เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ - ตอนที่ 68: เทพธิดาทั้งสองที่ส่งยิ้มให้แก่กัน
- Home
- เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ
- ตอนที่ 68: เทพธิดาทั้งสองที่ส่งยิ้มให้แก่กัน
เทพธิดาทั้งสองที่ส่งยิ้มให้แก่กัน
“เฮ้ ยูกิโตะ ทางนี้ทางนี้!” (โซมะ)
ยังคงเหลือเวลาอีกสิบวันสำหรับช่วงวันหยุดฤดูร้อนนี้ แต่ว่ามันก็ยังคงร้อนอยู่ แล้ววันนี้ แดดมันก็ร้อนจัดอีกแล้ววววว
ฤดูกาลที่มีทั้งสี่นี่ดูเหมือนจะค่อยเลื่อนออกไปนิดหน่อย มันก็เพียงเล็กน้อยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ว่าผมนั้นก็เริ่มจะเบื่อที่จะต้องคิดว่า มันจะยังคงต้องร้อนอยู่ต่อไปในเดือนกันยายน
ผมนั้นก็รู้สึกขี้เกียจเหลือเกินไปที่จะต้องออกไปข้างนอก แต่ว่าการที่เอาแต่อยู่ในบ้านมันก็ไม่ค่อยจะดีต่อสุขภาพด้วยเช่นกัน แล้วพอเมื่อผมนั้นไปถึงที่หมาย ก็มีแขกที่กำลังรอผมนั้นได้มาถึงอยู่ก่อนแล้ว
“มิทราส นี่ก็นานพอสมควรแล้วนะ” (ยูกิ)
คนที่ทักทายผมนั้นอยู่ในชุดลำลองฤดูร้อนและนั่นก็คือคือรุ่นพี่ Mithras-senpai หรือที่รู้จักว่า Goddess-senpai แล้วผมก็เข้าไปยืนอยู่ในที่ร่ม แต่ว่าผมยังคงมีเหงื่อออกอยู่ดี
“ไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่ปิดเรียนเลยนะ แล้ววันนี้อากาศก็ร้อนจะตายชักเลยเนี่ย” (โซมะ)
“โอ้ ให้ตาย ผมก็เหนื่อยที่จะมาที่นี่ด้วยนะ” (ยูกิ)
แล้วผมก็ได้เช็ดเหงื่อออกจากใบหน้าด้วยผ้าเช็ดหน้าและทำการจิบน้ำในขวดน้ำ และภายใต้แสงแดดที่แผดจ้านี้ ก็ควรที่จะให้ความสำคัญกับความชุ่มชื้นในระดับสูงสุด ในอดีตนั้น ก็เคยมีความรู้สึกว่าไม่ควรดื่มน้ำในระหว่างการทำกิจกรรมในชม แต่ว่าผมนั้นก็ได้เลิกไปนานแล้ว
“แล้วมิทราสนี่เป็นเทพธิดาแบบไหนกันละเนี่ย? ฉันไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับชื่อนี้เลยนะ” (โซมะ)
“เธอเป็นเทพธิดาที่มาจากการออกแบบของผมเอง รู้จักเธอไหม?” (ยูกิ)
“แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไงเล่า?” (โซมะ)
“ก็เธอนั้นเป็นผู้ที่มอบของขวัญให้กับเหล่ามวลมนุษย์น่ะ” (ยูกิ)
“โอ้ นี่มันมีอยู่ในนิยายอะไรบางเรื่องใช่ไหมนี่? ดังนั้นฉันก็ขอเดาว่าเธอน่าจะเป็นเทพธิดาที่ดีนะ” (โซมะ)
“แต่ผมเกลียดเธอ” (ยูกิ)
“ฉันว่าแล้ว นี่นายเกลียดฉันจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย?” (โซมะ)
แล้วด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง เธอก็ได้ทำท่าขุ่นเคืองออกมาด้วยการด้วยการหรี่ตาลงครึ่งนึงมาให้ผม แต่พอเมื่อผมนั้นยิ้มให้ เธอก็ได้เปลี่ยนไปเป็นการจ้องมองอย่างรู้สึกคาดหวังในทันที
“ก็ไม่เป็นไร อย่างไรก็ตาม นายมีอะไรอยากจะพูดออกมาอีกไหม ฉันเองก็จะพยายามเพื่อที่จะตอบสนองให้เต็มที่เลยล่ะ” (โซมะ)
แล้วเธอก็ได้เอามือของเธอไปจับชายเสื้อของเธอและก็เริ่มทำการกระพือมัน ผมสามารถเข้าใจสิ่งที่เธอต้องการอยากจะให้ผมนั้นทำได้ในทันทีเลย แล้วผมก็มองขึ้นและลง จากปลายเท้าของเธอไล่ขึ้นไปยังหัวของเธอ
“คุณน่ารักมากรุ่นพี่! มาบุอิ!” (ยูกิ)
“จะ-จริงเหรอ? ฉันเองก็รู้สึกอายที่มีคนมาชมฉันอย่างตรงไปตรงมา ว่าแต่จริงๆใช่ไม๊?” (โซมะ)
“คุณน่ะดูดีมากซะจนอาจจะถูกผู้ชายเจ้าชู้เข้าหา หรือพวกคนไม่ดีเข้าถึงและถูกลักพาตัวกลับไปเลยน่ะ” (ยูกิ)
“นี่นายพูดซะเสียเลยนะ!” (โซมะ)
“ก็ลองๆคิดดูสิครับ มันมีผู้ชายเจ้าชู้และผู้ร้ายในภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้ที่ดูแล้วก็ออกจะมากเกินไปหรือเปล่าล่ะ? ผมนั้นก็เคยสงสัยมาตลอดว่าท้องถนนมันจะปลอดภัยได้สักแค่ไหน” (ยูกิ)
“นี่ฉันตามเธอต่อไม่ไหวแล้ว คือฉันน่ะหมายความว่าฉันไม่ได้ต้องการที่จะถูกถามอะไรแบบนั้นนะ ว่าแต่นี่มันไม่ใช่ว่าเป็นส่วนหนึ่งของนิยายหรอกเหรอ?” (โซมะ)
“ก็ในยุคนี้การ์ตูนตัวเอกเป็นแยงกี้มันกำลังลดลง…” (ยูกิ)
“แต่ นายรู้ ก็ตอนนี้นายน่ะ ยูกิโตะ ซึ่งก็อยู่ที่นี่แล้ว นายก็ต้องช่วยฉันไว้ให้ได้ถึงแม้ว่าฉันโดนดึงเข้าไปในเรื่องยุ่งพวกนั้นใช่ไหมล่ะ?” (โซมะ)
“อ้อ แล้วอีกอย่างนึง “มาบุอิ” ที่พูดไว้ก่อนหน้าก็แปลได้ว่า “วิญญาณ” ในภาษาถิ่นของโอกินาว่าด้วยนะ” (ยูกิ)
“เฮ้ยนี่!” (โซมะ)
[TL: Mabui ก็แปลได้ว่าน่ารักในภาษากลางด้วยเช่นกัน]
เนื่องจากว่ามันเป็นฤดูร้อน ผมก็เลยคิดว่าผมพูดเรื่องเรื่องตลกใจเย็นๆให้เธอฟัง และก็ยังเหมือนเดิมในย่านใจกลางเมืองก็ยังคงเต็มไปด้วยผู้คน มันดูเหมือนราวกับว่าความร้อนในฤดูร้อนมันจะกลับกลายเป็นแหล่งพลังงานให้กับผู้คนซะนี่
“ยังพอมีเวลาเหลืออยู่ เราไปคาเฟ่กันก่อนไหมล่ะ?” (โซมะ)
“รุ่นพี่ตรงนั้น……” (ยูกิ)
ที่ห่างออกไปไม่กี่เมตรนี้มันก็มีร้านเบเกอรี่ ผมนั้นจึงอดไม่ได้กับใจที่อยากรู้อยากเห็นในของหวาน
“ผมรู้สึกหิวนิดหน่อย แล้วพอลองพิจารณาดู เจ้าเมล่อนปังนี่ก็ดูดีออก ใช่ไหมล่ะ?” (ยูกิ)
“ป่ะเข้าไปกันเถอะ แล้วมันดูกรุบกรอบและน่าอร่อยใช่ไหมล่ะ? แต่ว่าขนมปังที่ดูเหมือนจะหายจากในความเห็นของฉันมันคือลูกเกด–” (โซมะ)
“นี่คุณช่วยหยุดความคิดเห็นด้านลบเกี่ยวกับขนมปังที่จะกินได้ไหมครับ? คุณนี่มันแย่ที่สุด รู้ไหม? ผมน่ะผิดหวังเลยนะ ได้โปรดขอโทษให้กับคนที่ได้ทำขนมปัง ที่ทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้ขนมปังนี้ออกมาเลยนะ” (ยูกิ)
“นั่นเป็นการชวนให้พูดของนายชัดๆเลยนะ ใช่ไหม๊!? มูวว ฉันจะไม่ยกโทษให้หรอกนะ แม้ว่านายจะขอโทษฉันก็ตาม!” (โซมะ)
“ใจเย็นๆ ใจเย็นๆ เดี๋ยวผมจะให้ขนมปังเป็นคำแรกกับคุณโดยไม่ใส่ถั่วน่ะนะ” (ยูกิ)
“ฉันไม่ต้องการมันนะ!” (โซมะ)
แล้วระหว่างที่เราคุยกันราวกับกรีดร้อง ผมกับรุ่นพี่ก็ได้เลือกค้นเพื่อหาขนมปังที่จะทานกัน และกว่าพวกเราจะออกมาจากร้าน มันก็ผ่านไปได้สักพักใหญ่
ดังนั้นผมก็เลยตัดสินใจที่จะถามรุ่นพี่เกี่ยวกับอะไรบางสิ่งที่มันเข้ามารบกวนจิตใจผมเอาจริงๆ
“คือผมขอถามหน่อยเถอะ ว่าเรามาทำอะไรที่นี่ตั้งทีแต่แรกน่ะ?” (ยูกิ)
“แล้วนี่ทำไมเพิ่งจะมาถามเอาตอนนี้เนี่ย!” (โซมะ)
—————————————————————————–
“ผมเข้าใจละ ที่แท้ก็คุณเทพธิดานี้กับเทพธิดานั้นน่ะเป็นญาติกัน” (ยูกิ)
“ถูกตัอง และต้องขอโทษด้วยที่ต้องให้รอซะนานนะ” (คูอง)
พอผมได้ขึ้นมาบนรถ ผมก็กำลังถูกอธิบายสถานการณ์โดยบุคคลที่ผมนั้นเป็นฝ่ายรอนัดอยู่ และก็ดูเหมือนว่าเทพธิดาทั้งสองจะมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันโดยบังเอิญ นี่มันเป็นเรื่องบังเอิญอย่างสมบูรณ์แบบ ถึงแม้ว่าอาจดูเหมือนจะเป็นการจัดฉากเพื่อให้มันสะดวกที่จะติดต่อเท่านั้นเองก็ตาม
“ฉันน่ะแปลกใจมากเลยนะที่ยูกิโตะซังและคูอนซังรู้จักกัน” (โซมะ)
“ฉันเองก็เหมือนกัน ฉันคิดอยากจะมาทานอาหารเย็นกับเขาวันนี้เพื่อที่จะตอบแทนเขา แต่เคียวกะเองก็อยากด้วย นี่แปลว่าเธอสองคนนี่เข้ากันได้ดีเลยใช่ไหมล่ะ?” (คูอง)
“คือผมน่ะไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดนะ อาาา แต่คนเดียวที่ดูจะโดดเดี่ยวนั้นก็น่าจะเป็นรุ่นพี่เทพธิดา” (ยูกิ)
“ไม่นะ ฉันไม่ใช่! นายก็แค่ไม่รู้ ฉันน่ะออกจะมีเพื่อนอยู่มากมายนะ!” (โซมะ)
“พรืดดดด” (ยูกิ)
“อย่ามาหัวเราะแบบนั้นด้วยใบหน้าที่นิ่งๆสิ!” (โซมะ)
“อาระๆ แต่ว่านะเคียวกะ เธอคงไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกนะ ใช่ไหม?” (คูอง)
“คูอนซัง!” (โซมะ)
“ฟุฟุ ฉันขอโทษ แต่มันก็รู้สึกสดชื่นที่ได้เห็นเธอเป็นแบบนี้นะ” (คูอง)
ในตอนที่เธอนั้นได้มาถึงจุดนัดพบ ในตอนที่เธออยู่ในรถนั้น เธอสวมแว่นกันแดดขนาดใหญ่ และเธอดูเหมือนผู้หญิงที่ร้อนแรงอย่างสมบูรณ์เลยล่ะ มันดูไม่มีร่องรอยในตอนที่ที่เธอนั้นเคยเป็น โยวไค BBA ที่มาอ้วกต่อหน้าเอาซะเลย ความแตกต่างทั้งสองนั้นเป็นอะไรที่น่าอัศจรรย์มาก
“นี่คือสิ่งที่อาจารย์เทพธิดาดูจะเป็นสินะ เพราะว่าคุณไม่เห็นจะดูเหมือนตอนที่ไปนอนอยู่บนพื้นยางมะตอยเอาซะเลย” (ยูกิ)
“ขอล่ะอย่าพูดได้แบบนั้น ขอร้องล่ะ!” (คูอง)
“ฉันต้องขอโทษด้วยนะ ยูกิโตะคุง คูองซังน่ะได้ทำปัญหาให้คุณไว้ใช่ไหมล่ะ?” (โซมะ)
“เฮ้ เฮ้! เคียวกะ!” (คูอง)
“ผมไม่เป็นไร มันเป็นแค่เปื้อนอาเจียนและปัสสาวะก็เท่านั้น” (ยูกิ)
“โฮโกโฮะ แค๊กๆๆ!” (คูอง)
“ฤดูร้อนนี่หนาวด้วยเหรอ? ท่านเทพธิดา ช่วยโปรดระวังสุขภาพด้วย ตกลงไหม?” (ยูกิ)
“ขะขอบคุณ….” (คูอง)
และด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง เธอทำก็ได้ทำท่าขุ่นเคืองในแบบเดียวกับที่เธอเคยทำให้กับผมก่อนหน้านี้ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมหรอกนะ
“ยังไงก็ตาม ยูกิโตะคุง เห็นว่าคุณจะมีเรื่องอยากจะปรึกษากับฉันใช่ไหม? งั้นเราแวะไปที่สำนักงานกันสักครู่ดีไหมล่ะ?” (คูอง)
“ด้วยความยินดีครับ” (ยูกิ)
และก็ดูเหมือนอาจารย์เทพธิดาจะตรึกตรองได้ถึงสถานการณ์ไว้แล้ว และก็กล่าวว่าเธอนั้นพร้อมที่จะให้คำปรึกษาได้ทันทีถ้าหากว่าผมนั้นมีปัญหาอะไรก็ตามๆ แม้โดยปกติแล้วการปรึกษากับทนายมันจะต้องมีค่าธรรมเนียมก็เถอะ แต่ว่านี่มันก็ฟรีและไม่ได้จำกัดอะไร ผมนั้นถึงกับรู้สึกขอบคุณมาสำหรับเรื่องนี้เลยล่ะ
“อย่าไปทำอะไรที่มันเป็นอันตรายๆล่ะ ตกลงไหม? เพราะเธอน่ะเป็นนักเรียน พวกเขาสามารถที่จะกำจัดเธอออกไปได้ด้วยซ้ำ” (คูอง)
“ผมไม่เป็นไรหรอกครับ และนอกจากนี้ ผมเองก็ยังเคยถูกพักการเรียนมาแล้วครั้งหนึ่งตั้งแต่ที่ผมเริ่มเข้าเรียนมัธยมปลายเลยล่ะ” (ยูกิ)
“เอ๊ะ? เดี๋ยว นี่เธอเป็นน้องใหม่นี่ใช่ไหม?” (คูอง)
“ฉันไม่สามารถยกโทษให้พวกเขาได้หรอก อีกอย่างมันไม่ใช่แม้แต่จะเป็นความผิดของยูกิโตะเลยด้วย” (โซมะ)
“ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีไม่ผิดปกติอะไร ผมคิดว่าว่ามันก็ดีด้วยกันทั้งหมดแล้วน่ะ” (ยูกิ)
“แล้วทำยังไงเธอถึงได้ผ่านมันมาได้ล่ะนั่น?!” (คูอง)
เป็นเรื่องที่ออกจะหาได้ยาก มันอาจจะเป็นเพราะผมที่ไรับพรมาจากฮิมิยามะซัง ที่ก็ได้ทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปแทนผม และนั่นก็คือสิ่งที่ผมนั้นได้มาจากมาดมัวแซล
และพอหลังจากปรึกษากันที่สำนักงานเสร็จแล้ว พวกเราก็ได้ไปที่ร้านอาหารที่ท่านเทพธิดาแนะนำ และการปรึกษาหานี้มันก็ไม่ใช่เรื่องสำหรับผม แต่ว่ามันสำหรับฮินากิ ซูซูริคาว่า และผมได้ขอให้เธอช่วยเป็นพันธมิตรกับผมด้วย แล้วผมก็ยังให้เอกสารที่รวบรวมมาไว้เพื่อให้กับเธอไปด้วย ผมมั่นแน่ใจว่าฮินากินั่นคงจะโล่งใจที่ได้มีพันธมิตรที่แข็งแกร่งแบบนี้
มันไม่ได้เป็นความคิดที่ดีที่จะเอาแต่เป็นฝ่ายเฝ้ารอ มันจะกลายเป็นเรื่องโง่ที่จะต้องมากลัวว่าอีกฝ่ายจะเข้าทำอะไรเมื่อไหร่ก็ได้อยู่อย่างนั้น และในทุกวันนี้มันก็เป็นยุคของการป้องกันตัว
“ผมเองก็อยากจะถามคุณนะว่าคุณน่ะมีแผนการที่จะทำอย่างไรบ้าง แต่ผมก็รู้สึกกลัวที่จะถามซะแล้วสิ…” (ยูกิ)
“คุคุคุ แล้วเดี๋ยวเธอก็จะได้รู้เองหลังเปิดภาคเรียนที่สองน่ะ” (คูอง)
ผมต้องแน่ใจว่าฮินากิจะไม่ต้องถูกก่อกวนด้วยเรื่องไร้สาระแบบนี้ตลอดไป มันก็ไม่ได้ยากอะไรขนาดนั้น แต่ว่าสิ่งที่คุณจะต้องทำคือตอกตะปูปิดฝาโลงไปเลยเพื่อทำให้มันไม่สามารถจะมาก่อกวนได้อีกต่อไป ถึงแม้ว่าจะต้องระวังเพื่อไม่ให้มันแทงลึกเกินไปโดยไม่จำเป็นจนไปถึงขั้นกับจบสิ้นชีวิตก็เถอะ…….
“อย่างไรก็ตาม หากเธอมีปัญหาอะไรแล้วล่ะก็ สามารถโทรมาหาฉันได้ทันทีเลยนะ ไม่จำเป็นว่าจะต้องมาจากเธอ หรือจากนายหรอกนะ และก็ช่วยโทรหาฉันก่อนที่เธอจะไปลงทำอะไรล่ะ เพราะฉันคิดว่าเธอน่าจะทำอะไรที่รู้สึกน่ากลัวลงไปแน่ๆ ถ้าหากว่าฉันปล่อยให้เธออยู่คนเดียวน่ะ”
“ครับ แล้วผมจะไปบอกฮินากิให้รับรู้ไว้ แต่ว่าไม่ต้องกังวลอะไรไปหรอกครับ อาจารย์เทพธิดา ผมน่ะจะไม่ทำอะไรที่มันอุกอาจจนเกินไป! และผมก็ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย” (ยูกิ)
มันเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะไม่มีนักเรียนคนไหนหรอกนะที่จะสงบเสงียบเท่ากับผมหรอกน่ะ
“นี่ช่วยหยุดพูดเรื่องนี้ไปเลยไม่ได้เหรอ? ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเมื่อคืนนั้นฉันได้ทำอะไรลงไปนะ! แถมด้วยศักดิ์ศรีของ- ” (คูอง)
“นี่ ยูกิโตะคุง คูอนนั้นซังแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?” (โซมะ)
“เคียวกะ มันก็มีบางอย่างในโลกนี้ที่ไม่สมควรที่จะได้รับรู้นะ” (คูอง)
“ศักดิ์ศรีอะไรกัน! ในหัวผมมันยังคงย้ำเตือนในเรื่องคุณถึงกลิ่นแอมโมเนียที่ได้ไปอยู่บนหลังของผมแม้แต่ตอนนี้เลยก็ด้วยนะ” (ยูกิ)
“ฉันขอโทษจริงๆ โอเค๊? มันจะไม่มีอีกแล้ว โอเค? แล้วฉันก็ยังเสียใจนะ และเธอจะขออะไรก็ได้เพื่อเป็นคำขอโทษ ดังนั้นฉันสงสัยว่าเธอจะยอมยกโทษให้กับฉันในเรื่องนั้นจริงๆ ได้ไหม—–” (คูอง)
“ก็แล้วคุณคิดว่าผมจะรู้สึกยังไงล่ะที่จะต้องซักเสื้อยืดสีเหลืองในร้านซักรีดในตอนดึกๆนั่น” (ยูกิ)
“ไม่อยากฟัง ไม่อยากฟังแล้ว ไม่อยากได้ยิน!” (คูอง)
“มันฟังแล้วดูให้ความรู้สึกที่อีโรติกดีนะ” (ยูกิ)
“เอ๊ะ?!” (คูอง)
ดวงตาของอาจารย์เทพธิดานั้นเบิกกว้าง พร้อมกับสั่นศีรษะด้วยความรู้สึกรับไม่ได้ พร้อมกับปิดหูของเธอด้วยความตกใจ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะไม่มีเรื่องของอาจารย์เทพธิดา แต่ว่าคืนนั้นก็มียังคงมีแต่ความสับสนวุ่นวายอยู่มากมาย…….
“ถึงเธอจะบอกว่าไม่เป็นไรแล้ว แต่เธอก็ยังโกรธอยู่นี่!” (คูอง)
“แน่นอนผมยัง! ก็คุณเล่นอาเจียนใส่บนหัวของผมนี่ แล้วเกิดจะอะไรขึ้นถ้าผมจะต้องหัวล้านเนื่องจากกรดในกระเพาะกันล่ะ?” (ยูกิ)
“นายกำลังพูดถึงเรื่อง ผม……” (โซมะ)
“แล้วนี่ตัวผมเป็นอะไรอย่างกระดาษลิตมัส ที่จะต้องมารับกรดทั้งแต่หัวจรดเท้าเหรอ ไหนจะต้องเหม็นเปรี้ยว และเป็นรอยด่างๆไปตั้งแต่หัวหลังจรดปลายเท้า แถมยังจะยูรีนอีก!” (ยูกิ)
“ฟุ ฉันเองไม่รู้ว่าทำไมฉันไม่อยากจะหัวเราะให้กับเธอในเมื่อเธอไดพูดอะไรแบบนี้นะ” (คูอง)
“สิ่งสำคัญที่ควรจะต้องรับทราบด้วยนะว่าการที่อาจารย์เทพธิดาจะกลับไปมีค่า pH 7 ได้ก็เพราะว่าผมได้ให้น้ำคุณดื่ม พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ดูคุณจะดูเป็นศัตรูกับพวกผู้ชายอย่างน่าประหลาดเลยนะ มันมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?” (ยูกิ)
“ฉันคิดว่ามันคงเป็นเพราะว่าฉันเคยเจอเคสพวกชายฉกรรจ์ในคดีหนึ่งที่ฉันนั้นเพิ่งทำงานมาน่ะ……. มันลำบากเลยทีเดียว” (คูอง)
แล้วอาจารย์เทพธิดาที่เมื่อก่อนหน้ายังคงดูเหมือนสาวฮอตก็ได้สูญเสียอารมณ์ของเธอไปอย่างสิ้นเชิง ไม่มีเคยร่องรอยอะไรเกี่ยวกับเธอ ที่จะบอกว่าเธอนั้นอาจจะเป็นคนที่มีจิตใจอ่อนไหวได้อย่างไม่คาดคิดเมื่อพูดถึงเรื่องของตัวเอง ดูแล้วผมก็คงจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องปลอบโยนเธอสักหน่อย
“เอาล่ะผมไม่โกรธแล้ว ดังนั้นโปรดมีกำลังใจหน่อย อีกอย่างนะ ผมเองก็เป็นห่วงคุณ หากคุณจะยังคงทำอย่างนั้นอยู่อีก คุณอาจจะตกอยู่ในอันตรายเข้าได้ในสักวันหนึ่ง แล้วผมก็ไม่ต้องการที่จะให้สิ่งนั้นมันเกิดขึ้นกับคุณนะ” (ยูกิ)
“…… เธอน่ะใจดีมากเลยนะรู้ไม๊ ยูกิโตะ? เธอน่ะใจดีจนถึงกับเป็นห่วงเพื่อนและเข้ามาขอคำแนะนำเพื่อเค้า ฉันเองก็มีโอกาสอยุ่มากมาย แต่ว่าฉันก็อะไรกับมันไม่ได้เลย” (คูอง)
“ไหงมันอยู่ๆก็จะออกมาง่ายแบบนี้เนี่ย!? เดี๋ยวก่อนนะ คูองซัง! ทำไมอยู่ๆคุณก็มาทำตัวเป็นเหมือนผู้หญิงที่นุ่มนิ่มแบบนี้!” (โซมะ)
“คุณน่ะเป็นผู้หญิงที่สวยนะ ฉะนั้นช่วยระวังตัวด้วยล่ะ” (ยูกิ)
“นี่น่ะเป็นครั้งแรกเลยที่มีคนมาพูดแบบนี้กับฉัน” (คูอง)
“ก็คุณออกจะเป็นทนายที่สวยเสมอ! แล้วก็ปล่อยผมได้แล้ว!” (ยูกิ)
ผมนั้นกำลังพยายามผลักเธอออกไป แต่ว่าเธอไม่ยอมปล่อย มือของเธอนั้นกำไหล่ผมไว้แน่น
“งั้นช่วยปล่อยผ่านมันไปก็แล้วกันนะ กลับมาทานอาหารเย็นกันดีกว่าไหมครับ” (ยูกิ)
“จ๊ะ จูบุ……” (คูอง)
“นี่คูองซัง? ทำไมดูคุณจะถอยหลังกลับไปเป็นเด็กวัยหัดเดินไปซะงี้เนี่ย!?” (โซมะ)
มันเป็นไปไม่ได้ที่ผมนั้นจะเป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ดีหรอกนะ
เพราะผมคือ ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ผู้ชายที่สาบานว่าจะเลิกเข้าไปยุ่งกับคนที่กำลังถูกลวนลาม ที่พยายามจะพูดคุยกับสาวอึมครึมในชั้นเรียนที่มีแต่ปล่อยออร่าไม่อยากจะคุยมาให้ผม และคนพยายามไล่ผู้จัดการทีม ซึ่งเป็นไอดอลของทีมบาสเกตบอลชายออกไปจากชมรม และมันก็คือยูกิโตะ ที่มีแต่ความเข้าใจผิดอยู่เสมอ
“อืม แต่ฉันก็คิดไม่ออกว่าจะขอบคุณเธอด้วยอะไร……” (คูอง)
แต่ยังไงก็เถอะ การขอบคุณน่ะ ผมได้คิดเกี่ยวกับมันไปด้วยแล้วเหมือนกัน ในขณะที่ผมกำลังกินอาหารบนโต๊ะ แต่ว่าผมนั้นก็คิดไม่ออกอยู่ดี ก็ผมไม่ได้มีประสบการณ์มากมายอะไร ที่จะไปมีใครมาทำอะไรๆให้กับผม ดังนั้นผมก็เลยรู้สึกเหมือนพ่ายแพ้
“ฉันก็พูดอะไรๆไปหมดแล้ว แต่ว่ามันก็มีขีดจำกัดนะ ตกลงไหม? เธอน่ะเป็นเด็กนักเรียนมัธยมปลาย และฉันก็รู้ว่าเธอก็มีอายุเพียงเท่านี้ และก็คือเธอยังเป็นผู้เยาว์ และทุกวันนี้พวกเขาก็ได้เข้มงวดกับเรื่องพวกนั้นมาก ฉันเองก็เป็นนักกฎหมาย ……แต่ว่าถ้าหากจะจริงจัง ฉันก็จะยอม……” (คูอง)
“นี่คุณไม่ได้ทันได้ดื่มอะไรเลยด้วยซ้ำนะ ช่วยตั้งสติให้ดีๆหน่อยเซ่!” (ยูกิ)
–และวันหยุดฤดูร้อนที่มีแต่เรื่องเสียงดังเอะอะอึกทึกก็ได้ผ่านไป