าต้องตรวจทางเดินทั้งหมดนี้ มันก็ทำให้รู้สึกท้อใจแล้ว การพยายามหาอะไรเล็กๆยังง่ายซะกว่า ที่ทางเดินในพื้นที่นี้มันประดับประดาไปด้วยรูปภาพ มันเลยง่ายที่จะสำรวจ แถมมีความเป็นไปได้สูงว่าจะมีอะไรซ่อนอยู่ด้านหลังที่ทางเดินแห่งนี้อีกด้วย
ในตอนนั้นเองมีความคิดนึงแล่นเข้ามาในหัว มันยังมีอยู่ห้องนึงในพื้นที่นี้ที่เธอยังไม่ได้สำรวจ
ในขณะที่จับจ้องของประดับตกแต่งตามทางเดินแบบชิ้นต่อชิ้น เธอก็มุ่งหน้าไปยังประตูที่เปิดเข้ามาในพื้นที่แห่งนี้ และหันทิศทางไปยังที่ๆมีแสงส่องออกมาด้านหน้า ร้านค้านั่นเอง
เธอก้าวออกไปที่ระเบียง และเอามือบังตาจากแสงแดดที่ร้อนแรงไว้ อากาศมันสดชื่นมาก หรืออย่างน้อยมันก็เย็นสบายกว่าในห้องซะอีก
ราวระเบียง เสาค้ำยัน ดีเทคเบลสำรวจทุกอย่าง มันไม่มีอะไรเลย เธอปาดเหงื่อที่หน้าผาก ตอนนี้เธอสำรวจพื้นทุกตารางนิ้ว แล้วก็ทางเข้าระเบียง เธอสำรวจมันด้วยแว่นขยายของเธอ เธอเคาะมันเหมือนกับราวระเบียงแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
…ไม่หมดแค่นี้หรอก
หม้อที่อยู่ตรงกลางห้อง ภายนอกนั้นมันเป็นแค่หม้อธรรมดาที่ทำมาจากวัสดุไม่ทราบชนิด ภายในของมันนั้นดำมืด และมองไม่เห็นก้นหม้อ แม้จะเอามือล้วงเข้าไป ก็สัมผัสก้นหม้อไม่ได้ ไม่ว่าจะยืดมือขยับนิ้วขนาดไหนก็เถอะ
เธอคิดว่าจะลองพังมันดู แต่ก่อนหน้านั้น ดีเทคเบลหยิบเมจิคัลโฟนของเธอขึ้นมาและคลิกไปที่ปุ่มร้านค้า ไอเท็มที่ขายนั้นเหมือนกับก่อนหน้านี้ที่เธอดูตอนมาที่นี่ครั้งแรก เธอเลื่อนไปที่ช่องที่ขายไอเท็มจนไปถึงไอเท็มชิ้นสุดท้ายในรายการ ดีเทคเบลก็หยุดมือ มันเป็นไอเท็มที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
ในทีแรกนั้นเธอสับสน งุงงง ประหลาดใจ และในที่สุดเธอก็เข้าใจ เธอไม่ได้คิดว่าจะมีไอเท็มใหม่เพิ่มเข้ามาในร้านค้านั่นเอง
เธอตรวจสอบรายละเอียดของไอเท็มใหม่ และดีเทคเบลก็รู้สึกสับสนอีกครั้ง ความดีใจของเธอนั้นจางหายไปเล็กน้อย สิ่งที่เธอเห็นคือ “อุปกรณ์ฟื้นฟูความทรงจำ”
…อุปกรณ์ฟื้นฟูความทรงจำ?
เธอเข้าใจความหมายของข้อความ แต่เธอไม่เข้าใจว่าไอเท็มนี้มันเอาไปใช้ทำอะไร พอมาลองคิดดูตอนที่ไปสัมผัสกับบัลลังก์นั้น มันมีข้อความบอกเกี่ยวกับเรื่องฟื้นฟูความทรงทำอะไรบางอย่างด้วย มันหมายว่าแบบนี้งั้นเหรอ?
ราคาของมันถูกมาก ถูกยิ่งกว่าไอเท็มอื่นๆที่ขายในร้านค้าในปราสาทราชาปีศาจด้วยกันซะอีก ดีเทคเบลนั้นซื้ออุปกรณ์ฟื้นฟูความทรงจำมา และถูกติดตั้งเป็นแอปในทันที บางทีมันอาจจะเป็นเบาะแสในการค้นหาราชาปีศาจก็ได้ เธอรู้สึกว่าเหมือนมีบางสิ่งที่สำคัญมากอยู่ตรงหน้าแล้ว
คุณต้องการฟื้นฟูความทรงจำของตัวเองที่สูญเสียไปหรือไม่?
ข้อความมันปรากฏขึ้นบนหน้าจอพร้อมกับตัวเลือก ใช่ กับ ไม่
นี่เธอต้องการจะฟื้นฟูความทรงจำที่เสียไปรึเปล่านะ?
เธอไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่าอะไร ในตอนที่เธอเอียงหัวตัวเองนั้น เธอก็เห็นลูกไฟระเบิดขึ้นมาตรงหน้า
มีบางอย่างเกิดขึ้นซึ่งเธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร แก้มของเธอรู้สึกเย็น ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ทั้งริมฝีปาก แขนขวา ร่างกาย เท้าขวา ทั้งหมดนั้นรู้สึกหนาวเย็นจากด้านใน แถมมันยังรู้สึกแข็งด้วย เธอหันหัวอย่างช้าๆจนในที่สุดก็รู้ว่าเธอตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหน ความหนาวเย็นแบบนี้ ความแข็งกระด้างแบบนี้ มันคือหินอ่อน เธอล้มลงไปบนพื้นหินอ่อน
เธอพยายามจะลุกขึ้นแต่ร่างกายมันไม่ขยับ มีเพียงแขนขวาของเธอที่อยู่ใต้ผ้าคลุมเท่านั้นที่ขยับได้
เธอมองเห็นพื้นหินอ่อนสีขาวด้านหน้าก่อนที่มันจะกลายเป็นสีแดง เธอเข้าใจโดยไม่ต้องคิดเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น หัวของปวดมากเหมือนกับถูกรัด และมีบางอย่างไหลออกมา
เสียงฝีเท้าดังก้องบนพื้นหินอ่อน มีใครบางอย่างเดินเข้ามา ฝีเท้านั้นหยุดก่อนถึงตัวดีเทคเบล เธอรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ตรงนั้น มันเป็นคน นี่ดีเทคเบลถูกเธอโจมตีแล้วล้มลงงั้นเหรอ? มันไม่ใช่มอนเตอร์ เธอไม่รู้ว่ามันเป็นใคร แต่มันคือเมจิคัลเกิร์ล ดีเทคเบลพยายามรวบรวมความคิดในหัว
ทำไมเธอถึงตกเป็นเป้า? ใครกันที่ปองร้ายเธอ? เพราะเหตุผลอะไรกัน? พวกมันทำอะไรก่อนที่จะเล็งเป้าเธอกันแน่? เมจิคัลโฟนของเธอ เธอปล่อยให้คนอื่นเห็นด้านในไม่ได้
ไม่
นี่เธอกำลังจะตายงั้นเหรอ? เธอไม่อยากตาย
แต่…อย่างน้อย…มันยังทันเวลารึเปล่านะ? เธอต้องใช้…เวทมนตร์ของเธอ…
สิ่งก่อสร้างในเกมนั้นอยู่ฝ่ายเดียวกับมาสเตอร์ ดีเทคเบลถามอะไรไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้หมายความว่าเธอจะคุยกับพวกมันไม่ได้ พวกมันแค่ไม่ตอบคำถามบางคำถามเท่านั้น
ไม่ไหว…ไม่ดีแล้ว…มันต้องมีซักทาง…
มีบางคนกำลังจะฆ่าเธอ ไม่มีใครรู้ สติของเธอก็เริ่มขาดหาย หากเธอโดนฆ่าและขโมยไอเท็มไป ทุกสิ่งที่เธอทำจะไร้ความหมาย เธอต้องส่งเจ้านี่…ไปให้…คนที่เธอเชื่อใจมากที่สุด
ดีเทคเบลเปลี่ยนท่าทางของตัวเธอที่อยู่บนพื้น ตัวเธอยังคงคว่ำหน้า ริมฝีปากของเธอสัมผัสกับพื้น และเริ่มขยับมือขวา
______________________________________________________________________
☆ นกโกะจัง
“ตอนนี้จะมีกิจกรรม ผู้เล่นทุกคนจะกลับไปยังเมืองทุ่งร้าง”
อีกครั้งหนึ่ง เวลามาถึงแล้ว ทุกคนนั้นก็แปลกใจที่มันใช้เวลานาน แต่ทุกคนนั้นก็รู้สึกโล่งอก
2 ชั่วโมงหลังจากการค้นหาบัลลังก์ที่ว่างเปล่า เมจิคัลเกิร์ลทุกคนที่อยู่ฝั่งผู้เล่นนั้นออกตามหาราชาปีศาจที่แสนน่ารังเกียจ ในบรรกาศที่ตึงเครียดจนใกล้ถึงการระเบิด ดวงตาของทุกคนดูเป็นประกาย
ราชาปีศาจอยู่ที่ไหน? หากพวกเธอเจอราชาปีศาจล่ะก็ เกมจะจบลงใช่ไหม?
จิตใจของนกโกะจังถึงขีดจำกัดแล้ว เธอพยายามใช้เวทมนตร์ของตัวเองเพื่อให้คนที่อยู่รอบๆใจเย็น เธอเหงื่อออกเยอะมาก หายใจเองก็แรง เธอหยุดเหงื่ออันแสนเย็นของเธอไม่ได้ หากตัวเธอยังเป็นแบบนี้ก็จะชักจูงคนอื่นไม่ได้
เธอนั้นมีหน้าที่อยู่ในพื้นที่เมือง ศัตรูที่เธอเจอนั้นมันไม่ได้แข็งแกร่งอะไร แคลนเทลเองก็คอยปกป้องเธออยู่ด้วย เธอจึงไม่ได้กังวลอะไรมาก สิ่งที่เธอกังวลนั้นมันมาจากเรื่องอื่น เมื่อทุกครั้งที่แคลนเทลหงุดหงิด เธอก็จะกระทืบกีบเท้าของตัวเอง
ทุกๆ 1 วินาทีมันก็รู้สึกเหมือนกับ 1 ชั่วโมง พวกเธอรู้สึกมีปัญหา และเหนื่อยล้าอยู่ตลอดในตอนที่เดินทางไปรอบๆพื้นที่ และในตอนนั้นก็มีประกาศขึ้นมา
______________________________________________________________________
กิจกรรมที่เกิดขึ้นก่อนการบำรุงรักษานั้นคือการบังคับให้มารวมตัวกัน แม้จะไม่อยากเข้าร่วมมันก็จะโดนบังคับมาด้วย ไม่ว่าใครจะอยู่ที่ไหน ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เกิดขึ้น ณ ใจกลางของเมืองทุ่งร้างได้
ไม่แปลกใจเลยที่เมจิคัลเกิร์ลทุกคนที่รวมตัวกันนั้นจะดูเหนื่อย
“หือ?”
เสียงของลาซูไลน์นั้นฟังดูสับสน
“เบลซี่อยู่ที่ไหนอ่ะ?”
เธอมองหาไปทั่วแต่ก็ไม่เจอดีเทคเบล
“…โนนาโกะล่ะ?”
แคลนเทลพึมพำ ไม่ใช่แค่ดีเทคเบล มิโยคาตะ โนนาโกะกับสัตว์เลี้ยงมังกรของเธอก็ไม่อยู่ในลานเมืองที่นี่ด้วย
“ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้อยู่ในพื้นที่ทุ่งร้างนี้เลยด้วย”
ลาซูไลน์มองดูแผนที่ในเมจิคัลโฟนของเธอ ตรวจสอบตำแหน่งปัจจุบันของดีเทคเบล ในปาร์ตี้ของเธอปรากฎแค่ตำแหน่งของนกโกะจัง ลาซูไลน์ และพีเฟิลเท่านั้น มีเพียงดีเทคเบลที่ไม่มีอยู่
“โนนาโกะน่ะ…”
ใบหน้าของเพจิกะดูซีดเซียวและพร้อมที่จะสลบได้ตลอดเวลา เริ่มพูดสิ่งที่เกิดขึ้นโดยที่หน้าของเธอมองลงไปบนพื้น ในขณะที่เธอพูดนั้น ตัวของเธอก็สั่น แต่แคลนเทลก็ช่วยพยุงเธอไว้ ตอนนั้นเพจิกะมองไปที่ริโอเน็ตต้า คนที่เอาแต่มองพื้นอย่างเดียวและไม่ได้พยายามมองกลับมาที่เพจิกะเลย
มอนเตอร์ในพื้นที่ห้องสมุดโจมตีเธอด้วยทักษะการต่อสู้ที่น่าเหลือเชื่อ พวกมันกลายเป็นเก้าอี้ พวกมารใช้ร่างกายตัวเองทำให้เธอมองไม่เห็น และมอนเตอร์อีกตัวก็แปลงร่างเป็นงูและเข้าไปในตัวของโนนาโกะ นี่คือสิ่งที่ทำให้โนนาโกะถึงแก่ความตาย
แคลนเทลกัดและเค้นฟันอย่างรุนแรง ตอนนี้เพจิกะไม่ได้ดูเหมือนจะกำลังสลบแล้ว แต่ดูเหมือนเธอกำลังจะตายมากกว่า เพราะแคลนเทลช่วยประคองเธออยู่ เธอจึงกระทืบกีบเท้าหรือตะโกนเพื่อระบายความรู้สึกอะไรไม่ได้ มีเพียงแค่ความโกรธปรากฏอยู่บนใบหน้า หลังจากที่เพจิกะอธิบายจบ ตัวเธอนั้นยืนไม่ไหวแล้ว แคลนเทลจึงพาเธอไปนั่งที่ข้างๆน้ำพุ
พีเฟิลพยักหน้า
“แม้แต่ในพื้นที่ใต้ดิน พวกมังกรนั้นก็ดูฉลาดขึ้น เหตุผลนั้นคงเป็นเรื่องเดียวกัน”
เมลวิลล์เองก็บอกว่า พวกก็อบลินในพื้นที่ภูเขานั้นก็ร่วมมือกันและทำงานเป็นทีมเวิร์ค กระทั่งพวกจักรกลในพื้นที่เมือง แม้พวกเธอจะใช้เครื่องราง, อาวุธที่มีพลังสูง และทีมเวิร์คจัดการ หากเธอคิดถึงมันเพิ่มซักนิด จะพบว่าพวกมันแข็งแกร่งกว่าตอนที่สู้กันในคราวแรก
“แล้วเบลซี่ล่ะ?”
ลาซูไลน์มองเมจิคัลเกิร์ลแต่ละคน เมื่อเธอสบตากับนกโกะจัง นกโกะจังนั้นก็มองต่ำลง
ลาซูไลน์เปิดเมจิคัลโฟนของเธอ
“ฟาลซี่ เค้าขอถามอะไรหน่อยได้ไหม? เบลซี่อยู่ที่ไหนเหรอ?”
รูปร่างของฟาลนั้นเลือนลางไปอยู่ครู่หนึ่ง ดูปั่นป่วนเหมือนกับพายุทราย แล้วก็กลายเป็นฝุ่นผงสีทอง จากนั้นฟาลก็กลับมาพูดต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ช่วงเวลาการบำรุงรักษานั้นเป็นข้อบังคับ ปอน, เมจิคัลเกิร์ลที่ไม่ได้อยู่ในลานของเมืองทุ่งร้างเป็นเวลานาน จะถูกบังคับให้มาที่ลานแห่งนี้ ปอน, หากมีเมจิคัลเกิร์ลคนไหนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ มันก็หมายความว่าเมจิคัลเกิร์ลคนนั้นไม่ได้เข้าร่วมเกมนี้อีกต่อไปแล้ว ปอน”
“มันหมายความว่ายังไงอ่ะ?”
เสียงของฟาลเบาลง
“เป็นไปได้สูงว่า…เธอตายแล้ว ปอน”
ลาซูไลน์กระทืบเท้าของตัวเองลงบนพื้น
“แบบนั้นเป็นไปไม่ได้อ่ะ! ก็เบลซี่สำรวจพื้นที่อยู่ในปราสาทของราชาปีศาจ ฟาลซี่ก็บอกแล้วนี่ว่ามันไม่มีมอนเตอร์ปรากฎตัวอีกแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่แล้ว ปอน, มันไม่มีมอนเตอร์ปรากฎตัวในปราสาทของราชาปีศาจอีกแล้ว ปอน”
“ถ้าไม่มีมอนเตอร์ปรากฎตัว งั้นเบลซี่ก็ยังไม่ตายน่ะสิ! กับดักเองก็โดนปลดหมดแล้ว แบบนี้เบลซี่ก็ไม่มีทางตายได้หรอก!”
“งั้นเราจะเริ่มอธิบายกิจกรรมแล้วนะ ปอน”
“เฮ้ ฟังอยู่รึเปล่าอ่ะ!? นี่! เบลซี่อยู่ที่ไหน!?”
มีลมพัดผ่านเข้ามาในลานกว้าง ทรายจำนวนหนึ่งจึงเริ่มฝุ้งกระจาย เมจิคัลเกิร์ลทั้งหลายก็เอามือปิดใบหน้า เมื่อนลมพัดผ่านไป ทรายก็หยุดฝุ้ง ฟาลก็เริ่มพูดถึงเรื่องกิจกรรม เหมือนว่าลมนั้นจะพัดพาคำถามของลาซูไลน์หายไปด้วย
“กิจกรรมของวันนี้คือ… เอ่อ เพราะพวกเธอไปถึงสุดทางของปราสาทของราชาปีศาจแล้ว กิจกรรมนั้นแทนที่จะเป็นกิจกรรมแบบสุ่มก็จะกลายเป็นกิจกรรมที่กำหนดไว้แทน… ปอน, เราแจกจ่ายคู่มือการเล่นให้แล้ว ปอน, ช่วยเปิดดูเมจิคัลโฟนด้วย ปอน”
ฟาลไม่ได้พยายามอธิบายช้าๆ แต่เหมือนว่าฟาลนั้นจะพูดช้ากว่าปกติ เหมือนว่าตัวฟาลเองก็ไม่รู้ว่ามีกิจกรรมแบบนี้อยู่ด้วย…
“แบบเน่มานคืออาราย?”
“เมลวี่สงสัยว่าทำไมถึงมาแจกคู่มือการเล่นเอาตอนนี้” ลาซูไลน์แปลคำพูดของเมลวิลล์ “เค้าเองก็กังวลนะ แต่ที่สำคัญ เกิดอะไรขึ้นกับเบลซี่อ่ะ?”
“เอาล่ะ แจกจ่ายคู่มือเสร็จแล้ว เท่านี้กิจกรรมก็จบแล้วล่ะ ปอน”
พวกเธอติดตั้งแอปคู่มือการเล่นลงในเมจิคัลโฟน เมื่อกดใช้มันก็มีข้อความแสดงขึ้นมา
“เค้าไม่สนเรื่องนี้หรอก! เบลซี่สำคัญกว่า!”
“เดี๋ยวก่อน ลาซูไลน์”
พีเฟิลห้ามลาซูไลน์ที่กำลังจะวิ่งออกไปเอาไว้ เมจิคัลเกิร์ลที่อ่านคู่มือการเล่นนั้นล้วนแข็งทื่อและช็อค
ตอนนี้พวกเธอได้มาถึงบัลลังก์ของราชาปีศาจแล้ว ก็ได้เวลารู้ความจริงของราชาปีศาจเสียที ซึ่งความจริงนั้นก็คือ ราชาปีศาจนั้นคือผู้เล่นคนหนึ่งที่อยู่ในหมู่พวกเธอ ซึ่งก็มีเป้าหมายในการชนะของตัวเองเช่นกัน นั่นคือการฆ่าพวกเธอทิ้งให้หมด ระวังอย่าให้ถูกฆ่าด้วยล่ะ
ข้อความจากคู่มือการเล่นนั้นมันบอกตรงเกิน มันเหมือนกับมีบางคนยัดข้อมูลใส่หัวของนกโกะจัง ทุกอย่างในหัวของเธอนั้นสับสนไปหมด เข่าของเธอก็เริ่มสั่น เหมือนว่าคนรอบๆตัวเธอจะพูดเรื่องบางอย่างกันด้วย แต่นกโกะจังไม่ได้ยินอะไรเลย
พีเฟิลตบมือของเธอเข้าด้วยกัน
“ตอนนี้กิจกรรมจบแล้ว พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่ลานเมืองนี้อีก ฉันขอเสนอให้พวกเราไปตามหาดีเทคเบล ห้ามไปคนเดียว พวกเราต้องไปเป็นกลุ่ม 3 คนหรือมากกว่านั้น… เพราะราชาปีศาจอาจจะเป็นใครก็ได้ ใช่ไหมล่ะ? ”
ก่อนที่พีเฟิลจะพูดจบ ลาซูไลน์ก็วิ่งออกไปอย่างเร็วที่สุดเท่าที่ตัวเองทพได้ เมลวิลล์กับแคลนเทลจึงรีบไล่ตามเธอไป
______________________________________________________________________
☆ ชาโดว์เกล
กิจกรรมก่อนช่วงเวลาบำรุงรักษาจบไปแล้ว อีกไม่นานพวกเธอก็ต้องล็อกเอาท์
มันไม่มีอะไรมากไปกว่าช่วงเวลาพักเล็กๆน้อยๆ ไม่มีมากพอที่จะเอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์
พวกเธอไล่ตามลาซูไลน์ไปจนถึงปราสาทของราชาปีศาจ และเมื่อพวกเธอไปถึงที่นั่น พีเฟิลก็เปิดแผนที่เพื่อยืนยันว่ามีสมาชิก 4 คน ตัวพีเฟิล นกโกะจังที่อยู่ตรงทางเข้าปราสาท ลาซูไลน์และดีเทคเบล ไอคอนของทั้งคู่อยู่ตรงระเบียงปราสาท หรือโซนร้านค้า
พวกเธอจะไปถึงทันเวลารึเปล่านะ? หากไม่พูดอะไรเลยอาจจะทันก็ได้ ชาโดว์เกลนั้นวิ่งบนพื้นหินอ่อนด้วยความเร็วสูงสุดจนไปถึงระเบียง เมื่อเธอเดินเข้าไป ก็มีของเหลวบางอย่างมาสัมผัสกับเท้าเธอ เมื่อกลิ่นโชยเข้าจมูกเธอก็จำมันได้ ตอนช่วงบำรุงรักษาครั้งแรกจบลงและพวกเธอล็อกอินเข้าไปอีกครั้ง… มันเป็นกลิ่นเดียวกันกับตอนที่เธอเจอร่างของมาสก์วอนเดอร์
เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วพื้นหินอ่อนสีขาวราวกับเป็นบ่อเลือด คนที่ทรุดตัวร้องไห้อยู่ตรงห้องคือลาพิส ลาซูไลน์ รอบตัวของเธอคือริโอเน็ตต้า แคลนเทล และเมลวิลล์ แคลนเทลนั้นหันกลับมามองชาโดว์เกลและคนอื่นที่ประตู หางของเธอนั้นตก ริโอเน็ตต้ามีการแสดงออกเล็กๆบนใบหน้า เมลวิลล์นั้นส่ายหัวให้กับเมจิคัลเกิร์ลทั้ง 4 คนที่เดินเข้ามา
“ลามบากหน่อยนะ”
ไหล่ของลาซูไลน์สั่นเทาอยู่ตรงใจกลางของเหลวสีแดง ชุดสีฟ้าของเธอนั้นชุ่มไปด้วยเลือด เธอโอบกอดอะไรบางอย่างในขณะที่ตัวของเธอเองก็สั่นไปด้วย ชาโดว์เกลมองเห็นรองเท้า ถุงเท้า ผ้าคลุมสีเทาอ่อน และแขนที่ห้อยอยู่อย่างไร้เรี่ยวแรง พร้อมกับแว่นขยายที่แตกหัก นั่นคือดีเทคเบล หัวของเธอนั้นแหลกละเอียดเป็นชิ้นๆ มีวัตถุสีขาวและแดงอยู่รอบๆตัวเธอ นั่นคงเป็นสาเหตุที่เธอตาย
เสื้อผ้าของเธอยับยู่ยี่ ไม่ใช่เพราะแค่เธอล้มลง แต่ผ้าคลุมของเธอนั้นก็ขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย หมวกของเธอก็เช่นกัน เสื้อและกระโปรงของเธอถูกถลกขึ้น เหมือนมีบางคนค้นตัวเธอเพื่อหาอะไรบางอย่าง
ทุกคนล้วนพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองไปที่ร่างอันน่าสยดสยองของดีเทคเบลอย่างเงียบๆ
“นี่ข้าต้องมอบมันให้เมจิคัลเกิร์ลสีฟ้าสินะ?”
ทันใดนั้น พวกเธอก็ได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคยออกมาจากที่ไหนไม่ทราบ ชาโดว์เกลมองไปที่พีเฟิล พีเฟิลเองก็มองมาที่ชาโดว์เกลด้วยสีหน้าตกใจ พวกเธอมองไปรอบๆ และแคลนเทลนั้นชี้ไปที่ไหนซักที่ ริโอเน็ตต้าเงยหน้าขึ้น เพจิกะรู้สึกกลัว นกโกะจังจับไม่ถูพื้นของเธอไว้แน่น เมลวิลล์นั้นจากหายไปและหลอมรวมเข้ากับหินอ่อนสีขาว
ลาซูไลน์ที่กอดร่างของดีเทคเบลอยู่นั้นถอยหลังไปโดยไม่ได้ยืนขึ้น เธอมองตรงไปที่กำแพงด้านหลังโดยไม่สนใจอะไรแม้แต่น้อย
มันไม่ใช่เสียงของใครซักคนในนี้ มันไม่ใช่เสียงของเมจิคัลเกิร์ล ไม่ใช่เสียงของฟาล มันเสียงของชายวัยกลางคน เป็นเสียงที่พวกเธอไม่เคยได้ยินในเกมนี้มาก่อน
“ข้าขอมอบอะไรบางอย่างให้เจ้าได้รึเปล่า?”
มันเป็นเสียงเดียวกัน ชาโดว์เกลนั้นรู้สึกแปลกๆที่เท้า จากตรงนั้นเธอก็มองลงไป และก็เห็นใบหน้าขนาดยักษ์ เธอจึงรีบกระโดดถอยหลังอย่างรวดเร็ว เมจิคัลเกิร์ลคนอื่นก็ขยับออกจากใบหน้านั้นด้วยเช่นกัน เมื่อไม่มีอะไรมาทับมันแล้ว ใบหน้านั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ใบหน้าของมนุษย์ที่อยู่บนพื้นนั้นดูเป็นรูปแบบการ์ตูน แต่เพราะพื้นนั้นถูกละเลงไปด้วยเลือด ใบหน้าที่ปรากฏออกมาจึงเต็มไปด้วยเลือดเช่นกัน ชาโดว์เกลขมวดคิ้ว ถึงใบหน้าจะดูเป็นแนวการ์ตูนแต่มันก็ยังพิลึกอยู่ดี
“หน้า” ของชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนหลุดออกมาจากอนิเมหรือมังงะนั้นกำลังเลื่อนสายตาอย่างช้าๆ มันคิดยังไงกับเมจิคัลที่อยู่รอบๆกันนะ? และมันก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
“ข้าไม่บอกคำใบ้อะไรกับพวกเจ้าหรอกนะ…”
ตาใหญ่ๆของมันมองมาที่ลาซูไลน์ คนที่กอดดีเทคเบลอยู่อย่างนุ่มนวล
“แต่ข้าจะทำตามแค่สิ่งที่ถูกขอร้องมา เมจิคัลเกิร์ลสีฟ้าเอ๋ย ข้าถูกขอร้องมาว่าให้มอบสิ่งนี้แก่เจ้า”
แก้มของมันนั้นใหญ่ขึ้น ขมิบริมฝีปากปาก และพ่นอะไรบางอย่างจากด้านในออกมา มันถูกเคลือบไว้ด้วยน้ำลายและของเหลวบางอย่าง กลิ้งผ่านรอบบ่อที่เต็มไปด้วยเลือดและมาหยุดลงตรงเท้าของลาซูไลน์ มันคือเมจิคัลโฟน
“เอาล่ะ ลาก่อน”
รอยนูนบนพื้นและรูปร่างของมันค่อยๆจางหาย และในที่สุดทุกอย่างที่เกี่ยวกับใบหน้ายักษ์นั้นก็หายไปจนหมด ทิ้งไว้เพียงพื้นหินอ่อนสีขาวที่ถูกย้อมด้วยเลือด และเมจิคัลโฟนที่ดูสกปรกที่อยู่ด้านบนนั้น ลาซูไลน์นั้นใช้มือขวาโอบกอดดีเทคเบลอยู่ เธอจึงยื่นมือซ้ายออกไปจับเมจิคัลโฟนโดยไม่รังเกียจน้ำลายหรือเลือดที่ติดอยู่เลย เธอเปิดเมจิคัลโฟน ถึงมันจะดูสกปรก แต่เมจิคัลโฟนก็ยังไม่ได้พังแต่อย่างใด
“นี่มัน…เมจิคัลโฟนของเบลซี่ไม่ใช่เหรอ?”
ทำไมเมจิคัลโฟนของดีเทคเบลถึงไปอยู่ในใบหน้ายักษ์นั่นได้ล่ะ? พีเฟิลถอนนั้นหายใจออกมาที่ด้านหลังของชาโดว์เกล ผมด้านหลังคอของชาโดว์เกลถึงกับลุกซู่ เธอรู้สึกไม่ดีเลยเมื่อมีคนมาหายใจรดต้นคอ
“ความสามารถของดีเทคเบลคือ ‘คุยกับสิ่งก่อสร้าง’ใช่ไหม? มีใครรู้บ้างว่าเธอใช้เวทมนตร์ได้ยังไงน่ะ?”
“เบลซี่บอกเค้าว่า เธอต้องจูบกับสิ่งก่อสร้างแล้วก็จะมีใบหน้าโผล่ออกมา ในตอนนั้นก็จะคุยกับมันได้ แต่เบลซี่บอกว่าในเกมนั้นใช้ไม่ได้ผล ดังนั้น…”
“แต่มันไม่ได้หมายความว่าเธอใช้มันไม่ได้ใช่ไหม? ให้พูดคือ เธอแค่ใช้มันหาข้อมูลจากสิ่งก่อสร้างไม่ได้เท่านั้น”
ในขณะที่พีเฟิลพูดนั้น เธอก็ยังคงคิด ในขณะที่เธอกำลังคิด บางทีเธออาจจะสังเกตุปฎิกิริยาของเมจิคัลเกิร์ลรอบๆอยู่ก็ได้
“เหมือนกับที่เจ้าหน้ายักษ์พูดไปแล้วนั่นแหละ แม้จะหาข้อมูลจากมันไม่ได้ แต่มันก็ยังฟังคำร้องขอของเธอได้ และคำร้องขอของเธอก็คือมอบเมจิคัลโฟนให้เธอไง ลาซูไลน์”
ลาซูไลน์เริ่มมองเมจิคัลโฟนในมือของเธอ
“ทำไมดีเทคเบลถึงเลือกที่จะส่งมอบเมจิคัลโฟน และยังระบุว่าเธอเป็นคนรับอีกด้วย นั่นก็เพราะมีใครบางคนที่เธอไม่อยากให้ได้มันไว้ในครอบครอง ดูจากเสื้อผ้าของดีเทคเบลที่ยับยู่ยี่ เหมือนกับว่ามีบางคนที่พยายามขโมยเมจิคัลโฟนของเธอไป แต่ก็ล้มเหลว ”
ทุกคนกลั้นหายใจและตั้งใจฟังสิ่งที่พีเฟิลพูด
“มีสองอย่างที่ฉันคิดได้จากเรื่องนี้ อย่างแรกสิ่งที่พยายามขโมยเมจิคัลโฟนของเธอนั้น ไม่ใช่ มอนเตอร์ ความจริงแล้ว…อาจจะเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่เป็นคนฆ่าดีเทคเบล และอาจจะเป็นราชาปีศาจด้วย”
มีบางคนส่งเสียงออกมาเบาๆ
“อย่างที่สอง ในเมจิคัลโฟนนี้มันมีข้อมูลสำคัญบางอย่างซ่อนอยู่ด้านใน ในขณะที่ดีเทคเบลรู้ว่าตัวเองใกล้จะตาย เธอจึงส่งต่อข้อมูลด้านใน…ให้ลาซูไลน์”
พีเฟิลเปิดเมจิคัลโฟนของตัวเอง กดใช้พรมเวทมนตร์ เธอกระโดดขึ้นไปบนนั้นจากที่หลังของชาโดว์เกล แล้วมองขึ้นไปบนฟ้า
“พวกเราไม่เหลือเวลาแล้ว”
ดวงอาทิตย์นั้นยังส่องแสงอย่างแรงกล้า แต่ในเกมนั้นมันช่างมืดหม่น อีกไม่นานดวงอาทิตย์ก็จะลับขอบฟ้าแล้ว นั่นหมายความว่าช่วงล็อกเอาท์กำลังใกล้เข้ามา
พีเฟิลนั้นหยิบเมจิคัลโฟนมาจากลาซูไลน์ เธอลดความสูงของพรมเวทมนตร์ลงมาเหลือ 30 เซ็นติเมตรเพื่อให้ทุกคนมองเห็นได้ และเริ่มกดเมจิคัลโฟน
เธอตรวจสอบสมาชิกในปาร์ตี้, จำนวนแคนดี้, รายชื่อติดต่อ, ข้อความ, ประวัติการเข้าเว็บไซต์, บันทึก และสุดท้ายก็หยุดที่ตรงรายการไอเท็มของเธอ
“นี่มันอะไรน่ะ?”
อุปกรณ์ฟื้นฟูความทรงจำ มันเป็นไอเท็มที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน เมื่อพวกเธอดูจากประวัติของไอเท็ม ก็พบว่าซื้อมาจากร้านค้าในปราสาทของราชาปีศาจ พีเฟิลกดเปิดแอป และดูที่เนื้อหา
คุณต้องการฟื้นฟูความทรงจำของตัวเองที่สูญเสียไปหรือไม่?
ใช่ หรือ ไม่
“มันหมายความว่ายังไง?”
พีเฟิลเอานิ้วของตัวเองกดที่ปุ่ม ใช่ จากนั้นแสงที่ที่ปุ่ม ไม่ นั้นก็หายไป และที่ปุ่ม ใช่ ก็มีแสงสีขาวเปล่งออกมา แล้วก็มีข้อความปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
ความทรงจำถูกเปิดออกแล้ว หลังจากช่วงบำรุงรักษาจบลง
ผู้เล่นทุกคนจะได้ความทรงจำที่สูญเสียไปคืนกลับมา
เวลามาถึงแล้ว แสงอาทิตย์จางหายไป สติของทุกคนถูกรบกวน ชาโดว์ก็กลับมาเป็นมาโมริ โทโทยามะอีกครั้ง เธอนั่งอยู่บนเตียงในห้องของตัวเอง ที่ด้านหน้าก็เห็นคาโนเอะนั่งอยู่บนเก้าอี้ของมาโมริ ตำแหน่งเดียวกันก่อนที่เกมจะเริ่ม
ทันใดนั้น ในหัวของเธอก็รู้สึกชัดเจน ม่านหมอกที่บดบังอยู่นั้นหายไป ความทรงจำทั้งหมดกลับมาหาเธอแล้ว มาโมริเอนตัวของเธอและอาเจียนอีกครั้งและอีกครั้งลงมาบนพื้นห้อง
______________________________________________________________________
☆ เพจิกะ
ความทรงจำทั้งหมดของเธอกลับมาแล้ว และจิกะนั้นก็ขาดเรียนไปสองวัน
______________________________________________________________________
การต่อสู้ในปราสาทของราชาปีศาจนั้นช่างโหดร้าย ศัตรมันทั้งแข็งแกร่งแถมยังมีจำนวนเยอะอีก มิสไซล์พุ่งมาและระเบิดที่รอบๆตัวเธอ เสียงระเบิดมันทำให้เธออยากปิดหูของตัวเอง แต่เมื่อเห็นกลุ่มควันและใบดาบกวัดแกว่งเข้ามาหา แม้เธอจะป้องกันมันด้วยโล่ แขนของเธอก็ยังรู้สึกปวด ถึงกระทะของเธอนั้นจะมีบวกสูงก็จริง แต่พอมาอยู่ต่อหน้าศัตรูแล้ว เธอก็ต้านทานมันไม่ไหว
เพราะคนอย่างเพจิกะนั้น เธอเชื่อว่าแคลนเทลกับริโอเน็ตต้าคงสู้ไม่ได้ พวกเธอเลยไม่มีทางเลือกนอกจากพุ่งเป้าไปที่การเน้นการป้องกัน เพจิกะยืนจับโล่อย่างสั่นๆอยู่ด้านหลังทั้งสองคน พูดได้เต็มปากว่าเธอไม่ทำอะไรเลย แค่ยืนเฉยๆแล้วตัวสั่น หากเธอคิดจะสู้ เธอก็บอกตัวเองว่ามันจะไปขวางทางคนอื่น แค่เธอยืนอยู่ก็ควรค่าแก่การปกป้องแล้วงั้นเหรอ?
การต่อสู้มาถึงจุดเปลี่ยนเร็วกว่าที่คาดคิด ภายในใจของเพจิกะนั้นก็ร้อนเร่าดั่งลาวา และมันก็กลืนกินทุกอย่างจนสิ้น ทั้งความกลัว ความสับสน ความโศกเศร้า ความหดหู่ ทุกอย่างล้วนหายไปจนหมด เธอรู้สึกอยากจะปกป้องเพื่อนของเธอจากศัตรู จากนั้นเพจิกะก็ก้าวไปด้านหน้า
เพราะเพจิกะตัดสินใจปกป้องตัวเองแล้ว ริโอเน็ตต้ากับแคลนเทลเองก็เคลื่อนไหวเช่นกัน จากจุดนี้พวกเธอทำลายแนวของศัตรู เหมือนกับน้ำที่พุ่งออกมาจากเขื่อน สุดท้ายเหล่าเมจิคัลเกิร์ลก็ได้รับชัยชนะโดยที่ไม่มีผู้สูญเสียแม้แต่รายเดียว พอคิดถึงความแข็งแกร่งของศัตรูมันเหมือนกับเป็นปาฎิหาริย์
เมื่อนึกย้อนกลับไป เธอรู้สึกกลัวตัวเอง เธอต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง ป้องกันตัวเองจากการโจมตีของศัตรูด้วยโล่ กวัดแกว่งกระทะของเธอไปซ้ายทีขวาที ศัตรูนั้นหลบการโจมตีของเพจิกะ เธอเองก็หลบการโจมตีของศัตรู ต่อมาเธอก็จัดการมันด้วยโล่ มันอาจจะแตกต่างการบ้าคลั่ง เพราะเธอรู้สึกสนุก เธอรู้สึกสนุกในการต่อสู้เพื่อปกป้องเพื่อนอันแสนสำคัญของเธอ
แล้วการต่อสู้ครั้งต่อไปคือในพื้นที่ห้องสมุด ท่ามกลางพวกภูติผีจำนวนมากที่รายล้อมริโอเน็ตต้า เธอนั้นใช้กระทะกวัดแกว่ง พวกมารที่ทำให้โนนาโกะมองไม่เห็นถูกขับไล่ออกไปด้วยการโจมตีของเพจิกะ แต่เธอไม่อยากคิดถึงผลที่มันเกิดขึ้นในตอนจบเลย แต่ในตอนนั้นเพจิกะรู้สึกร่าเริง ตอนที่เธอโจมตีศัตรู มันไม่อะไรอย่างอื่นอยู่ในหัวของเธอเลยนอกจาก ออกไปให้พ้นจากเพื่อนของฉันนะ! เธอไม่ได้รู้สึกตกใจกลัวอะไรเลย
จริงอยู่ที่เดิมทีเพจิกะนั้นไม่ได้มีความรู้สึกที่จะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ แน่นอนว่าเธอต่อสู้ไม่เก่ง พลังของเธอก็คือทำอาหารอร่อยๆ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นมีความสามารถทางกายภาพที่ยอดเยี่ยมอะไร เธอไม่เคยฝึกฝนตัวเองหรือเคยถูกฝึกมาก่อน แต่มันคงจะแย่หากเพจิกะจะยืนเฉยๆ ในขณะที่คนอื่นทำงานกันอย่างหนัก เมื่อถึงเวลาต่อสู้ เธอรู้ว่าควรสู้ยังไง เมื่อทำแบบนั้นเธอเองก็รู้สึกดีด้วย
ทำไมเพจิกะถึงเริ่มไม่ชอบการต่อสู้กันนะ? แม้จะเป็นในช่วงเวลาคับขัน ขาของเธอก็ไม่ขยับและตัวเธอก็หนีไปไหนไม่ได้ ตอนนี้เธอจำสาเหตุได้แล้ว
______________________________________________________________________
“อื้อ อร่อยสุดๆเลย!” นิโนมิยะคุงพูด
ความดีใจที่ได้ข้าวกล่องครั้งแรกในรอบสองวันมันแสดงออกมาให้เห็นเลย
“แหม เธอรู้ไหม? นี่มันสุดยอดจริงๆนะ!”
เสียงของเขานั้นราวกับอยากให้เธอเห็นด้วย เธอเองก็พยักหน้านิดๆด้วยความรู้สึกแปลกๆ นิโนมิยะคุงนั้นยิ้มแย้มเสมอ และรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรนั้น มันก็ทำให้เพจิกะเจ็บปวด
ในตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมนิโนมิยะคุงถึงดึงดูดตัวเธอ เพราะเขานั้นเหมือนกับคนที่เธอรู้จัก เขาดูทั้งเท่ทั้งแข็งแกร่งเวลาเล่นกีฬา เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่ออนาคตของตัวเอง และไม่เคยเกียจคร้าน เขาเองก็เป็นคนชอบพูด เมื่อเขายิ้มนั้นก็ดูเป็นมิตรมาก แม้กระทั่งตอนกินอาหารที่เธอทำก็ชมไม่ขาดปากเหมือนกับเธอคนนั้น
ในจิตใจของเพจิกะนั้น เธอได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เป็นเสียงของเพื่อนคนสำคัญของเธอที่ไม่มีชีวิตอยู่อีกแล้ว
“เพจิกะนี่เหมือนกับเด็กขี้แยเลยนะ!”
“ไม่เห็นจะต้องร้องไห้เลยนี่นา ทำไมถึงร้องไห้เอาตอนนี้ล่ะ?”
เธอเองก็พูดอะไรไม่ดีกับเพจิกะเหมือนกัน
“ไม่ต้องห่วงนะ! ตราบใดที่ดิฉันอยู่ที่นี่ ดิฉันไม่ปล่อยให้อะไรมาแตะต้องเธอแม้แต่ปลายเล็บแน่
เพจิกะ อย่าร้องไห้เลยนะ โอเคไหม? ถ้าเธอยังร้องไห้อยู่พวกเราได้มีปัญหาแน่ๆ”
“มีอะไรเหรอ เพจิกะ? เธอไม่เป็นอะไรหรอกนะ! จำลูกเตะคราวก่อนได้ไหม นั่นมันยอดเยี่ยมไปเลย!”
พวกเธออยู่ด้วยกันมาตลอด
“นั่นเธอทำอะไรน่ะ? เลิกเล่นได้แล้ว! ทำไมต้องฟังเรื่องที่ยัยนั่นพูดด้วยล่ะ? แบบนี้มันไม่ดีเลยนะ!”
“เพจิกะ วิ่ง!”
พวกเธออยู่ด้วยกันเสมอมา จนกระทั่งถึงลมหายใจสุดท้าย…
______________________________________________________________________
สำหรับจิกะ เด็กสาวคนนั้นเป็นแค่เพื่อนร่วมห้องของเธอคนหนึ่ง เธอมักจะพูดเรื่องตลกและหยอกกับเพื่อนของเธออยู่เสมอ แม้ในหัวใจของจิกะนั้นจะบอกว่า “พอได้แล้ว!” แต่เธอก็ไม่ได้มีความพอที่จะลุกขึ้นตะโกนใส่หน้าคนพวกนั้น สำหรับเด็กสาวแล้ว จิกะก็เป็นแค่คนๆหนึ่งในคนหมู่มาก แม้จะอยู่ห้องเดียวกัน แต่จิกะนั้นไม่ใช่คนที่โดดเด่นอะไร บางทีเด็กสาวอาจจะไม่รู้การมีตัวตนอยู่ของจิกะก็ได้
พวกของเด็กสาวนั้นเล่นกีฬาเก่งและกระตือรือร้นอยู่เสมอ ในขณะที่จิกะนั้นชอบอ่านหนังสือและอยู่ในจุดเดิมที่ห้องสมุดเสมอในช่วงเวลาพักเที่ยง ทั้งสองคนนั้นไม่มีอะไรเหมือนกันเลยนอกจาก “เป็นเพื่อนร่วมชั้น” กันเท่านั้น
ตอนทัศนศึกษา ทั้งสองคนนั้นกลายเป็นคู่กันโดยการจับฉลาก และต้องเข้าไปทดสอบความกล้าใน “ป่าผีสิง” ด้วยกัน ทั้งสองคนนั้นคิดว่าต่างคนต่างต้องมีปัญหาแน่ๆ สำหรับจิกะ เด็กสาวเป็นคนที่ชอบส่งเสียงดังโหวกเหวกโวยวายและไม่มีความเรียบร้อยเลย สำหรับเด็กสาว จิกะนั้นเป็นคนที่ไม่น่าสนใจซักนิด ทั่งคู่สนุกสนานกันแบบเพื่อนไม่ได้ แถมก็ไม่ได้น่าตื่นเต้นแบบคู่ชายหญิง เป็นการจับคู่ที่ห่วยแตกที่สุดตลอดกาล
การทดสอบความกล้ามันควรจะจบด้วยความตื่นเต้น ตอนนี้จิตวิญญาณการผจญภัยของเด็กสาวนั้นมาถึงจุดเดือดแล้ว ดังนั้นเธอเลยเสนอว่าให้ออกนอกเส้นทางเพื่อเป็นทางลัด และสุดท้ายก็กลายเป็นมุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน
จิกะนั้นพยายามหยุดเธออย่างที่สุด แต่จิตวิญญาณของเด็กสาวที่ใช้ชีวิตอยู่กลางแจ้งนั้นไม่รับฟังการโน้มน้าวของจิกะที่อยู่ในร่มเลย ผมทรงโพนี่เทลของเธอนั้นแกว่งไปมา เธอเดินเข้าไปในป่าอย่างกล้าหาญ จิกะที่ไม่อยากให้เธอไปคนเดียวจึงตามไปอย่างไม่เต็มใจ
ทางลัดนั้นไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าร่องรอยเส้นทางของกวาง เส้นทางนั้นคดเคี้ยวไปมา และก่อนที่พวกเธอจะรู้ตัว ทั้งคู่ก็มาอยู่กลางป่าซะแล้ว พวกเธอไม่รู้ว่าควรจะไปไกลกว่านี้ดีรึเปล่า จิกะโทษความไม่ยั้งคิดของเด็กสาวและเริ่มร้องไห้ แต่เด็กสาวนั้นแข็งแกร่ง เธอเดินหน้าต่อไปโดยไม่กังวลอะไร เธอเดิน เดิน ตรงไปด้านหน้า จนกระทั่งพวกเธอไปถึงพื้นที่โล่งกว้าง
ที่นั่นมีกระท่อมหลังเล็กๆ คงจะถูกทิ้งร้างมานานแล้วตั้งอยู่ ทั้งสองคนวิ่งเข้าไปด้วยความคิดที่ว่าอาจจะมีใครบางคนอยู่ เมื่อเข้าไปใกล้พวกเธอก็เห็นใครบางคนยืนอยู่บนหลังคา
มันไม่มีเสียงแมลง ไม่มีเสียงนกร้อง ไม่มีเสียงสัตว์ ในภูเขานี้ทุกอย่างล้วนเงียบสงบ พวกเธอได้ยินเพียงแค่เสียงขลุ่ย ได้ยินอย่างชัดเจนในค่ำคืนที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาว คนที่อยู่บนหลังคานั้นกำลังเป่าขลุ่ยอยู่ แม้มันจะเป็นเพลงกล่อมเด็กธรรมดา แต่มันก็ฟังแล้วไพเราะอย่างน่าประหลาด บางทีพวกนกและแมลงอาจจะไม่อยากรบกวนเสียงเพลงนี้ก็ได้ เด็กสาวทั้งสองคนมองขึ้นไปด้วยความประหลาดใจ พวกเธอยืนอยู่อย่างเงียบๆจนกระทั่งเสียงเพลงจบลง
จิกะถึงกับอ้าปากค้าง คนๆนั้นเป็นผู้หญิงที่สวยมาก
เสื้อเชิ้ตของเธอนั้นเต็มไปด้วยกลีบ เธอสวมเสื้อคลุมสีเขียวสดเหมือนกับหญ้า มีดอกกุหลาบอยู่รอบๆ คอเสื้อเป็นสีน้ำตาล มองเห็นต้นขาสีขาวที่ดูเรียวสวยอย่างชัดเจน มีผมสีทอง เถาวัลย์ที่เลื้อยพันอยู่รอบตัวนั้นมีดอกกุหลาบเบ่งบานอยู่ด้วย ดอกไม้ที่อยู่ตรงไหล่นั่นใหญ่เป็นพิเศษ เป็นกุหลาบสีม่วงแดงขนาดเท่าหัวของเด็ก ใบหน้าของเธอดูสมบูรณ์แบบ ที่ดวงตาของเธอนั้นมีสีแดง แม้ในความมืดเช่นนี้จิกะมีเพียงแค่ไฟฉาย เธอยังสามารถมองเห็นความงดงามของหญิงสาวผู้นี้ได้อย่างชัดเจน
ทีสำคัญเลยก็คือหูของเธอ จิกะนั้นอ่านนิยายแนวแฟนตาซีที่คนมีหูแบบเธอมามาก คนพวกนั้นถูกเรียกว่าเอลฟ์ ใบหูแหลมๆนั้นโผล่ออกมมเพราะเส้นผทไม่สามารถซ่อนเอาไว้ได้
“สายัณห์สวัสดิ์”
เสียงของเธอนั้นดูนิ่มนวล แม้จะเป็นเพียงการทักทายกันแบบธรรมดา แต่มันก็ทำให้ร่างกายและจิตใจของจิกะยุ่งเหยิงไปหมด
“เราคือนักดนตรีแห่งพงไพร แครนเบอร์รี่ เป็นเมจิคัลเกิร์ลน่ะ”
______________________________________________________________________
เมจิคัลเกิร์ลซามูไรที่เธอเจอนั้นก็พูดอะไรทำนองนี้มาก่อน
“นี่ชั้นต้องทำแบบนี้อีกแล้วเหรอ? นึกว่าจบไปแล้วซะอีก… “
แล้วเธอก็ยังพูดต่ออีกว่า
“มันยังไม่จบงั้นเหรอ ใช่ไหม… นักดนตรี?”
นักดนตรี นักดนตรีแห่งพงไพร แครนเบอร์รี่ ชื่อนั้นโผล่ขึ้นมาในใจของเธอ ความทรงจำที่สูญเสียไปของเธอกลับมาแล้ว
เหตุผลที่เพจิกะไม่ชอบการต่อสู้ก็เพราะ ตัวเพจิกะนั้นไม่เคยต่อสู้เพื่อปกป้องเพื่อนตัวเองมาก่อน เธอเอาแต่ต่อสู้เพื่อปกป้องตัวเอง จาก เพื่อนของเธอมาตลอด
ทุกคนยอมรับเกมโดยธรรมชาติ เมื่อถูกบอกว่าการตายในเกมนั้นเท่ากับการตายในชีวิตจริงด้วย ในขณะที่เพจิกะกำลังร้องไห้คร่ำครวญอยู่ ทุกคนนั้นก็คิดว่า “อ๊ะ ว่าแล้วเชียว”
ตอนกิจกรรมครั้งล่าสุด ในคู่มือการเล่นนั้นบอกว่า
“ราชาปีศาจนั้นคือผู้เล่นคนหนึ่งที่อยู่ในหมู่พวกเธอ”
หนึ่งคนในหมู่เพื่อนของเธอ หนึ่งคนในหมู่ของเมจิคัลเกิร์ล หนึ่งคนในหมู่พวกเธอก็คือราชาปีศาจ
“ขอบคุณสำหรับอาหารครับ!”
นิโนมิยะคุงวางตะเกียบลง เพจิกะรับกล้องข้าวคืนมาจากเขาแล้วก็ยิ้ม
“อ๊ะ ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ”
เพจิกะยืนขึ้น และจูบไปที่แก้มของนิโนมิยะคุงอย่างแผ่วเบา เมื่อเธอขยับตัวออกมา ก็เห็นปากของนิโนมิยะคุงนั้นอ้าออกครึ่งนึง ตาของเขาเบิกกว้างและจ้องมาที่เพจิกะ เพจิกะก็ยิ้มให้เขาและเดินออกมา
“แล้วเจอกันใหม่นะคะ!”
เธอพูดด้วยเสียงสูง หันหลังให้นิโนมิยะคุง แล้วเริ่มวิ่งออกไป
______________________________________________________________________
☆ ชาโดว์เกล
มาโมรินอนห่มผ้าบางๆอยู่บนเตียง หลังจากที่เธออาเจียนเอาทุกอย่างออกมาแล้ว เธอก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังคงรู้สึกคลื่นไส้อยู่
คาโนเอะนั่งอยู่บนเก้าอี้ของมาโมริและมองดูเธอ
“…ฉันจำได้แล้ว”
“อื้อ ฉันก็เหมือนกัน”
“ไม่อยากจำมันได้เลย แต่ว่า…”
“งั้นเหรอ? ฉันเองก็เหมือนกัน”
นักดนตรีแห่งพงไพร แครนเบอร์รี่
เธอเป็นผู้คุมการทดสอบในตอนที่มาโมริกับคาโนเอะกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ล
ซึ่งมีผู้เข้าร่วมทั้งหมด 100 คนจากหลายประเทศทั่วทั้งโลก
“การทดสอบแบบนี้น่ะไม่เคยมีมาก่อนเลย” ผู้คุมการทดสอบพูด
“มันต้องเป็นการทดสอบที่สุดยอดแน่ๆ ปอน!” มาสค็อตของเธอพูดขึ้นมา
การทดสอบที่ไม่เคยมีมาก่อน? หรือว่ามันเป็นการทดสอบแบบปกติของแครนเบอร์รี่กันนะ?
“ในที่สุดก็เข้าใจแล้ว” คาโนเอะพูด
“นั่น…หมายความว่ายังไงน่ะ?”
“ฉันไม่เคยลืมสิ่งที่ได้เห็นมาหรอกนะ แม้เพียงจะเดินผ่าน แม้จะแค่ได้ยินชื่อ ฉันก็จำมันได้ แต่ฉันกลับจำชื่อของผู้คุมการทดสอบไม่ได้เลย น่าสนุกดีใช่ไหมล่ะ? ความทรงจำทั้งหมดเกี่ยวกับแครนเบอร์รี่และการทดสอบของเธอถูกใครบางคนปิดผนึกเอาไว้”
มาโมริหันหลังให้คาโนเอะแล้วมองไปที่กำแพง
“งั้นเหรอ…”
ตอนนี้คาโนเอะกำลังดูแลมาโมริอยู่ สิ่งที่เธออาเจียนออกมา คาโนเอะก็ทำความสะอาดให้ เธอคงคิดว่าหากไปสั่งให้คนอื่นมาทำอาจจะเกิดความวุ่นวาย มันอาจจะทำให้มาโมริต้องแยกตัวออกไป ดังนั้นเธอจึงทำความสะอาดเอง เหมือนว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่นายหญิงของบ้านทำความสะอาดแทนมาโมริ
แต่เธอก็ไม่มีแรงพอที่จะพูดมันออกมาดังๆ หากเป็นไปได้ เธอไม่อยากมองหน้าของคาโนเอะตอนนี้ ถ้าเธอเห็นล่ะก็ เรื่องที่เกิดขึ้นในการทดสอบและสิ่งที่คาโนเอะทำ มันก็จะกลับมาอีกครั้งไม่ว่าเธอจะต้องการหรือไม่ก็ตาม แล้วตอนนี้มันไม่มีอะไรให้เธออาเจียนออกมาอีกแล้วนอกจากกรดในกระเพาะด้วย
“แล้วตอนนี้ ฉันก็รู้แล้วล่ะว่าใครคือคนร้าย” คาโนเอะพูด
“อื้อ…ฉันก็ด้วย”
“ฉันเข้าใจแล้วด้วยว่าทำไมตัวเองถึงพลาด”
เสียงของคาโนเอะนั้นสงบนิ่ง สิ่งที่เธอทำในอดีต สิ่งที่เธอทำเพื่อกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ล เธอจำมันแต่เธอก็ดูเป็นปกติอย่างเคย ต่างกันกับมาโมริ คาโนเอะ ฮิโตโคจิ นั้นเป็นคนที่ดื้อรั้น แข็งแกร่ง และหยิ่งผยอง
“ฉันคิดว่ามันเป็นอะไรง่ายๆที่จะระบุตัวคนร้ายโดยเพียงแค่ดูบุคลิก โดยไม่คิดถึงโอกาสและแรงจูงใจ แต่ถ้าเมจิคัลเกิร์ลจะก่ออาชญากรรม มันเป็นหลักการง่ายๆเลยที่พวกเธอก็จะใช้เวทมนตร์ของตัวเองเพื่อปิดบังแรงจูงใจและโอกาส ฉันคิดว่าตัวแค่ต้องการเห็นบุคลิกของเธอเท่านั้น ทั้งตอนในลานเมืองทุ่งร้างหรือที่ตอนสู้กับเกรทดราก้อน ฉันก็มองเห็นการตอบสนองของเธอ… แต่ก็พลาด คนร้ายมันปิดบังวิธีการใช้เวทมนตร์ของตัวเอง แถมยังซ่อนการตอบสนองและปกปิดตัวตนโดยใช้เวทมนตร์อีกด้วย”
เสียงของคาโนเอะนั้นเริ่มรุนแรงขึ้น
“ก่อนที่ความทรงจำของพวกเราจะกลับคืนมา เธอก็ฆ่าดีเทคเบลทิ้งเพราะต้องการขโมยบางอย่างจากเธอ เมื่อเข้าใจว่าทำไมเธอถึงทำแบบนั้น… พวกเราก็เข้าใจว่าเธอซ่อนมิราเคิลคอยน์กับเปลี่ยนแปลงแคนดี้ในเมจิคัลโฟนของเชอร์น่าเมาส์ได้ยังไง ฉันจะไม่ทำตัวแบบนักสืบแล้วอธิบายว่า ‘เธอน่ะคือคนร้าย! แล้วก่ออาชญากรรมแบบนี้ได้ยังไง’ ออกมาหรอกนะ แม้ทุกคนนั้นจะไม่รู้ว่าคนร้ายมันก่ออาชญากรรมได้ยังไง แต่เมื่อทุกคนได้ความทรงจำกลับคืนมาแล้ว… ตัวของคนร้ายจะชัดเจนขึ้น”
“อื้อ…ฉันเองก็คิดแบบนั้น”
“พวกเราจะประมาทไม่ได้ ถึงจะเป็น 7 ต่อ 1 ก็เถอะ หากเธอเป็นคู่ต่อสู้มันก็อันตรายอยู่ดี แถมมันจะเป็นปัญหาด้วยหากเธอไล่ฆ่าพวกเราเรียงคนก่อนที่จะรวมกลุ่มกันได้ ก่อนที่จะทำอะไรพวกเราควรรีบไปรวมตัวกับคนอื่นให้เร็วที่สุด ตามที่ข้อความสุดท้ายบอกไว้ หากพวกเราฆ่าเธอที่เป็นราชาปีศาจได้ เกมก็จะจบลง”
“อื้อ”
“ก่อนที่เกมรอบล่าสุดจบลง ฉันเพิ่มชื่อของเธอเป็นสมาชิกในปาร์ตี้แล้วนะมาโมริ
ในปาร์ตี้มีฉัน, ลาซูไลน์, นกโกะจัง แล้วก็เธอมาโมริ หากเกมเริ่มขึ้นแล้วก็จะเจอกันทันที แล้วมันก็ขึ้นอยู่ว่าพวกเราจะไปรวมตัวกับคนอื่นได้เร็วแค่ไหน เลวร้ายที่สุดก็มีซักคนสองคนที่ต้องตาย”
“เธอต้องการคนเสียสละงั้นเหรอ?”
“ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากหลีกเลี่ยงนะ ศัตรูของพวกเรารู้ว่าพวกเราต้องไปหาเธอแน่ ดังนั้นเธอคงจะเคลื่อนไหวอะไรบางอย่าง ทางนี้เองก็จะพยายามให้มีคนเสียสละน้อยที่สุดเท่าที่ทำได้ หากหลบเลี่ยงเธอไปทั้ง 3 วัน สุดท้ายก็จะถูกบังคับให้มาเจอกันตอนกิจกรรมก่อนช่วงบำรุงรักษาอยู่ดี”
เก้าอี้นั้นโยกเยกอยู่ครู่หนึ่งเพราะคาโนเอะลุกขึ้น
“นับจากนี้ไปอีก 2 วันกับ 22 ชั่วโมงก็จะถึงช่วงล็อกอิน จนกว่าจะถึงตอนนั้นก็พักผ่อนเข้าไว้ล่ะ”
เธอเดินเหยียบพรมออกไป ประตูนั้นเปิดขึ้นและปิดลง มาโมริหันไปรอบๆแล้วก็เอนหลังลงไป คาโนเอะนั้นไม่เปลี่ยนไปเลย ทั้งเมื่อก่อนแล้วก็ตอนนี้
______________________________________________________________________
แม้จะอยู่ท่ามกลางคนเป็นร้อยคน พีเฟิลก็ยังคงเป็นพีเฟิล บางครั้งเธอสร้างมิตร บ้างครั้งเธอก็แยกตัว เมื่อถึงเวลาที่ต้องสู้ เธอก็ควบคุมเมจิคัลเกิร์ลเหมือนกับวาทยากร ตัวเธอนั้นมีหลายบทบาท ทั้งผู้ปลุกปั่นให้เกิดความตาย, นักต้มตุ๋นสองหน้า, ผู้นำที่เชื่อถือได้ หรือผู้สละชีพแสนกล้าหาญ และบทบาทอื่นๆอีกมากมาย พีเฟิลนั้นมองดูทุกคนจากเบื้องบนและใช้เมจิคัลเกิร์ลเป็นเบี้ย บางครั้งเธอก็มาเป็นเบี้ยซะเอง ปรับเปลี่ยนความสมดุล และใช้อิทธิพลที่มองไม่เห็น
ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติอย่างเกมแห่งความตายนั้น พีเฟิลนั้นแสดงให้เห็นถึงความสามารถที่แท้จริงของเธอออกมา บดขยี้เมจิคัลเกิร์ลที่เข้าร่วมทดสอบทุกคน หลอกลวงพวกเธอ ฆ่าพวกเธอ หรือทำให้พวกเธอมาฆ่าตัวเอง
ในตอนที่เธอร่วมมืออยู่กับเมจิคัลเกิร์ลคนสุดท้ายที่เป็นพวกเดียวกัน พีเฟิลก็โจมตีเธอจากด้านหลังจนตาย มือและเท้าของเธอปลิวกระจัดกระจาย อวัยวะภายในของเธอห้อยต่องแต่งอยู่บนต้นไม้ เลือดนั้นไหลลงมาราวกับเป็นฝนเลือด ในขณะที่พีเฟิลนั้นคุยกับแครนเบอร์รี่คนที่ยืนมองอยู่จากหลังเงาของต้นไม้ ใบหน้าของพีเฟิล แขน เสื้อผ้า ทั้งหมดมันถูกย้อมไปด้วยเลือด มันไม่ใช่เลือดของเธอ แต่เป็นเลือดของเหยื่อต่างหาก
“ตามที่พวกเราตกลงกันไว้” พีเฟิลพูด “คงไม่มีอะไรจะบ่นแล้วใช่ไหม?”
“เป็นข้อตกลงที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ทำเอารู้สึกอยากสู้ด้วยเป็นการส่วนตัวเลยล่ะ”
“นั่นมันนอกเหนือข้อตกลง ถ้าจะให้พูดความแข็งแกร่งของฉันน่ะไม่ใช่ ความแข็งแกร่ง ที่เธอตามหาหรอก ถ้าจะหาคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งล่ะก็ ไปหาที่อื่นเถอะ”
คาโนเอะหันกลับมามองมาโมริ ใบหน้าของเธอบิวเบี้ยวอย่างรุนแรงอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในไม่ช้าก็กลับมาเป็นรอยยิ้มที่สดใส
“เอาล่ะ กลับบ้านกันเถอะ วันนี้เหนื่อยจังเลย”
ในเรื่องนี้มาโมริไม่รู้อะไรเลย เรื่องที่คาโนเอะไปตกลงกับนักดนตรีแห่งพงไพรนั่นไม่ได้บอกให้มาโมริรู้ เธอไม่รู้รายละเอียดซักนิด คาโนเอะบอกง่ายๆแค่ว่าทำสิ่งที่นักดนตรีแห่งพงไพรบอกไว้เสร็จแล้ว มาโมริคิดว่าถ้าคาโนเอะเปิดเผยข้อตกลงก็อาจจะถูกฆ่าก็ได้ เธอแน่ใจว่าส่วนหนึ่งของข้อตกลงนั้นคือการทำให้ชาโดว์เกลไม่ถูกฆ่า ใบหน้าของคาโนเอะบอกเธอมาแบบนั้น และเธอไม่มีวันพลาดการแสดงออกแบบนั้นแน่นอน
ใบหน้าของคาโนเอะนั้นบิดเบี้ยว แต่มันไม่ใช่ความโกรธ ไม่ใช่ความผิดหวัง แต่มันคือความเศร้า
บางทีเธออาจจะคิดถึงความเป็นไปได้ที่คาโนเอะนั้นต้องฆ่ามาโมริ ซึ่งเธอไม่อยากคิดแบบนั้น ไม่ว่ายังไงมาโมริเองก็เป็นห่วงเธอ คาโนเอะนั้นปวดร้าว มาโมริทำร้ายคาโนเอะและทำให้เธอต้องทนทุกข์ นั่นเป็นครั้งแรกที่มาโมริเห็นคาโนเอะรู้สึกเจ็บปวดจนต้องซ่อนมันเอาไว้ ตั้งแต่นั้นมาเธอก็ไม่เคยเห็นเธอเป็นแบบนั้นอีกเลย
มาโมริคิดว่าความลับของข้อตกลงนั้นอาจเกี่ยวข้องกับการมีคนสองคนที่ผ่านการทดสอบ คาโนเอะต้องมอบบางอย่างให้แครนเบอร์รี่เป็นการตอบแทนเพื่อให้คนสองคนผ่านการทดสอบ ไม่ว่าจะเป็นเงินหรือบางอย่างในการทดสอบ มันก็เป็นแค่บางอย่าง คำถามก็คือแล้วตอนนี้ล่ะ?
______________________________________________________________________
มาสก์วอนเดอร์เองก็ถูกบังคับให้ทำแบบเดียวกันรึเปล่านะ? เข้าร่วมเกมแห่งความตายและต้องเข่นฆ่าคนอื่น?
มาโมริขยี้ตาด้วยแขนเสื้อ หมอนที่เธอหนุนอยู่นั้นเปียกชื้น แม้ว่าเธอจะหันหลังให้ คาโนเอะก็รู้แน่นอนว่าเธอร้องไห้อยู่
______________________________________________________________________
ฝั่งมาสเตอร์ #9
ครั้งหนึ่ง มีเมจิคัลเกิร์ลชื่อว่าแครนเบอร์รี่
เมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็กสาวตัวเล็กๆ เธอนั้นได้เข้าร่วมการทดสอบเมจิคัลเกิร์ลและมันก็มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น หนึ่งในผู้เข้าร่วมใช้พลังเวทของตัวเองและผู้คุมการทดสอบหยุดเธอไม่ได้ นอกเหนือจากตัวของแครนเบอร์รี่ ทั้งผู้เข้าร่วมและผู้คุมการทดสอบ ทุกคนล้วนถูกฆ่าตายทั้งหมดเพราะอุบัติเหตุ ว่ากันว่าอุบัติเหตุครั้งนั้นมีสาเหตุมาจากมาสค็อต ฟาฟ ที่ตรวจสอบระบบผิดพลาด
แต่ฟาฟนั้นก็ได้แนะนำบางอย่างให้กับแครนเบอร์รี่ คนที่ยังเศร้าโศกจากบาดแผลทางจิตใจ
ล่อลวงและผลักดันเธอไปสู่ความรุนแรง
อย่ามาพูดบ้าๆ
หากทุกคนแค่โทษเจ้ามาสค็อต มันก็เหมือนกับจิ้งจกที่สลัดหางตัวเองทิ้ง
อุบัติเหตุเกิดขึ้นเพราะระบบผิดพลาด และการที่คนอย่างแครนเบอร์รี่กลายมาเป็นผู้คุมการทดสอบได้เพราะมันไม่มีมาตราการที่เหมาะสม แถมการตรวจสอบของพวกเขาก็อ่อนโยนซะเหลือเกิน แน่นอนว่าพวกเขานั้นต้องการสร้างเมจิคัลเกิร์ลที่แสนมีเกียรติ แต่พวกเขากลับไม่สนวิธีการคัดเลือกมาเลย และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ในฐานะผู้คุมการทดสอบนั้น แครนเบอร์รี่อยู่ในตำแหน่งที่จะเลือกเมจิคัลเกิร์ลได้ เธอสามารถกำหนดรูปแบบการทดสอบเองได้ โดยเนื้อหานั้นจะเป็นความลับ ซึ่งในการทดสอบนั้น แครนเบอร์รี่กำหนดให้ทุกคนฆ่ากันเอง และทวีความรุนแรงของการทดสอบด้วยการเอาตัวเองไปร่วมด้วย และเมื่อมีผู้ชนะ ความทรงจำที่ผ่านมาของเธอนั้นก็จะถูกแทนที่ด้วยความทรงจำที่ว่า “ฉันเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่ผ่านการทดสอบแบบธรรมดามา” และพวกเธอก็จะกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่มีความทรงจำจอมปลอม
เกมแห่งความตายนั้นอันตรายมาก แถมมันไม่ใช่เรื่องแปลกที่เกมจะจบลงโดยไม่มีผู้ชนะอีกด้วย ผู้คนในดินแดนเวทมนตร์นั้นก็แค่คิดว่า “เนื่องด้วยเกียรติของเธอ การทดสอบของแครนเบอร์รี่จึงอยู่ในระดับสูงมาก” พวกเขาเอาแต่ให้เกียรติเธอ และไม่เคยสงสัยอะไรเลย
อาชญากรรมของแครนเบอร์รี่นั้นฝังรากลึก เธอมีผู้ให้ความร่วมมืออีกหลายคนนอกจากมาสค็อคของเธอ นี่คือเหตุผลว่าทำไมการทดสอบแบบเกมแห่งความตายของเธอถึงไม่ถูกเปิดเผย จนกระทั่งหนึ่งในผู้เข้าร่วมการทดสอบครั้งสุดท้ายของเธอ สโนไวท์ที่รอดมาได้ถูกตั้งคำถาม เธอนั้นอธิบายทุกอย่าง ไม่มีใครรู้เรื่องเกมแห่งความตายมาก่อนเกมจะเริ่ม ก่อนที่เรื่องอื้อฉาวนี้จะถูกเปิดเผย แครนเบอร์รี่นั้นถูกจัดให้เป็นเมจิคัลเกิร์ลที่ยอดเยี่ยม บางคนถึงขนาดยกย่องเธอเป็นเทพธิดา
ไม่สิ แม้การกระทำของเธอถูกแฉออกมาแล้ว บางคนก็ยังคงยกย่องเธอเช่นเดิม
คนที่สนับสนุนแครนเบอร์รี่นั้นเชื่อว่า “มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่เหมาะสมจะเป็นเมจิคัลเกิร์ล” และหลังจากแครนเบอร์รี่ตายมีผู้คุมการทดสอบสองคนที่เชื่อในสิ่งเดียวกัน ทั้งคู่นั้นถูกเมจิคัลเกิร์ลสีขาวหรือสโนไวท์จับกุม สโนไวท์นั้นรู้จักกันในนาม “นักล่าเมจิคัลเกิร์ล” เธอจับกุมทั้งสองในข้อหาเดียวกันกับแครนเบอร์รี่
แต่อย่างไร ตามที่เด็กสาวสวมแว่นว่าไว้ สโนไวท์นั้นก็ยังคงอ่อนโยน
แครนเบอร์รี่นั้นหว่านเมล็ดของเธอไปทุกที่ เธอไม่ได้แค่ทำให้ผู้คุมการทดสอบมีแรงบันดาลใจผิดๆ ในฐานะผู้คุมการทดสอบของเธอนั้น แครนเบอร์รี่ทำหน้าที่มาอย่างยาวนานแล้ว จากการทดสอบของเธอ ทำให้มีเมจิคัลเกิร์ลประเภทที่ว่า แข็งแกร่งและไม่มีอะไรอย่างอื่น, เด็กสาวที่คิดอะไรอย่างอื่นไม่ได้นอกจากอยากจะจัดการคนอื่น, คนที่ชนะในบทบาทของเมจิคัลเกิร์ลด้วยมือที่ย้อมไปด้วยเลือด, นักฆ่าที่ไม่สนใจชีวิตคนอื่น อยู่เต็มโลกนี้ไปหมด
เด็กสาวพวกนั้นไม่ควรจะถูกเลือก เพราะแครนเบอร์รี่นั้นเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่ไม่เหมาะสม เธอจึงเลือกแต่เมจิคัลเกิร์ลที่ไม่เหมาะสมมา ไม่ว่าพวกเธอจะสูญเสียความทรงจำไปแค่ไหน ไม่ว่าพวกเธอจะกระตือรือร้นยังไง พวกเธอก็เป็นเมจิคัลเกิร์ลที่ไม่เหมาะสมอยู่ดี
เพราะแบบนี้ถึงจำเป็นต้องมีการทดสอบใหม่ แต่ดินแดนเวทมนตร์นั้นก็ปล่อยเลยตามเลยไปแล้ว พวกมันแสร้งทำว่าเด็กพวกนี้เป็นเหยื่อของแครนเบอร์รี่ ด้วยความผิดบาป พวกมันคิดว่าหากไม่คืนความทรงจำให้ให้เหล่าเด็กสาวปัญหาก็จะไม่บานปลาย พวกมันจึงไม่สนใจใยดีอะไรเลย
อย่ามาล้อเล้นนะโว้ย พวกมันคิดว่าเมจิคัลเกิร์ลเป็นตัวอะไรกันแน่?
อ่อนโยน, เข้าใจความเจ็บปวดของผู้คน, เอาใจใส่ความรู้สึกของผู้อื่น, กล้าหาญแต่ไม่ชอบที่จะฆ่าใคร, ขยันขันแข็ง, สติปัญญาและทักษะร่างกายดี, เต็มไปด้วยความยุติธรรม, เป็นเมจิคัลที่แสนน่ารัก แบบนั้นต่างหากคือเมจิคัลเกิร์ลที่แท้จริง เมจิคัลเกิร์ลแบบนั้นจะรู้ว่าใครคือราชาปีศาจได้ด้วยสติปัญญาและจะโค่นเธอลงได้
ย้อนกลับไปเรื่องของแครนเบอร์รี่ เด็กสาวนั้นแบกรับการทดสอบไว้เองโดยไม่มีการดูแลจากดินแดนเวทมนตร์ เธอนั้นถูกเกลียดชัง แต่ก็ไม่เป็นไร ตราบใดที่เธอจะสร้างเมจิคัลเกิร์ลที่แท้จริงจาก เหล่าเด็กสาวของแครนเบอร์รี่ แบบนั้นก็ไม่เป็นไร แต่อย่างไรเด็กสาวส่วนใหญ่นั้นไม่เหมาะสม เช่น เมจิคัลเดซี่ ที่ดูอวดดีเพราะตัวเองนั้นมีอนิเมที่ทำจากชีวิตของตัวเอง โดยไม่สนต้นกำเนิดจริงๆเธอเลย
หากพวกเธอตาย แบบนั้นก็ สมควรตาย แล้ว ตายขึ้นมาก็เป็นได้แค่เมจิคัลเกิร์ลที่ไร้ซึ่งความเหมาะสม หากเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่แท้จริง พวกเธอต้องรอดอย่างแน่นอน เพราะพวกเธอนั้นถูกเลือกโดยพระเจ้ายังไงล่ะ
MANGA DISCUSSION