เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 37 พ่อบ้านลังเลไปเสี้ยววินาที
บทที่ 37 พ่อบ้านลังเลไปเสี้ยววินาที
มหาวิทยาลัยลืบซานเป็นมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆของประเทศ
ถึงแม้ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยเอกชน แต่จำนวนบุคลากรทางวิชาชีพครูนั้นกลับอยู่ในอันดับที่สูงที่สุด
แต่ตลอดระยะเวลาห้าปีมานี้ การก่อตั้งบริษัท เอ็มไอ กรุ๊ป ของจี้จิ่งเชินนับว่าเป็นคลื่นลูกใหม่ของวงการ อาณาจักรยักษ์ใหญ่นี้เหมือนผุดขึ้นมาโดยใช้เวลาแค่คืนเดียว
ในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน มันผนวกรวมเอาตลาดอุตสาหกรรมของจี้ชื่อไปกว่าครึ่งหนึ่ง นั่นทำให้จี้จิ่งเชินกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของจี้ชื่อ
ทุกคนคิดว่าเขาทำไปเพื่อต้องการขยายอำนาจการปกครองให้ตระกูลจี้ ตอนที่เขาเข้ายึดที่จี้ชื่อ
จี้จิ่งเชินกลับออกมาประกาศว่า เขาไม่ขอเป็นประธานกลุ่มของจี้ชื่อ เพราะเขามีกลุ่ม เอ็ม ไอ แล้ว มีเหตุผลจำเป็นอะไรที่ทำให้เขาต้องไปคอยเก็บกวาดให้คนอื่นอีก
ประโยคนี้ เขาต่อหน้าคนตระกูลจี้ถูกคนอย่างไม่ลังเล
หลังจากนั้น จี้ชื่อก็ฟื้นตัวได้อย่างยากลำบาก ได้แต่ฝืนทำต่อไปเพื่อรักษาเอาไว้ กำลังตกที่นั่งลำบาก
แต่ภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ มหาวิทยาลัยลืบซานกลับไม่ปิดตัวลง แต่กลายเป็นเสาหลักในการทำเงินให้กับจี้ชื่อแทน
ไม่แปลกใจ ที่มหาวิทยาลัยนี้เปิดมาเพื่อให้ลูกหลานของคนมีเงิน เพราะเมื่อเทียบกับปริมาณบุคลากรครู สื่อการเรียนการสอนและสภาพแวดล้อมต่าง ๆแล้ว ค่าเทอมของที่นี่ก็แพงมากจนถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว
ก่อนเวินเที๋ยนเที๋ยนจะมา เธอเข้าไปหาข้อมูลบนเน็ตมานิดหน่อย
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็น ว่าตัวเลขค่าเทอมของที่นี่แตะเจ็ดหลัก!
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้แบบนั้นแล้ว จึงไปหาพ่อบ้าน แล้วบอกว่าเธอขอย้ายไปเรียนที่มหาวิทยาลัยที่ค่าเทอมถูกกว่านี้
แต่เธอก็มาคิดได้ว่าตอนนี้เธอคือ“เจี่ยงเนี่ยนเหยา”พูดอย่างอ่อนหวาน
แต่ถึงจะพูดให้หวานแค่ไหน แต่ก็ยังถูกพ่อบ้านมองออกได้อยู่ดี
เขาเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยน จึงตอบกลับไปอย่างเป็นทางการว่า
“ถ้านั่นเป็นสิ่งที่คุณหนูต้องการ กระผมจะเรียนกับคุณชายให้ครับ”
พูดจบ เขาก็หันหลังเดินไป
“เดี๋ยวก่อนค่ะ!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรั้งเขาไว้ ยิ้มออกมาแห้งๆ
“คุณอย่าบอกเขานะว่าฉันเป็นคนพูดน่ะ”
พ่อบ้านตอบ:“ได้ครับ”
ตอนเย็น จี้จิ่งเชินกลับมาจากบริษัท ถามถึงเหตุการณ์ในวันนี้
พ่อบ้านจึงบอกสิ่งที่เวินเที๋ยนเที๋ยนต้องการไป
จี้จิ่งเชินหยิบเสื้อสูทไปแขวนไว้ที่ที่แขวนเสื้อ
“เธอพูดแบบนั้น?”
พ่อบ้านคิดถึงคำที่เวินเที๋ยนเที๋ยนบอกก่อนหน้านั้น เขาชั่งใจไปแค่เสี้ยววินาที
“ใช่ครับ เหมือนจะเป็นเพราะว่าเธอคิดว่าค่าใช้จ่ายมันแพงเกินไป”
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้ว เดินขึ้นชั้นสอง ไปเคาะห้องของเวินเที๋ยนเที๋ยน
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังนั่งหาข้อมูลเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยลืบซาน เธอใส่รองเท้าแตะเดินไปเปิดประตู
พอเปิดประตูออกมา จี้จิ่งเชินก็พูดขึ้นมาว่า:“เธออยากเปลี่ยนที่เรียน?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปที่ที่ด้านหลังของเขาที่มีพ่อบ้านอยู่ พ่อบ้านก้มหน้าก้มตา เห็นได้ชัดว่ากำลังหลบสายตาของเธออยู่
พ่อบ้านนี่เชื่อใจไม่ได้เลยสินะ?
เพิ่งบอกไปแท้ๆว่าอย่าบอกจี้จิ่งเชิน หันหลังให้แปปเดียวก็หลุดปากบอกไปซะแล้ว
“ใช่”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าตอบ สายตาก้มมองไปที่รองเท้าแตะของตัวเอง
รองเท้าที่เธอสวมเป็นเพียงรองเท้าแตะคีบธรรมดาๆสีแดง ที่รองรับขาขาวอมชมพูของเธอ นิ้วเท้าเธอขยับยุกยิก
สายตาของจี้จิ่งเชินเหมือนถูกดึงดูดเข้าไป มองเข้าไปในห้องเธออีกครั้ง
แต่เดิมห้องนี้เป็นห้องของเขา แต่ตอนนี้ กลับเปลี่ยนไปมาก
ตอนแรกข้างในห้องเป็นห้องที่เรียบๆหรูๆ แต่ตอนนี้ก็มีของกระจุกกระจิกวางเต็มไปหมด
โต๊ะทำงานถูกย้ายไปข้างๆเตียง บนนั้นวางแก้วไว้อีกหนึ่งใบ ข้างในแก้วมีดอกไม้เล็กๆสีเหลืองใส่เอาไว้ เงียบสงบและดูดี
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นเขายืนนิ่งไม่พูดอะไร เธอเงยหน้าขึ้นมามองตามสายตาของเขาที่จ้องไปที่การตกแต่งภายในห้อง
เมื่อก่อนที่นี่เป็นห้องของจี้จิ่งเชิน ก่อนหน้านี้เธอจัดอะไรใหม่นิดหน่อย แต่ไม่ทันจะได้บอกเขา
ไม่รู้ว่าเขาจะโกรธอะไรรึเปล่า
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบอธิบายให้ฟัง:“สองวันก่อนที่ฉันนั่งทำสร้อย ก็เอาโต๊ะดันไปที่ข้างหน้าต่าง ทำให้ห้องสว่างขึ้นมา ถ้าคุณไม่ชอบ เดี๋ยวฉันย้ายมันกลับมาให้ก็ได้นะ”