เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 331 ผมจะไม่รอคุณ
บทที่ 331 ผมจะไม่รอคุณ
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนออกไปจากตระกูลเวินแล้ว เวินหงไห่ก็รอไม่ไหวจนต้องรีบไปหาเวินฉี่
“พ่อ! พ่อจะทำแบบนี้จริงๆเหรอ จะปล่อยให้ผู้หญิงอย่างหล่อนหลีแต่งงานเข้ามาอยู่ในตระกูลเวินอย่างนั้นเหรอ? ”
เขาโกรธจนกัดฟันกรอด และยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงาน สองมือกำหมัดไว้แน่น แล้วกดไว้บนโต๊ะ
เวินฉี่จึงชักสีหน้าแล้วพูด: “แล้วฉันจะทำอะไรได้? เรื่องนี้มันต้องโทษที่ตัวของแกเอง! ที่จัดการได้ไม่เรียบร้อยเอง จึงทำให้ผู้หญิงอย่างหล่อนหลีจับจุดอ่อนของพวกเราได้”
เมื่อเวินหงไห่ได้ยินประโยคนี้ ก็ตัวสั่นขึ้นมาทันที และเม้มปากไม่ยอมพูดสักคำ
เวินฉี่รู้สึกไม่พอใจ จึงได้คาดโทษขึ้นมาอีก
“ฉันบอกแกตั้งแต่แรกแล้ว ว่าอย่าไปออกความคิดเห็นมั่วซั่วกองกำลังทหารฝ่ายพลาธิการ! แต่แกก็ไม่ยอมฟัง แล้วตอนนี้เป็นยังไงล่ะ?”
“เธอได้วางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่แค่รอจับจุดอ่อนของแกก็เท่านั้น และตอนนี้แค่รอให้เธอส่งข้อมูลขึ้นไปยังเบื้องบน ตระกูลเวินทั้งตระกูลได้พังพินาศแน่!”
“สิบปีแล้ว และในสิบปีที่ผ่านมานี้แกได้ทำเรื่องอะไรไว้บ้าง? แกเองก็น่าจะรู้ดี!”
เวินหงไห่กำหมัดแน่น จนเส้นเลือดที่หลังมือปูดขึ้นมา
แล้วกัดฟันพูด:“หล่อนหลีเธอตั้งใจสละอำนาจการรักษาการแทนในกองกำลังทหารฝ่ายพลาธิการให้กับพวกเรา เพื่อจะได้จับจุดอ่อนของพวกเราได้! เธอถึงกับอดทนรอถึงสิบปี!”
เวินฉี่เหลือบไปมองเขาแวบหนึ่ง
“ได้ ในเมื่อเธออยากจะแต่งงานกับหงหยู้ ก็ปล่อยให้พวกเขาแต่งไป เพราะมันก็แค่ของไร้ค่าเท่านั้น”
พูดเสร็จ สีหน้าของเวินฉี่ก็เปลี่ยนไป
เขาจับไม้เท้าและยืนขึ้น แล้วค่อยๆเดินไปที่ข้างหน้าต่าง
และเหลือบไปมองบรรยากาศข้างนอกหน้าต่าง
“แต่ ผู้หญิงอย่างหล่อนหลี ก็อย่าได้คิดว่าแค่นี้ก็สามารถจับจุดสำคัญของตระกูลเวินได้แล้ว! เพราะเวินหงหยู้นั้นเป็นแค่ลูกชายที่ถูกฉันไล่ออกจากตระกูลเวินก็เท่านั้น”
ไม่รู้ว่าคิดอะไรออก เขาจึงค่อยๆยิ้มขึ้นมา และหันมามองเวินหงไห่ ในสายตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
“แล้วฉันจะเป็นคนสอนเธอเอง ว่าอะไรคือจุดสำคัญที่แท้จริง? อะไรคือการข่มขู่ที่แท้จริง? ”
พอเขาพูดเสร็จ ก็มีคนมาเคาะประตูห้องหนังสือทันที
สักพักก็มีทหารคนสนิทคนหนึ่งที่ค่อยติดตามเวินฉี่ตลอดเดินเข้ามา
เขาหันไปมองเวินหงไห่ที่อยู่ในห้อง และเดินไปข้างๆของเวินฉี่แล้วพูด:“ท่านนายพลครับ เราหาคนที่ท่านต้องการเจอแล้วครับ”
เวินฉี่จับไม้เท้าในมือแน่น แล้วยิ้มอย่างผู้ชนะ
“พาเธอเข้ามา”
เวินหงไห่หันไปมองเขาด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ทันใดนั้น ประตูก็ถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ข้างนอกอีกครั้ง และมีหมอสูงอายุสวมเสื้อคลุมยาวสีขาวคนหนึ่ง ถูกพาเข้ามาจากข้างนอก
เธอใส่แว่นอ่านหนังสืออยู่ แล้วมองคนที่อยู่ในห้องด้วยความตกใจ และเมื่อได้เห็นเครื่องแบบทหารบนร่างของเวินฉี่ ก็ยิ่งรู้สึกกลัวขึ้นไปอีก
“คุณต้องการจะพบฉันเหรอคะ คุณต้องการจะพบฉันมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ? พอดีว่าฉันยังมีงานที่รอฉันอยู่ที่โรงพยาบาล…… ”
เวินฉี่ค่อยๆเดินไปนั่งหลังโต๊ะทำงาน และหันมองไปที่เธอ
“เรื่องของโรงพยาบาลไม่ต้องรีบ แค่เธอตอบคำถามของฉันดีๆ อย่าว่าแต่เรื่องทำงานเลย เธอต้องการอะไรมันก็ไม่ใช่ปัญหา ”
“เมื่อสิบเก้าปีก่อน เธอทำงานอยู่ในแผนกสูตินรีเวชของโรงพยาบาลถงเหรินใช่ไหม?”
เมื่อหมอสูงอายุคนนั้นได้ยิน ก็รีบพยักหน้า
“ใช่ ใช่ค่ะ”
เวินฉี่พยักหน้า และหยิบรูปใบหนึ่งขึ้นมาวางบนโต๊ะ แล้วเลื่อนไปไว้ข้างหน้าของเธอ
“เธอลองดูดีๆซิ ว่าเมื่อสิบเก้าปีก่อน เธอเคยได้ช่วยทำการผ่าตัดให้คนคนนี้หรือเปล่า?”
เมื่อเธอได้ฟัง ก็รีบหรี่ตา แล้วก้มลงไปดูใกล้ๆ
แล้วพูดด้วยความลังเล:“เรื่องมันก็ผ่านมาจะยี่สิบกว่าปีแล้ว……ฉันจำไม่ได้หรอกค่ะ”
“เธอลองคิดดูดีๆอีกครั้งซิ คนคนนี้เขามาขอให้เธอทำการผ่าตัดให้อย่างลับๆ เพราะฉะนั้นทางโรงพยาบาลไม่ได้มีการบันทึกประวัติคนไข้ไว้แน่นอน”
เมื่อหมอเห็นว่าในสายตาของเวินฉี่มีความข่มขู่อยู่ในนั้น จึงได้สังเกตคนในรูปภาพอย่างละเอียดอีกครั้ง
เมื่อสังเกตไปสักพัก จึงค่อยพยักหน้าขึ้นมา
“ฉันนึกออกแล้ว!คนนี้เคยมาที่โรงพยาบาลจริงๆ เธอ……”
พูดถึงตรงนี้ เธอก็รีบนำมือมาปิดปากของตัวเอง แล้วหันไปมองคนที่อยู่ข้างหน้าด้วยความตกใจ โดยไม่ได้พูดต่อ
เมื่อเวินฉี่เห็นท่าทีแบบนี้ของเธอ ใบหน้าของเขาก็มีรอยยิ้มแห่งความพอใจขึ้นมา
“เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในตอนนั้นให้ฉันฟัง ไม่อย่างนั้น……”
ยังไม่ทันที่จะพูดจบ ก็มีทหารที่ถืออาวุธเดินเข้ามาจากข้างนอก และล้อมเธอไว้
เมื่อหมอได้เห็นพวกเขา ก็รู้สึกตกใจจนสั่นไปทั้งตัว
“ฉันเล่า ฉันเล่า”
เธอมองรูปภาพที่อยู่บนโต๊ะ แล้วคิดทบทวนความจำของตัวเอง
“ฉันจำได้แม่นว่า ในคืนนั้นตอนกลางดึก ผู้หญิงคนนี้มาที่โรงพยาบาลด้วยลักษณะท้องโต และยังมีคนอีกสองสามคนติดตามเธอมาด้วย”
“เพราะว่าอายุเธอยังน้อย และยังไม่ถึงยี่สิบ ดังนั้นฉันเลยจำได้แม่น……”
“และหลังจากที่ฉันทำการผ่าตัดให้เธอเสร็จ เธอก็ให้เงินฉันก้อนหนึ่ง แล้วขอให้ฉันปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เพราะฉะนั้นยี่สิบปีที่ผ่านมานี้ ฉันไม่เคยพูดเรื่องนี้กับใคร ไม่ทราบว่าคุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง……”
“ไม่ต้องมาถามฉันว่าฉันรู้เรื่องนี้ได้ยังไง บอกฉันมา แล้วเด็กที่คลอดออกมาในตอนนั้นล่ะ?”
หมอสูงอายุยกมือขึ้นมาขยับแว่นตาของตัวเอง
“เด็กทารกผู้หญิงถูกเธออุ้มไป แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าเธอไปที่ไหน”
เวินฉี่มองเธออยู่สักพัก เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้โกหก จึงค่อยพยักหน้า
“เธอลงไปได้แล้ว แล้วอย่าพูดเรื่องวันนี้กับใครเป็นอันขาด”
“ได้ ได้”
หมอสูงอายุรีบพยักหน้าทันที แล้วก็ถูกทหารนำตัวออกไป
ประตูของห้องหนังสือถูกปิดลงอีกครั้ง
เวินหงไห่จึงค่อยๆเดินขึ้นมา แล้วหยิบรูปภาพที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาดู
ทันใดนั้นเขาก็หรี่ตาลงทันที
นี่คือหล่อนหลีนิ
“เธอมีลูกหนึ่งคนจริงๆด้วย”
เวินฉี่ค่อยๆพูดขึ้นมา:“ถ้านับเวลาดู เด็กคนนั้นก็น่าจะเป็นลูกของหงหยู้นี่แหละ”
ในขณะที่พูด ดวงตาของเขาก็ลุกวาว
“พวกเขาปิดบังพวกเราไว้จริงๆด้วย”
เวินหงไห่มองดูรูปภาพที่อยู่ในมือ และครุ่นคิดอยู่สักพัก
จู่ๆก็พูดขึ้นมา:“ลูกของพวกเขา คงไม่ใช่เวินเที๋ยนเที๋ยนหรอกใช่ไหม? แต่ก่อนหน้านี้ที่ได้ทำการตรวจยีน ยีนกลับไม่ตรงกันไม่ใช่เหรอ?”
“ข้อมูลมันสามารถเปลี่ยนกันได้”
เวินฉี่หันไปมองที่เขาแล้วพูด:“ไปเอายีนของเวินเที๋ยนเที๋ยนมาอีกครั้ง ครั้งนี้ฉันจะเป็นคนเอาไปตรวจที่โรงพยาบาลด้วยตัวเอง แล้วถ้าเวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นลูกของพวกเขาจริงๆ……”
เขาพูดไปได้เท่านี้ ก็ไม่ได้พูดต่ออีก แต่กลับยิ้มขึ้นมาด้วยความพอใจ
เมื่อเวินหงไห่เข้าใจความหมายของประโยคที่เขาพูด จึงพยักหน้า
“ครับพ่อ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้เลยครับ”
พูดเสร็จ เขาก็รีบหมุนตัวแล้วเดินออกไป
อีกด้านหนึ่ง เวินหงหยู้กับหล่อนหลีและเวินเที๋ยนเที๋ยน พวกเขาก็ได้กลับมาถึงตระกูลหล่อนพร้อมกัน
จนถึงตอนนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยังคงตอบสนองได้ไม่เต็มที่
สิ่งที่ได้รู้เมื่อสักครู่ทำให้เธอรู้สึกตกใจมาก เธอจึงหันไปมองที่เวินหงหยู้กับหล่อนหลีแบบไม่หยุด
บนใบหน้าของทั้งสองคนมีรอยยิ้มแห่งความสุข เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดอยู่สักพัก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ถามสิ่งที่เธอสงสัยอยู่ในใจออกไป
“ดีจังเลย รอมาตั้งยี่สิบปี สุดท้ายก็ได้อยู่ด้วยกันสักที”
ยี่สิบปีแห่งการรอคอย ต้องมีความรู้สึกที่ลึกซึ้งแค่ไหนถึงจะสามารถรอมาได้นานขนาดนี้?
เวินเที๋ยนเที๋ยนแทบไม่อยากจะคิด
เธอจึงหันไปมองจี้จิ่งเชินที่ยืนอยู่ข้างๆของเธอโดยไม่รู้ตัว
ถ้าหากพวกเขาถูกคนอื่นทำให้พรากจากกัน จี้จิ่งเชินจะรอเธอจนถึงยี่สิบปีไหมนะ?
“ไม่”
ราวกับจี้จิ่งเชินได้ยินความคิดของเธอ เพราะจู่ๆเขาก็พูดขึ้นมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงรู้สึกตกใจ
แอบมีความรู้สึกสูญเสียอยู่ลึกๆในใจ ราวกับจะทำให้เธอจมดิ่งลงไปใต้น้ำ
“จริงเหรอ……”
เธอก้มหน้าลง
วินาทีต่อมา ก็ถูกจี้จิ่งเชินเชยคางขึ้นมา
เขาค่อยๆยกยิ้มมุมปาก แล้วมองเข้าไปในตาของเธอ
ที่ลึกราวกับมหาสมุทรและทะเลดวงดาว
“ผมจะไม่รอคุณถึงยี่สิบปีเด็ดขาด”
“ผมคนนี้เป็นคนที่เห็นแก่ตัว และไม่ใช่คนดีอะไรด้วย แล้วถ้าหากมีคนกล้ามาขัดขวางพวกเรา ไม่ว่าผมจะต้องขึ้นสวรรค์หรือลงนรก ผมก็จะแย่งคุณกลับมาให้ได้ ”
“ผมจี้จิ่นเชินเมื่อได้พูดอะไรออกไป ก็ไม่มีใครที่จะสามารถหยุดผมได้”