ชิโอริ คามิชิโระ Part 2
นี่ผมควรทำอย่างไรดี?
ไม่ว่าจะคิดเท่าไหร่ก็หาคำตอบไม่ได้
แต่ผมก็รู้สึกเหมือนจะรู้
ผมรู้ว่าตัวผมคงไม่สามารถหาคำตอบได้ด้วยตัวคนเดียว
ก็นายน่ะไม่สามารถไปที่นั่นได้ด้วยตัวเองได้
และก็นั่นล่ะจึงเป็นสาเหตุที่ผมไม่รู้
ก็เพราะว่าผมน่ะอยู่คนเดียวมาโดยตลอด
ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติสำหรับผม
ผมนั้นเคยชินกับการอยู่คนเดียว ผมเคยถูกไม่ชอบมาก่อน และเคยแม้กระทั่งถูกเกลียดชัง
ชีวิตที่โดดเดี่ยวนั้นแสนจะสุขสบาย หอมหวาน และดูปลอดภัย
ผมได้เรียนรู้แล้วว่า ผมจะต้องไม่สร้างปัญหาให้กับครอบครัวอีกต่อไป
ผมฝึกฝนร่างกายของผมขึ้น เพื่อที่จะหลุดพ้นจากปัญหาที่ผมนั้นได้เข้าไปอยู่
ผมได้เรียนรู้อะไรบางอย่างไปเพียงเพราะผมนั้นจำเป็นต้องทำ ผมไม่เคยได้คาดหวังอะไรจากใคร ไม่เคยต้องการอะไรจากใคร
มันเคยมีสิ่งไหนที่ผมนั้นต้องการจริงๆบ้างหรือเปล่า? เคยมีสิ่งที่ผมนั้นปรารถนาจากก้นบึ้งของหัวใจอย่างแท้จริงหรือไม่?
ถ้าหากว่ามี มันก็คงเป็นเพียงภาพลวงตาชั่วครั้งคราวในตอนที่ผมยังคงไร้เดียงสาและไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย
มันคงมีที่ไหนสักแห่งตามเส้นทางจากในวันเหล่านั้น ได้กลายมาเป็นบรรทัดฐานและความปกติ เป็นความปกติอย่างสงบสุข
และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผมนั้นคิดว่า
ทำไม ทำไมผมไม่ทำให้มันเร็วกว่านี้อีกสักหน่อยล่ะ?
มือของเด็กชายที่เคยยื่นส่งไปนั้นถูกสะบัดออก และตอนนี้เขาจึงไม่สามารถคว้ามือที่ของผู้หญิงยื่นส่งมาให้ได้
มันเป็นเส้นขนานที่ไม่มาบรรจบกัน
ดังนั้นวันนี้ เขาจะต้องพยายามค้นหาคำตอบที่เขานั้นหาไม่เจอ โดยตัวเองเพียงคนเดียวไม่ใครช่วยแนะนำให้ได้
เพราะเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรมันจะผิดหรือจะถูก
ทำไมคนเรามักจะมาทำมันหลังจากที่สายเกินไปแล้วเท่านั้นล่ะ?
————————————————-
“แล้วเราจะทำอะไรดีล่ะ? ฉันเองก็ไม่เก่งเรื่องเกมจริงๆนะ” (ชิโอริ)
“ดีล่ะ ทำไมเราไม่เล่นบิงโกกันล่ะ? เราจะเริ่มต้นด้วยการทำแผ่นบิงโกก่อน” (ยูกิ)
“นั่นไม่ใช่เกมสำหรับคนสองคนนี่ ใช่มั้ย!?” (ชิโอริ)
“เราก็ไม่ได้มีรางวัลให้นี่” (ยูกิ)
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น……” (ชิโอริ)
“เอาล่ะ เริ่มจากตัวเลข 1 ถึง 500 กัน” (ยูกิ)
“นี่เราจะไม่มีวันทำให้เสร็จได้นะ! นี่เราจะทำกันกี่ชั่วโมงกันล่ะ?” (ชิโอริ)
พอหลังจากพูดคุยกันอย่างถี่ถ้วนแล้ว พวกเราก็ได้ตัดสินใจเลือก “ปริศนาคำหล่น”(Fallen puzzle) แบบมาตรฐาน ผมเองก็ไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับมันนะ แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นหนึ่งในเกมโรแมนติกที่คุณจะต้องไขปริศนาจากตัวอักศรที่หายไป เพื่อหาว่ามันคือคำอะไร? ผมอดไม่ได้ที่จะต้องขอลองดู และก็กลายเป็นว่าเป็นการร่วมกันเล่นได้อย่างลึกลับแบบที่ผมนั้นไม่เคยรู้จักมาก่อน แล้วเมื่อตอนที่ผมทำให้ตัวอักษรชุดที่สี่ใส่ลงไปได้ ผมก็ถึงกับตะลึงงันและก็ตื่นเต้นอย่างน่าประหลาดใจ และมันทำให้ผมนั้นรู้สึกยินดีด้วยล่ะ
“ถ้าเป็นคาโบนาร่า โอเคไหม?” (ยูกิ)
“ได้เลย นานๆทีฉันจะได้กินอาหารของฝีมือของยูกินะ!” (ชิโอริ)
ผมเอาฝ้าของผมที่เปียกอยู่เข้าไปในเครื่องอบผ้า จากนั้นผมเตรียมส่วนผสมและก็ทำอาหารจานนี้อย่างรวดเร็ว
เห็นได้ชัดเลยว่าชิโอริทำทำอาหารให้ตัวเองได้ไม่เก่ง แต่จู่ๆเธอก็เริ่มที่จะมาอยู่คนเดียว ซึ่งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เธอจะต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง เธอคงจะค่อยๆชินกับการทำอาหารด้วยตัวเองนั่นล่ะ แล้วผมก็มองไปที่ห้องครัวและพบว่าเธอน่าจะอยู่ในช่วงเวลาที่ลำบากเลยทีเดียว
“เฮ้.. นี่เธอกินแต่ของจากร้านสะดวกซื้ออย่างเดียวไม่ได้นะ” (ยูกิ)
แล้วผมก็จัดอาหารลงบนจานแล้วเอาไปวางลงที่โต๊ะ มันก็เป็นแค่อาหารง่ายๆ แต่ดูจะช้าเกินไปแล้วสำหรับมื้อกลางวันและมันก็ดูจะเร็วเกินไปสำหรับมื้อค่ำ ผมจึงได้เก็บบางส่วนไว้ให้ โดยผมสมมติว่าจะต้องมากินมันอีกครั้งในตอนกลางคืน สุดท้ายแล้วชิโอริ คามิชิโระ ก็เป็นคนที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และจาก SUGOI DEKAI ของเธอนั่น การกินเยอะขนาดนี้ก็ดูไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
“ฉันก็ทำดีที่สุดแล้วนะ…… แต่ก็ไม่ดีเท่าที่ฉันอยากจะให้เป็นน่ะ” (ชิโอริ)
“มันค่อนข้างยุ่งยากที่จะทำด้วยตัวเพียงคนเดียวน่ะ แต่เธอจะค่อยๆคุ้นเคยกับมันไปนะ” (ยูกิ)
“นายพูดถูก! อิทาดาคิมัส” (ชิโอริ)
และพอผมได้กินและล้างจานเสร็จแล้ว ชิโอริพูดกับผมขึ้นมาอย่างเขินๆ
“ก็ไม่รู้สินะ แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน คงอาจจะเป็นเพราะว่าฉันอยู่คนเดียว บางครั้งฉันก็เลยรู้สึกเหงาไปบ้างในตอนกลางคืนน่ะ มันก็เลยรู้สึกยินดีที่ได้มีใครซักคนมาอยู่ใกล้ๆ” (ชิโอริ)
“ว่าแต่ หน้าร้อนนี้เธอจะไม่กลับบ้านพ่อแม่เหรอ?” (ยูกิ)
“พ่อกับแม่ก็อยากให้ฉันกลับบ้าน แต่ฉันก็กำลังคิดถึงเรื่องนี้อยู่” (ชิโอริ)
แล้วชิโอริ ก็ได้มองดูปฏิทินบนฝาผนังและยิ้มออกมาอย่างเป็นความกังวล บางทีมันอาจเป็นคำถามระหว่างว่า จะใช้ชีวิตอยู่อย่างอิสระด้วยตัวตัวเองหรือจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่ที่บ้าน
“เธอน่ะไม่มีพี่น้องใช่ไหม? พ่อแม่ของเธอก็น่าจะต้องเป็นห่วงนะ” (ยูกิ)
“ฮ่าๆ พวกเขาน่ะโทรมาหาฉันอยู่ทุกอาทิตย์เลย ดูพวกเขาคงจะห่วงมากเกินไปใช่ไหมล่ะ?” (ชิโอริ)
“มันก็เป็นแบบนั้นล่ะ แม่ของฉันเองก็เป็นห่วงมากเกินไปเหมือนกัน เธอน่ะมาที่ห้องของฉันเพื่อนอนด้วยกับฉันแทบทุกวันเลยล่ะ” (ยูกิ)
“นี่ฉันสงสัยเรื่องนี้มาสักพักแล้วนะ มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ? นี่มันดูจะเกินไปกว่าการเป็นห่วงแล้วนะ!” (ชิโอริ)
ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันแหล่ะ และความถี่นั้นก็ดูจะเพิ่มขึ้นมากด้วย มีอะไรดลใจของเธอขนาดนั้นกันนะ? นี่ก็ยังคงเป็นเรื่องลึกลับด้วยเหมือนกัน ที่แม่และพี่สาวของผมซึ่งก็มักจะเข้ามานั่งอยู่ในห้องของผม แล้วก็ช่วยกำลังตรวจสอบกันและกันอย่างละเอียดเลยด้วย ผมน่ะ อยากจะขอให้ช่วยทำอย่างเป็นมิตรให้มากกว่านี้หน่อยเถอะนะ
“นี่เธอเสียใจที่ได้เลือกใช้ชีวิตแบบนี้ไหม?” (ยูกิ)
“ไม่นะ มันไม่ใช่! ฉันยังคงสนุกอยู่ในทุกๆวัน ฉันน่ะยังไม่อยากจะบอกลาอะไรแบบนี้นะ……” (ชิโอริ)
แล้วสายตาของชิโอริมาที่ผม แล้วเด็กสาวที่ไร้เดียงสาที่เข้ากับใครก็ได้มาก็มีเงามืดมาปกคลุม มันเป็นการเปลี่ยนแปลงไปบ้างเล็กน้อย แต่มันก็เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่มากพอที่จะทำให้ทุกคนที่ได้อยู่ใกล้เธอสามารถที่จะรู้สึกได้
“ฉันชอบเธอนะ ยูกิ มันไม่ใช่เพราะว่าฉันแต่งเรื่องนี้ให้กับนายนะ ฉันน่ะอยากอยู่กับนาย ฉันแค่อยากจะให้นายได้รู้ไว้” (ชิโอริ)
คำพูดนั้นตรงดิ่งเข้ามาหาผมราวกับจะขวางทางหลบหนีของผมเอาไว้ และนั่นล่ะเป็นเหตุผลที่ผมจะต้องให้คำตอบ ผมคิดว่าถ้าหากเธอนั้นแค่เป็นห่วงผม ผมก็สามารถบอกเธอได้ว่าเลยว่า มันไม่จำเป็นสำหรับเรื่องนั้น และปัญหานี้ก็จะแก้ไขได้เพียงแค่ผมรักษาระยะห่างเอาไว้
แต่มันคงจะดีกว่าถ้าผมนั้นโกหกเธอ มันเป็นความคิดเห็นที่น่าขยะแขยงที่ดูถูกความรู้สึกของชิโอริ แต่ดวงตาของเธอซึ่งเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นนี้ กำลังเผชิญหน้ากับผม ด้วยความจริงที่ว่าเธอจะไม่มีวันปล่อยให้ความเข้าใจผิดแบบนั้นเกิดขึ้นได้อีก
ผมน่ะได้เรียนรู้แล้ว และว่าเห็นได้ชัดนะว่ามีบางคนที่ชอบผม ผมน่ะไม่มีสามารถใจการจับความรู้สึกที่อ่อนไหวหรือความสามารถของตัวเอกจากการ์ตูนฮาเร็มหรอกนะ แล้วผมเองก็ไม่คิดว่าผมจะสามารถทำตัวเป็นพระเอกการ์ตูนฮาเร็มได้ด้วย ที่จะได้ทำแบบนั้นออกไปโดยไม่รู้ตัวได้
มันออกจะโหดร้ายที่จะต้องปล่อยให้ความรักของคนๆนั้นถูกปิดไปและไม่มีใครสังเกตเห็นได้อีกตลอดกาล เวลาที่ไหลผ่านนั้นมันก็มีเท่าเทียมกันสำหรับทุกๆคน มันคงจะเป็นบาปที่จะทำให้เวลาอันมีจำกัดในช่วงวัยสาวของเธอนั้นต้องมาผูกติดอยู่กับผมตลอดไป ทุกๆคนมีสิทธิที่จะมีชีวิตที่ก้าวหน้า และไม่มีใครมีสิทธิที่จะชิงเอามันไป
ถ้าอย่างงั้นผมก็จะบอกเธอ จะไม่มีข้อผูกมัดอะไร มันจะมีแต่ข้อเท็จจริง ที่ถึงแม้ว่าคำตอบนั้นจะดูเจ็บปวด แต่ชิโอริก็ควรจะได้ใช้ชีวิตในช่วงวัยเยาว์นี้ให้สมกับที่เป็นชิโอริ
การปฏิเสธหรือการยื้อมันไว้ไม่ได้เปลี่ยนความเป็นจริงที่ว่ามันจะต้องเจ็บปวด แต่มันจะเปลี่ยนที่ขนาดของบาดแผลเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ไม่ควรที่จะไปเล่นกับความรู้สึกของเธอ โดยส่งเพียงความรู้สึกที่ไม่ชัดเจนออกไป และต้องปล่อยให้เธอยังรอคอยและมีความหวังอยู่ไปเรื่อยๆ
“ชิโอริ ฉันรับคำสารภาพของเธอไม่ได้หรอก” (ยูกิ)
แล้วผมก็ได้ยินเสียงหายใจหอบหนักขึ้นมาอย่างชัดเจน
ชั่วขณะหนึ่ง ผมก็ไม่สามารถที่จะแสร้งทำเป็นไม่เห็นใบหน้าของเธอที่กำลังบิดเบี้ยวราวกับว่าเธอนั้นกำลังจะร้องไห้
“ฉันขออยู่เคียงข้างนายไม่ได้เหรอ? นี่เป็นเพราะซูซูริคาว่างั้นเหรอ?” (ชิโอริ)
“ฉันก็เองจะบอกเธอแบบเดียวกันนี้เหมือนกัน” (ยูกิ)
“……เอ๊ะ? ทะ ทำไมล่ะ ……?” (ชิโอริ)
– ผมไม่อยากจะพูดนะ อย่าทำให้ผมต้องพูดสิ!
แล้วที่ไหนสักแห่งในใจของผม ก็เกิดความขัดแย้งดังที่ว่า กำลังหมุนวนตีกัน
แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็รู้ว่าผมจะต้องพูดมันออกมาดังๆ เพื่อดึงตัวเองให้ได้
“ก็เพราะฉันไม่ชอบมันน่ะ…….” (ยูกิ)
และนั่นคือความคิดจริงๆเพียงอย่างเดียวของผม
“นะ- นี่มันเป็นความผิดของฉันใช่ไหม? ถ้าหากฉันไม่ทำในสิ่งที่ฉันทำลงไป……!” (ชิโอริ)
แล้วเธอก็เช็ดน้ำตาที่ไหลออกจากตาดวงโตของเธอด้วยนิ้วเรียวของเธอ
“ไม่ มันไม่ใช่หรอก เธอน่ะไม่ได้ทำอะไรผิด มันเป็นความผิดของฉันเองทั้งหมด เธอสามารถเกลียดฉันได้นะ ดังนั้นมันถึงเวลาแล้วที่เธอจะต้องไปต่อ ถ้าเธอไม่ทำอย่างนั้น…..!” (ยูกิ)
“หยุดนะยูกิ! ฉันทำไม่ได้……” (ชิโอริ)
“เธอน่ะเป็นที่ป๊อปปุล่านะ เธอจะต้องได้พบกับผู้ชายที่ดี ไม่ใช่คนที่เหมือนผู้ชายคนนั้นในทีมฟุตบอล แต่เป็นผู้ชายดีๆ ที่ยังคงมีอยู่ข้างนอกนั่น เช่นเจ้าผู้ชายที่หน้าใสคนนั้น” (ยูกิ)
“มันเป็นคนอื่นไม่ได้หรอก! คนที่ฉันรัก—” (ชิโอริ)
“ฉันจะให้เธอเป็นผู้จัดการไปจนถึงการแข่งขันฤดูใบไม้ร่วงนะ การชดใช้ของเธอน่ะมันสิ้นสุดไปแล้ว เธอรู้ไหม ว่าเธอน่ะช่วยฉันมามากพอแล้ว ฉันรู้ว่าเธอน่ะถูกชมรมกีฬามาชักชวนไปอยู่ด้วยมากมาย ยังมีคนอีกมากมายที่ไว้ใจเธอนะ” (ยูกิ)
“ทำไม……? มาทำมันไปด้วยกันสิ! ถ้าไม่มียูกิแล้วมันจะไปมีประโยชน์อะไรล่ะ!” (ชิโอริ)
อดีตนั้นน่ะไม่สำคัญ ผมไม่ได้สนใจในเรื่องที่ว่าผมได้รับบาดเจ็บมาตั้งแต่แรกแล้ว นี่มันก็เป็นเพียงแค่การบอกลา เธอสารภาพมาให้กับผมและผมปฏิเสธ มันก็เป็นเพียงแค่ภาพธรรมดาที่สามารถพบได้อยู่แล้วทุกที่ แต่มันกลับกลายเป็นเรื่องที่ซับซ้อน เหตุการณ์ทั้งสองนั้นมีลักษณะที่แตกต่างกัน และอดีตก็ได้ถูกตัดสินไปแล้วด้วย
“ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งนะ” (ยูกิ)
“ไม่…..อย่าทิ้งฉัน……” (ชิโอริ)
มือของเธอได้มาแตะแก้มของผมขณะที่เธอเข้าเกาะตัวผม
ผมจะช่วยให้เธอก้าวไปข้างหน้าได้อย่างไรกัน? ผมจะสลัดอดีตนี้ออกไปได้อย่างไรกัน? มันเพียงพอที่จะทำเธอต้องเกลียดผมแล้วใช่ไหม? ก็หวังเพียงแค่ว่าเธอจะมองเห็นออกว่า มันเป็นความผิดพลาดที่จะมาตกหลุมรักกับคนที่ยอดแย่ขนาดนี้ ซึ่งมันไม่คุ้มที่จะกังวลกับมัน และเขาก็เป็นเพียงแค่ความอัปยศ…
“ชิโอริ คามิชิโระ ฉันเกลียดเธอมาตลอด ช่วยอยู่ห่างจากฉัน ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปทีนะ” (ยูกิ)
“ยูกิ……?” (ชิโอริ)
แล้วผมก็สะบัดชิโอริออกแล้วเดินไปที่ประตูหน้า
และเมื่อผมได้ก้าวขาออกไปข้างนอก ก็พบว่าเมฆที่หนาทึบก็ได้ผ่านไปแล้วและดวงอาทิตย์ก็กำลังจะเริ่มลับขอบฟ้า
“ถ้าอย่างนั้น ลาก่อน” (ยูกิ)
ผมกระซิบเบาๆให้โดยที่ไม่หันกลับไปมอง ผมรู้ว่าไม่ว่าผมควรจะทำอะไร ผมคงจะทำให้เธอเสียใจ มันอาจเป็นความขัดแย้งที่ผมนั้นยังคงอยากให้เธอได้มีความสุข ถ้าหาผมสามารถรักใครสักคนได้ จะมีโอกาสที่ในอนาคตนั้นผมจะมารักชิโอริได้หรือเปล่า? ไม่ว่าจะในแบบไหน มันเป็นเพียงแค่ If กับคำถามที่ไม่มีคำตอบ
ผมนั้นไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่ามันจะทำร้ายเธอมากแค่ไหน ที่จะยังคงมีความสัมพันธ์แบบนี้กับผมอยู่ ถึงเราจะอยู่ในความสัมพันธ์แบบนั้น ผมก็ไม่คิดว่าตัวผมจะทำอย่างนั้นได้ ผมก็รู้ว่าตาลุงนั้นน่ะเป็นคนขี้ขลาด และผมก็เข้าใจด้วยว่าทำไมแม่ถึงเกลียดเขามาก
เพราะผมคือยูกิโตะ โคโคโนเอะ ชายผู้ที่ไม่สามารถจะเป็นตัวเอกฮาเร็มได้
—————————————–
[มุมมองของ ชิโอริ คามิชิโอโระ]
“ฉันถูกปฏิเสธ……” (ชิโอริ)
ยูกิไม่อยู่แล้วและฉันนั้นอยู่ในห้องคนเดียว น้ำตาฉันไหลออกมาและไหลลงอาบท่วมแก้มของฉัน ฉันแกะเอารองเท้าวิ่งที่ได้มาเป็นของขวัญวันเกิดนั้นออกจากกล่อง แล้วลองเอามาสวมดู มันพอดีเท้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ
มันช่างเป็นความทรงจำที่มีทั้งความสุขและเศร้า มันเป็นอารมณ์แบบที่ควบคุมไม่ได้และไม่สมดุลกัน
“เขาบอกว่าเขาเกลียด……. ถูกตัองแล้ว. เขาน่ะไม่มีทางชอบฉันหรอก” (ชิโอริ)
ก็เพราะฉันเป็นคนทำร้ายเขาไว้ถึงสามครั้ง ฉันปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองแล้วก็ได้ทำร้ายเขา ที่ปรึกษาและสมาชิกของชมรมต่างก็ตำหนิยูกิที่ได้รับบาดเจ็บก่อนการแข่งขันที่สำคัญนั้น เพราะนั่นมันเป็นความคาดหวังไว้สูง ฉันได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะทำให้มันต่างกันออกไป และอาจเป็นเพราะเหตุนั้น ฉันจึงไม่ได้พูดอะไรออกไป
แต่ว่ายูกิไม่เคยพูดว่าฉันเป็นต้นเหตุ และปกป้องฉันจากเรื่องการได้รับบาดเจ็บและการถูกตำหนิ ฉันก็ทำเพียงแค่ยอมรับสิ่งที่เขาพูดออกมา ส่วนเขาก็ได้เลิกเล่นบาสเก็ตบอลไป ฉันไม่ได้คิดที่จะแก้ตัวเลย และหลังจากนั้น ฉันก็ไม่เคยเสนอหน้าตัวเองไปที่ทีมบาสเก็ตบอลอีกเลย และไม่ออกไปเพื่อส่งมอบช่วงต่อให้กับนักเรียนรุ่นน้องด้วย จนกระทั่งที่ปรึกษาและสมาชิกทีมบาสเกตบอลชายต้องออกมาขอโทษ แต่มันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
มันเป็นความผิดของฉันทั้งหมด ก็ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะเกลียดฉัน เขาไม่มีทางที่จะตกหลุมรักคนแบบนี้ บางทีเขาอาจรู้สึกว่าตัวฉันมันเป็นสิ่งรบกวนสำหรับเขา และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ฉันถูกบอกต่อหน้ามาว่าเขานั้นเกลียดฉัน นั่นคือน่ะสิ่งที่ฉันคิด แต่ว่ายูกิ..…
“ฉันจะยอมแพ้ไม่ได้……” (ชิโอริ)
เพราะถ้าหากว่ายูกินั้น พูดออกมาด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่าเหมือนตามปกติของเขา ฉันก็จะยอมรับคำพูดของเขาได้โดยไม่ลังเล ฉันจะเชื่อได้เลยว่ายูกินั้นเกลียดฉันจริงๆ บางทีฉันก็อาจจะยอมแพ้ไปก็ได้
แต่ว่าสีหน้าของยูกิในขณะที่เขาบอกออกมานั้น มันเป็นการแสดงออกที่ดูเจ็บปวดและขมขื่นที่สุดเท่าที่ฉันได้เคยเห็นมาเลย คำว่า “ฉันเกลียดเธอ” มันดูราวกับจะถูกบีบให้ออกมาจากปากของเขา ฉันก็เลยได้เข้าใจ นั่นน่ะเป็นความใจดี มันเป็นความจริงแบบปลอมๆ ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเขายังคงมีความเมตตาให้กับฉัน ผู้ที่ไม่อาจสามารถโอบรับมันเอาไว้ได้อย่างเต็มที่
และบางทีนั่นอาจเป็นเหตุผล ที่เขาถึงได้บอกกับฉันมาว่าเขาเกลียดฉัน และถึงแม้ว่าเขาจะปฏิเสธมันด้วยคำพูดนั้น กลับทำให้ความรู้สึกของฉันนั้นมีมากเพิ่มขึ้น และฉันก็ไม่สามารถที่จะควบคุมเก็บความรู้สึกชอบที่มีต่อเขาได้ แต่ว่าฉันก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ฉันไม่สามารถที่จะเข้าถึงหัวใจของยูกิได้ ฉันแน่ใจว่าเขาคงจะเลือกซูซูริคาวะซัง เพราะเธอนั้นเป็นเพื่อนในสมัยเด็กของเขาและยังเป็นคนที่ยูกิเคยรัก
แต่เขาก็บอกว่า เขาจะบอกในสิ่งเดียวกันนี้กับซูซูริคาวะซัง ทำไมล่ะ? แล้วยูกิชอบใครกัน? ใช่แล้ว นึกสิว่าที่เขาพูด เขานั้นพูดว่าอะไร? ยูกินั้นไม่ค่อยเก่งในการแสร้งทำในสิ่งที่เขานั้นไม่ใช่ ฉันคิดว่าคงพอจะพูดได้ว่าเขานั้นเป็นคนซื่อตรง เขามีจิตใจที่แข็งแกร่งที่สุด ที่ไม่รู้จะหาคำพูดใดๆจะบอกได้อย่างชัดเจนที่จะพอสื่อมันออกมาได้ และนั่นก็คือสิ่งที่ฉันรู้
“–นี่มันไม่มีใครที่เขาชอบเลยเหรอ……?” (ชิโอริ)
ฉันคิดว่าเขาคงบอกว่าเขาไม่ชอบฉัน ไม่มีใครที่เขาชอบอีกแล้วสินะ และมันก็ไม่ใช่ซูซูริคาวะซังด้วย แต่ด้วยความต่างนี้ มันเป็นความแตกต่างกันโดยพื้นฐานของเหตุผล……
นี่ฉันไม่ใช่คนแปลกหน้าเหมือนคนบนท้องถนนทั่วไป ใช่ไหม…….
ยูกิบอกฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า เขาบอกว่าเขาได้ไม่สนใจเรื่องนั้นอีกต่อไปแล้ว ซึ่งอันที่จริง ฉันก็คิดว่าเขานั้นพูดถูก ถ้าหากยูกิบอกว่าเขาไม่สนใจ เขาก็จะไม่สนใจจริงๆ เพราะนั่นคือสิ่งที่เขาเป็น แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังอยากที่จะชดเชยกับสิ่งที่ฉันได้ทำลงไป
“ฉันเข้าใจแล้ว ฉันคงอยากจะให้มีใครสักคนมาโกรธฉัน……” (ชิโอริ)
ก็ไม่รู้ทำไมเพิ่งจะมาเข้าใจเอาในตอนนี้ ทำไมฉันถึงไม่สังเกตเห็นมาก่อนเลยล่ะ มันมักจะสายเกินไปสำหรับฉันที่จะมารับรู้เอาทีหลังอยู่เสมอ และมันก็มีเพียงความเสียใจเท่านั้น ยูกิน่ะเป็นคนใจดี ความเมตตาเหล่านั้นเคยผูกมัดฉันไว้ และในตอนนี้เขาก็ได้ปลดปล่อยมันออกจากตัวฉันให้แล้ว
ฉันคงไม่สามารถให้อะไรๆมันย้อนกลับมาได้ ฉันก็ได้แค่ปล่อยให้เขาต้องทำร้ายตัวเองและคอยปกป้องฉัน ไม่มีอะไรเลยที่ฉันนั้นสามารถจะทำได้ ฉันถูกทรมานด้วยความรู้สึกที่หมดหนทาง ฉันก็เลยต้องไล่ตามเขาไป ฉันนั้นอยากที่จะอยู่กับเขา ดังนั้นฉันก็เลยได้เลือกที่จะออกมาอยู่คนเดียว
แต่ฉันคิดว่ายูกิ คงจะรู้สึกว่าฉันกำลังเสียสละตัวเองเพื่อเขา และนั่นก็เลยเป็นเหตุผลที่เขาได้ปฏิเสธฉันไปอย่างนั้น ไม่ นั่นไม่ใช่แบบนั้น ถึงแม้ว่าฉันจะบอกกับตัวเองว่าไม่ใช่เป็นแค่การทำเพื่อชดเชยอะไรบางอย่างอยู่ แต่บางทีฉันอาจจะยังไม่เข้าใจมันได้ดีพอ ฉันรู้สึกกับมันยังไง? มันก็ไม่เกี่ยวกับการชดเชยหรือการชดใช้อะไรนั่นนี่ ความรู้สึกที่ฉันชอบเขามันเป็นของจริง มันเป็นความรู้สึกที่บริสุทธิ์ไร้มลทินใดๆ นายพอจะให้โอกาสอีกสักรอบได้ไหม?
ฉันนั้นถูกบอกให้ก้าวไปข้างหน้า แล้วฉันก็แน่ใจว่านั่นหมายถึงการมองไปยังอนาคต ไม่ใช่อดีต แต่ยูกิจะไม่อยู่ที่นั่นในอนาคตด้วยงั้นเหรอ? ฉันไม่ได้ต้องการแบบนั้น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตัวฉัน แต่มันเป็นเรื่องของยูกิ ฉันไม่สามารถเข้าถึงเขาได้ ถ้าหากว่าฉันยังหาคำตอบได้ไม่เจอ
“แต่ว่าแม้แต่ตัวยูกิเองก็ยังคงเข้าไปไม่ถึงตัวของเขาเองด้วยใช่ไหม?” (ชิโอริ)
ฉันแน่ใจว่าซูซุริคาว่าซังเองก็จะต้องได้ข้อสรุปในแบบเดียวกัน
ถึงแม้ว่ายูกิจะตอบว่าเขาจะไม่ยอมรับซูซูริคาวะซัง แต่ฉันก็มั่นใจว่าเธอคงจะไม่ยอมแพ้เหมือนกับที่ฉันทำ
ต่อให้ไม่ว่าเขานั้นจะคิดของเขาอยู่ฝ่ายเดียวแค่ไหน คำพูดของเขาก็ไม่มีวันทำให้ฉันยอมแพ้
เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องที่เกี่ยวกับแค่เขาหรือแค่ฉัน แต่มันเกี่ยวกับพวกเราทั้งสองคน
พวกเราจะยอมรับและพอใจกับข้อสรุปที่เราทั้งสองได้มาร่วมตกลงกันแล้วเท่านั้น!
MANGA DISCUSSION