ตอนที่ 1.5 Arc 1.5 - Snow White Raising Project [จบภาค]
เมจิคัลเกิร์ลที่รู้จักกันในชื่อ สโนไวท์
ด้วยการกระทำของเธอนั้นทำให้ตัวเองอยู่ในความโดดเดี่ยว
เธอคือผู้รอดชีวิตจากการทดสอบของ นักดนตรีแห่งพงไพรแครนเบอร์รี่ อันโหดร้าย
ผู้ที่ซึ่งถูกกล่าวหาว่าสร้างอาชญากรรมด้วยเกมแห่งความตาย
เธอเองก็เป็นแค่เหยื่อ
ผ่านมาได้ไม่นานนับจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ผู้ที่รอดชีวิตได้ถูกยกย่องเป็นดั่งฮีโร่
เหตุการณ์ครั้งนั้นได้สร้างความสะเทือนใจให้เธออย่างมาก ในฐานะที่ตนเป็นเหยื่อ
แต่ยังไงก็ตามเธอนั้นก็หัวรั้น ปฎิเสธทุกความเห็นใจ, การเคารพตัวตน หรือแม้แต่กระทั่งการให้คนมาดูแลตัวเธอเอง
จนในที่สุดผู้คนที่อยากจะช่วยเหลือ ได้ล้มเลิกที่จะให้ความห่วงใยในตัวเธอ
แม้ว่าเธอนั้นไม่อยากจะให้คนอื่นมาเป็นห่วง
ซึ่งดินแดนเวทมนต์เองก็ช่วยอะไรไม่ได้
แต่นั่นจำเป็นสำหรับพวกเขาที่จะรักษาสโนไวท์
หลังจากน้้น
พวกเขาได้แสดงความจริงใจต่อเหยื่อในเหตุการณ์ครั้งนั้น
เมจิคัลเกิร์ลคนอื่นเองคงจะรู้สึกไม่พอใจ
มันคงไม่ง่ายเลย แถมยังจะกระจายความคิดในแง่ลบออกไปอีก
อย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่ฉันคิด
พวกดินแดนเวทย์มนต์ชอบทำอะไรแบบนั้น
แต่เมื่อดินแดนเวทย์มนต์มอบเกียรติแก่สโนไวท์
ให้สิทธิเป็นพลเมืองของดินแดนเวทย์มนตฺ์
ฉันก็คิดว่า
เธอต้องการเป็นเมจิคัลเกิร์ลต่อไปรึเปล่า?
หรืออยากที่จะลบความทรงจำแล้วกลับไปใช้ชีวิตปกติ?
เลือกที่จะกลับไปยังโลกเดิมในฐานะคนปกติงั้นหรือ
แต่กลับกลายเป็นตอนที่ฉันถาม
สโนไวท์ตอบกลับมาว่าเธอต้องการที่จะเป็นเมจิคัลเกิร์ลต่อไป
ดินแดนเวทมนต์เองก็คงจะพอใจถ้าเธอกลับไปเป็นคนธรรมดา
เพราะเธอนั้นยังมีอนาคตที่รออยู่
ซึ่งดูจากนิสัยและสิ่งที่เธอทำในการทดสอบแล้ว
แน่นอนว่าเธอควรจะกลับไปเป็นคนธรรมดา
แต่ว่า…
…เธอกลับเลือกที่จะเป็นเมจิคัลเกิร์ลต่อไป
ฉันได้ยินข่าวนั่น และในวันนั้นเอง ฉันจึงอยากที่จะเป็นพี่เลี้ยงของสโนไวท์
สโนไวท์คือเมจิคัลเกิร์ลที่ควรจะได้รับจากฝึกฝนแบบถูกต้องอย่างเป็นทางการ
ถ้าเธอกลายเป็นสมาชิกของดินแดนเวทมนต์
ก็ควรที่จะมีคนที่ฝึกเธอว่าควรทำยังไง
เพื่อให้กลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลในแบบที่ถูกต้อง
ฉันที่ไม่ได้รับการทดสอบจากแครนเบอร์รี่
ได้ถูกเลือกและผ่านการคัดเลือกเมจิคัลเกิร์ลในแบบที่ถูกต้อง
ที่พักของฉันนั้นอยู่ใกล้เคียงกับเขตของสโนไวท์
ซึ่งในตอนนี้เป็นแค่คนมีประสบการณ์ที่ทำอะไรไม่ได้มาก
ความทรงจำในดินแดนเวทย์มนต์
เรื่องของวิธีการฝึกนั้นยังคงจำได้อยู่
ฉันจึงเต็มใจที่จะเป็นพี่เลี้ยงของสโนไวท์
ดังนั้น ในตัวเลือกของผู้ที่ต้องการจะเป็นพี่เลี้ยงของเธอ
ฉันรู้สึกว่าตัวเองจะถูกเลือก
สุดท้าย ฉันเองก็ได้รับเลือก
คงเพราะว่าเป็นคนเดียวที่วิ่งวุ่นเพื่อตำแหน่งนี้
แต่ก็รู้สึกเป็นเกียรติเล็กน้อยล่ะนะ
ไม่มีใครสนใจเด็กคนนี้ยกเว้นฉัน
ฉันสนใจในตัวของสโนไวท์
เธอผิดหวังในตัวตนของเมจิคัลเกิร์ล
และควรจะสิ้นหวังในการจะมีอิสระจากชีวิตแบบนี้
แต่เธอกลับเลือกด้วยความต้องการของตัวเธอเอง
ถึงฉันจะรู้รายละเอียดการทดสอบครั้งสุดท้ายของแครนเบอร์รี่
แต่ทำไมเด็กคนนี้ถึงได้ดูลึกลับแบบนี้กันนะ?
ถ้าเธอเป็นแบบนี้ แล้วอีกคนนึงที่รอดมาด้วย ริปเปิล จะเหมือนกันรึเปล่า?
คนที่สังคมไม่ยอมรับ กับนักสู้
เลือกที่จะเป็นเมจิคัลเกิร์ลต่อไปด้วยสปิริตอันสูงส่งงั้นเหรอ
ความจริงริปเปิลเองก็ไม่ได้เลิกที่จะเป็นเมจิคัลเกิร์ล
แต่การตัดสินใจของสโนไวท์นั้น มันไม่เข้ากับบุคลิกของเธอเองเลย
ทำไมกันนะ?
หยุดคิดเรื่องนี้ไม่ได้เลย
และนั่นคือทำไมฉันถึงอยากจะได้ตำแหน่งนี้
หลังจากที่ถูกเลือก
ก็ได้ติดต่อสโนไวท์ทันที ทักทายแล้วบอกชื่อตัวเอง
อธิบายว่าทำไมถึงมาเป็นพี่เลี้ยงของเธอ
“อ่า ยากจังเลยนะที่จะได้พบกันเนี่ย
ถ้ามีปัญหาอะไรหนักใจล่ะก็โทรมาหาได้นะ ฉันยินดีรับฟังเสมอ”
ตัวฉันนั้นได้พูดออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ
แล้วก็ได้ยินคำตอบแบบไม่ค่อยแยแสของสโนไวท์
“ฉันไม่อยากอยู่ใกล้ๆคุณค่ะ”
เมื่อได้ยินเธอพูดแบบนั้น มันช่างเจ็บหัวใจเล็กน้อย
แต่ฉันเองก็อยากรู้จักเธอให้มากกว่านี้ เลยจะพยายามอีก
“อะไรก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก ฉันแค่เสนอความช่วยเหลือให้น่ะ
ถ้าต้องการให้ช่วยอะไรล่ะก็ ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ได้
ฉันรู้เวลาตอนที่เจอปัญหาเป็นยังไงนะ
เพราะตัวเองก็เคยเอาไปปรึกษาพี่เลี้ยงเหมือนกัน”
“‘งั้นเหรอคะ”
“อย่าลังเลที่จะปรึกษานะ ไม่ใช่แค่เรื่องเมจิคัลเกิร์ล จะปัญหาครอบครัว
หรือเรื่องที่โรงเรียน บางทีอาจจะไปได้สวยก็ได้นะ?”
แต่ปฎิกิริยาของเธอนั้น ไม่ได้เป็นแบบที่คิดไว้เลย
“มิสเฟรเดริก้า มีอย่างนึงที่อยากจะถามค่ะ ต้องทำยังไงถึงจะแข็งแกร่งขึ้นได้คะ?”
เธอเข้าประเด็นตรงๆเลย แต่ทำพูดของเธอก็ตีความได้หลายแบบ
ฉันเอียงหัวตัวเอง แล้วก็เอามือแตะที่เท้า อย่างที่คิดไว้เลย เด็กผู้หญิงคนนี้น่าสนใจจริงๆ
“นั่นหมายถึงแข็งแกร่งในด้านไหนกันล่ะ? ด้านจิตใจงั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่ค่ะ แข็งแกร่งในการต่อสู้ต่างหาก”
“เมจิคัลเกิร์ลไม่จำเป็นต้องมีความแข็งแกร่งแบบนั้นหรอกนะ
ที่ควรมีน่ะคือความอ่อนโยน, ความงดงาม, ความเมตตา, มิตรภาพ ต่างหาก
ฉันไม่คิดว่าอย่างอื่นมีความจำเป็นหรอกนะ”
“ฉันก็ไม่คิดว่า สิ่ง ที่คุณบอก มันจำเป็นสำหรับตัวฉันตอนนี้หรอกค่ะ”
หลังจากนั้น เธอก็ไม่ได้ถามอะไรอีกเลย จนกระทั่ง…
“ฉันต้องไปแล้ว บายค่ะ”
เธอวางสายโทรศัพท์ไป
ใช่สินะ คงเพราะตัวฉันเป็นคนนอกจากการทดสอบของแครนเบอร์รี่
การที่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือนั้น ไม่ได้หมายความว่าเธอที่อยู่ในนรกจู่ๆ
จะกลายเป็นยูโทเปียไปได้
ถึงเธอจะมีท่าทีไม่ค่อยดีมาก่อน แต่ฉันเองก็จะพยายามเอื้อมมือเข้าหาเธอ
ฉันเลยส่งข้อความไปหาอีก หวังว่าจะก้าวไปสู้ขั้นต่อไปกับเธอได้
“ทำไมเธอถึงอยากที่จะแข็งแกร่งขึ้นงั้นเหรอ?”
“ฉันต้องแข็งแกร่งขึ้นเพราะมันจำเป็นสำหรับสิ่งที่ต้องทำค่ะ”
“แล้วเธอจะทำอะไรกันล่ะ เช่น?”
เธอตอบกลับมาช้าจัง
เหมือนว่าเธอไม่อยากจะเปิดเผยกับพี่เลี้ยงตัวเองงั้นสินะ ดังนั้นฉันตัดสินใจที่จะไปสู่ขั้นต่อไป
“เธอเป็นผู้รอดชีวิตจากการทดสอบของแครนเบอร์รี่นะ
เพราะแบบนั้นแหละถึงมีหลายคนจับจ้องดูเธออยู่
ถ้าเธอประมาทล่ะก็ อันตรายจะอยู่รอบตัวเธอ
ถ้าเธอเริ่มใช้ความรุนแรง แม้ว่านั่นจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
ทุกๆคนก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
‘อ่า นั่นสินะก็เธอมันผู้รอดชีวิตจากแครนเบอร์รี่นี่นา’ ”
หลังจากที่พิมพ์เสร็จแล้ว ฉันก็ลบมันทิ้งแล้วพิมพ์ใหม่อีกครั้ง
“เธอเป็นผู้รอดชีวิตจากการทดสอบของแครนเบอร์รี่นะ
ไม่มีใครเห็นว่าเธอเป็นอะไรธรรมดาอีกแล้ว
ถ้าฉันสอนเธอเรื่องต่อสู้อีก ทีนี้เธอเองก็จะเหมือนกับแครนเบอร์รี่
เธอจะถูกตัดสินว่าเป็นคนที่ชื่นชอบการต่อสู้และใฝ่หาคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเพียงเท่านั้น
ถ้ามันเกิดขึ้นล่ะก็ ทางดินแดนเวทย์มนต์เองจะมีมาตราการจัดการที่เหมาะสมแน่”
ดูดีแล้วสิ ฉันเลยส่งข้อความไปหาเธอ
หลังจากที่ส่งข้อความไปแล้ว
เกิดรู้สึกไม่ดีที่หน้าท้อง ก็เลยลุกขึ้นแล้วหยิบแฟ้มของตัวเองขึ้นมา
ฉันนั่งลงบนเก้าอี้ในห้องครัวแล้วก็เปิดแฟ้มอย่างช้าๆ
ในแฟ้มของฉันเต็มไปด้วยรูปของเมจิคัลเกิร์ลที่เคยพบเจอมาในตลอดหลายปีนี้
แล้วในรูปเหล่านั้น
เงางาม, ความรู้สึกอันอ่อนโยน ,ทรงผมที่ถักไว้…
แค่มองดูผมของเมจิคัลเกิร์ลเหล่านี้มันก็มากพอที่จะลดความเครียดได้แล้ว
ผ่านไปซักพักฉันก็ใจเย็นขึ้น
เมื่อเมจิคัลโฟนดันขึ้น ฉันจึงโยนแฟ้มไปที่โต๊ะ
“แล้วเรื่องที่พวกนั้นทำล่ะ? มันเวิร์คงั้นเหรอ? จับทุกคนที่ทำผิดกฎได้รึไงคะ?”
ฉันอ่านประโยคนั้นสองรอบ แล้วจึงตอบกลับไป
“บางคนก็มีความสามารถที่จะหลบหนีได้-”
แบบนี้ไม่ดีแหะ พิมพ์ใหม่ดีกว่า
“มีข่าวลือว่าความสามารถของบางคนนั้นสามารถใช้หลบหนีได้
แต่ฉันคิดว่ามันเป็นแค่ข่าวลือล่ะนะ”
ดูดีแล้วสิ
“มันมีข้อเท็จจริงอะไรรึเปล่าคะ?”
ตั้งแต่สโนไวท์เริ่มหัวข้อนั่นขึ้นมา ฉันคิดว่าเธอคงมีแผนที่จะทำอยู่แล้วแน่ๆ
คนที่ผ่านการทดสอบของแครนเบอร์รี่มานั้นจะรู้จักกันในชื่อ
“เหล่าเด็กสาวแห่งแครนเบอร์รี่”
ไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือไม่ก็ตาม
ฉันรู้สึกถึงความน่าสนใจในตัวเธอได้ คิดไม่ผิดเลยจริงๆ
“มันก็ไม่มีหลักฐานอะไรหรอก แต่ส่วนตัวฉันเชื่อเรื่องที่เพื่อนร่วมงานพูดมาน่ะ”
หลังจากที่ส่งข้อความไป ฉันก็ปิดเมจิคัลโฟน แล้วหยิบนิตยสารขึ้นมา
นักดนตรีแห่งพงไพรแครนเบอร์รี่
ว่ากันว่าเธออยู่ในร่างของเมจิคัลเกิร์ลมาตลอด
ฉันคงทำแบบนั้นไม่ได้หรอก
ไหนจะต้องจ่ายค่าเช่า แล้วยังภาษีอีก
แม้ว่าจะตกงาน
ฉันก็จะใช้ชีวิตของมนุษย์ไปพร้อมๆกัน
ในฐานะเมจิคัลเกิร์ลนั้น
ฉันคิดว่าอย่างน้อยการที่จ้องมองโลกใบนี้ผ่านสายตาของมนุษย์
มันช่างรู้สึกสดชื่นเสียจริง
แม้ว่าจะไม่มีอะไรแบบนั้น ฉันก็ยังคงมีความคิดของตัวเองอยู่ดี
——————————————————————————————————————————-
หลังจากที่กลายมาเป็นพี่เลี้ยงของสโนไวท์แล้ว ฉันก็ได้สืบหารายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับเธอมา เธอมีชื่อจริงว่า ฮิเมคาวะ โคยูกิ พลังเวทย์ของเธอคือ “สามารถได้ยินเสียงของคนที่เจอปัญหาได้” รายละเอียดของการทดสอบที่ เธอชนะในเมือง N นี้ถูกเขียนไว้ซะดิบดีเชียว การใช้เกม free-to-play เมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจค เพื่อล่อลวงผู้เล่น จากนั้นก็เลือกผู้ที่มีความสามารถ ทำให้กลายเป็นเมจิคัลเกิร์ล เลือกมาสคอต ที่มีพื้นฐานจากผู้ดูแลระบบของเมจิคัลโฟน
ในการที่จะเข้าสู่ระบบของเมจิคัลเกิร์ลอันกว้างใหญ่ที่ได้เลือกมานั้น ฟาฟนั้นได้ถูกเลือกมาใช้ เพราะเป็นไซเบอร์แฟร์รี่ที่ช่ำชองเทคโนโลยี มาสคอตรูปสัตว์อะไรแบบนี้ ที่ถือเมจิคัลโฟนยังไม่ได้เนี่ยไม่รู้จะมีไปทำไม อ๊ะ แต่หลังจากที่การทดสอบของแครนเบอร์รี่นั้นถูกพบแล้ว ปรากฎว่าพวกไซเบอร์แฟร์รี่นั้นได้ถูกตราหน้าไปเลย ผู้คนส่วนใหญ่เอง ก็มีแนวโน้มว่าจะใช้มาสคอตรูปสัตว์แทนตัวเองในปัจจุบันด้วย บางคนก็เรียกว่ามีความนิยมล่ะนะ เมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจค นั้นต้องการเมจิคัลเกิร์ล 15 คน ถ้ารวมตัวของแครนเบอร์รี่ด้วยก็จะกลายเป็นมีผู้เข้าร่วม 16 คน ซึ่งกฎก็คือ ทุกคนนั้นมีเป้าหมายที่เรียกว่า เมจิคัลแคนดี้ หลังจากนั้น การแข่งขันหาแคนดี้ก็ได้กลายเป็นเกมแห่งความตาย ในช่วงเวลานั้น มีทั้งการทรยศ ความตาย แม้แต่การฆาตกรรม แต่ด้วยเหตุอะไรบางอย่าง กระทั่ง นักดนตรีแห่งพงไพรแครนเบอร์รี่ ที่เป็นผู้ดูแลเองก็ถูกฆ่าด้วยเช่นกัน ตั้งแต่เธอตายไป การทดสอบก็หยุดลง
ฟาฟเป็นคนประกาศว่าเกมจบแล้วเอง แต่ช่างโชคร้าย ที่มีเหตุการณ์อื่นเกิดขึ้นเกิด เมจิคัลเกิร์ลที่ชื่อ ท็อปสปีด ถูกฆ่าตายในเหตุการณ์นั้น แล้วริปเปิล เพื่อนสนิทของเธอระงับความโกรธแค้นของตัวเองไม่อยู่ เพื่อที่จะล้างแค้น เธอได้เรียกสวิมสวิมคนที่ฆ่าออกมาเพื่อตัดสิน เธอจัดการสวิมสวิมได้ แต่ก็แลกมาด้วยอาการบาดเจ็ดชนิดที่สาหัสทีเดียว แม้มันจะเป็นเรื่องนองเลือด แต่สำหรับสโนไวท์เอง เธอก็เป็นแค่เหยื่อ โดนกลุ่มของรูลเลอร์โจมตี โดนเมจิคัลรอยด์44 โจมตี ผู้คนโจมตีและช่วยเธออย่างไม่จบไม่สิ้น ทั้งหมดเป็นเพราะแบบนั้น… …สโนไวท์ที่ฉันคุยด้วยทางโทรศัพท์ นี่เป็นคนละคนกับสโนไวท์ ที่ฉันอ่านในรายงานการทดสอบสินะ เธอจนตรอกมาตั้งแต่ตอนนั้น
แล้วทำไมเธอถึงยังใฝ่หาความแข็งแกร่งอยู่อีก? เธอแค่อยากจะไม่เป็นตัวถ่วงใครงั้นเหรอ? ความทุกข์ ความรู้สึกผิดของผู้ที่มีชีวิตรอด ความรู้สึกแบบนั้นมันทำเรื่องถูกเป็นผิดได้ ซึ่งมันก็ไม่มีทางรู้ นอกจากจะถามตัวเธอเอง ไม่ใช่แค่พูดคุยแต่ต้องจับตาดูเธอเอาไว้ด้วย เพราะฉันรู้จักตัวจริงของสโนไวท์ ฮิเมคาวะ โคยูกิ… …ก่อนอื่นก็ต้องรู้ที่อยู่ก่อน ฉันตรวจสอบเวลาที่เธอไปโรงเรียน เมื่อตอนเธอออกจากบ้านไปแล้ว ฉันก็ลอบเข้าไปข้างในบ้านฮิเมคาวะ นี่ก็เป็นเรื่องปกติสำหรับฉัน ในการที่จะเก็บผมของใครซักคนนึง ที่ชั่นหนึ่ง แม่ของโคยูกิกำลังยุ่งกับการทำความสะอาดอยู่ เสียงดังๆแบบนี้ก็พอเป็นเพลงประกอบได้เลยล่ะ ฉันมุ่งไปที่ห้องของโคยูกิ คิดว่าจะหยิบเส้นผมที่ร่วงบนพรมมา ส่วนใหญ่นั้น เส้นผมมักจะซ่อนอยู่ในห้องนอน ก็มันเป็นที่ๆปกติที่คนมักจะปล่อยผมกัน
หนังกำพร้างั้นเหรอ กลิ่นมันช่างดีจัง อยากจะเอาเส้นผมเธอเข้าปากชะมัด แต่ก็ทำไม่ได้ ฉันจึงเก็บเส้นผมไว้ในเศษกระดาษเล็กๆแทน ——————————————————————————————————————————- เมื่อฉันแปลงร่างเป็นเมจิคัลเกิร์ล นอกจากชุดนี่แล้ว ฉันยังมีลูกแก้ว ที่ขนาดประมาณหัวของเด็ก เมื่อเอาเส้นผมมาพันอยู่รอบนิ้ว มันก็จะปรากฎภาพของเจ้าของเส้นผมนั้นอยู่บนลูกแก้ว หนึ่งเส้นต่อหนึ่งนิ้ว เท่ากับว่าจะมีเป้าหมายทีละ 10 คนได้ มันน่าเสียดายที่มันดูพร้อมๆกันไม่ได้ แต่ก็ยังสับเปลี่ยนได้ล่ะนะ พลังนี้มันก็มีข้อเสียที่ว่าใช้กับคนไม่มีผมไม่ได้ หรือคนที่ผมสั้นจนเอามาพันรอบนิ้วก็ไม่ได้เช่นกัน เอาเถอะ ทุกๆพลังก็มีจุดอ่อนกันทั้งนั้นแหละ เมื่อฉันใช้พลังเวทย์ ภาพของเด็กผู้หญิงก็ปรากฎขึ้นในระยะที่มือเอื้อมถึง ใช่แล้ว ฉันทำแบบนั้นได้
ฉันสามารถโต้ตอบกับเธอโดยยื่นมือเข้าไปผ่านลูกแก้ว และยังจับตัวเธอแล้วพามายังฝั่งที่ฉันอยู่ได้ นั่นคือความสามารถดั้งเดิมของพลังฉัน แต่ฉันจะไม่ทำแบบนั้น ยังไม่ใช่ตอนนี้ มันยังไม่ใช่เวลา หยุดความคิดที่จะแตะต้องผมสีแพลตตินั่มบลอนด์เส้นนั้น ปล่อยมันไปก่อน ตอนนี้ฉันเป็นแค่ผู้สังเกตการณ์เท่านั้น พลังเวทย์ของฉันมันเป็นการรับรู้ที่เลือนลางมาก ฉันมีเส้นผมของฮิเมคาวะ โคยูกิ ใช่แล้วล่ะ ฉันสามารถมองดูเธอ แม้กระทั่งตอนที่เธอแปลงร่างเป็นสโนไวท์ เมื่อไหร่ที่มีเวลาว่าง ฉันจะใช้เวลาไปกับการเฝ้ามองสโนไวท์อย่างใกล้ชิด เด็กหญิงชั้นมัธยมต้นปีสองเหมือนคนอื่น มีเพื่อนและตั้งใจเรียน แบกกระเป๋า ใส่ถุงเท้ายาว ผูกผ้าพันคอ สวมกระโปรงพลีท บางทีคงเพราะอายุของฉัน เวลามองเด็กผู้หญิงแต่งตัวแบบนี้เหมือนกับได้หวนวันวาน กระทั่งตอนเป็นเมจิคัลเกิร์ล เธอก็คงยังอยู่ในชุดแบบฟอร์มโรงเรียนสีขาว ที่มีดอกไม้ขนาดใหญ่ติดอยู่ แล้วก็ยังมีจุดเด่นที่ดอกไม้ ซึ่งดอกไม้ของแครนเบอร์รี่เองก็ดูต่างจากของเธอ งานของเธอเหมือนว่าทางดินแดนเวทมนต์จะมอบให้เอง เธอยุ่งอยู่ตลอด ค้นหาผู้คนที่เจอปัญหา ครั้งหนึ่ง ตัวเธอมองดูเพื่อนร่วมชั้นตัวเองในตอนที่เลิกเรียน ครั้งหนึ่ง เธอพาพวกขี้เมากลับบ้าน เธอทำหน้าที่ด้วยพลังเวทย์ของเธอ ที่ได้ยินเสียงของคนที่เจอปัญหา ตอนแรก ฉันคิดว่าพลังของเธอมีผลเฉพาะอีกฝ่ายในตอนที่เผชิญหน้ากัน แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่แบบนั้น มันเหมือนกับเป็นพลังติดตัวคล้ายกับเรดาห์ แต่ระยะมันไกลแค่ไหนนั้นฉันคิดไม่ออกเลย เธอได้ยินเสียงของคนที่เจอปัญหา จึงรู้ตำแหน่งแล้วทำการช่วยเหลือได้ เธอเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่เปิดตัวมาแล้วไม่มีีคนที่พลังคล้ายกับเธอ ทักษะด้านอ่านจิตใจนั้นส่วนใหญ่จะมีข้อจำกัด ถึงจะดูเหมือนว่าเป็นทักษะติดตัวเธอก็ตาม มันก็เป็นภาระหนักได้ถ้าเธออ่อนล้า ฉันรู้จักเมจิคัลเกิร์ลคนอื่นที่มีทักษะด้านอ่านจิตใจแบบนี้ เธอมีเวลาสั้นๆที่จะใช้พลัง เมื่อพยายามใช้พลังเพื่อรวบรวมข้อมูลจำนวนมากในคราวเดียว จิตใจนั้นแทบจะแตกเป็นเสี่ยง แต่ไม่เหมือนกับสโนไวท์ที่สามารถใช้พลังได้ตลอด ขณะที่สโนไวท์ทำหน้าที่ของตัวเอง เธอมักจะไปกับเมจิคัลเกิร์ลอีกคนในเมือง N ซึ่งพบกันที่สนามเด็กเล่นในตอนเช้ามืด เมจิคัลเกิร์ลในชุดนินจาสีดำ ผมดำยาว แต่สิ่งที่น่าสนใจคือตาซ้ายและแขนซ้ายของเธอ ตาซ้ายของเธอเป็นแผลลึก คงจะเป็นรอยแผลจากดาบสินะ แถมเหมือนจะบอดไปแล้วด้วย แขนซ้ายตั้งแต่ข้อศอกของเธอ มีชายเสื้อปลิวไปกับลม ใช่แล้วมันไม่มีอะไรอยู่ข้างใน ฉันเองก็มีข้อมูลของเธอ เธอคนนั้นชื่อว่า ริปเปิล เธอกระทำสิ่งที่เกินขอบเขตในเกมครั้งนั้น เธอฆ่าเมจิคัลเกิร์ลคนอื่นเพื่อล้างแค้น ด้วยการที่เป็นเมจิคัลเกิร์ลที่แขนขาดและตาบอด ตัวเธอเลยมีสภาพที่ดูไม่ค่อยดีนัก จากข้อมูลที่ได้มา ฉันคิดว่าเด็กคนนี้จะเป็นพวกนักสู้ที่ดุดัน แข็งแกร่งและเงียบงันซะอีก
ใช่แล้ว เมจิคัลเกิร์ลชุดนินจา ที่ฉันมองเห็นในลูกแก้วนี้ เธอหัวเราะอย่างสนุกสนานและร่าเริง อ่า อย่างที่คิด รอยยิ้มของเธอมันคือสีหน้าของคนที่เคยผ่านประสบการณ์มาแล้ว ดังนั้นก็เลยเข้าใจได้ความต้องการของเธอได้ชัดเจน ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ตอนที่ดินแดนเวทมนตร์มีข้อเสนอที่จะรักษาบาดแผลของริปเปิล เธอก็ได้ตอบอย่างชัดเจนว่า “ชั้นไม่อยากได้รับการรักษาจากเจ้าพวกนั้น” แม้เธอคิดว่าคนที่เธอฆ่านั้นเป็นศัตรูของเธอ และหนึ่งในนั้นยังฆ่าเพื่อนสนิทของตัวเอง เธอก็ได้เลือกสิ่งนี้ให้ตัวเอง “ชั้นฆ่าคนที่ชั้นไม่จำเป็นต้องฆ่าด้วยซ้ำ” นั่นคือข้ออ้างของเธอ เธอทำแบบนี้เพื่อไม่ให้ลืมการทดสอบของแครนเบอร์รี่ แต่เธอก็ทำแบบนี้เพื่อเตือนเมจิคัลเกิร์ลคนอื่นด้วย เมื่อพวกนั้นเห็นริปเปิล จึงเห็นว่าตัวริปเปิลนั้นเป็นภัยหรือเป็นอันตรายต่อพวกเขา บางทีริปเปิลเองคงจะอยากเปิดเผยความเศร้าให้โลกนี้เห็น ด้วยการแสดงให้พวกนั้นเห็นบางอย่างในตัวเธอ แต่อาจจะมีเหตุผลอื่นอีกไหมนะ? ฉันเองก็คงไม่รู้ ถ้าไม่ได้ถามตัวริปเปิล แต่ถ้าถาม เธอจะบอกรึเปล่านี่สิ? เมจิคัลเกิร์ลชุดขาวและดำ ทั้งคู่นั่งใกล้ชิดกันตรงบันไดที่สวนสาธารณะ ทั้งสองคนกำลังพูดกับคนอื่นอยู่ เมื่อริปเปิลมองไปที่สโนไวท์ ดวงตาของเธอเหมือนกับอาจารย์ที่มองดูลูกศิษย์ เหมือนกับพ่อแม่ที่มองดูลูก เหมือนกับพี่สาวที่มองดูน้องสาว ตามสิ่งที่ฉันคิด จุดยืนของริปเปิลนั้นคือคนที่เกษียณตัวเองแล้ว เธอใช้ชีวิตแบบนี้ แต่ฉันก็ไม่ได้รู้อะไรมากกว่านี้ แต่สโนไวท์นั้นต่างออกไป เธอพยายามที่จะพูดบางอย่างกับริปเปิล แต่เหมือนว่าจะหาคำที่พูดไม่ถูก จิตใจของเธอเองก็คงจะสับสน ฉันรู้สึกเวลาที่เห็นเธอ เหมือนกับมองดูเด็กผู้หญิงที่กำลังจะก้าวขึ้นสู้ความเป็นผู้ใหญ่ มันช่างไร้เดียงสา และก็สับสนเช่นกัน แต่ปัญหาของสโนไวท์นั้นมันไม่ง่ายเอาซะเลย เธอต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น และค้นหาบางคนที่จะนำพาเธอไปสู่ความแข็งแกร่งได้ เพราะเธอคือ เด็กสาวของแครนเบอร์รี่ จึงไม่มีทางที่ดินแดนเวทย์มนต์จะเสี่ยงส่งพี่เลี้ยงมาสอนการต่อสู้ให้เธอ ถ้าทำแบบนั้น เธอเองก็จะพบจุดจบแบบแครนเบอร์รี่ จริงสิ ริปเปิล แต่จะหวังกับเธอมันก็ยาก เพราะฉันเห็นสถานะของเธอตอนนี้ เธอต้องการที่จะลงจากเวทีแห่งนี้ เธอพอใจในชีวิตของตัวเอง และไม่มีอะไรที่เธออยากจะทำอีกต่อไป แต่ริปเปิลเองก็คงช่วยไม่ได้แต่ยังคงรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบตัวสโนไวท์อยู่ จะเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ
สโนไวท์เองก็ไม่ได้ทะนงตัวอะไร ถึงตัวเองจะมีสิ่งที่อยากทำ แต่ก็ไม่ได้อยากให้เพื่อนหรือครอบครัวเข้าไปเกี่ยวด้วย ถ้าเธอทำ เธอคงจะเป็นแครนเบอร์รี่คนต่อไป และสโนไวท์เองก็ไม่ได้อยากจะกลายเป็นแครนเบอร์รี่ ริปเปิลและสโนไวท์นั้นแยกย้ายกันไปแล้ว สโนไวท์โบกมือของเธอให้ริปเปิล และริปเปิลก็หายไปอย่างช้าๆ ฉันปิดลูกแก้ว แล้วคลายการแปลงร่าง เดินไปที่เครื่องบดกาแฟ เพื่อที่จะชงกาแฟ จนกระทั่งกาต้มน้ำเดือด ฉันก็คิดถึงเรื่องสโนไวท์ ฉันอยากจะช่วยเธอ อาจจะแค่เธอคนเดียว ฉันเชื่อว่า เธอจะกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่ฉันตามหามาตลอดนั่นเอง ———————————————————————————————————————- จะทำยังไงเพื่อให้เมจิคัลเกิร์ลแข็งแกร่งขึ้นงั้นเหรอ? ฉันเชื่อว่าหลายคนก่อนหน้านี้เคยพยายามกันมาแล้ว ฉันมีรายงานของเมจิคัลเกิร์ลที่ทำสิ่งเหล่านี้ก่อนหน้า… …รวมถึงรายงานการทดสอบของแครนเบอร์รี่ แต่ฉันก็มีประสบการณ์ของตัวเอง ทักษะพลังเวทย์ของเมจิคัลเกิร์ลแต่ละคน ความสามารถทางกายภาพ และเทคนิคการต่อสู้ ซึ่งเมจิคัลเกิร์ลแต่ละคนนั้นก็แตกต่างกันออกไป เมจิคัลเกิร์ลบางคนก็พูดว่า “มุมมองของเราน่ะมันต่างกัน” ถ้าเธอเป็นเมจิคัลเกิร์ลประเภทที่ต่อสู้กับภัยระดับจักรวาล เธอก็ไม่มีเวลามาช่วยเพื่อนบ้านตัวเองกับปัญหาเล็กๆน้อยๆหรอก ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะทำอะไรแบบนั้นได้ ถ้าทำไปล่ะก็คงมีปัญหาแน่ ในการที่มนุษย์จะแข็งแกร่งขึ้นนั้น ต้องใช้เวลาเนิ่นนานเพื่อที่จะได้ความแข็งแกร่งมา แต่พวกเราคือเมจิคัลเกิร์ล พวกเราไม่จำเป็นต้องฝึกอะไรแบบธรรมดาหรอก แทนที่พวกเราจะสวมใส่ชุดเกราะ พวกเราสวมใส่ชุดฟูฟ่องและติดริบบิ้น พวกเราใช้เพียงแค่เท่านั้น เพราะตัวตนของเมจิคัลเกิร์ลมันอยู่นอกเหนือเหตุผลอยู่แล้ว ความปรารถนาของเรา ความฝันของเรา ความรักของเราต่อเมจิคัลเกิร์ลนั้น มันผลักดันเรา และให้ทำสิ่งในที่เราอยากทำ โดยไม่จำเป็นต้องห่วงอะไร แทนที่จะต้องใช้สถานที่ฝึก ต้องถูกโค้ชแนะนำ เพื่อไม่ให้ร่างกายตัวเองต้องบาดเจ็บ เราใช้เวลาฝึกอยู่ที่บ้านโดยที่ไม่ต้องกังวลอะไร ใช่แล้วล่ะ พวกเราทำแต่เรื่องที่โง่ๆ พวกเราคือเมจิคัลเกิร์ล และทุกคนรู้ว่าเมจิคัลเกิร์ลนั้นคือฮีโร่ พวกเรารู้ว่าสิ่งที่เราไปนั้นมันดูโง่เง่ายังไงตอนที่เราทำมันไปแล้ว แต่ตราบใดที่เรายังมุ่งหน้าทำต่อไป โลกใบใหม่ก็จะถูกเปิดขึ้น ใช่ ฉันไม่ได้ทำสิ่งนั้น มันน่ารำคาญ แต่ถ้าคนอื่นทำล่ะก็ บางทีฉันคงจะดูงานให้ ถ้าสโนไวท์ต้องการที่จะแข็งแกร่งล่ะก็ ฉันเองคงจะไม่ว่าอะไรหรอก ฉันกดหมายเลขบนเมจิคัลโฟนเพื่อโทรออก “สวัสดี สโนไวท์ใช่ไหม? นี่เฟรเดริก้าเองนะ” “…สวัสดีค่ะ” “ยังไม่เปลี่ยนใจเหรอ?” “ไม่ค่ะ” ฉันพยายามที่จะพูดเรื่องเล็กๆน้อยๆกับเธอ แต่ว่า… “ตอนนี้วางสายได้รึเปล่าคะ?” เหมือนว่าเธอจะไม่ค่อยใส่ใจเลยเอาซะเลย “เธอยังไม่เปลี่ยนใจเรื่องที่อยากจะแข็งแกร่งขึ้นสินะ” “ไม่เปลี่ยนค่ะ” “นี่เธอได้คิดตามสิ่งที่ฉันพูดไหม? ที่ว่าเมจิคัลเกิร์ลไม่จำเป็นต้องมีแค่ความแข็งแกร่งเท่านั้นน่ะ?” “คิดค่ะ” “แล้วเธอยังจะต้องการความแข็งแกร่ง แม้มันจะทำลายตัวเธอเองงั้นเหรอ?” “ต้องการค่ะ” “แล้วถ้ามันทำลายอะไรที่มากกว่าตัวเธอเองล่ะ?” “…หมายความว่ายังไงคะ?” “เพื่อนและครอบครัวของเธอ เธอต้องการความแข็งแกร่งแม้ว่าจะต้องเสียสละพวกนั้นเหรอ?” ไม่มีคำตอบ สโนไวท์เองก็ไม่ได้พูดอะไร แต่เธอก็ไม่ได้วางสาย ฉันไม่รอคำตอบของเธอ “ขอให้คิดเรื่องนั้นด้วยนะ” แล้วฉันก็วางสายไป เหตุผลที่สโนไวท์ต้องการความแข็งแกร่ง ฉันคิดว่ามันมาจากการทดสอบของแครนเบอร์รี่ ในการทดสอบของแครนเบอร์รี่นั้น เมจิคัลเกิร์ลทั้งได้ฆ่าและถูกฆ่า แน่นอนว่าเพื่อนของสโนไวท์เองก็โดนฆ่าด้วย ลาพูเซลและฮาร์ดกอร์อลิส เมจิคัลเกิร์ลทั้งสองคนต้องการที่จะปกป้องสโนไวท์ และพวกเขาทั้งคู่ก็ถูกฆ่าตาย สโนไวท์เกลียดตัวเองที่ไร้ความสามารถ นั่นคือเหตุผลที่เธออยากแข็งแกร่งขึ้น แทนที่ตัวเองจะมัวเมาในพลังของเมจิคัลเกิร์ล ตัวสโนไวท์ตะหนักว่าตัวเองไร้ประโยชน์ขนาดไหน การที่คนๆหนึ่งจะใฝ่หาพลังนั้น มักเริ่มมาจากการตะหนักได้ว่าตัวเองอ่อนแอแค่ไหนนั่นเอง สำหรับฉัน นอกเหนือจากงานของเมจิคัลเกิร์ลปกติแล้ว ฉันยังประสบการณ์เรื่องสอดแนมและการเป็นผู้ดูแลการทดสอบด้วย จากประสบการณ์ในการสอดแนมของฉัน มันสามารถนับพวกที่เป็น คนดี ได้ด้วยนิ้วเลยล่ะ แม้ว่านั่นจะเป็นงานของดินแดนเวทมนต์ที่ไม่ค่อยได้ผลตอบแทนอะไร แต่ฉันก็ภูมิใจที่ได้ทำ ในตอนที่ค้นหาคนที่เข้าร่วม ฉันก็ไม่ได้ทำตามขั้นตอนตามที่ดินแดนเวทย์มนต์ส่งมาให้ ฉันใช้วิธีการของตัวเอง ที่แรกที่ฉันไปดูคือโรงเรียนอนุบาลไม่ก็ที่รับเลี้ยงเด็ก ขั้นแรก ฉันหาเส้นผมของครูแล้วใช้มันเพื่อนมองดูเหล่าเด็กๆ ฉันมองหาเด็กที่แปลกแยกจากคนอื่น เด็กคนที่ไม่ได้รวมกลุ่มกับใคร หรือเด็กที่โดนคนอื่นรังเกียจ ใครๆก็บอกได้ว่าคนแบบนั้นเป็นยังไง พวกที่อยู่ต่อหน้าคนอื่นทำเป็นหัวเราะเสียงดัง แต่พออยู่คนเดียวกลับเหงาน่ะ ฉันเองไม่ค่อยมุ่งอยู่กับชีวิตในโรงเรียนเท่าไหร่นัก บางที เด็กๆควรจะมีชีวิตในโรงเรียนอย่างสนุกสนาน แต่นั่นคือพวกเขากำลังปิดบังปัญหาทางบ้านของตัวเองอยู่ด้วย เด็กคนที่ตื่นขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของพ่อบุญธรรมตัวเองในตอนกลางคืน เด็กคนที่ไม่อยากกลับบ้าน บางครั้งก็พยายามหนีออกจากบ้าน มาอยู่ในป่ากับพวกเครื่องใช้ในครัว หดหู่ ซึมเศร้า เด็กพวกนี้ควรจะมีความแข็งแกร่งมากกว่าใครอื่น เด็กเหล่านี้อยากจะมีอิสระในชิวิต แต่ก็ทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะคิดว่าการอดทนนั่นคืออิสระนั่นเอง ใช่แล้ว การอธิษฐาน และ ความหวัง จนความปรารถส่องสว่างขึ้น และนั่นคือสิ่งที่เหมาะสมกับเมจิคัลเกิร์ล แม้จะลำบากยากเย็นขนาดไหน มันก็สำเร็จได้ถ้าพยายาม แม้แต่ปัญหาอะไรส่วนตัวก็ตาม บางคน ที่ได้กลายเป็นเมจิคัลเกิร์ล รู้สึกว่าปัญหาต่างๆของตนนั้นได้ถูกแก้ไขแล้ว ความปรารถนาไม่ได้พลักดันพวกเขาไปข้างหน้า ฉันก็สอดแนมพวกผู้ใหญ่ด้วยเช่นกัน และก็คิดว่าความปรารถนาของผู้ใหญ่นั้นแรงกล้ายิ่งกว่าเด็ก ฉันเล็งเป้าไปที่พวกคนทำงานที่แทบไม่มีเงิน คนไร้บ้านที่อาศัยอยู่ในลังกระดาษ หรือพนักงานโรงงานที่ชีวิตตกต่ำ แม้กระทั่งผู้หญิงมีอายุที่รู้สึกว่าไม่มีใครรัก และจมอยู่กับแอลกอฮอล์ทุกคืน แม้คนพวกนั้นจะเข้ากับหมวดหมู่ของฉัน แต่ผลของมันก็ไม่น่าพอใจเลย ส่วนใหญ่คนพวกนั้นรู้สึกอึดอัด เมื่อกลายเป็นเด็กตัวผู้หญิงตัวเล็กๆ ในจุดนั้น ฉันเลยกำหนดให้เป็นผู้หญิงที่อายุ 20 แทน ดูเหมือนจะมีพลังเวทย์อยู่สูงด้วย แต่มันก็ยาก เพราะไม่มีคนตามที่ต้องการเลย ในทางกลับกัน เด็กๆนั้นเป็นพวกที่หาได้ง่ายที่สุด แต่ส่วนใหญ่ก็มักหยุดอยู่ครึ่งทาง สำหรับสโนไวท์ เธอคือผู้เข้าร่วมการทดสอบของแครนเบอร์รี่ ซึ่งนั่นชัดเจนว่ามีผลกระทบกับเธอ เหมือนกับแครนเบอร์รี่ เธอต้องการที่จะแข็งแกร่งด้วยการผลักดันขีดจำกัดของเมจิคัลเกิร์ลให้ขึ้นไปถึงขั้นสุด เธอไม่เคยพอใจกับพลังที่มีอยู่ของตัวเอง เธอเหมือนกับตัวเอกของโชเน็นมังงะ ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นใคร ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหน ไม่ว่าจะหนังเหนียวยังไง เธอจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเองจนกระทั่งผ่านมันไปได้ ความแข็งแกร่งที่พลักดันเธอนั้นไม่ใช่สิ่งที่คลุมเครือ เธอต้องการจะแข็งแกร่งขึ้น แต่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ถ้าเธอค้นพบวิธีแล้ว บางทีอาจเป็นเหมือนแครนเบอร์รี่ เธอจะไล่ตามสิ่งนั้นจนถึงแก่ความตาย คนที่ถูกเรียกว่า เด็กสาวแห่งแครนเบอร์รี่ ได้นั้นไม่ใช่อะไรที่ธรรมดา แม้ว่าคนที่เกลียดขี้หน้าแครนเบอร์รี่เองก็พบว่าการใช้ชีวิตของเธอมันน่าสนใจ แต่สำหรับคนอื่น คนที่อยากจะลงจากเวทีแห่งนี้ล่ะ? ในวันธรรมดาก่อนที่สโนไวท์ช่วยเหลือจะผู้คน 1 ชั่วโมงก่อนหน้านั้น ฉันไปพบกับริปเปิล เพื่อที่จะติดต่อและหาข้อมูลจากเธอ ฉันเลยขออนุญาตไปยังเมจิคัลเกิร์ลเบื้องบนก่อน นั่นไม่ได้หมายความว่าฉันจะฝึกเธอ แต่มันเป็นอะไรที่ชัดว่าเด็กคนนั้นโดนบังคับให้กลายมาเป็นเมจิคัลเกิร์ล สงสัยว่าเบื้องบนจะประหลาดใจกับการกระทำของฉัน แต่ก็ตอบมาว่า “จะทำอะไรก็ทำเถอะ” ริปเปิลเองก็ติดการช่วยเหลือผู้คนเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้เหมือนสโนไวท์ เธอมีกำหนดเส้นทางลาดตระเวณอยู่แล้ว เธอหยุดอยู่ตรงด้านบนตึกครู่หนึ่ง มองดูรอบๆ แล้วก็ลาดตระเวณต่อไป นั่นเป็นเรื่องปกติในการช่วยเหลือผู้คน ไม่เหมือนกับสโนไวท์ ที่มีพลังในการได้ยินคนที่ตกอยู่ในปัญหา นั่นเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดของริปเปิลที่จะทำได้ ก่อนที่จะพบกับเธอ ฉันก็ลอบเข้าไปในที่พักของ คาโนะ ซาซานามิ และเจอเส้นผมของเธอ จากนั้น ฉันก็ไปที่ชั้นบนของที่พัก ตัวเธอก็ยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ ก่อนที่จะเรียกเธอ ฉันก็เห็นว่ามือของเธอนั้นกำลังเลื่อนไปจับคาตานะของเธออยู่ อย่างที่คิดเลย เธอเป็น เด็กสาวแห่งแครนเบอร์รี่ จริงๆ การเคลื่อนไหวของเธอไม่เสียเปล่า เธอเคลื่อนไหวเร็ว และเรื่มต่อสู้ก่อนจะกระพริบตาซะอีก เธอนั้นนั่งอยู่ที่พื้น ชุดนินจาของเธอนั้นเป็นการเสริมความคล่องตัวและความเร็ว และด้วยพลังเวทย์ “ขว้างชูริเคนเข้าเป้าทุกครั้ง” จึงไม่แปลกใจเลยที่เธอผ่านการทดสอบมาได้ คงเป็นเพราะการเคลื่อนไหว ผมสีดำของเธอก็เลยสะบัดตาม เส้นผมสีดำสะท้อนกับแสงจันทร์ มันยากซะจริงๆที่จะหาเด็กผู้หญิงผมดำที่เส้นผมส่องประกายในตอนกลางคืนเช่นนี้ ช่างเป็นเส้นผมที่งดงามจริงๆ อยากจะสัมผัสมันเหลือเกิน แค่คิดถึงความรู้สึกที่เส้นผมนั้นอยู่ระหว่างนิ้ว แค่นั้นหัวใจฉันก็สั่นไหวแล้ว แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลา ฉันยิ้ม และยื่นมือไปหาให้เธอเห็นว่าไม่ได้มาด้วยเจตนาร้าย เธอเอามือออกจากคาตานะอย่างช้าๆและลุกขึ้นยืน ฉันเดินไปหาและยื่นนามบัตรให้ “ฉันแน่ใจว่าตอนนี้เธอรู้แล้วนะ ฉันคือพี่เลี้ยงของสโนไวทื” “พี่เลี้ยงเธอ?” ใบหน้าของเธอนั้นดูอ่อนลง แม้จะเห็นรอยแผลอย่างชัดเจน เธอดูเหมือนกับเมจิคัลเกิร์ลอันสง่างามอีกครั้งนึง ผิวของเธอนั้นดูนุ่มนวล และดูใจเย็นลงแล้ว เมื่อเธอแสดงการต่อต้าน ตัวเธอจะเต็มไปด้วยความคุกคาม ตอนนี้ เธอแสดงออกมาแค่ใบหน้าของนักรบที่เต็มไปด้วยบาดแผลแค่นั้น ฉันพูดต่อ “สโนไวท์มาปรึกษาฉันเมื่อเร็วๆนี้น่ะ” “เรื่อง?” “ทำยังไงถึงจะแข็งแกร่งขึ้น” สิ่งที่ริปเปิลนั้นแสดงออกมานั้นดูแย่กว่าเดิมอีก เธอหยีตา รอยแผลเองดูจะขยับไปด้วย “เธอรู้เหตุผลไหมว่าทำไมเธอถึงทำแบบนั้นน่ะ?” ริปเปิลไม่ได้ตอบ ตัวเธอเองก็มองไปที่ขอบฟ้า ฉันมองชุดที่เธอสวม ดูเกี๊ยะไม้ที่น่าอึดอัด แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของชุดเมจิคัลเกิร์ลเลยไม่มีปัญหาในการเคลื่อนไหว ฉันเลยพูดต่อ “เธอรู้ใช่ไหมล่ะ? เธอกับสโนไวท์เองอยู่การทดสอบครั้งสุดท้ายของแครนเบอร์รี่ ผู้คนเองจับจ้องมองดูพวกเธอทั้งคู่อยู่ ถึงเธอจะมีจุดประสงค์ดีก็เถอะ ความแข็งแกร่งที่เธอปรารถนานั้นอาจจะนำพาเรื่องไม่ดีมาได้ด้วย” ริปเปิลเองก็ไม่ได้พูดหรือมองตาฉันด้วย “ฉันไม่รายงานไปที่ดินแดนเวทมนต์หรอก” ริปเปิลคงตกใจกับคำพูดนั้น เลยเลิกคิ้วขึ้น ฉันจึงพยักหน้า “พอดีมีแผนจะปกปิดข้อมูลในรายงานน่ะ” ฉันยิ้มบางๆเพื่อให้อารมณ์ดีขึ้น “ไม่ว่ายังไง การรับผิดชอบสโนไวท์ก็เป็นหน้าที่ฉัน ถ้าดินแดนเวทมนต์พบว่าเธอใฝ่หาความแข็งแกร่งล่ะก็ ถึงตอนนั้นฉันอธิบายอะไรไม่ได้ล่ะก็ คิดถึงคนที่พวกนั้นจะส่งมาเป็นพี่เลี้ยงคนต่อไปดูสิ ลองคิดดูนะ คนต่อไปอาจจะเป็นศัตรู และอยากให้ทุกคนเหมือนแครนเบอร์รี่ก็ได้ แม้กระทั่งสโนไวท์ก็เถอะ” ตาข้างเดียวของริปเปิลนั้น จ้องกลับมาหาฉันเหมือนกับจะฆ่าแกงกันแบบนั้นเลย จริงๆนี่เป็นเรื่องซีเรียสซะด้วย แต่ฉันก็หายใจออกแล้วก็พูดต่อไป “ก็พักนึงแล้วนะที่ขึ้นมาอยู่บนนี้ อ่า รู้สึกคิดถึงจัง” เมื่อฉันยังเป็นเด็ก จำได้ว่าเคยมาเล่นบนดาดฟ้าแบบนี้ ในสายตาของเด็ก สนามเด็กเล่นที่มีตาข่ายล้อมรอบแบบนี้ ก็เหมือนกับคอกอะไรซักอย่าง คงเป็นเพราะเศรษฐกิจแย่ อะไรๆก็เปลี่ยนไป ร้านขายข้าวโพดคั่วที่เคยอยู่ตรงถนน พวกก้อนหินที่เคยเล่น รั้วบางที่ก็เป็นของใหม่ ตรงที่เคยเป็นรูก็หายไป คงซ่อมแล้วสินะ ฉันมองกลับไปที่ริปเปิล เหมือนเธอจะดูสับสนกว่าเดิม บางทีแบบนี้อาจจะเจรจาได้ดีกว่าเดิมก็ได้ “ช่วยถามเรื่องความตั้งใจจริงๆของสโนไวท์ให้หน่อยได้ไหม? ฉันเคยถามแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้ให้คำตอบที่น่าพอใจมาเลย บางทีที่เธออยู่ใกล้ชิดกับสโนไวท์ อาจจะได้คำตอบมาก็ได้” ฉันใช้สายตาที่เต็มไปด้วยความพยายามมองไปที่เธอ “ถ้าสิ่งที่สโนไวท์ต้องการมันทำได้ ฉันเองก็จะช่วย” สายตาของริปเปิลมองมาที่ฉันโดยชัดเจนแล้ว เหมือนว่าเธอกำลังคิดอยู่ ตัวเธอที่มีชีวิตอยู่ด้วยการต่อสู้ตลอดเวลานั้น คงจะยากเวลาที่จะเจรจาไม่ก็จะถามอะไรสินะ ไม่ใช่จากรูปลักษณ์ของเธอ แต่ริปเปิลนั้นแข็งแกร่ง เพราะเธอเองก็คือ เด็กสาวแห่งแครนเบอร์รี่ นี่นะ ฉันให้ที่อยู่กับเบอร์โทรกับริปเปิลไป จับมือกัน แล้วก็กระโดดออกจากดาดฟ้าไป ฉันรู้สึกได้ถึงสายตาของริปเปิลจากด้านหลัง เธอไม่ได้ปล่อยสัญชาตญาณในการต่อสู้ออกมา แม้จะไม่ได้ต่อสู้ แต่จิตใจของเธอยังเฉียบคนอยู่ดีสินะ อย่างที่คิดไว้เลย วันต่อมา สโนไวท์โทรหาฉัน “บอกริปเปิลทำไมคะ!?” มาตรงๆเลยสินะ “ตั้งแต่เป็นพี่เลี้ยงเธอเนี่ย ฉันคิดว่ามันเป็นความคิดที่ดีนะที่จะรู้จักเพื่อนๆของเธอบ้าง ไม่คิดงั้นเหรอ?” “อย่าทำแบบนั้น!” เสียงของเธอดังขึ้น จนใกล้จะตะโกนแล้ว แม้ว่าเธอจะระวังไม่ให้ดังเกินก็ตาม “ในทางตรงกันข้าม มันจำเป็นนะ ถ้าเธอไม่สนใจคนที่อยู่ใกล้ตัว เธอจะอยู่ในอันตรายได้ นอกจากนี้…” ฉันหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็พูดต่อ “…ฉันต้องรู้เหตุผลของเธอที่ต้องการแข็งแกร่งขึ้น แต่เธอก็ยังไม่บอกฉันอยู่ดี” “ฉัน ไม่จำเป็น ต้องบอกคุณค่ะ” เสียงของสโนไวท์เบาลง แม้ว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแค่เล็กน้อย ฉันคิดว่าตอนนี้มันไม่ดีที่จะถาม “ถ้าเธอบอกฉัน ฉันเองก็จะช่วยเธอได้ ถ้าไม่ ฉันเองก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน เธอทำแบบนี้เพื่ออะไรงั้นเหรอ? ฉันคิดว่าเธอไม่อยากให้ใครรู้ ดังนั้นฉันเองก็จะไม่บอกดินแดนเวทย์มนต์หรือคนอื่นเช่นกัน ฉันขอสาบานในนามแห่งเมจิคัลเกิร์ล” ฉันไม่คิดว่ามันแย่นะที่สาบานในนามเมจิคัลเกิร์ลแบบนี้ เพราะฉันเองก็ไม่รู้ว่าสโนไวท์รู้สึกแบบไหนเหมือนกัน “จำที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้ได้รึเปล่า? ที่ว่าเธอยินดีที่จะสูญเสียเพื่อความแข็งแกร่งน่ะ? บางทีคำว่า “สูญเสีย” มันคงแรงไปหน่อย เอาล่ะ มาพูดกันอีกครั้งนะ อะไรคือสิ่งที่เธอยินดีที่จะใช้ในการค้นหาความแข็งแกร่งกันล่ะ? ใช่แล้ว เอาแบบนี้ดีกว่า อะไรที่เธอยินดีจะทำเพื่อให้ได้ความแข็งแกร่งนั้นมา? ถ้าเธอใช้แค่ตัวเองล่ะก็ มันก็จะหยุดอยู่แค่นั้น” เธอเงียบ แต่ฉันก็ได้ยินเสียงเธอ นั่นเป็นสัญญาณแล้วว่าเธอเริ่มยอมรับคำถามของฉันแล้ว “ถ้าเธอไม่มีคู่ซ้อมล่ะก็ ถามริปเปิลสิ ถ้าฉันเป็นเธอล่ะก็ ฉันจะใช้ประโยชน์จากพี่เลี้ยงที่ปิดปากทุกเรื่องแบบนี้ นี่เป็นเครื่องมือที่ดีีที่ใช้ฝึกฝนตัวเองได้ ฉันรู้ ว่าฉันไม่เหมือนแครนเบอร์รี่ที่เก่งเรื่องสู้ แต่ฉันเองก็เป็นเมจิคัลเกิร์ลคนนึง เป็นคนที่รู้ว่าจะสอนเธอให้ดีกว่าแครนเบอร์รี่ได้ยังไง ดังนั้นเพื่อความก้าวหน้าของตัวเธอแล้ว ฉันคิดว่าตัวเองมีคุณสมบัติพอ” ฉันใช้เวลาพักหายใจอยู่ครู่นึง “ได้โปรดใช้ฉันเถอะ สโนไวท์ แต่ก่อนหน้านั้น บอกฉันทีว่าทำไมเธอทำแบบนี้? ทำไมเธอต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น? ถ้าฉันรู้เหตุผล ฉันก็จะช่วยในแบบที่ถูกต้องได้” “ฉัน…” เสียงของเธอนั่นนิ่ง ไม่อ่อนแอ แต่นิ่งเงียบ การที่จะคุยกับใครคนอื่น คนที่ต้องการให้เข้าใจสถานการณ์ ต้องให้ตัวเธอพูดออกมาเอง แบบนี้ดีแล้ว “ฉันจะได้อะไรจากการใช้ตัวคุณงั้นเหรอคะ?” “ทำไมล่ะ ฉันเป็นพี่เลี้ยงของเธอนี่ แม้กระทั่งในโลกมนุษย์ เธอน่าจะรู้นะ ว่านักเรียนก็จำเป็นต้องใช้ที่ปรึกษาให้เป็นประโยชน์ก่อนที่จะออกมาใช้ชีวิตในโลกจริงนี่นา นั่นคือเหตุผล ถ้าเธอต้องการคำแนะนำของฉัน ฉันเองจะดีใจมาก ไม่ต้องกังวลกับสิ่งที่ฉันคิดหรอก ฉันรับงานนี้มาด้วยตัวเอง เลยเตรียมที่จะรับผลที่ตามมาแล้ว” เธอไม่ได้อะไรตอบกลับมา แต่ฉันเองก็ไม่ได้รอคำตอบนั้น “ให้ฉันรู้สิ่งที่เธอตัดสินใจด้วยแล้วกันนะ” แล้วฉันก็วางสายไป วันต่อมา มีเหตุการณ์บางอย่างที่ไม่ปกติเกิดขึ้น สโนไวท์ได้สู้กับริปเปิล เพราะเวทมนต์ของฉันทำงาน จึงไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย แบบนี้ก็ไม่เข้าใจว่าทั้งคู่พูดอะไรกันพอดี แต่ฉันก็เห็นทั้งคู่กำลังโต้เถียงกันอย่างรุนแรง เหตุผลที่โต้เถียงกันนั้น สำหรับฉันที่เคยคุยกับทั้งคู่แล้ว คิดได้ง่ายๆเลยว่าพูดถึงเรื่องอะไรกันอยู่ สโนไวท์ต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น เธอจะเอาตัวเองเข้าสู่สนามรบ แต่เธอโน้มน้าวริปเปิลไม่ได้ เพราะสำหรับริปเปิล การต่อสู้ของเธอมันจบลงแล้ว ริปเปิลนั้นว่าอะไรคือสิ่งที่ดีสำหรับสโนไวท์ ก่อนหน้านี้ สโนไวท์เองก็คิดถึงริปเปิลตลอด ก่อนหน้านี้ ทั้งคู่ไม่เคยโต้เถียงกันเลย แต่ตอนนี้ สโนไวท์นั้นดูโกรธ มันต่างจากสิ่งที่ฉันเห็นตอนสัปดาห์ที่แล้วจริงๆแหะ คนเดียวที่สโนไวท์เชื่อใจได้นั้นคือริปเปิล แต่ก็ทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว ทั้งสองถกเถียงกันอยู่ไม่จบไม่สิ้น และสโนไวท์ก็หันหลังให้ริปเปิล และไม่ได้โบกมือให้อย่างปกติ คงจะไม่ได้ข้อสรุปกันสินะ
ในตอนนั้นฉันตัดสินใจติดต่อหาริปเปิล “สวัสดี ริปเปิลใช่ไหม? นี่เฟรเดริก้าเองนะ” “…อ่า สวัสดี” “สโนไวท์เป็นยังไงบ้าง? เธอได้บอกเหตุผลรึเปล่า” ริปเปิลไม่ได้ตอบ ลองคิดดูแล้ว เวลาที่ติดต่อมานี่ก็เหมาะเจาะพอดีเลย คงเหมือนกับว่าฉันแอบมองดูเธอจากที่ไหนซักแห่ง เธอเลยมองดูไปรอบๆตัว มันดูน่าแปลกสำหรับเธอสินะ สำหรับริปเปิล ฉันเป็นคนที่ไม่น่าไว้ใจ แต่ฉันมั่นใจว่าสโนไวท์จะบอกเหตุผลของเธอให้ริปเปิลฟัง “ฉันเป็นห่วงสโนไวท์น่ะ” “…เป็นห่วง?” “เป็นห่วงสิ! ถ้าสโนไวท์ยังเป็นแบบนี้ต่อไป เธอจะเหมือนกับพวกตัวอันตรายหลายคนๆ เธอต้องการที่จะหาความแข็งแกร่งโดยไม่มีคนสอนเรื่องขีดจำกัดของตัวเอง แบบนี้มันจะทำให้ชีวิตของเธอตกอยู่ในอันตรายเอาได้” ขณะที่ฉันถือเมจิคัลโฟนด้วยมือขวา มือซ้ายของฉันก็จัดการกับลูกแก้ว ฉันเห็นริปเปิล ดูเหมือนเธอกำลังกินยาอะไรซักอย่างที่ขมมากๆอยู่ “เห็นอยู่ว่าฉันพูดอะไรกับเธอไม่ได้ แต่ไม่ใช่กับเธอ ริปเปิล เธอสามารถแนะนำสโนไวท์ได้ อย่าพยายามหยุดตัวสโนไวท์ไว้แค่นั้นเลย แต่ให้นำทางเธอไป เพื่อไม่ให้เธอทำอะไรที่เสี่ยง เธอคิดว่าตัวเองทำได้ไหม?” ฉันรู้คำตอบอยู่แล้ว สโนไวท์จะไม่หยุดแม้ริปเปิลจะถามเธอแล้ว เพราะแบบนั้น ฉันจึงนำเธอมาในทางนี้ สีหน้าของริปเปิลนั้้นดูไม่มีความรู้สึกอะไร ฉันพอใจกับผลลัพธ์นี้แล้ว เลยปิดเมจิคัลโฟนและลูกแก้วไป ถ้าปล่อยเธอไปแบบนี้ สโนไวท์ก็จะทำอะไรด้วยตัวเอง เธอจะเริ่มทำสิ่งที่อันตราย ซึ่งฉันเองก็เป็นห่วง ถ้ามันเกิดขึ้นกับเธอ เธอคงจะตายเข้าซักวันแน่ๆ มันคงดีกว่าถ้าไม่ปล่อยให้เธอทำอะไรเสี่ยงๆ ถ้าจะทำแบบนั้น ริปเปิลต้องให้คำแนะนำแก่สโนไวท์ เพื่อจะให้เธอมีโอกาศรอดมากขึ้น หลังจากที่ฉันฝังความคิดนั้นไว้ในหัวริปเปิลแล้ว เธอคงเข้าใจว่าต้องทำอะไรต่อไป แล้วฉันก็ติดต่อหาสโนไวท์ “สวัสดีสโน นี่เฟรเดริก้านะ” “…คะ?” เสียงของเธอสั่นไหว อ่า คงร้องไห้สินะ ฉันไม่ต้องใช้ลูกแก้วดูเรื่องนี้หรอก ฉันเริ่มที่จะพูดเรื่องเล็กๆน้อยๆกับเธอก่อน “ที่โรงเรียนเป็นไงบ้าง? สอบผ่านไหม?” หลังจากนั้น ฉันก็พูดทุกๆเรื่อง และให้คำแนะนำอะไรกับเธอไปบ้าง จนสโนไวท์เริ่มพูดตอบ “เอ่อ…” เสียงนั่นมันเต็มไปด้วยความกังวล ฉันเลยถามกลับไป “อะไรเหรอ?” ฉันพูดตอบไปด้วยเสียงที่อ่อนโยน เสียงนั่นเหมือนกับ เสียงของเด็กจากอีกฟากนึงที่อยากจะเป็นอิสระ ฉันไม่ต้องเปิดประตูบานไหนอีกแล้ว ถ้าเธอเปิดมันด้วยตัวเอง ส่วนของฉันไม่มีอะไรให้ทำอีกต่อไป ตอนนี้ก็ได้เวลาที่มาดูผลลัพธ์ ฉันคิดว่าถ้าไม่ใช่วันนี้ ก็คงเป็นวันพรุ่งนี้ ไม่ก็วันต่อไป วันที่เธอจะพูดออกมา… …คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปตลอด แต่ฉันก็ไม่ได้ตกใจอะไร ยังทำตัวเหมือนเดิม สุดท้าย หลังที่ที่สโนไวท์เงียบไป 2 นาทีก็เริ่มจะพูดออกมาแบบตะกุกตะกัก “ถะ…ถ้ามีเมจิคัลเกิร์ลคนอื่นที่เหมือนแครนเบอร์รี่อีกล่ะก็ ฉันจะหยุดพวกเขาค่ะ ฉันไม่อยากให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีกแล้ว ฉันจะขัดขวางเรื่องร้ายแรงไม่ให้เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ เพื่อการนั้น ฉันจำเป็นต้องแข็งแกร่งขึ้นค่ะ” เหตุผลของสโนไวท์นั้นเป็นเหตุผลที่ฉันเองก็เห็นด้วย แม้ว่าเธอจะถูกจับตามองอยู่ แต่ระบบของดินแดนเวทย์มนต์เองก็ไม่ได้เข้มงวดมากมาย จะพูดแบบนี้กับพวกนั้นก็คงแย่น่าดู แต่ว่าทางที่จะตรวจดูคนอื่นน่ะ มันควรที่จะอยู่ใกล้ชิดกับคนๆนั้นจะดีกว่านะ มากกว่าร้อยปีแล้ว ระบบก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ทำไมถึงมีเมจิคัลเกิร์ลแบบ เด็กสาวแห่งแครนเบอร์รี่ เกิดขึ้นมาอีก? ในฐานะที่เป็นพี่เลี้ยงของเธอ ฉันจะให้ความร่วมมือมากเท่าที่จะทำได้ เมื่อพูดถึงการทำสิ่งชั่วร้าย สโนไวท์นั้นแตกต่างจากริปเปิล ริปเปิลนั้นเกลียดคนอื่น ในขณะที่สโนไวท์นั้นเกลียดตัวเอง คนอย่างริปเปิล ที่เกลียดคนที่ทำชั่ว ไฟแห่งความโกรธจะลามอย่างรวดเร็ว จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังคงเห็นมันยังอยู่ในตัวของริปเปิล แต่คนแบบสโนไวท์ ไฟนั้นจะลุกไปตลอดกาล ฉันหายใจเข้าลึกๆ เว้นจังหวะไปสักครู่ให้ดูเหมือนว่าตกใจคำพูดของสโนไวท์ ฉันทำเหมือนว่ามันเกินจะรับไหว ถ้าแสดงออกน้อยกว่านี้ เธอคงสงสัยเอาได้ ใช่แล้ว ฉันมีข้อสรุปอยู่แล้วว่าจะทำให้สโนไวท์แข็งแกร่งขึ้น ด้วยบุคลิกและจิตใจ เธออาจจะเป็น เมจิคัลเกิร์ลในอุดมคติ ของฉันเลยก็ได้ ซึ่งนั่นก็เป็นไปได้ว่า เธอจะปฏิรูปดินแดนเวทย์มนต์ซะใหม่ ในฐานะพี่เลี้ยงฉันรู้สึกว่า นี่เป็นพรสวรรค์ที่ไม่ได้เจอมาเนิ่นนาน แม้ตอนนี้พวกที่มีอำนาจอาจจะลงมาทำหน้าที่ แต่ตอนนี้ได้เวลาที่เหมาะสมแล้ว ที่ไหนซักแห่ง ดินแดนเวทย์มนต์ได้จับกุมเมจิคัลเกิร์ลเลวๆ 2 คน พวกนั้นได้ถูกตราหน้าในเวลาเดียวกัน และได้มอบฉายาอันเลวร้ายเพื่อกระจายความน่ากลัวของ 2 คนนั่น ถ้าดินแดนเวทย์มนต์ทำแบบเดียวกับสโนไวท์ มันก็คงเหมือนกัน หลังจากนั้น ฉายาจะกลายเป็นสัญลักษณ์ และอยู่กับคนๆนั้นเป็นเวลาเนิ่นนาน ปีศาจสีขาว? ยมฑูตสีขาว? ไม่สิ ดูไม่เข้ากัน แถมน่ากลัวเกินไปหน่อย แต่ฉันก็ต้องคิดฉายาที่เหมาะสมสำหรับเธอไว้ด้วย …นั่นคืองานสำหรับวันนี้ของฉัน
ฉันปิดเมจิคัลโฟนแล้ววางลงบนโต๊ะ แล้วเดินไปเปิดประตูบานเลื่อนที่ห้องครัว ที่ห้องข้างๆ ฉันได้ยินเสียงพัดลมดัง วืออ วืออ อยู่ตลอด ฉันก้าวผ่านประตูไป เท้าของฉันนั้นรู้สึกได้ว่ามันจมไปกว่าปกติ ก็ตั้งแต่ปีก่อนแล้วนี่นะ ที่ห้องนี้เคยมีเสื่อทาทามิ บางทีก็คิดว่ามันยังอยู่ แต่ก็หายไปแล้ว จนฉันเข้ามาในห้อง ความสุขทั้งหลายก็ทะยานเข้ามาสู่ตัวฉัน กำแพงเหล็กทั้งด้านซ้ายและขวา และตรงหน้าฉันก็มีชั้นหนังสือชั้นใหญ่ตั้งอยู่ ห้องนี้นั้นได้ถูกปรับปรุงหลังใหม่จากเกิดเหตุแผ่นดินไหวทำลายไป ตอนนี้ฉันมั่นใจว่าถ้าเจอภัยอะไรอักก็คงไม่พังแล้ว มีแฟ้มอยู่ที่ชั้นหนังสือ เรียงตามตัวอักษร ฉันเจาะจงมาอันนึงแล้วเปิดออก ที่แฟ้มนั้นมีเส้นผมอยู่เส้นนึง เส้นผมบางๆสีน้ำตาลเข้ม นี่เป็นหนึ่งในคอลเลคชั่นของฉัน มองดูรอบๆเส้นผมเส้นนั้น ความทรงจำต่างๆก็แล่นเข้ามาในหัว ความทรงจำจากหลายช่วงเวลามันหวนกลับมาอีกครั้ง แต่ถ้าฉันยังเก็บเส้นผมนี้อยู่ ฉันเองก็จะก้าวไปข้างหน้าไม่ได้ แม้เธอจะเคยเป็นหนึ่งในนั้น แต่ตอนนี้ ตัวฉันสนใจแต่สโนไวท์ ฉันหยิบเส้นผมออกมา เอาแฟ้มกลับไปไว้ที่เดิมแล้วก็เดินไปที่ถังขยะ เอาเท้าไว้บนที่เหยียบเพื่อเปิดฝาถัง แล้วก็นำไปใส่ในนั้น พอฉันทำแบบนั้นมันก็รู้สึกเศร้า อ่า… น่าอายจังเลย ——————————————————————————————————————————- ฉันสงสัยว่าสองคนนั่นคุยเรื่องอะไรกันนะ พลาดไปซะแล้วด้วยสิ แต่ก็ไม่ได้อยากรู้อะไรมากมาย ตอนนี้ ฉันสนใจเรื่องฝึกซ้อมต่อสู้มากกว่า แม้จะเรียกว่าซ้อม แต่ก็ไม่ได้มีอะไรแบบที่วิ่งๆ หรือกระโดดไปมา ตอนนี้ริปเปิลสอนสโนไวท์เรื่องการเตะ ต่อย และขว้างแบบถูกวิธี สโนไวท์นั้นมีความว่องไวไม่มากเท่าริปเปิล ริปเปิลนั้นดูโล่งใจ สโนไวท์ยังคงอ่อนแอกว่าริปเปิล การเคลื่อนไหวของเธอนั้นช้ากว่าริปเปิล เธอไม่มีทักษะการต่อสู้แบบริปเปิลเลย ในอีกแง่ คือเธอเอาชนะริปเปิลไม่ได้นั่นเอง ถ้าเป็นแบบนี้ สโนไวท์คงไม่ควรจะเข้าสู่สนามรบ ไม่ควรที่จะต่อสู้ แต่สโนไวท์ก็ไม่ใช่พวกที่จะยอมแพ้ง่ายๆ ฉันคิดว่าพอเวลาผ่านไปเมื่อสโนไวท์พัฒนาขึ้น ริปเปิลคงจะระมัดระวังเรื่องความปลอยภัยน้อยลงแน่ ฉันรู้สึกโล่งใจ เพราะเรื่องความตั้งใจของสโนไวท์ บางครั้งที่ต่อสู้กันเธอถูกเล่นงานจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น แม้ชุดสีขาวบริสุทธิ์ของเธอจะเปื้อน ใบหน้าเธอก็ไม่ได้สูญเสียความมั่นใจแต่อย่างใด ตัวเธอนั้นลุกขึ้นสู้ทุกครั้ง อ่า น่ารักจัง ความสามารถที่แตกต่างกันนั้นเห็นได้ชัดเจน ริปเปิลนั้นรอดมาจากการทดสอบอันโหดร้ายของแครนเบอร์รี่มาได้ รอยแผลของเธอนั้นมาจากการต่อสู้ ไม่เหมือนกับสโนไวท์ เหมือนความสามารถของเธอนั้นไม่ใช่ของจริง แต่สโนไวท์นั้นมีความตั้งใจที่จะล้มริปเปิล ถึงจะมีช่องว่างระหว่างทักษะการต่อสู้ สโนไวท์เองก็มีความเฉลียวฉลาดอยู่แล้ว ฉันเองก็ดูตัวเธออยู่ตลอด การเคลื่อนไหวของเธอนั้นมันเร็วขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังถมช่องว่างนั้นไม่ได้อยู่ดี ฉันตั้งใจมองดูท่าทางของเธอ ฉันเห็นอารมณ์ที่อยู่ภายใต้ท่าทางนั้น ไม่ใช่แค่นั้น ฉันยังเห็นความใจร้อนอีกด้วย แต่ความใจร้อนนั้นถูกต้องแล้ว เธอต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น เธอต้องพัฒนาตัวเองอย่างรวดเร็ว เธอต้องก้าวข้ามความอ่อนแอให้ได้ แม้จะสู้ริปเปิลไม่ได้ แต่สโนไวท์ก็ไม่ยอมแพ้ ถึงริปเปิลจะฝึกซ้อมกับสโนไวท์ทุกครั้ง แต่ใจจริง เธอเองไม่ได้ต้องการให้สโนไวท์แข็งแกร่งขึ้น นั่นคือเหตุผลว่าทำไมฉันถึงติดต่อเธอหลังจากที่ฝึกเสร็จแล้ว “ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะร่วมมือกับเธอนะ” ฉันก็ได้ยินเสียงหอบจากอีกฝั่งของโทรศัพท์ “ขอบคุณค่ะ! ขอบคุณมากๆเลยค่ะ!” และได้ยินคำพูดขอบคุณตอบกลับมา “อ่า ไม่เป็นไรหรอก จำสิ่งที่ฉันพูดไว้นะ ในฐานะพี่เลี้ยง ฉันต้องการให้เธอใช้ตัวฉันเป็นเครื่องมือเพื่อพัฒนาตัวของเธอเอง ฉันหวังแบบนั้นนะ” ฉันมองดูสโนไวท์ผ่านทางลูกแก้วของฉัน หน้าของสโนไวท์นั้นเต็มไปด้วยความสุข เหมือนว่าเธอจะอยู่ที่ตึกระฟ้า ใกล้ๆกับชายหาดสินะ “ฉันจะสอนเคล็ดลับเรื่องความแข็งแกร่งให้เอง ขอให้จำไว้ด้วยนะว่า ขั้นแรกเธอต้องเพิ่มเวลาในการอยู่ในร่างเมจิคัลเกิร์ลให้มากขึ้น ลดเวลาที่อยู่ในร่างมนุษย์ให้น้อยลง แม้ว่าจะอยู่คนเดียวเธอก็ควรจะอยู่ในร่างเมจิคัลเกิร์ล” ความสามารถของมนุษย์และเมจิคัลเกิร์ลนั้นต่างกัน เมื่อเราพยายามที่จะเรียนรู้อะไรบางอย่าง ถ้าอยู่ในร่างของเมจิคัลเกิร์ลนั้นจะเรียนรู้ได้เร็วกว่า ชีวิตของฉันในร่างมนุษย์มีเหตุให้ทำแบบนั้นไม่ได้ ถ้าไม่มีล่ะก็ การเป็นเมจิคัลเกิร์ลมันดีกว่าอยู่แล้ว พอมองจากลูกแก้ว
ฉันเห็นสโนไวท์กำลังเริ่มจดโน๊ตอยู่ ความไร้เดียงสาของเธอนี่มันช่างน่าเอ็นดูจริงๆ เด็กที่เชื่อฟังกันแบบนี้ และเรื่องที่ต้องการความแข็งแกร่งอีก มันทำให้เธอช่างน่ารักจริงๆ “ชีวิตร่างมนุษย์น่ะเป็นแค่ข้ออ้าง เธอต้องเชื่อในการเป็นเมจิคัลเกิร์ล ไม่ใช่แค่คิด แต่เธอนั้น ต้องเชื่อ นอกจากนี้ไม่ว่าตอนที่เป็นเมจิคัลเกิร์ลหรือมนุษย์ก็ตาม เธอต้องจำลองการต่อสู้ซ้ำๆในหัวของตัวเองด้วย และต้องทำให้จริงจรัง ไม่ใช่แค่คิด แต่ต้องเชื่อว่านั้นเป็นการต่อสู้จริงๆ เชื่อว่านั้นเป็นการต่อสู้ที่ตัดสินความเป็นความตาย จำเอาไว้ด้วยว่า ศัตรูของเธอน่ะ ฆ่า เธอแน่ๆ” ฉันรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้สำหรับริปเปิล ที่จะทำเรื่องโหดร้ายกับสโนไวท์ แต่นั่นไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ ความแข็งแกร่งขั้นสุดของเมจิคัลเกิร์ลนั้นคือจินตนาการ ในข้อมูลของแครนเบอร์รี่ สโนไวท์นั้นถูกเขียนไว้ว่า ‘เป็นพวกชอบฝันกลางวัน’ แครนเบอร์รี่เป็นเมจิคัลเกิร์ลพวกที่กระหายการต่อสู้ เป็นคนที่ต้องการแค่การต่อสู้เพื่อให้ตัวเองพอใจเท่านั้น แถมฟาฟเองก็เป็นมาสคอตที่เถรตรง มองไม่เห็นคนที่มีความสามารถแฝงอยู่ ฉันจะไม่ทำผิดพลาดซ้ำอีก จินตนาการของสโนไวท์นั้นไม่ได้อ่อนแอ คงเพราะเธอคงเชื่อมั่นในบางสิ่ง ด้วยเหตุนั้น ฉันจะทำให้เธอกลายเป็นคนในอุดมคติ เมจิคัลเกิร์ลผู้มิอาจถูกทำลายได้ เป็นวิธีคิดดั้งเดิม แต่ไม่เป็นไรหรอก วิธีการของฉันได้ผลกับการฝึกของสโนไวท์แน่ๆ “เธออาจสงสัยก็จริง แต่ไม่ต้องหรอก เธอควรจะจริงจังกับเรื่องนี้นะ จำไว้ว่า พวกเราคือเมจิคัลเกิร์ล พวกข้อจำกัดของมนุษย์นั้นมันไร้สาระสิ้นดี และนั่นคือทำไมเธอถึงต้องจริงจังกับมัน” เมจิคัลเกิร์ลจะแข็งแกร่งขึ้นด้วยการทำอะไรที่ไม่เข้าท่า อย่างเช่นแครนเบอร์รี่ “ด้านฝั่งมนุษย์เองก็เหมือนกัน เธอยังเป็นนักเรียนอยู่ใช่ไหม? เธอต้องเรียนรู้ก่อนจะสอบใช่ไหมล่ะ? เธอคงไม่คิดใช่ไหมว่าจะเก่งได้โดยไม่ต้องเรียนรู้อะไรน่ะ? ถ้าอยากจะเรียนจบด้วยคะแนนสูงๆล่ะก็ เธอต้องเลือกระหว่างสิ่งที่สำคัญกับไม่สำคัญ นี่เองก็เหมือนกันนะ” น่าแปลกใจจัง ดูเหมือนพวกนี้จะเข้ากับสโนไวท์นะเนี่ย สโนไวท์นั้นเขียนทุกอย่างที่ฉันพูดให้เธอฟังลงไป ทุกอย่างที่ฉันพูดเรื่องทำยังไงถึงจะแข็งแกร่งขึ้น เธอไม่ได้ถามอะไรฉันเลย ตอนที่ฉันขอโทษเรื่องที่ไม่ได้มาดูเธอตอนฝึกซ้อมนั้น เธอก็บอกฉันว่าคู่ต่อสู้คือริปเปิลนั่นเอง ใช่ ฉันรู้อยู่แล้วล่ะ “ขอบคุณมากค่ะ!” “ไม่เป็นไรหรอก ฉันอยากทำอยู่แล้วน่ะ” “ขอให้ฉันได้ขอบคุณเถอะค่ะ …ขอบคุณ …ขอบคุณมากจริงๆค่ะ …คุณ …คุณช่วยชีวิตฉันไว้เลยนะคะ” ฉันกุมมือขวาตัวเองอยู่ที่อก เมื่อฉันเห็นท่าทางของสโนไวท์ หัวใจฉันก็เต้นระรัวขึ้นมา ทำไมเด็กคนนี้ถึงได้น่ารักเหลือเกิน? เพราะแบบนี้งั้นเหรอ เธอถึงได้ถูกคนอื่นปกป้องในตอนการทดสอบของแครนเบอร์รี่น่ะ? อ่า นี่เธอเป็นเมจิคัลเกิร์ล หรือคนที่ชอบยั่วยวนคนอื่นกันแน่นะ? ——————————————————————————————————————————- จะว่าไป สโนไวท์นี่ก็ค่อยๆเรียนรู้ทีละเล็กละน้อยจากริปเปิลนี่นะ เรียนรู้ทุกๆอย่างที่ได้รับมา แม้ทักษะการต่อสู้นั้นยังไม่เปลี่ยน แต่ความคิดของเธอก็เฉียบคมขึ้น และความคิดหนึ่งก็นำตัวเธอไปยังจุดหมาย สโนไวท์จดโน๊ตทุกอย่างที่ฉันสอนเธอไป ในวันๆหนึ่งของเธอนั้น เธอจินตนาการ คิด และเชื่อมั่น ไม่ใช่แค่ 1 2 หรือ 3 ชั่วโมง แต่เป็นทุกๆวัน เวลาปกติที่เธอควรจะนอนหลับ เธอใช้มันเพื่อการฝึกฝนเมจิคัลเกิร์ล เธอไม่ทำอะไรของมนุษย์ที่ไม่จำเป็น เมจิคัลเกิร์ลนั่นมุ่งมั่นที่จะแข็งแกร่งอยู่เสมอ หลังจากกลับมาที่บ้าน เธอก็ครุ่นคิด หลังจากงานของเมจิคัลเกิร์ลเสร็จสิ้น เธอก็ครุ่นคิด หลังจากทานข้าวเช้า เธอก็ครุ่นคิด เธอคิดเรื่องต่อสู้ตลอดเวลาในใจของเธอ ความรู้สึกที่กำลังจะแข็งแกร่งขึ้นเป็นความรู้สึกที่น่าตื้นเต้นที่สุดบนโลกใบนี้ ฉันรู้เพราะฉันเคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน เหมือนเธอจะดูสนุกสนานดีนะ สำหรับริปเปิลนั้น เธอเองคงรู้สึกสับสน เพราะสโนไวท์นั้นเป็นคนที่เธอควรจะปกป้อง ไม่เคยคิดเลยว่าสโนไวท์จะกลายมาเป็นคู่ซ้อมของตัวเอง เธอหยิ่งก็จริง แต่ก็ไม่เป็นไรถ้าสโนไวท์ไม่คิดมาก บางทีพวกเธอคงสนิทกันอยู่แล้ว แต่เมื่อริปเปิลสับสนเมื่อไหร่ รูปแบบการสอนของเธอนั้นก็เปลี่ยนไป ไม่เหมือนกับการที่เธอพูดคุยกับเด็ก แต่เหมือนกับครูที่สอนนักเรียนมากกว่า แต่ถ้าเปรียบเทียบแบบนั้น ก็เท่ากับบทเรียนที่สอนนั้นก็เหมือนกับสิ่งที่เด็กอนุบาลเรียน ง่ายๆ แต่ดีพอสำหรับสำหรับสโนไวท์ ตอนนี้ก็ไม่เป็นอะไรหรอก เมจิคัลเกิร์ลนั้นแตกต่างกับมนุษย์ แม้จะเป็นเรื่องแค่เตะก็ตาม มันอาจจะกินเวลาของมนุษย์ไปหลายปี ถ้าเป็นเมจิคัลเกิร์ลล่ะก็เรียนรู้ได้เร็วกว่านั้นมาก ตอนแรก ฉันคิดว่าริปเปิลนั้นไม่ได้อยากให้สโนไวท์แข็งแกร่งขึ้น แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ เหมือนเธอจะรู้สึกดีที่เห็นสโนไวท์มีความสุข บางทีฉันคงคิดถูกนะ ฉันเปิดแฟ้มออกมา
เพิ่มภาพใหม่ๆลงไปในคอลเลคชั่น แล้วฉันก็ใส่โน๊ตสั้นๆลงไป “คงต้องบำรุงเส้นผมของเด็กคนนี้อีกหน่อยนะ” ฉันใส่โน๊ตไปแบบนั้น มองไปที่สโนไวท์ใน ‘ร่างสมบูรณ์’ มันขาดอะไรไปกันนะ? ผมอันสลวย นุ่มนิ่ม สีทอง ที่พันอยู่รอบนิ้วของฉัน มันทำให้คิดอะไรได้บางอย่าง ใช่แล้ว ระยะและพลังโจมตีของเธอนั่นเอง ไม่ว่าเธอจะฝึกแค่ไหน เธอก็ยังก้าวข้ามไปไม่ได้ ตัวสโนไวท์ไม่ได้จินตนาการไปในทางนั้นสินะ ฉันวางแฟ้มลงบนโต๊ะและหยิบเมจิคัลโฟนขึ้นมา ฉันยังมีสิ่งที่ไม่แน่ใจที่อยู่ในการทดสอบของแครนเบอร์รี่อยู่ ฉันรอจนกระทั่งพวกเธอฝึกซ้อมกันเสร็จแล้ว จนกระทั่งทั้งสองแยกย้ายกัน ฉันก็ติดต่อไปหาริปเปิล “สวัสดี ริปเปิลใช่ไหม? นี่เฟรเดริก้าเองนะ พอดีมีอะไรอยากจะถามซักหน่อยน่ะ เธอพอจะตอบได้รึเปล่า?” “…ได้” “ตอนที่อยูในการทดสอบของแครนเบอร์รี่ พวกเธอมีไอเทมเวทมนต์ของดินแดนเวทย์มนต์ใช่ไหม? ฉันคิดว่ามันเป็นกระเป๋ากับพวกอาวุธนี่? พวกนั้นไปอยู่ไหนหมดล่ะ?” “พวกเราเก็บไว้… พวกเรา… ชั้นกับสโนไวท์… ใช่… …เก็บมันไว้” คำพูดของเธอขาดๆหายๆ แถมยังพูดติดๆขัดๆ เห็นได้ชัดว่าเธอไม่อยากบอกฉัน บางที เธอคงไม่อยากจะจดจำความทรงจำในตอนนั้น “เธอเก็บมันไว้อยู่สินะ ฉันคิดว่ามันคือ… กระเป๋า 4 มิติ, ผ้าคลุมล่องหน, ยารักษา, อุ้งเท้ากระต่าย แล้วก็อาวุธ ทั้งหมด 5 ชิ้นใช่ไหม?” “ใช่…” “บอกได้ไหมว่าอะไรอยู่ที่ใครน่ะ?” “ชั้น…มีกระเป๋า อาวุธ แล้วก็ผ้าคลุม ส่วนสโนไวท์มีอุ้งเท้ากระต่าย… เรื่องก็ยานั้น…ชั้นคิดว่าชั้นกินไปหมดแล้ว คงไม่มีเหลืออีก” งั้นเหรอ ริปเปิลมีไอเทมอยู่เยอะสิเนี่ย “เธอเก็บไว้เป็นกองกลางงั้นสินะ?” “…ใช่” “งั้นเธอสองคนยืมไอเทมระหว่างกันด้วยใช่ไหม?” “…ถามทำไมเนี่ย?” “ถ้าสโนไวท์อยากสู้ล่ะก็ เธอเรียนรู้วิธีใช้ของพวกนั้นไว้ดีกว่าไม่ใช่เหรอ?” “งั้นคุณก็ไม่ได้ค้านเรื่องที่สโนไวท์อยากสู้น่ะสิ?” ด้วยโทนเสียงแบบนี้ ก็ยิ่งชัดเจนว่าเธอไม่ได้อยากให้สโนไวท์ต่อสู้ ถึงเธอจะยิ้มตอนฝึกกับสโนไวท์ก็ตาม พวกเธอเป็นเพื่อนกัน ดังนั้นก็เป็นเรื่องปกติของเพื่อนที่จะเห็นเพื่อนมีความสุข แต่เนื้อแท้ของเธอไม่ได้เปลี่ยนไป ก่อนที่การทดสอบจะจบลง ริปเปิลนั้นฆ่าคน ที่ฆ่าเพื่อนของตัวเอง เธอรู้สึกผิดในความตายของเพื่อนตัวเอง ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการให้เพื่อนของตัวเองตกอยู่ในอันตรายอีก เธอแบบรับบาปนั้นด้วยตัวเอง แม่แต่ตอนนี้มันก็คงตามหลอกหลอนเธออยู่ ริปเปิลคงไม่ทนถ้าเพื่อนตัวเองตกอยู่ในอันตราย “สิ่งที่ฉันค้านก็คืออะไรที่สโนไวท์ทำตามใจตัวเอง ถ้ามีสิ่งที่เธออยากทำแล้วฉันเห็นด้วย ฉันก็จะช่วยเอง” “คุณก็รู้ใช่ไหมว่า ตัวสโนไวท์เองก็เจออันตรายได้นี่?” “อันตรายส่วนใหญ่ที่จะเจอน่ะ พลังของเธอก็หาเจอได้หมดแหละ” หลังจากนั้น เสียงของเธอก็แผดออกมา “เธอ ไม่ใช่ ทหารซักหน่อย!” “นั่นเป็นสิ่งที่สโนไวท์ตัดสินใจ ไม่ใช่เธอนะ” หลังจากนั้น ริปเปิลก็วางหูโทรศัพท์ไป นี่ไม่คิดที่จะปิดอารมณ์ตัวเองเลยสินะ บางทีเพราะความผิดของเธอ จึงทำให้ตัวเองยอมฝึกกับสโนไวท์ ริปเปิลเองนั้นแพ้ทางกับท่าทีอ้อนวอนของสโนไวท์… จนกระทั่งเธอเติมเต็มความปรารถนาของสโนไวท์ ใช่ ฉันพูดกับเธอไปก่อนหน้านี้แล้ว มันจะดีกว่าท่าริปเปิลนำทางสโนไวท์ไปเอง แบบนั้นสโนไวท์ก็จะไม่อ่อนแอ แต่สิ่งที่ทำให้ริปเปิลฝึกสโนไวท์นั้นคือน้ำตาของเธอ ความสิ้นหวังของสโนไวท์ที่ทำอะไรเพื่อช่วยเพื่อนของตัวเองไม่ได้เลย ริปเปิล คนที่หวงแหนเพื่อนของตน เธอคงไม่อยากเห็นสโนไวท์เป็นแบบนั้น นั่นคือริปเปิลในตอนนี้ ฉันหยิมแฟ้มขึ้นมา และเปิดหน้าไปด้วยหัวใจที่เต้นรัว และฉันก็จินตนาการถึงสโนไวท์ใน ‘ร่างสมบูรณ์’ ความแข็งแกร่งของแครนเบอร์รี่ ความสามารถทางกายภาพ และเวทย์อันทรงพลัง นั้นถูกหนุนความรู้และประสบการ์ณในการต่อสู้ ในการต่อสู้ระหว่างเมจิคัลเกิร์ล เราต้องรู้จุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง นั่นคือกุญแจที่นำไปสู่ชัยชนะ สโนไวท์นั้นขาดประสบการณ์ไม่ก็ความรู้ซึ่งต่างกับแครนเบอร์รี่ ด้วยพลังของเธอ ‘ได้ยินเสียงของคนที่ตกอยู่ในปัญหา’ ในการทดสอบ เธอสามารถเจอศัตรูที่ซ่อนอยู่ ด้วยการฟังเสียงหัวใจพวกนั้น ถ้ามันมีความเครียดเกิดขึ้น เธอเองก็น่าจะบอกริปเปิลเรื่องที่ว่าฟาฟนั้นถูกฆ่าโดยอาวุธของดินแดนเวทมนตร์ได้ เพราะเธอได้ยินความเครียดของฟาฟเมื่อมันเห็นอาวุธ ใช่แล้ว ถ้าไม่รู้ความสามารถของพลังตัวเอง เธอคงไม่ได้อยู่จนเห็นศัตรูคนสุดท้าย แต่ถ้าเธอรู้ล่ะก็ บางทีเธออาจจะเข้าใกล้แครนเบอร์รี่ก็ได้ มากกว่านั้นคือเลือกใช้ไอเทมทั้ง 4 ไปตามสถานการณ์ จนถึงตอนนี้พอฉันอ่านจบ สโนไวท์ก็กลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่ไร้เทียมทานที่สุดในประวัติศาสตร์ภายในหัวฉันแล้ว ฉันรู้สึกพอใจแล้วจึงวางแฟ้มลงและลุกขึ้นยืนเพื่อนยืดหลัง ___________________________________________________________________ อย่างที่คิด ริปเปิลไม่หยุดเรื่องของสโนไวท์จริงๆด้วย เธอจัดความสำคัญให้กับสโนไวท์ซึ่งมันตรงข้ามกับความต้องการของตัวเอง เหมือนกับมนุษย์ที่จับดาบขึ้นสู้ นั่นก็เหมือนกับตัวริปเปิล เท่าที่รู้ ริปเปิลนั้นยังคงไม่ชอบใจตัวฉัน เมื่อสโนไวท์ต่อยและเตะไปที่ตัวริปเปิล ขาของสโนไวท์โดนริปเปิลจับได้ แล้วก็โดนเหวี่ยงลงไปที่พื้น บิดแขนขวาสโนไวท์ แล้วเหวี่ยงไปที่พื้นแบบไม่แรงมาก ทั้งสองคนก็แยกแล้วก็มาทำกันอีกครั้ง ตอนนี้ สโนไวท์นั้นกระโดดก่อน แล้วต่อยอย่างเต็มแรงจากจุดนั้น ริปเปิลกันจุดนั้นได้ สโนไวท์เองก็สังเกตการเคลื่อนไหวของริปเปิลว่าเคลื่อนไหวยังไง เพื่อให้ตัวเองได้รับความเสียหายน้อยที่สุด สโนไวท์จำทุกอย่างที่ริปเปิลสอนได้ และเรียนรู้ไปไกลกว่านั้น หลังจากที่ต่อยไปแล้ว สโนไวท์ก็เตะสูง แล้วก็เหวี่ยงหมัดไปทางซ้ายของริปเปิล เธอสร้างจุดบอดขึ้นมาเพื่อล้มริปเปิล ใช้ประโยชน์จากตาของริปเปิลที่มองไม่เห็น ไม่ใช่แค่ใช่สิ่งที่ตัวเองเรียนรู้มา แต่ยังใช่สิ่งต่างๆให้เป็นประโยชน์ด้วย ด้วยการรับรู้และความรู้ของนั้น เธอเองก็โตขึ้นมากในเวลาเพียงเดือนเดียว อีกหนึ่งเดือนให้หลังจะเป็นยังไงกันนะ? แต่ยังไงหลังจากที่เธอกระโดดต่อยครั้งแรกไปแล้วก็ไม่ได้ผลอีก นั่นไม่เป็นไร ริปเปิลจะสอนการเคลื่อนไหวที่ถูกต้องให้เธอเอง ฉันปิดลูกแก้วไป สโนไวท์เติบโตขึ้นอย่างดงาม แม้ฉันจะไม่ได้เอาใจใส่เธอเพราะมีหลายสิ่งที่ฉันต้องทำก็ตาม ฉันก็ยังใช้เวลาของฉันไปกับเธอ เหมือนกับมนุษย์ เมจิคัลเกิร์ลเองก็มีงานที่ต้องทำ และงานของฉันก็เป็นหนึ่งในสื่งที่มีความสำคัญสูงสุด สืบหาผู้เข้าร่วมในการทดสอบครั้งต่อไป ในฐานะผู้สอดแนม และในฐานะพี่เลี้ยง ฉันค้นหาเมจิคัลเกิร์ลในอุดมคติของตัวเองมาตลอด ฉันควรจะเอาเมจิคัลเกิร์ลเหล่านั้นมาแข่งกัน และเลือกหาคนที่ผ่าน ด้วยไอเดียที่ว่า ฉันจะเลือกคนที่สามารถกำจัดปีศาจได้ ตัวเอกที่ยืนหยัดอยู่ด้วยความยุติธรรม ฉันเตรียมไว้แล้ว การทดสอบครั้งต่อไปนั้นจะถูกกำหนดขึ้น พอฉันเช็คเมจิคัลโฟนจะบอกว่า เร็วๆนี้… ฉันมองดูคนที่เข้าร่วมผ่านเมจิคัลโฟนของฉัน พวกนั้นทำอะไรก็ติดๆขัดๆไปหมด //จนทำให้ฉันพูดว่า “อ้า! ยัยพวกนี้!” ไม่มีเมจิคัลเกิร์ลคนไหนเลยที่ฉันเก็บผมพวกเธอเอามาเข้าคอลเลคชั่น แต่อย่างน้อยก็คิดอะไรดีๆไว้ใช้ในการทดสอบครั้งต่อไปได้แล้ว แต่ก็มีความคิดหนึ่งแว่บขึ้นมา ถ้าทดสอบกันในสวนสนุกจะเป็นยังไงนะ? ฉันจำดาดฟ้าที่เจอกับริปเปิลได้ ท่ามกลางบรรยากาศในตอนกลางคืน ล้อมรอบไปด้วยของเด็กเล่นหลายๆอย่าง เพื่อที่จะร่างไอเดียนั้น ฉันหยิมแฟ้มขึ้นมาแล้วก็เริ่มอ่าน ___________________________________________________________________ หนึ่งเดือนหลังจากนั้น คงพูดได้ว่าเตรียมการไปอย่างราบรื่น การฝึกซ้อมระหว่างริปเปิลกับสโนไวท์นั้นเข้มข้นขึ้น พวกเธอย้ายจากฝึกซ้อมในสวนสาธารณะไปฝึกที่ภูเขาแทน เพราะเป็นสวนสาธารณะ ทางเดินเองก็พังได้ และยังมีเครื่องเล่นต่างๆอีก พวกเด็กๆคงร้องไห้ถ้าพวกเธอยังคงฝึกกันที่นี่อยู่ ในฐานะเมจิคัลเกิร์ลพวกเธอก็ไม่ควรทำแบบนั้น คอมมอนเซ็นส์ของพวกเธอนี่ทำฉันยิ้มทีเดียว บนภูเขานั่น พวกเธอเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ พวกเธอเตะกำแพงหิน กระโดดขึ้นไปบนอากาศ ใช้โมเมนตัมโจมตี คว้าแขนของอีกคนแล้วก็โยน ทำอยู่แบบนั้นประมาณ 3 ครั้งก่อนถึงพื้น แล้วก็กลับไปสู้กันเหมือนการต่อสู้กันจริงๆ สโนไวท์นั้นได้กลายเป็นสิ่งในจินตนาการอย่างเต็มตัว เธอนั้นใกล้เคียงกับตัวเองในอุดมคติมากขึ้นแล้ว จากที่เธอสู้กับริปเปิลแทบไม่ได้ จนตอนนี้เธอสามารถสู้ได้แบบเท่าเทียมกันแล้ว ในเวลาแค่ 2 เดือน มันสุดยอดจริงๆที่เห็นเธอแบบนี้ จินตนาการของเธอมันเกินกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก แต่ก็น่าแปลกใจว่าริปเปิลนั้นก็เก่งขึ้นด้วย เหมือนเธอจะเติบโตไปพร้อมๆกับสโนไวท์ ถูกสโนไวท์ดลใจเข้ารึไงนะ? ตอนนี้ สโนไวท์กับริปเปิลนั้นสุกงอมด้วยกันทั้งคู่แล้ว แม้แต่ในตอนที่เช็ดเหงื่อ พวกเธอก็ยังคงเรียนรู้ “แบบนี้เหรอคะ?” “ไม่ ไม่ ดูนี่นะ โจมตีแบบนี้!” น่ารักจนไม่รู้จะพูดยังไงดีแล้วนะสองคนนี้เนี่ย พูดไป สู้ไป และยิ้มไปด้วย เมื่อฉันเห็นพวกเธอ ฉันรู้สึกเหมือนเป็นแม่กำลังมองดูลูกๆตัวเอง ฉันมองดูสองคนที่โอบอุ้มความรู้สึกที่อยากแข็งแกร่ง จนบางครั้งน้ำตาก็ไหลออกมา ฉันหวังว่าริปเปิลจะให้ยืมไอเทมพวกนั้น แต่โทรไปหากี่ครั้ง ก็โดนวางสายหมด เป็นเด็กยังไงเนี่ย คงต้องไปคุยต่อหน้าซะแล้วสิ ริปเปิลนั้นก็จำเป็นต้องพัฒนาตัวของสโนไวท์ ซึ่งความสำพันธ์กับริปเปิลก็คือสิ่งที่จำเป็น ในขณะเดียวกัน ฉันก็โทรหาสโนไวท์ติดแบบไม่มีอะไรมาขัด และฉันก็ให้คำแนะนำเธอไป ซึ่งก็อ้างอิงมาจากที่ฉันดูเธอฝึกผ่านลูกแก้ว ใช่แล้ว ฉันต้องเป็นพี่เลี้ยงของเธอไง “งั้นเหรอ แบบนั้นเธอก็อ่านการเคลื่อนไหวริปเปิลได้สินะ?” “ใช่ค่ะ! มันรู้สึกเหมือนว่ารู้ก่อนที่จะเกิดขึ้นเลย! รู้สึกสุดยอดมากเลย…เอ่อ…ถ้าไม่ว่าอะไรล่ะก็… คุณ…คุณจะมาดูฉันฝึกไหมคะ?” “ขอโทษนะ ฉันเองก็อยากไป แต่ตอนนี้มันไม่ว่าง ยังหาเวลาไม่ได้เลย” “อ่า งั้นเหรอคะ…” ฉันอยากจะไปเจอเธอใจจะขาด ก่อนหน้านี้ คำพูดของเธอเหมือนจะประทับใจกับคำแนะนำของฉัน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอบอกว่าอยากให้ฉันมาหาด้วย รู้สึกดีจังว่าเธอนับถือฉันด้วย แต่ฉันอยากหลีกเลี่ยงการเจอกันกับเธอ “ว่าแต่ เธอมีอะไรอยากจะบอกรึเปล่า?” “…บอกเหรอคะ?” “เรื่องก่อนที่เธอจะทำอะไรซักอย่างน่ะ ตัวอย่างก็ ก่อนที่จะเคลื่อนไหวเธอจะลากเท้ากลับมาก่อนเสมอ อะไรแบบนี้” สโนไวท์ทำสิ่งที่ฉันบอกไปอยู่ “ตอนนี้ เธอยังไม่ต้องทำตามที่บอก ความจริงเธอจะเอาไปทำเป็นข้อได้เปรียบก็ได้ แบบตัวอย่างที่บอกไป ถ้าเธอเคลื่อนไหวโดยไม่ลากเท้ากลับมาล่ะก็ เธอจะหลอกคู่ต่อสู้และล้มมันได้ ” สโนไวท์ฟังอย่างตั้งใจ ครั้งต่อไปที่เธอฝึก เธอคงลองทำแบบนั้นกับริปเปิลแน่ ริปเปิลนั้นเคยอ่านการเคลื่อนไหวของสโนไวท์มาแล้ว เมื่อสโนไวท์ทำอะไรที่คาดไม่ถึง เธอจะเตะไปที่ขาของริปเปิล เพื่อให้ตัวเองออกห่างไปแบบกระทันหัน ริปเปิลประหลาดใจ สโนไวท์เองก็ประหลาดใจ หลังจากที่ฝึกซ้อมเสร็จแล้ว สโนไวท์ก็โทรหาฉัน บอกความตื่นเต้นที่เธอล้มริปเปิลวันนี้ได้ ฉันจินตนาการออกแบบไม่ต้องดูลูกแก้วเลย “เยี่ยมไปเลย สโน!” ฉันชมเธอ นี่เป็นความดีใจที่ทำให้เมจิคัลเกิร์ลแข็งแกร่งขึ้นได้สินะ ฉันเองก็ดีใจกับสโนไวท์ด้วย แสดงว่าการฝึกของสโนไวท์ไปในทางที่ถูกแล้ว แต่งานหลักของฉันก็ไม่ได้ราบรื่น คงเพราะโฟกัสไปที่การฝึกของสโนไวท์มากไปหน่อย การทดสอบที่สวนสาธารณะนั้นได้ผลที่ไม่ค่อยดีออกมา สวนทั้งหมดนั้นเกือบพัง แถมยังทำลายอะไรหลายๆอย่างโดยไม่จำเป็นอีก สโนไวท์กับริปเปิลนั้นคิดถูกที่ย้ายจากสนามเด็กเล่นไปฝึกกันในภูเขา และอีกเรื่อง จากผู้เข้าร่วม 10 คนไม่มีใครผ่านการทดสอบเลย เสียเปล่าหมดเลย เหนื่อยจริงๆ ฉันเปิดแฟ้มข้อมูลของคนที่เข้าร่วม เพื่อให้ตัวเองสบายใจ แต่มันก็รู้สึกเหมือนขาดอะไรไป ในการที่จะใส่รายละเอียดของแต่ละรูปนั้น ฉันก็วางเส้นผมไว้ข้างๆ รู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของงานตัวเองไปแล้วสิ แล้วฉันก็ถอนหายใจ เอาเถอะ ตอนนี้ไม่ได้สำคัญอะไรอีก เพราะฉันมีสโนไวท์แล้ว ซึ่งเธอนั้นปลอบหัวใจอันอ่อนล้าของฉันได้ สโนไวท์นี่เป็นเมจิคัลเกิร์ลที่น่าสนใจจริงๆนะเนี่ย คงเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ที่สุดในฐานะเมจิคัลเกิร์ล ที่ทำให้สโนไวท์กลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลในอุดมคติได้ แบบนี้ถึงการทดสอบที่ฉันคุมอยู่เกิดล้มเหลวขึ้นมาก็คงไม่สำคัญอะไรอีกแล้ว ฉันเปิดทีวี มีข่าวรายงานว่าเกิดอุบัติเหตุรถบัสคร่าชีวิตเด็กผู้หญิงไป 10 คน ฉันไม่ชอบดูผู้ประกาศข่าวรายงานอะไรที่เจ็บปวดแบบนี้ เลยปิดทีวีไป ฉันหยิบเอกสารที่จะเอาไปทำเป็นรายงานขึ้นมา สโนไวท์เป็นเมจิคัลเกิร์ลที่ดีมาก และมีแนวโน้มที่จะเป็นอันตรายน้อย ทุกๆวันนั้น เธอตั้งใจที่จะช่วยเหลือผู้คนด้วยพลังของตัวเอง ฉันส่งรายงานไปตามปกติ ___________________________________________________________________ ในตอนนี้ความจริงปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวสโนไวท์ แต่เป็นริปเปิล ความสัมพันธ์ของฉันกับสโนไวท์เป็นไปได้ด้วยดี แต่กับริปเปิลนั้นมันค่อนข้างจะมีปัญหา เสียงของเธอทางโทรศัพท์นี่มันแหลม ฟังทีแทบจะอยากวางหูใส่ จากประวัติแล้ว เธอนั้นเป็นคนที่รักเพื่อนมาก แต่สโนไวท์นั้นจะเป็นข้ออ้างของฉัน ฉันต้องโน้มน้าวเด็กคนนี้ หลังจากที่สโนไวท์กับริปเปิลนั้นแยกกัน พอแน่ใจว่าสโนไวท์นั้นออกไปจากบริเวณนี้และลงจากภูเขาไปแล้ว ฉันก็ไปหาริปเปิล ที่ภูเขานี่คนเองไม่ได้พลุกพล่าน คงเพราะมันเป็นที่เปลี่ยวด้วย ท่ามกลางแสงจันทร์แบบนี้ มันช่างน่าหลงไหลจริงๆ อารมณ์ต่างๆถูกปลุกขึ้นด้วยแมลงที่ไต่ที่หินและท่อนไม้ เต็มไปด้วยแนวของต้นไม้ ลำธารไหลรวมกันเป็นแม่น้ำ จุดหมายของฉันคือต้นน้ำ ถัดไปจากแนวก้อนหินที่เรียงรายอยู่นี่ ฉันกระโดดจากหินก้อนหนึ่งไปยังหินอีกก้อนหนึ่ง เมจิคัลเกิร์ลน่ะไม่มีคำว่าลื่นหรอกนะ ริปเปิลนั้นยังอยู่ที่เดิมหลังจากแยกกับสโนไวท์ไปแล้ว นั่นเธอกำลังนั่งสมาธิหรือแค่ฟังเสียงแม่น้ำเฉยๆกันนะ? แต่ตอนนี้ไปคุยกับเธอก่อนดีกว่า ฉันกระโดดไปหาหินก้อนใหญ่ที่เธอนั่งก้มหน้าอยู่ “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ริปเปิล” หลังจากที่ส่งเสียงทักออกไป เธอก็หันมาด้วยใบหน้าที่เบื่อหน่าย ฉันล่ะเกลียดจริงๆ “ที่บอกไปคราวก่อนน่ะ ได้คิดมั่งรึยัง?” หน้าของเธอนี่หยั่งกะคนที่ถูกหักหลังยังไงหยั่งงั้น แล้วก็ตอบฉันกลับมาช้าอีกต่างหาก “ชั้นยกย่องนะ ที่คุณมาคุยเรื่องฝึกสโนไวท์ให้แข็งแกร่งขึ้น” ริปเปิลจ้องมาที่ฉัน ตาขวาของเธอนั้นส่องประกายใต้แสงจันทร์แบบนี้ เธอดูไม่เหมือนมนุษย์หรือเมจิคัลเกิร์ลเลย เหมือนพวกปีศาจซะมากกว่า ส่วนตัวฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน คงเป็นพลังของเธองั้นสินะ “ว่าแล้ว คุณสอดแนมพวกเราอยู่งั้นสิ” “หือ?” “แล้วรู้ได้ยังไงล่ะว่าชั้นฝึกสโนไวท์อยู่น่ะ?” อ๊ะ แย่แหะ พูดมากเกินไปหน่อย “สอดแนมคงไม่ถูกเท่าไหร่ เอาเป็นว่าชั้นมองดูอยู่ดีกว่า ฉันแค่หวังว่าสโนไวท์จะก้าวไปในทางที่ถูกเท่านั้น รู้สึกเป็นงานที่ต้องแนะนำและมองดูเธอน่ะนะ ” ริปเปิลเดาะลิ้น เธอโกรธ แต่บางทียังคุยกันได้ ยังมีทางให้เธอแสดงความจริงใจออกมาอยู่ ถ้าเปลี่ยนเรื่องคุยจากเรื่องงาน เป็นเมจิคัลเกิร์ลล่ะก็บางที ฉันอาจจะขอเป็นพี่เลี้ยงของเธอได้ ฉันเช็ดน้ำตาออกจากหน้า มองไปที่ริปเปิล ปากของฉันนั้นบี้เล็กน้อย เธอนั้นน่ารัก แต่ตอนนี้ยังมีโกรธอยู่ พูดกันต่อดีกว่า ฉันพูดเรื่องความสุขของการได้เจอสโนไวท์ ฉันชื่นชมความปรารถนาของเธอ ซึ่งความสามารถของเธอมันไร้ขอบเขต ฉันบอกเธอว่าสโนไวท์นั้นสามารถเปลี่ยนแปลงดินแดนเวทย์มนตร์ได้ ฉันหวังว่าทางที่เธอมุ่งไปนั้นจะทำให้เธอมีความสุข และจะทำให้สโนไวท์นั้นมีความสุขด้วยเหมือนกัน ฉันพยายามพูดแบบใจเย็นที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และซ่อนความดีใจในสิ่งที่พูดออกไป แต่เธอตอบโต้มายังไงน่ะเหรอ? ดูจากท่าทางของริปเปิลแล้ว เธอมองไปที่แม่น้ำ “เอาล่ะ ตอนนี้…” ฉันมองตามไปยังที่ๆริปเปิลมองอยู่ ตรงนั้นเอง ฉันได้รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างถูกทำลายลงแล้ว สิ่งนั้นยืนอยู่ที่ริมแม่น้ำ สโนไวท์นั่นเอง ที่มือขวาของเธอนั้นมีอะไรปุยๆสีขาวอยู่ มันคือ ‘อุ้งเท้ากระต่าย’ สโนไวท์ไม่ได้กลับบ้าน เธอวางแผนไปเอาอุ้งเท้ากระต่ายแล้วก็กลับมา บางทีริปเปิลคงอยากจะแชร์ไอเทมและสอนเธอเรื่องการใช้อาวุธ นี่เธอฟังความเห็นของฉันตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย? และตอนนี้ อุ้งเท้ากระต่าย ไอเทมเวทมนตร์ที่จะทำให้ผู้ใช้นั้นโชคดี ตอนนี้ทำให้สโนไวท์นั้นโชคดี เธอโชคดีจริงๆ เพราะทำให้เธอได้เจอกับพี่เลี้ยงมาดูการฝึกอย่างที่หวังไว้ แต่สำหรับฉัน มันโคตรโชคร้ายเลย ฉันเห็นท่าทางของสโนไวท์จากแปลกใจค่อยๆกลายเป็นรังเกียจ เพราะเห็นฉันยกเท้าขวา ตอนนั้นกระโปรงของฉันเผยอนิดๆ แล้วก็เตะไปที่ริปเปิล แต่ริปเปิลก็เอาแขนมากันได้ทันที ด้วยแรงกระแทกนั้นเธอคงแปลกใจน่าดู ฉันเองก็ชมนะที่ตอบโต้เร็งขนาดนี้ รู้สึกเหมือนกระดูกเธอจะหักซะด้วยสิ แถมตอนนี้ก็กระเด็นไปอยู่ในแม่น้ำแล้ว ฉันเห็นสโนไวท์อยู่ใกล้ๆกับแม่น้ำ เธอวิ่งเข้ามาหาฉันด้วยท่าทางผิดแผลก ร้องตะโกนอะไรไม่ได้ศัพท์ ฉันเองก็ฟังไม่เข้าใจ มันยากสำหรับฉันที่จะเจอสโนไวท์แบบตัวต่อตัว เหตุผลก็คือพลังเวทย์ของเธอ ‘ได้ยินเสียงของคนที่ตกอยู่ในปัญหา’ นั่นแหละ ถ้าสโนไวท์รู้สิ่งที่ฉันวางแผนไว้ล่ะก็ ตัวฉันคงตกอยู่ในอันตรายแน่ ถ้าฉันไปพบกับเธอมันก็มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น และตอนนี้ ฉันเห็นการตอบสนองของเธอแค่นั้นก็พอแล้ว ในตอนที่ฉันอธิบายทุกอย่างให้ริปเปิลฟัง ด้วยความรู้ของพลังเวทย์ของเธอ ไม่มีอะไรในโลกใบนี้ที่จะซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงได้ นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่กรณีที่รู้ความสามารถของอีกฝ่าย ทำให้ฉันได้เปรียบ สโนไวท์นี่เป็นเด็กที่พิเศษอย่างที่คิดจริงๆ อยากจะให้เธอกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลในอุดมคติของฉันจัง แข็งแกร่ง อ่อนโยน งดงาม ยืนหยัดด้วยความยุติธรรม หลังน้ำตาเพื่อคนอื่น ซึ่งเมจิคัลเกิร์ลนั้น ถ้ารู้สภาพของดินแดนเวทมนตร์ คงไม่มีใครจะอยู่หรอก แน่นอนว่าเธอเปลี่ยนแปลงมันได้ และถ้ามันเกิดขึ้น ฉันจะช่วยเธอจนกระทั่งถึงจุดจบ ถ้าเธอให้อภัยฉัน… ฉันก็อยากอยู่เคียงข้างเธอ ฉันอยากให้เธอโน้มตัวลงมานอนบนต้นขา ฉันอยากสัมผัสเส้นผมของเธอ เพราะฉันรักเมจิคัลเกิร์ลที่เป็นแบบนี้ ใช่แล้ว ตอนนี้ฉัน รัก สโนไวท์ ก่อนหน้านี้ ฉันเองก็มีคนที่รักอยู่แล้ว คนๆนั้นก็คือ แครนเบอร์รี่ ฉันดูแลผมเธอด้วยความรัก ใช้มันเพื่อดูชีวิตเธอ และก็ได้แรงบันดาลใจจากสิ่งที่เธอทำมา ฉันพยายามหลายต่อหลายครั้งที่จะเลียนแบบการทดสอบของเธอ คิดว่าการทำแบบนั้นมันมีความหมายขนาดไหน แต่สุดท้าย ผลส่วนใหญ่คือความล้มเหลว ตัวอย่างคือการทดสอบวันนั้นที่สวนสาธารณะ โชคดีที่ฉันทำให้ดูเหมือนอุบัติเหตุ ฉันไม่คิดว่าสโวไวท์จะปล่อยฉันไป ฉันไม่คิดว่าเธอจะยกโทษให้ ฉันไม่คิดว่าอยากจะให้เธอยกโทษให้ แต่มันช่างน่าละอาย พวกเธอคือสโนไวท์และริปเปิล ทั้งคู่อยู่ด้วยกันและฉัน ใช่ ฉันรู้สึกละอายจากก้นบึ้งของหัวใจเลยเมื่อนึกถึงวันเก่าๆ วันเก่าๆที่ฉันค้นหาเมจิคัลเกิร์ลในอุดมคติ ฉันอยากที่จะเข้าใจความฝันตัวเอง แม้จะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่สโนไวท์ก็ควรที่จะแข็งแกร่งขึ้น ตอนนี้ไม่มีทางที่ฉันจะช่วยเธอได้แล้ว เธอเป็นเพียงคนเดียวที่ฉันสนใจตั้งแต่แครนเบอร์รี่ตาย ฉันให้ความสำคัญเธอมากจนกระทั่งไม่สนชีวิตตัวเอง ฉันเก็บผมเธอไว้เพื่อให้ตัวเองสบายใจ ฉันรู้ว่ามันแค่อารมณ์ แต่มันก็เป็นอะไรที่ช่างน่าเศร้าและเจ็บปวด ฉันควรจะรักษามันให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้เสื่อมสลาย เก็บให้ปลอดภัยเป็นพิเศษ ไม่ใช่เอามาใส่ในแฟ้มแบบนี้ เมื่อฉันเห็น มันก็จะนึกถึงสโนไวท์เสมอ เมื่อกำลังบดกาแฟ ฉันก็นึกถึงสโนไวท์ ฉันภาวนาว่าขอให้ได้พบอีกครั้ง อีกครั้งและอีกครั้งอย่างเชื่องช้า ฉันจำได้เสมอ สโนไวท์นั้นกระโดดพุ่งตัวแรงจนก้อนหินแตกเพื่อเข้ามาหาฉัน เตะฉันแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ การเคลื่อนไหวของเธอนั้นเร็ว ฉันไม่มีเวลาตอบสนองมากนัก ฉันสอนเธอเท่าที่จะทำได้ เธอนั้นตั้งใจไปที่การโจมตีแบบเต็มกำลัง ฉันเองก็วอกแวกไปหน่อย ถ้าฉันหักขาเธอ ไม่รู้ว่าเธอจะโกรธขนาดไหน แต่ที่แน่ๆคงขยับไม่ได้ ฉันพยายามหลบการโจมตีของสโนไวท์ ขาเธอนั้นเล็งมาที่คอตลอด แบบนี้แย่ล่ะ จากทางใต้ของแม่น้ำ มีเหล็กโผล่ออกมาจากน้ำและพุ่งมาหาฉันโดยไม่สนกฎอะไรทั้งนั้น คุไนนี่นา แต่ฉันก็หักแขนเธอไปแล้ว มาได้ยังไงเนี่ย? ริปเปิลกระโดดขึ้นมาจากน้ำ ปากของเธอคาบคาตานะอยู่ เธอกระโดดหมุนตัวในอากาศ ยกเท้าขึ้น ระหว่างนิ้วเท้าของเธอคือคุไนนั่นเอง เธอใช้แรงเหวี่ยงขว้างมันมาหาฉัน แถมการเคลื่อนไหวก็อ่านยากอีก ใช้เท้าขว้างคุไนมามันทำให้ช้าลง ริปเปิลเลยถอดเกี๊ยะไม้ งอเข่าและหมุนข้อเท้าเพื่อขว้างคุไน คาตานะที่ปาก และคุไนที่นิ้วเท้า นี่ถ้าไม่ได้อยู่ในอันตรายแบบนี้ล่ะก็ เธอคงดูตลกน่าดู แต่ตาของพวกเธอทั้งคู่นั้นดูต่างกัน สำหรับสโนไวท์คือดวงตาที่คุกคามด้วยการจะล้มฉันลง แต่ริปเปิลนั้นเป็นดวงตาที่คุกคามด้วยการฆ่า ฉันไม่รู้ว่าอะไรทำให้ริปเปิลโจมตีมา อาจจะคือความโกรธก็ได้ คาตานะที่เปียกน้ำของเธอนั้นสะท้อนแสงจันทร์อย่างชัดเจน สโนไวท์นั้นโจมตีในระยะประชิด ขณะเดียวกันริปเปิลยังคงขว้างคุไนอยู่ ฉันพยายามจะสวนกลับทั้งคู่ในครั้งเดียวอยู่ ฉันต้องป้องกันตัวเองจากคุไน ก่อนที่จะกันหมัดของสโนไวท์ คอมโบของพวกที่นี่สุดยอดจริงๆ ขนาดแค่ฝึกแค่ 2 เดือนเอง ในตอนที่กำลังสู้ สโนไวท์จับขาฉันได้ ริปเปิลเลยได้โอกาส แขนขวาฉันโดนคุไนที่ริปเปิลขว้างมา เลือดไหลออกมามากเลย ฉันกระโดดหนีออกมา แต่สองคนนั่นก็ยังตามฉันมาอยู่ ที่นี่คือสนามฝึกของพวกเธอ มีแต่ดินแข็งๆ แบบนี้พวกเธอก็คงได้เปรียบ พวกเธอไม่ได้อ่อนแออีกแล้ว ตอนนี้ ริปเปิลขว้างมีดมาแทนคุไน เกือบจะโดนหัวเลย ฉันก็หลบได้แบบเฉียดฉิว แต่ก็ยังได้แผล เจ็บเหมือนกันนะ ริปเปิลเข้ามาหาฉัน ใช้คาตานะเท่าที่จะทำได้ ในตอนนี้ ฉันป้องกันสโนไวท์ไม่ได้ซะแล้ว ฉันรู้ความแข็งแกร่งของเธอดี ถึงเธอจะมีฝีมือ แต่ฉันก็รู้ระยะพลังของเธอ ต้องขอบคุณเธอจริงๆ ฉันเลยพลักตัวริปเปิลออกได้ เพราะใช้ประโยชน์จากจุดบอดของเธอ ฉันว่าจะโจมตีไปที่คอของริปเปิล เมื่อสโนไวท์โจมตีมา ฉันก็กันเท่าที่จะทำได้ แต่การโจมตีแต่ละครั้งนั้นมันเจ็บปวดเอาซะจริง ฉันกระโดดขึ้นหน้าผาและไปยังต้นน้ำ สโนไวท์ไม่ได้ใช้มือเปล่างั้นเหรอเนี่ย ที่มือของเธอมีมีดของริปเปิลที่ขว้างมาก่อนหน้านี้อยู่ อ่า… …อย่างนี้นี่เอง ริปเปิลไม่ได้เล็งมีดมาที่หัวฉัน แต่เธอส่งมีดใฟ้กับสโนไวท์ต่างหาก เพราะแบบนั้นฉันถึงหลบได้ ฉันหลบการฟันของสโนไวท์ ในขณะที่ต้องหลบคุไนของริปเปิลไปด้วย จังหวะการโจมตีของทั้งคู่ยิ่งใกล้เคียงกันขึ้นเรื่อยๆ พวกเธอนั้นเข้าขากันดี แต่สโนไวท์จะได้ยินเสียงของริปเปิลรึเปล่านะ? ยื่งร่วมมือกันทำอะไรเร็วๆแบบนี้ รู้สึกเหมือนโดนคนๆเดียวแต่มีสองร่างจัดการเลย มันทั้งแปลกและมนัศจรรย์ไปพร้อมกัน เพราะฉันรู้ถึงความสามารถของพวกเธอดี พวกเธอนั้นเคลื่อนไหวดีขึ้นเรื่อยๆ ฉันเองชักจะหายใจลำบาก ไม่ใช่เพราะแผลที่ไหล่ ทักษะกับความเร็วแบบนี้ไม่ใช่ได้มาเพราะการฝึกแบบง่ายๆ นี่รู้สึกเหมือนกับเป็นการต่อสู้จริงๆเลย “เชื่อว่าตัวเองอยู่ในการต่อสู้จริงๆ” นั่นคือวิธีการฝึกของฉันที่เคยพูดไว้ และตอนนี้พวกเธอก็อยู่ในสถานะการณ์ที่ต้องฆ่าไม่ก็ถูกฆ่าแล้ว แบบนี้เยี่ยมไปเลยใช่ไหมล่ะ? พอมือซ้ายฉันโดนคุไน ความรู้สึกของก็กลับมา สโนไวท์กับริปเปิลนั้นจับคู่ได้เยี่ยมยอด ในการต่อสู้ ความคิดของเธอนั้นเหมือนกัน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นแข็งแกร่ง เหมือนพวกสัตว์ที่โจมตีด้วยกันเป็นฝูง ริปเปิลเตะกำแพงหิน และอีกด้านสโนไวท์นั้นก็ทำเหมือนกัน สโนไวท์เตะฉันด้วยหน้าแข้ง ด้วยแรงนั้นทำให้ริปเปิลฟันด้วยคุไนจนเสื้อฉันฉีก สโนไวท์กับริปเปิลยืนอยู่กำแพงตรงข้ามกัน กระโดตัดกันอีกครั้งหนึ่ง แก้มฉันโดนคุไนของริปเปิลจนเป็นแผล สโนไวท์นั้นกระโดดอยู่เหนือริปเปิลแล้วต่อยฉันเข้าที่หลัง ก้อนหินตรงที่พวกเธอกระโดดนั้นพังไปครึ่งหนึ่ง เมจิคัลเกิร์ลสองคนนี้มันเก่งอะไรขนาดนี้นะ ช่างน่าเสียดาย ฉันเองคงต้องฆ่าพวกเธอแล้ว ฉันรู้ ว่าควรจะตกแต่งผมของพวกเธอซักหน่อย แม้พวกเธอจะตายฉันก็ยังคงดูแลอยู่นะ ตอนที่ฉันเริ่มการทดสอบครั้งต่อไป ฉันจะมองดูเส้นผมของเธอเสมอ อนาคตอันสวยงามจะเป็นยังไงกันนะ ฉันเอาลูกแก้วออกมา แล้วเอาเส้นผมมาพันที่นิ้วของฉัน เจ้าของเส้นผมก็ปรากฎตัวออกมาในลูกแก้ว เด็กผู้หญิงตัวน้อย เธอไม่ใช่เมจิคัลเกิร์ล เป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดา ไม่ได้มีพลังพิเศษอะไร เป็นแค่คนธรรมดา เด็กผู้หญิงชั้นประถม ที่นอนหลับอยู่บนเตียง พลังเวทย์ของฉันไม่ใช่จำกัดอยู่แค่มองดูคนอื่นผ่านทางลูกแก้วเท่านั้น มันยังสามารถถึงคนจากอีกฝั่งมาได้ด้วย ไม่ว่าเป้าหมายจะเป็นใคร ไม่ว่าเป้าหมายจะอยู่ที่ไหน แม้ในอวกาศก็ตาม ครั้งหนึ่ง ฉันเคยเอาคู่ต่อสู้ที่หลบหนีมาใส่ในกระเป๋ามิติ มันไม่สำคัญหรอกว่าอยู่ที่ไหน ฉันเห็นเมจิคัลเกิร์ลสองคนวิ่งสลับกันตรงหน้าผา ในตอนนั้น ฉันก็ดึงเด็กผู้หญิงออกมาจากลูกแก้วโดยจับตรงต้นคอ เธอที่หลับอยู่นั้นก็เริ่มเปิดตา ส่วนท่าทางของสโนไวท์กับริปเปิลนั้น… …อ๊า อยากเห็นจังเลย! พวกเธอเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นเด็กผู้หญิงที่อยู่ในมือฉัน พวกเธอคงใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่ไม่คิดว่าจะสวะแบบฉันอยู่สินะ คงไม่คิด จนกระทั่งฉันลากคนที่ไม่เกี่ยวข้องมาด้วยแบบนี้ ขอโทษด้วยแล้วกัน แต่มันจำเป็น ฉันกอดเด็กผู้หญิงคนนั้นอย่างนุ่มนวล แล้วห้อยเธอไว้ตรงหน้าผา ริปเปิลกับสโนไวท์ที่จดจ้องมาที่ฉันตลอดเวลานั้น วิ่งเข้ามาใต้หน้าผาเพื่อช่วยเด็กผู้หญิง โอเค ฉันรู้ว่าพวกเธอทำได้ทันแน่ เพราะฉันแน่ใจ สองคนนั่นต้องช่วยเด็กผู้หญิงได้ ก่อนที่เธอจะตกลงมาตาย แต่ตอนนั้น ฉันก็เริ่มใช้ช่องว่าง ถ้าช่วยเด็กคนนั้น พวกเธอจะมีช่องว่างให้ฉันทำอะไรๆได้ ถ้าไม่ช่วย พวกเธอต้องทิ้งเด็กคนนั้นเพื่อจัดการฉัน ด้วยทริคสกปรกแบบนี้ ฉันชนะแน่ เหยียบย่ำผู้อ่อนแอ ฉันตั้งใจทำแบบนี้ เช่นเดียวกับเมจิคัลเกิร์ลในอุดมคติของฉัน ถ้าเธออยู่ข้างความยุติธรรม ฉันก็ต้องเป็นตัวร้าย ฉันยินดีที่จะรับบทนั้นเอง ฉันโยนเด็กคนนั้นลงมา แล้วจึงเปลี่ยนภาพที่ลูกแก้ว สโนไวท์นั้นรับเด็กไว้ได้ แต่ริปเปิลล่ะ? เมื่อฉันเปลี่ยนภาพอีกครั้ง เหมือนว่าเธอกำลังวิ่งขึ้นมาบนหน้าผา อ่า เมจิคัลเกิร์ลผู้รักความยุติธรรมทั้งสอง ความรู้สึกของฉันมันพุ่งถึงขีดสุดแล้วนะ ลาก่อน เมจิคัลเกิร์ลที่รักของฉัน ฉันตัดภาพกลับมาที่สโนไวท์ พลังเวทย์ของฉันนั้นสามารถลากคนในลูกแก้วมายังตำแหน่งที่ตัวเองอยู่ได้ บางครั้งมันก็ขึ้นอยู่กับการออกแรง ฉันเองก็มีพลังพอที่จะหักกระดูก ถ้าจับที่คอของอีกฝ่ายได้ ฉันเตรียมเล็งไปที่คอของสโนไวท์อย่างนุ่มนวล แล้วก็ยื่นมือออกไป แต่ตอนที่ฉันจับคอสโนไวท์ได้ เธอยื่นแขนออกมาหาฉัน ใช่ ฉันลืมไปซะแล้ว ว่าสโนไวท์คงไม่ได้ยื่นมือมาเปล่าๆ คงจะยื่นมาพร้อมมีดแล้วก็แทงมือฉัน และบิดคว้านมีดนั่น ในเวลาเดียวกัน ขาขวาของฉันก็ถูกแทง ฉันกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด มันมีอะไรที่แปลกๆมาแทงที่ขา มันคือชูริเค็นยักษ์แทงเข้ามาจนถึงกระดูก นั่นมันที่หนีบผมของริปเปิลนี่นา มือของฉันนั้นถือลูกแก้วต่อไปไม่ไหวแล้ว และฉันก็ล้มลง ความเย็นยะเยือกคืบคลานเข้ามาในตัวฉัน แผลที่ขาขวานั้นทำกระดูกหักไปหมด จะคลานก็ไม่ได้ ลมหายใจฉันเริ่มติดขัด อากาศหนาวบนภูเขานี่ทำเอาเจ็บปอดดีจัง สโนไวท์อ่านการโจมตีฉันได้ยังไงกันนะ? ไม่เข้าใจเลย เธอไม่ได้อ่านการเคลื่อนไหวมือฉันด้วยซ้ำ เพราะมือไม่ได้มีความคิดนี่นา อ่า…แบบนี้เองเหรอ ฉันคิดว่าโจมตีเข้าจุดบอดของเธอได้แล้ว แต่ฉันก็ลืมคนๆนึงไป เด็กผู้หญิงคนนั้น ตั้งแต่ถูกสโนไวท์ช่วย เธอคงเห็นมือของฉันโผล่ออกมาจากที่ไหนก็ได้ เธอคงกลัวอะไรแบบนี้มาก สโนไวท์อ่านใจเธอ และตอบโต้ด้วยการแทงมือทันที และตอนนั้นริปเปิลก็เอาที่หนีบผมของตัวเองออกมาขว้างหาฉันอย่างรวดเร็ว ตอนนี้คิดว่าคงยืนไม่ไหวแล้ว สโนไวท์กับริปเปิล พวกเธอน่าจะใช้สวะอย่างฉันเพื่อให้ตัวเองเติบโตขึ้นนะ มันน่าสนุกแค่ไหนกันนะถ้าคิดถึงอนาคตของพวกเธอ? และมันน่าเศร้าแค่ไหน ที่ฉันไม่ได้อยู่เห็นอนาคตของพวกเธอ? ถ้าชีวิตฉันจบลงที่นี่ ฉันก็จะยอมรับมัน น่าเศร้าจริงๆ ตัวฉันเองนั้นเป็นเมจิคัลเกิร์ลในอุดมคติของตัวเองยังไม่ได้ด้วยซ้ำ จิตใจของฉันมันเน่าเฟะ ฉันไม่รู้สึกใส่ใจกับอะไรด้วยซ้ำ แต่อย่างไร ฉันยังคงค้นหาเมจิคัลเกิร์ลคนหนึ่ง คนที่จะกลายเป็นคนในอุดมคติฉันได้ สุดยอดเมจิคัลเกิร์ลที่จะล้มล้างดินแดนเวทย์มนตร์ และสร้างมันขึ้นมาใหม่ เมจิคัลเกิร์ลที่ทำสิ่งที่ฉันเป็นไม่ได้ ด้วยเหตุผลนั้น ฉันต้องสอนเธอ และพยายามสร้างเมจิคัลเกิร์ลในอุดมคติขึ้นมาให้ได้ ฉันอยากให้เธออยู่เคียงข้าง และเผชิญหน้ากับดินแดนเวทย์มนตร์ด้วยกัน ถ้าฉันมีโอกาสอีกครั้ง… ริปเปิลนั้นดูเหมือนสัตว์ร้าย ส่วนสโนไวท์นั้นดูเยือกเย็น พวกเธอไม่ได้รักษาบาดแผลเลย ทั้งๆที่มีเลือดไหลอยู่ ความโกรธของสโนไวท์นั้นทิ่มแทงมายังตัวฉัน เหมือนกับดวงตาของนักล่า ผมของเธอยุ่งไปหมด บางครั้งมันก็ดูสวยกว่าผมเรียบๆธรรมดา เธอนั้นดูเหมือนนักล่า ซึ่งเหยื่อนั้นก็คือฉัน เมจิคัลเกิร์ลที่ชื่อว่าไพตี้ เฟรเดริก้า อ่า… ความคิดที่แล่นเข้ามาภายในหัว ความงดงามนั้นได้กระตุ้นตัวตนของฉัน สิ่งที่เหมาะสมกับพวกเธอ ชื่อที่เหมาะสมกับสโนไวท์มากที่สุด นักล่าเมจิคัลเกิร์ล ช่างเป็นชื่อที่งดงามเสียจริง แต่มันก็แย่ที่เธอไม่ได้ยิน ความเจ็บปวดที่เธอโจมตีใส่ตัวฉัน ทำให้สติของฉันมันเลือนรางลง แต่ชื่อฉายานั้น จะเป็นที่รู้จักกันทุกหนแห่งในภายหลังเป็นแน่ ——— Magical Girl Raising Project Arc 1.5 : Snow White Raising Project [จบภาค] ———
หลังจากที่กลายมาเป็นพี่เลี้ยงของสโนไวท์แล้ว
ฉันก็ได้สืบหารายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับเธอมา
เธอมีชื่อจริงว่า ฮิเมคาวะ โคยูกิ
พลังเวทย์ของเธอคือ “สามารถได้ยินเสียงของคนที่เจอปัญหาได้”
รายละเอียดของการทดสอบที่ เธอชนะในเมือง N นี้ถูกเขียนไว้ซะดิบดีเชียว
การใช้เกม free-to-play
เมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจค เพื่อล่อลวงผู้เล่น
จากนั้นก็เลือกผู้ที่มีความสามารถ ทำให้กลายเป็นเมจิคัลเกิร์ล
เลือกมาสคอต ที่มีพื้นฐานจากผู้ดูแลระบบของเมจิคัลโฟน
ในการที่จะเข้าสู่ระบบของเมจิคัลเกิร์ลอันกว้างใหญ่ที่ได้เลือกมานั้น
ฟาฟนั้นได้ถูกเลือกมาใช้ เพราะเป็นไซเบอร์แฟร์รี่ที่ช่ำชองเทคโนโลยี
มาสคอตรูปสัตว์อะไรแบบนี้
ที่ถือเมจิคัลโฟนยังไม่ได้เนี่ยไม่รู้จะมีไปทำไม
อ๊ะ แต่หลังจากที่การทดสอบของแครนเบอร์รี่นั้นถูกพบแล้ว
ปรากฎว่าพวกไซเบอร์แฟร์รี่นั้นได้ถูกตราหน้าไปเลย
ผู้คนส่วนใหญ่เอง ก็มีแนวโน้มว่าจะใช้มาสคอตรูปสัตว์แทนตัวเองในปัจจุบันด้วย
บางคนก็เรียกว่ามีความนิยมล่ะนะ
เมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจค นั้นต้องการเมจิคัลเกิร์ล 15 คน
ถ้ารวมตัวของแครนเบอร์รี่ด้วยก็จะกลายเป็นมีผู้เข้าร่วม 16 คน
ซึ่งกฎก็คือ ทุกคนนั้นมีเป้าหมายที่เรียกว่า เมจิคัลแคนดี้
หลังจากนั้น การแข่งขันหาแคนดี้ก็ได้กลายเป็นเกมแห่งความตาย
ในช่วงเวลานั้น มีทั้งการทรยศ ความตาย แม้แต่การฆาตกรรม
แต่ด้วยเหตุอะไรบางอย่าง
กระทั่ง นักดนตรีแห่งพงไพรแครนเบอร์รี่ ที่เป็นผู้ดูแลเองก็ถูกฆ่าด้วยเช่นกัน
ตั้งแต่เธอตายไป การทดสอบก็หยุดลง
ฟาฟเป็นคนประกาศว่าเกมจบแล้วเอง
แต่ช่างโชคร้าย ที่มีเหตุการณ์อื่นเกิดขึ้นเกิด
เมจิคัลเกิร์ลที่ชื่อ ท็อปสปีด ถูกฆ่าตายในเหตุการณ์นั้น
แล้วริปเปิล เพื่อนสนิทของเธอระงับความโกรธแค้นของตัวเองไม่อยู่
เพื่อที่จะล้างแค้น เธอได้เรียกสวิมสวิมคนที่ฆ่าออกมาเพื่อตัดสิน
เธอจัดการสวิมสวิมได้ แต่ก็แลกมาด้วยอาการบาดเจ็ดชนิดที่สาหัสทีเดียว
แม้มันจะเป็นเรื่องนองเลือด แต่สำหรับสโนไวท์เอง เธอก็เป็นแค่เหยื่อ
โดนกลุ่มของรูลเลอร์โจมตี
โดนเมจิคัลรอยด์44 โจมตี
ผู้คนโจมตีและช่วยเธออย่างไม่จบไม่สิ้น
ทั้งหมดเป็นเพราะแบบนั้น…
…สโนไวท์ที่ฉันคุยด้วยทางโทรศัพท์
นี่เป็นคนละคนกับสโนไวท์ ที่ฉันอ่านในรายงานการทดสอบสินะ
เธอจนตรอกมาตั้งแต่ตอนนั้น
แล้วทำไมเธอถึงยังใฝ่หาความแข็งแกร่งอยู่อีก?
เธอแค่อยากจะไม่เป็นตัวถ่วงใครงั้นเหรอ?
ความทุกข์
ความรู้สึกผิดของผู้ที่มีชีวิตรอด
ความรู้สึกแบบนั้นมันทำเรื่องถูกเป็นผิดได้
ซึ่งมันก็ไม่มีทางรู้ นอกจากจะถามตัวเธอเอง
ไม่ใช่แค่พูดคุยแต่ต้องจับตาดูเธอเอาไว้ด้วย
เพราะฉันรู้จักตัวจริงของสโนไวท์
ฮิเมคาวะ โคยูกิ…
…ก่อนอื่นก็ต้องรู้ที่อยู่ก่อน
ฉันตรวจสอบเวลาที่เธอไปโรงเรียน
เมื่อตอนเธอออกจากบ้านไปแล้ว
ฉันก็ลอบเข้าไปข้างในบ้านฮิเมคาวะ
นี่ก็เป็นเรื่องปกติสำหรับฉัน ในการที่จะเก็บผมของใครซักคนนึง
ที่ชั่นหนึ่ง แม่ของโคยูกิกำลังยุ่งกับการทำความสะอาดอยู่
เสียงดังๆแบบนี้ก็พอเป็นเพลงประกอบได้เลยล่ะ
ฉันมุ่งไปที่ห้องของโคยูกิ คิดว่าจะหยิบเส้นผมที่ร่วงบนพรมมา
ส่วนใหญ่นั้น เส้นผมมักจะซ่อนอยู่ในห้องนอน ก็มันเป็นที่ๆปกติที่คนมักจะปล่อยผมกัน
หนังกำพร้างั้นเหรอ กลิ่นมันช่างดีจัง อยากจะเอาเส้นผมเธอเข้าปากชะมัด
แต่ก็ทำไม่ได้ ฉันจึงเก็บเส้นผมไว้ในเศษกระดาษเล็กๆแทน
——————————————————————————————————————————-
เมื่อฉันแปลงร่างเป็นเมจิคัลเกิร์ล นอกจากชุดนี่แล้ว
ฉันยังมีลูกแก้ว ที่ขนาดประมาณหัวของเด็ก
เมื่อเอาเส้นผมมาพันอยู่รอบนิ้ว
มันก็จะปรากฎภาพของเจ้าของเส้นผมนั้นอยู่บนลูกแก้ว
หนึ่งเส้นต่อหนึ่งนิ้ว
เท่ากับว่าจะมีเป้าหมายทีละ 10 คนได้
มันน่าเสียดายที่มันดูพร้อมๆกันไม่ได้
แต่ก็ยังสับเปลี่ยนได้ล่ะนะ
พลังนี้มันก็มีข้อเสียที่ว่าใช้กับคนไม่มีผมไม่ได้
หรือคนที่ผมสั้นจนเอามาพันรอบนิ้วก็ไม่ได้เช่นกัน
เอาเถอะ ทุกๆพลังก็มีจุดอ่อนกันทั้งนั้นแหละ
เมื่อฉันใช้พลังเวทย์ ภาพของเด็กผู้หญิงก็ปรากฎขึ้นในระยะที่มือเอื้อมถึง
ใช่แล้ว ฉันทำแบบนั้นได้
ฉันสามารถโต้ตอบกับเธอโดยยื่นมือเข้าไปผ่านลูกแก้ว
และยังจับตัวเธอแล้วพามายังฝั่งที่ฉันอยู่ได้
นั่นคือความสามารถดั้งเดิมของพลังฉัน
แต่ฉันจะไม่ทำแบบนั้น ยังไม่ใช่ตอนนี้ มันยังไม่ใช่เวลา
หยุดความคิดที่จะแตะต้องผมสีแพลตตินั่มบลอนด์เส้นนั้น
ปล่อยมันไปก่อน
ตอนนี้ฉันเป็นแค่ผู้สังเกตการณ์เท่านั้น
พลังเวทย์ของฉันมันเป็นการรับรู้ที่เลือนลางมาก
ฉันมีเส้นผมของฮิเมคาวะ โคยูกิ
ใช่แล้วล่ะ
ฉันสามารถมองดูเธอ
แม้กระทั่งตอนที่เธอแปลงร่างเป็นสโนไวท์
เมื่อไหร่ที่มีเวลาว่าง
ฉันจะใช้เวลาไปกับการเฝ้ามองสโนไวท์อย่างใกล้ชิด
เด็กหญิงชั้นมัธยมต้นปีสองเหมือนคนอื่น
มีเพื่อนและตั้งใจเรียน
แบกกระเป๋า ใส่ถุงเท้ายาว ผูกผ้าพันคอ สวมกระโปรงพลีท
บางทีคงเพราะอายุของฉัน
เวลามองเด็กผู้หญิงแต่งตัวแบบนี้เหมือนกับได้หวนวันวาน
กระทั่งตอนเป็นเมจิคัลเกิร์ล
เธอก็คงยังอยู่ในชุดแบบฟอร์มโรงเรียนสีขาว ที่มีดอกไม้ขนาดใหญ่ติดอยู่
แล้วก็ยังมีจุดเด่นที่ดอกไม้
ซึ่งดอกไม้ของแครนเบอร์รี่เองก็ดูต่างจากของเธอ
งานของเธอเหมือนว่าทางดินแดนเวทมนต์จะมอบให้เอง
เธอยุ่งอยู่ตลอด ค้นหาผู้คนที่เจอปัญหา
ครั้งหนึ่ง ตัวเธอมองดูเพื่อนร่วมชั้นตัวเองในตอนที่เลิกเรียน
ครั้งหนึ่ง เธอพาพวกขี้เมากลับบ้าน
เธอทำหน้าที่ด้วยพลังเวทย์ของเธอ ที่ได้ยินเสียงของคนที่เจอปัญหา
ตอนแรก ฉันคิดว่าพลังของเธอมีผลเฉพาะอีกฝ่ายในตอนที่เผชิญหน้ากัน
แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่แบบนั้น
มันเหมือนกับเป็นพลังติดตัวคล้ายกับเรดาห์ แต่ระยะมันไกลแค่ไหนนั้นฉันคิดไม่ออกเลย
เธอได้ยินเสียงของคนที่เจอปัญหา จึงรู้ตำแหน่งแล้วทำการช่วยเหลือได้
เธอเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่เปิดตัวมาแล้วไม่มีีคนที่พลังคล้ายกับเธอ
ทักษะด้านอ่านจิตใจนั้นส่วนใหญ่จะมีข้อจำกัด
ถึงจะดูเหมือนว่าเป็นทักษะติดตัวเธอก็ตาม
มันก็เป็นภาระหนักได้ถ้าเธออ่อนล้า
ฉันรู้จักเมจิคัลเกิร์ลคนอื่นที่มีทักษะด้านอ่านจิตใจแบบนี้
เธอมีเวลาสั้นๆที่จะใช้พลัง
เมื่อพยายามใช้พลังเพื่อรวบรวมข้อมูลจำนวนมากในคราวเดียว
จิตใจนั้นแทบจะแตกเป็นเสี่ยง
แต่ไม่เหมือนกับสโนไวท์ที่สามารถใช้พลังได้ตลอด
ขณะที่สโนไวท์ทำหน้าที่ของตัวเอง
เธอมักจะไปกับเมจิคัลเกิร์ลอีกคนในเมือง N
ซึ่งพบกันที่สนามเด็กเล่นในตอนเช้ามืด
เมจิคัลเกิร์ลในชุดนินจาสีดำ ผมดำยาว
แต่สิ่งที่น่าสนใจคือตาซ้ายและแขนซ้ายของเธอ
ตาซ้ายของเธอเป็นแผลลึก คงจะเป็นรอยแผลจากดาบสินะ แถมเหมือนจะบอดไปแล้วด้วย
แขนซ้ายตั้งแต่ข้อศอกของเธอ มีชายเสื้อปลิวไปกับลม ใช่แล้วมันไม่มีอะไรอยู่ข้างใน
ฉันเองก็มีข้อมูลของเธอ
เธอคนนั้นชื่อว่า ริปเปิล
เธอกระทำสิ่งที่เกินขอบเขตในเกมครั้งนั้น
เธอฆ่าเมจิคัลเกิร์ลคนอื่นเพื่อล้างแค้น
ด้วยการที่เป็นเมจิคัลเกิร์ลที่แขนขาดและตาบอด
ตัวเธอเลยมีสภาพที่ดูไม่ค่อยดีนัก
จากข้อมูลที่ได้มา
ฉันคิดว่าเด็กคนนี้จะเป็นพวกนักสู้ที่ดุดัน แข็งแกร่งและเงียบงันซะอีก
ใช่แล้ว
เมจิคัลเกิร์ลชุดนินจา ที่ฉันมองเห็นในลูกแก้วนี้
เธอหัวเราะอย่างสนุกสนานและร่าเริง
อ่า อย่างที่คิด
รอยยิ้มของเธอมันคือสีหน้าของคนที่เคยผ่านประสบการณ์มาแล้ว
ดังนั้นก็เลยเข้าใจได้ความต้องการของเธอได้ชัดเจน
ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ
ตอนที่ดินแดนเวทมนตร์มีข้อเสนอที่จะรักษาบาดแผลของริปเปิล
เธอก็ได้ตอบอย่างชัดเจนว่า
“ชั้นไม่อยากได้รับการรักษาจากเจ้าพวกนั้น”
แม้เธอคิดว่าคนที่เธอฆ่านั้นเป็นศัตรูของเธอ
และหนึ่งในนั้นยังฆ่าเพื่อนสนิทของตัวเอง
เธอก็ได้เลือกสิ่งนี้ให้ตัวเอง
“ชั้นฆ่าคนที่ชั้นไม่จำเป็นต้องฆ่าด้วยซ้ำ” นั่นคือข้ออ้างของเธอ
เธอทำแบบนี้เพื่อไม่ให้ลืมการทดสอบของแครนเบอร์รี่
แต่เธอก็ทำแบบนี้เพื่อเตือนเมจิคัลเกิร์ลคนอื่นด้วย
เมื่อพวกนั้นเห็นริปเปิล
จึงเห็นว่าตัวริปเปิลนั้นเป็นภัยหรือเป็นอันตรายต่อพวกเขา
บางทีริปเปิลเองคงจะอยากเปิดเผยความเศร้าให้โลกนี้เห็น
ด้วยการแสดงให้พวกนั้นเห็นบางอย่างในตัวเธอ
แต่อาจจะมีเหตุผลอื่นอีกไหมนะ?
ฉันเองก็คงไม่รู้ ถ้าไม่ได้ถามตัวริปเปิล
แต่ถ้าถาม เธอจะบอกรึเปล่านี่สิ?
เมจิคัลเกิร์ลชุดขาวและดำ
ทั้งคู่นั่งใกล้ชิดกันตรงบันไดที่สวนสาธารณะ
ทั้งสองคนกำลังพูดกับคนอื่นอยู่
เมื่อริปเปิลมองไปที่สโนไวท์
ดวงตาของเธอเหมือนกับอาจารย์ที่มองดูลูกศิษย์
เหมือนกับพ่อแม่ที่มองดูลูก
เหมือนกับพี่สาวที่มองดูน้องสาว
ตามสิ่งที่ฉันคิด
จุดยืนของริปเปิลนั้นคือคนที่เกษียณตัวเองแล้ว เธอใช้ชีวิตแบบนี้
แต่ฉันก็ไม่ได้รู้อะไรมากกว่านี้
แต่สโนไวท์นั้นต่างออกไป
เธอพยายามที่จะพูดบางอย่างกับริปเปิล
แต่เหมือนว่าจะหาคำที่พูดไม่ถูก
จิตใจของเธอเองก็คงจะสับสน
ฉันรู้สึกเวลาที่เห็นเธอ
เหมือนกับมองดูเด็กผู้หญิงที่กำลังจะก้าวขึ้นสู้ความเป็นผู้ใหญ่
มันช่างไร้เดียงสา และก็สับสนเช่นกัน
แต่ปัญหาของสโนไวท์นั้นมันไม่ง่ายเอาซะเลย
เธอต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น และค้นหาบางคนที่จะนำพาเธอไปสู่ความแข็งแกร่งได้
เพราะเธอคือ เด็กสาวของแครนเบอร์รี่
จึงไม่มีทางที่ดินแดนเวทย์มนต์จะเสี่ยงส่งพี่เลี้ยงมาสอนการต่อสู้ให้เธอ
ถ้าทำแบบนั้น เธอเองก็จะพบจุดจบแบบแครนเบอร์รี่
จริงสิ
ริปเปิล
แต่จะหวังกับเธอมันก็ยาก
เพราะฉันเห็นสถานะของเธอตอนนี้
เธอต้องการที่จะลงจากเวทีแห่งนี้
เธอพอใจในชีวิตของตัวเอง
และไม่มีอะไรที่เธออยากจะทำอีกต่อไป
แต่ริปเปิลเองก็คงช่วยไม่ได้แต่ยังคงรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบตัวสโนไวท์อยู่
จะเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ
สโนไวท์เองก็ไม่ได้ทะนงตัวอะไร
ถึงตัวเองจะมีสิ่งที่อยากทำ
แต่ก็ไม่ได้อยากให้เพื่อนหรือครอบครัวเข้าไปเกี่ยวด้วย
ถ้าเธอทำ เธอคงจะเป็นแครนเบอร์รี่คนต่อไป
และสโนไวท์เองก็ไม่ได้อยากจะกลายเป็นแครนเบอร์รี่
ริปเปิลและสโนไวท์นั้นแยกย้ายกันไปแล้ว
สโนไวท์โบกมือของเธอให้ริปเปิล
และริปเปิลก็หายไปอย่างช้าๆ
ฉันปิดลูกแก้ว แล้วคลายการแปลงร่าง
เดินไปที่เครื่องบดกาแฟ เพื่อที่จะชงกาแฟ
จนกระทั่งกาต้มน้ำเดือด ฉันก็คิดถึงเรื่องสโนไวท์
ฉันอยากจะช่วยเธอ
อาจจะแค่เธอคนเดียว
ฉันเชื่อว่า
เธอจะกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่ฉันตามหามาตลอดนั่นเอง
———————————————————————————————————————-
จะทำยังไงเพื่อให้เมจิคัลเกิร์ลแข็งแกร่งขึ้นงั้นเหรอ?
ฉันเชื่อว่าหลายคนก่อนหน้านี้เคยพยายามกันมาแล้ว
ฉันมีรายงานของเมจิคัลเกิร์ลที่ทำสิ่งเหล่านี้ก่อนหน้า…
…รวมถึงรายงานการทดสอบของแครนเบอร์รี่
แต่ฉันก็มีประสบการณ์ของตัวเอง
ทักษะพลังเวทย์ของเมจิคัลเกิร์ลแต่ละคน
ความสามารถทางกายภาพ และเทคนิคการต่อสู้
ซึ่งเมจิคัลเกิร์ลแต่ละคนนั้นก็แตกต่างกันออกไป
เมจิคัลเกิร์ลบางคนก็พูดว่า “มุมมองของเราน่ะมันต่างกัน”
ถ้าเธอเป็นเมจิคัลเกิร์ลประเภทที่ต่อสู้กับภัยระดับจักรวาล
เธอก็ไม่มีเวลามาช่วยเพื่อนบ้านตัวเองกับปัญหาเล็กๆน้อยๆหรอก
ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะทำอะไรแบบนั้นได้
ถ้าทำไปล่ะก็คงมีปัญหาแน่
ในการที่มนุษย์จะแข็งแกร่งขึ้นนั้น
ต้องใช้เวลาเนิ่นนานเพื่อที่จะได้ความแข็งแกร่งมา
แต่พวกเราคือเมจิคัลเกิร์ล
พวกเราไม่จำเป็นต้องฝึกอะไรแบบธรรมดาหรอก
แทนที่พวกเราจะสวมใส่ชุดเกราะ
พวกเราสวมใส่ชุดฟูฟ่องและติดริบบิ้น
พวกเราใช้เพียงแค่เท่านั้น
เพราะตัวตนของเมจิคัลเกิร์ลมันอยู่นอกเหนือเหตุผลอยู่แล้ว
ความปรารถนาของเรา
ความฝันของเรา
ความรักของเราต่อเมจิคัลเกิร์ลนั้น
มันผลักดันเรา และให้ทำสิ่งในที่เราอยากทำ โดยไม่จำเป็นต้องห่วงอะไร
แทนที่จะต้องใช้สถานที่ฝึก
ต้องถูกโค้ชแนะนำ เพื่อไม่ให้ร่างกายตัวเองต้องบาดเจ็บ
เราใช้เวลาฝึกอยู่ที่บ้านโดยที่ไม่ต้องกังวลอะไร
ใช่แล้วล่ะ พวกเราทำแต่เรื่องที่โง่ๆ
พวกเราคือเมจิคัลเกิร์ล และทุกคนรู้ว่าเมจิคัลเกิร์ลนั้นคือฮีโร่
พวกเรารู้ว่าสิ่งที่เราไปนั้นมันดูโง่เง่ายังไงตอนที่เราทำมันไปแล้ว
แต่ตราบใดที่เรายังมุ่งหน้าทำต่อไป โลกใบใหม่ก็จะถูกเปิดขึ้น
ใช่ ฉันไม่ได้ทำสิ่งนั้น มันน่ารำคาญ
แต่ถ้าคนอื่นทำล่ะก็ บางทีฉันคงจะดูงานให้
ถ้าสโนไวท์ต้องการที่จะแข็งแกร่งล่ะก็ ฉันเองคงจะไม่ว่าอะไรหรอก
ฉันกดหมายเลขบนเมจิคัลโฟนเพื่อโทรออก
“สวัสดี สโนไวท์ใช่ไหม? นี่เฟรเดริก้าเองนะ”
“…สวัสดีค่ะ”
“ยังไม่เปลี่ยนใจเหรอ?”
“ไม่ค่ะ”
ฉันพยายามที่จะพูดเรื่องเล็กๆน้อยๆกับเธอ แต่ว่า…
“ตอนนี้วางสายได้รึเปล่าคะ?”
เหมือนว่าเธอจะไม่ค่อยใส่ใจเลยเอาซะเลย
“เธอยังไม่เปลี่ยนใจเรื่องที่อยากจะแข็งแกร่งขึ้นสินะ”
“ไม่เปลี่ยนค่ะ”
“นี่เธอได้คิดตามสิ่งที่ฉันพูดไหม?
ที่ว่าเมจิคัลเกิร์ลไม่จำเป็นต้องมีแค่ความแข็งแกร่งเท่านั้นน่ะ?”
“คิดค่ะ”
“แล้วเธอยังจะต้องการความแข็งแกร่ง แม้มันจะทำลายตัวเธอเองงั้นเหรอ?”
“ต้องการค่ะ”
“แล้วถ้ามันทำลายอะไรที่มากกว่าตัวเธอเองล่ะ?”
“…หมายความว่ายังไงคะ?”
“เพื่อนและครอบครัวของเธอ
เธอต้องการความแข็งแกร่งแม้ว่าจะต้องเสียสละพวกนั้นเหรอ?”
ไม่มีคำตอบ สโนไวท์เองก็ไม่ได้พูดอะไร แต่เธอก็ไม่ได้วางสาย
ฉันไม่รอคำตอบของเธอ
“ขอให้คิดเรื่องนั้นด้วยนะ”
แล้วฉันก็วางสายไป
เหตุผลที่สโนไวท์ต้องการความแข็งแกร่ง
ฉันคิดว่ามันมาจากการทดสอบของแครนเบอร์รี่
ในการทดสอบของแครนเบอร์รี่นั้น
เมจิคัลเกิร์ลทั้งได้ฆ่าและถูกฆ่า
แน่นอนว่าเพื่อนของสโนไวท์เองก็โดนฆ่าด้วย
ลาพูเซลและฮาร์ดกอร์อลิส
เมจิคัลเกิร์ลทั้งสองคนต้องการที่จะปกป้องสโนไวท์
และพวกเขาทั้งคู่ก็ถูกฆ่าตาย
สโนไวท์เกลียดตัวเองที่ไร้ความสามารถ
นั่นคือเหตุผลที่เธออยากแข็งแกร่งขึ้น
แทนที่ตัวเองจะมัวเมาในพลังของเมจิคัลเกิร์ล
ตัวสโนไวท์ตะหนักว่าตัวเองไร้ประโยชน์ขนาดไหน
การที่คนๆหนึ่งจะใฝ่หาพลังนั้น
มักเริ่มมาจากการตะหนักได้ว่าตัวเองอ่อนแอแค่ไหนนั่นเอง
สำหรับฉัน
นอกเหนือจากงานของเมจิคัลเกิร์ลปกติแล้ว
ฉันยังประสบการณ์เรื่องสอดแนมและการเป็นผู้ดูแลการทดสอบด้วย
จากประสบการณ์ในการสอดแนมของฉัน
มันสามารถนับพวกที่เป็น คนดี ได้ด้วยนิ้วเลยล่ะ
แม้ว่านั่นจะเป็นงานของดินแดนเวทมนต์ที่ไม่ค่อยได้ผลตอบแทนอะไร
แต่ฉันก็ภูมิใจที่ได้ทำ
ในตอนที่ค้นหาคนที่เข้าร่วม
ฉันก็ไม่ได้ทำตามขั้นตอนตามที่ดินแดนเวทย์มนต์ส่งมาให้
ฉันใช้วิธีการของตัวเอง
ที่แรกที่ฉันไปดูคือโรงเรียนอนุบาลไม่ก็ที่รับเลี้ยงเด็ก
ขั้นแรก
ฉันหาเส้นผมของครูแล้วใช้มันเพื่อนมองดูเหล่าเด็กๆ
ฉันมองหาเด็กที่แปลกแยกจากคนอื่น
เด็กคนที่ไม่ได้รวมกลุ่มกับใคร หรือเด็กที่โดนคนอื่นรังเกียจ
ใครๆก็บอกได้ว่าคนแบบนั้นเป็นยังไง
พวกที่อยู่ต่อหน้าคนอื่นทำเป็นหัวเราะเสียงดัง แต่พออยู่คนเดียวกลับเหงาน่ะ
ฉันเองไม่ค่อยมุ่งอยู่กับชีวิตในโรงเรียนเท่าไหร่นัก
บางที เด็กๆควรจะมีชีวิตในโรงเรียนอย่างสนุกสนาน
แต่นั่นคือพวกเขากำลังปิดบังปัญหาทางบ้านของตัวเองอยู่ด้วย
เด็กคนที่ตื่นขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของพ่อบุญธรรมตัวเองในตอนกลางคืน
เด็กคนที่ไม่อยากกลับบ้าน บางครั้งก็พยายามหนีออกจากบ้าน
มาอยู่ในป่ากับพวกเครื่องใช้ในครัว
หดหู่ ซึมเศร้า
เด็กพวกนี้ควรจะมีความแข็งแกร่งมากกว่าใครอื่น
เด็กเหล่านี้อยากจะมีอิสระในชิวิต แต่ก็ทำแบบนั้นไม่ได้
เพราะคิดว่าการอดทนนั่นคืออิสระนั่นเอง
ใช่แล้ว
การอธิษฐาน และ ความหวัง
จนความปรารถส่องสว่างขึ้น และนั่นคือสิ่งที่เหมาะสมกับเมจิคัลเกิร์ล
แม้จะลำบากยากเย็นขนาดไหน มันก็สำเร็จได้ถ้าพยายาม
แม้แต่ปัญหาอะไรส่วนตัวก็ตาม
บางคน ที่ได้กลายเป็นเมจิคัลเกิร์ล
รู้สึกว่าปัญหาต่างๆของตนนั้นได้ถูกแก้ไขแล้ว
ความปรารถนาไม่ได้พลักดันพวกเขาไปข้างหน้า
ฉันก็สอดแนมพวกผู้ใหญ่ด้วยเช่นกัน
และก็คิดว่าความปรารถนาของผู้ใหญ่นั้นแรงกล้ายิ่งกว่าเด็ก
ฉันเล็งเป้าไปที่พวกคนทำงานที่แทบไม่มีเงิน
คนไร้บ้านที่อาศัยอยู่ในลังกระดาษ หรือพนักงานโรงงานที่ชีวิตตกต่ำ
แม้กระทั่งผู้หญิงมีอายุที่รู้สึกว่าไม่มีใครรัก และจมอยู่กับแอลกอฮอล์ทุกคืน
แม้คนพวกนั้นจะเข้ากับหมวดหมู่ของฉัน
แต่ผลของมันก็ไม่น่าพอใจเลย
ส่วนใหญ่คนพวกนั้นรู้สึกอึดอัด เมื่อกลายเป็นเด็กตัวผู้หญิงตัวเล็กๆ
ในจุดนั้น
ฉันเลยกำหนดให้เป็นผู้หญิงที่อายุ 20 แทน
ดูเหมือนจะมีพลังเวทย์อยู่สูงด้วย
แต่มันก็ยาก เพราะไม่มีคนตามที่ต้องการเลย
ในทางกลับกัน
เด็กๆนั้นเป็นพวกที่หาได้ง่ายที่สุด แต่ส่วนใหญ่ก็มักหยุดอยู่ครึ่งทาง
สำหรับสโนไวท์
เธอคือผู้เข้าร่วมการทดสอบของแครนเบอร์รี่ ซึ่งนั่นชัดเจนว่ามีผลกระทบกับเธอ
เหมือนกับแครนเบอร์รี่
เธอต้องการที่จะแข็งแกร่งด้วยการผลักดันขีดจำกัดของเมจิคัลเกิร์ลให้ขึ้นไปถึงขั้นสุด
เธอไม่เคยพอใจกับพลังที่มีอยู่ของตัวเอง
เธอเหมือนกับตัวเอกของโชเน็นมังงะ
ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นใคร
ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหน
ไม่ว่าจะหนังเหนียวยังไง
เธอจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเองจนกระทั่งผ่านมันไปได้
ความแข็งแกร่งที่พลักดันเธอนั้นไม่ใช่สิ่งที่คลุมเครือ
เธอต้องการจะแข็งแกร่งขึ้น แต่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง
ถ้าเธอค้นพบวิธีแล้ว
บางทีอาจเป็นเหมือนแครนเบอร์รี่
เธอจะไล่ตามสิ่งนั้นจนถึงแก่ความตาย
คนที่ถูกเรียกว่า เด็กสาวแห่งแครนเบอร์รี่ ได้นั้นไม่ใช่อะไรที่ธรรมดา
แม้ว่าคนที่เกลียดขี้หน้าแครนเบอร์รี่เองก็พบว่าการใช้ชีวิตของเธอมันน่าสนใจ
แต่สำหรับคนอื่น คนที่อยากจะลงจากเวทีแห่งนี้ล่ะ?
ในวันธรรมดาก่อนที่สโนไวท์ช่วยเหลือจะผู้คน
1 ชั่วโมงก่อนหน้านั้น ฉันไปพบกับริปเปิล
เพื่อที่จะติดต่อและหาข้อมูลจากเธอ
ฉันเลยขออนุญาตไปยังเมจิคัลเกิร์ลเบื้องบนก่อน
นั่นไม่ได้หมายความว่าฉันจะฝึกเธอ
แต่มันเป็นอะไรที่ชัดว่าเด็กคนนั้นโดนบังคับให้กลายมาเป็นเมจิคัลเกิร์ล
สงสัยว่าเบื้องบนจะประหลาดใจกับการกระทำของฉัน
แต่ก็ตอบมาว่า “จะทำอะไรก็ทำเถอะ”
ริปเปิลเองก็ติดการช่วยเหลือผู้คนเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้เหมือนสโนไวท์
เธอมีกำหนดเส้นทางลาดตระเวณอยู่แล้ว
เธอหยุดอยู่ตรงด้านบนตึกครู่หนึ่ง
มองดูรอบๆ แล้วก็ลาดตระเวณต่อไป
นั่นเป็นเรื่องปกติในการช่วยเหลือผู้คน
ไม่เหมือนกับสโนไวท์ ที่มีพลังในการได้ยินคนที่ตกอยู่ในปัญหา
นั่นเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดของริปเปิลที่จะทำได้
ก่อนที่จะพบกับเธอ
ฉันก็ลอบเข้าไปในที่พักของ คาโนะ ซาซานามิ และเจอเส้นผมของเธอ
จากนั้น ฉันก็ไปที่ชั้นบนของที่พัก
ตัวเธอก็ยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ
ก่อนที่จะเรียกเธอ
ฉันก็เห็นว่ามือของเธอนั้นกำลังเลื่อนไปจับคาตานะของเธออยู่
อย่างที่คิดเลย เธอเป็น เด็กสาวแห่งแครนเบอร์รี่ จริงๆ
การเคลื่อนไหวของเธอไม่เสียเปล่า
เธอเคลื่อนไหวเร็ว และเรื่มต่อสู้ก่อนจะกระพริบตาซะอีก
เธอนั้นนั่งอยู่ที่พื้น
ชุดนินจาของเธอนั้นเป็นการเสริมความคล่องตัวและความเร็ว
และด้วยพลังเวทย์ “ขว้างชูริเคนเข้าเป้าทุกครั้ง” จึงไม่แปลกใจเลยที่เธอผ่านการทดสอบมาได้
คงเป็นเพราะการเคลื่อนไหว
ผมสีดำของเธอก็เลยสะบัดตาม
เส้นผมสีดำสะท้อนกับแสงจันทร์
มันยากซะจริงๆที่จะหาเด็กผู้หญิงผมดำที่เส้นผมส่องประกายในตอนกลางคืนเช่นนี้
ช่างเป็นเส้นผมที่งดงามจริงๆ
อยากจะสัมผัสมันเหลือเกิน
แค่คิดถึงความรู้สึกที่เส้นผมนั้นอยู่ระหว่างนิ้ว
แค่นั้นหัวใจฉันก็สั่นไหวแล้ว
แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลา
ฉันยิ้ม และยื่นมือไปหาให้เธอเห็นว่าไม่ได้มาด้วยเจตนาร้าย
เธอเอามือออกจากคาตานะอย่างช้าๆและลุกขึ้นยืน
ฉันเดินไปหาและยื่นนามบัตรให้
“ฉันแน่ใจว่าตอนนี้เธอรู้แล้วนะ ฉันคือพี่เลี้ยงของสโนไวทื”
“พี่เลี้ยงเธอ?”
ใบหน้าของเธอนั้นดูอ่อนลง แม้จะเห็นรอยแผลอย่างชัดเจน
เธอดูเหมือนกับเมจิคัลเกิร์ลอันสง่างามอีกครั้งนึง
ผิวของเธอนั้นดูนุ่มนวล และดูใจเย็นลงแล้ว
เมื่อเธอแสดงการต่อต้าน ตัวเธอจะเต็มไปด้วยความคุกคาม
ตอนนี้ เธอแสดงออกมาแค่ใบหน้าของนักรบที่เต็มไปด้วยบาดแผลแค่นั้น
ฉันพูดต่อ
“สโนไวท์มาปรึกษาฉันเมื่อเร็วๆนี้น่ะ”
“เรื่อง?”
“ทำยังไงถึงจะแข็งแกร่งขึ้น”
สิ่งที่ริปเปิลนั้นแสดงออกมานั้นดูแย่กว่าเดิมอีก
เธอหยีตา รอยแผลเองดูจะขยับไปด้วย
“เธอรู้เหตุผลไหมว่าทำไมเธอถึงทำแบบนั้นน่ะ?”
ริปเปิลไม่ได้ตอบ
ตัวเธอเองก็มองไปที่ขอบฟ้า
ฉันมองชุดที่เธอสวม
ดูเกี๊ยะไม้ที่น่าอึดอัด
แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของชุดเมจิคัลเกิร์ลเลยไม่มีปัญหาในการเคลื่อนไหว
ฉันเลยพูดต่อ
“เธอรู้ใช่ไหมล่ะ?
เธอกับสโนไวท์เองอยู่การทดสอบครั้งสุดท้ายของแครนเบอร์รี่
ผู้คนเองจับจ้องมองดูพวกเธอทั้งคู่อยู่
ถึงเธอจะมีจุดประสงค์ดีก็เถอะ
ความแข็งแกร่งที่เธอปรารถนานั้นอาจจะนำพาเรื่องไม่ดีมาได้ด้วย”
ริปเปิลเองก็ไม่ได้พูดหรือมองตาฉันด้วย
“ฉันไม่รายงานไปที่ดินแดนเวทมนต์หรอก”
ริปเปิลคงตกใจกับคำพูดนั้น เลยเลิกคิ้วขึ้น
ฉันจึงพยักหน้า
“พอดีมีแผนจะปกปิดข้อมูลในรายงานน่ะ”
ฉันยิ้มบางๆเพื่อให้อารมณ์ดีขึ้น
“ไม่ว่ายังไง การรับผิดชอบสโนไวท์ก็เป็นหน้าที่ฉัน
ถ้าดินแดนเวทมนต์พบว่าเธอใฝ่หาความแข็งแกร่งล่ะก็
ถึงตอนนั้นฉันอธิบายอะไรไม่ได้ล่ะก็
คิดถึงคนที่พวกนั้นจะส่งมาเป็นพี่เลี้ยงคนต่อไปดูสิ
ลองคิดดูนะ
คนต่อไปอาจจะเป็นศัตรู และอยากให้ทุกคนเหมือนแครนเบอร์รี่ก็ได้
แม้กระทั่งสโนไวท์ก็เถอะ”
ตาข้างเดียวของริปเปิลนั้น
จ้องกลับมาหาฉันเหมือนกับจะฆ่าแกงกันแบบนั้นเลย
จริงๆนี่เป็นเรื่องซีเรียสซะด้วย
แต่ฉันก็หายใจออกแล้วก็พูดต่อไป
“ก็พักนึงแล้วนะที่ขึ้นมาอยู่บนนี้
อ่า รู้สึกคิดถึงจัง”
เมื่อฉันยังเป็นเด็ก
จำได้ว่าเคยมาเล่นบนดาดฟ้าแบบนี้
ในสายตาของเด็ก สนามเด็กเล่นที่มีตาข่ายล้อมรอบแบบนี้ ก็เหมือนกับคอกอะไรซักอย่าง
คงเป็นเพราะเศรษฐกิจแย่ อะไรๆก็เปลี่ยนไป
ร้านขายข้าวโพดคั่วที่เคยอยู่ตรงถนน
พวกก้อนหินที่เคยเล่น
รั้วบางที่ก็เป็นของใหม่
ตรงที่เคยเป็นรูก็หายไป คงซ่อมแล้วสินะ
ฉันมองกลับไปที่ริปเปิล
เหมือนเธอจะดูสับสนกว่าเดิม
บางทีแบบนี้อาจจะเจรจาได้ดีกว่าเดิมก็ได้
“ช่วยถามเรื่องความตั้งใจจริงๆของสโนไวท์ให้หน่อยได้ไหม?
ฉันเคยถามแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้ให้คำตอบที่น่าพอใจมาเลย
บางทีที่เธออยู่ใกล้ชิดกับสโนไวท์ อาจจะได้คำตอบมาก็ได้”
ฉันใช้สายตาที่เต็มไปด้วยความพยายามมองไปที่เธอ
“ถ้าสิ่งที่สโนไวท์ต้องการมันทำได้ ฉันเองก็จะช่วย”
สายตาของริปเปิลมองมาที่ฉันโดยชัดเจนแล้ว
เหมือนว่าเธอกำลังคิดอยู่
ตัวเธอที่มีชีวิตอยู่ด้วยการต่อสู้ตลอดเวลานั้น
คงจะยากเวลาที่จะเจรจาไม่ก็จะถามอะไรสินะ
ไม่ใช่จากรูปลักษณ์ของเธอ
แต่ริปเปิลนั้นแข็งแกร่ง
เพราะเธอเองก็คือ เด็กสาวแห่งแครนเบอร์รี่ นี่นะ
ฉันให้ที่อยู่กับเบอร์โทรกับริปเปิลไป
จับมือกัน แล้วก็กระโดดออกจากดาดฟ้าไป
ฉันรู้สึกได้ถึงสายตาของริปเปิลจากด้านหลัง
เธอไม่ได้ปล่อยสัญชาตญาณในการต่อสู้ออกมา
แม้จะไม่ได้ต่อสู้ แต่จิตใจของเธอยังเฉียบคนอยู่ดีสินะ อย่างที่คิดไว้เลย
วันต่อมา สโนไวท์โทรหาฉัน
“บอกริปเปิลทำไมคะ!?”
มาตรงๆเลยสินะ
“ตั้งแต่เป็นพี่เลี้ยงเธอเนี่ย
ฉันคิดว่ามันเป็นความคิดที่ดีนะที่จะรู้จักเพื่อนๆของเธอบ้าง
ไม่คิดงั้นเหรอ?”
“อย่าทำแบบนั้น!”
เสียงของเธอดังขึ้น
จนใกล้จะตะโกนแล้ว
แม้ว่าเธอจะระวังไม่ให้ดังเกินก็ตาม
“ในทางตรงกันข้าม มันจำเป็นนะ
ถ้าเธอไม่สนใจคนที่อยู่ใกล้ตัว
เธอจะอยู่ในอันตรายได้ นอกจากนี้…”
ฉันหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็พูดต่อ
“…ฉันต้องรู้เหตุผลของเธอที่ต้องการแข็งแกร่งขึ้น
แต่เธอก็ยังไม่บอกฉันอยู่ดี”
“ฉัน ไม่จำเป็น ต้องบอกคุณค่ะ”
เสียงของสโนไวท์เบาลง
แม้ว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแค่เล็กน้อย
ฉันคิดว่าตอนนี้มันไม่ดีที่จะถาม
“ถ้าเธอบอกฉัน ฉันเองก็จะช่วยเธอได้
ถ้าไม่ ฉันเองก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน
เธอทำแบบนี้เพื่ออะไรงั้นเหรอ?
ฉันคิดว่าเธอไม่อยากให้ใครรู้
ดังนั้นฉันเองก็จะไม่บอกดินแดนเวทย์มนต์หรือคนอื่นเช่นกัน
ฉันขอสาบานในนามแห่งเมจิคัลเกิร์ล”
ฉันไม่คิดว่ามันแย่นะที่สาบานในนามเมจิคัลเกิร์ลแบบนี้
เพราะฉันเองก็ไม่รู้ว่าสโนไวท์รู้สึกแบบไหนเหมือนกัน
“จำที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้ได้รึเปล่า?
ที่ว่าเธอยินดีที่จะสูญเสียเพื่อความแข็งแกร่งน่ะ?
บางทีคำว่า “สูญเสีย” มันคงแรงไปหน่อย
เอาล่ะ มาพูดกันอีกครั้งนะ
อะไรคือสิ่งที่เธอยินดีที่จะใช้ในการค้นหาความแข็งแกร่งกันล่ะ?
ใช่แล้ว เอาแบบนี้ดีกว่า
อะไรที่เธอยินดีจะทำเพื่อให้ได้ความแข็งแกร่งนั้นมา?
ถ้าเธอใช้แค่ตัวเองล่ะก็ มันก็จะหยุดอยู่แค่นั้น”
เธอเงียบ แต่ฉันก็ได้ยินเสียงเธอ
นั่นเป็นสัญญาณแล้วว่าเธอเริ่มยอมรับคำถามของฉันแล้ว
“ถ้าเธอไม่มีคู่ซ้อมล่ะก็ ถามริปเปิลสิ
ถ้าฉันเป็นเธอล่ะก็ ฉันจะใช้ประโยชน์จากพี่เลี้ยงที่ปิดปากทุกเรื่องแบบนี้
นี่เป็นเครื่องมือที่ดีีที่ใช้ฝึกฝนตัวเองได้
ฉันรู้ ว่าฉันไม่เหมือนแครนเบอร์รี่ที่เก่งเรื่องสู้
แต่ฉันเองก็เป็นเมจิคัลเกิร์ลคนนึง
เป็นคนที่รู้ว่าจะสอนเธอให้ดีกว่าแครนเบอร์รี่ได้ยังไง
ดังนั้นเพื่อความก้าวหน้าของตัวเธอแล้ว
ฉันคิดว่าตัวเองมีคุณสมบัติพอ”
ฉันใช้เวลาพักหายใจอยู่ครู่นึง
“ได้โปรดใช้ฉันเถอะ สโนไวท์
แต่ก่อนหน้านั้น
บอกฉันทีว่าทำไมเธอทำแบบนี้?
ทำไมเธอต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น?
ถ้าฉันรู้เหตุผล ฉันก็จะช่วยในแบบที่ถูกต้องได้”
“ฉัน…”
เสียงของเธอนั่นนิ่ง ไม่อ่อนแอ แต่นิ่งเงียบ
การที่จะคุยกับใครคนอื่น
คนที่ต้องการให้เข้าใจสถานการณ์
ต้องให้ตัวเธอพูดออกมาเอง แบบนี้ดีแล้ว
“ฉันจะได้อะไรจากการใช้ตัวคุณงั้นเหรอคะ?”
“ทำไมล่ะ ฉันเป็นพี่เลี้ยงของเธอนี่
แม้กระทั่งในโลกมนุษย์ เธอน่าจะรู้นะ
ว่านักเรียนก็จำเป็นต้องใช้ที่ปรึกษาให้เป็นประโยชน์ก่อนที่จะออกมาใช้ชีวิตในโลกจริงนี่นา
นั่นคือเหตุผล ถ้าเธอต้องการคำแนะนำของฉัน ฉันเองจะดีใจมาก
ไม่ต้องกังวลกับสิ่งที่ฉันคิดหรอก
ฉันรับงานนี้มาด้วยตัวเอง เลยเตรียมที่จะรับผลที่ตามมาแล้ว”
เธอไม่ได้อะไรตอบกลับมา แต่ฉันเองก็ไม่ได้รอคำตอบนั้น
“ให้ฉันรู้สิ่งที่เธอตัดสินใจด้วยแล้วกันนะ”
แล้วฉันก็วางสายไป
วันต่อมา
มีเหตุการณ์บางอย่างที่ไม่ปกติเกิดขึ้น
สโนไวท์ได้สู้กับริปเปิล
เพราะเวทมนต์ของฉันทำงาน
จึงไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย
แบบนี้ก็ไม่เข้าใจว่าทั้งคู่พูดอะไรกันพอดี
แต่ฉันก็เห็นทั้งคู่กำลังโต้เถียงกันอย่างรุนแรง
เหตุผลที่โต้เถียงกันนั้น
สำหรับฉันที่เคยคุยกับทั้งคู่แล้ว
คิดได้ง่ายๆเลยว่าพูดถึงเรื่องอะไรกันอยู่
สโนไวท์ต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น เธอจะเอาตัวเองเข้าสู่สนามรบ
แต่เธอโน้มน้าวริปเปิลไม่ได้ เพราะสำหรับริปเปิล การต่อสู้ของเธอมันจบลงแล้ว
ริปเปิลนั้นว่าอะไรคือสิ่งที่ดีสำหรับสโนไวท์
ก่อนหน้านี้ สโนไวท์เองก็คิดถึงริปเปิลตลอด
ก่อนหน้านี้ ทั้งคู่ไม่เคยโต้เถียงกันเลย
แต่ตอนนี้ สโนไวท์นั้นดูโกรธ
มันต่างจากสิ่งที่ฉันเห็นตอนสัปดาห์ที่แล้วจริงๆแหะ
คนเดียวที่สโนไวท์เชื่อใจได้นั้นคือริปเปิล
แต่ก็ทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว
ทั้งสองถกเถียงกันอยู่ไม่จบไม่สิ้น
และสโนไวท์ก็หันหลังให้ริปเปิล และไม่ได้โบกมือให้อย่างปกติ
คงจะไม่ได้ข้อสรุปกันสินะ
ในตอนนั้นฉันตัดสินใจติดต่อหาริปเปิล
“สวัสดี ริปเปิลใช่ไหม? นี่เฟรเดริก้าเองนะ”
“…อ่า สวัสดี”
“สโนไวท์เป็นยังไงบ้าง? เธอได้บอกเหตุผลรึเปล่า”
ริปเปิลไม่ได้ตอบ
ลองคิดดูแล้ว เวลาที่ติดต่อมานี่ก็เหมาะเจาะพอดีเลย
คงเหมือนกับว่าฉันแอบมองดูเธอจากที่ไหนซักแห่ง
เธอเลยมองดูไปรอบๆตัว มันดูน่าแปลกสำหรับเธอสินะ
สำหรับริปเปิล
ฉันเป็นคนที่ไม่น่าไว้ใจ
แต่ฉันมั่นใจว่าสโนไวท์จะบอกเหตุผลของเธอให้ริปเปิลฟัง
“ฉันเป็นห่วงสโนไวท์น่ะ”
“…เป็นห่วง?”
“เป็นห่วงสิ! ถ้าสโนไวท์ยังเป็นแบบนี้ต่อไป
เธอจะเหมือนกับพวกตัวอันตรายหลายคนๆ
เธอต้องการที่จะหาความแข็งแกร่งโดยไม่มีคนสอนเรื่องขีดจำกัดของตัวเอง
แบบนี้มันจะทำให้ชีวิตของเธอตกอยู่ในอันตรายเอาได้”
ขณะที่ฉันถือเมจิคัลโฟนด้วยมือขวา
มือซ้ายของฉันก็จัดการกับลูกแก้ว
ฉันเห็นริปเปิล ดูเหมือนเธอกำลังกินยาอะไรซักอย่างที่ขมมากๆอยู่
“เห็นอยู่ว่าฉันพูดอะไรกับเธอไม่ได้
แต่ไม่ใช่กับเธอ ริปเปิล
เธอสามารถแนะนำสโนไวท์ได้
อย่าพยายามหยุดตัวสโนไวท์ไว้แค่นั้นเลย
แต่ให้นำทางเธอไป เพื่อไม่ให้เธอทำอะไรที่เสี่ยง
เธอคิดว่าตัวเองทำได้ไหม?”
ฉันรู้คำตอบอยู่แล้ว
สโนไวท์จะไม่หยุดแม้ริปเปิลจะถามเธอแล้ว
เพราะแบบนั้น ฉันจึงนำเธอมาในทางนี้
สีหน้าของริปเปิลนั้้นดูไม่มีความรู้สึกอะไร
ฉันพอใจกับผลลัพธ์นี้แล้ว เลยปิดเมจิคัลโฟนและลูกแก้วไป
ถ้าปล่อยเธอไปแบบนี้
สโนไวท์ก็จะทำอะไรด้วยตัวเอง
เธอจะเริ่มทำสิ่งที่อันตราย ซึ่งฉันเองก็เป็นห่วง
ถ้ามันเกิดขึ้นกับเธอ เธอคงจะตายเข้าซักวันแน่ๆ
มันคงดีกว่าถ้าไม่ปล่อยให้เธอทำอะไรเสี่ยงๆ
ถ้าจะทำแบบนั้น ริปเปิลต้องให้คำแนะนำแก่สโนไวท์
เพื่อจะให้เธอมีโอกาศรอดมากขึ้น
หลังจากที่ฉันฝังความคิดนั้นไว้ในหัวริปเปิลแล้ว
เธอคงเข้าใจว่าต้องทำอะไรต่อไป
แล้วฉันก็ติดต่อหาสโนไวท์
“สวัสดีสโน นี่เฟรเดริก้านะ”
“…คะ?”
เสียงของเธอสั่นไหว
อ่า คงร้องไห้สินะ
ฉันไม่ต้องใช้ลูกแก้วดูเรื่องนี้หรอก
ฉันเริ่มที่จะพูดเรื่องเล็กๆน้อยๆกับเธอก่อน
“ที่โรงเรียนเป็นไงบ้าง? สอบผ่านไหม?”
หลังจากนั้น
ฉันก็พูดทุกๆเรื่อง และให้คำแนะนำอะไรกับเธอไปบ้าง
จนสโนไวท์เริ่มพูดตอบ
“เอ่อ…”
เสียงนั่นมันเต็มไปด้วยความกังวล
ฉันเลยถามกลับไป
“อะไรเหรอ?”
ฉันพูดตอบไปด้วยเสียงที่อ่อนโยน
เสียงนั่นเหมือนกับ เสียงของเด็กจากอีกฟากนึงที่อยากจะเป็นอิสระ
ฉันไม่ต้องเปิดประตูบานไหนอีกแล้ว
ถ้าเธอเปิดมันด้วยตัวเอง
ส่วนของฉันไม่มีอะไรให้ทำอีกต่อไป
ตอนนี้ก็ได้เวลาที่มาดูผลลัพธ์
ฉันคิดว่าถ้าไม่ใช่วันนี้ ก็คงเป็นวันพรุ่งนี้ ไม่ก็วันต่อไป
วันที่เธอจะพูดออกมา…
…คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปตลอด
แต่ฉันก็ไม่ได้ตกใจอะไร ยังทำตัวเหมือนเดิม
สุดท้าย หลังที่ที่สโนไวท์เงียบไป 2 นาทีก็เริ่มจะพูดออกมาแบบตะกุกตะกัก
“ถะ…ถ้ามีเมจิคัลเกิร์ลคนอื่นที่เหมือนแครนเบอร์รี่อีกล่ะก็
ฉันจะหยุดพวกเขาค่ะ
ฉันไม่อยากให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีกแล้ว
ฉันจะขัดขวางเรื่องร้ายแรงไม่ให้เกิดขึ้นบนโลกใบนี้
เพื่อการนั้น ฉันจำเป็นต้องแข็งแกร่งขึ้นค่ะ”
เหตุผลของสโนไวท์นั้นเป็นเหตุผลที่ฉันเองก็เห็นด้วย
แม้ว่าเธอจะถูกจับตามองอยู่
แต่ระบบของดินแดนเวทย์มนต์เองก็ไม่ได้เข้มงวดมากมาย
จะพูดแบบนี้กับพวกนั้นก็คงแย่น่าดู
แต่ว่าทางที่จะตรวจดูคนอื่นน่ะ มันควรที่จะอยู่ใกล้ชิดกับคนๆนั้นจะดีกว่านะ
มากกว่าร้อยปีแล้ว ระบบก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
ทำไมถึงมีเมจิคัลเกิร์ลแบบ เด็กสาวแห่งแครนเบอร์รี่ เกิดขึ้นมาอีก?
ในฐานะที่เป็นพี่เลี้ยงของเธอ
ฉันจะให้ความร่วมมือมากเท่าที่จะทำได้
เมื่อพูดถึงการทำสิ่งชั่วร้าย
สโนไวท์นั้นแตกต่างจากริปเปิล
ริปเปิลนั้นเกลียดคนอื่น
ในขณะที่สโนไวท์นั้นเกลียดตัวเอง
คนอย่างริปเปิล ที่เกลียดคนที่ทำชั่ว
ไฟแห่งความโกรธจะลามอย่างรวดเร็ว
จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังคงเห็นมันยังอยู่ในตัวของริปเปิล
แต่คนแบบสโนไวท์ ไฟนั้นจะลุกไปตลอดกาล
ฉันหายใจเข้าลึกๆ
เว้นจังหวะไปสักครู่ให้ดูเหมือนว่าตกใจคำพูดของสโนไวท์
ฉันทำเหมือนว่ามันเกินจะรับไหว
ถ้าแสดงออกน้อยกว่านี้ เธอคงสงสัยเอาได้
ใช่แล้ว
ฉันมีข้อสรุปอยู่แล้วว่าจะทำให้สโนไวท์แข็งแกร่งขึ้น
ด้วยบุคลิกและจิตใจ
เธออาจจะเป็น เมจิคัลเกิร์ลในอุดมคติ ของฉันเลยก็ได้
ซึ่งนั่นก็เป็นไปได้ว่า เธอจะปฏิรูปดินแดนเวทย์มนต์ซะใหม่
ในฐานะพี่เลี้ยงฉันรู้สึกว่า
นี่เป็นพรสวรรค์ที่ไม่ได้เจอมาเนิ่นนาน
แม้ตอนนี้พวกที่มีอำนาจอาจจะลงมาทำหน้าที่ แต่ตอนนี้ได้เวลาที่เหมาะสมแล้ว
ที่ไหนซักแห่ง
ดินแดนเวทย์มนต์ได้จับกุมเมจิคัลเกิร์ลเลวๆ 2 คน
พวกนั้นได้ถูกตราหน้าในเวลาเดียวกัน
และได้มอบฉายาอันเลวร้ายเพื่อกระจายความน่ากลัวของ 2 คนนั่น
ถ้าดินแดนเวทย์มนต์ทำแบบเดียวกับสโนไวท์ มันก็คงเหมือนกัน
หลังจากนั้น
ฉายาจะกลายเป็นสัญลักษณ์ และอยู่กับคนๆนั้นเป็นเวลาเนิ่นนาน
ปีศาจสีขาว?
ยมฑูตสีขาว?
ไม่สิ ดูไม่เข้ากัน แถมน่ากลัวเกินไปหน่อย
แต่ฉันก็ต้องคิดฉายาที่เหมาะสมสำหรับเธอไว้ด้วย
…นั่นคืองานสำหรับวันนี้ของฉัน
ฉันปิดเมจิคัลโฟนแล้ววางลงบนโต๊ะ แล้วเดินไปเปิดประตูบานเลื่อนที่ห้องครัว
ที่ห้องข้างๆ ฉันได้ยินเสียงพัดลมดัง วืออ วืออ อยู่ตลอด
ฉันก้าวผ่านประตูไป เท้าของฉันนั้นรู้สึกได้ว่ามันจมไปกว่าปกติ
ก็ตั้งแต่ปีก่อนแล้วนี่นะ ที่ห้องนี้เคยมีเสื่อทาทามิ บางทีก็คิดว่ามันยังอยู่ แต่ก็หายไปแล้ว
จนฉันเข้ามาในห้อง ความสุขทั้งหลายก็ทะยานเข้ามาสู่ตัวฉัน
กำแพงเหล็กทั้งด้านซ้ายและขวา
และตรงหน้าฉันก็มีชั้นหนังสือชั้นใหญ่ตั้งอยู่
ห้องนี้นั้นได้ถูกปรับปรุงหลังใหม่จากเกิดเหตุแผ่นดินไหวทำลายไป
ตอนนี้ฉันมั่นใจว่าถ้าเจอภัยอะไรอักก็คงไม่พังแล้ว
มีแฟ้มอยู่ที่ชั้นหนังสือ เรียงตามตัวอักษร
ฉันเจาะจงมาอันนึงแล้วเปิดออก
ที่แฟ้มนั้นมีเส้นผมอยู่เส้นนึง
เส้นผมบางๆสีน้ำตาลเข้ม
นี่เป็นหนึ่งในคอลเลคชั่นของฉัน
มองดูรอบๆเส้นผมเส้นนั้น
ความทรงจำต่างๆก็แล่นเข้ามาในหัว
ความทรงจำจากหลายช่วงเวลามันหวนกลับมาอีกครั้ง
แต่ถ้าฉันยังเก็บเส้นผมนี้อยู่ ฉันเองก็จะก้าวไปข้างหน้าไม่ได้
แม้เธอจะเคยเป็นหนึ่งในนั้น
แต่ตอนนี้ ตัวฉันสนใจแต่สโนไวท์
ฉันหยิบเส้นผมออกมา
เอาแฟ้มกลับไปไว้ที่เดิมแล้วก็เดินไปที่ถังขยะ
เอาเท้าไว้บนที่เหยียบเพื่อเปิดฝาถัง
แล้วก็นำไปใส่ในนั้น
พอฉันทำแบบนั้นมันก็รู้สึกเศร้า
อ่า… น่าอายจังเลย
——————————————————————————————————————————-
ฉันสงสัยว่าสองคนนั่นคุยเรื่องอะไรกันนะ พลาดไปซะแล้วด้วยสิ
แต่ก็ไม่ได้อยากรู้อะไรมากมาย
ตอนนี้ ฉันสนใจเรื่องฝึกซ้อมต่อสู้มากกว่า
แม้จะเรียกว่าซ้อม
แต่ก็ไม่ได้มีอะไรแบบที่วิ่งๆ หรือกระโดดไปมา
ตอนนี้ริปเปิลสอนสโนไวท์เรื่องการเตะ ต่อย และขว้างแบบถูกวิธี
สโนไวท์นั้นมีความว่องไวไม่มากเท่าริปเปิล
ริปเปิลนั้นดูโล่งใจ
สโนไวท์ยังคงอ่อนแอกว่าริปเปิล
การเคลื่อนไหวของเธอนั้นช้ากว่าริปเปิล
เธอไม่มีทักษะการต่อสู้แบบริปเปิลเลย
ในอีกแง่ คือเธอเอาชนะริปเปิลไม่ได้นั่นเอง
ถ้าเป็นแบบนี้
สโนไวท์คงไม่ควรจะเข้าสู่สนามรบ
ไม่ควรที่จะต่อสู้
แต่สโนไวท์ก็ไม่ใช่พวกที่จะยอมแพ้ง่ายๆ
ฉันคิดว่าพอเวลาผ่านไปเมื่อสโนไวท์พัฒนาขึ้น
ริปเปิลคงจะระมัดระวังเรื่องความปลอยภัยน้อยลงแน่
ฉันรู้สึกโล่งใจ
เพราะเรื่องความตั้งใจของสโนไวท์
บางครั้งที่ต่อสู้กันเธอถูกเล่นงานจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น
แม้ชุดสีขาวบริสุทธิ์ของเธอจะเปื้อน
ใบหน้าเธอก็ไม่ได้สูญเสียความมั่นใจแต่อย่างใด
ตัวเธอนั้นลุกขึ้นสู้ทุกครั้ง
อ่า น่ารักจัง
ความสามารถที่แตกต่างกันนั้นเห็นได้ชัดเจน
ริปเปิลนั้นรอดมาจากการทดสอบอันโหดร้ายของแครนเบอร์รี่มาได้
รอยแผลของเธอนั้นมาจากการต่อสู้ ไม่เหมือนกับสโนไวท์
เหมือนความสามารถของเธอนั้นไม่ใช่ของจริง
แต่สโนไวท์นั้นมีความตั้งใจที่จะล้มริปเปิล
ถึงจะมีช่องว่างระหว่างทักษะการต่อสู้
สโนไวท์เองก็มีความเฉลียวฉลาดอยู่แล้ว
ฉันเองก็ดูตัวเธออยู่ตลอด
การเคลื่อนไหวของเธอนั้นมันเร็วขึ้นเรื่อยๆ
แต่ก็ยังถมช่องว่างนั้นไม่ได้อยู่ดี
ฉันตั้งใจมองดูท่าทางของเธอ
ฉันเห็นอารมณ์ที่อยู่ภายใต้ท่าทางนั้น
ไม่ใช่แค่นั้น ฉันยังเห็นความใจร้อนอีกด้วย
แต่ความใจร้อนนั้นถูกต้องแล้ว
เธอต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น
เธอต้องพัฒนาตัวเองอย่างรวดเร็ว
เธอต้องก้าวข้ามความอ่อนแอให้ได้
แม้จะสู้ริปเปิลไม่ได้ แต่สโนไวท์ก็ไม่ยอมแพ้
ถึงริปเปิลจะฝึกซ้อมกับสโนไวท์ทุกครั้ง
แต่ใจจริง เธอเองไม่ได้ต้องการให้สโนไวท์แข็งแกร่งขึ้น
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมฉันถึงติดต่อเธอหลังจากที่ฝึกเสร็จแล้ว
“ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะร่วมมือกับเธอนะ”
ฉันก็ได้ยินเสียงหอบจากอีกฝั่งของโทรศัพท์
“ขอบคุณค่ะ! ขอบคุณมากๆเลยค่ะ!”
และได้ยินคำพูดขอบคุณตอบกลับมา
“อ่า ไม่เป็นไรหรอก จำสิ่งที่ฉันพูดไว้นะ
ในฐานะพี่เลี้ยง ฉันต้องการให้เธอใช้ตัวฉันเป็นเครื่องมือเพื่อพัฒนาตัวของเธอเอง
ฉันหวังแบบนั้นนะ”
ฉันมองดูสโนไวท์ผ่านทางลูกแก้วของฉัน
หน้าของสโนไวท์นั้นเต็มไปด้วยความสุข
เหมือนว่าเธอจะอยู่ที่ตึกระฟ้า ใกล้ๆกับชายหาดสินะ
“ฉันจะสอนเคล็ดลับเรื่องความแข็งแกร่งให้เอง
ขอให้จำไว้ด้วยนะว่า
ขั้นแรกเธอต้องเพิ่มเวลาในการอยู่ในร่างเมจิคัลเกิร์ลให้มากขึ้น
ลดเวลาที่อยู่ในร่างมนุษย์ให้น้อยลง
แม้ว่าจะอยู่คนเดียวเธอก็ควรจะอยู่ในร่างเมจิคัลเกิร์ล”
ความสามารถของมนุษย์และเมจิคัลเกิร์ลนั้นต่างกัน
เมื่อเราพยายามที่จะเรียนรู้อะไรบางอย่าง
ถ้าอยู่ในร่างของเมจิคัลเกิร์ลนั้นจะเรียนรู้ได้เร็วกว่า
ชีวิตของฉันในร่างมนุษย์มีเหตุให้ทำแบบนั้นไม่ได้
ถ้าไม่มีล่ะก็ การเป็นเมจิคัลเกิร์ลมันดีกว่าอยู่แล้ว
พอมองจากลูกแก้ว
ฉันเห็นสโนไวท์กำลังเริ่มจดโน๊ตอยู่
ความไร้เดียงสาของเธอนี่มันช่างน่าเอ็นดูจริงๆ
เด็กที่เชื่อฟังกันแบบนี้ และเรื่องที่ต้องการความแข็งแกร่งอีก
มันทำให้เธอช่างน่ารักจริงๆ
“ชีวิตร่างมนุษย์น่ะเป็นแค่ข้ออ้าง
เธอต้องเชื่อในการเป็นเมจิคัลเกิร์ล
ไม่ใช่แค่คิด แต่เธอนั้น ต้องเชื่อ
นอกจากนี้ไม่ว่าตอนที่เป็นเมจิคัลเกิร์ลหรือมนุษย์ก็ตาม
เธอต้องจำลองการต่อสู้ซ้ำๆในหัวของตัวเองด้วย
และต้องทำให้จริงจรัง ไม่ใช่แค่คิด แต่ต้องเชื่อว่านั้นเป็นการต่อสู้จริงๆ
เชื่อว่านั้นเป็นการต่อสู้ที่ตัดสินความเป็นความตาย
จำเอาไว้ด้วยว่า ศัตรูของเธอน่ะ ฆ่า เธอแน่ๆ”
ฉันรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้สำหรับริปเปิล ที่จะทำเรื่องโหดร้ายกับสโนไวท์
แต่นั่นไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้
ความแข็งแกร่งขั้นสุดของเมจิคัลเกิร์ลนั้นคือจินตนาการ
ในข้อมูลของแครนเบอร์รี่ สโนไวท์นั้นถูกเขียนไว้ว่า ‘เป็นพวกชอบฝันกลางวัน’
แครนเบอร์รี่เป็นเมจิคัลเกิร์ลพวกที่กระหายการต่อสู้
เป็นคนที่ต้องการแค่การต่อสู้เพื่อให้ตัวเองพอใจเท่านั้น
แถมฟาฟเองก็เป็นมาสคอตที่เถรตรง มองไม่เห็นคนที่มีความสามารถแฝงอยู่
ฉันจะไม่ทำผิดพลาดซ้ำอีก
จินตนาการของสโนไวท์นั้นไม่ได้อ่อนแอ
คงเพราะเธอคงเชื่อมั่นในบางสิ่ง
ด้วยเหตุนั้น
ฉันจะทำให้เธอกลายเป็นคนในอุดมคติ
เมจิคัลเกิร์ลผู้มิอาจถูกทำลายได้
เป็นวิธีคิดดั้งเดิม แต่ไม่เป็นไรหรอก
วิธีการของฉันได้ผลกับการฝึกของสโนไวท์แน่ๆ
“เธออาจสงสัยก็จริง แต่ไม่ต้องหรอก
เธอควรจะจริงจังกับเรื่องนี้นะ
จำไว้ว่า พวกเราคือเมจิคัลเกิร์ล พวกข้อจำกัดของมนุษย์นั้นมันไร้สาระสิ้นดี
และนั่นคือทำไมเธอถึงต้องจริงจังกับมัน”
เมจิคัลเกิร์ลจะแข็งแกร่งขึ้นด้วยการทำอะไรที่ไม่เข้าท่า
อย่างเช่นแครนเบอร์รี่
“ด้านฝั่งมนุษย์เองก็เหมือนกัน
เธอยังเป็นนักเรียนอยู่ใช่ไหม?
เธอต้องเรียนรู้ก่อนจะสอบใช่ไหมล่ะ?
เธอคงไม่คิดใช่ไหมว่าจะเก่งได้โดยไม่ต้องเรียนรู้อะไรน่ะ?
ถ้าอยากจะเรียนจบด้วยคะแนนสูงๆล่ะก็
เธอต้องเลือกระหว่างสิ่งที่สำคัญกับไม่สำคัญ
นี่เองก็เหมือนกันนะ”
น่าแปลกใจจัง ดูเหมือนพวกนี้จะเข้ากับสโนไวท์นะเนี่ย
สโนไวท์นั้นเขียนทุกอย่างที่ฉันพูดให้เธอฟังลงไป
ทุกอย่างที่ฉันพูดเรื่องทำยังไงถึงจะแข็งแกร่งขึ้น
เธอไม่ได้ถามอะไรฉันเลย
ตอนที่ฉันขอโทษเรื่องที่ไม่ได้มาดูเธอตอนฝึกซ้อมนั้น
เธอก็บอกฉันว่าคู่ต่อสู้คือริปเปิลนั่นเอง
ใช่ ฉันรู้อยู่แล้วล่ะ
“ขอบคุณมากค่ะ!”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันอยากทำอยู่แล้วน่ะ”
“ขอให้ฉันได้ขอบคุณเถอะค่ะ
…ขอบคุณ
…ขอบคุณมากจริงๆค่ะ
…คุณ
…คุณช่วยชีวิตฉันไว้เลยนะคะ”
ฉันกุมมือขวาตัวเองอยู่ที่อก
เมื่อฉันเห็นท่าทางของสโนไวท์
หัวใจฉันก็เต้นระรัวขึ้นมา
ทำไมเด็กคนนี้ถึงได้น่ารักเหลือเกิน?
เพราะแบบนี้งั้นเหรอ
เธอถึงได้ถูกคนอื่นปกป้องในตอนการทดสอบของแครนเบอร์รี่น่ะ?
อ่า นี่เธอเป็นเมจิคัลเกิร์ล หรือคนที่ชอบยั่วยวนคนอื่นกันแน่นะ?
——————————————————————————————————————————-
จะว่าไป สโนไวท์นี่ก็ค่อยๆเรียนรู้ทีละเล็กละน้อยจากริปเปิลนี่นะ
เรียนรู้ทุกๆอย่างที่ได้รับมา
แม้ทักษะการต่อสู้นั้นยังไม่เปลี่ยน
แต่ความคิดของเธอก็เฉียบคมขึ้น
และความคิดหนึ่งก็นำตัวเธอไปยังจุดหมาย
สโนไวท์จดโน๊ตทุกอย่างที่ฉันสอนเธอไป
ในวันๆหนึ่งของเธอนั้น เธอจินตนาการ คิด และเชื่อมั่น
ไม่ใช่แค่ 1 2 หรือ 3 ชั่วโมง
แต่เป็นทุกๆวัน
เวลาปกติที่เธอควรจะนอนหลับ
เธอใช้มันเพื่อการฝึกฝนเมจิคัลเกิร์ล
เธอไม่ทำอะไรของมนุษย์ที่ไม่จำเป็น
เมจิคัลเกิร์ลนั่นมุ่งมั่นที่จะแข็งแกร่งอยู่เสมอ
หลังจากกลับมาที่บ้าน เธอก็ครุ่นคิด
หลังจากงานของเมจิคัลเกิร์ลเสร็จสิ้น เธอก็ครุ่นคิด
หลังจากทานข้าวเช้า เธอก็ครุ่นคิด
เธอคิดเรื่องต่อสู้ตลอดเวลาในใจของเธอ
ความรู้สึกที่กำลังจะแข็งแกร่งขึ้นเป็นความรู้สึกที่น่าตื้นเต้นที่สุดบนโลกใบนี้
ฉันรู้เพราะฉันเคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน
เหมือนเธอจะดูสนุกสนานดีนะ
สำหรับริปเปิลนั้น เธอเองคงรู้สึกสับสน
เพราะสโนไวท์นั้นเป็นคนที่เธอควรจะปกป้อง
ไม่เคยคิดเลยว่าสโนไวท์จะกลายมาเป็นคู่ซ้อมของตัวเอง
เธอหยิ่งก็จริง แต่ก็ไม่เป็นไรถ้าสโนไวท์ไม่คิดมาก
บางทีพวกเธอคงสนิทกันอยู่แล้ว
แต่เมื่อริปเปิลสับสนเมื่อไหร่ รูปแบบการสอนของเธอนั้นก็เปลี่ยนไป
ไม่เหมือนกับการที่เธอพูดคุยกับเด็ก
แต่เหมือนกับครูที่สอนนักเรียนมากกว่า
แต่ถ้าเปรียบเทียบแบบนั้น
ก็เท่ากับบทเรียนที่สอนนั้นก็เหมือนกับสิ่งที่เด็กอนุบาลเรียน
ง่ายๆ แต่ดีพอสำหรับสำหรับสโนไวท์
ตอนนี้ก็ไม่เป็นอะไรหรอก
เมจิคัลเกิร์ลนั้นแตกต่างกับมนุษย์
แม้จะเป็นเรื่องแค่เตะก็ตาม มันอาจจะกินเวลาของมนุษย์ไปหลายปี
ถ้าเป็นเมจิคัลเกิร์ลล่ะก็เรียนรู้ได้เร็วกว่านั้นมาก
ตอนแรก
ฉันคิดว่าริปเปิลนั้นไม่ได้อยากให้สโนไวท์แข็งแกร่งขึ้น
แต่ตอนนี้มันไม่ใช่
เหมือนเธอจะรู้สึกดีที่เห็นสโนไวท์มีความสุข
บางทีฉันคงคิดถูกนะ
ฉันเปิดแฟ้มออกมา
เพิ่มภาพใหม่ๆลงไปในคอลเลคชั่น
แล้วฉันก็ใส่โน๊ตสั้นๆลงไป
“คงต้องบำรุงเส้นผมของเด็กคนนี้อีกหน่อยนะ”
ฉันใส่โน๊ตไปแบบนั้น
มองไปที่สโนไวท์ใน ‘ร่างสมบูรณ์’
มันขาดอะไรไปกันนะ?
ผมอันสลวย นุ่มนิ่ม สีทอง ที่พันอยู่รอบนิ้วของฉัน
มันทำให้คิดอะไรได้บางอย่าง
ใช่แล้ว
ระยะและพลังโจมตีของเธอนั่นเอง
ไม่ว่าเธอจะฝึกแค่ไหน
เธอก็ยังก้าวข้ามไปไม่ได้
ตัวสโนไวท์ไม่ได้จินตนาการไปในทางนั้นสินะ
ฉันวางแฟ้มลงบนโต๊ะและหยิบเมจิคัลโฟนขึ้นมา
ฉันยังมีสิ่งที่ไม่แน่ใจที่อยู่ในการทดสอบของแครนเบอร์รี่อยู่
ฉันรอจนกระทั่งพวกเธอฝึกซ้อมกันเสร็จแล้ว
จนกระทั่งทั้งสองแยกย้ายกัน ฉันก็ติดต่อไปหาริปเปิล
“สวัสดี ริปเปิลใช่ไหม? นี่เฟรเดริก้าเองนะ
พอดีมีอะไรอยากจะถามซักหน่อยน่ะ
เธอพอจะตอบได้รึเปล่า?”
“…ได้”
“ตอนที่อยูในการทดสอบของแครนเบอร์รี่
พวกเธอมีไอเทมเวทมนต์ของดินแดนเวทย์มนต์ใช่ไหม?
ฉันคิดว่ามันเป็นกระเป๋ากับพวกอาวุธนี่? พวกนั้นไปอยู่ไหนหมดล่ะ?”
“พวกเราเก็บไว้…
พวกเรา…
ชั้นกับสโนไวท์…
ใช่…
…เก็บมันไว้”
คำพูดของเธอขาดๆหายๆ แถมยังพูดติดๆขัดๆ
เห็นได้ชัดว่าเธอไม่อยากบอกฉัน
บางที เธอคงไม่อยากจะจดจำความทรงจำในตอนนั้น
“เธอเก็บมันไว้อยู่สินะ
ฉันคิดว่ามันคือ… กระเป๋า 4 มิติ, ผ้าคลุมล่องหน, ยารักษา, อุ้งเท้ากระต่าย แล้วก็อาวุธ
ทั้งหมด 5 ชิ้นใช่ไหม?”
“ใช่…”
“บอกได้ไหมว่าอะไรอยู่ที่ใครน่ะ?”
“ชั้น…มีกระเป๋า อาวุธ แล้วก็ผ้าคลุม
ส่วนสโนไวท์มีอุ้งเท้ากระต่าย…
เรื่องก็ยานั้น…ชั้นคิดว่าชั้นกินไปหมดแล้ว
คงไม่มีเหลืออีก”
งั้นเหรอ ริปเปิลมีไอเทมอยู่เยอะสิเนี่ย
“เธอเก็บไว้เป็นกองกลางงั้นสินะ?”
“…ใช่”
“งั้นเธอสองคนยืมไอเทมระหว่างกันด้วยใช่ไหม?”
“…ถามทำไมเนี่ย?”
“ถ้าสโนไวท์อยากสู้ล่ะก็
เธอเรียนรู้วิธีใช้ของพวกนั้นไว้ดีกว่าไม่ใช่เหรอ?”
“งั้นคุณก็ไม่ได้ค้านเรื่องที่สโนไวท์อยากสู้น่ะสิ?”
ด้วยโทนเสียงแบบนี้
ก็ยิ่งชัดเจนว่าเธอไม่ได้อยากให้สโนไวท์ต่อสู้
ถึงเธอจะยิ้มตอนฝึกกับสโนไวท์ก็ตาม
พวกเธอเป็นเพื่อนกัน
ดังนั้นก็เป็นเรื่องปกติของเพื่อนที่จะเห็นเพื่อนมีความสุข
แต่เนื้อแท้ของเธอไม่ได้เปลี่ยนไป
ก่อนที่การทดสอบจะจบลง
ริปเปิลนั้นฆ่าคน ที่ฆ่าเพื่อนของตัวเอง
เธอรู้สึกผิดในความตายของเพื่อนตัวเอง
ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการให้เพื่อนของตัวเองตกอยู่ในอันตรายอีก
เธอแบบรับบาปนั้นด้วยตัวเอง
แม่แต่ตอนนี้มันก็คงตามหลอกหลอนเธออยู่
ริปเปิลคงไม่ทนถ้าเพื่อนตัวเองตกอยู่ในอันตราย
“สิ่งที่ฉันค้านก็คืออะไรที่สโนไวท์ทำตามใจตัวเอง
ถ้ามีสิ่งที่เธออยากทำแล้วฉันเห็นด้วย ฉันก็จะช่วยเอง”
“คุณก็รู้ใช่ไหมว่า ตัวสโนไวท์เองก็เจออันตรายได้นี่?”
“อันตรายส่วนใหญ่ที่จะเจอน่ะ พลังของเธอก็หาเจอได้หมดแหละ”
หลังจากนั้น เสียงของเธอก็แผดออกมา
“เธอ ไม่ใช่ ทหารซักหน่อย!”
“นั่นเป็นสิ่งที่สโนไวท์ตัดสินใจ ไม่ใช่เธอนะ”
หลังจากนั้น ริปเปิลก็วางหูโทรศัพท์ไป
นี่ไม่คิดที่จะปิดอารมณ์ตัวเองเลยสินะ
บางทีเพราะความผิดของเธอ จึงทำให้ตัวเองยอมฝึกกับสโนไวท์
ริปเปิลเองนั้นแพ้ทางกับท่าทีอ้อนวอนของสโนไวท์…
จนกระทั่งเธอเติมเต็มความปรารถนาของสโนไวท์
ใช่ ฉันพูดกับเธอไปก่อนหน้านี้แล้ว
มันจะดีกว่าท่าริปเปิลนำทางสโนไวท์ไปเอง
แบบนั้นสโนไวท์ก็จะไม่อ่อนแอ
แต่สิ่งที่ทำให้ริปเปิลฝึกสโนไวท์นั้นคือน้ำตาของเธอ
ความสิ้นหวังของสโนไวท์ที่ทำอะไรเพื่อช่วยเพื่อนของตัวเองไม่ได้เลย
ริปเปิล คนที่หวงแหนเพื่อนของตน
เธอคงไม่อยากเห็นสโนไวท์เป็นแบบนั้น
นั่นคือริปเปิลในตอนนี้
ฉันหยิมแฟ้มขึ้นมา และเปิดหน้าไปด้วยหัวใจที่เต้นรัว
และฉันก็จินตนาการถึงสโนไวท์ใน ‘ร่างสมบูรณ์’
ความแข็งแกร่งของแครนเบอร์รี่
ความสามารถทางกายภาพ และเวทย์อันทรงพลัง
นั้นถูกหนุนความรู้และประสบการ์ณในการต่อสู้
ในการต่อสู้ระหว่างเมจิคัลเกิร์ล
เราต้องรู้จุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง
นั่นคือกุญแจที่นำไปสู่ชัยชนะ
สโนไวท์นั้นขาดประสบการณ์ไม่ก็ความรู้ซึ่งต่างกับแครนเบอร์รี่
ด้วยพลังของเธอ ‘ได้ยินเสียงของคนที่ตกอยู่ในปัญหา’
ในการทดสอบ
เธอสามารถเจอศัตรูที่ซ่อนอยู่ ด้วยการฟังเสียงหัวใจพวกนั้น ถ้ามันมีความเครียดเกิดขึ้น
เธอเองก็น่าจะบอกริปเปิลเรื่องที่ว่าฟาฟนั้นถูกฆ่าโดยอาวุธของดินแดนเวทมนตร์ได้
เพราะเธอได้ยินความเครียดของฟาฟเมื่อมันเห็นอาวุธ
ใช่แล้ว ถ้าไม่รู้ความสามารถของพลังตัวเอง
เธอคงไม่ได้อยู่จนเห็นศัตรูคนสุดท้าย
แต่ถ้าเธอรู้ล่ะก็ บางทีเธออาจจะเข้าใกล้แครนเบอร์รี่ก็ได้
มากกว่านั้นคือเลือกใช้ไอเทมทั้ง 4 ไปตามสถานการณ์
จนถึงตอนนี้พอฉันอ่านจบ
สโนไวท์ก็กลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่ไร้เทียมทานที่สุดในประวัติศาสตร์ภายในหัวฉันแล้ว
ฉันรู้สึกพอใจแล้วจึงวางแฟ้มลงและลุกขึ้นยืนเพื่อนยืดหลัง
___________________________________________________________________
อย่างที่คิด ริปเปิลไม่หยุดเรื่องของสโนไวท์จริงๆด้วย
เธอจัดความสำคัญให้กับสโนไวท์ซึ่งมันตรงข้ามกับความต้องการของตัวเอง
เหมือนกับมนุษย์ที่จับดาบขึ้นสู้
นั่นก็เหมือนกับตัวริปเปิล
เท่าที่รู้ ริปเปิลนั้นยังคงไม่ชอบใจตัวฉัน
เมื่อสโนไวท์ต่อยและเตะไปที่ตัวริปเปิล
ขาของสโนไวท์โดนริปเปิลจับได้
แล้วก็โดนเหวี่ยงลงไปที่พื้น
บิดแขนขวาสโนไวท์ แล้วเหวี่ยงไปที่พื้นแบบไม่แรงมาก
ทั้งสองคนก็แยกแล้วก็มาทำกันอีกครั้ง
ตอนนี้ สโนไวท์นั้นกระโดดก่อน
แล้วต่อยอย่างเต็มแรงจากจุดนั้น
ริปเปิลกันจุดนั้นได้
สโนไวท์เองก็สังเกตการเคลื่อนไหวของริปเปิลว่าเคลื่อนไหวยังไง
เพื่อให้ตัวเองได้รับความเสียหายน้อยที่สุด
สโนไวท์จำทุกอย่างที่ริปเปิลสอนได้
และเรียนรู้ไปไกลกว่านั้น
หลังจากที่ต่อยไปแล้ว สโนไวท์ก็เตะสูง
แล้วก็เหวี่ยงหมัดไปทางซ้ายของริปเปิล
เธอสร้างจุดบอดขึ้นมาเพื่อล้มริปเปิล
ใช้ประโยชน์จากตาของริปเปิลที่มองไม่เห็น
ไม่ใช่แค่ใช่สิ่งที่ตัวเองเรียนรู้มา
แต่ยังใช่สิ่งต่างๆให้เป็นประโยชน์ด้วย
ด้วยการรับรู้และความรู้ของนั้น
เธอเองก็โตขึ้นมากในเวลาเพียงเดือนเดียว
อีกหนึ่งเดือนให้หลังจะเป็นยังไงกันนะ?
แต่ยังไงหลังจากที่เธอกระโดดต่อยครั้งแรกไปแล้วก็ไม่ได้ผลอีก
นั่นไม่เป็นไร
ริปเปิลจะสอนการเคลื่อนไหวที่ถูกต้องให้เธอเอง
ฉันปิดลูกแก้วไป
สโนไวท์เติบโตขึ้นอย่างดงาม
แม้ฉันจะไม่ได้เอาใจใส่เธอเพราะมีหลายสิ่งที่ฉันต้องทำก็ตาม
ฉันก็ยังใช้เวลาของฉันไปกับเธอ
เหมือนกับมนุษย์
เมจิคัลเกิร์ลเองก็มีงานที่ต้องทำ
และงานของฉันก็เป็นหนึ่งในสื่งที่มีความสำคัญสูงสุด
สืบหาผู้เข้าร่วมในการทดสอบครั้งต่อไป
ในฐานะผู้สอดแนม
และในฐานะพี่เลี้ยง
ฉันค้นหาเมจิคัลเกิร์ลในอุดมคติของตัวเองมาตลอด
ฉันควรจะเอาเมจิคัลเกิร์ลเหล่านั้นมาแข่งกัน และเลือกหาคนที่ผ่าน
ด้วยไอเดียที่ว่า
ฉันจะเลือกคนที่สามารถกำจัดปีศาจได้
ตัวเอกที่ยืนหยัดอยู่ด้วยความยุติธรรม
ฉันเตรียมไว้แล้ว
การทดสอบครั้งต่อไปนั้นจะถูกกำหนดขึ้น
พอฉันเช็คเมจิคัลโฟนจะบอกว่า
เร็วๆนี้…
ฉันมองดูคนที่เข้าร่วมผ่านเมจิคัลโฟนของฉัน
พวกนั้นทำอะไรก็ติดๆขัดๆไปหมด //จนทำให้ฉันพูดว่า “อ้า! ยัยพวกนี้!”
ไม่มีเมจิคัลเกิร์ลคนไหนเลยที่ฉันเก็บผมพวกเธอเอามาเข้าคอลเลคชั่น
แต่อย่างน้อยก็คิดอะไรดีๆไว้ใช้ในการทดสอบครั้งต่อไปได้แล้ว
แต่ก็มีความคิดหนึ่งแว่บขึ้นมา
ถ้าทดสอบกันในสวนสนุกจะเป็นยังไงนะ?
ฉันจำดาดฟ้าที่เจอกับริปเปิลได้
ท่ามกลางบรรยากาศในตอนกลางคืน ล้อมรอบไปด้วยของเด็กเล่นหลายๆอย่าง
เพื่อที่จะร่างไอเดียนั้น
ฉันหยิมแฟ้มขึ้นมาแล้วก็เริ่มอ่าน
___________________________________________________________________
หนึ่งเดือนหลังจากนั้น คงพูดได้ว่าเตรียมการไปอย่างราบรื่น
การฝึกซ้อมระหว่างริปเปิลกับสโนไวท์นั้นเข้มข้นขึ้น
พวกเธอย้ายจากฝึกซ้อมในสวนสาธารณะไปฝึกที่ภูเขาแทน
เพราะเป็นสวนสาธารณะ
ทางเดินเองก็พังได้ และยังมีเครื่องเล่นต่างๆอีก
พวกเด็กๆคงร้องไห้ถ้าพวกเธอยังคงฝึกกันที่นี่อยู่
ในฐานะเมจิคัลเกิร์ลพวกเธอก็ไม่ควรทำแบบนั้น
คอมมอนเซ็นส์ของพวกเธอนี่ทำฉันยิ้มทีเดียว
บนภูเขานั่น พวกเธอเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
พวกเธอเตะกำแพงหิน
กระโดดขึ้นไปบนอากาศ
ใช้โมเมนตัมโจมตี คว้าแขนของอีกคนแล้วก็โยน
ทำอยู่แบบนั้นประมาณ 3 ครั้งก่อนถึงพื้น
แล้วก็กลับไปสู้กันเหมือนการต่อสู้กันจริงๆ
สโนไวท์นั้นได้กลายเป็นสิ่งในจินตนาการอย่างเต็มตัว
เธอนั้นใกล้เคียงกับตัวเองในอุดมคติมากขึ้นแล้ว
จากที่เธอสู้กับริปเปิลแทบไม่ได้
จนตอนนี้เธอสามารถสู้ได้แบบเท่าเทียมกันแล้ว
ในเวลาแค่ 2 เดือน
มันสุดยอดจริงๆที่เห็นเธอแบบนี้
จินตนาการของเธอมันเกินกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก
แต่ก็น่าแปลกใจว่าริปเปิลนั้นก็เก่งขึ้นด้วย
เหมือนเธอจะเติบโตไปพร้อมๆกับสโนไวท์
ถูกสโนไวท์ดลใจเข้ารึไงนะ?
ตอนนี้ สโนไวท์กับริปเปิลนั้นสุกงอมด้วยกันทั้งคู่แล้ว
แม้แต่ในตอนที่เช็ดเหงื่อ พวกเธอก็ยังคงเรียนรู้
“แบบนี้เหรอคะ?”
“ไม่ ไม่ ดูนี่นะ โจมตีแบบนี้!”
น่ารักจนไม่รู้จะพูดยังไงดีแล้วนะสองคนนี้เนี่ย
พูดไป สู้ไป และยิ้มไปด้วย
เมื่อฉันเห็นพวกเธอ
ฉันรู้สึกเหมือนเป็นแม่กำลังมองดูลูกๆตัวเอง
ฉันมองดูสองคนที่โอบอุ้มความรู้สึกที่อยากแข็งแกร่ง
จนบางครั้งน้ำตาก็ไหลออกมา
ฉันหวังว่าริปเปิลจะให้ยืมไอเทมพวกนั้น
แต่โทรไปหากี่ครั้ง ก็โดนวางสายหมด เป็นเด็กยังไงเนี่ย
คงต้องไปคุยต่อหน้าซะแล้วสิ
ริปเปิลนั้นก็จำเป็นต้องพัฒนาตัวของสโนไวท์
ซึ่งความสำพันธ์กับริปเปิลก็คือสิ่งที่จำเป็น
ในขณะเดียวกัน
ฉันก็โทรหาสโนไวท์ติดแบบไม่มีอะไรมาขัด
และฉันก็ให้คำแนะนำเธอไป ซึ่งก็อ้างอิงมาจากที่ฉันดูเธอฝึกผ่านลูกแก้ว
ใช่แล้ว ฉันต้องเป็นพี่เลี้ยงของเธอไง
“งั้นเหรอ แบบนั้นเธอก็อ่านการเคลื่อนไหวริปเปิลได้สินะ?”
“ใช่ค่ะ! มันรู้สึกเหมือนว่ารู้ก่อนที่จะเกิดขึ้นเลย!
รู้สึกสุดยอดมากเลย…เอ่อ…ถ้าไม่ว่าอะไรล่ะก็…
คุณ…คุณจะมาดูฉันฝึกไหมคะ?”
“ขอโทษนะ ฉันเองก็อยากไป
แต่ตอนนี้มันไม่ว่าง ยังหาเวลาไม่ได้เลย”
“อ่า งั้นเหรอคะ…”
ฉันอยากจะไปเจอเธอใจจะขาด
ก่อนหน้านี้ คำพูดของเธอเหมือนจะประทับใจกับคำแนะนำของฉัน
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอบอกว่าอยากให้ฉันมาหาด้วย
รู้สึกดีจังว่าเธอนับถือฉันด้วย
แต่ฉันอยากหลีกเลี่ยงการเจอกันกับเธอ
“ว่าแต่ เธอมีอะไรอยากจะบอกรึเปล่า?”
“…บอกเหรอคะ?”
“เรื่องก่อนที่เธอจะทำอะไรซักอย่างน่ะ
ตัวอย่างก็ ก่อนที่จะเคลื่อนไหวเธอจะลากเท้ากลับมาก่อนเสมอ
อะไรแบบนี้”
สโนไวท์ทำสิ่งที่ฉันบอกไปอยู่
“ตอนนี้ เธอยังไม่ต้องทำตามที่บอก
ความจริงเธอจะเอาไปทำเป็นข้อได้เปรียบก็ได้
แบบตัวอย่างที่บอกไป ถ้าเธอเคลื่อนไหวโดยไม่ลากเท้ากลับมาล่ะก็
เธอจะหลอกคู่ต่อสู้และล้มมันได้ ”
สโนไวท์ฟังอย่างตั้งใจ
ครั้งต่อไปที่เธอฝึก เธอคงลองทำแบบนั้นกับริปเปิลแน่
ริปเปิลนั้นเคยอ่านการเคลื่อนไหวของสโนไวท์มาแล้ว
เมื่อสโนไวท์ทำอะไรที่คาดไม่ถึง เธอจะเตะไปที่ขาของริปเปิล
เพื่อให้ตัวเองออกห่างไปแบบกระทันหัน
ริปเปิลประหลาดใจ สโนไวท์เองก็ประหลาดใจ
หลังจากที่ฝึกซ้อมเสร็จแล้ว สโนไวท์ก็โทรหาฉัน
บอกความตื่นเต้นที่เธอล้มริปเปิลวันนี้ได้
ฉันจินตนาการออกแบบไม่ต้องดูลูกแก้วเลย
“เยี่ยมไปเลย สโน!” ฉันชมเธอ
นี่เป็นความดีใจที่ทำให้เมจิคัลเกิร์ลแข็งแกร่งขึ้นได้สินะ
ฉันเองก็ดีใจกับสโนไวท์ด้วย
แสดงว่าการฝึกของสโนไวท์ไปในทางที่ถูกแล้ว
แต่งานหลักของฉันก็ไม่ได้ราบรื่น
คงเพราะโฟกัสไปที่การฝึกของสโนไวท์มากไปหน่อย
การทดสอบที่สวนสาธารณะนั้นได้ผลที่ไม่ค่อยดีออกมา
สวนทั้งหมดนั้นเกือบพัง แถมยังทำลายอะไรหลายๆอย่างโดยไม่จำเป็นอีก
สโนไวท์กับริปเปิลนั้นคิดถูกที่ย้ายจากสนามเด็กเล่นไปฝึกกันในภูเขา
และอีกเรื่อง
จากผู้เข้าร่วม 10 คนไม่มีใครผ่านการทดสอบเลย
เสียเปล่าหมดเลย เหนื่อยจริงๆ
ฉันเปิดแฟ้มข้อมูลของคนที่เข้าร่วม
เพื่อให้ตัวเองสบายใจ แต่มันก็รู้สึกเหมือนขาดอะไรไป
ในการที่จะใส่รายละเอียดของแต่ละรูปนั้น
ฉันก็วางเส้นผมไว้ข้างๆ
รู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของงานตัวเองไปแล้วสิ
แล้วฉันก็ถอนหายใจ
เอาเถอะ ตอนนี้ไม่ได้สำคัญอะไรอีก
เพราะฉันมีสโนไวท์แล้ว
ซึ่งเธอนั้นปลอบหัวใจอันอ่อนล้าของฉันได้
สโนไวท์นี่เป็นเมจิคัลเกิร์ลที่น่าสนใจจริงๆนะเนี่ย
คงเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ที่สุดในฐานะเมจิคัลเกิร์ล
ที่ทำให้สโนไวท์กลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลในอุดมคติได้
แบบนี้ถึงการทดสอบที่ฉันคุมอยู่เกิดล้มเหลวขึ้นมาก็คงไม่สำคัญอะไรอีกแล้ว
ฉันเปิดทีวี
มีข่าวรายงานว่าเกิดอุบัติเหตุรถบัสคร่าชีวิตเด็กผู้หญิงไป 10 คน
ฉันไม่ชอบดูผู้ประกาศข่าวรายงานอะไรที่เจ็บปวดแบบนี้ เลยปิดทีวีไป
ฉันหยิบเอกสารที่จะเอาไปทำเป็นรายงานขึ้นมา
สโนไวท์เป็นเมจิคัลเกิร์ลที่ดีมาก และมีแนวโน้มที่จะเป็นอันตรายน้อย
ทุกๆวันนั้น เธอตั้งใจที่จะช่วยเหลือผู้คนด้วยพลังของตัวเอง
ฉันส่งรายงานไปตามปกติ
___________________________________________________________________
ในตอนนี้ความจริงปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวสโนไวท์
แต่เป็นริปเปิล
ความสัมพันธ์ของฉันกับสโนไวท์เป็นไปได้ด้วยดี
แต่กับริปเปิลนั้นมันค่อนข้างจะมีปัญหา
เสียงของเธอทางโทรศัพท์นี่มันแหลม
ฟังทีแทบจะอยากวางหูใส่
จากประวัติแล้ว
เธอนั้นเป็นคนที่รักเพื่อนมาก
แต่สโนไวท์นั้นจะเป็นข้ออ้างของฉัน
ฉันต้องโน้มน้าวเด็กคนนี้
หลังจากที่สโนไวท์กับริปเปิลนั้นแยกกัน
พอแน่ใจว่าสโนไวท์นั้นออกไปจากบริเวณนี้และลงจากภูเขาไปแล้ว
ฉันก็ไปหาริปเปิล
ที่ภูเขานี่คนเองไม่ได้พลุกพล่าน คงเพราะมันเป็นที่เปลี่ยวด้วย
ท่ามกลางแสงจันทร์แบบนี้ มันช่างน่าหลงไหลจริงๆ
อารมณ์ต่างๆถูกปลุกขึ้นด้วยแมลงที่ไต่ที่หินและท่อนไม้
เต็มไปด้วยแนวของต้นไม้
ลำธารไหลรวมกันเป็นแม่น้ำ
จุดหมายของฉันคือต้นน้ำ
ถัดไปจากแนวก้อนหินที่เรียงรายอยู่นี่
ฉันกระโดดจากหินก้อนหนึ่งไปยังหินอีกก้อนหนึ่ง
เมจิคัลเกิร์ลน่ะไม่มีคำว่าลื่นหรอกนะ
ริปเปิลนั้นยังอยู่ที่เดิมหลังจากแยกกับสโนไวท์ไปแล้ว
นั่นเธอกำลังนั่งสมาธิหรือแค่ฟังเสียงแม่น้ำเฉยๆกันนะ?
แต่ตอนนี้ไปคุยกับเธอก่อนดีกว่า
ฉันกระโดดไปหาหินก้อนใหญ่ที่เธอนั่งก้มหน้าอยู่
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ริปเปิล”
หลังจากที่ส่งเสียงทักออกไป
เธอก็หันมาด้วยใบหน้าที่เบื่อหน่าย
ฉันล่ะเกลียดจริงๆ
“ที่บอกไปคราวก่อนน่ะ ได้คิดมั่งรึยัง?”
หน้าของเธอนี่หยั่งกะคนที่ถูกหักหลังยังไงหยั่งงั้น
แล้วก็ตอบฉันกลับมาช้าอีกต่างหาก
“ชั้นยกย่องนะ ที่คุณมาคุยเรื่องฝึกสโนไวท์ให้แข็งแกร่งขึ้น”
ริปเปิลจ้องมาที่ฉัน ตาขวาของเธอนั้นส่องประกายใต้แสงจันทร์แบบนี้
เธอดูไม่เหมือนมนุษย์หรือเมจิคัลเกิร์ลเลย
เหมือนพวกปีศาจซะมากกว่า
ส่วนตัวฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน
คงเป็นพลังของเธองั้นสินะ
“ว่าแล้ว คุณสอดแนมพวกเราอยู่งั้นสิ”
“หือ?”
“แล้วรู้ได้ยังไงล่ะว่าชั้นฝึกสโนไวท์อยู่น่ะ?”
อ๊ะ แย่แหะ พูดมากเกินไปหน่อย
“สอดแนมคงไม่ถูกเท่าไหร่ เอาเป็นว่าชั้นมองดูอยู่ดีกว่า
ฉันแค่หวังว่าสโนไวท์จะก้าวไปในทางที่ถูกเท่านั้น
รู้สึกเป็นงานที่ต้องแนะนำและมองดูเธอน่ะนะ ”
ริปเปิลเดาะลิ้น
เธอโกรธ แต่บางทียังคุยกันได้
ยังมีทางให้เธอแสดงความจริงใจออกมาอยู่
ถ้าเปลี่ยนเรื่องคุยจากเรื่องงาน เป็นเมจิคัลเกิร์ลล่ะก็บางที
ฉันอาจจะขอเป็นพี่เลี้ยงของเธอได้
ฉันเช็ดน้ำตาออกจากหน้า มองไปที่ริปเปิล
ปากของฉันนั้นบี้เล็กน้อย
เธอนั้นน่ารัก แต่ตอนนี้ยังมีโกรธอยู่
พูดกันต่อดีกว่า
ฉันพูดเรื่องความสุขของการได้เจอสโนไวท์
ฉันชื่นชมความปรารถนาของเธอ
ซึ่งความสามารถของเธอมันไร้ขอบเขต
ฉันบอกเธอว่าสโนไวท์นั้นสามารถเปลี่ยนแปลงดินแดนเวทย์มนตร์ได้
ฉันหวังว่าทางที่เธอมุ่งไปนั้นจะทำให้เธอมีความสุข
และจะทำให้สโนไวท์นั้นมีความสุขด้วยเหมือนกัน
ฉันพยายามพูดแบบใจเย็นที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และซ่อนความดีใจในสิ่งที่พูดออกไป
แต่เธอตอบโต้มายังไงน่ะเหรอ? ดูจากท่าทางของริปเปิลแล้ว
เธอมองไปที่แม่น้ำ
“เอาล่ะ ตอนนี้…”
ฉันมองตามไปยังที่ๆริปเปิลมองอยู่
ตรงนั้นเอง ฉันได้รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างถูกทำลายลงแล้ว
สิ่งนั้นยืนอยู่ที่ริมแม่น้ำ
สโนไวท์นั่นเอง
ที่มือขวาของเธอนั้นมีอะไรปุยๆสีขาวอยู่
มันคือ ‘อุ้งเท้ากระต่าย’
สโนไวท์ไม่ได้กลับบ้าน
เธอวางแผนไปเอาอุ้งเท้ากระต่ายแล้วก็กลับมา
บางทีริปเปิลคงอยากจะแชร์ไอเทมและสอนเธอเรื่องการใช้อาวุธ
นี่เธอฟังความเห็นของฉันตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย?
และตอนนี้ อุ้งเท้ากระต่าย ไอเทมเวทมนตร์ที่จะทำให้ผู้ใช้นั้นโชคดี
ตอนนี้ทำให้สโนไวท์นั้นโชคดี เธอโชคดีจริงๆ
เพราะทำให้เธอได้เจอกับพี่เลี้ยงมาดูการฝึกอย่างที่หวังไว้
แต่สำหรับฉัน มันโคตรโชคร้ายเลย
ฉันเห็นท่าทางของสโนไวท์จากแปลกใจค่อยๆกลายเป็นรังเกียจ
เพราะเห็นฉันยกเท้าขวา ตอนนั้นกระโปรงของฉันเผยอนิดๆ
แล้วก็เตะไปที่ริปเปิล
แต่ริปเปิลก็เอาแขนมากันได้ทันที
ด้วยแรงกระแทกนั้นเธอคงแปลกใจน่าดู
ฉันเองก็ชมนะที่ตอบโต้เร็งขนาดนี้
รู้สึกเหมือนกระดูกเธอจะหักซะด้วยสิ
แถมตอนนี้ก็กระเด็นไปอยู่ในแม่น้ำแล้ว
ฉันเห็นสโนไวท์อยู่ใกล้ๆกับแม่น้ำ
เธอวิ่งเข้ามาหาฉันด้วยท่าทางผิดแผลก
ร้องตะโกนอะไรไม่ได้ศัพท์ ฉันเองก็ฟังไม่เข้าใจ
มันยากสำหรับฉันที่จะเจอสโนไวท์แบบตัวต่อตัว
เหตุผลก็คือพลังเวทย์ของเธอ ‘ได้ยินเสียงของคนที่ตกอยู่ในปัญหา’ นั่นแหละ
ถ้าสโนไวท์รู้สิ่งที่ฉันวางแผนไว้ล่ะก็
ตัวฉันคงตกอยู่ในอันตรายแน่
ถ้าฉันไปพบกับเธอมันก็มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น
และตอนนี้
ฉันเห็นการตอบสนองของเธอแค่นั้นก็พอแล้ว
ในตอนที่ฉันอธิบายทุกอย่างให้ริปเปิลฟัง
ด้วยความรู้ของพลังเวทย์ของเธอ
ไม่มีอะไรในโลกใบนี้ที่จะซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงได้
นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่กรณีที่รู้ความสามารถของอีกฝ่าย
ทำให้ฉันได้เปรียบ
สโนไวท์นี่เป็นเด็กที่พิเศษอย่างที่คิดจริงๆ
อยากจะให้เธอกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลในอุดมคติของฉันจัง
แข็งแกร่ง อ่อนโยน งดงาม ยืนหยัดด้วยความยุติธรรม หลังน้ำตาเพื่อคนอื่น
ซึ่งเมจิคัลเกิร์ลนั้น ถ้ารู้สภาพของดินแดนเวทมนตร์ คงไม่มีใครจะอยู่หรอก
แน่นอนว่าเธอเปลี่ยนแปลงมันได้
และถ้ามันเกิดขึ้น ฉันจะช่วยเธอจนกระทั่งถึงจุดจบ
ถ้าเธอให้อภัยฉัน…
ฉันก็อยากอยู่เคียงข้างเธอ
ฉันอยากให้เธอโน้มตัวลงมานอนบนต้นขา
ฉันอยากสัมผัสเส้นผมของเธอ
เพราะฉันรักเมจิคัลเกิร์ลที่เป็นแบบนี้
ใช่แล้ว ตอนนี้ฉัน รัก สโนไวท์
ก่อนหน้านี้ ฉันเองก็มีคนที่รักอยู่แล้ว
คนๆนั้นก็คือ แครนเบอร์รี่
ฉันดูแลผมเธอด้วยความรัก ใช้มันเพื่อดูชีวิตเธอ
และก็ได้แรงบันดาลใจจากสิ่งที่เธอทำมา
ฉันพยายามหลายต่อหลายครั้งที่จะเลียนแบบการทดสอบของเธอ
คิดว่าการทำแบบนั้นมันมีความหมายขนาดไหน
แต่สุดท้าย ผลส่วนใหญ่คือความล้มเหลว
ตัวอย่างคือการทดสอบวันนั้นที่สวนสาธารณะ
โชคดีที่ฉันทำให้ดูเหมือนอุบัติเหตุ
ฉันไม่คิดว่าสโวไวท์จะปล่อยฉันไป
ฉันไม่คิดว่าเธอจะยกโทษให้
ฉันไม่คิดว่าอยากจะให้เธอยกโทษให้
แต่มันช่างน่าละอาย
พวกเธอคือสโนไวท์และริปเปิล
ทั้งคู่อยู่ด้วยกันและฉัน
ใช่ ฉันรู้สึกละอายจากก้นบึ้งของหัวใจเลยเมื่อนึกถึงวันเก่าๆ
วันเก่าๆที่ฉันค้นหาเมจิคัลเกิร์ลในอุดมคติ
ฉันอยากที่จะเข้าใจความฝันตัวเอง
แม้จะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่สโนไวท์ก็ควรที่จะแข็งแกร่งขึ้น
ตอนนี้ไม่มีทางที่ฉันจะช่วยเธอได้แล้ว
เธอเป็นเพียงคนเดียวที่ฉันสนใจตั้งแต่แครนเบอร์รี่ตาย
ฉันให้ความสำคัญเธอมากจนกระทั่งไม่สนชีวิตตัวเอง
ฉันเก็บผมเธอไว้เพื่อให้ตัวเองสบายใจ
ฉันรู้ว่ามันแค่อารมณ์
แต่มันก็เป็นอะไรที่ช่างน่าเศร้าและเจ็บปวด
ฉันควรจะรักษามันให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้เสื่อมสลาย
เก็บให้ปลอดภัยเป็นพิเศษ ไม่ใช่เอามาใส่ในแฟ้มแบบนี้
เมื่อฉันเห็น มันก็จะนึกถึงสโนไวท์เสมอ
เมื่อกำลังบดกาแฟ ฉันก็นึกถึงสโนไวท์
ฉันภาวนาว่าขอให้ได้พบอีกครั้ง
อีกครั้งและอีกครั้งอย่างเชื่องช้า
ฉันจำได้เสมอ
สโนไวท์นั้นกระโดดพุ่งตัวแรงจนก้อนหินแตกเพื่อเข้ามาหาฉัน
เตะฉันแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้
การเคลื่อนไหวของเธอนั้นเร็ว ฉันไม่มีเวลาตอบสนองมากนัก
ฉันสอนเธอเท่าที่จะทำได้ เธอนั้นตั้งใจไปที่การโจมตีแบบเต็มกำลัง
ฉันเองก็วอกแวกไปหน่อย
ถ้าฉันหักขาเธอ ไม่รู้ว่าเธอจะโกรธขนาดไหน แต่ที่แน่ๆคงขยับไม่ได้
ฉันพยายามหลบการโจมตีของสโนไวท์ ขาเธอนั้นเล็งมาที่คอตลอด
แบบนี้แย่ล่ะ
จากทางใต้ของแม่น้ำ
มีเหล็กโผล่ออกมาจากน้ำและพุ่งมาหาฉันโดยไม่สนกฎอะไรทั้งนั้น
คุไนนี่นา แต่ฉันก็หักแขนเธอไปแล้ว มาได้ยังไงเนี่ย?
ริปเปิลกระโดดขึ้นมาจากน้ำ ปากของเธอคาบคาตานะอยู่
เธอกระโดดหมุนตัวในอากาศ ยกเท้าขึ้น
ระหว่างนิ้วเท้าของเธอคือคุไนนั่นเอง
เธอใช้แรงเหวี่ยงขว้างมันมาหาฉัน
แถมการเคลื่อนไหวก็อ่านยากอีก
ใช้เท้าขว้างคุไนมามันทำให้ช้าลง
ริปเปิลเลยถอดเกี๊ยะไม้ งอเข่าและหมุนข้อเท้าเพื่อขว้างคุไน
คาตานะที่ปาก
และคุไนที่นิ้วเท้า
นี่ถ้าไม่ได้อยู่ในอันตรายแบบนี้ล่ะก็ เธอคงดูตลกน่าดู
แต่ตาของพวกเธอทั้งคู่นั้นดูต่างกัน
สำหรับสโนไวท์คือดวงตาที่คุกคามด้วยการจะล้มฉันลง
แต่ริปเปิลนั้นเป็นดวงตาที่คุกคามด้วยการฆ่า
ฉันไม่รู้ว่าอะไรทำให้ริปเปิลโจมตีมา
อาจจะคือความโกรธก็ได้
คาตานะที่เปียกน้ำของเธอนั้นสะท้อนแสงจันทร์อย่างชัดเจน
สโนไวท์นั้นโจมตีในระยะประชิด
ขณะเดียวกันริปเปิลยังคงขว้างคุไนอยู่
ฉันพยายามจะสวนกลับทั้งคู่ในครั้งเดียวอยู่
ฉันต้องป้องกันตัวเองจากคุไน ก่อนที่จะกันหมัดของสโนไวท์
คอมโบของพวกที่นี่สุดยอดจริงๆ ขนาดแค่ฝึกแค่ 2 เดือนเอง
ในตอนที่กำลังสู้ สโนไวท์จับขาฉันได้ ริปเปิลเลยได้โอกาส
แขนขวาฉันโดนคุไนที่ริปเปิลขว้างมา
เลือดไหลออกมามากเลย
ฉันกระโดดหนีออกมา แต่สองคนนั่นก็ยังตามฉันมาอยู่
ที่นี่คือสนามฝึกของพวกเธอ มีแต่ดินแข็งๆ
แบบนี้พวกเธอก็คงได้เปรียบ
พวกเธอไม่ได้อ่อนแออีกแล้ว
ตอนนี้ ริปเปิลขว้างมีดมาแทนคุไน
เกือบจะโดนหัวเลย ฉันก็หลบได้แบบเฉียดฉิว แต่ก็ยังได้แผล
เจ็บเหมือนกันนะ
ริปเปิลเข้ามาหาฉัน ใช้คาตานะเท่าที่จะทำได้
ในตอนนี้ ฉันป้องกันสโนไวท์ไม่ได้ซะแล้ว
ฉันรู้ความแข็งแกร่งของเธอดี
ถึงเธอจะมีฝีมือ แต่ฉันก็รู้ระยะพลังของเธอ
ต้องขอบคุณเธอจริงๆ
ฉันเลยพลักตัวริปเปิลออกได้ เพราะใช้ประโยชน์จากจุดบอดของเธอ
ฉันว่าจะโจมตีไปที่คอของริปเปิล
เมื่อสโนไวท์โจมตีมา ฉันก็กันเท่าที่จะทำได้
แต่การโจมตีแต่ละครั้งนั้นมันเจ็บปวดเอาซะจริง
ฉันกระโดดขึ้นหน้าผาและไปยังต้นน้ำ
สโนไวท์ไม่ได้ใช้มือเปล่างั้นเหรอเนี่ย
ที่มือของเธอมีมีดของริปเปิลที่ขว้างมาก่อนหน้านี้อยู่
อ่า…
…อย่างนี้นี่เอง
ริปเปิลไม่ได้เล็งมีดมาที่หัวฉัน
แต่เธอส่งมีดใฟ้กับสโนไวท์ต่างหาก
เพราะแบบนั้นฉันถึงหลบได้
ฉันหลบการฟันของสโนไวท์
ในขณะที่ต้องหลบคุไนของริปเปิลไปด้วย
จังหวะการโจมตีของทั้งคู่ยิ่งใกล้เคียงกันขึ้นเรื่อยๆ
พวกเธอนั้นเข้าขากันดี
แต่สโนไวท์จะได้ยินเสียงของริปเปิลรึเปล่านะ?
ยื่งร่วมมือกันทำอะไรเร็วๆแบบนี้
รู้สึกเหมือนโดนคนๆเดียวแต่มีสองร่างจัดการเลย
มันทั้งแปลกและมนัศจรรย์ไปพร้อมกัน
เพราะฉันรู้ถึงความสามารถของพวกเธอดี
พวกเธอนั้นเคลื่อนไหวดีขึ้นเรื่อยๆ
ฉันเองชักจะหายใจลำบาก ไม่ใช่เพราะแผลที่ไหล่
ทักษะกับความเร็วแบบนี้ไม่ใช่ได้มาเพราะการฝึกแบบง่ายๆ
นี่รู้สึกเหมือนกับเป็นการต่อสู้จริงๆเลย
“เชื่อว่าตัวเองอยู่ในการต่อสู้จริงๆ”
นั่นคือวิธีการฝึกของฉันที่เคยพูดไว้
และตอนนี้พวกเธอก็อยู่ในสถานะการณ์ที่ต้องฆ่าไม่ก็ถูกฆ่าแล้ว
แบบนี้เยี่ยมไปเลยใช่ไหมล่ะ?
พอมือซ้ายฉันโดนคุไน
ความรู้สึกของก็กลับมา
สโนไวท์กับริปเปิลนั้นจับคู่ได้เยี่ยมยอด
ในการต่อสู้ ความคิดของเธอนั้นเหมือนกัน
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นแข็งแกร่ง
เหมือนพวกสัตว์ที่โจมตีด้วยกันเป็นฝูง
ริปเปิลเตะกำแพงหิน และอีกด้านสโนไวท์นั้นก็ทำเหมือนกัน
สโนไวท์เตะฉันด้วยหน้าแข้ง ด้วยแรงนั้นทำให้ริปเปิลฟันด้วยคุไนจนเสื้อฉันฉีก
สโนไวท์กับริปเปิลยืนอยู่กำแพงตรงข้ามกัน
กระโดตัดกันอีกครั้งหนึ่ง
แก้มฉันโดนคุไนของริปเปิลจนเป็นแผล
สโนไวท์นั้นกระโดดอยู่เหนือริปเปิลแล้วต่อยฉันเข้าที่หลัง
ก้อนหินตรงที่พวกเธอกระโดดนั้นพังไปครึ่งหนึ่ง
เมจิคัลเกิร์ลสองคนนี้มันเก่งอะไรขนาดนี้นะ
ช่างน่าเสียดาย ฉันเองคงต้องฆ่าพวกเธอแล้ว
ฉันรู้ ว่าควรจะตกแต่งผมของพวกเธอซักหน่อย
แม้พวกเธอจะตายฉันก็ยังคงดูแลอยู่นะ
ตอนที่ฉันเริ่มการทดสอบครั้งต่อไป ฉันจะมองดูเส้นผมของเธอเสมอ
อนาคตอันสวยงามจะเป็นยังไงกันนะ
ฉันเอาลูกแก้วออกมา
แล้วเอาเส้นผมมาพันที่นิ้วของฉัน
เจ้าของเส้นผมก็ปรากฎตัวออกมาในลูกแก้ว
เด็กผู้หญิงตัวน้อย
เธอไม่ใช่เมจิคัลเกิร์ล
เป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดา
ไม่ได้มีพลังพิเศษอะไร
เป็นแค่คนธรรมดา
เด็กผู้หญิงชั้นประถม ที่นอนหลับอยู่บนเตียง
พลังเวทย์ของฉันไม่ใช่จำกัดอยู่แค่มองดูคนอื่นผ่านทางลูกแก้วเท่านั้น
มันยังสามารถถึงคนจากอีกฝั่งมาได้ด้วย
ไม่ว่าเป้าหมายจะเป็นใคร
ไม่ว่าเป้าหมายจะอยู่ที่ไหน แม้ในอวกาศก็ตาม
ครั้งหนึ่ง
ฉันเคยเอาคู่ต่อสู้ที่หลบหนีมาใส่ในกระเป๋ามิติ
มันไม่สำคัญหรอกว่าอยู่ที่ไหน
ฉันเห็นเมจิคัลเกิร์ลสองคนวิ่งสลับกันตรงหน้าผา
ในตอนนั้น ฉันก็ดึงเด็กผู้หญิงออกมาจากลูกแก้วโดยจับตรงต้นคอ
เธอที่หลับอยู่นั้นก็เริ่มเปิดตา
ส่วนท่าทางของสโนไวท์กับริปเปิลนั้น…
…อ๊า อยากเห็นจังเลย!
พวกเธอเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นเด็กผู้หญิงที่อยู่ในมือฉัน
พวกเธอคงใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่ไม่คิดว่าจะสวะแบบฉันอยู่สินะ
คงไม่คิด จนกระทั่งฉันลากคนที่ไม่เกี่ยวข้องมาด้วยแบบนี้
ขอโทษด้วยแล้วกัน แต่มันจำเป็น
ฉันกอดเด็กผู้หญิงคนนั้นอย่างนุ่มนวล
แล้วห้อยเธอไว้ตรงหน้าผา
ริปเปิลกับสโนไวท์ที่จดจ้องมาที่ฉันตลอดเวลานั้น
วิ่งเข้ามาใต้หน้าผาเพื่อช่วยเด็กผู้หญิง
โอเค ฉันรู้ว่าพวกเธอทำได้ทันแน่ เพราะฉันแน่ใจ
สองคนนั่นต้องช่วยเด็กผู้หญิงได้ ก่อนที่เธอจะตกลงมาตาย
แต่ตอนนั้น ฉันก็เริ่มใช้ช่องว่าง
ถ้าช่วยเด็กคนนั้น พวกเธอจะมีช่องว่างให้ฉันทำอะไรๆได้
ถ้าไม่ช่วย พวกเธอต้องทิ้งเด็กคนนั้นเพื่อจัดการฉัน
ด้วยทริคสกปรกแบบนี้ ฉันชนะแน่
เหยียบย่ำผู้อ่อนแอ ฉันตั้งใจทำแบบนี้
เช่นเดียวกับเมจิคัลเกิร์ลในอุดมคติของฉัน
ถ้าเธออยู่ข้างความยุติธรรม ฉันก็ต้องเป็นตัวร้าย
ฉันยินดีที่จะรับบทนั้นเอง
ฉันโยนเด็กคนนั้นลงมา แล้วจึงเปลี่ยนภาพที่ลูกแก้ว
สโนไวท์นั้นรับเด็กไว้ได้ แต่ริปเปิลล่ะ?
เมื่อฉันเปลี่ยนภาพอีกครั้ง เหมือนว่าเธอกำลังวิ่งขึ้นมาบนหน้าผา
อ่า เมจิคัลเกิร์ลผู้รักความยุติธรรมทั้งสอง
ความรู้สึกของฉันมันพุ่งถึงขีดสุดแล้วนะ
ลาก่อน เมจิคัลเกิร์ลที่รักของฉัน
ฉันตัดภาพกลับมาที่สโนไวท์
พลังเวทย์ของฉันนั้นสามารถลากคนในลูกแก้วมายังตำแหน่งที่ตัวเองอยู่ได้
บางครั้งมันก็ขึ้นอยู่กับการออกแรง
ฉันเองก็มีพลังพอที่จะหักกระดูก ถ้าจับที่คอของอีกฝ่ายได้
ฉันเตรียมเล็งไปที่คอของสโนไวท์อย่างนุ่มนวล แล้วก็ยื่นมือออกไป
แต่ตอนที่ฉันจับคอสโนไวท์ได้
เธอยื่นแขนออกมาหาฉัน
ใช่ ฉันลืมไปซะแล้ว
ว่าสโนไวท์คงไม่ได้ยื่นมือมาเปล่าๆ
คงจะยื่นมาพร้อมมีดแล้วก็แทงมือฉัน
และบิดคว้านมีดนั่น
ในเวลาเดียวกัน ขาขวาของฉันก็ถูกแทง
ฉันกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
มันมีอะไรที่แปลกๆมาแทงที่ขา
มันคือชูริเค็นยักษ์แทงเข้ามาจนถึงกระดูก
นั่นมันที่หนีบผมของริปเปิลนี่นา
มือของฉันนั้นถือลูกแก้วต่อไปไม่ไหวแล้ว
และฉันก็ล้มลง
ความเย็นยะเยือกคืบคลานเข้ามาในตัวฉัน
แผลที่ขาขวานั้นทำกระดูกหักไปหมด จะคลานก็ไม่ได้
ลมหายใจฉันเริ่มติดขัด
อากาศหนาวบนภูเขานี่ทำเอาเจ็บปอดดีจัง
สโนไวท์อ่านการโจมตีฉันได้ยังไงกันนะ?
ไม่เข้าใจเลย เธอไม่ได้อ่านการเคลื่อนไหวมือฉันด้วยซ้ำ
เพราะมือไม่ได้มีความคิดนี่นา
อ่า…แบบนี้เองเหรอ
ฉันคิดว่าโจมตีเข้าจุดบอดของเธอได้แล้ว
แต่ฉันก็ลืมคนๆนึงไป
เด็กผู้หญิงคนนั้น
ตั้งแต่ถูกสโนไวท์ช่วย เธอคงเห็นมือของฉันโผล่ออกมาจากที่ไหนก็ได้
เธอคงกลัวอะไรแบบนี้มาก
สโนไวท์อ่านใจเธอ และตอบโต้ด้วยการแทงมือทันที
และตอนนั้นริปเปิลก็เอาที่หนีบผมของตัวเองออกมาขว้างหาฉันอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้คิดว่าคงยืนไม่ไหวแล้ว
สโนไวท์กับริปเปิล
พวกเธอน่าจะใช้สวะอย่างฉันเพื่อให้ตัวเองเติบโตขึ้นนะ
มันน่าสนุกแค่ไหนกันนะถ้าคิดถึงอนาคตของพวกเธอ?
และมันน่าเศร้าแค่ไหน ที่ฉันไม่ได้อยู่เห็นอนาคตของพวกเธอ?
ถ้าชีวิตฉันจบลงที่นี่
ฉันก็จะยอมรับมัน
น่าเศร้าจริงๆ
ตัวฉันเองนั้นเป็นเมจิคัลเกิร์ลในอุดมคติของตัวเองยังไม่ได้ด้วยซ้ำ
จิตใจของฉันมันเน่าเฟะ ฉันไม่รู้สึกใส่ใจกับอะไรด้วยซ้ำ
แต่อย่างไร ฉันยังคงค้นหาเมจิคัลเกิร์ลคนหนึ่ง
คนที่จะกลายเป็นคนในอุดมคติฉันได้
สุดยอดเมจิคัลเกิร์ลที่จะล้มล้างดินแดนเวทย์มนตร์
และสร้างมันขึ้นมาใหม่
เมจิคัลเกิร์ลที่ทำสิ่งที่ฉันเป็นไม่ได้
ด้วยเหตุผลนั้น ฉันต้องสอนเธอ
และพยายามสร้างเมจิคัลเกิร์ลในอุดมคติขึ้นมาให้ได้
ฉันอยากให้เธออยู่เคียงข้าง และเผชิญหน้ากับดินแดนเวทย์มนตร์ด้วยกัน
ถ้าฉันมีโอกาสอีกครั้ง…
ริปเปิลนั้นดูเหมือนสัตว์ร้าย
ส่วนสโนไวท์นั้นดูเยือกเย็น
พวกเธอไม่ได้รักษาบาดแผลเลย ทั้งๆที่มีเลือดไหลอยู่
ความโกรธของสโนไวท์นั้นทิ่มแทงมายังตัวฉัน
เหมือนกับดวงตาของนักล่า
ผมของเธอยุ่งไปหมด
บางครั้งมันก็ดูสวยกว่าผมเรียบๆธรรมดา
เธอนั้นดูเหมือนนักล่า
ซึ่งเหยื่อนั้นก็คือฉัน
เมจิคัลเกิร์ลที่ชื่อว่าไพตี้ เฟรเดริก้า
อ่า…
ความคิดที่แล่นเข้ามาภายในหัว
ความงดงามนั้นได้กระตุ้นตัวตนของฉัน
สิ่งที่เหมาะสมกับพวกเธอ
ชื่อที่เหมาะสมกับสโนไวท์มากที่สุด
นักล่าเมจิคัลเกิร์ล
ช่างเป็นชื่อที่งดงามเสียจริง
แต่มันก็แย่ที่เธอไม่ได้ยิน
ความเจ็บปวดที่เธอโจมตีใส่ตัวฉัน
ทำให้สติของฉันมันเลือนรางลง
แต่ชื่อฉายานั้น
จะเป็นที่รู้จักกันทุกหนแห่งในภายหลังเป็นแน่
——— Magical Girl Raising Project Arc 1.5 : Snow White Raising Project [จบภาค] ———
Chapters
Comments
- ตอนที่ 7.09 Arc 7 - ตอนที่ 9 - โรงเรียนแห่งสงคราม [จบภาค] พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 7.08 Arc 7 - ตอนที่ 8 - วันนี้ไม่อยากกลับบ้าน พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 7.07 Arc 7 - ตอนที่ 7 - HEART VS. HEART พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 7.06 Arc 7 - ตอนที่ 6 - กับดักแสนหวาน พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 7.05 Arc 7 - ตอนที่ 5 - สถานที่ที่ฉันอยู่ พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 7.04 Arc 7 - ตอนที่ 4 - โรงเรียนแห่งการต่อสู้ พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 7.03 Arc 7 - ตอนที่ 3 - วิ่ง วิ่งไป วิ่งเข้าไป นักเรียนแลกเปลี่ยน พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 7.02 Arc 7 - ตอนที่ 2 - ยืนตรง! เคารพ! นั่งได้! พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 7.01 Arc 7 - ตอนที่ 1 - ระฆังโรงเรียนคือสัญญาณแห่งการเริ่มต้น พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.513 Arc 6.5 - ตอนที่ 13 - บทเพลงไว้อาลัยแด่เมจิคัลบอย [จบภาค] พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.512 Arc 6.5 - ตอนที่ 12 - เมจิคัลเกิร์ลแอสแซสซิเนชั่นโปรเจ็ค พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.511 Arc 6.5 - ตอนที่ 11 - ปฎิบัติการหนีจากแพททริเซีย พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.509 Arc 6.5 - ตอนที่ 9 - เจ้าหญิงแห่งชายหาด พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.508 Arc 6.5 - ตอนที่ 8 - ปีใหม่และเต่า พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.507 Arc 6.5 - ตอนที่ 7 - เมจิคัลเกิร์ลในวันคริสต์มาสอีฟ พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.506 Arc 6.5 - ตอนที่ 6 - เพจิกะกับการครุ่นคิดถึงความสุขในฤดูใบไม้ร่วง พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.505 Arc 6.5 - ตอนที่ 5 - บันทึกการสร้างเมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจค พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.504 Arc 6.5 - ตอนที่ 4 - ทริค ออร์ เมจิคัลเกิร์ล พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.503 Arc 6.5 - ตอนที่ 3 - ไม่มีเมจิคัลเกิร์ลในงานชมดอกไม้นี้เลย พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.502 Arc 6.5 - ตอนที่ 2 - เมจิคัล ช็อปปิ้ง พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.501 Arc 6.5 - ตอนที่ 1 - แม่มด กล่องข้าว และการแสดงความรัก พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.51 Arc 6.5 - ตอนที่ 10 - เซอร์ไววัลเกมแห่งนรกของโรงเรียนกวดวิชามาโอ พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.1 Arc 6 - ตอนที่ 10 - ทุกสิ่งเพื่อเธอ [จบภาค] พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.09 Arc 6 - ตอนที่ 9 - นักล่าเมจิคัลเกิร์ล พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.08 Arc 6 - ตอนที่ 8 - โจมตีมันด้วยทุกอย่างที่เรามี พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.07 Arc 6 - ตอนที่ 7 - แม้เพียงปลายนิ้วก็มิอาจแตะต้อง พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.06 Arc 6 - ตอนที่ 6 - ประกายแสงอันเป็นนิรันดร์ พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.05 Arc 6 - ตอนที่ 5 - ของขวัญอันแสนคิดถึง พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.04 Arc 6 - ตอนที่ 4 - สนามเด็กเล่นขององค์ราชินี พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.03 Arc 6 - ตอนที่ 3 - มาเป็นเพื่อนกันเถอะ พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.02 Arc 6 - ตอนที่ 2 - สโนไวท์กับเด็กเลี้ยงแกะ พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 6.01 Arc 6 - ตอนที่ 1 - การต่อสู้ครั้งสุดท้ายในมือคู่นี้ พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.711 Arc 5.2 - ตอนที่ 11 - สัมภาษณ์กับสวิมสวิม [จบภาค] พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.709 Arc 5.2 - ตอนที่ 9 - อลิส อิน ฮาร์ดกอร์แลนด์ พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.708 Arc 5.2 - ตอนที่ 8 - Guns or Roses? พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.707 Arc 5.2 - ตอนที่ 7 - เงื่อนไขในการดัดแปลงเป็นอนิเม พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.706 Arc 5.2 - ตอนที่ 6 - เจ้าชายของชมรม พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.705 Arc 5.2 - ตอนที่ 5 - ความกังวลของท่านผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.704 Arc 5.2 - ตอนที่ 4 - งานของนางฟ้ายากูซ่า พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.703 Arc 5.2 - ตอนที่ 3 - รูปแบบของเมจิคัลเกิร์ล พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.702 Arc 5.2 - ตอนที่ 2 - ท็อปสปีดของท็อปสปีด พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.701 Arc 5.2 - ตอนที่ 1 - การต่อสู้ของอัศวินสาวผู้โดดเดี่ยว DIRECTOR CUT พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.611 Arc 5.1 - ตอนที่ 11 - เมจิคัลเกิร์ลสีฟ้ายุ่งชะมัดเลย [จบภาค] พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.609 Arc 5.1 - ตอนที่ 9 - เอลฟ์แห่งหน่วยสืบสวน พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.608 Arc 5.1 - ตอนที่ 8 - ชีวิตจริงของพวกเราถูกเติมเต็มแล้วงั้นเหรอ? พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.607 Arc 5.1 - ตอนที่ 7 - ทรีซิสเตอร์ไรซิ่งโปรเจค: restart พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.606 Arc 5.1 - ตอนที่ 6 - พริมูล่า ฟาริโนซ่า พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.605 Arc 5.1 - ตอนที่ 5 - ยิ่งกว่าสามเศร้า พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.604 Arc 5.1 - ตอนที่ 4 - มิตรภาพแห่งสายรุ้ง พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.603 Arc 5.1 - ตอนที่ 3 - เพราะพวกเราอยากโค่นล้มมาโอ พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.602 Arc 5.1 - ตอนที่ 2 - บทเพลงอันรวดเร็ว พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.601 Arc 5.1 - ตอนที่ 1 - แว่นกันลมและเต่า พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.71 Arc 5.2 - ตอนที่ 10 - บางครั้งทามะก็เป็นแบบนี้ พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.61 Arc 5.1 - ตอนที่ 10 - แฟ้มคดีของพลเอกพูคิน : คดีสังหารจอมเวท พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.5 Arc 5 - ตอนที่ 5 - ลาก่อนเพื่อนของฉัน [จบภาค] พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.4 Arc 5 - ตอนที่ 4 - พุ่งทะยานผ่านเมืองใหญ่ ข้ามผ่านเหนือเทือกเขา พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.3 Arc 5 - ตอนที่ 3 - จับมือกับฉัน ณ สวนสนุก พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.2 Arc 5 - ตอนที่ 2 - ช่วงชิงโชคชะตา พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 5.1 Arc 5 - ตอนที่ 1 - เริ่มต้นอย่างเร่าร้อน พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 4.6 Arc 4 - ตอนที่ 6 - นักล่าเมจิคัลเกิร์ล [จบภาค] พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 4.5 Arc 4 - ตอนที่ 5 - โป๊กเกอร์เกม พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 4.4 Arc 4 - ตอนที่ 4 - ฉันคือคนร้าย พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 4.3 Arc 4 - ตอนที่ 3 - การพบพานอันแสนมหัศจรรย์ พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 4.2 Arc 4 - ตอนที่ 2 - ทุกคนรวมพล พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 4.1 Arc 4 - ตอนที่ 1 - เหนือกว่าปริซึม พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 3.12 Arc 3 - ตอนที่ 12 - เมจิคัลเกิร์ลในตัวคุณ [จบภาคปลาย] พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 3.11 Arc 3 - ตอนที่ 11 - เพื่อนของฉัน พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 3.1 Arc 3 - ตอนที่ 10 - ก้าวเดินบนสายรุ้ง พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 3.09 Arc 3 - ตอนที่ 9 - ปีศาจท่ามกลางเปลวเพลิง พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 3.08 Arc 3 - ตอนที่ 8 - การมาเยือน พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 3.07 Arc 3 - ตอนที่ 7 - การจู่โจมของแม่มด พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 3.06 Arc 3 - ตอนที่ 6 - จุดเริ่มต้นของจุดจบ [จบภาคต้น] พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 3.05 Arc 3 - ตอนที่ 5 - เผชิญหน้า พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 3.04 Arc 3 - ตอนที่ 4 - ฮีโร่หรือไอดอล? พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 3.03 Arc 3 - ตอนที่ 3 - เด็กสาวที่หวนกลับมาจากคุกที่ลึกที่สุด พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 3.02 Arc 3 - ตอนที่ 2 - จมอยู่ในหัวใจและความรัก พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 3.01 Arc 3 - ตอนที่ 1 - ก่อตั้งหน่วยเมจิคัลเกิร์ล พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.515 Arc 2.5 - ตอนที่ 15 - เพื่อนของคุณแคลนเทล [จบภาค] พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.514 Arc 2.5 - ตอนที่ 14 - ความทรงจำของเมจิคัลเกิร์ลสีฟ้า พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.513 Arc 2.5 - ตอนที่ 13 - เมจิคัลเกิร์ลนอกรีต พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.512 Arc 2.5 - ตอนที่ 12 - คดีเนื้อวัวที่หายไป ~ แต่คุณเมดเห็นนะ ~ พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.511 Arc 2.5 - ตอนที่ 11 - อัศวินในวันหยุด พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.509 Arc 2.5 - ตอนที่ 9 - มาเล่นกับท็อปสปีดกันเถอะ พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.508 Arc 2.5 - ตอนที่ 8 - @เนี๊ยวเนี๊ยวในเมือง N พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.507 Arc 2.5 - ตอนที่ 7 - วอนเดอร์ดรีม พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.506 Arc 2.5 - ตอนที่ 6 - เชอร์น่า คริสต์มาส พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.505 Arc 2.5 - ตอนที่ 5 - เมจิคัลเดซี่ ตอนที่ 22 พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.504 Arc 2.5 - ตอนที่ 4 - ซอมบี้ เวสเทิร์น พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.503 Arc 2.5 - ตอนที่ 3 - ผลแห่งนางฟ้า พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.502 Arc 2.5 - ตอนที่ 2 - หุ่นยนต์กับแม่ชี พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.501 Arc 2.5 - ตอนที่ 1 - การผจญภัยของเนมุริน พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.51 Arc 2.5 - ตอนที่ 10 - อาคาเนะและครอบครัวเมจิคัลเกิร์ลอันแสนสุข พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.11 Arc 2 - ตอนที่ 11 - และอื่นๆอีกมากมาย [จบภาคปลาย] พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.1 Arc 2 - ตอนที่ 10 - เพจิกะในโลกแห่งการสรรสร้าง พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.09 Arc 2 - ตอนที่ 9 - เหล่าเด็กสาว พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.08 Arc 2 - ตอนที่ 8 - ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.07 Arc 2 - ตอนที่ 7 - ความฝันของลาซูไลน์ พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.06 Arc 2 - ตอนที่ 6 - ลบและบวก พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.05 Arc 2 - ตอนที่ 5 - สาวจีนกับมังกรยักษ์ [จบภาคต้น] พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.04 Arc 2 - ตอนที่ 4 - แคนดี้ลึกลับ พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.03 Arc 2 - ตอนที่ 3 - นักสืบและคดีฆาตกรรม พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.02 Arc 2 - ตอนที่ 2 - อาหารอร่อยๆ ทำให้ทุกคนมีความสุข พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 2.01 Arc 2 - ตอนที่ 1 - สวัสดีเดซี่ พฤศจิกายน 19, 2023
- ตอนที่ 1.5 Arc 1.5 - Snow White Raising Project [จบภาค] พฤศจิกายน 19, 2023
MANGA DISCUSSION