เมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจคคือ?
(ฉบับราชาปีศาจ)
☆ เกมที่เป็นมิตรสำหรับมือใหม่ ผู้เล่นระดับสูงก็พอใจ!
★ เมจิคัลเทรซซิสเต็ม ทำให้คุณรู้สึกเหมือนกับว่าอยู่ในโลกจริงขณะเล่น!
☆กราฟฟิคงดงาม! ระดับเดียวกับโลกจริงเลย!
★ปรับแต่งไอเทมได้นับล้านชิ้น! จงใช้ความคิดสร้างสรรค์ออกมาสิ!
☆ที่สำคัญเลยคือเล่นฟรีตลอดกาล!
ยินดีต้อนรับสู่เมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจ็ค!
เธอนั้นไม่เหมือนกับผู้เล่นคนอื่น เพราะจะได้รับบทบาทพิเศษเป็น ราชาปีศาจ!
เธอเองก็เป็นเมจิคัลเกิร์ลเหมือนกับคนอื่นนะ! แต่เธอต้องปิดบังตัวเองไม่ให้คนอื่นรู้ตัว
เป้าหมายเหรอ? ฆ่าเมจิคัลเกิร์ลอีก 15 คนทิ้งให้หมดยังไงล่ะ
รางวัล? 1 ล้านเยนเลยนะ
แน่นอน เธอเองก็ยังได้รับรางวัลการเคลียพื้นที่และกิจกรรมอื่นๆเช่นกัน! จำไว้ให้ดีล่ะ!
เธอสามารถออกจากเกมได้หากเมจิคัลเกิร์ลอีก 15 คนตายหมดแล้ว ขอให้ชนะเกมก็แล้วกัน!
โชคดี ขอให้สนุกนะ!
ตอนที่ 6:
ลบและบวก
☆ ดีเทคเบล
“หย่าหยูด! โจมตีต่อปาย!”
เสียงของเมลวิลล์ผลักดันให้เมจิคัลเกิร์ลทั้งหมดสู้ต่อ ร่างกายและจิตใจของพวกเธอไม่จำเป็นต้องคิดอะไรอีก ทุกคนเริ่มขยับตัวในทันที นกโกะจังยกโล่หันไปที่มังกร วิ่งไปด้านหน้าที่ตำแหน่ง @เนี๊ยวเนี๊ยวและจีโนไซโคอยู่ เอาไม้ถูพื้นของตัวเองไปฟาดเข้าที่ร่างกายของทั้งสองคนเพื่อดับไฟ เอาโล่บังตัวไว้แล้วหยิบเมจิคัลโฟนขึ้นมา ใช้ยาฟื้นพลังกับทั้งสองคน
ดีเทคเบลวิ่งออกไป พยายามหลอกล่อมังกรจากตำแหน่งของตัวเอง ทั้งสองมือจับ โล่+5 ที่มีน้ำหนักมากไว้อย่างแน่นๆ และมี เครื่องรางธาตุน้ำ ส่องแสงอยู่ที่คอ ถ้ามีไอเท็มทั้งสองอย่างนี้คงไม่เป็นอะไร แต่เมื่อได้ยินการอธิบายแบบนั้นแล้ว เธอก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจอยู่ดี
ที่ด้านหน้า ลาพิส ลาซูไลน์ ป้องกันลูกไฟเอาไว้ได้ เหมือนว่าแรงกระแทกนั้นจะไม่ได้ดูดซับอย่างเต็มที่ เข่าของเธอจึงทรุดลง เปลวเพลิงนั้นก็ยังคงลุกโชนอยู่บนหิน เธอเองได้ยินเสียงของมันอยู่ใกล้ๆด้วย มิโยคาตะ โนนาโกะ วิ่งไปทางซ้าย มังกรนั่นพ่นลูกไฟออกมาอย่างบ้าคลั่ง และลูกไฟลูกหนึ่งนั้นก็พุ่งมาหาดีเทคเบล เธอก้มตัวลงต่ำ ถือโล่ทำมุม 40 องศากับพื้นดินพร้อมรับการโจมตี
เธอส่งเสียงดังออกมา ผิวหนัง ขอบผ้าคลุม ปลายริบบิ้น ชายกระโปรงของเธอถูกเผา รู้สึกแม้กระทั่งเส้นผมของตัวเองโดนเผาไปด้วย กลิ่นของเปลวเพลิงนั้นกลบกลิ่นของเชื้อราไปจนหมด
โอ๊ย ร้อน ร้อน ร้อน!
เธอไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรกับตาซ้ายของเธอ เธอไม่อยากลืมตาขึ้นจริงๆ ในกำบังของโล่เธอเปิดเมจิคัลโฟนเพื่อกดใช้ยาฟื้นพลัง ในเวลาเดียวกันเธอก็ภาวนาว่าอย่าโจมตีมาอีกเลย เพราะบทบาทของเธอเป็นแค่ตัวล่อในแนวหน้าเธอ มันจึงดูน่าตลกดีที่ภาวนาให้ตัวเองไม่โดนโจมตี แต่ตอนนี้เหตุผลกับความรู้สึกของเธอแบ่งเป็น 2 อย่าง ตอนนี้ความรู้เจ็บปวดของเธอนั้นเพิ่มขึ้นจนสัญชาติญาณดึง
สติของเธอกลับมา เธอรู้ว่าหากโดนโจมตีแบบนี้อีกก็จบสิ้น
มีบางคนกรีดร้อง ในตอนที่ดีเทคเบลรู้สึกเหมือนว่าตัวเองใกล้จะตาย เธอก็มองไปที่ต้นเสียง เธอเห็นเด็กสาวที่สามารถแปลงครึ่งล่างของตัวเองเป็นตั๊กแตน แคลนเทลคนนั้นกำลังย่อตัวลงแนบกับพื้น หางของมังกรนั้นขยับจนเกิดลมกระโชก เหมือนว่าแคลนเทลนั้นจะพยายามกระโดดเข้าไปในวงกลมแต่หางของมังกรมันเหวี่ยงเธอออกมา
ฉมวกนั้นเสียบเข้าไปที่หางของมังกรจนเกล็ดหลุดออก เลือดของมันสาดกระเซ็น ของเหลวสีแดงไหลย้อยลงมาที่ดีเทคเบลที่อยู่ด้านล่าง ตอนนี้มังกรยืนขึ้นด้วยขาทั้งสี่ มันทั้งบาดเจ็บและโกรธมาก ร่างกายที่ดูใหญ่อยู่แล้วนั้นดูใหญ่ขึ้นอีก แค่จ้องดวงตาของมันก็ทำให้กลัวได้มากพอแล้ว มังกรนั่นมันจ้องไปที่เมลวิลล์แต่ไม่โจมตีเธอ เพราะเมลวิลล์นั้นอยู่นอกเส้นแดง ไม่ว่าจะเป็นกรงเล็บหรือลูกไฟก็ไปถึงตัวเธอไม่ได้
มังกรมันพ่นไฟไปยังแคลนเทลที่ล้มอยู่
แคลนเทลนั้นมีอาวุธฆ่ามังกร บอกได้เลยว่าชีวิตของเมจิคัลเกิร์ลทุกคนขึ้นอยู่กับมันแล้ว มังกรมันไม่โจมตีเมลวิลล์เพราะอยู่นอกระยะ แต่กับแคลนเทลนั้นไม่ใช่ มังกรมันจับจ้องเธอ ดีเทคเบลคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เป็นสัญชาติญาณรึเปล่านะ? ไม่สิ แก้มของมังกรมันขยับอยู่
มันยิ้มงั้นเหรอ?
ดีเทคเบลตกใจ
พวกเธอปรึกษาเรื่องแผนการที่จะต้องทำในที่นี้ต่อหน้ามังกร มอนเตอร์ที่มีสติปัญญาต่ำจึงไม่เข้าใจภาษาของมนุษย์ นั่นคือสิ่งที่พวกเธอคิดแต่ไม่มีใครยืนยันมันได้ว่าจริงหรือไม่
ในเวลาเดียวกันที่เปลวเพลิงจะโดนตัวเธอ ก็มีประกายแสงสีฟ้ากลิ้งมาด้านหน้าของแคลนเทล
ลาพิส ลาซูไลน์ ป้องกันเปลวเพลิงนั้นไว้ด้วยโล่ของเธอ ครั้งที่สอง และครั้งที่สามก็ด้วย
ดีเทคเบลรีบวิ่งเข้าไป เมจิคัลเกิร์ลคนอื่นก็เช่นกันแต่ไม่ทันเวลา ลาซูไลน์ถูกเป่าปลิวด้วยครั้งที่สาม กลิ้งถอยหลังจนชนกับกำแพงและหยุดนิ่ง มือของเธอห้อยต่องแต่งอยู่ข้างตัว โล่นั้นไม่ได้อยู่ในมือเธอแล้วแต่มันกลิ้งอยู่ข้างๆแทน
ตอนนี้มังกรหายใจเข้าเตรียมที่จะจัดการแคลนเทล คนที่ล้มลงอยู่ด้านหลังลาซูไลน์ แก้มของมันพองขึ้นแล้วก็หยุดลง มันจ้องมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นแคลนเทล และก่อนที่มังกรจะเจอเป้าโจมตีนั้น ฉมวกก็เสียบเข้าไปที่ลำคอของมันอีกครั้ง ไฟที่มันหายใจออกมาก็โดนกับเส้นแดงจนหายไป
มังกรลุกขึ้นยืนด้วยขาหลังและคำรามออกมา เสียงนั่นเต็มไปด้วยควาอาฆาตพยาบาท ทำให้ทั่วทั้งถ้ำสั่นไปหมด รอยแตกเกิดขึ้นเต็มกำแพงหิน หินย้อยพังถล่มลงมา บันไดเชือกเองก็สั่นสะเทือน
ถ้าเป็นมนุษย์ธรรมดาแก้วหูคงแตกไปแล้ว แม้ดีเทคเบลจะเป็นเมจิคัลเกิร์ล ร่างกายของเธอก็ยังรู้สึกสั่นจนยืนแทบไม่ไหว
ดีเทคเบลมองขึ้นไปที่ข้างๆมังกร เธอเห็นอะไรบางอย่างกำลังไต่เพดานอยู่ มันมีหางยาวและจุดสีเทาอ่อนทั่วร่าง นิ้วทั้งห้าของแต่ละเท้าแผ่ออกกว้าง ไต่เพดานอย่างรวดเร็ว
มันคือตุ๊กแก
ในระหว่างปลายนิ้วของตุ๊กแกนั้นมีขนเล็กๆเป็นร้อยเป็นพันเส้นงอกอยู่ มันเป็นการสร้างพลังพิเศษในการยึดติดวัตถุ… อย่างน้อยก็น่าจะเป็นตามบทความที่เธอเคยอ่านมานะ แคลนเทลคนที่แปลงครึ่งล่างเป็นตุ๊กแกนั้นหลบการโจมตีของมังกรด้วยการกระโดดขึ้นไปเกาะเพดาน ถือมีดฆ่ามังกรไว้ในมือขวา
เกรทดราก้อนคำรามอีกดังอีกครั้ง บางทีอาจเป็นเพราะการข่มขู่ศัตรูด้วยพลังเสียง เลยไม่รู้ว่าจะมีการโจมตีมาจากด้านบนหัว มีดนั่นแทงทะลุไปถึงสมอง ภายในเวลาไม่กี่วินาทีมังกรก็ล้มลงกับพื้น
เมื่อมังกรนั้นถูกมีดแทงเข้าไปแล้ว เลือดจำนวนมากก็พุ่งออกมาจากหัวของมัน ตัวของมันทรุดลงไปด้านหน้า ดีเทคเบลนั้นขายังสั่นไม่หยุด แต่เธอก็วิ่งไปที่กำแพง ที่ๆลาซูไลน์ไม่ขยับเขยื้อน
______________________________________________________________________
หลังจากนั้น 2 ชั่วโมง มีสายลมพัดเข้ามาในชั้นที่กำลังถูกไฟไหม้ ถ้ามองขึ้นไปก็จะเห็นว่ามีแสงส่องผ่านเข้ามาด้วย เหมือนว่าลมจะพัดเข้ามาทางช่องนี้
กลิ่นของเลือดนั้นหายไปแล้ว ไม่ใช่เพราะลมพัดออกไปจนหมด แต่เป็นเพราะที่มาของกลิ่นเลือด ศพของเกรทดราก้อนนั้นหายไป หลังจากที่มอนเตอร์ถูกจัดการไปซักพักร่างของมันก็จะหายไปเอง เลือดของมังกรที่แห้งแล้วก็หายไปด้วยเช่นกัน มีเพียงกลิ่นของการเผาไหม้เท่านั้นที่ยังคงอยู่
แม้ศพของมอนเตอร์จะหายไป แต่ศพของผู้เล่นนั้นมันจะไม่หายไป
กำแพงหินที่กลวงโบ๋ พื้นกรวดที่แผ่กว้าง เส้นโค้งสีแดงที่ถูกวาดไว้บนทางเดินที่ทำด้วยหิน
ระยะห่างจากเส้นผ่านศูนย์กลาวราวๆ 20 เมตร ที่ด้านบนมีบันไดลิงให้พวกเธอขึ้นไปได้ พวกเธอสืบสวนทุกที่เท่าที่ทำได้ ไม่มีที่น่าสงสัยอื่นนอกจากพื้นและผนังแล้ว ดีเทคเบลได้แต่ถอนหายใจ เธอทำแม้กระทั่งสืบสวนศพของเมจิคัลเกิร์ล แค่มองก็ทำให้เธอรู้สึกเศร้าแล้ว แต่เธอก็ใช้ความรู้ของตัวเองทั้งหมดที่มี แม้จะไม่ใช่การชันสูตรศพที่ดีอะไร แต่เธอก็สืบสวนต่อไป
แม้จะมีสิ่งมีชีวิตยักษ์ขนาด 15 เมตรอยู่ภายในนี้ แต่ห้องนี้ก็ยังดูกว้าง เธอได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นเรื่อยๆแล้วก็หยุดลง
“เป็นไงบ้าง?”
พีเฟิลที่ขี่หลังของชาโดว์เกลถามอย่างใจเย็น
“ไม่ไหว”
ดีเทคเบลส่ายหัวของเธอซ้ำๆ
@เนี๊ยวเนี๊ยวถูกฆ่าด้วยน้ำมือของจีโนไซโค สาเหตุการตายโดยตรงคือลูกไฟของเกรทดราก้อน
แต่เห็นได้ชัดมากว่าจีโนไซโคกระตุ้นให้เกิดการโจมตีขึ้น
เด็กผู้หญิงที่อยู่ท้ายแถวนั้นคือ @เนี๊ยวเนี๊ยว และดีเทคเบลนั้นก็ไม่สามารถถามอะไรกับเธอได้อีกแล้ว ส่วนเด็กผู้หญิงคนที่สองจากท้ายคือนกโกะจัง เมื่อเธอถูกถาม เธอก็บอกว่าตัวเธอมองกลับไปด้านหลังหลายครั้งแต่ก็ไม่เห็นมีใครตามมา เหมือนจะเป็นไปตามแผนที่พวกเราวางไว้ ไม่มีอะไรผิดพลาด
ถ้าเธอตามพวกเรามา บางทีเธออาจได้ยินที่พีเฟิลอธิบาย ถ้าข้ามผ่านเส้นแดงไปจะถูกเผาด้วยเปลวเพลิงมังกรอย่างไร้ปราณี
พลังรุนแรงมากพอที่จะทำให้หินก้อนใหญ่หายไปแบบไร้ร่องรอย แบบที่ริโอเน็ตต้าบอกไว้ว่าเหลือเพียง ‘รอยดำ’
ยูเมโนะชิม่า จีโนไซโค จะใช้เวทมนตร์ของตัวเอง สูทอมตะ ได้ด้วยการเอาที่บังหน้าลง เธอนั้นสามารถลงไปในบ่อลาวาอย่างใจเย็นๆได้ด้วย แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างที่บังหน้าของเธอกลับถูกยกขึ้น มันจึงทำให้เธอถูกเผาดำเป็นตอตะโก ถ้า @เนี๊ยวเนี๊ยวเป็นแฮมคามาคุระ จีโนไซโคก็เป็นถ่านหิน แม้ร่องรอยของเธอจะถูกเผาไหม้อย่างสมบูรณ์
เหตุผลที่ @เนี๊ยวเนี๊ยวนั้นดูดีกว่าอาจเป็นเพราะเธอติดตั้ง เครื่องรางธาตุน้ำ ไว้อยู่ แม้เธอจะถูกเผาโดยที่ไม่ได้ใช้โล่ของตัวเองกันไว้แต่ เครื่องรางธาตุน้ำ ยังคงมีผลอยู่
นั่นหมายความว่าจีโนไซโคไม่มีไอเท็มป้องกันเปลวเพลิงอะไรเลย ยกที่บังหน้าขึ้นโดยที่ไม่ได้ป้องกันตัวเอง ไม่มีไอเท็มอะไร การกระโดดเข้าหา @เนี๊ยวเนี๊ยวจึงทำให้เธอถูกย่างสด เป็นการเตรียมตัวมาฆ่าตัวตายคู่จากการโจมตีตั้งแต่ต้น
กลุ่มของเมลวิลล์นั้นเป็นพยานว่า จีโนไซโคนั้นได้ทิ้งข้อความที่บอกว่าให้ระวังคนทรยศเอาไว้
ข้อความนั่นดีเทคเบลก็ยืนยันแล้วด้วยซ้ำ
จีโนไซโคอยากจะบอกพวกเธอว่าคนทรยศคือ @เนี๊ยวเนี๊ยวงั้นเหรอ? หรือบางทีจีโนไซโคนั้นรู้ว่า @เนี๊ยวเนี๊ยวคือคนทรยศเลยจะมาหยุดเธอ หรือจะมาล้างแค้นด้วยการฆ่าทิ้งกันนะ?
พีเฟิลปัดผมหน้าของเธอแล้วมองดูพื้นที่รอบๆ เมื่อเธอเอามือไปจับผมหน้าตัวเองนั้น ข้อศอกของเธอไปโดนกับหลังหัวของชาโดว์เกล จึงทำให้เธอส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ
“คงจะไม่ได้อะไรเพิ่มเตืมจากการสืบสวนแล้วใช่ไหม?”
ดีเทคเบลเงยหน้ามองพีเฟิล เป็นเพราะเธอปัดผมหน้าขึ้นจึงทำให้มองเห็นที่ปิดตาของเธอแบบชัดๆ
มันเป็นรูปนกตัวเล็กที่ดูน่ารัก แต่ก็ดูน่าตลกด้วยเช่นกัน
“ฉันตั้งใจจะสืบสวนทุกอย่างเท่าที่จะทำได้นะ” ดีเทคเบลตอบกลับไป
“ขอบคุณมากนะดีเทคเบล งั้นก็อีกเรื่องนึง”
พีเฟิลมองขึ้นไปยังหลุมเหนือพื้นห้อง ตรงนั้นกำลังมีคนสองคนปีนลงมาอยู่ ท่ามกลางเสียงนั้นคือ ลาพิส ลาซูไลน์ เธอควรจะบาดเจ็บมากที่สุดในหมู่พวกเธอ แต่เมื่อฟื้นพลังแล้วเธอก็พูดคุยได้ตามปกติ อีกคนหนึ่งคือนกโกะจัง เธอดูหม่นหมอง ไม่ได้แสดงอาการอะไรกับการพูดพล่ามของลาซูไลน์ คงเป็นเพราะเธอรู้สึกเศร้า
ดีเทคเบลคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่นกโกะจังนั้นจะรู้สึกเศร้า เป็นเรื่องปกติ
แต่ดีเทคเบลนั้นคิดว่าการที่ลาซูไลน์ส่งเสียงหนวกหูแบบนี้มันไม่ปกติเลย เธอเป็นโล่ให้แคลนเทลและบาดเจ็บหนัก หากเธอโดนโจมตีตรงๆเธอคงตายไปแล้ว แต่เธอก็ยังทำตัวสดใส หนวกหู พูดมากเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
“เธอช่วยฝังศพทั้งสองคนหน่อยได้ไหม?” พีเฟิลถาม
เสียงนั่นกระตุ้นให้เธอทำการสืบสวนให้เสร็จสิ้น ดีเทคเบลมองกลับไปหาพีเฟิลอยู่ครู่หนึ่ง
แล้วก็พยักหน้าอย่างเงียบๆ
______________________________________________________________________
☆ นกโกะจัง
ไม่มีใครค้านเรื่องที่นกโกะจังจะขุดหลุมฝังศพด้วยตัวเอง ทุกคนมองเธอด้วยความเสียใจ ทุกคนเห็นเธอเต็มไปด้วยความโศรกเศร้า แคลนเทลเข้าหาเธออย่างช้าๆและหยิบบางอย่างจากเมจิคัลโฟนของเธอส่งไปให้นกโกะจัง
เสียงของเมจิคัลโฟนก็ดังขึ้น
“ใช้นี่สิ”
เพราะเสียงเล็กๆของเธอจึงฟังเข้าใจได้ยาก บางทีเธออาจจะส่งอะไรบางอย่างด้วยความเป็นห่วง มาให้ ในเมจิคัลโฟนของนกโกะจัง เธอเห็นชื่อไอเท็ม พลั่ว แสดงอยู่บนหน้าจอ
______________________________________________________________________
เธอใช้พลั่วนั้นขุดหลุมและกลบฝังศพ จะว่าไปหลังจากที่เดซี่ตาย เธอเองก็ช่วยคนอื่นฝังศพมา หลายครั้ง ตอนนี้ พลั่ว ที่ใครบางคนได้จากการเปิดไอเท็ม R ถูกส่งมาให้เธอ งานที่ต้องขุดหลุมฝัง @เนี๊ยวเนี๊ยว และคนอื่นก็ง่ายขึ้น
“เพราะเค้าแข็งแกร่งที่สุด เค้าจะช่วยขุดหลุมเอง โอเคนะ?”
ที่ลาซูไลน์พูดแบบนั้นเพราะเธอคิดว่านกโกะจังเจ็บปวด @เนี๊ยวเนี๊ยวและจีโนไซโค เพื่อนของเธอสองคนถูกฆ่าตายในรวดเดียว ทั้งสองคนที่จากไปคงรู้สึกเป็นห่วงนกโกะจัง ที่ตอนนี้เหลืออยู่ตัวคนเดียว
“ไม่ค่ะ…ฉัน…จะทำเอง”
“ลาซูไลน์กับฉันทำได้ ไม่เป็นอะไรหรอกนะ”
นกโกะจังก็ยังส่ายหัวเมื่อดีเทคเบลเข้ามาด้วยอีกคน
“ขอโทษค่ะ… แต่ฉันอยากทำเอง แต่ถ้าจะวางป้ายหลุมศพก็ไม่เป็นไร”
ในพื้นที่ทุ่งร้างที่ดินแข็งนั้น ถ้าหากเป็นมนุษย์การพลั่วทิ่มลงไปที่พื้นเพื่อขุดหลุมสำหรับศพ 1 ศพนั้นจะใช้เวลาราวครึ่งวัน แม้นกโกะจังนั้นจะมีพลังกายไม่มาก แต่เธอก็ยังมีพลังของเมจิคัลเกิร์ล
ฉึกกก, ฉึกกก, ฉึกกก
เธอขุดแบบแรงที่สุดเท่าที่ตัวเองทำได้ ดินที่เธอขุดขึ้นมาจากหลุมนั้นก็เริ่มกองใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
นกโกะจังมองดูพลั่ว มันไม่หักงอ บิดเบี้ยว หรือพังเลน มันรองรับความแข็งแกร่งของเมจิคัลเกิร์ลได้
ร่างของ @เนี๊ยวเนี๊ยวนั้นย่ำแย่จนมองดูแทบไม่ได้ ส่วนศพของจีโนไซโคนั้นแย่ยิ่งกว่า ยากที่จำได้ว่าเป็นใครด้วยซ้ำ ที่ลาซูไลน์ไม่อยากให้นกโกะจังขุดหลุมเพราะไม่อยากให้เธอเห็นศพ เพื่อนของตัวเองแบบนี้
หลังจากกลบหลุมเรียบร้อยแล้ว เธอก็ตบพื้นเพื่อเสร็จสิ้นพิธี ลาซูไลน์กับดีเทคเบลเอาก้อนหิน ที่หามาวางไว้ด้านบนหลุมแทนที่ป้ายหลุมศพ ตอนนี้ที่ภายนอกของเมืองทุ่งร้าง
มีป้ายหลุมศพ 6 หลุมเรียงรายกันอยู่
มันจะเพิ่มขึ้นอีกมากแค่ไหนนะ? นกโกะจังพยายามเลิกคิดแบบนี้ทันที
นกโกะจังเอาพลั่วเสียบลงพื้น ปาดเหงื่อที่หน้าผากและหลังมือ
เธอมองตรงไปข้างหน้า แสงอาทิตย์นั้นก็แรงเหมือนเช่นทุกวัน
ลาซูไลน์ก้มตัวลงที่ด้านหน้าหลุมศพ พนมมือเข้าด้วยกัน
“ขอโทษนะที่ทำได้แค่หลุมศพชั่วคราว”
นกโกะจังเองก็นั่งลงเช่นกัน เธอปิดตา และพนมมือเข้าด้วยกัน
______________________________________________________________________
☆ ชาโดว์เกล
จากที่เธอยืนอยู่ตรงกลาง จึงทำให้สามารถมองเห็นได้ทั่ว
ก่อนหน้านี้ไม่นานดีเทคเบลนั้นกำลังสืบสวนอยู่ แต่ตอนนี้เธอออกไปกับเมจิคัลเกิร์ลคนอื่นในพื้นที่ที่เปิดใหม่แล้ว ตอนนี้พวกเธอคงสำรวจพื้นที่ใหม่อยู่ ในห้องโถงตอนนี้ไม่มีใครอยู่แล้วชาโดว์เกลจึงรู้สึกโดดเดี่ยว ก่อนหน้าที่เมจิคัลเกิร์ลคนอื่นจะมา เจ้าเกรทดราก้อนนั่นมองมาทางนี้อยู่ตลอด ถ้าเป็นมอนเตอร์ในเกมแบบนั้นก็เป็นเพียงแค่ข้อมูล เธอก็ยังคงเห็นอกเห็นใจว่ามันมีสติปัญญาต่ำ แต่ชาโดว์ก็ไม่อยากมีบทบาทอะไรเหมือนกัน
“ตอนนี้เธอคิดเรื่องที่มันสะเทือนอารมณ์อยู่สินะ?”
เมื่อได้ยินเสียงที่มากระซิบข้างหู เธอก็สะดุ้งทันที
“ก็ไม่ได้แย่อะไรหรอก ที่ตอนนี้เธอหยุดคิดเรื่องเกรทดราก้อนเพื่อนรักของเราน่ะ”
“หยุดอ่านใจฉันได้แล้ว” ชาโดว์เกลสวนกลับ
“พวกเรารู้จักกันและกันมานานแล้วใช่ไหมล่ะ? ถ้าเป็นเรื่องในใจมาโมริล่ะก็ ฉันอ่านได้เหมือนกับอ่านหนังสือเลยล่ะ อย่างเช่น…มาโมริ เธอคิดว่าฉันเนี่ยเหมือนกับลุงแก่ๆใช่ไหม?”
“ไม่ได้คิดแบบนั้นซักหน่อย”
“จริงอ่ะ? แต่ตอนนั้นเธอล่ะเป็นห๊วงเป็นห่วงที่ฉันนั่งบนเก้าอี้ในห้องเธอ เก้าอี้แสนรักที่เธอเอาเงินเก็บหอมรอมริบไปซื้อ ทั้งสีทั้งการตกแต่งของมันก็แบบว่า เหมือนจะเหมาะกับคนแก่มากกว่าอีก ”
“มันไม่ใช่เรื่องอะไรของเธอนี่นา”
“ถ้าเธอรู้สึกเห็นอกเห็นใจเจ้าเกรทดราก้อนเพื่อนรักแบบนี้ มันก็เหมือนว่าเธอจะทำภารกิจที่ฉันวางแผนไว้ให้ไม่ได้เอาน่ะสิ ”
โทนเสียงของเธอลดต่ำลง เป็นเพราะแบกเธออยู่บนหลังจึงไม่มีทางที่มาโมริจะเห็นสีหน้าท่าทางของเธอ แต่เหมือนว่าเธอจะจริงจัง
“แล้วจะสั่งอะไรล่ะ?”
“แค่งานน่ะ ไม่ใช่เรื่องน่ารำคาญหรืออันตรายอะไร ก่อนอื่นก็ปีนขึ้นบันไดลิงออกจากที่นี่กันก่อน”
______________________________________________________________________
เธอทำตามที่พีเฟิลบอกคือขึ้นบันไดลิงที่เป็นทางเข้าของพื้นที่ใหม่ การที่ปีนไปด้วยพร้อมแบกคนไปด้วยมันเป็นอะไรที่ลำบากมาก หากเป็นมนุษย์ธรรมดาคงจะตกลงไปแล้ว วันนี้เองชาโดว์นั้นก็ทรมานหลายครั้ง เธอคิดว่าการเป็นเมจิคัลเกิร์ลคือสิ่งที่ดี แต่เพราะการที่เป็นเมจิคัลเกิร์ลนี่แหละเธอถึงรู้สึกว่าตัวเองต้องมาทำอะไรแบบนี้
หลังจากที่คลานออกจากบันไดลิงได้แล้ว พวกเธอก็มองเห็นผืนน้ำขนาดใหญ่ ด้านขวาเป็นแนวหิน ส่วนด้านซ้ายเป็นกำแพงหิน ทุกอย่างมันดูเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่สิ่งที่ประดิษฐ์ขึ้นมา ยิ่งไปกว่านั้นที่รอบๆตัวของพวกเธอเป็นทะเลสาบใต้ดินขนาดใหญ่เส้นผ่านศูนย์กลางราวๆ 1 กิโลเมตร
และหลุมก็สิ้นสุดที่ฝั่ง เพดานที่สูงขึ้นไป 10 เมตรนั้นเต็มไปด้วยหินย้อยจำนวนมาก หากเทียบกับพื้นด้านล่างแล้วขนาดก็ไม่ก็สูงมากนัก
ทุกอย้างถูกย้อมไปด้วยสีเขียว น้ำในทะเลสาบนั้นก็เป็นสีฟ้าสดใส มันเย็นกว่าอากาศของใต้ดินอีก
มีอากาศสดชื่น หากจะอธิบายสิ่งที่เห็นได้คงมีแต่คำว่าลึกลับและอัศจรรย์ รายละเอียดของพื้นที่มันดูซับซ้อนมากสำหรับการเชื่อมต่อพื้นที่สองพื้นที่เข้าด้วยกัน ในขณะที่ชาโดว์เกลกำลังประทับใจอยู่นั่น ความรู้สึกอ่อนไหวของเธอก็เริ่มหยุดลง เลิกหยุดพักและขยับขา โชคดีที่ไม่มีมอนเตอร์ปรากฏตัวออกมาเพราะประตูที่แบ่งพื้นที่ถัดไปอยู่ใกล้ๆ
เป็นเพราะความชื้นจากทะเลสาบเลยทำให้มอสมันเติบโตบนก้อนหิน
น้ำในทะเลสาบดูใสมาก แต่ก็ไม่สามารถระบุได้ว่าที่ด้านล่างมีอะไรอยู่ พวกเธอจึงใช้ทางอ้อม เอามือสัมผัสกับหินที่กลวงโบ๋ไปเรื่อยๆ เมื่อเดินตามเข็มนาฬิกาได้ครึ่งรอบ เธอก็มาถึงที่ๆกำแพงด้านซ้ายมีช่องว่าง เป็นเพียงที่เดียวในที่แห่งนี้ที่ดูเหมือนจะเกิดจากมือของมนุษย์ มันมีทางเดินขึ้นไปด้านบน พวกเธอเดินต่อไปจนถึงมประตูไม้บางๆด้านบนสุด หลังจากเปิดเข้าไปแล้วในที่สุดพวกเธอก็ได้เข้ามายังพื้นที่ใหม่
นี่คือพื้นที่ห้องสมุด ที่นี่มีชั้นหนังสือที่อัดแน่นไปด้วยหนังสือเรียงรายกันอยู่จากฝากหนึ่งไปยังอีกฝากหนึ่งของสายตา อีกฝั่งหนึ่งก็เช่นกัน
ทุ่งร้าง, ทุ่งหญ้า, ภูเขา, ในเมือง, ใต้ดิน และในตอนนี้ ด้วยเหตุผลอะไรซักอย่าง มันจึงเป็นห้องสมุด
ชาโดว์เกลวางพีเฟิลลงบนเก้าอี้ และก็นั่งลงที่อีกฟากหนึ่งของโต๊ะ อย่างน้อยตอนนี้เธอก็รู้สึกปลอดภัยและเริ่มมองไปรอบๆตัว ที่นี่มี 3 สิ่งสำคัญเหมือนในพื้นที่ใต้ดิน นั่นก็คือกลิ่นเชื้อรา ความน่าเบื่อ และแสงอาทิตย์ เก้าอี้นั้นหากนั่งไปนานๆก็ทำให้เจ็บก้นได้ โต๊ะยาวๆก็พังได้หากไปทำลายมัน ถ้าวิ่งแผ่นกระดานที่พื้นก็อาจหลุดออกมาได้ แค่พวกเธอเดินบนนั้นก็มีเสียงเอี๊ยดอ๊าดแล้ว
ถ้าหากมองขึ้นไปยังเพดาน ก็จะเห็นแผงถูกตอกอยู่เป็นแนวทแยง บางทีอาจจะเป็นร่องรอยของการซ่อมแซมที่ทำได้ไม่ดีก็ได้ จุดซ่อมแซมนั้นเรียงตัวกันอย่างสวยงามเหมือนในวีดีโอเกม
นั้เป็นครั้งที่สองแล้วที่เธอมาที่นี่ แต่ไม่ว่าจะมากี่ครั้งมันก็ปกคลุมไปด้วยฝุ่นเสมอ
ตอนที่พวกเธอมาที่นี่ครั้งแรก พีเฟิลถึงกับตะโกนออกมาว่า ”สุดยอด!” พร้อมกับหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน แต่หนังสือทั้งหมดกลับมีแต่หน้าว่าง ไม่ว่าจะหยดน้ำ เอาสารเคมีมาราด เผา หรือแค่ดม มันก็เป็นแค่กระดาษเปล่าๆ หลังจากนั้นเธอก็ไม่แตะต้องหนังสือเล่มไหนอีก
“เอาล่ะ มายืนยันอะไรกันหน่อยดีกว่า” พีเฟิลพูด “ดูที่สมุดภาพไอเท็มของพวกเรานะ หากปาร์ตี้อื่นซื้อไปแล้วแต่ก็ยังคงมีประโยชน์อยู่ดี มาดูกันว่าในร้านค้าที่นี่พวกเราซื้ออะไรได้บ้าง”
พรมเวทมนตร์ที่ทำให้บินบนฟ้าและสามารถแบกรับน้ำหนักของผู้ใหญ่หนึ่งคนได้ ความเร็วสูงสุดนั้นเร็วเทียบเท่ากับการวิ่งของผู้ใหญ่ แต่ละพื้นที่นั้นมีขนาดไม่เท่ากัน พื้นที่ทุ่งร้างนั้นมีความกว้างจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งอยู่ที่ 300 กิโลเมตร การเคลื่อนไหวแบบธรรมดาของเมจิคัลเกิร์ลนั้นคือการวิ่ง ยานพาหนะที่ทำความเร็วได้แค่เทียบเท่าการวิ่งของคนธรรมดานั้นไม่จำเป็นเลย นอกจากพีเฟิลคนที่เสียวีลแชร์ของตัวเองไปแล้ว ก็ไม่มีเมจิคัลเกิร์ลคนไหนที่ต้องการยานพาหนะหรอก
เครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ เป็นเครื่องรางแบบเดียวกับที่เจอในพื้นที่ใต้ดิน ทำให้ผู้สวมใส่มีพลังธาตุศักดิ์สิทธิ์ สามารถป้องกันตัวเองจากมอนเตอร์ที่ชั่วร้ายได้ และเพิ่มพลังโจมตีใส่พวกมันได้ด้วย
จากหนังสือภาพมอนเตอร์ มอนเตอร์ที่ปรากฏตัวในพื้นที่นี้คือ มารและภูตผี ด้วยเหตุผลนี้มันจึงเป็นไอเท็มที่จำเป็น
อาวุธ+7 คงไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก เป็นอาวุธที่พัฒนามาจาก อาวุธ+5 ใช้ง่าย ทนทาน และแข็งแกร่งกว่า อาวุธ+5 ทั้งหลายแหล่ แต่ว่าราคาของมันนี่สูงมาก แพงถึงขนาดที่ว่าต้องฆ่ามังกร 100 ตัวถึงจะซื้อมันได้ ผู้เล่นหลายคนนั้นใช้แคนดี้เกือบทั้งหมดเพื่อให้ได้มันมาครอบครอง
โล่+7 เมจิคัลเกิร์ลบางคนให้ความสำคัญกับการซื้อสิ่งนี้มากกว่าอาวุธ ไม่รวมเมจิคัลเกิร์ลที่เหมาะกับการใช้โล่…ตัวอย่างก็เช่น แคลนเทล จนถึงตอนนี้ก็ไม่มีเมจิคัลเกิร์ลคนอื่นใช้โล่แบบปกติกันเลย ทำไมนะ? เพราะโล่ใหญ่ๆแบบนี้ มันไม่สวย ไม่เข้ากับเมจิคัลเกิร์ลผู้งดงามเหรอ แบบนี้มันก็เสียเปล่า เป็นอุปสรรคและทำให้ขยับได้ยาก แต่เมจิคัลเกิร์ลนั้นก็ยังคงงดงามอยู่ดี
แต่กระนั้นในทางทฤษฎี เมจิคัลเกิร์ลทุกคนรู้ว่าโล่นั้นจะป้องกันการโจมตีของศัตรู และทำให้ชีวิตพวกเธอยืนยาวขึ้น
พีเฟิลเลื่อนสมุดภาพไอเท็ม
“เท่านี้ก็ดูไอเท็มในร้านค้าหมดแล้ว ต่อไปก็ไอเท็มที่ได้จากการเปิดไอเท็ม R ”
ไอเท็มแบบสุ่มที่จะได้มาจากไอเท็ม R นั้นต้องจ่าย 100 แคนดี้ทุกครั้ง ไอเท็มที่เปิดได้มานั้นเป็นแผนที่ที่ขายได้ 3 แคนดี้อยู่แทบตลอด ส่วนไอเท็มอื่นนั้นพวกเธอไม่เคยได้เลย
ทุกครั้งที่พีเฟิลและชาโดว์เกลได้รับรางวัลเคลียพื้นที่ พวกเธอจะเอามาซื้อไอเท็ม R หลายครั้ง
พวกเธอเองก็ได้ไอเท็มหลายอย่างที่ไม่ใช่แผนที่ด้วย
ชุดแปรงสีฟัน ที่มีแก้วกับแปรงสีฟันธรรดา แน่นอนว่ามียาสีฟันด้วย
ธนูยางกับลูกศร เป็นธนูของเล่น ที่ลูกศรนั้นจะไปติดกับที่ๆยิงไป
เชือกสำหรับเอาไว้ปีนเขาความยาว 30 เมตร
“ฮ่าฮ่าฮ่า! มีแต่ของในชีวิตประจำวันทั้งนั้นเลย!”
ตามที่พีเฟิลพูด มันมีแต่ของที่พวกเธอคิดว่าไม่น่าจะช่วยจบเกมอะไรได้เลย จำนวนทั้งหมดเองก็คือ 1(1) นั้นก็ต่ำด้วย ถึงจะเป็นแรร์ไอเท็ม แต่มันก็เป็นแค่ของที่ใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไป ทีมของพีเฟิลนั้นไม่มีไอเท็มจำพวก หม้อ, จานชาม, พลั่ว เลย มันยังมีช่องว่างอีกมากในรายการของไอเท็ม R ที่ยังไม่ถูกเติมเต็ม บางทีพวกมันอาจจะเป็นของที่ใช้ในชีวิตประจำวันทั้งหมดเลยก็ได้
“แต่ยังมีเรื่องนึงที่น่าสนใจ เธอว่าไหม?”
เปลี่ยนสถานที่เริ่มเกม เป็นแอปที่ผู้เล่นสามารถเลือกพื้นที่เริ่มเกมตอนที่ล็อกอินเข้ามาเป็นที่ใดก็ได้ที่ถูกเปิดไว้แล้ว สรุปคือ ผู้เล่นสามารถเลือกพื้นที่ที่อยากจะเริ่มเกมตรงไหนก็ได้ เพื่อเป็นการประหยัดเวลา เหมือนกับการใช้บัตรผ่านและแผนที่ที่แลกเปลี่ยนกันใช้ในปาร์ตี้
“น่าสนใจใช่ไหมล่ะ?”
การเปลี่ยนสถานที่เริ่มเกมได้นั้นเป็นอะไรที่ง่ายๆแต่มีประโยชน์
มันช่วยประหยัดเวลาที่ต้องใช้ในทุกๆ 3 วัน
พีเฟิลเลื่อนช่องเก็บไอเท็ม ไอเท็มตากกิจกรรมล่าสุดที่พวกเธอได้มานั้นแสดงอนู่บนจอ
โล่มังกร เป็นไอเท็มที่ดรอปจากเกรทดราก้อนที่มีค่าพลังเทียบเท่า โล่+12
ก่อนที่จะสู้กับเกรทดราก้อนนั้น เหมือนว่าพีเฟิลจะหมกมุ่นอยู่แต่กับของรางวัล เธออยากได้ทั้งแคนดี้และเงินรางวัล แต่เพราะไม่มีใครฟังเธอจึงเอาแค่ไอเท็มที่ดรอป ส่วนแคนดี้กับเงินรางวัลนั้นจะถูกแบ่งเท่าๆกัน ชาโดว์เกลรู้ว่าพีเฟิล หรือคาโนเอะ ฮิโตโคจินั้นทำอะไรที่ไม่ธรรมชาติเอามากๆ คาโนเอะไม่ได้อยากได้แคนดี้ ไม่มีเหตุผลที่เธออยากได้เงินเป็นล้านด้วย
เธอเป็นคนโลภ จึงวางแผนที่ทำให้ได้ไอเท็มที่ดรอปมาดูเป็นธรรมชาติ คาโนเอะเป็นคนที่เก่งในการวางทริคเล็กๆอะไรแบบนี้
“นี่แหละคือคีย์ไอเท็มของ พวกเรา”
“งั้นเหรอ?”
ถ้าจะซื้อเจ้านี่พวกเธอคงต้องเทแคนดี้ทั้งหมดที่พวกเธอรวบรวมมาได้ ในที่สุดพวกเธอก็ได้โล่ที่เลเวลของมันสูงกว่าเลเวลปัจจุบัน 5 เลเวลมา จากความแข็งแกร่งของเกรทดราก้อน นี่คงเป็นโล่ที่แข็งแกร่งที่สุดในเกมแล้ว
“เอาล่ะ แผนของพวกเราหลังจากนี้-”
“ก่อนเรื่องนั้น ฉันอยากถามอะไรหน่อย”
ถ้าอยากทำอะไรซักอย่างก็จงทำอย่างเงียบๆ และเมื่อทำสำเร็จแล้ว ก็จะพูดได้อย่างภูมิใจว่าตัวเองทำได้แล้ว นี่คือสิ่งที่อธิบายตัวตนของพีเฟิล ถ้าอยากได้ยินบางสิ่งมันต้องได้ยินตอนนี้จะดีกว่า หากทุกอย่างจบลงแล้วมันก็เหมือนการโอ้อวด พีเฟิลยกศอกขวาของเธอขึ้น แล้วก็พูดว่า “เชิญเลย”
“ถ้า @เนี๊ยวเนี๊ยวเป็นคนทรยศจริง… อย่างน้อยมันก็เป็นไปตามที่จีโนไซโคคิด”
“ถ้าเป็นจริง ก็ไม่เห็นว่าต้องตายตามกันไปเลยนี่”
“คิดต่างไปงั้นเหรอคะ นายหญิง?”
“จีโนไซโคตั้งใจจะทำอะไรกันแน่?”
พีเฟิลวางเมจิคัลโฟนของเธอลงบนโต๊ะ และกดใช้สมุดภาพไอเท็ม เธอเลื่อนหน้าจอหลายครั้งจนกระทั่งถึงหน้ารายละเอียดของมิราเคิลคอยน์ ที่หน้านั้นจำนวนยังคงเป็น 1(1) อยู่
“@เนี๊ยวเนี๊ยวไม่ใช่คนที่ขโมยมิราเคิลคอยน์ไป คัมภีร์ทั้งหมดของเธอถูกเผา เมจิคัลโฟนของเธอก็ใช้การไม่ได้ หากเธอเป็นคนที่ขโมยไปจริงๆล่ะก็ จำนวนมันก็ควรกลับไปเป็น 0”
หมายความว่าคนที่ฆ่ามาสก์วอนเดอร์นั้นยังคงอยู่ในเกม
“…อีกอย่างนึง ถ้าไม่ว่าอะไรนะ”
“อะไรล่ะ?”
“มันจำเป็นที่ต้องรวบรวมคนมามากแบบนี้เพื่อกำจัดเกรทดราก้อนด้วยเหรอ?”
ชาโดว์เกลวางมือลงบนเข่าของเธอ แล้วก็มองไปที่พีเฟิล พีเฟิลเองก็เอาศอกขวาของเธอวางลงบนโต๊ะ เอามือขวานั้นค้ำหวตัวเองไว้และมองกลับมาที่ชาโดว์เกล พีเฟิลนั้นรู้สึกสงบนิ่งแม้จะรอดจากปากแห่งความตายมาได้
“นี่เธอลืมเรื่องการต่อสู้ที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายไปแล้วเหรอ? ที่พวกเราชนะได้ก็เพราะทุกคนรวมพลังกัน ไม่ใช่รึไง?”
ชาโดว์เกลปฎิเสธไม่ได้ว่ามันการต่อสู้ที่เสี่ยงตาย ถ้ามีอื่นตายนอกจาก @เนี๊ยวเนี๊ยวกับจีโนไซโคแล้วเธอไม่แปลกใจ แต่มันจำเป็นต้องใช้คนมากจริงๆงั้นเหรอ? หลังจากที่เกรทดราก้อนถูกกำจัดไปแล้ว ชาโดว์เกลคิดว่าใช้คนจำนวนน้อยมันยังจะปลอดภัยกว่าอีก เธอไม่คิดว่าพีเฟิลนั้นจะไม่ได้คิดอะไรแบบนี้แน่
นอกจากนี้ ท่าทีของพีเฟิลก็ดูแปลกๆ
ย้อนกลับไปตอนประถม ตอนที่เธอโดนดอดจ์บอลเข้าที่หน้าก็มีเลือดไหลออกมาจากจมูก
แต่เธอก็ยังพูดอย่างใจเย็นว่า “โดนหน้าไม่นับใช่ไหมล่ะ?”
วันก่อนที่เธอเตรียมตัวไว้มากมายเพื่อที่จะสู้กับเชอร์น่าเมาส์ แต่เธอก็แพ้การดวลแถมยังเสียงวีลแชร์ของตัวเองไปอีก กระนั้นเธอก็ยังยกย่องคู่ต่อสู้ว่า “เวทมนตร์ของเธอนี่ยอดเยี่ยมจริงๆ” อีกต่างหาก ในขณะที่เธออยู่บนหลังของชาโดว์เกล พีเฟิลนั้น… คาโนเอะนั้น… แม้เธอจะทำพลาด เธอก็ไม่ได้ทำอะไรเพื่อรักษาหน้าตัวเอง ทำราวกับว่ามันไม่ใช่ความผิดพลาด และทุกคนก็เหมือนถูกเธอหลอกว่าไม่เคยแพ้
แม้ตอนที่สู้กับเกรทดราก้อนที่แผนมันเกือบจะล้มเหลว ถึงแม้พวกจะกำจัดมังกรตามเป้าหมายลงได้
เรื่องของจีโนไซโคนั้นเป็นกรณีพิเศษ แต่ @เนี๊ยวเนี๊ยวนั้นต้องสละชีวิตด้วยความที่เกือบจะไร้เหตุผล พีเฟิลไม่ได้คิดว่าการสละชีวิตนั้นคือปัญหา ชาโดว์เกลคิดว่าแบบนี้มันแตกต่างจากความปกติที่จะแสดงถึงความกล้าหาญ ความภาคภูมิใจ หรือความโลภของเธอ ชาโดว์เกลเอาความรู้สึกตัวเองใส่ลงไปในคำพูดไม่ได้ มันจึงทำให้ตัวเธอรู้สึกต่างออกไป เธอรู้สึกอึดอัด
ชาโดว์เกลคิดว่าพีเฟิลนั้นคาดหวังบางอย่างใช่ไหมนะ? แม้ว่าเรื่องของจีโนไซโคกับ @เนี๊ยวเนี๊ยว นั้นจะไม่ได้อยู่ในสิ่งที่พีเฟิลคิดไว้ แต่เธอก็คาดเดาว่าต้องมีบางคนจะทำอะไรบางอย่าง ดังนั้นเธอจึงรวบรวมคนมา แบบนี้ไม่ว่าใครจะทำอะไรก็ทำได้ไม่ง่ายแล้ว
พีเฟิลบอกว่าเธอจะมองหาคนที่เป็นคนร้าย ถ้ามีบางคนจะทำอะไรบางอย่าง นั่นจะเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับเธอ ดังนั้นพีเฟิลจึงเตรียมทางที่จะให้ข้อมูลสำคัญมันเกิดขึ้นได้เอาไว้
ตอนที่เธอบอกเรื่องคนที่ฆ่ามาสก์วอนเดอร์กับคนอื่น มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรพูดออกมาในสถานการณ์ที่สับสนวุ่นวายแบบนี้ไม่ใช่เหรอ? ควรรอให้ทุกคนใจเย็นก่อนไม่ดีกว่ารึไงนะ? เธอรู้ว่ามันจะก่อให้เกิดความอลหม่าน เพื่อที่จะอยากเห็นปฎิกิริยาของทุกคนในเวลาท่ามกลางความเคร่งเครียดแบบนี้ เธอจึงเลือกที่จะทิ้งระเบิดลงมา
ถ้าหากสิ่งที่ชาโดว์เกลคิดเป็นเรื่องจริง หนึ่งในสาเหตุการตายของ @เนี๊ยวเนี๊ยวนั้นก็คือพีเฟิล
มีเพียงตัวร้ายเท่านั้นที่จะสร้างความอลหม่านเพื่อที่จะเห็นปฎิกิริยาของบางคนแบบนี้ คนอื่นไม่มีทางทำอะไรแบบนี้ได้เลย แต่พีเฟิลนั้นคือตัวร้ายที่ชาโดว์เกลคิดว่ามีความสามารถเพียงพอที่จะทำอะไรแบบนี้
ชาโดว์เกลจ้องไปที่พีเฟิลอย่างเงียบๆ ทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิม ชาโดว์เกลนั้นอ่านสีหน้าท่าทางของเธอไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่
พีเฟิลเปิดปากพูดโดยไม่สนความรู้สึกในใจของชาโดส์เกล
“ฉันมีความคิดดีๆอย่างนึง”
“อะไรล่ะ?”
“ยุบปาร์ตี้นี้ทิ้งกันเถอะ”
มือของชาโดว์เกลนั้นลื่นหลุดจากเข่าของเธอในขณะที่จ้องมองไปที่พีเฟิลอย่างแรง แก้มของพีเฟิลนั้นเต็มไปด้วยความสนุกสนาน
______________________________________________________________________
☆ เพจิกะ
พื้นที่ถัดไปที่ใช้เวลานานในการเปิดนั้นคือพื้นที่ห้องสมุด ในพื้นที่ห้องสมุดนั้นที่พื้นก็ยังคงชื้นแฉะ
และยังมีกลิ่นที่ไม่น่าพึงประสงค์อยู่ แต่จนถึงตอนนี้นั้น พื้นที่ทุ่งร้าง, ทุ่งหญ้า ภูเขา, ในเมือง, และใต้ดินนั้นไม่เห็นจะดูสมเหตุสมผลตรงไหนเลย
ความรุนแรงนั้นเป็นสิ่งที่ไม่เข้ากับห้องสมุด ที่นี่เป็นที่ๆเอาไว้หาปัญญาความรู้ เพจิกะเห็นชัดว่าการต่อสู้นั้นคือสิ่งตรงข้ามกับคำพูดข้างต้น และไม่เหมาะสมกับที่ๆเธออยู่ แค่วิ่งบนทางเดินก็เหมือนกับก่ออาชญากรรมแล้ว
แคลนเทลเองก็ไม่ค่อยถูกกับพื้นที่ห้องสมุดนัก ที่ห้องสมุดนี้ตกแต่งในแบบยุคเก่า และเต็มไปขนาดด้วยฝุ่นในชนิดที่ว่าหากขยับอะไรเพียงนิดเดียวก็ทำให้ฝุ่งฟุ้งได้แล้ว มันทรุดโทรมมาก ร่างกายครึ่งล่างที่เป็นม้าหากวิ่งก็อาจทำให้แผ่นกระเบื้องที่พื้นพังได้ ตอนที่เธอเข้ามาในห้องสมุดนั้นเธอก็เปลี่ยนครึ่งร่างเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กเพื่อต่อสู้ ในตอนเริ่มแรกครึ่งล่างของเธอเป็นโพนี่ แต่เมื่อเธอรู้ว่าสัตว์สี่เท้านั้นสู้ในที่แคบๆลำบาก เธอจึงเปลี่ยนร่างเป็นลิงยักษ์ ลิงนั้นดูใกล้เคียงกับมนุษย์มากกว่าสัตว์สี่เท้า แต่ก็ยังคงเป็นสัตว์อยู่ดี เพราะแบบนั้นตัวเธอจึงดูน่ากลัว เพจิกะคิดว่าแคลนเทลเป็นกวางหรือโพนี่มันน่ารักกว่าตั้งเยอะ
ที่พื้นที่ห้องสมุดนี้มีอะไรไม่เหมือนกับพื้นที่ก้อนหน้านี้ อย่างแรกคือพฤติกรรมของมอนเตอร์
ส่วนอย่างอื่นนั้นเป็นเพราะเอกลักษณ์ของพื้นที่
______________________________________________________________________
การโจมตีของมังกรของโนนาโกะทำให้ควันสีดำกระจัดกระจายออกไป พวกมารแปรงร่างเป็นสิงโตสีดำโจมตีเพจิกะ เธอนั้นสวมใส่ โล่+7 อยู่ เมื่อรับการโจมตีไปได้ 3 ครั้งเธอก็รีบไปนั่งที่เก้าอี้ทันที
เมื่อสิงโตเห็นเพจิกะนั่งอยู่ที่เก้าอี้ มันก็หยุดโจมตี
แคลนเทลใช้โอกาศที่ไม่คาดคิดนั้นเสียบหอกทะลุตัวของสิงโตผ่านชั้นหนังสือ แต่เพราะสิงโตมันพยายามจะหลบหอกของเธอจึงไปถูกไหล่ของมันแทน ด้วยการที่ร่างของเธอเป็นลิงยักษ์ ร่างกายครึ่งล่างของแคลนเทลจึงโจมตีด้วยหอกอีกอันหนึ่ง คราวนี้สิงโตมันหลบไม่ได้ เธอบิดลำตัวของมันสองสามครั้งจนสลายหายไป ริโอเน็ตต้าเองก็ยืดข้อต่อของตัวเองให้มากที่สุดและจัดการพวกมารที่บินได้ ในขณะที่มังกรของมิโยคาตะ โนนาโกะนั้นหั่นศัตรูออกเป็นชิ้น ตัวเธอก็ใช้โกเฮย์ (ไม้เท้าชำระของมิโกะ) ของตัวเองจัดการ
มีมอนเตอร์หลากหลายชนิดปรากฎตัวอยู่ในพื้นที่ห้องสมุด… หรืออย่างน้อยพวกเธอก็คิดแบบนั้น แต่ตามที่สมุดภาพมอนเตอร์บอกเอาไว้นั้นบอกว่าพวกเธอคิดผิด ในพื้นที่ห้องสมุดนั้นมีมอนเตอร์เพียง 3 ชนิด ทำไมถึงเข้าใจผิดน่ะเหรอ? ก็เพราะว่ามอนเตอร์ในพื้นที่ห้องสมุดนั้นมันเปลี่ยนรูปร่างตัวเองได้
ตัวของพวกมันลอยเด่นจากความมืด ดูเหมือนกับเป็นนางฟ้าสีดำ นั่นคือร่างปกติ ส่วนมอนเตอร์ที่ชื่อว่า ‘อสูร’ และ ‘มาร’ นั้นสามารถแปลงเป็นสัตว์ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งสิงโต, เสือดาว, ฮิปโป, นกอินทรี, ช้าง แม้กระทั่งมังกรที่พวกเธอเจอในพื้นที่ใต้ดิน
ความจริงพวกสัตว์มันไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยอะไร ขนาดเพจิกะยังสามารถสู้กับมันได้ เธอสามารถสู้กับสัตว์ได้จริงๆ พลัง ความเร็ว และความแข็งแกร่งของเมจิคัลเกิร์ลนั้นมีมากกว่าสัตว์ป่าซะอีก
ปัญหานั้นไม่ได้อยู่ที่พวกมันแปลงร่างเป็นสัตว์ แต่พวกมันแข็งแกร่งและว่องไวมากพอที่จะสู้กับเมจิคัลเกิร์ล แถมยังเปลี่ยนร่างให้เข้าสถานการณ์ได้อีก มีเพียงเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ที่เพิ่มพลังโจมตีธาตุกับพลังป้องกัน, อาวุธ+7 และการร่วมมือกันกับเพื่อนเท่านั้นที่จะต่อกรกับมันได้
ด้วยชื่อ ‘อสูร’ และ ‘มาร’ เห็นได้ชัดว่ามันเป็นคนละประเภท แต่การที่จะหาว่ามันแตกต่างกันยังไงนั้น ทั้งแคนดี้ที่ดรอป ทั้งทักษะการเปลี่ยนร่างของพวกมันเหมือนกัน แต่มิโยคาตะ โนนาโกะก็เจอข้อแตกต่างเป็นคนแรก
“โอ๊ะ! พอดูใกล้ๆแล้ว ทรงผม ไม่เหมือนกันนี่นา! ”
‘อสูร’ นั้นผมจะม้วนเข้า ส่วน ‘มาร’ นั้นผมจะม้วนออก ทั้งตัวของพวกมันนั้นเป็นสีดำ ส่วนอย่างอื่นนอกจากผมนั้นมันเป็นแบบว่า ‘ดูคล้ายกับเส้นผมแต่ไม่ใช่เส้นผม’ มันเป็นอะไรที่อธิบายยากซักหน่อย
นอกจาก ‘อสูร’ และ ‘มาร’ แล้วนั้นก็ยังมี ภูติผี ปรากฏตัวอีกด้วย มันหายตัวไปเหมือนกับหมอกดำ ถ้าหากมองดูใกล้ๆ รูปร่างของมันนั้นคือผู้หญิง ถ้าเตะหรือต่อยไปก็จะผ่านตัวมันไปทั้งหมด ไม่ใช่แค่การโจมตี แต่ทั้งพื้น เพดาน โต๊ะยาว ชั้นหนังสือ มันทะลุผ่านได้ทั้งหมด แต่พวกเรานั้นก็ยังเจ็บตัวได้หากภูติผีมันโจมตีมา เป็นศัตรูที่โจมตีอยู่ฝ่ายเดียว…ถ้าไม่มี เครื่องรางศักดิ์สิทธ์ น่ะนะ
ด้วยการสวมใส่ เครื่องรางศักดิ์สิทธ์ มันก็สามารถทำให้ตอบสนองกับพวกภูติผีได้ และสามารถสร้างความเสียหายได้อีกด้วย เสียงกับแสงสามารถทำให้เกิดความเสียหายได้เช่นกัน แต่ในกลุ่มของเพจิกะนั้นไม่มีใครทำแบบนั้นเลย พวกเธอเลยโจมตีแบบธรรมดา
พอใช้ เครื่องรางศักดิ์สิทธ์ พวกภูติผีนั้นไม่แข็งแกร่งอีกต่อไป พวกเธอก็ปล่อยให้สัตว์เลี้ยงของมิโยคาตะ โนนาโกะนั้นจัดการแทน ส่วนเมจิคัลเกิร์ลก็หันไปจัดการกับพวกอสูรและมาร เพจิกะนั้นเน้นการป้องกันเป็นหลักจนตอนนี้มันกลายเป็นรูปแบบการต่อสู้ของเธอแล้ว
สิ่งสำคัญของพื้นที่ห้องสมุดนั่นคือการมีจุดปลอดภัยอยู่ในพื้นที่ ถ้าหากนั่งลงบนเก้าอี้มอนเตอร์นั้นจะไม่โจมตีแน่นอน หากตัวเองตกอยู่ในอันตรายแค่นั่งลงได้เท่านั้นก็จะปลอดภัยจากการโจมตีได้แล้ว เรื่องแบบนี้มันเป็นอะไรที่ดีมากๆสำหรับเมจิคัลเกิร์ลที่ไม่ได้มีทักษะการต่อสู้สูง เมื่อเวลาจะขยับตัวต่อสู้ก็ต้องสอดส่องดูว่ารอบๆนั้นมีเก้าอี้อยู่รึเปล่า ทุกคนเองก็คิดถึงเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เพจิกะคนเดียว
เมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่อื่นจนถึงตอนนี้ มันก็รู้สึกดีที่ได้ผ่อนคลายกับมื้ออาหารมากขึ้น ถ้าทุกคนนั่งลงบนเก้าอี้ พวกเธอก็จะลืมเรื่องรอบตัวไปได้เลย และสามารถทานอาหารอร่อยๆได้อย่างสบายใจ
______________________________________________________________________
เพจิกะเตรียมหม้อทำอาหาร ตัวเธอมีหินและทรายจากพื้นที่ใต้ดินเก็บเอาไว้ 5 นาทีผ่านไปสิ่งที่อยู่ในมือของเธอนั้นก็กลายเป็นอาหารอร่อยๆ เมนูของวันนี้คือฮายาชิไรซ์
“แบบ นี้ เจ้าอสูรนั่นก็เหมือนกับแคลนเทลเลยนี่นา มันเปลี่ยนร่างอะไรก็ได้ด้วย!”
ในขณะที่มิโยคาตะ โนนาโกะนั้นพูดสิ่งต่างๆออกมาด้วยเสียงที่ดัง แต่เพจิกะนั้นไม่ได้พูดสิ่งที่อยู่ในหัวของเธอออกมาเลย เมื่อเธอมองไปที่แคลนเทล เธอนั้นก็ขยับช้อนตัวเองอย่างช้าๆ ตอนนี้แคลนเทลนั้นมีรูปร่างเป็นลิงตั้งแต่ช่วงคอลงไป และมีร่างกายของเด็กผู้หญิงอยู่ด้านบน มองจากด้านหลังนั้นดูน่าสยองมาก เธอสามารถมองดูรอบตัวได้ดีกว่าม้า แรงกดดันนั้นก็เพิ่มขึ้นด้วย
โดยปกติแล้วตอนมื้ออาหาร อากาศนั้นจะไหลเวียนอยู่ในระดับเดียวกับความสูงของพวกเธอ
แต่ตอนนี้มีเพียงแคลนเทลที่ตัวสูงกว่าคนอื่น อากาศจึงไหลไปที่นั่น เพจิกะกังวลเรื่องของกลิ่นอาหารที่เธอเหมือนกัน
“รู้ไหม ตอนที่ดิฉันเห็นเธอ ครั้งแรก น่ะ แคลนเทล ดิฉันก็คิดว่า ‘ตายจริง นี่ทำให้เธอเป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงของตัวเองได้ไหมเนี่ย?’ แต่พอรู้ว่าเธอเป็นเมจิคัลเกิร์ลเนี่ย เธอก็เหมือนอสูรพวกนั้นเลยนี่ หืม?”
เรียกเธอว่าเหมือนอสูรพวกนั้นมันไม่โหดร้ายไปหน่อยเหรอ? ริโอเน็ตต้าเองก็ไม่ได้ดุอะไรเพราะเธอกำลังเอร็ดอร่อยกับฮายาชิไรซ์อยู่
เพจิกะมองไปที่แคลนเทล เธอไม่รู้ว่าแคลนเทลมีอารมณ์แบบไหน ร่างลิงยักษ์แค่นั่งนิ่งๆวางมือทั้งคู่ไว้บนเข่า มันไม่มีอะไรบ่งบอกอารมณ์เหมือนกับหางม้า แคลนเทลนั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้สองตัวที่ลาก มาชิดกันเพื่อค้ำยันหลังใหญ่ๆของเธอเอาไว้ แต่เก้าอี้มันก็ดูเหมือนจะพังได้ตลอดเวลาเลย
“เพราะพวกอสูรนั่นแปลงร่างเป็นสัตว์ได้ ดิฉันคิดว่าตัวเองจะเป็นเพื่อนกับพวกมันได้ แต่ดิฉัน ทำไม่ได้! โชคร้ายเสียจริงที่พวกมันเป็นมอนเตอร์ น่าผิดหวังสุดๆเลย”
แถมโนนาโกะนั้นก็นั่งอยู่บนเก้าอี้สามขา มังกรของเธอก็กำลังกินฮายาชิไรซ์อยู่ มันดูไม่กังวลอะไรเลย หากเป็นเพื่อนกับอสูรได้ล่ะก็ เจ้ามังกรนี่คงต้องจ่ายด้วยชีวิตสินะ
แม้จะโดนพูดว่าเหมือนมอนเตอร์ แต่แคลนเทลก็ไม่ได้แสดงอาการโกรธหรือเสียใจอะไร เธอเพียงแค่ทานฮายาชิไรซ์อย่างเงียบๆ วางช้อนอย่างเรียบร้อยเมื่อกินเสร็จแล้ว แล้วก็ตบมือเข้าด้วยกัน
“ขอบคุณสำหรับอาหาร”
“อร่อยสุดๆ! เพจิกะนี่สุดยอดตลอดเลย!”
“ถึงจะได้กลิ่นเหงื่อจากจากต่อสู้ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ” ริโอเน็ตต้าพูด
เพจิกะยิ้มอย่างเขินอายเพราะถูกทุกคนชม และดึงขนนกที่ประดับหมวกของตัวเองออกมา
ไม่ว่าเธอจะโดนชมกี่ครั้ง เธอก็ยังรู้สึกมีความสุขอยู่ดี
หลังจากมื้ออาหาร ก่อนที่พวกเธอจะต้องกลับไปทำงานอีกครั้ง เมจิคัลโฟนของพวกเธอก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“กิจกรรมกำลังจะเริ่มแล้ว ขอให้ผู้เล่นทุกคนมุ่งหน้ามาที่เมืองทุ่งร้างด้วย”
______________________________________________________________________
เพจิกะมีความสุขแบบแปลกๆ คำพูดตามปกติของริโอเน็ตต้าเองก็ทำให้เธอหยุดยิ้มไม่ได้
โนนาโกะเองก็สดใส แคลนเทลเองก็ดูปกติ ไม่กระวนกระวายอะไร เพจิกะเดาว่าอาจเป็นเพราะไม่มีกีบเท้าให้กระทืบระบายอารมณ์แน่ๆ
เรื่องของยูเมโนะชิม่า จีโนไซโคที่เกิดขึ้นในห้องโถงของเกรทดราก้อนกับ @เนี๊ยวเนี๊ยวนั้นเป็นอะไรที่ช๊อคเอาการ แต่เมื่อพิจารณาถึงเหตุผลที่เกิดแล้ว ความช๊อคนั้นก็เบาบางลงไป
ก่อนหน้านี้เพจิกะได้ยินว่า จีโนไซโคนั้นโผล่มาให้ปาร์ตี้ของดีเทคเบลเห็นหน้า เพื่อบอกว่ามีคนทรยศอยู่ แล้วก็ในตอนนี้จีโนไซโคพา @เนี๊ยวเนี๊ยวตายตามกันไปด้วยเพลิงมังกร พอคิดโดยตรรกะแล้วหาก @เนี๊ยวเนี๊ยว เป็นคนทรยศก็หมายความว่าจีโนไซโคฆ่าเธอใช่ไหมนะ?
หากทำให้เกิดความผิดพลาดเพียงแค่ครั้งเดียวในเกมนี้ก็ถูกฆ่าได้ ความเป็นจริงมันไม่ได้เปลี่ยนไปเลย แต่กระนั้นเธอก็รู้สึกสบายใจที่คนทรยศถูกกำจัดไปแล้ว และมอนเตอร์ในพื้นที่ห้องสมุดเองก็ไม่ได้แข็งแกร่งมาก แต่กลับกันเลยคือพวกมันดรอปแคนดี้เยอะมาก เพราะเห็นได้ชัดว่าพื้นที่ถัดไปนั้นเป็นพื้นที่ของการต่อสู้ครั้งสุดท้ายแล้ว เพราะพวกเธอนั้นค้นพบข้อความในพื้นที่ห้องสมุดที่บอกว่า
“พื้นที่ถัดไปคือปราสาทของราชาปีศาจ” ปราสาทของราชาปีศาจนั้นก็หมายถึงตัวของราชาปีศาจ
และราชาปีศาจนั้นก็หมายถึงเวทีสุดท้าย เพราะเป้าหมายของเกมนี้คือ “จัดการราชาปีศาจ”
มันทำให้เธอรู้สึกว่าเป้าหมายอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว หากเทียบกับการวิ่งที่ไม่รู้จัดหมายปลายทางแล้วการวิ่งมาราธอนมันจะสนุกก็ต่อเมื่อรู้ว่าตัวเองเข้าใกล้เส้นชัยแค่ไหน
______________________________________________________________________
ในลานกว้างของเมืองทุ่งร้างมันมีประกาศว่า “กิจกรรมก่อนการบำรุงรักษา” เริ่มต้นขึ้น กิจกรรมครั้งที่แล้วนั้นคือคนที่มีเมจิคัลแคนดี้น้อยที่สุดต้องตายโดยแบบที่ไร้เหตุผมและยังโหดร้ายอีกด้วย แต่คราวนี้มันไม่ใช่อะไรแบบนั้น ทุกคนกำลังแข่งขันเป่ายิ้งฉุบกัน และคนที่ชนะจะได้รับ 1000 แคนดี้ เป็นกิจกรรมที่เรียบง่ายและสงบสุข
แต่ 1000 แคนดี้นั้นก็ยังคงสำคัญ แม้จะจัดการพวกภูติผี 10 ตนก็ได้แคนดี้จำนวนเท่านี้มาก็ตาม
“พวกเธออาจรู้อยู่แล้วว่าในร้านค้าของพื้นที่แห่งนี้มีแต่ของราคาแพง ปอน, เกิดเรื่องแบบว่าไม่มีแคนดี้มากพอที่จะซื้อไอเท็มที่อยากได้ขึ้นหลายครั้งปอน, ไอเท็มพวกนี้มีจำนวนทั้งหมดแค่ 1 หรือ 2 ชิ้นเท่านั้น ปอน, จำนวนน้อยและต้องใช้แคนดี้ในการซื้อจำนวนมาก ถ้าอยากได้ก่อนผู้เล่นคนอื่นต้องพยายามเข้านะ ปอน”
ฟาลหายใจเข้าลึกๆ ฟู่ว แล้วก็หายใจออก
“เราคิดว่า ตัดสินใจกันดีๆว่าใครจะครอบครองไอเท็มนั้นดีกว่านะ ปอน” ฟาลพูดเสริม
ในการแข่งขันเป่ายิ้งฉุบอันแสนดุเดือดกับลาซูไลน์ที่เป็นคู่ต่อสู้คนสุดท้ายของเธอ
ในที่สุดพีเฟิลก็ชนะไป
______________________________________________________________________
“ฟังดูเหมือนจะมีร้านค้าอยู่ในปราสาทของราชาปีศาจด้วยล่ะ หืม?” ริโอเน็ตต้าพูด
“แล้วมันก็จะ มีแค่ ไอเท็มราคาสูงเหมือนกันสินะ”
“ให้หอกของแคลนเทลเป็น +5 ไว้ก่อนดีกว่า หากในพื้นที่ถัดไปพวกเราเจออาวุธที่บวกมากกว่าล่ะก็ มันจะเป็นการเสียแคนดี้ไปเปล่าๆเลย”
“อื้อ อื้อ”
“เอ่อ…” เพจิกะพูดขึ้นมา “เมื่อพื้นที่ถัดไปปลดล๊อคแล้ว ฉันว่ามองหาเมืองให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ก็น่าจะดีนะคะ”
“เห็นด้วยเลย” ริโอเน็ตต้าพูด “เธอได้ยินที่ฟาลพูดไหม? เหมือนว่าคนที่ซื้อก่อนจะเป็นผู้ชนะน่ะ”
ในขณะที่คุยเรื่องพื้นที่ถัดไปกับสมาชิกในปาร์ตี้ของเธออยู่นั้น พวกเธอก็มองไปยังปาร์ตี้อื่น
ชาโดว์เกลวิ่งออกไปจากลานกว้าง พีเฟิลนั้นก็นั่งอยู่บนพรมเวทมนตร์ มองดูเธอจากด้านบนนั้น
ทั้งสองคนเหมือนจะแยกตัวทำอะไรคนละอย่าง
เมลวิลล์นั้นหายตัวไปก่อนที่พวกเธอจะรู้ตัว คงเป็นการทำอะไรคนเดียวสินะ?
ดีเทคเบลคุยกับพีเฟิล ลาพิส ลาซูไลน์ และนกโกะจัง ทั้งหมดกันเรื่องอะไรบางอย่างกัน หลังจากที่ @เนี๊ยวเนี๊ยวและจีโนไซโคตายไป นกโกะจังคนที่ไม่มีปาร์ตี้อีกแล้วก็เหมือนจะร่วมปาร์ตี้กับพวกเธอ แต่เพจิกะนั้นก็ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะไปเป็นห่วงใครได้ แต่เธอเป็นห่วงเรื่องนกโกะจัง แล้วก็โล่งอกที่ปาร์ตี้อื่นยอมรับเธอเข้าไป
นกโกะจังนั้นเป็นเมจิคัลเกิร์ลประเภทที่ว่าเมื่อมองดูแล้วรู้สึกอยากจะปกป้อง เมื่อเพจิกะมองดูเธอก็รู้สึกแบบนี้ หากเธออยู่คนเดียวเพจิกะก็จะช่วยนี่คือสิ่งที่เธอคิด มีปาร์ตี้ที่รับเธอเข้าไปก็ดีแล้ว เพจิกะถอนหายใจด้วยความโล่งเอก
แต่การที่ พีเฟิล ลาซูไลน์ ดีเทคเบล และนกโกะจังเป็นปาร์ตี้ 4 คนก็หมายความว่า ชาโดว์เกลนั้นไม่ใช่ส่วนหนึ่งในปาร์ตี้น่ะสิ? เหมือนว่าปาร์ตี้จะเปลี่ยนแปลงไปโดยที่เพจิกะไม่รู้ซะแล้วสิ
เพจิมองกลับมาที่ปาร์ตี้ของตัวเอง ริโอเน็ตต้ากับมิโยคาตะ โนนาโกะคุยกันอยู่ แคลนเทลเองก็พยักหน้า ปาร์ตี้ที่ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้นั้นยังเหมือนเดิมคือปาร์ตี้ของเพจิกะ เธอรู้สึกเหมือนว่าเหตุผลของตัวเองมันเห็นแก่ตัว แต่ความตายของคนที่เธอพูดด้วยนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับความตายของคนในปาร์ตี้เดียวกันกับเธอที่ร่วมกันจบเกมเลย ถึงจะเริ่มต้นกันอย่างยากลำบาก แต่ตอนนี้พวกเธอคือเพื่อนคนสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นแคลนเทล, ริโอเน็ตต้า หรือ มิโยคาตะ โนนาโกะ เธอไม่อยากให้ใครตายเลย
เพจิกะห่อนิ้วโป้งของเธอด้วยฝ่ามืออย่างแน่นๆ
______________________________________________________________________
☆ นกโกะจัง
กลับมาสู่ความเป็นจริง กลับมาสู่ชีวิตประจำวันของเธอ แม้จะเป็นเพียงแค่ 3 วัน แต่เธอก็รู้สึกว่ามันแตกต่าง
เมื่อโนริโกะกลับมาถึงบ้าน เธอวางกระเป๋านักเรียนของตัวเองลง และเธอก็ตรงไปที่โรงพยาบาลทันที ที่จริงเธอจะตรงมาที่โรงพยาบาลจากที่โรงเรียนเลยก็ได้ แต่ว่าถ้ามีกระเป๋านักเรียนอยู่ด้วยมันก็จะทำให้แม่ของเธอทำหน้าเป็นห่วง เอากระเป๋าไปเก็บ เมื่อเตรียมเสื้อผ้าของแม่ไปเปลี่ยน ของใช้ในชีวิตประจำวันของตัวเอง เงิน และสิ่งของที่จำเป็นอื่นๆเสร็จแล้วเธอก็มุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาล
ตามถนนที่เธอผ่าน หากเธอเจอคนที่หน้าตาเศร้าหมอง ตัวเธอก็จะใช้เวทมนตร์กับคนๆนั้น
โดยปกติแล้ว หากจะใช้เวทมนตร์นั้นเธอก็ต้องแปลงร่างเป็นเมจิคัลเกิร์ลก่อน ซึ่งมันหมายความว่าเธอใช้เวทมนตร์ในชีวิตประจำวันไม่ได้ แต่โนริโกะนั้นรู้วิธีที่จะใช้มัน บางทีอาจจะเป็นแค่วิธีที่ใช้ในปัจจุบันได้เท่านั้น
รูปร่างภายนอกของนกโกะจังนั้นคือเด็กอายุ 10 ปี โนริโกะเองก็อายุ 10 ปี ด้วยอายุที่ใกล้เคียงกันและหน้าตาของนกโกะจังเองก็ดูเหมือนโนริโกะ จึงไม่แปลกเลยที่ดูเหมือนกันมาก เธอเปลี่ยนใส่เสื้อผ้าธรรมดาและทำทรงผมให้เหมือนกัน ย้อมผมเป็นสีดำ ใช้ทริคเล็กๆน้อยๆกับเครื่องประดับและการแสดงสีหน้า ยิ่งไปกว่านั้นเธอสามารถใช้เวทมนตร์ให้ทุกคนเชื่อจริงๆว่าตัวเธอคือ โนริโกะ โนโนฮาระ กระจายความคิดนี้ไปรอบๆตัว ด้วยวิธีแบบนี้เธอจึงสามารถแปลงร่างเป็นเมจิคัลเกิร์ลในชีวิตประจำวันได้ ไม่ว่าจะระหว่างทางไปโรงเรียนหรืออยู่ในโรงเรียนเธอก็ใช้เวทมนตร์ได้ตลอด หากเธอโตขึ้นเธอเองก็ไม่รู้ว่าวิธีการนี้ยังจะใช้ได้รึเปล่าแต่เธอจะใช้มันให้เต็มที่ในขณะที่ยังทำได้
ในชีวิตประจําวันของเธอนั้นใช้เวทมนตร์เพิ่มมากขึ้น
เพราะเวทมนตร์ของเมจิคัลเกิร์ลนั้นจะไม่เปลี่ยนแปลงไปตลอดชีวิต แต่มันสามารถ แข็งแกร่ง ขึ้นได้ด้วยการฝึกฝน ใช้เวลาการร่ายสั้นลง เพิ่มพลังและระยะกว้างมากขึ้น มากยิ่งกว่าที่ทำได้เมื่อวาน
แค่นี้ยังไม่เพียงพอกับการเป็นเมจิคัลเกิร์ลหรอก ความทรงพลังที่แท้จริงจะมาหลังจากที่เป็นเมจิคัลเกิร์ลไปแล้วต่างหาก คำพูดเหล่านี้คือสิ่งที่รุ่นพี่ของเธอทิ้งไว้ให้ก่อนที่จะจากลาเธอไป มันอัดแน่นอยู่ในหัวใจของนกโกะจัง เพราะในชีวิตประจําวันของเธอนั้นก็มักจะฝึกซ้อมอยู่ตลอด
ถ้าหากถูกกระตุ้นด้วยอารมณ์ เวทมนตร์นั้นก็จะพุ่งพล่านออกมาเหมือนกับในโชเน็นมังงะได้เลย
แต่ไม่จำเป็นต้องทำอะไรแบบนั้น เพียงแค่ฝึกฝนมันทุกวัน วันละนิดละหน่อย
นกโกะจังเป็นคนประเภทช้าๆได้พร้าเล่มงาม
______________________________________________________________________
สถานพยาบาลแห่งนี้นั้นใหญ่ที่สุดในจังหวัด มันมีขนาดใหญ่มาก ไม่ได้มีเพียงแค่ร้านอาหารอยู่ด้านใน แต่มีร้านสะดวกซื้อ ร้านตัดผม ร้านอาหารเต็มรูปแบบ โนริโกะยังรู้สึกทึ่งที่มีร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ร้านหนังสือ และร้านขายของหวานแบบตะวันอยู่อีกต่างหาก ครั้งหนึ่งเธอกินเค้กด้วยกับกับแม่ของเธอที่ระเบียงของโรงพยาบาล ชื่อของเค้กนั้นยาวเกินกว่าที่เธอจะจำได้ แถมยังเขียนเป็นภาษาฝรั่งเศสอีกด้วย
เธอทักทาย หมอ พยาบาล และคนไข้ด้วยรอยยิ้มเสมอ บางครั้งเธอเองก็ใช้เวทมนตร์ด้วย
เธอเคาะประตูห้องและแม่ของเธอก็ตอบกลับมาว่า “เชิญจ้ะ” เธอจึงเปิดประตูเข้าไป การตรวจร่างกายของแม่นั้นเสร็จแล้ว จึงกลับมาอยู่ที่ห้อง อ่านหนังสือไปได้ราวๆ 15 หน้า
โนริโกะพยายามพูดถึงเรื่องที่โรงเรียนว่ามันสนุกยังไง ในขณะที่ตัวเองปอกแอปเปิ้ลไปด้วย โนริโกะนั้นทำงานบ้านเองมาสองปีครึ่งแล้ว แค่นี้สบายมาก
“นี่ โนริโกะ”
“อะไรเหรอคะ?”
“ถ้ามีเรื่องอะไรล่ะก็ ลูกบอกแม่ได้นะ รู้ไหม?”
มือของเธอที่ถือมีดปอกแอปเปิ้ลอยู่นั้นหยุดลง โนริโกะมองไปที่แม่ของตัวเอง แม่นั้นอาการดีขึ้นมาบ้างแล้ว หากเทียบกับตอนที่ป่วยหนักมาก แก้มเริ่มมีสีแดงอีกครั้ง แต่ก็ยังแย่กว่าตอนที่เริ่มเป็นอยู่ดี
และมันทำให้ดวงตาของแม่ดูใหญ่เวลามองมาที่โนริโกะ
“ค่ะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น หนูจะบอกให้แม่รู้ค่ะ”
โนริโกะพูดออกไปเสมือนว่า “ไม่มีอะไรผิดปกติ” แต่แม่ของเธอนั้นยังคงมองมาที่เธออยู่ดี
ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาให้ห้องพยาบาลของแม่วันนี้ เธอพยายามคิดทบทวนว่าตัวเองทำอะไรต่างไปจากปกติรึเปล่านะ? ทำไมอยู่ดีๆแม่ของเธอถึงเป็นห่วงขึ้นมานะ? อาจเป็นเพราะเธอทำตัวแปลกไป แม่จึงสงสัยก็ได้
โนริโกะนั้นคิดถึงเรื่องที่สนุกที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เธอจะได้กระจายความรู้สึกนี้ให้แม่ของเธอ พยายามที่จะลบล้างความกังวลของแม่ออกไป ความสุข ความสนุกสนาน เธอต้องการแค่นี้เท่านั้น
เธอไม่อยากทำให้แม่ของตัวเองต้องกังวลเลย
เธอลาแม่ตัวเองอย่างร่าเริง ในขณะที่เดินอยู่บนพรมน้ำมันนั้นนกโกะจังเองก็คิด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตัวเธอนั้นตกอยู่ในอันตราย แต่แม่ของเธอไม่จำเป็นต้องรู้ เธอจะเพิ่มความกังวลให้แม่ไม่ได้อีก
โนริโกะรู้ว่าทำไมมาสเตอร์ถึงใส่ช่วงเวลาบำรุงรักษา… ทำไมเธอถึงต้องมีช่วงเวลา 3 วันที่กลับสู่ความเป็นจริง การที่มาสเตอร์บังคับให้สลับไปมาระหว่างโลกเกมและโลกความเป็นจริงแบบนี้ มันทำให้พวกเธอโหยหาชีวิต ทำให้พวกลืมวันคืนที่ปกติในขณะที่เกมดำเนินอยู่ไปไม่ได้ ชีวิตจริงนั้นสำคัญ และผู้คนที่รู้จักนั้นก็สำคัญที่จะจดจำเช่นกัน
______________________________________________________________________
แม้จีโนไซโคกับ @เนี๊ยวเนี๊ยวจะเป็นเพื่อนกัน แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยความตายทั้งคู่ โนริโกะไม่เข้าใจว่าเธอพยายามจะทำอะไร ยิ่งกว่านั้นเมื่อคิดถึงเรื่องบุคลิกของจีโนไซโคแล้วก็ไม่เห็นจะสมเหตุสมผลตรงไหนเลย แถมมันไม่เหมือนกับว่าจีโนไซโคเลือกความตายด้วยนี่นา?
เวทมนตร์ของนกโกะจังนั้นมีผลกับความรู้สึกของผู้คน เพราะเธอขับเคลื่อนความรู้สึกของผู้คนได้ เธอมักคิดเรื่องบุคลิกของคนที่เธอสังเกตุรอบตัวเสมอ วิเคราะห์อยู่ตลอด แม้จะเป็นในเกมก็ไม่เปลี่ยน
บุคลิกของจีโนไซโคที่เธอแสดงออกมาให้เห็นนั้นคือเป็นคนที่สดใส เป็นโอตาคุที่สนุกสนาน
สิ่งที่เธอซ่อนเอาไว้…ตามที่นกโกะจังคิดนั้น คือเธอเป็นคนขี้เกียจ หยิ่งและใจกว้าง ตราบใดที่เธอปลอดภัยอยู่ในชุดสูทของตัวเอง เธอก็จะพูดสิ่งต่างๆไปเรื่อย เสมือนมองคนอื่นว่าต่ำต้อยจากที่ๆสูงส่ง เพราะเธอนั้นปลอดภัยเสมอไม่ว่าจะเกิดร้ายแรงอะไรขึ้น เป็นเหตุผลที่ทำไมเธอถึงถูกฆ่า
เธอไม่ใช่คนประเภทที่จะเอาที่บังหน้าขึ้นแล้วกระโดดเข้าหาความตาย จีโนไซโคน่ะจะออกมาเมื่อตัวเองปลอดภัย เพราะบุคลิกของเธอมันเป็นแบบนั้น
บางทีอาจเป็นเพราะความปลอดภัยของเธอนั้นถูกพรากเอาไปแล้ว ต่อให้เธอเอาที่บังหน้าลงก็ยังถูกฆ่าได้อยู๋ดี บุคลิกของเธอจะเปลี่ยนไปแบบนั้นได้เหรอ? และในทันใดนั้นนกโกะจังก็คิดถึงสถานการณ์ของตัวเอง
ครอบครัวของเธอมีกันอยู่ 3 คน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะฟันฝ่าไปด้วยกัน แต่เมื่อแม่ของเธอล้มป่วย พ่อของเธอกลับหนีไป เธอคิดถึงเรื่องของตัวเองก่อนที่จะคิดเรื่องพ่อ และหลังจากนั้นตัวของเธอก็เปลี่ยนไปมาก บางทีจีโนไซโคอาจจะรู้สึกช็อคเหมือนกันตอนที่ถูกฟันหน้าก็ได้ อาการช็อคเปลี่ยนเธอจากเมจิคัลเกิร์ลที่ใจกว้างให้กลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ พร้อมที่จะพาคนอื่นไปตายด้วยกันกับเธอ
โนริโกะเองก็บอกไม่ได้ว่า @เนี๊ยวเนี๊ยวเป็นผู้บริสุทธิ์ เธอรู้อะไรบางอย่าง บางทีอาจจะเป็นเหตุผลที่ต้อนเธอจนมุมก็ได้ ในตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าทำไมจีโนไซโคและ @เนี๊ยวเนี๊ยวถึงต้องตาย
ปาร์ตี้ดั้งเดิมของเธอนั้นตายหมดแล้ว ตอนนี้เหลือนกโกะจังอยู่เพียงคนเดียว แต่โชคยังดีที่เธอเข้าร่วมปาร์ตี้ของดีเทคเบลกับลาซูไลน์ได้ จากมุมมองและธรรมชาติของเมจิคัลเกิร์ลนั้น เมื่อมีใครเจอปัญหา แม้จะเป็นพวกของตัวเอง พวกเธอก็จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ นกโกะจังนั้นเก่งเรื่องที่แสร้งทำให้ตัวเองดูเหมือนมีปัญหาอยู่ตลอดเวลา แน่นอนว่าตั้งแต่เริ่มเกมเธอไม่เคยมีปัญหาอะไรเลย
ดีเทคเบลกับลาซูไลน์ชักชวนเธอเข้าปาร์ตี้ด้วยความอ่อนโยน แต่เธอนั้นต้องระวังพีเฟิลไว้ แม้เธอจะบอกว่า “ชาโดว์เกลกับฉันมีความเห็นไม่ตรงกัน ตอนนี้เลยแยกตัวกันแล้ว” มันดูเหมือนเธอไม่ได้จริงจังอะไร ตอนที่ @เนี๊ยวเนี๊ยวตาย ตอนที่เชอร์น่าเมาส์ตาย ตอนที่เมจิคัลเกิร์ลซามูไรตาย ตัวเธอนั้นรับบทผู้นำของทุกคนเสมอ นกโกะจังจะประมาทไม่ได้
______________________________________________________________________
และหลังออกจากโลกของเกม นกโกะจังนั้นมีปัญหาตอนที่เธอกลับไปเป็นโนริโกะ โนโนฮาระ เธอเครียดด้วยเหตุผลทางการเงิน เมื่อเธอกลับมาบ้าน เธอก็ดูสมุดบัญชีของตัวเองและพบว่ามีเงิน 1 แสนเยนโอนเข้ามา มันเป็นรางวัลของภารกิจเคลียพื้นที่ที่ได้มาหลังจากการฆ่ามังกร เพราะว่ามีกันอยู่ 10 คนจึงหารกันได้คนละ 1 แสนเยน เหมือนว่าจะไม่นับ @เนี๊ยวเนี๊ยวที่ตายก่อนการต่อสู้เข้าไปด้วย
เงิน 1 แสนเยนทำให้เธอมีความสุข แต่มันยังไม่พอ เธอต้องการเงินมากกว่านี้อีก
______________________________________________________________________
ฝั่งมาสเตอร์ #6
“นั่นคือสิ่งที่ชั้นคิดจริงๆนะ! ถ้าดินแดนเวทมนตร์ปล่อยพวกเธอไว้ล่ะก็ ต้องมี บางคน ที่ทำแน่! ถ้าพวกเธอ เป็น เมจิคัลเกิร์ลที่แท้จริงอย่างน้อยมันก็ต้องทดสอบกันหน่อย! ถึงรับบทเป็นคนเลวชั้นก็ไม่เป็นอะไรหรอก! เพราะต้องมี บางคน จำเป็นต้องทำนี่นา!”
เด็กสาวพูดอย่างเร่าร้อนและเอามือทั้งสองข้างทุบลงบนโต๊ะ
แก้วกาแฟที่อยู่บนโต๊ะนั้นหกจนของเหลวสีน้ำตาลดำไหลออกมาบนโต๊ะ
“เธอเข้าใจไม่ใช่เหรอ สโนไวท์?”
เด็ดผู้หญิงชุดสีขาวที่นั่งอยู่ไม่ได้ขยับเขยื้อนอะไร ไม่ได้พยักหน้า ส่ายหัว หรือเปิดปากอะไร เธอเพียงแค่จ้องไปที่คาเฟ่โอเล่ที่สั่นไหวอยู่ในถ้วย เก้าอี้ราคาถูกกับโต๊ะดูไม่เข้ากับชุดของเมจิคัลเกิร์ลสีขาวเอาซะเลย
“เธอต้องเข้าใจสิ สโนไวท์ เพราะเธอไม่ได้ฆ่าใครเลย แถมยังผ่านการทดสอบด้วย แผนของยัยนั่นพังไม่เป็นท่าเลย”
“ทางดินแดนเวทมนตร์ต้องการให้เธอปล่อยเมจิคัลเกิร์ลพวกนั้นออกมา”
เมจิคัลเกิร์ลสีขาวเปลี่ยนสายตาที่จ้องมองคาเฟ่โอเล่ท์ไปยังเด็กสาว เธอจ้องเด็กสาวคนนั้นด้วยสายตาที่เย็นชา แต่เด็กสาวคนนั้นกลับยิ้ม
“ได้สิ แต่ว่ามีเงื่อนไขนิดหน่อยนะ ถ้าเธอไม่ว่าอะไร~”
“แล้วเธอต้องการอะไร?”
“ปฎิรูปการทดสอบเมจิคัลเกิร์ลให้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และมันต้องมีผลย้อนหลังด้วย ต้องติดตามดูว่าการทดสอบไหนมีปัญหา และจะยกเลิกคุณสมบัติการเป็นเมจิคัลเกิร์ลของก่อนหน้านี้ทิ้งไป”
“ถ้าความเห็นของเธอมีผลไปถึงในอดีต-”
“ชั้นไม่ประนีประนอมหรืออ่อนให้หรอกนะ รู้ไหม! ไม่เปลี่ยนเงื่อนไขด้วย ถ้าไม่เป็นไปตามนี้ก็ไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยเด็กพวกนั้นออกมา”
“แบบนั้นก็เจรจากันไม่ได้แล้วล่ะ”
“เมจิคัลเกิร์ลน่ะถูกเลือกโดยพระเจ้า ปล่อยให้มีสิ่งไม่บริสุทธิ์มาเจือปนเล็กๆน้อยๆไม่ได้หรอก”
เด็กสาวยิ้ม เมจิคัลเกิร์ลสีขาวเองก็จ้องมองไปที่รอยยิ้มนั้น ไม่มีใครพูดอะไรจนเวลาผ่านไปซักพัก และเมจิคัลเกิร์ลสีขาวนั้นก็ลุกขึ้นยืนอย่างเงียบๆ เธอเลื่อนเก้าอี้ออกและหันหลังให้เด็กสาว
เมจิคัลโฟนของเด็กสาวที่วางอยู่บนโต๊ะนั้นส่องแสงออกมา
“สโนไวท์! ไม่มีเวลาแล้วนะ ปอน! คนตายไป 6 คนแล้ว ปอน! เธอต้องรีบ-”
เด็กสาวเอากำปั้นทุบลงไปบนเมจิคัลโฟนของเธอ ปิดเครื่อง ในเวลาเดียวกันเสียงสังเคราะห์แหลมๆที่ได้ยินจากเมจิคัลโฟนนั้นก็หายไปด้วย
“ชั้นจะพูดอีกรอบนะ เธอเข้าใจ ใช่ไหม?”
“พวกเราจะเจรจาต่อไป” เธอยังคงหันหลังและพูดออกมาอย่างเงียบๆ “อย่าได้ฆ่าใครอีก”
“อะไรล่ะนั่น?”
เด็กสาวขยับแว่นด้วยนิ้วชี้แล้วริมฝีปากของเธอก็ดูผิดรูป
“ชั้นไม่ได้ฆ่าใครเลยนะ ให้ตายสิ! เมจิคัลเดซี่งั้นเหรอ? นั่นน่ะมันเป็นอุบัติเหตุที่แสนโชคร้ายต่างหาก คนอื่นๆก็เล่นเกมแล้วก็ฆ่ากันเอง นี่น่ะมันดูเหมือนเกมที่บังคับให้ฆ่ากันงั้นเหรอ? ตรงกันข้ามนะ ชั้นพูดเรื่องกฎไปว่าต้องร่วมมือกันใช่ไหม? ชั้นมอบคำใบ้ไปให้ทั้งหมดด้วยนะ ไม่เคยหลอกลวงอะไรเลยซักนิด ถ้าเธอเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่ดีและงดงามล่ะก็เธอควรจะเข้าใจสิ ถ้ากลายมาเป็นเมจิคัลเกิร์ลแบบผิดๆล่ะก็เด็กพวกนั้นก็ไม่ควรจะกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลมาตั้งแต่แรกแล้ว ชั้นเนี่ยมอบโอกาสทดสอบให้อีกครั้งเลยนะ! เห็นไหมล่ะ ชั้นเนี่ยเป็นเกมมาสเตอร์ที่ใจดีสุดๆเลยเนอะ!”
เมจิคัลเกิร์ลสีขาวไม่ได้ตอบอะไรและเธอก็เอามือไปจับลูกบิดประตู เด็กสาวนั้นพูดไล่หลังมา
“เธอพยายามฟังเสียงจากหัวใจของชั้นสินะ? พยายามจะหาจุดอ่อนงั้นเหรอ? นั่นน่ะเป็นไปไม่ได้หรอก ที่นี่น่ะชั้นเป็นอมตะ อยากทำอะไรก็ทำได้ ไม่มีอะไรได้ผลหรอก ที่นี่น่ะชั้นคือพระเจ้า เธอจำเด็กสาวในการทดสอบเดียวกันกับเธอได้ไหมล่ะ เนมุรินไง? พลังของชั้นคล้ายกับเธอนั่นแหละ ตราบใดที่อยู่ในโลกชั้น ไม่มีอะไรที่ทำร้ายชั้นได้ ชั้นไม่มีจุดอ่อน เพราะแบบนี้ในหัวใจของชั้นถึงไม่มีความเศร้าเสียใจอยู่ยังไงล่ะ”
ตราบใดที่อยู่ในโลกของเธอ เธอก็จะเป็นอมตะ มันไม่ใช่คำโกหกหรือการพูดเกินจริง ต่อให้ถูกฆ่าที่นี่เด็กสาวก็ไม่ตาย เธอฆ่าเด็กสาวไม่ได้ตั้งแต่แรกแล้ว แถมเด็กสาวจะทำอะไรก็ได้ตามใจอยากด้วย
“จริงๆที่นี่น่ะเป็นที่ส่วนตัว แต่ชั้นเชิญเธอมาเป็นพิเศษเลยนะ สโนไวท์
เพราะชั้นอยากเป็นเพื่อนกับเธอไง”
แม้จะเป็นการพูดคุยที่น่าผิดหวัง เมจิคัลเกิร์ลสีขาวก็ออกจากห้องไปช้าๆโดยไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
เธอปิดประตูลง และจากอีกฝั่งของประตูนั้น แสงมันค่อยๆจางลง จางลง จนเลือนหายไปในที่สุด เด็กสาวกลับมาโดดเดี่ยวอีกครั้ง แต่ก็ยังพูดต่อไป
“ชั้นไม่ได้รู้สึกละอายอะไรเลย ชั้นแค่พูดในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูกต้อง คิดในสิ่งที่มันควรจะเป็น
เพราะแบบนี้ไงชั้นถึงเปิดเผยหัวใจของตัวเองให้เธอเห็นได้ ถ้าเธอเห็นสิ่งที่อยู่ในใจชั้นแล้วคงเข้าใจสินะ สโนไวท์ ชั้นกับเธอ…พวกเรามาร่วมมือกันดีกว่าไหม?
เพราะพวกเราทั้งคู่คือเมจิคัลเกิร์ลที่แท้จริงนี่นา”
MANGA DISCUSSION