เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 62 นี่คุณอดใจรอไม่ไหวแล้วใช่ไหม
บทที่ 62 นี่คุณอดใจรอไม่ไหวแล้วใช่ไหม
ขณะที่เธอกำลังครุ่นคิดอยู่ในใจ จี้จิ่งเชินก็เดินเข้ามาจากข้างนอก
ซึ่งปกติตอนนี้เขาน่าจะไปที่บริษัทแล้ว แต่วันนี้ทำไมเขาถึงยังไม่ไป
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นเขา เธอรีบเบี่ยงหน้าหนีเลยทันที เธอคิดว่าเขาลืมของเสียอีก
แต่จี้จิ่งเชินกลับเดินตรงเข้ามาหาเธอ
“เดี๋ยววันนี้ผมส่งคุณไปเรียนเอง” เขาพูดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวให้คนขับรถไปส่ง”
เธอไม่อยากให้ตัวเองสร้างความรู้สึกที่ผิดๆขึ้นมาอีก แต่จี้จิ่งเชินไม่ให้โอกาสเธอปฏิเสธ
“เดี๋ยวผมไปส่งคุณเอง” ทั้งสองเดินไปขึ้นรถ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ออกรถพ่อบ้านก็วิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
“คุณผู้ชายครับ มีสายจากคุณเจียงครับ”
จี้จิ่งเชินชะงักไปสักพัก ก่อนพูดขึ้นว่า
“เกิดอะไรขึ้น”
พ่อบ้านพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า : “คุณเจียงประสบอุบัติเหตุครับ ตอนนี้กำลังไปที่โรงพยาบาลครับ”
มือของจี้จิ่งเชินที่เตรียมจะขับรถหยุดชะงัก
“บาดเจ็บมากหรือเปล่า”
“ยังไม่ทราบครับ ตอนนี้น่าจะอยู่ที่โรงพยาบาล”
จี้จิ่งเชินครุ่นคิดชั่วครู่ แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับพูดขึ้นก่อนว่า
“คุณไปเถอะ”
แล้วเธอปลดเข็มขัดนิรภัยออก แล้วลงจากรถ “เดี๋ยวฉันไปโรงเรียนเอง”
จี้จิ่งเชินเตรียมจะเรียกเขา แต่ก็ไม่ทันเพราะเธอรีบขึ้นรถที่เตรียมไว้ให้ โดยไม่พูดอะไร
สีหน้าของจี้จิ่งเชินเคร่งเครียด แล้วสตาร์ทรถอีกครั้ง
“บอกที่อยู่โรงพยาบาลมาสิ”
พอรถขับออกจากประตูใหญ่ของบ้าน เวินเที๋ยยเที๋ยนก็อดหันมองจี้จิ่งเชินไม่ได้ และเธอได้เห็นเขาขับรถมุ่งไปยังทิศทางของโรงพยาบาล
คนขับรถเห็นแววตาของเธอผ่านทางกระจกด้านหลัง แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า:”เมื่อกี้คุณเจียงน่าจะให้คุณผู้ชายไปส่งที่โรงเรียนนะครับ”
“ไม่ต้องหรอก เจียงหยู่เทียนยังอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่เลย”
คนขับรถได้แต่ถอนหายใจเบาๆ
เมื่อไม่กี่วันก่อนจี้จิ่งเชินสั่งให้เขาไปรับส่งเจียงหยู่เทียน แต่หล่อนกลับใส่ร้ายว่าเขาขโมยของ ของหล่อน อยู่หลายครั้ง ทั้งๆที่เป็นเพราะว่าเธอวางของไม่เรียบร้อย แต่กลับโทษว่าเขาเป็นคนเอาไปแล้วจะไล่เขาออก
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่าคุณจี้ไม่เอาเรื่อง เขาน่าจะเสียงานที่หาเลี้ยงครอบครัวของเขานี้ไปแล้ว คิดไม่ออกจริงๆ ว่าทำไมจี้จิ่งเชินถึงได้ปล่อยให้ภรรยาที่แสนดีแบบนี้ไว้ไม่ดูแล แต่กลับไปดูแลผู้หญิงที่ปากคอเราะราย ไร้มารยาทแบบนั้น
“คุณก็ได้แต่ยอมผู้หญิงคนนั้นตลอด”
เขารู้สึกเสียใจแทนเวินเที๋ยนเที๋ยนที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้
“เป็นเพราะหล่อนไล่คนขับให้ลงจากรถ ดื้อดึงจะขับรถทั้งที่ตัวเองไม่มีใบขับขี่ เมื่อกี้ผมได้ยินมาว่าหล่อนอาการไม่หนัก แค่ผิวถลอกเล็กน้อย แต่ก็ชอบทำมันให้เป็นเรื่องใหญ่โต จะแอดมิทโรงพยาบาลให้ได้ แล้วเรียกให้คุณผู้ชายไปเฝ้าหล่อน ผม..”
พอเขายิ่งพูดอารมณ์เขาก็ยิ่งร้อนแรง ดูท่าทีแล้วโกรธยิ่งกว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนเสียอีก
“พอเถอะค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋นรพูดขัดขึ้น
“หล่อนอยากพักก็ ให้หล่อนพักไปเถอะค่ะไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน”
คนขับมองเขาผ่านกระจกด้านหลัง แล้วได้แต่ส่ายหัว
พอเธอถึงห้อง เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
เวินเที๋นนเที๋ยนก้มมองข้อความที่อยู่ตรงหน้าจอ
“หลังเลิกเรียนอย่าไปเถลไถลที่อื่นล่ะ” เป็นข้อความจากจี้จิ่งเชิน นี่เป็นครั้งแรกที่จี้จิ่งเชินส่งข้อความถึงเธอ แต่เธอกลับไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด
ไม่ไปเถลไถลแล้วจะไปไหนล่ะ
จะให้เธอไปเยี่ยมเจียงหยู่เทียนที่โรงพยาบาลงั้นเหรอ? เธอขมวดคิ้วพลาง เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า
ตอนเที่ยง
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่พึ่งออกมาจากห้องเรียน เธอฉุดคิดถึงข้อความที่เจียงจิ่งเชินส่งให้เธอเมื่อเช้า ขณะที่เธอกำลังครุ่นคิด เธอเหลือบเห็นผู้ชายสูงอายุรูปร่างผอมบางยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องเรียน เขาสวมชุดสีขาวผมและหนวดเคราสีขาว ยืนหลังตรง ทำให้มีคนจำนวนมากให้ความสนใจเขา เวินเที๋ยนเที๋ยนร้องขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
“ท่านจาง นี่ท่านมาอยู่นี่ได้ยังไงคะ”
เมื่อเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนเที๋ยนสีหน้าของท่านจางที่น่าเกรงขามก็มีรอยยิ้มขึ้นมาเลยทันที เขาเดินไปหาเธอแล้วรีบคว้ามือเธอไว้ เหมือนกลัวเธอจะหนีไป
“ข้ารู้ว่าวันนี้หนูเลิกเร็ว ไปกันเถอะ ข้าอดใจรอไม่ไหวแล้ว อยากจะให้หนูดูของสะสมในบ้านแทบแย่”
เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกเขาลากลงมาจากบันได
เธอพึ่งจะสังเกตว่ามีรถจอดอยู่ตรงหน้าอาคารเรียน
คิดไม่ถึงเลยว่าท่านจางจะขับรถมาจอดหน้าอาคารเรียน
“มหาวิทยาลัยหนูขับรถมาถึงหน้าอาคารเรียนไม่ได้นะคะ”
ท่านจางเอามือตบที่หน้าอกตัวเองอย่างน่าภาคภูมิใจ
“วางใจเถอะน่า ในเมืองนี้ไม่มีที่ไหนที่ข้าไปไม่ได้หรอก”
“เร็วเข้า ขึ้นรถเร็ว” เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดอย่างลำบากใจ: “แต่ว่าหนูยังต้องกลับบ้านนะคะ”
ท่านจางทำท่าทีน่ารังเกียจ ”จะกลับบ้านทำไม? เห็นหน้าจี้จิ่งเชินที่แข็งเหมือนน้ำแข็ง นี่กินได้หรือไง? เดี๋ยวข้าให้เจ้าดูของสะสมของข้า นี่ข้าต้องลำบากมากเลยรู้ไหมกว่าจะได้พวกมันมา”
ไม่รอให้เวินเที๋ยนเที๋ยนได้เอ่ยปาก ท่านจางลากเธอขึ้นรถจนได้ แล้วรถก็มุ่งตรงไปยังบ้านตระกูลจาง
หลังจากที่รถของท่านจางแล่นออกจากมหาวิทยาลัยเพียงไม่กี่วิ ก็มีรถอัศวินc8 แล่นเข้ามาจากทางประตูของมหาวิทยาลัย
จี้จิ่งเชินลงจากรถแล้วตรงไปยังห้องเรียนของเวินเที๋ยนเที๋ยน
เขามองดูดอกกุหลาบแชมเปญที่อยู่ในมือ ไม่รู้จะทำหน้ายังไงดีเมื่อได้พบเธอ
ไม่รู้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับตัวเองเขาถึงได้ ไปร้านดอกไม้แล้วซื้อดอกกุหลาบช่อนี้ตามคำแนะนำของพนักงานขาย หรือเป็นเพราะว่าเขารู้สึกผิดเรื่องกับเรื่องเมื่อเช้า
เขาถือดอกไม้มุ่งตรงไปยังประตูหน้าห้องเรียน วาดตามองดูรอบๆแต่ก็ไม่พบวี่แววของเวินเที๋ยนเที๋ยน
จี้จิ่งเชินเอ่ยถามคนที่เดินผ่านมาพอดี
“เห็นเจี่ยงเนี่ยนเหยาไหมครับ”
คนที่ถูกถามวาดตาดูรอบๆ
“เธอ เธอกลับไปแล้ว เมื่อกี้นี่เอง”
คนที่รู้จักจี้จิ่งเชินพอเห็นเขา ก็พากันมามุงตอบคำถามจี้จิ่งเชิน
“ฉันเห็นเธอขึ้นรถอัศวินไป”
”ใช่รถบ้านตระกูลจางหรือเปล่า? ตระกูลที่พึ่งเปลี่ยนประธานบริษัทใช่หรือเปล่า?”
“ประธานใหม่ตระกูลจางเหรอ ฉันรู้ สองวันก่อนเคยเห็นเขาในนิตยสาร ทั้งหล่อทั้งฉลาด” ต่างคนต่างพูดไม่ ไม่มีใครยอมใคร
สีหน้าของจี้จิ่งเชินเย็นลงเรื่อยๆ บ้านตระกูลจางงั้นเหรอ?
เขาพึ่งตระหนักได้ว่าวันนั้นในงานเลี้ยง ท่านจางเคยพูดว่า จะแนะนำเวินเที๋ยนเที๋ยนให้รู้จักกับลูกชายเขา ยังยุยงให้พวกเขาหย่ากันอีก
ดวงของจี้จิ่งเชินหรี่ลงอย่างน่ากลัว และฉายแววโหดเหี้ยม
นี่เธออดใจรอไม่ไหวแล้วใช่ไหม? ดอกกุหลาบแชมเปญในมือทิมแทงตาเขาอย่างแรง
จี้จิ่งเชินเม้นริมฝีปาก ในดวงตาของเขาเหลือเพียงแต่ความเย็นชา เขาทิ้งดอกกุหลาบแชมเปญในมือลงถังขยะอย่างไร้เยื่อใย แล้วเดินจากไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่มาถึง ณ บ้านท่านจาง
เมื่อก้าวเข้าไปในบ้าน เธอเห็นแต่วัตถุโบราณที่มีมูลค่ามหาศาลเต็มไปหมด จนเธอลืมเรื่องอื่นไปโดยสนิท วัตถุโบราณในบ้านท่านจางไม่เหมือนกับของจี้จิ่งเชิน วัตถุโบราณในปราสาทของจี้จิ่งเชินนั้นส่วนใหญ่แล้วจะวัตถุโบราณที่หรูหรา มูลค่าล้วนไม่ต่ำกว่าสิบล้านหยวน ที่เขาประมูลมาจากการขายประมูล แต่วัตถุโบราณสะสมของท่านจางนั้นมีหลากหลายแบบ ส่วนใหญ่แล้วเขาจะซื้อมาจากตลาดขายวัตถุโบราณ มีทั้งอันละไม่กี่หยวน หลักร้อยหยวน หรือมีบางส่วนก็มีมูลค่าเกินสิบล้านหยวน
วางเรียงรายกันไม่แบ่งแยกราคา นี่ถึงจะเป็นนักสะสมวัตถุโบราณที่แท้จริง
เขาเอามือจับที่หนวดเบา เมื่อสังเกตเห็นท่าทีที่ตกตะลึงของเธอ
"เป็นไงสาวตัวน้อย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขยับเข้าไปใกล้อย่างหักห้ามใจไม่ได้
"น่าทึ่งมากค่ะ"
ท่านจางพึ่งนึกขึ้นได้ว่า:"สาวตัวน้อย ข้าพึ่งได้โถลายครามสีฟ้าและสีขาวสมัยราชวงศ์หมิงมาอันหนึ่ง เมื่อไม่กี่วันก่อน "หนูช่วยดูให้หน่อยได้ไหม" เขาหันไปไปเอากล่องใบหนึ่งออกมาจากตู้เจ็บของ อย่างระมัดระวัง เมื่อเปิดออกมาดู ข้างในกล่องมีเศษกระเบื้องลายครามที่แตกเป็นเสี่ยงๆ
เวินพูดอย่างน่าเสียดาย "แตกแล้วเหรอคะ"
“อืม" ท่านจางพยักหน้ารับอย่างเสียใจ
"ถ้าไม่ไม่ใช่เพราะว่ามันแตก เขาคนนั้นก็ไม่ลงมือหรอก"
เวินเที๋ยนเที๋ยนตรวจสอบร่องรอยลายแตกอย่างละเอียด
"ท่านจางคะ ถ้าท่านไว้วางใจหนู ให้หนูลองบูรพาดู ก็ได้นะคะ"