เรื่องตื่นเต้นในช่วงพักกลางวัน
“ทำไมพระเจ้าต้องส่งบททดสอบแบบนี้มาให้กับเราด้วยเนี่ย……..?” (ยูกิโตะ)
ผมนั้นกำลังจ้องไปที่กระดานดำด้วยความอื้ง เพราะเมื่อคืนอยู่ๆผมก็คิดที่อยากจะรักษาสิ่งแวดล้อมขึ้นมา และตัดสินใจที่จะเริ่มต้นสิ่งที่ผมพอจะทำการเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นได้บ้างจากที่เผชิญอยู่นี้ ผมจึงได้ทำการปรับเปลี่ยนจากการใช้ดินสอกด ไปเป็นดินสอธรรมดา เพราะนี่จะเป็นสิ่งที่ช่วยรักษาสภาพแวดล้อมได้เป็นอย่างดี ในตอนนั้นผมกระหยิ่มยิ้มด้วยความรู้สึกยินดี แต่พอหลังจากได้เวลาเริ่มต้นการเรียนการสอนแล้ว ผมก็เพิ่งจะได้รู้ตัวว่าผมนั้นไม่ได้เหลาดินสอมาเลยสักแท่ง ดินสอเหล่านี้ไม่ได้ถูกเหลามาไว้ก่อนเลย แล้วทำไมทุกคนถึงไม่มีใครพกกบเหลาดินสอกันมาบ้างเลยล่ะเนี่ย?
มีดินสอใหม่เอี่ยมสามแท่งที่ยังไม่ได้เหลาอยู่ตรงนี้ ผมถึงกับรู้สึกสิ้นหวัง ดินสอที่ไม่ได้เหลามันช่างแย่ยิ่งไปกว่าหมูที่บินไม่ได้ซะอีก สิ่งเดียวที่พอจะทำกับพวกมันได้ก็มีเพียงแค่การใช้นิ้วมือหมุนมันไปมาเล่น นี่นายเป็นอะไรของนายน่ะ เป็นเด็กประถมรึยังไงกัน? แต่ก็ต้องขอบคุณมันนะ ที่ทำให้ไม่ต้องจดอะไรเลยตลอดคาบเช้า แล้วทำไมถึงไม่ไปยืมดินสอ(กด)น่ะเหรอ? เพราะมันเป็นการยากสำหรับผมที่เป็นคนโดดเดี่ยว มืดมนจะทำไง อีกอย่างนึงก็เพราะโดยรวมทั้งหมดของการรักษาสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นนั้น ผมได้สาบานว่าจะไม่ใช่ดินสอกดอีกต่อไป ดังนั้นการจะกลับไปใช้มันอีกครั้งมันก็เลยไม่ใช่เรื่องไง นั่นล่ะทำไมผมถึงจะต้องออกไปที่ร้านขายของ
แล้วในตอนที่ผมกำลังจะลุกขึ้นนั้น ก็มีบางคนมาหยุดผมไว้ซะก่อน
“ยูกิโตะ นายจะมาทานข้าวกลางวันกับฉันได้ไหม?” (ซูซุริคาว่า)
“ไม่ล่ะ ขอบคุณ” (ยูกิโตะ)
มันช่วยไม่ได้นี่นะที่ผมดันตอบกลับไปด้วยสำเนี่ยงเกียวโต ถึงแม้ผมจะไม่ได้มาจากเกียวโตก็เถอะนะ ผมแค่เคยได้ไปเพียงครั้งเดียว แต่ก็ได้ยินเสียงของเหล่านักท่องเที่ยว และผมก็สงสัยว่า “ที่นี่เป็นญี่ปุ่นรึเปล่าเนี่ย?” ผมถึงกับตั้งคำถามไปเลยว่านี่ผมอยู่ต่างประเทศรึเปล่า
ผมไม่สนหรอกนะว่าจะมีใครมาชวนให้ไปกินข้าวกลางวันกับคนอื่นๆน่ะ แต่ผมก็ไม่ได้รำคาญที่จะมองขึ้นไปดูว่าใครเป็นคนถามผมออกมาหรอกนะ แล้วนั่นก็ไม่มีทางที่ผมจะฟังผิดไปได้แน่ๆกับเสียงนี้ เพราะพวกเราเคยใช้เวลาอยู่ด้วยกันมาก่อน ฮินากิ ซูซุริคาว่า ผมรู้สึกเจ็บลึกๆพอคิดว่านั่นคือเธอ
“ซูซุริคาว่า อย่าพยายามเข้าหาฉันจะดีกว่านะ” (ยูกิโตะ)
“อะไรน่ะ? ทำไมล่ะ? พวกเราเป็นเพื่อนร่วมห้องกันไม่ใช่เหรอ? และพวกเราก็ยังเป็นเพื่อนสมัยเด็กด้วยนะ!” (ซูซุริคาว่า)
“นั่นมันเรื่องนานมาแล้ว ไม่ใช่อีกแล้วล่ะ” (ยูกิโตะ)
“ทำไมนายพูดยังงั้นล่ะ? นั่นน่ะมันก็แค่การตัดสินใจของนายคนเดียวนะ ยูกิโตะ” (ซูซุริคาว่า)
ฮินากิ ซูซุริคาว่า เพื่อนสมัยเด็กที่เคยเป็นคนรักของผม คนที่ผมเข้าใจผิดคิดไปว่าจะมีความรู้สึกนั้นให้กับผม แล้วผมก็เลยเป็นแค่ตัวตลกที่น่าสมเพชที่พยายามจะสารภาพกับเธอด้วย แต่ว่าดันกลับถูกปฏิเสธไปเสียก่อนที่จะได้ทำ
“ซูซุริคาว่า ไปทานข้าวกับคนอื่นเถอะนะ ฉันไม่ได้อยากที่จะทำร้ายความรู้สึกของแฟนเธอน่ะ” (ยูกิโตะ)
“–!” (ซูซุริคาว่า)
ถึงกับช๊อคคนทั้งห้อง โอ๊ะ แย่ละ ในตอนมัธยมต้นไม่ว่าใครก็รู้ว่า ซูซุริคาว่า นั้นมีแฟนแล้ว แต่ในมัธยมปลายยังไม่ค่อยมีคนรู้เรื่องเลยนี่นา ผมคงจะระวังน้อยเกินไปจนเผลอหลุดพูดเรื่องส่วนตัวของเธอเข้าให้ซะแล้วสิ
“นายจะปล่อยเรื่องนั้นไปไม่ได้เลยเหรอ……..?” (ซูซุริคาว่า)
“ที่ฉันกำลังทำอยู่นี่ก็เพื่อตัวเธอนะ ซูซุริคาว่า ถ้าเธอเป็นแฟนของฉัน ฉันก็ไม่ได้อยากที่จะให้คนอื่นที่เป็นเพศตรงข้ามมาทำเหมือนกัน อีกอย่างถึงมันจะไม่เป็นไรถ้าหากเป็นเพียงแค่เพื่อนร่วมห้อง แต่กับเพื่อนสมัยเด็กแล้วนี่มันจะยิ่งทำให้เรื่องนั้นแย่ลงไปมากกว่าเดิมซะอีก ฉันมั่นใจว่าเธอน่าดีใจที่ได้รับรู้เอาไว้นะ” (ยูกิโตะ)
“นั่นคือ ทำไม-!” (ซูซุริคาว่า)
ก็นั่นละเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงได้ตัดความสัมพันธ์ระหว่าง ซูซุริคาว่ากับผมไป มันไม่มีทางหรอกที่จะมีผู้ชายคนไหนจะใจกว้างพอที่จะไม่ยอมอิจฉาจากการได้เห็นเธอไปร่วมกินข้าวกับคนอื่นได้หรอก แล้วยิ่งพอมันเป็นกับเพื่อนสมัยเด็กที่เป็นเพศตรงข้ามแล้ว มันก็ยิ่งถือเป็นคนละเรื่องเลยเชียวล่ะ
มันไม่มีทางที่ผมจะยอมไปกับเธอ ในเมื่อซูซุริคาว่า นั้นได้เลือกคนอื่นไปแล้วหรอกนะ การที่ได้เห็นเธอไปใกล้ชิดกับเพื่อนสมัยเด็กที่เป็นเพศตรงข้ามนั้นมันไม่เหมาะไม่ควรกับคนที่มีแฟนแล้วหรอก อีกอย่าง ซูซุริคาว่าเองก็ดูจะชื่นชอบแฟนของเธอดีอยู่ พวกเขามักจะออกไปด้วยกันและทำโน่นทำนี่ด้วยกันอะไรแบบนั้นแหล่ะ ผมได้แค่คิดว่าพวกเขานั้นช่างสนิทกันจริงๆนะ ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วสิ่งเดียวที่ผมจะต้องทำก็คืออยู่ให้ห่างๆไว้ ผมไม่รู้หรอกนะว่า ซูซุริคาว่านั้นจะรู้ตัวไหมกับเรื่องง่ายๆแบบนี้ ซึ่งมันไม่มีทางอยู่แล้วล่ะที่จะยังคงความสัมพันธ์ของเราเอาไว้ได้หรอก
“ขอโทษด้วยนะ อีกอย่างฉันอยากจะไปซื้ออะไรบางอย่างด้วยล่ะ” (ยูกิโตะ)
เพราะว่าผมนั้นน่ะเคยรักเธอมาก่อน ผมจึงอยากที่จะให้เธอนั้นได้มีความสุข และผมไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปทำให้พวกเขาเลิกกันด้วย มันไม่มีที่อยู่ให้กับคนอกหัก ชายที่น่าสมเพชนี้ จะถูกเก็บเอาไว้ในใจของเธอหรอก ผมเป็นคนเลือกที่จะอยู่ห่างจากซูซุริคาว่าเอง อีกอย่างนี่มันอะไรกันเนี่ยตอนนี้? นี่ผมยังคงรักเธออยู่งั้นเหรอ? แต่เอาเถอะยังไงผมก็คงไม่มีทางที่จะเข้าใจอะไรเรื่องนั้นได้อีกแล้วล่ะ
แล้วระเบิดที่ ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ได้โยนลงไปกลางห้องเรียนก็ส่งผลกระทบให้เกิดความบ้าคลั่งในวงกว้างออกไปทันที
“อะไรกัน นี่เธอมีแฟนแล้วเหรอเนี่ย?” (???)
“ก็เธอออกจะสวยขนาดนั้นนี่ เธอก็ต้องมีแฟนอยู่แล้วล่ะ….” (???)
“ฉันกะว่าจะไปบอกเธอเหมือนกันนะ ฉันน่ะเล็งเธอไว้อยู่เนี่ย” (???)
“ไอ้คนๆนั้นมันเป็นใครกันน่ะ?” (???)
“โอ้ บางทีคงจะเป็นในตอนที่อยู่โรงเรียนมัธยมต้น–” (???)
“หยุดได้แล้ว!” (ซูซุริคาว่า)
“”””……”””” (???)
“ฉันขอโทษ แต่ได้โปรด……..ช่วยอย่าพูดอะไรไปมากกว่านี้………” (ซูซุริคาว่า)
เสียงพูดที่ออกมาราวกับเสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่วห้องเรียน มันเป็นการบอกปัด เธอปฏิเสธการที่จะให้พูดถึงเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด ท่าทางที่ดูร่วงโรยของ ซูซุริคาว่านั้นดูจะปฏิเสธทุกๆสิ่ง
“ผมขอโทษ ผมขอโทษด้วยนะ ซูซูริคาว่าซัง……” (???)
ในห้องได้สงบลงไปชั่วขณะหนึ่ง ในเวลาที่ควรจะสดใสสนุกสนานในตอนกลางวัน ก็ได้ถูกปกคลุมไปด้วยเงียบที่เข้ามาครอบงำ
“มันเป็นความผิดของฉัน……..ทั้งหมดมันเป็นความผิดของฉัน……….” (ซูซุริคาว่า)
ไม่มีใครเลยสักคนได้ยินเสียงของ ซูซุริคาว่า ที่ถูกส่งออกมาอย่างแผ่วเบาเลยสักนิด
——————————————————————————————————–
ทำไมผม และคนอื่นๆจะต้องมาซื้อขนมปังใส่ใส้สองอย่างที่แตกต่างกันด้วยนะ? ไม่ใช่ว่าผู้คนจะซื้อรสที่ตัวเองชื่นชอบกันเป็นปกติรึไงเนี่ย? ผมทำได้แค่พูดไปแบบนั้นแหล่ะ มันเป็นสิ่งที่ผมในตอนเด็กไม่เคยจะนึกถึงมาก่อน รู้สึกได้ถึงความลึกลับอันเป็นนิรันด์ที่แฝงตัวอยู่ในสิ่งที่คุ้นเคยอย่างน่าประหลาด แล้วตอนนี้โรงอาหารของโรงเรียนก็เต็มไปด้วยผู้คนแล้วสิ ก่อนหน้านี้ผมออกไปด้านนอกเพื่อค้นหาสถานที่ ที่จะอยู่คนเดียวได้อย่างเงียบสงบ แล้วผมก็พบกับบันไดหนีไฟฉุกเฉิน ไม่ใช่ว่านี่เป็นจุดที่สมบูรณ์แบบสำหรับคนมืดมนแบบผมรึไงนี่? เอาล่ะไปกินตรงนั้นเลยดีกว่า
“–โซมะซัง ผมอยากที่จะขอคบกับคุณครับ” (รุ่นพี่ชาย)
ในยูโทเปียทีผมหวังไว้นั้นกลับไม่ใช่อย่างที่คิด นึ่เป็นจุดสำหรับการสารภาพงั้นเรอะ? ถ้างั้นยูโทเปียของผมก็คงพังทลายไปแล้วสินะ แต่มันก็ดูไม่ปกตินะคงเป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาเห็นฉากการสารภาพอะไรแบบนี้ แต่ช่างเถอะ ผมไม่ได้สนใจอะไรกับการพูดคุยแลกเปลี่ยนของพวกเขาหรอกนะ แล้วผมก็นั่งลงตรงที่บันได
แหวะ ขนมปังใส่ใส้สองอันนี้มันคือความผิดพลาดซะแล้ว ทั้งหมดมันคงเป็นเพราะว่าผมนั้นได้ใช้โรงอาหารและร้านค้าของโรงเรียนเพียงแค่อาทิตย์ละสองครั้ง เนื่องจากแม่ผมนั่นยุ่งเสมอ ดังนั้นผมก็เลยจะต้องทำอาหารกลางวันเอาเองสามวันในหนึ่งอาทิตย์ แต่มันก็ไม่ได้ลำบากอะไรถ้าจะต้องให้ผมทำมันทุกวันหรอกนะ เพราะงันแหล่ะผมจึงได้มาซื้อข้าวกลางวันกินที่โรงอาหารไม่ก็ร้านค้าแบบนี้เช่นกัน โดยปกติแล้ว ผมก็ทำข้าวกลางวันให้กับพี่สาวด้วยนะ แต่ผมก็คิดว่ามันคงจะดีถ้าหากเธอจะสามารถทำข้าวด้วยตัวเองได้ ก็เลยเสนอไอเดียที่จะให้เธอเริ่มทำข้าวกลางวันเองสองครั้งต่อสัปดาห์ด้วยตัวเองบ้าง แต่เธอก็กลับให้เงินผม 5,000เยนมาเป็นสินบนซะงั้น เธอไม่ยอมแม้แต่จะหันมามองตาผมด้วยเหตุผลอะไรสักอย่างแหล่ะ ก็นะ ผมก็ไม่ใส่ใจอะไรกับพี่สาวหรอกถ้าหากว่าเธอจะทำไม่เก่งในเรื่องนี้น่ะ ก็เพราะว่าผลลัพธ์มันก็คงจะออกมาแต่ความน่าผิดหวังเอาน่ะสิ
“เอิ่มม……. นี่นายต้องการอะไรจากพวกเรารึ?” (รุ่นพี่ชาย)
คงเพราะอะไรบางอย่าง ชายคนที่กำลังสารภาพก่อนหน้านี้นั้นก็ได้หันมาพูดกับผม เขาดูแล้วก็น่าจะเป็นรุ่นพี่สินะ
“อะไรเหรอครับ? ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ พวกเราไม่เคยเจอกันมาก่อนใช่ไหม? ผมเองก็ไม่ได้มีธุระอะไรกับพวกคุณหรอกครับ” (ยูกิโตะ)
ผมไม่รู้ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไรหรอกนะ ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรกับเขาเช่นกัน แล้วอะไรที่ทำให้เขาคิดว่าผมนั้นต้องการอะไรจากพวกเขากันล่ะนี่? ผมแน่ไม่แน่ใจว่าเขาจะเข้ามาหาผมทำไมในระหว่างการสารภาพที่ดูจะสำคัญขนาดนั้นอ่ะ
“ถ้างั้นนายมาที่นี่ทำไมกันล่ะ?” (รุ่นพี่ชาย)
“คุณหมายถึงนี่เหรอ? ไม่ๆ ผมก็แค่มองหาสถานที่ที่จะอยู่อย่างสัญโดดและผ่อนคลายได้น่ะครับ คุณทำเป็นไม่ต้องสนใจทำให้ผมเมือนกับอากาศธาตุไปได้เลย เพราะผมมันเป็นคนมืดมนและโดดเดี่ยวไงล่ะ ผมจะปิดปากเงียบให้เหมือนตัว มิซุโอบิ อามาดิโล่(ตัวนิ่ม) เลยล่ะ เอาล่ะขอเชิญสารภาพต่อได้เลยครับ” (ยูกิโตะ)
เขาบิดคอไปมาเหมือนกับว่าเขาจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยอมรับ ผมจะลำบากเอานะถ้าเกิดเขาไม่เห็นด้วยกับที่ผมนั้นบอกไปน่ะ
“ถ้างั้น…………. งั้น โซมะซัง ผมขอคำตอบจะได้ไหมครับ” (รุ่นพี่ชาย)
รุ่นพี่ชาย และรุ่นพี่หญิง กำลังคุยกันอย่างตึงเครียดในขณะที่มองกันและกัน ผมคิดว่าเค้าคงไม่กังวลเกี่ยวกับตัวตนของผมแล้วล่ะ ด้วยการที่ทำให้ตัวตนนั้นเป็นเหมือนกับไนโตรเจนในอากาศ แล้วทำไมกันนะทำไมคนสวยนั้นถึงกำลังแสดงออกว่าน่ารำคาญอย่างนั้นกันล่ะ
“ฉันต้องขอโทษด้วย” เธอพูด (โซมะ)
“บอกผมได้ไหมว่าทำไม?” (รุ่นพี่ชาย)
ขนมปังใส่ใส้ที่หวานมากเกินไปในปากนี้ ทำให้ร่างกายผมถึงกับตะเกียกตะกายหาน้ำ ในเวลานี้ก็มีแต่เพียงแค่นมเท่านั้นที่ตรงนี้ ก็ผมกำลังอยู่ในช่วงกำลังเจริญเติมโตนี่นา
“ฉันยังไม่ได้รู้จักนายดีเลย ดังนั้น….” (โซมะ)
“แล้วทำไมถึงไม่คบกับผมซึ่งก็น่าจะทำให้เรารู้จักกันดีขึ้นนี่? หรือว่าเธอจะมีคนอื่นที่ชอบอยู่แล้วเหรอ?” (รุ่นพี่ชาย)
“ต้องขอโทษด้วย แต่ฉันไม่ชอบอะไรแบบนั้นน่ะ” (โซมะ)
“เฮ้อ ฉันเข้าใจละ ผมขอยอมแพ้ ขอบคุณที่ยอมมานะ” (รุ่นพี่ชาย)
และก็จบลงไปแล้ว ด้วยการที่รุ่นพี่ชายยอมจากไป เขาควรจะรู้สึกผิดนะที่เข้ามารบกวนพื้นที่สำหรับผ่อนคลายที่ผมคนนี้ได้ค้นพบน่ะ ถึงจะเป็นรุ่นพี่ก็เถอะ แต่แล้วก็ไม่รู้ทำไมรุ่นพี่หญิง ถึงได้มานั่งลงตรงข้างๆผมกันล่ะเนี่ย ไม่นะเธอควรจะรีบกลับไปได้แล้วเหมือนกันนะ
“เฮ้อ ฉันเองก็ลำบากนะเนี่ยใช่มะ? กับไอ้เรื่องแบบนี้น่ะ….” (โซมะ)
“ผมต่างหากที่เป็นคนกำลังตกที่นั่งลำบากตอนนี้น่ะ” (ยูกิโตะ)
“ฮ่าฮ่า แล้วนายมาทำอะไรที่นี่กันล่ะ? ไม่ใช่ว่านายก็จะมาสารภาพกับฉันด้วยเหมือนกันหรอกรึไง?” (โซมะ)
“รู้สึกว่าคุณจะเป็นคนที่รับรู้ว่าตัวเองเป็นที่รัก ด้วยตัวของตัวเองอย่างมากเลยสินะครับ รุ่นพี่” (ยูกิโตะ)
“ก็ฉันไม่รู้จักกับชายคนนั้นดีสักเท่าไหร่เลยนะ แบบเมื่อกี้น่ะ ถ้าเธอจะสารภาพกับฉันโดยที่ไม่รู้จักฉัน ฉันก็ไม่สามารถที่จะตอบรับได้หรอกนะจริงไหม?” (โซมะ)
“………” (ยูกิโตะ)
“เฮ้ ทำไมนายไม่สนใจฟังฉันกันล่ะเนี่ย? นี่นายเป็นรุ่นน้องจริงรึเปล่าเนี่ย? ไม่ใช่ว่านายกับลังทำใจร้ายกับฉันอยู่งั้นเหรอ? ไม่ใช่ว่ารุ่นน้องต้องทำตัวเคารพรุ่นพี่รึไงกัน?” (โซมะ)
“ผมกำลังให้ความสนใจกับความลึกลับของขนมปังใส่ไส้อยู่นะ” (ยูกิโตะ)
“นี่ฉันแพ้ให้กับขนมปังใส่ใส้…..?” (โซมะ)
ออกไปจากที่นี่ได้แล้ว! ไม่ว่าดูยังไงเธอก็เป็นผู้หญิงที่ไม่ดีชัดๆ ผมไม่แน่ใจว่าทำไมอยู่ๆเธอถึงได้มาคุยเรื่องเกี่ยวสภาพจำใจของเธอกับเพื่อนร่วมชั้น ผมไม่เคยพบอะไรแบบนี้มาก่อนเลยนะเนี่ย แต่บางทีเธออาจจะเข้าใจผิดไปว่าผมเป็นกำแพงหรืออะไรอย่างอื่นซักอย่างรึเปล่าละมั้ง
“จะเป็นไรไม๊ถ้าจะขอให้เธอฟังฉันสักพักนึงน่ะ? นายนะไม่มีเพื่อนเลยใช่ไหมล่ะ?” (โซมะ)
“รุ่นพี่ผู้เย่อหยิ่ง!” (ยูกิโตะ)
“ขอโทษที นี่ฉันทำให้นายเคืองใช่ไหมนี่?” (โซมะ)
“ไม่คุณเป็นรุ่นพี่เย่อหยิง ผมก็แค่ประทับใจมาก เพราะว่ารอบๆตัวผมต่างก็มีแต่คนที่ไม่ยอมรับตัวเองว่ามันมีคนที่มืดมนและโดดเดี่ยวอยู่น่ะ” (ยูกิโตะ)
“ฉันเองก็ไม่ได้อยู่ๆก็อยากจะยอมรับมันเหมือนกันล่ะนะ” (โซมะ)
“ไม่มีทาง คุณน่ะเป็นรุ่นพี่เย่อหยิ่ง” (ยูกิโตะ)
“ฉันหมายความว่าให้นายช่วยหยุดทีได้ไหม? นี่มันน่าอายออก!” (โซมะ)
“หรือว่าคุณจะให้ผมเรียกว่า รุ่นพี่วางมาดดีล่ะ?” (ยูกิโตะ)
“ไม่ซะล่ะ ไม่เลยทั้งหมด! นี่นายกำลังล้อฉันเล่นอยู่ใช่ไหมเนี่ย?” (โซมะ)
“แล้วถ้างั้นผมจะเรียกคุณว่าอะไรล่ะ? — โอ๊ะ ผมไม่ได้สนใจหรอก งั้นไม่เป็นไร” (ยูกิโตะ)
“นี่ฉันจะเริ่มโมโหแล้วนะ! นี่นายกำลังจะทำให้ฉันโกรธจริงๆนะ!” (โซมะ)
บรรยาการของคนๆนี้เปลี่ยนไปอีกแล้ว ตั้งแต่ตอนที่รุ่นพี่ชายยังอยู่ตรงนี้ ผมรู้สึกประทับใจกับการที่เธอนั้นเป็นผู้หญิงลุคคูลแบบนั้น แต่ดูเหมือนว่าอันที่จริงแล้วเธอนั้นเป็นคนร่าเริงสินะ
“ฉัน เคียวกะ โซมะ และฉันอยู่ปีสอง” (โซมะ)
“ทำไมเราถึงไม่เลือกขนมปังใส้ครีมมากันนะ……” (ยูกิโตะ)
“นี่ฟังฉันก่อน! นี่ช่วยให้ความสนใจฉันมากกว่าขนมปังนั่นหน่อยเถอะ!” (โซมะ)
“ก็ได้……” (ยูกิโตะ)
“ทำไมนายถึงดูเหมือนไม่สบายใจยังงั้นกันล่ะ? เฮ้ ว่าแต่นายชื่ออะไรน่ะ? บอกชื่อนายมานะ!” (โซมะ)
“ยูกิโตะ โคโคโนเอะ” (ยูกิโตะ)
“โอ้ นายชื่อโคโคโนเอะคุงนี่เอง เดี่ยวนะพอมาคิดดูเหมือนจะมีผู้หญิงคนนึงในปีสองที่ชื่อนี้เหมือนกันนี่นา” (โซมะ)
“โอ นั่นน่าจะเป็นพี่สาวผมน่ะ” (ยูกิโตะ)
“อะไรนะ? นี่นายเป็นน้องชายของ ยูริ โคโคโนเอะ งั้นเรอะ?” (โซมะ)
“ผมคิดว่าพวกเราน่าจะไปตรวจ DNA กันซักหน่อยอ่ะนะ” (ยูกิโตะ)
“ฉันเองก็ไม่ได้อยากที่จะหัวเราะใส่การล้อเล่นตัวเองแบบนี้หรอกนะ งั้นทำอย่างพอประมาณก็พอ โอเค๊?” (โซมะ)
“โอเค” (ยูกิโตะ)
สำหรับผมมันไม่ใช่การล้อเล่นใส่ตัวเองซักกะหน่อย แต่ผมจะประมาทไปไม่ได้ เพราะผมก็ไม่รู้ว่าเธอจะทำอะไรลงไปบ้างถ้าหากว่าผมบอกกับพี่สาวในเรื่องนี้น่ะ
“อืมมม แล้วนายคิดว่านายจะกลับมาตรงนี้อีกไหมน่ะ?” (โซมะ)
“บางครั้งผมก็จะกินในห้องเรียนน่ะ แต่ก็มีสักสองครั้งในสัปดาห์ที่จะมานะครับ” (ยูกิโตะ)
“เข้าใจละ บางทีฉันก็จะมานานๆครั้งเหมือนกัน” (โซมะ)
“คุณเป็นคนที่น่ารำคาญซะจริง…… แต่ก็ในความหมายที่ดีอ่ะนะ” (ยูกิโตะ)
“นี่นายจะพูดให้ “เป็นคำดีๆ” หน่อยไม่ได้เลยงั้นสิ อย่าคาดหวังว่าไอ้ที่พูดมามันจะโอเคไปซะหมดจะได้ไม๊!” (โซมะ)
“ผมไม่รู้เรื่องที่ว่านั้นหรอก…….. แต่ผมก็ยังคงเรียนรู้มันอยู่นะ” (ยูกิโตะ)
“นี่มันน่าผิดหวังนิดหน่อย แต่การที่ได้มาคุยกับเธอนี่มันก็ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นนะ ขอบใจ” (โซมะ)
“งั้นผมพอจะขอค่าปรึกษาได้รึเปล่าล่ะ?” (ยูกิโตะ)
“ฮ่าฮ่า แน่นอน งั้นฉันจะซื้อไอศรีมบันเลี้ยงนายครั้งหน้าเอง” (โซมะ)
“เทพธิดา….. ผมขอเรียกคุณว่าเทพธิดานับแต่นี้ไปเลยนะ” (ยูกิโตะ)
“ขอละช่วยหยุดเลยได้ไหม? ฉันเกรงว่าเธอจะเรียกฉันแบบนั้นเอาเข้าจริงๆนะเนี่ย เพราะเธอดูจะเป็นคนที่ไม่ได้ชอบพูดตลกซะด้วยสิ” (โซมะ)
“ชีวิตของผมน่ะมันเป็นเรื่องตลกนะ รู้ป่าว” (ยูกิโตะ)
“นั่นมันไม่ตลกเลยนะ!” (โซมะ)
ท้ายที่สุด ผมก็จบลงด้วยการคุยกับรุ่นพี่ไปซะจนหมดเวลาพักเที่ยง และแผนสำหรับการทำตัวมืดมนและโดดเดี่ยวก็ล้มเหลวอีกแล้ว ผมชักไม่แน่ใจแล้วสิว่าผมจะสามารถไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ได้ไหม ผมก็แค่ต้องการที่จะใช้ชีวิตในโรงเรียนอย่างสงบๆเท่านั้นเองนะ
MANGA DISCUSSION