เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 268 ของที่ถึงตายก็ต้องเอากลับมาให้ได้
บทที่ 268 ของที่ถึงตายก็ต้องเอากลับมาให้ได้
สูทของจี้จิ่งเชินยังมีความอุ่นจากร่างของเขาอยู่ และเมื่อนำมาคลุมร่างของเวินเที๋ยนเที๋ยน ก็ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นขึ้น
แต่หัวใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไม่ได้รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเลย
“จี้จิ่งเชิน ถ้าคุณไม่ได้ชอบฉันแล้ว ก็บอกฉันตรงๆเลย ไม่ต้องหลบหน้าฉัน”
จี้จิ่งเชินกุมมือเธอไว้แน่น
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะ”
“แล้วเป็นเพราะอะไรล่ะ?”
จี้จิ่งเชินนิ่งไปสักพัก สุดท้ายก็พูดออกมา: “มีของสิ่งหนึ่ง เป็นของที่ผมจำเป็นต้องเอากลับมาให้ได้ และตอนนี้มันอยู่ในมือของฉวีช่วยฉิน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้ามองเขา
“ดังนั้นคุณก็เลยต้องแต่งงานกับเจียงหยู่เทียนอย่างนั้นเหรอ?”
ในตอนนั้นจี้จิ่งเชินจะแต่งงานกับเจี่ยงเนี่ยนเหยา เพราะว่าฉวีช่วยฉินนำของโบราณของแม่เขามาบังคับเขา
แล้วครั้งนี้ล่ะ?
ครั้งนี้เป็นอะไรอีกล่ะ?
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วแน่น และไม่พูดไม่จา
ในเงื่อนไขสองข้อที่ฉวีช่วยฉินเสนอมา มีข้อดังกล่าวจริงๆ
แต่เพราะเขาไม่เห็นด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงขอให้ เจียงหยู่เทียนเขามาอยู่ในบริษัท แล้วยังมีงานเลี้ยงของคืนนี้อีก
ก็เพราะรู้ว่าพวกเจียงหยู่เทียนเป็นคนปล่อยข่าวลือไป จี้จิ่งเชินถึงได้สั่งให้คนที่เฝ้าประตูคอยเฝ้าไม่ให้เวินเที๋ยนเที๋ยนเข้ามาในงาน
แต่ไม่คิดว่า เธอก็ยังเข้ามาอยู่ดี
มือของเวินเที๋ยนเที๋ยนกำแน่นกว่าเดิม
“แล้วเรื่องบริษัทกับปราสาท……”
“ผมอยากให้คุณอยู่ที่ตระกูลหล่อน เพราะว่าข้างนอกมันอันตราย”
เขายื่นมือออกไป และปัดหิมะที่อยู่บนหัวของเวินเที๋ยนเที๋ยนลงให้
“ผมไม่อยากทำให้คุณเจ็บอีกแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วขึ้นมา
“คุณอยากจะจับฉันขังไว้ ให้ฉันเป็นนกคีรีบูนของคุณอย่างนั้นเหรอ?”
“คนในตระกูลจี้ไม่ได้คิดอะไรง่ายๆอย่างนั้น”
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้ว และกำลังต้องการจะอธิบายให้เธอฟังอีก แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับถอยออกจากอ้อมกอดของเขา
เวินเที๋ยนเที๋ยนถอยหลังไปหนึ่งก้าว และมองไปที่เขา
“จี้จิ่งเชิน ฉันไม่อยากซ่อนอยู่ในปราสาทที่คุณเป็นคนสร้างให้ฉันอีกต่อไปแล้ว ไม่อยากให้คุณปิดบังทุกเรื่องกับฉัน ไม่ยอมบอกฉัน แล้วทำให้ฉันอกสั่นขวัญหายอยู่คนเดียว”
“ผมสัญญาว่านี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ได้ไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหัว
“เมื่อก่อนฉันเดินตามหลังคุณมาตลอด และฉันต้องรอเวลาที่คุณหันมาเองเท่านั้น ฉันถึงจะได้เจอคุณ แต่ครั้งนี้ฉันจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว”
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วขึ้นมา
“เที๋ยนเที๋ยน? คุณ……”
เขายื่นมือจะไปจับเวินเที๋ยนเที๋ยน แต่เธอกลับขยับหนี
“คุณไม่บอกฉัน แต่ฉันก็สามารถสืบเองได้”
จี้จิ่งเชินยื่นมือออกไป กำลังจะพูด แต่ก็มีอีกเสียงหนึ่งขัดขึ้นมาก่อน
“พี่”
ทั้งสองคนหันไปพร้อมกัน แล้วก็เห็นว่าตรงลานบ้านมีจี้ยี่หยันยืนอยู่
เขายิ้มแล้วมองทั้งสองคน
“คุณแม่กับปู่เรียกพี่นะ เรื่องสำคัญมาก”
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วแล้วมองไปที่เวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วพูดแบบไม่วางใจ: “เดี๋ยวผมจะช่วยคุณติดต่อตระกูลหล่อน ให้พวกเขามารับคุณกลับไป”
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไม่ยอม
“ถ้าฉันจะกลับฉันก็กลับเองได้”
จี้จิ่งเชินยังอยากจะพูดต่อ แต่จี้ยี่หยันกลับพูดเร่ง: “พี่ ถ้าพี่ยังไม่ไปอีก เดี๋ยวพวกคุณปู่จะรอไม่ไหวนะ”
จี้จิ่งเชินมีสีหน้าหนักใจนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็หมุนตัวแล้วเดินออกไป
เมื่อเขาเดินไปแล้ว แต่จี้ยี่หยันไม่ได้เดินตามเขาไป กลับยืนอยู่ที่หน้าประตูดังเดิม
“เที๋ยนเที๋ยน ให้ฉันไปส่งเธอกลับบ้านไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันไปมองเขา ด้วยสายตาที่เย็นชา
“ไม่ต้อง”
จี้ยี่หยันไม่ได้รู้สึกโกรธ แต่กลับยิ้มกว้างขึ้น
“ถึงแม้จะเป็นแบบนี้แล้ว แต่เธอก็ยังจะรอจี้จิ่งเชินต่อไปอย่างนั้นเหรอ?”
“หมายความว่ายังไง?”
“เธอก็รู้นิ ตอนแรกที่จี้จิ่งเชินแต่งงานกับเจี่ยงเนี่ยนเหยา เพราะว่าในมือของแม่ฉันมีสิ่งของที่เขาต้องการ แต่ครั้งนี้……”
“เขาจะไม่ทำแบบนั้น”
เมื่อก่อนจี้จิ่งเชินไม่มีคนที่ชอบ แต่ตอนนี้จี้จิ่งเชินรักเธอ
จี้ยี่หยันกลับส่ายนิ้วไปมา
“แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน เพราะสิ่งของในครั้งนี้ เป็นสิ่งที่ถึงแม้เขาจะตาย แต่เขาก็จำเป็นต้องเอาคืนมาให้ได้”
เขายื่นมือไปลูบผมของเวินเที๋ยนเที๋ยน ก้มหัวลงและสูดดมเบา ๆ
และพูดด้วยน้ำเสียงที่ทั้งเบาและต่ำ
“เธอคิดว่า เธอสำคัญกว่า หรือว่าอัฐิของแม่เขาที่ตายไปแล้วสำคัญกว่าล่ะ?”
เมื่อเที๋ยนเที๋ยนได้ฟังประโยคนี้ ร่างของเธอก็สั่นขึ้นมาทันที เธอเงยหน้าขึ้น แล้วมองไปที่หน้าของจี้ยี่หยันแบบไม่อยากจะเชื่อ
“พวกนายเอา……..”
จี้ยี่หยันยิ้มแล้วพูด: “พวกฉันไม่ได้ไปเอามาจากไหน แต่มันอยู่ในมือของพวกฉันมาตลอดต่างหาก”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกัดฟัน แล้วพูดด้วยความโกรธ: “คนก็ไม่อยู่แล้ว พวกนายยังจะใช้ของของเธอ มาบังคับจี้จิ่งเชินถึงเมื่อไหร่กัน?”
“ตอนที่แม่ของจี้จิ่งเชินยังมีชีวิตอยู่ตระกูลจี้ก็ได้ทำร้ายเธอสารพัดอย่าง แม้แต่ตอนนี้ที่ถูกฝังอยู่ในดินแล้ว พวกนายก็ยังจะไม่ปล่อยเขาไปอีกเหรอ?”
สายตาของจี้ยี่หยันเป็นประกายขึ้น มุมปากที่เคยยิ้มอยู่เปลี่ยนเป็นเยาะเย้ยแทน
“เธอควรจะไปถามจี้จิ่งเชินมากกว่านะ ว่าทำไมยังไม่ปล่อยพวกฉันไป?”
เขายื่นมือออกไป แล้วเชยคางของเวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นมา
“ถ้าเขายอมกันดีๆ และซ่อนตัวเองไว้ พวกฉันจะไปแตะสิ่งอัปมงคลสิ่งนั้นทำไมล่ะ? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหัว และถอยหลังมาหนึ่งก้าว
“ป่าเถื่อน!”
เธอกำหมัดแน่น เธอเพิ่งจะเข้าใจตอนนี้เอง ว่าทำไม่จี้จิ่งเชินถึงพูดว่า เขาจำเป็นต้องเอาของสิ่งนั้นกลับมาให้ได้
ก็เพราะว่านั้นคือแม่ของเขาไง
“ฉันจะไม่ยอมให้พวกนายบงการจี้จิ่งเชินได้อีก”
เมื่อจี้ยี่หยันเห็นท่าทีที่โกรธของเธอ ดวงตากลับเป็นประกายขึ้นมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยู่ข้างหน้าเขานี้ ดูน่าหลงใหลมากกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก
ถึงแม้จะเป็นการโกรธ แต่กลับทำให้คนตาเป็นประกายได้
“งั้นเธอก็ลองดูสิ”
เมื่อเขาพูดเสร็จ ก็จ้องมองลึกไปที่เวินเที๋ยนเที๋ยนแวบหนึ่ง แล้วค่อยหมุนตัวเดินออกไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงนั่งอยู่ที่เดิม เพื่อให้อารมณ์ที่กระเจิดกระเจิงของเขาสงบลง และเมื่อสงบลงเธอก้าวเดินไปข้างหน้า
เมื่อมาถึงห้องโถง ก็เจอเข้ากับหมินอันเกอที่กำลังจะมาหาเธอพอดี
เมื่อเห็นว่าบนร่างของเวินเที๋ยนเที๋ยนยังสวมสูทอยู่ เขาจึงพูด: “เป็นยังไงบ้าง”
สายตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนมีความแน่วแน่มากยิ่งขึ้น
“ฉันอยากกลับตระกูลหล่อนแล้วค่ะ”
เมื่อหมินอันเกอเห็นความเปลี่ยนแปลงของเธอ เขาจึงพยักหน้า
“ได้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าแล้วมองไปรอบๆ ก็เห็นว่าจี้จิ่งเชินกับเจียงหยู่เทียนไม่ได้อยู่ในห้องโถงแล้ว
เธอไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเรื่องสำคัญที่พวกเขาพูดเมื่อสักครู่นั้น จะเป็นเรื่องอะไรกันแน่
แต่เธอก็จะไม่ปล่อยให้จี้จิ่งเชิน เผชิญหน้ากับเรื่องแบบนี้เพียงคนเดียวแน่นอน
เวินเที๋ยนเที๋ยนกับหมินอันเกอรีบออกไปจากตระกูลจี้ และในขณะเดียวกันจี้จิ่งเชินก็เดินมาถึงห้องหนังสือของจี้หยวนวู่พอดี
เขาเดินเข้ามา ก็เห็นว่าจี้หยวนวู่กับฉวีช่วยฉินอยู่ที่นั่นแล้ว จึงพูดออกไป: “พูดมาสิ พวกคุณยังต้องการอะไรอีก?”
จี้หยวนวู่นั่งอยู่หลังโต๊ะหนังสือ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ตระกูลหล่อน”
พอเขาพูดเสร็จ ในห้องก็เงียบลงทันที
จี้จิ่งเชินพูดขึ้น: “ไม่มีทาง”
“แต่จำเป็นต้องเป็นตระกูลหล่อน”
จี้หยวนวู่ยื่นมือไปจับไม้เท้า แล้วค่อยๆยืนขึ้น
“ฉันให้แกแต่งงานกับเจียงหยู่เทียน แกก็ไม่แต่ง และในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันก็จะเอาตระกูลหล่อน”
เขาเดินเข้ามาข้างหน้าของจี้จิ่งเชิน แล้วพูดต่อ: “ลูกบุญธรรมของตระกูลหล่อน ชอบแกมากไม่ใช่เหรอ? ใช้เธอเป็นเครื่องมือ แล้วเอาตระกูลหล่อนมาเป็นของแกให้ได้”
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วและไม่ยอมพูดเป็นเวลานาน
แม้ในช่วงที่รุ่งเรืองที่สุดของตระกูลจี้ ก็ยังเทียบตระกูลหล่อนไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
แต่ตอนนี้ จี้หยวนวู่ยังกล้าพูดว่า จะให้จี้จิ่งเชินเอาตระกูลหล่อนมาเป็นของตัวเองให้ได้
และไม่ว่าจะทำยังไง เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ไม่สามารถเป็นไปได้
จี้หยวนวู่เมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมตอบตกลง จึงพูดขึ้น: “แค่แกจัดการเรื่องสุดท้ายเรื่องนี้ให้เสร็จ แล้วพวกฉันจะคืนสิ่งที่แกต้องการให้”
เขามองไปที่จี้จิ่งเชินแล้วพูด: “แกคงไม่อยากให้แม่ของแกที่ตายไปนานแล้ว ยังไม่สามารถสงบสุขได้อีกหรอกมั้ง?”