เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 60 สงครามการแย่งชิงครั้งใหญ่
บทที่ 60 สงครามการแย่งชิงครั้งใหญ่
พวกเขาได้ยินเสียงนั้น จึงพากันเงยหน้าขึ้นมาดู
ท่านจางมองเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างงงงวย
เห็นเธอยังเป็นวัยรุ่น จึงอดไม่ได้ที่จะสงสัย
“เด็กน้อย เธอดูเป็นเหรอ?”
“นิดหน่อยค่ะ”
ต้องการจะเป็นนักบูรพาวัตถุโบราณ สำหรับวัตถุโบราณแล้ว แน่นอนว่าจะต้องมีความเข้าใจอยู่บ้างเล็กน้อย
ท่านจางมองคนอื่นๆ และกัดฟันด้วยความโกรธ
“โอเค! งั้นเธอช่วยดูหน่อย ว่าแท้จริงแล้วขวดดมกลิ่นของผมเป็นของจริงหรือของปลอม! ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนนำขวดดมกลิ่นในกล่องออกมาอย่างระมัดระวัง และส่องกับแสงไฟแล้วสังเกตอย่างละเอียด
ขวดดมกลิ่นนี้ มีรูปทรงเป็นวงกลม คอขวดมีความพิถีพิถัน วัตถุดิบและปากคอขวดชุบด้วยทองแดง ภาพวาดบนวัสดุเป็นภาพพอร์ซเลนสีฟ้าขาว มีสีสันสดใส และลวดลายประณีตงดงาม
ด้านบนและด้านล่างตกแต่งด้วยสีทอง มีปิ่นปักผมสีทองเหมือนกับกลีบดอกไม้ธรรมดา และมีความสวยสง่างามมาก
แต่เพราะว่ามีสีสันที่สว่างมาก จึงทำให้รู้สึกเหมือนเป็นของปลอม
โบราณวัตถุหรือของสมัยโบราณส่วนใหญ่ที่หลงเหลืออยู่จะมีประวัติมายาวนาน หลังจากผ่านระยะเวลามานานๆ จะมีการขัดล้าง จึงทำให้สีมืดสลัว ขมุกขมัว หากทำบ่อยๆอาจทำให้มีรอยแตกได้อีกด้วย
และตอนนี้มือของเวินเที๋ยนเที๋ยนได้สัมผัสขวดดมกลิ่น ซึ่งสิ่งนี้เป็นเพียงแค่การได้รับการดูแลรักษาอย่างดีมาก
ทุกคนเปิดตากว้างพร้อมกับมองไปที่กิริยาท่าทางการเคลื่อนไหวของเธอ เหมือนกับกลัวว่าจะพลาดอะไรไป
ท่านจางรู้สึกเป็นกังวลราวกับอยู่ในห่วงของอากาศ
“เด็กน้อย เป็นไงบ้าง?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มออกมาเล็กน้อย และวางขวดดมกลิ่นลงในกล่องอีกครั้ง
หันไปทางท่านจางพร้อมพยักหน้าเล็กน้อย และพูดว่า “เป็นของจริงค่ะ”
ท่านจางถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที แต่ก็ยังประหลาดใจขึ้นมาอยู่ดี
“เธอดูออกได้ยังไง?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเช็ดมือ แล้วเติมชาให้กับท่านจางและจี้คางอีกครั้ง
“ขวดดมกลิ่นกับวัตถุโบราณชิ้นอื่นๆ มีความแตกต่างและไม่เหมือนกัน โดยจะมีคนคิดว่าวัสดุและการใช้งานของขวดดมกลิ่นจะสำคัญมากกว่าช่วงเวลาหรือยุคสมัยค่ะ”
“ขวดดมกลิ่นนี้ เป็นการปั้นโดยมีคุณภาพที่ละเอียดมาก แถมภาพที่วาดบนขวดดมกลิ่นมีทั้งความงดงามและประณีต ดูจากรูปลักษณ์ภายนอกและคุณสมบัติของวัสดุก็สามารถดูออกว่าเป็นของชั้นสูง”
“แต่ช่วงสมัยพระเจ้าซื่อจงของขวดดมกลิ่น มีรูปแบบการเขียนชื่อผู้รับไว้บนของขวัญที่โดดเด่นและไม่เหมือนใคร แถมด้านล่างภาพวาดพอร์ซเลนสีฟ้าขาวของขวดดมกลิ่นยังมีชื่อที่เขียนไว้ เป็นตัวจีนแบบบรรจงสีน้ำเงินว่า ประดิษฐ์ในสมัยพระเจ้าซื่อจง ท่านจาง ถึงแม้ขวดดมกลิ่นของท่านมีเพียงการเขียนชื่อผู้รับไว้บนขวัญ และสึกหรอเพียงเล็กน้อย แต่เป็นของจริงแน่นอน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดพร้อมบอกเหตุผล ทุกคนจึงมองเข้ามาใกล้ๆ ซึ่งแน่นอนว่าเห็นการสลักชื่อผู้รับของขวัญด้านล่างนี้ด้วย
“มีจริงๆด้วย!”
“แปลกจัง ทำไมสีถึงสว่างขนาดนี้ล่ะ? ดูไปดูมาก็คล้ายกับของปลอม”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดอย่างช้าๆว่า “ขวดดมกลิ่นได้นำมาใช้ในตอนท้ายๆของราชวงศ์หมิง ซึ่งจากช่วงสมัยของพระเจ้าซื่อจงถึงวันนี้ยังไม่ถึงสามร้อยปี ถ้าหากดูแลรักษาอย่างดี สีของมันก็จะไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมเยอะมากนัก”
เมื่อท่านจางได้ยินแบบนั้น ก็ยิ้มอย่างมีความสุขมากๆ
“เห็นยังล่ะ? เด็กน้อยบอกว่ามันเป็นของจริง! พวกคุณยังมีอะไรสงสัยอีกไหม”
หลายคนพากันพยักหน้า โดยไม่คิดว่าเป็นหน้าที่ และขอโทษท่านจางในทันที
“เป็นพวกเราเองที่ใจร้อน ด่วนตัดสินใจ ฉันขอโทษคุณด้วยนะ”
“ท่านจาง คุณนี้สุดยอดจริงๆ”
ท่านจางทำเสียงคนที่อิ่มอกอิ่มใจและภาคภูมิใจออกมาไม่กี่เสียง แล้วหันไปยิ้มให้เวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างมีความสุขมากๆ
“เด็กน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าเธออายุยังน้อยแบบนี้ จะเข้าใจวัตถุโบราณได้ดีขนาดนี้”
“ใช่ แล้วตอนนี้คนหนุ่มสาวหันมาชอบหรือสนใจเรื่องแบบนี้แล้วเหรอ?”
“เด็กน้อย เธอชื่ออะไร?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังจะตอบ ซึ่งจี้คางที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้แบบโบราณ ก็เคาะไม้เท้าที่อยู่ในมือ และน้ำเสียงที่ไม่สามารถปิดบังได้ถึงความภูมิใจได้เลย
“เธอเป็นลูกสะใภ้ผม”
ทุกคนแปลกใจ
“เอ๊ะ! ที่แท้ก็เป็นภรรยาของจี้จิ่งเชิน? จี้จิ่งเชินมีวาสนาจริงๆ”
“โห ได้ยินมาว่างานเลี้ยงวันเกิดวันนี้ เธอคนเดียวที่เตรียมงานเหรอ? มิน่าล่ะตอนฉันเดินเข้ามา ก็รู้สึกว่าไม่เหมือนเดิม รู้สึกดีเป็นพิเศษ!”
“เป็นเด็กวัยรุ่นที่มีอนาคตๆ ไม่เพียงแต่ ……”
ชายชราท่านหนึ่งที่นั่งอยู่ด้านหลังพูดแค่ครึ่งหนึ่ง แล้วหยุดไป
ทุกคนจึงหันไปมองทางเขา
“ไม่เพียงแต่อะไร?”
ชายชราลุกขึ้นยืนพร้อมกับลูบเครา และเดินไปด้านหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างช้าๆ
“ไม่เพียงแต่ ……”เขาขมวดคิ้วขึ้น จึงทำให้ทุกคนใจจดใจจ่อและลุ้นอีกด้วย
รอจนเพียงพอต่อความต้องการ และเขาถึงจะแสยะปากยิ้มออกมา ราวกับคนแก่ที่ซนเหมือนเด็ก
“เด็กน้อย มาช่วยผมดูหน่อยเร็ว สองวันก่อนลูกชายผมส่งขวดลายมังกรมาให้ มันเป็นของจริงไหม?”
เขารีบพูดออกมาว่า “ผมเป็นกังวลมาก แต่ไม่กล้าเอาไปประเมิน กลัวว่าจะทำให้ลูกชายเสียใจ ผมกลุ้มใจจะตายอยู่แล้ว”
ในระหว่างที่พูดอยู่ เขาก็นำเอาของที่พกไว้ติดตัวเสมอออกมา
ทุกคนถูกเขาทำให้รู้สึกราวกับเหมือนว่าคล้อยตามไปด้วย
แต่หลังจากที่เขาได้สติ ก็พากันแย่งกันขึ้นมาเลย
“เด็กน้อยๆ เมื่อเดือนก่อนผมซื้อกระเบื้องลายคราม เธอมาช่วยฉันดูหน่อยนะ”
“อัยยะ วันนี้ผมไม่ได้เอามา ทำไงดีล่ะ?”
“เด็กน้อย เธอพักอยู่แถวไหนอะ? อีกสักสองวัน ไม่! พรุ่งนี้! พรุ่งนี้ผมจะไปหาเธอ ให้เธอดูแจกันดอกไม้สองใบนั้นที่บ้านผม”
จี้ยี่หยันและฉวีช่วยฉินยืนตกตะลึงตาค้างอยู่ข้างๆ
ชายชราอายุกว่า 50 ปีตรงหน้าเหล่านี้ ซึ่งปกติก็มีโทสะที่แปลกประหลาดอยู่แล้ว และนี้ใช้ทั้งอำนาจที่มีอยู่ในมือ แล้วทุกๆคนก็เดินมาล้อมรอบด้านหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยน
นี่ …… นี่มันช่างมหัศจรรย์จริงๆ!
ในไม่ช้า การกระทำของคนทางนี้ ก็ดึงดูดความสนใจคนอื่นได้ไม่น้อยเลย
จริงๆ แล้ว คนภายในห้องจัดงานเลี้ยง ได้เดินเข้ามารวมตัวกันโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวกันเลย
ทำให้คนในงานลดลงเรื่อยๆ ซึ่งในที่สุดจี้จิ่งเชินก็เต้นจบไปแล้วหนึ่งเพลง และอยากรีบจะไปหาเวินเที๋ยนเที๋ยน
เมื่อหันกลับไป ก็เห็นว่าทุกคนกำลังยืนอยู่ที่ลานบ้าน มีบางคนที่ไม่เข้าไป แต่ก็ยืนมองอยู่ที่หน้าต่าง
พวกเขากำลังดูอะไรกันอยู่ ?
จี้จิ่งเชินรีบเดินเข้าไปดู
เจียงหยู่เทียนรีบเข้าไปดึงเขาออกมา แต่จับได้แค่อากาศเท่านั้น
“พี่จี้คุณจะไปไหนเหรอ?”
แต่จี้จิ่งเชินไม่สนใจเธอเลย
เจียงหยู่เทียนกัดฟันด้วยความโกรธ และกระทืบเท้าด้วยความโมโห แล้วรีบตามไปทันที
ผู้คนมารวมตัวกันที่ลานบ้านเยอะมาก แต่ไม่มีใครพูดอะไรเลย เงียบสงบมากๆ มีเพียงแค่เสียงไพเราะของเพลงเท่านั้น
“ลุงหลิว เนื่องจากขวดนั้นของคุณมีใบรับรองการพินิจพิเคราะห์คุณค่า ก็น่าจะเป็นของจริงค่ะ”
“ไม่ได้ ไม่ได้ เธอช่วยพวกเขาดูแล้ว ก็ต้องช่วยผมดูด้วยสิ ใครจะไปรู้ละว่ามีใบรับรองการพินิจพิเคราะห์คุณค่าแล้วจะไม่ใช่ของปลอมอะ?”
เมื่อทุกคนได้ยินแบบนั้น ก็พากันตกใจจนพูดอะไรไม่ออกเลย
วัตถุโบราณของบ้านท่านหลิวทั้งหมด ถูกส่งไปให้ผู้พินิจพิเคราะห์คุณค่าวัตถุโบราณที่มีชื่อเสียงแต่ล่ะคนแยกแยะมาแล้ว คืออำนาจสูงสุดของการประเมินค่าแล้ว
แต่คาดไม่ถึงว่ามาที่นี่ ยังไม่ดีเท่ากับคำพูดที่เหมาะสมของเด็กผู้หญิงตรงหน้า
เวินเที๋ยนเที๋ยนจำใจยอมทันที
ตอนนี้วัตถุโบราณที่ได้นำมา เธอได้ประเมินค่าให้เป็นอย่างๆไป แต่มีพวกเขาบางคนที่หวังให้เธอไปที่บ้าน เพื่อให้เธอไปประเมินค่าในของชิ้นใหญ่ๆที่ไม่ได้นำมา
ว่าด้วยตามเหตุผลแล้ว บุคคลเหล่านี้ล้วนเป็นคนมีชื่อเสียงของทุกคน ซึ่งดูแล้วไม่น่าที่จะซื้ออะไรที่เป็นของปลอมมาได้ แต่พวกเขาก็ยังไม่วางใจ
เธอรู้สึกลำบากใจทันที
“ปกติแล้วฉันต้องเข้าเรียน ถ้าเป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ …..”
“ได้! อาทิตย์นี้มาบ้านผม! เด็กน้อย ผมจะไปรับเธอเอง!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังพูดไม่จบ ก็มีคนพูดตัดหน้า
คนอื่นก็ไม่โอเคเลยทันที
“อาทิตย์หน้าผม!”
“อัยยะ คุณอย่ามาแย่งผมสิ! ผมจองก่อนแล้ว!”
มีไม่กี่คนที่เห็นว่ากำลังจะทะเลาะกัน และเวินเที๋ยนเที๋ยนจึงรีบเข้าไปห้ามพวกเขา
“ท่านหลิว ท่านสวี พวกคุณไม่ต้องเถียงกัน ปกติถ้าฉันเลิกเรียนฉันก็ไปได้เหมือนกัน”
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลายๆคนเริ่มหันมาแย่งกันจองเวินเที๋ยนเที๋ยนในช่วงเวลาหลังเลิกเรียน ไม่นานนักก็ถูกแบ่งเฉือนดินแดงการแย่งชิงกันอย่างครบถ้วน
จี้จิ่งเชินเห็นภาพตรงหน้านี้
ใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข กับชายชราหลายคนที่มีตำแหน่งสูงและมากด้วยอำนาจบนบทสนทนาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข และทุกคนรอบๆมองมาทางเธอ
เธอกลายเป็นจุดสนใจของทุกคนอีกครั้ง
สายลมยามค่ำคืนพัดผ่าน พร้อมกับดอกไห่ถางที่บานกำลังพอดี
กลีบดอกไม้ร่วงลงมาบนเส้นผมของเธอ เธอหยิบออกอย่างนุ่มนวล และใบหน้าที่ยิ้มแย้มเหมือนกับดอกไม้